คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ♦ M i s s i o n :: 05
M i s s i o n 05
หลังจากที่แบคฮยอนนั่งมึนปนสับสนอยู่กับปลายสายที่สร้างทั้งความตกใจและประหลาดใจให้กับเค้า ด้วยความที่แบคฮยอนเป็นคนขี้สงสัยและอยากรู้ว่านายคิมฮีชอลอะไรนั่นกับชานยอลมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า ด้วยความที่เป็นห่วงกลัวว่าพี่ชายสุดที่รักของเค้าจะมีอันตราย แบคฮยอนเลยตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ และรู้ดีว่าถ้าชานยอลรู้ ต้องไม่ยอมให้แบคฮยอนทำอะไรแบบนี้แน่...
แต่ชานยอลจะไม่มีทางรู้ และไม่มีวันรู้เรื่องนี้เด็ดขาด
Baekhyun part
ก่อนที่กิจกรรมการสอนการบ้านในแบบของชานยอลจอมปากแข็งจะจบลงด้วยการที่มี พี่ลู่หานหน้าสวยใจดีคนนั้นมาขัดจังหวะ เรียกให้พี่ชานลงไปประชุมอะไรสักอย่าง(อีกแล้ว…) พี่ชานก็เป็นแบบนี้ตลอดประชุมแทบจะทุกชั่วโมงไม่มีแม้แต่เวลาพักหรือเวลาจะนอนด้วยซ้ำ ทั้งๆที่เพิ่งได้ขึ้นมาพักแล้วแท้ๆ แต่ก็ดันมีเรื่องนี้เข้ามาอีกจนได้ ก็พวกคดีอาชญากรรม ฆาตกรรมหรืออะไรต่อมิอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้ คดีเก่าก็ยังไม่จบ มีคดีใหม่เข้ามาอีก
แบคฮยอนบ่นอุบกลอกตาไปมามองกระดาษเป็นสิบๆแผ่น กับดินสอหลายขนาดตรงหน้าที่เยอะมากจนไม่สามารถจะใช้ได้หมด หากตัวเองไม่ขี้เกียจขึ้นมาซะก่อน แค่งานวาดภาพสเก็ตภาพธรรมดาๆทำไมคนอย่างแบคฮยอนจะทำไม่ได้ เมื่อก่อนไม่มีชานยอลยังทำเองได้เลย นี่ก็แค่เป็นจริตที่จะอ้อนชานยอลซะมากกว่า เพราะชานยอลเองก็ไม่ได้จบสายศิลป์มาจะวาดรูปได้ยังไงกัน
แบคฮยอนก็แค่อยากคลอเคลียพี่ชานก็เท่านั้น
แบคฮยอนวางดินสอกับกระดาษไว้ที่โต๊ะก่อนจะเดินไปนั่งแหมะลงที่เตียงอย่างเบื่อหน่าย ตาคู่สวยมองไปรอบๆห้องเพื่อหาอะไรทำระหว่างรอ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
สายตาคู่นั้น มองไปที่ลิ้นชักโต๊ะทำงานของชานยอล เค้าจำได้ว่าชานยอลเก็บโทรศัพท์มือถือส่วนตัวไว้ในนั้น
ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นของต้องห้าม และถ้าชานยอลรู้แบคฮยอนก็จะโดนชานยอลทำโทษสถานหนักแน่นอน แต่อะไรที่ต้องห้าม มันช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน
ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ
เคยได้ยินมั้ยหละ ที่เค้าว่ากันว่า ‘กฎมีไว้แหก’
แบคฮยอนไม่รอให้ความคิดเป็นแค่ความคิด เจ้าตัวรีบดีดตัวลุกขึ้นเดินตรงไปเปิดลิ้นชักหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที นิ้วเรียวกดโทรเบอร์เพื่อนสนิทที่จำได้ขึ้นใจ เพื่อจะเม้าท์ให้หายเหงาสักหน่อย แต่ยังไม่ทันจะกดโทรออกด้วยซ้ำ กลับมาเบอร์แปลกๆโทรซ้อนเข้ามาเสียก่อน
