ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    P.C.Y.SIXTY1 ❻❶ ♢ chanbaek ft. lumin

    ลำดับตอนที่ #4 : ♦ M i s s i o n :: 03

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 58



     

    Mission03




    แลมโบกินี่สีแดงเพลิงขับมาในองค์กรพร้อมกับพยานปากเอกอย่างมินซอกที่หลับไปก่อนจะมาถึงที่นี่ ลู่หานจอดรถที่ชั้นL77 ก่อนจะอุ้มร่างบางเข้าไปในองค์กรโดยใช้ระบบฉุกเฉินที่ไม่ต้องผ่านการสแกนม่านตา ลายนิ้วมือหรืออะไรเทือกนั้นเพราะเค้ายังไม่อยากให้มินซอกตื่นกลัว

     

      "ไอ้ลู่มึงพาใครมาหวะ" เฉินรีบวิ่งมารับของจากลู่หานก่อนจะเตรียมหมอนเล็กๆให้มินซอกได้หนุนร่างสูงวางเด็กหนุ่มลงที่โซฟาภายในห้องทำงานของหน่วยข่าวกรอง เฉินที่เห็นสภาพของมินซอกก็ยังตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า เด็กหนุ่มโดนทำร้ายร่างกายจนช้ำไปทั้งตัวแบบนี้..ชายหนุ่มส่ายหน้าไม่น่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเด็กตัวเล็กๆแบบนี้ได้ ด้วยความที่เฉินเป็นคนจิตใจดีขี้สงสารก็ไม่รอช้ารีบไปหายามาทาให้มินซอกทันที

     

         "มึงใช้ระบบนั้นยามวิกาลได้ไงวะ มีเรื่องอะไรทำไม--.."

     

     "ชู่ว...พวกมึงอย่าเสียงดังสิ" ลู่หานว่าปรามไคและเซฮุนที่ผลีผลามเข้ามา ก่อนจะเห็นร่างบางของเด็กหนุ่มนอนหลับอยู่ทั้งคู่ก็ช็อคไม่ต่างกับเฉินในตอนแรก

     

       "เห้ย..น้องเค้าไปโดนอะไรมาวะ ทำไมถึง.." ไคถึงกับเอามือปิดปากกับสภาพของมินซอก

     

     "เรียกทุกคนมารวมกันที่ห้องประชุมด้วย เรื่องด่วนกูต้องแจ้งเดี๋ยวนี้" ลู่หานบอกไคและเซฮุนก่อนทั้งสองจะขึ้นไปตามชานยอล เลย์และเทาตามมาสมบท

     

       "มึงไปเตรียมข้อมูลเถอะเดี๋ยวไอ้ชานลงมามันจะโวยเอา กูทายาให้น้องเสร็จเดี๋ยวกูตามไป"

    เฉินพูดขึ้นก่อนจะทายาให้มินซอกอย่างเบามือที่สุดรอยช้ำนี่มันเห็นชัดมากจนน่ากลัว ไม่อยากจะนึกเลยว่าไปโดนอะไรถึงได้ช้ำหนักขนาดนี้

     

     

     

     

    ห้องประชุมขององค์กร

     

     "คนที่กูพามาเป็นพยานเพียงคนเดียวที่เห็นคนร้ายในคดีฆ่าข่มขื่น กูคิดว่าน้องเค้ากำลังปิดบังอะไรบางอย่างซึ่งอาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่สามารถทำให้เราสาวไปถึงตัวคนร้ายได้" ลู่หานกำลังอธิบายถึงข้อมูลที่กรองมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว

     

     "ส่วนเบาะแส..น้องคนนี้วิ่งหนีพวกเด็กแว๊นออกมาจากในโรงเรียน เป็นไปได้ว่าหนึ่งในจำนวนของเด็กแว๊นทั้งหมดจะต้องรู้จักหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนร้ายถึงได้มาตามขู่และทำร้ายแบบนี้"

     

     "อีกเรื่องนึงนะ...อย่างที่พวกมึงเห็นสภาพน้องเค้า มันไม่ใช่แค่การถูกทำร้ายทุบตีธรรมดาแบบนี้เค้าเรียกทารุณกรรม น้องบอกว่าพี่ชายเป็นคนทำร้ายเค้า กูคิดว่ากูจะทำคดีนี้ มีใครขัดข้องอะไรไหม?"