แบคฮยอนขมวดคิ้ว ทำหน้าฉงนในใจคิดแน่ๆว่าต้องเป็นธุระสำคัญของชานยอลแน่นอน แบคฮยอนเริ่มมือไม้สั่นเป็นระวิง จนโทรศัพท์แทบจะหลุดมือ เพราะกลัวว่าถ้าชานยอลจับได้และเกิดเชื่อมสายโทรเข้ากับอุปกรณ์สื่อสารเทคโนโลยีล้ำสมัยอะไรของเค้าอีกล่ะ แบคฮยอนต้องตายแน่ๆ
แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ เป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมชื่อ ไม่มีข้อมูลอะไรเลย แถมยังขึ้นว่า Blocked number ซะด้วยสิ แต่ด้วยความที่อยากรู้อยากเห็น มันก็ทำให้แบคฮยอนกดรับสายไปจนได้
[“อ่า.. ทำไมปล่อยให้ฉันรอสายนานนักหละ หื้ม… หรือว่านายกำลังสวีทกับแบคฮยอนของฉันอยู่อย่างนั้นหรอ ใจคอจะไม่แบ่งให้ฉันชิมบ้างหรือไง ชานยอล”]
แบคฮยอนยืนอึ้งฟังเสียงปลายสายนั้นด้วยความสั่นเทา ทั้งสงสัยทั้งแปลกใจ และไม่เข้าใจจนสับสนไปหมด ทำไมในบทสนทนานั้นมีชื่อของเค้าอยู่ด้วย มันหมายความว่ายังไงกัน ทำไมคนในสายถึงได้รู้จักเค้า หรือเป็นคนรู้จักของพี่ชานกันนะ
ในขณะที่แบคฮยอนกำลังจะอ้าปากถามคำถามบางอย่างกับปลายสาย แต่ก็ถูกปลายสายพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
[“แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ครั้งนี้ฉันถือว่าให้นายชิมไปก่อนก็แล้วกัน ถือว่าแบ่งให้หมามันได้กิน ก่อนที่ฉัน…จะกลับไปเอามากินจนหมด จนไม่เหลือให้นายได้กินมันอีก ระวังน้า…ถ้าเมื่อไหร่ที่แบคฮยอนได้มาอยู่กับฉัน เค้าอาจจะลืมนายไปเลยก็ได้ ชานยอล”]
ยิ่งแบคฮยอนได้ยินอย่างนั้น แบคฮยอนก็ยิ่งสงสัย แต่ไม่ทันได้อ้าปากถาม ปลายสายก็วางไปซะแล้ว
ตู๊ด..!!ตู๊ด..!!ตู๊ด..!!!
“นี่!! เดี๋ยว!! ฮัลโหลๆ นี่!! ย๊าาาห์!!!!!”
บทสนทนาเมื่อครู่ทำให้ผมสงสัยจนแทบจะอยู่เฉยไม่ได้ใจนึงก็อยากจะลงไปที่ห้องประชุมเพื่อถามพี่ชานให้รู้แล้วรู้รอด แต่ถ้าลงไปตอนนี้มีหวังจะโดนพี่ชานดุแน่ๆที่แอบหยิบของส่วนตัวออกมาแบบนี้ ตัวเล็กทรุดลงนั่งที่เตียงหลังจากที่เดินวนไปวนมา นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมในบทสนทนานั่นถึงมีชื่อเค้าอยู่ด้วย แถมน้ำเสียงที่ชวนขนลุกนั่นกำลังทำให้ผมกลัว ผู้ชายคนนั้นพูดอย่างกับผมเป็นเหมือนกับของหวานอะไรเทือกนั้น
แบคฮยอนตัดสินใจกดโทรออกเบอร์ล่าสุดที่โทรเข้ามา ด้วยความอยากรู้และต้องรู้ให้ได้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงกันแน่ และต้องรีบโทรก่อนที่ชานยอลจะกลับขึ้นมา
Blocked number Calling....
[“คิดถึงฉันอย่างนั้นหรอ…นี่ก็เพิ่งจะวางสายไปเองนะ นายถึงขนาดต้องโทรกลับมาหาฉัน”]
“หนะ..นี่..ไม่ใช่ชานยอล แต่ฉัน…เอ่อ…แบคฮยอนพูด”
แบคฮยอนตัดสินใจพูดออกไป แม้น้ำเสียงจะสั่นแต่เค้าก็พยายามควบคุมให้มันฟังดูปกติที่สุดเพื่อไม่แสดงให้ปลายสายรับรู้ว่าเค้ากำลังกลัว
[“หืม…แบคฮยอนงั้นหรอ งั้นเมื่อกี้นี้ก็เป็นนายสินะที่รับสายฉัน เพราะถ้าเป็นชานยอลรับสาย มันคงไม่นิ่งทนฟังฉันพูดได้นานขนาดนั้นแน่ๆ ว่าไงล่ะ…นายคงได้ยินที่ฉันพูดไปหมดแล้ว สนใจจะมาอยู่กับฉันมั้ย… เด็กดี”]
“แกเป็นใคร!!!!!” มือเล็กกำเข้าหากันแน่นแบคฮยอนกัดปากตัวเองจนเลือดซิบ น้ำเสียงที่สั่นเครือปนความแข็งกร้าวเอ่ยถามปลายสายด้วยความโกรธแต่มันกลับทำให้ปลายสายยิ่งได้ใจมากกว่าจะรู้สึกกลัวเหมือนที่แบคฮยอนกำลังเป็น
[“นายคงจะยังไม่รู้จักฉันสินะ ฉันรู้จักนายนะแบคฮยอนแถมยังรู้จักดีซะด้วยสิ แต่ฉันจะบอกนายเอาไว้ว่าฉันเป็นใคร เผื่อว่าชานยอลมันจะถามว่าใครโทรมา…. จำชื่อฉันไว้ดีๆนะ ฉันชื่อ คิม ฮี ชอล แล้ววันนึงเราจะได้เจอกัน หึหึ”]
ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…
คิม ฮีชอล อย่างนั้นหรอ...แกเป็นใครกันแน่นะ...
หลังจากที่ฮีชอลอะไรนั่นวางสายไป ผมก็ทำอะไรไม่ถูก ในใจก็เริ่มหวั่นๆนึกเป็นห่วงพี่ชานขึ้นมา ทำไมถึงแต่มีคนจ้องจะทำร้ายพี่ชานของผมเยอะแยะมากมายขนาดนี้ วันก่อนก็คนเอาปืนมาจ่อยิงระยะประชิด แบบนี้มันมีอันตรายอยู่รอบตัวชัดๆ ทำไมพี่ชานต้องมาทำอะไรที่เสี่ยงกับชีวิตตัวเองแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ แล้วไอ้ฮีชอลอะไรนั่นมันพูดถึงผมราวกับรู้จักกันมาก่อนทั้งๆที่ผมไม่เคยรู้จักมัน มันยิ่งทำให้ผมสงสัยว่าผมไปเกี่ยวกับอะไรกับคนพวกนี้ และผมต้องรู้ให้ได้ว่า คิมฮีชอลเป็นใคร และถ้าผมรู้ว่าเค้าพยายามจะมาทำร้ายพี่ชานละก็ ผมไม่มีวันยอมแน่
“เห็นทีฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ”
แบคฮยอนรีบเอาโทรศัพท์ของชานยอลไปเก็บไว้ที่เดิมในลิ้นชัก คนตัวเล็กพยายามทำตัวให้ปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือเรียวทำทีจับดินสอวาดรูปไปพลางๆ ชะเง้อคอยมองว่าเมื่อไหร่พี่ชานจะกลับขึ้นมาพร้อมกับคิดแผนการลับๆอยู่ในหัว
อ่า จริงสิ! “คยองซู...”