     

    หลังจากที่ชี้แจงถึงเบาะแสและจุดประสงค์ต่างๆลู่หานก็เสนอความเห็นเกี่ยวกับคดีใหม่ที่เค้าต้องการทำเพื่อช่วยมินซอก หากปล่อยไว้แบบนี้มินซอกอาจจะเป็นอันตรายและอาจจะโดนทำร้ายไม่จบสิ้น

     

      ลู่หานรู้สึกสงสารมินซอกและคนอื่นๆก็เช่นกัน

     

     "เอาเลยไอ้ลู่กูช่วยเต็มที่ไหนๆก็มาเป็นพยานให้เราแล้ว เราก็ช่วยน้องเค้าด้วยเลยก็แล้วกัน" สองสหายหน่วยงานไอทียืดอกยินดีช่วยเต็มที่

     

       "มีไรให้ช่วยก็บอกเราละกันนะลู่หาน" เลย์พูดขึ้น

     

     "กูยังไงก็ได้" เทาตอบง่ายๆสบายๆอะไรก็ได้เทาทำหมด

     

      "แล้วมึงล่ะไอ้ชาน" ลู่หานหันไปถามชานยอลที่นั่งกอดอกอยู่ที่หัวโต๊ะ

     

    ชานยอลน่ะถ้าเป็นเรื่องงานเค้าสนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว อีกอย่างที่ชานยอลไม่ขัดอะไรเพราะแหล่งข่าวและข้อมูลของลู่หานไม่เคยผิดพลาด ลู่หานทำงานดีมาตลอดและเป็นคนเต็มที่กับทุกงานถึงกับเคยเอาชีวิตไปเสี่ยงกับคดียาเสพติดเมื่อหลายปีก่อนจนตัวเองถูกยิงนอนรักษาตัวอยู่นานร่วมเดือน

     

     "เรื่องงานกูไม่ขัดอะไรมึงอยู่แล้วพรุ่งนี้กูจะจัดการเรื่องอุปกรณ์การแพทย์และทีมแพทย์ที่ดีที่สุดมาที่นี่เพื่อรักษาน้องเค้าให้หาย และอีกอย่างถ้าจะทำคดีของน้องเค้าจริงๆก็ต้องมีการตรวจอย่างละเอียดว่ารอยตามตัวเกิดจากสาเหตุอะไร"

     

     ชานยอลร่ายยาวมวนเดียวจบในเมื่อมินซอกมาอยู่ที่นี่ในฐานะพยานเราก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด ชานยอลทุ่มสุดตัวเสมอหากจะทำให้งานประสบผลสำเร็จไม่มีอะไรขัดข้อง

     

     "ขอบคุณพวกมึงมากต่อไปนี้พยานคนนี้จะอยู่ความดูแลของกู / ขอตัวนะเดี๋ยวน้องตื่นมาไม่เจอใครแล้วจะกลัวเอา." ลู่หานพูดขึ้นก่อนจะจัดการเก็บแฟ้มเอกสารต่างๆก่อนจะออกจากห้องไปพร้อมกับเฉิน

     

     "ไคมึงเช็กประวัติส่วนตัวของน้องและครอบครัวเผื่อจะได้ข้อมูลอะไรมาบ้างจะได้ส่งให้หน่วยข่าวกรองมันหาเบาะแสอีกที"

     

    ชานยอลมอบหมายงานให้ไคก่อนจะเช็กรายละเอียดต่างๆในแฟ้มคดีและเซนต์อนุมัติให้ลู่หานได้ทำคดีนี้รวมไปถึงเอกสารต่างๆที่คั่งค้างมาหลายวัน องค์กรนี้ไม่เคยหลับใหลหากทำงานก็ทำกันทั้งคืนไม่มีพัก หน่วยของลู่หานก็จะวุ่นกว่าหน่วยอื่นๆเพราะต้องมีการหาเบาะแสนอกสถานที่และต่อส่งข้อมูลมายังองค์กรเพื่อให้ไคได้เช็กประวัติและหาผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของเทาและเลย์ที่ไปทำตามสืบสวนและสอบถามก่อนจะนำข้อมูลที่ได้กลับมาให้หน่วยข่าวกรองอีกครั้งเพื่อหาเท็จจริงก่อนจะลงมือล่อซื้อหรือบุกเข้าจับกุมทันที แต่ละคดีจะมีวิธีและกลยุทธ์ที่แตกต่างกันออกไปแต่เมื่อคนที่มีไหวพริบและฉลาดเป็นกรดมาอยู่รวมกันทั้งเจ็ดคน จึงทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่ายได้เสมอ