แบคฮยอนพึมพำชื่อเพื่อนสนิทออกมา คงจะมีแต่คยองซูที่พอจะเป็นข้ออ้างแล้วชานยอลจะยอมให้เค้าได้ใช้โทรศัพท์อีกครั้ง
P.C.Y SIXTY1
หลังจากเลิกประชุมชานยอลก็รีบกลับมาที่ห้องของตัวเองทันที เพราะกลัวว่าแบคฮยอนจะรอนานและเค้าก็ทำการบ้านค้างไว้อยู่ด้วย
ติ๊ง!
“ฉันนึกว่านายหลับไปแล้วสะอีก” ชานยอลพูดขึ้นหลังจากที่เห็นว่าแบคฮยอนยังนั่งอยู่เดิม
ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องก็เห็นแบคฮยอนนั่งอยู่ที่โต๊ะ ซึ่งดูมีพิรุธและเป็นไปไม่ได้คนที่อย่างแบคฮยอนจะนั่งอยู่กับที่ได้นานเป็นชั่วโมงแบบนี้
“เค้ารอนอนพร้อมพี่ชานอ่ะแหละ รอตั้งนานแล้ว~”
“งั้นไปนอนกัน!” ผมพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปฉุดข้อมือเล็กให้ลุกจากโต๊ะก่อนจะพาไปนั่งที่เตียง
“โอ้ย! มันเจ็บนะ ทำไมต้องลากด้วยเนี่ย” เจ้าเด็กนี่ทำหน้ายู่ใส่ผมอีกแล้ว
“ก็จะนอนกับฉันไม่ใช่หรือไง นอนสิ ฉันง่วงแล้ว”
“แต่ยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ...อ๊ะ พี่ชาน งือ”
ชานยอลไม่รอให้แบคฮยอนพูดอะไรอีก สองมือหนาจับแบคฮยอนกดลงที่เตียงและบดจูบอย่างใส่อารมณ์จนคนใต้ร่างแทบจะหยุดหายใจ จูบนี้มันไม่ใช่จูบที่อ่อนโยนอย่างที่แบคฮยอนต้องการ มันรุนแรงซะจนทนความเจ็บจากสัมผัสนั้นไม่ไหว แบคฮยอนพยายามดิ้นเร่าๆทั้งดันทั้งผลักแต่ก็ไม่อาจจะสู้แรงของพี่ชายตัวโตได้ ปากอวบอิ่มของร่างสูงยังคงกดจูบที่อวัยวะเดียวกันก่อนจะไล่ลงไปตามลำคอขาว และออกแรงดูดหวังจะให้มีรอยช้ำสีกุหลาบ
“งือ..ปล่อยนะ อ่ะ มันเจ็บ อือ..~”
“คิดจะทำอะไรอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ อย่าทำให้ฉันโกรธไม่งั้นนายจะเจ็บยิ่งกว่านี้!!!!”
ชานยอลยังคงซุกไซร้ใบหน้าลงสูบดมกลิ่นหอมจากตัวแบคฮยอนไม่ยอมหยุด ไม่รู้ว่านี่คือการทำโทษหรือฉวยโอกาสแบบเนียนๆของชานยอลกันแน่ มือหนายังไม่หยุดสัมผัสที่หนักหน่วง บีบเค้นจนร่างบางเป็นรอยริ้วแดงไปทั้งตัว ชานยอลถอดเสื้อยืดของตัวเองออกก่อนจะโยนไปกองอยู่ที่พื้นห้อง
“ฉันจะลงโทษนาย เพราะนายขัดคำสั่งฉัน...แบคฮยอน”
ในเมื่อเด็กมันวอน ผมก็ไม่จำเป็นต้องทน...
“อ่ะ อือ...ปล่อยก่อน อ๊ะ เจ็บไปหมดแล้วนะ”
แบคฮยอนหยุดดิ้น น้ำเสียงสั่นระริกปนความสะอื้นน้ำตาของเด็กหนุ่มไหลออกมาเพราะความเจ็บที่ได้รับจากพี่ชายสุดที่รักของเค้า ชานยอลรู้สึกตกใจไม่น้อยที่ทำให้แบคฮยอนร้องไห้ ร่างสูงผละออกจากคนตัวเล็ก พลางมองไปลำคอขาวที่ตัวเองเพิ่งทำให้เป็นรอยแดงสีกลีบกุหลาบเมื่อครู่นี้
“ขอโทษ...เอ่อ...พี่ขอโทษ”
“ฮึก..! มันเจ็บนะ ถ้าอยากจะทำก็ทำเบาๆกว่านี้ได้มั้ยจะไม่ว่าอะไรเลย...”
“ฉันทำกับนายขนาดนี้ นายควรจะเกลียดฉันแล้วก็กลับบ้านไปซะ”
“เพราะฉันเหนื่อยที่จะดูแลนายแล้วแบคฮยอน...”
สาบานได้ว่าที่พูดไปเพราะความหงุดหงิดปนความเป็นห่วงล้วนๆ แบคฮยอนนี่ยังดื้อไม่เคยเปลี่ยนต้องพูดให้รู้สึกบ้างจะได้รู้จักโตสักที ตอนเด็กๆใครๆก็ตามใจแบคฮยอน โตมาก็เลยเป็นเด็กไม่รู้จักโตแบบนี้ ในเมื่อพ่อและคุณนายจุมมยอนยอมให้แบคฮยอนมาอยู่ในความดูแลของผม ผมก็จะดูแลด้วยวิธีของผม อย่าหวังว่าผมจะใจดีหรืออ่อนโยนอะไร มันไม่ใช่ทางของผมอยู่แล้ว ผมจะสอนให้แบคฮยอนรู้เท่าทันคนในสังคมที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพื่อที่เค้าจะได้รู้จักเอาตัวรอดได้เอง และครั้งนี้ก็เช่นกัน ที่ผมรู้ว่าเค้ากำลังคิดจะทำอะไร ที่เค้าแอบเอาโทรศัพท์ของผมมาใช้ ผมรู้ดีว่าเจตนาก็แค่จะโทรหาเพื่อนแก้เหงาเพียงเท่านั้น แต่มันเป็นจังหวะที่ไอ้ฮีชอลมันโทรเข้ามากวนประสาทผมพอดี บทสนทนาของมันและแบคฮยอนผมได้ยินทุกคำ ตอนนั้นผมโมโหจนเลือดขึ้นหน้า อยากจะขึ้นมาจัดการกับเจ้าเด็กดื้อที่บังอาจขัดคำสั่ง และอยากจะไปซัดหน้าไอ้ฮีชอลที่มาพูดจาแทะโลมคนของผม แต่พวกไอ้ไคก็ห้ามไว้ เพื่อรอดูปฏิกิริยาของแบคฮยอน
และมันก็เป็นอย่างที่คิด...พรุ่งนี้แบคฮยอนนัดเจอกับฮีชอลที่ร้าน..@฿&$%#
ผมสั่งให้คนเตรียมสะกดรอยตามเพื่อความปลอดภัยของแบคฮยอนและนี่ก็เป็นโอกาสที่ผมจะได้ลงมือขั้นเด็ดขาดกับไอ้ฮีชอลสักที
“เด็กมึงนี่ใจถึงชะมัด กล้าเอาตัวเข้าแลกเพื่อช่วยพี่ชานยอลสุดที่รัก...กลับมาจะเหลืออะไรให้กินมั้ยน้า”
ไคจงใจพูดยียวนให้ชานยอลที่มีอารมณ์โกรธเป็นทุนเดิมอยู่แล้วให้ปะทุขึ้นมาอีก คนในองค์กรรู้ดีว่าเวลาชานยอลโกรธมีพลังทำลายล้างได้มากขนาดไหน