     

     

     

     

    P.C.Y.SIXTY1

     

     

     

    ทุกหน่วยในองค์กรยังวุ่นกันอยู่ตั้งแต่เมื่อคืนเพราะมีสายรายงานมาว่าไอ้ฮีชอลกำลังจะส่งคนออกนอกประเทศเพื่อไปถูกทารุณและบังคับให้เร่ขอทานที่อเมริกาโดยมีนายทุนรอซื้ออยู่ ชานยอลสั่งให้ไคเปิดสัญญาณที่เชื่อมกับเครื่องดักฟังที่เลย์ไปติดไว้

     

      "เชื่อมต่อสัญญาณได้แล้วใช่ไหมเปิดไวต์เลทเลย คราวนี้มึงเสร็จกูแน่ๆไอ้ฮีชอล" ชานยอลร้อนใจและคับแค้นไปพร้อมๆกันนึกถึงตอนที่มันเย้ยหยันตอนนั้นก็อยากจะเอาM79ยิงสวนให้รู้แล้วรู้รอดแต่กฏก็ต้องเป็นกฏว่าห้ามใช้อาวุธสงครามในที่สาธารณะ

     

     ‘Hey! Mr.Paul How are you?..’ เสียงของฮีชอลพูดคุยกับชาวต่างชาติคนนึงซึ่งน่าจะเป็นนายทุนที่มารอรับมาคนที่ถูกฮีชอลล่อลวงไป

     

      "พวกมันจะนัดส่งคนกันที่ไหนวะ" เซฮุนที่นั่งฟังอยู่ข้างๆหันไปกระซิบถามไค

     

      "กูไม่รู้ ก็ฟังอยู่ด้วยกันเนี่ย" ไคหันไปปรามเซฮุน

     

      ‘We will arrange to send the port of Incheon 3.30PM (เราจะนัดส่งของกันที่ท่าเรืออินชอนเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง)"เสียงบทสนทนายังดังขึ้นอย่างต่อเนื่องดูเหมือนฮีชอลจะไม่รู้ตัวว่าที่กระเป๋าของตัวเองมีเครื่องดักฟังถึงได้กล้าบอกสถานที่กับเวลามาชัดเจนขนาดนี้

     

     "เชี้ย..แม่งโง่หวะบอกมาหมดแบบนี้แสดงว่ามันไม่รู้ตัวจริงๆสินะว่าพวกเราแอบติดเครื่องดักฟัง" ไคพูดขึ้นก่อนจะหัวเราะด้วยความสะใจ

     

    แต่ทว่าคนที่สังเกตได้ถึงความผิดปกติจะเป็นเฉินและลู่หานด้วยสัญชาตญาณของคนทำงานในหน่วยที่ต้องสงสัยนี่นั่นตลอดเวลา ลู่หานก็สัมผัสได้ว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ

     

     "เดี๋ยวก่อนไอ้ไคมึงอย่าเพิ่งชะล่าใจ กูว่ามันแปลกๆอยู่นะ ทำไมต้องท่าเรืออินชอนในเวลากลางวันทั้งที่ควรจะเป็นกลางคืนและกูไม่คิดว่ามันจะไปส่งคนกันที่อินชอนจริงๆ ถ้ากูเดาไม่ผิดน่าจะเป็นท่าเรือซอกวิโพมากกว่าเพราะที่นั่นจะเงียบและไม่ได้มีการขนส่งพลุ่นพล่านเหมือนในอินชอน" ลู่หานพูดขึ้นก่อนที่เฉินจะพูดเสริม

     

     "ถูก และอีกอย่างนะท่าเรืออินชอนจะมีการตรวจสอบสินค้าและการคมนาคมอย่างละเอียดและรอบคอบหากเป็นสิ่งผิดกฎหมายละก็..ไม่ได้ออกเรือไปจากท่าเรือได้แน่นอน"

     

     "มึงกำลังจะบอกว่ามันกำลังหลอกให้พวกเราตายใจงั้นสิ แสดงว่ามันรู้ว่าพวกเราแอบติดเครื่องดักฟัง?" เซฮุนถาม