“กูจะถือว่ามึงไม่ได้พูดอะไรแล้วกันนะไค วันนี้กูปวดหัวมามากพอแล้ว ไม่มีเวลามากัดกับมึง”
“ผมต้องขออภัยที่กวนตีนนะคร้าบบบ ท่านประธาน~”
ไคยังยียวนไม่เลิก ชานยอลเลยยกเท้าถีบเก้าอี้ไปทีนึง เซฮุนที่ยืนกอดอกมองอยู่ก็หลุดขำขึ้นมาอย่างสะใจ ไคที่เกือบหน้าทิ่มก็หันมาชูนิ้วกลางให้เพื่อนรักทั้งสอง ก่อนจะหลุดขำกันอีกรอบ
“กูไม่ได้เห็นมึงหัวเราะมานานแค่ไหนแล้ววะไอ้ชาน” เซฮุนว่า
“กูหัวเราะให้กับความน่าสมเพชของไอ้ไคก็แค่นั้น”
“ตอบได้ดี” เซฮุนปรบมือเสียงดัง ถูกใจกับคำตอบของชานยอลที่ไม่เคยทำให้เค้าผิดหวังจริงๆ
“ปากร้ายเกินไปแล้วไอ้สัส” ไคยู่หน้าใส่ก่อนจะสบถด่าที่อ่านปากได้ว่าเป็นอวัยวะในที่ลับของผู้ชาย แต่ร่างสูงก็ไม่ได้สะทกสะท้าน ชานยอลเบ๋ปากยักไหล่เป็นเชิงโนสนโนแคร์ก่อนจะเดินออกจากห้องของทั้งคู่ไป
“วันนี้เลิกเรียนกี่โมง?” ชานยอลถามคนตัวเล็กที่กำลังยืนหมุนไปหมุนมาอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้องแต่งตัว แบคฮยอนไม่ตอบหันมายู่ปากใส่พี่ชายตัวโตไปทีนึง เพราะยังงอนเรื่องคืนอยู่
แต่คิดหรอว่าคนอย่างชานยอลจะง้อ ร่างสูงต้องทำเป็นไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะยังไงวันนี้ชานยอลก็ให้เลย์สะกดรอยตามแบคฮยอนไปอยู่แล้ว
“วันนี้จะไปกับคยองซูนะ น่าจะกลับค่ำๆ”
คนตัวเล็กพูดขึ้นเดินลอยหน้าลอยตายียวนกวนประสาทชานยอลที่นั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะทำงาน ร่างสูงลดแว่นลงเสตามองเล็กน้อยก่อนจะมาสนใจกับเอกสารตรงหน้าอีกครั้ง โดยที่ไม่ตอบกลับประโยคบอกเล่าของแบคฮยอนอีก
แม้แบคฮยอนจะแอบแปลกใจอยู่บ้าง ที่ชานยอลดูนิ่งผิดปกติ ไม่บ่น ไม่ว่า ไม่ห้ามอะไรเหมือนอย่างที่เคย
หรือชานยอลจะเหนื่อยกับแบคฮยอนแล้วจริงๆ
“เลย์ๆ...ได้ยินฉันมั้ย” ทันทีที่แบคฮยอนเดินพ้นเขตขององค์กรไปชานยอลก็รีบเปิดไวท์เลตเรียกหาเลย์หรือcode10 หน่วยเฉพาะกิจพิเศษทันที
“ได้ยินแล้ว ฉันกำลังตามแบคฮยอนไป”
“ฉันฝังชิพGPSไว้กับดินสอของแบคฮยอน พิกัดจะเตือนตลอดเวลาที่โทรศัพท์ของฉันและของนายนะ...ช่วยฉันหน่อย...”
“แหมๆๆ จะไม่ขอบคุณกูสักคำหน่อยหรอ? ชิพนั่นหน่ะกูทำขึ้นมากับมือเลยนะ เพื่อน้องแบคฮยอนของมึงเนี่ย”
เสียงที่แทรกขึ้นมาคงไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจาก “ไค” คนที่พร้อมจะกวนประสาทชานยอลได้ทุกเวลาจริงๆ
“มึงรู้จักคำว่ามารยาทมั้ยไอ้ไค? กูคุยกับเลย์อยู่”
ติ๊ง..!!
แต่ดูเหมือนจะมีคนไม่มีมารยาทมาอีกคนแล้ว
“มึงปล่อยให้เลย์ออกไปทำอะไรเสี่ยงๆอีกแล้วใช่มั้ยไอ้ชาน”
“รายงานความคืบหน้าให้ฉันทุกชั่วโมงนะเลย์ ขอเคลียร์กับไอ้บ้านี่ก่อน”
ลู่หานได้ยินทุกอย่างผ่านไวท์เลตเมื่อครู่ก็ถึงกับนั่งไม่ติด หัวร้อนเดินดุ่มๆมาที่ห้องของชานยอลทันที
“คิดว่าเป็นหัวหน้าองค์กรแล้วมึงจะสั่งให้ใครทำอะไรก็ได้งั้นหรอ?”
“ถ้ามึงไม่รู้อะไร ก็ช่วยใจเย็นๆหน่อย”
“กูจะออกไปตามเลย์กลับมา”
“มึงอย่าเสือกในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองลู่หาน...เอาเวลาไปดูแลพยานของมึงเถอะ”
“เรื่องของเลย์ก็เหมือนเรื่องของกู”
“เรื่องของแบคฮยอนก็เป็นเรื่องของกูเหมือนกัน”
“มึงยังปกป้องคนของมึงเลย ทำไมกูจะปกป้องเลย์ไม่ได้?”
“มึงประเมินกูต่ำไปแล้วไอ้ลู่...คิดว่ากูจะให้เลย์ออกไปเสี่ยงอันตรายงั้นหรอ?”
“ใครจะไปรู้ ก็มึงเคยทำมาแล้ว”
“ครั้งนี้ถ้าเลย์ทำสำเร็จ เราจะจับทั้งไอ้ฮีชอลและไอ้มินโฮได้”
“คดีนี้มันมีอะไรเชื่อมโยงกันหลายอย่าง มึงลืมไปแล้วหรอ?”
“แล้วก็เลิกซะนะไอ้นิสัยหัวร้อนเนี่ย...ป่านนี้เด็กมึงรอมึงไปอาบน้ำให้อยู่มั้ง”
“อย่ามาพูดจาลามปามพยานกูนะไอ้ชาน”
“ลู่หาน พอเถอะน่า...มันไม่ใช่เวลามาทะเลาะกันนะ”
เสียงจากไวท์เลตดังขึ้นอีกครั้ง เป็น’เฉิน’ที่พลีชีพท่ามกลางความเงียบเมื่อครู่ ทุกคนในองค์กรรู้ว่านี่เป็นเรื่องปกติที่ชานยอลกับลู่หานจะเถียงหรือทะเลาะกัน และก็ไม่มีใครกล้าพูดขัดขึ้นมาซักคน เพราะต่างก็รู้นิสัยของสองคนนี้ดี หัวร้อนพอกันทั้งคู่
“หวังว่าคราวนี้จะไม่มีอะไรแย่ๆเกิดขึ้นกับเลย์นะ”
ลู่หานทิ้งทวนก่อนจะเดินจากไป ชานยอลได้แต่ถอนหายใจสะบัดหัวไล่ความเครียดไปบ้าง ใจนึงก็อยากจะเป็นคนที่ตามแบคฮยอนไปเองเสียด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดที่ว่าไอ้ฮีชอลมันเห็นเค้าขึ้นมาแล้วจะไหวตัวทันนะ ถ้าคงออกไปปกป้องแบคฮยอนด้วยตัวเองแล้ว
P.C.Y. : มีอะไรคืบหน้าบ้างมั้ยเลย์?