     

     "เป็นไปได้ว่ามันจะรู้ตัว ไอ้ฮีชอลมันไม่ธรรมดาเลยจริงๆถ้าวันนั้นพวกมึงได้เห็นสีหน้าของมันตอนอยู่บนฮ.แล้ววอลงมาเย้ยกูนะ ถ้าเป็นมึง..ไอ้ลู่กูว่ามึงทนไม่ได้ควักปืนออกมายิงแม่งแล้ว ดี..ที่กูใจเย็น"

     

    ชานยอลพูดไปก็กัดฟันไปด้วยความโกรธ ยิ่งพูดก็ยิ่งแค้นถ้าคราวนี้จับไอ้ฮีชอลไม่ได้ชานยอลจะยอมแต่งงานกับแบคฮยอนเลย!

     

     

    พูดถึงแบคฮยอน..

     

    วันนี้ชานยอลให้แบคฮยอนไปเรียนหลังจากที่ให้หยุดมาหลายวันโดยกำชับและสั่งห้ามออกจากมหาลัยโดยเด็ดขาดจนกว่าชานยอลจะไปรับ และให้โทรรายงานเป็นระยะห้ามขาดการติดต่อ แบคฮยอนก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ยิ่งชอบใจที่ชานยอลให้ทำแบบนี้

     

     "แบคทำไมมึงไม่มาเรียนตั้งหลายวัน กูเลทเชอร์ให้มึงจนนิ้วล็อคหมดแล้วนะ นี่เอาไปรายงานที่มึงต้องทำ!" คยองซูโยนหนังสือกองใหญ่ให้แบคฮยอนจนตัวเล็กเกือบจะโดนกองหนังสือทับหัว

     

      "ก็พี่ชานไม่ให้กูมา เออมึงวันก่อนมีคนตามมาฆ่าพี่ชานด้วยนะ อุ้บส์:X" แบคฮยอนรับเอามือปิดปากตัวเองไว้ เพราะนึกขึ้นได้ว่าชานยอลสั่งห้ามไม่ให้พูดถึงเรื่องนั้นและเรื่องในองค์กรเพราะข้อมูลอาจจะรั่วไหลได้

     

      "อะไรนะ!! มีคนมาตามฆ่า..อุ้บส์:X" แบคฮยอนรีบปิดปากเพื่อนตัวเองทันที

     

     "มึงจะพูดเสียงดังทำไมห๊าา!"

     

     "กูขอโทษๆมึงเล่ามาเลยนะ เล่ามาเลยแบค!" คยองซูทำตาโตนั่งเท้าคางเตรียมเผือกเต็มที่เรื่องของชาวบ้านคยองซูชอบ~

     

    แบคฮยอนยังอยากเป็นเด็กดีและไม่ขัดคำสั่งของชานยอล เล่าแค่ในสิ่งที่ควรเล่า พูดแค่ในส่วนที่พูดได้เท่านั้น เพราะชานยอลบอกว่าทุกเรื่องในองค์กรเป็นความลับ

     

      "แค่เนี่ย? โธ่กูก็นึกว่าอะไร~ แต่กูอิจฉามึงจังที่ได้อยู่ท่ามกลางผู้ชายหล่อๆตั้งห้าคน" คยองซูพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าเพ้อฝันไปด้วย

     

     "ไม่ใช่ห้าคน เจ็ดคนต่างหาก! กูรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสโนว์ไวท์เลยแหละมึง~" แบคฮยอนเท้าคางทำหน้าตาเพ้อฝันจนคยองซูหมั่นไส้อดแขวะไม่ได้

     

     "กูว่าอย่างมึงน่าจะเป็นสโนว์แคระ กับคนสูงทั้งเจ็ดมากกว่า...กูไปเรียนก่อนนะอีหมาเตี้ย~" คยองซูทิ้งประโยคเจ็บแสบไว้ก่อนจะหยิบหนังสือแล้วเดินปลิวหายไปกับสายลมทันที~

     

     "มึงก็สูงเท่ากูป่ะอีคยอง~~" แบคฮยอนยู่ปากใส่เพื่อนตัวแสบก่อนจะรวบหนังสือและถือขึ้นมาก่อนจะเดินไปหาที่นั่งรอชานยอลมารับกลับบ้าน

     

     

     

     

     

    P.C.Y.SIXTY1

     