LayZhang: แบคฮยอนกำลังใช้โทรศัพท์คุยกับใครสักคน นายไม่ได้ดักสัญญาณโทรศัพท์ไว้หรอ?
P.C.Y. : เปล่า
LayZhang : แบคฮยอนกำลังขึ้นแท็กซี่แล้ว
ติ๊ง!
“ว่าไงคร้าบท่านปาร์คชานยอล มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?”
“ดักฟังสัญญาณโทรศัพท์ของแบคฮยอนให้ฉันหน่อย”
“ถ้ากูช่วยมึงแล้วกูจะได้อะไร?”
“ก็ช่วยองค์กรให้ปิดคดีได้เร็วขึ้น”
“จุ๊ๆ ไม่สมกับเป็นมึงเลยว่ะกระจอกฉิบหาย”
“แล้วมึงจะเอาอะไร?”
“เพื่อนของแบคฮยอนอ่ะ”
“บนโลกนี้มึงแฮกได้แทบจะทุกอย่าง ทำไมต้องให้กู...”
“กูรู้...แต่กูไม่ชอบอะไรที่ได้มาง่ายๆ”
“แล้วมึงจะทำให้มันยากทำไมวะไอ้ไค?”
เซฮุนที่ทนฟังอยู่นานจนชักจะหงุดหงิดกับเพื่อนสนิทที่ทำให้งุนงงเพราะคนอย่าง’คิมจงอิน’น่ะหรอ ถ้าพูดว่าอยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่นี่มันจำเป็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยากขนาดนี้หรอ เซฮุนก็แค่รู้สึกรำคาญเฉยๆน่ะ
“ไว้จะให้แบคฮยอนชวนเค้ามาแล้วกัน” ชานยอลตัดความรำคาญด้วยการตกปากรับคำไปส่งๆไม่ได้จริงจังอะไร ก่อนจะเดินไปยังห้องประชุมขององค์กรที่มีลู่หานและเฉินนั่งรออยู่
Rrrrr
Heechul Calling...
BH : ‘ยอบอเซโย...’
HC : ‘ฉันมาตามที่นัดแล้วนะ หวังว่านายจะทำตามที่สัญญากันไว้นะ เด็กน้อย...’
BH : ‘ฉัน...เอ่อ...ผมมาคนเดียวไม่มีใครตามมาหรอก’
HC : ‘ต้องอย่างงี้สิเด็กดี...รีบมาล่ะฉันอยากเจอนายจะแย่แล้ว...’
BH : ‘อยู่บนแท็กซี่แล้ว...นี่! แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะ แล้วก็ห้ามไปยุ่งกับพี่ชานยอลอีก...’
HC : ‘ฉันล่ะอิจฉาไอ้ชานยอลจริงๆ หึ! ได้สิ...เจอกันครั้งนี้แค่ครั้งเดียว แต่ไม่รับปากนะว่าฉันจะทำแบบนั้นกับนายกี่ครั้ง...เพราะคนอย่างนายให้ทำแค่ครั้งเดียวมันคงไม่คุ้มเท่าไหร่’
BH : ‘หยุดพูดจาลามปามผมได้แล้ว!!..แค่นี้นะ จะถึงแล้ว’
“ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำแค่ครั้งเดียวแน่ๆแบคฮยอน...หึหึ”
#ชานแบคลับรัก
ความคิดเห็น