     

     

     

     "เตรียมคนของเราให้พร้อม ทีมนึงไปประจำที่ท่าเรืออินชอน อีกทีมนึงไปที่ซอกวิโพและท่าเรืออื่นๆ กระจายกำลังดักมันทุกทางอย่าให้มันส่งของได้"

    ชานยอลสั่งการให้กระจายกำลังออกไปดักทุกทางเพื่อไม่ได้ฮีชอลมีโอกาสส่งคนได้สำเร็จ ถ้าคราวนี้มันจะส่งทางอากาศก็ไม่มีทางรอดเพราะชานยอลก็จัดให้มีการตรวจสอบสินค้าทุกเที่ยวบินก่อนออกนอกประเทศ

     

     "กูว่าให้ตั้งด่านตรวจทุกเส้นทางด้วย. เพราะยังไงมันก็ต้องขนคนใส่ตู้คอนเทรนเนอร์อยู่แล้ว ถ้าของกลางอยู่ในมือเรามันก็จะทำอะไรไม่ได้" ลู่หานว่าก่อนจะวอไปสั่งการสายตรวจให้ตั้งด่านสกัดจับด้วยอีกแรง

     

     ดักทุกทางขนาดนี้ถ้าไอ้ฮีชอลมันยังส่งของให้ไอ้ฝรั่งนั้นได้ก็ให้มันรู้ไป!

     

      "ไอ้ไคสัญญาณจากเครื่องดักฟังยังอยู่ใช่มั้ย" ชานยอลหันไปถามไคที่นั่งขมวดคิ้วอยู่หน้าคอมพิวเตอร์คู่ใจ ชายหนุ่มกำลังวุ่นกับอะไรซักอย่างอยู่ตรงหน้า

     

     "เชี้ยละ สัญญาณจากเครื่องดักฟังขาดการเชื่อมต่อ กูกำลังพยายามอยู่" สีหน้าของไคตอนนี้บ่งบอกว่าเครียดเอามากๆ จะมีใครที่เก่งไปกว่าเค้าอย่างงั้นหรอถึงได้ปิดกั้นสัญญาณซะจนไคเจาะเข้าฐานข้อมูลได้ลำบากขนาดนี้

     

    "ไอ้ฮุนช่วยกูที..กูพยายามแล้ว แม่งปล่อยไวรัสใส่จนกูจะน็อคแล้วเนี่ย เชี้ยเอ้ย!!!ใครวะ"

     

      Rrrrrrr

     

      'Blocked Number'

     

    ชานยอลขมวดคิ้วเมื่อสายที่โทรเข้าเป็นเบอร์โทรที่ถูกล็อคเอาไว้จึงไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นเบอร์อะไร

     

      "ใคร?" ชานยอลรับสาย ก่อนจะถูกปลายสายกวนประสาทด้วยการหัวเราะลั่น ร่างสูงกดSpeak Phoneและวางไว้เพื่อให้ได้ยินกันถ้วนหน้า

     

     ('สวัสดี..ปาร์คชานยอล') เสียงนี้ชานยอลจำได้ดีว่าเป็นใคร

     

      คิม ฮี ชอล..

     

     "แก..แกไอ้สารเลวแกมีเบอร์ฉันได้ยังไง" ชานยอลโกรธสุดขีดก่อนจะทุบโต๊ะและคำรามออกมาด้วยความโมโห

     

     ('แกคิดว่าคนที่ทำเรื่องนี้ได้จะมีแต่คนของนายหรือไง? ว่าไงล่ะคิมจงอิน..บนโลกนี้นายเก่งที่สุดงั้นหรอ?') ฮีชอลพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยเต็มที่ไคแทบจะจับโทรศัพท์เครื่องหรูมาปาทิ้งแต่ดีที่เฉินห้ามไว้ได้ทัน

     

     "เฉินปล่อย กูจะไปฆ่ามัน..ไอ้ชั่ว!!! แน่จริงมึงอย่าหดหัวอยู่แต่ในกระดองโง่ๆ มึงออกมา!!!!!!!" ไคฉุนขาดคำพูดของฮีชอลกำลังดูถูกทีมหน่วยงานด้านไอทีที่มีฝีมือดังไปทั่วโลกอย่างเค้า

     

     ('ฮ่าๆๆๆกำลังรอฉันอยู่สินะ..หว่าแย่จังที่ฉันไม่มีเวลาไปเล่นไล่จับกับพวกนาย เดี๋ยวต้องขึ้นเครื่องแล้วด้วยสิ')

     

      "ว่าไงนะ!!!ฮัลโหลคิมฮีชอล..ฮัลโหล!!!ฮัลโหล!!!!" ชานยอลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูก่อนจะเรียกคนในสายไว้แต่ก็ไม่ทันการณ์ ฮีชอลวางสายไปแล้ว

     

     "ไคเจาะฐานข้อมูลของเบอร์พร้อมกับหาพิกัดที่มันอยู่ก่อนที่มันจะออกจากเกาหลี ตอนนี้บ่ายสองกับอีกห้าสิบนาที ที่เราได้ยินจากเครื่องดักฟังไม่ใช่เวลาส่งของแต่คือเวลาไฟลท์บินของมัน เดี๋ยววันนี้กูจะลุยเอง!!!!!!!!" ชานยอลยื่นโทรศัพท์ให้ไค ก่อนจะสาวเท้าเดินไปที่คลังอาวุธทันที กล้าดียังไงมาหักหน้าปาร์คชานยอลแบบนี้!!!!!!!

     

       แล้วเราจะได้เห็นดีกัน คิมฮีชอล!

     

    ห้องเก็บอาวุธถูกเปิดออกภายในมีอาวุธสงครามมากมายและร้ายแรง ชนิดที่ว่าทำลายให้เป็นจุนได้ก็มี เพราะถูกคิดค้นขึ้นพิเศษจากฝีมือนักดัดแปลงอย่างเซฮุน ลืมบอกไปว่านอกจากจะเชี่ยวชาญในการเจาะฐานข้อมูล หรือแฮกเกอร์แล้ว งานอดิเรกของเซฮุนคือผลิตระเบิดที่มีพลังทำลายล้างเทียบกับนิวเคลียร์ขนาดย่อม

     

      "ไอ้ชานมึงคิดดีแล้วหรอวะ กูว่าครั้งนี้เราปล่อยมันไปก่อนดีกว่า ไปตอนนี้ยังไงก็ไม่ทันเผลอๆมันอาจจะสั่งคนดักรอเก็บมึงอยู่ก็ได้ เมื่อกี้สายงานรายงานมาว่ามีเหตุปะทะกันที่ซอกวิโพคนของเราตายสามแล้วนะเว้ย.."  ลู่หานเข้ามาปลอบให้ชานยอลใจเย็นลง

     

    ยิ่งฟังยิ่งแค้นหากชานยอลโกรธขึ้นมาละก็ ไม่ต่างอะไรกับไฟที่พร้อมจะเผาทุกอย่างจนไม่เหลือซาก มันจะสารเลวเกินไปแล้ว เล่นลิ้นใช้แผนซ้อนแผนแถมคนขององค์กรต้องมาตายเพราะมันอีก ชานยอลสาบานว่าจะเอาชีวิตฮีชอลมาสังเวยให้ลูกน้องเค้าแน่นอน

     

     "ในเมื่อมันใช้แผนนี้กับเราได้ เราก็ทำได้เหมือนกันไม่ใช่หรือไง? กูมีแผนแต่มึงจะยอมทำตามวิธีของกูหรือเปล่าก็แค่นั้น!"

     

      "วิธีอะไร?"

     

     "ใช้แบคฮยอนเป็นตัวล่อ มึงบอกเองไม่ใช่หรอว่ามันต้องการตัวแบคฮยอน" ลู่หานว่า

     

      "ไม่มีทาง! กูไม่มีทางใช้แบคฮยอนเป็นตัวล่อเด็ดขาด!!!" ชานยอลไม่ยอมแน่เค้าไม่มีทางยอมให้แบคฮยอนไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้นเป็นอันขาด

     

     "เราจำเป็นต้องเสี่ยงไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีวันจับมันได้! เอางี้กูให้เวลามึงคิด..ในระหว่างนี้เราจะพักคดีของฮีชอลไปก่อนกูจะเดินหน้าทำคดีฆ่าข่มขื่นและคดีของมินซอกมึงคงไม่ว่าอะไร เพราะกูก็ห่วงคนของกูเหมือนกัน"

     

    คำพูดของลู่หานทำให้ชานยอลคิดหนัก วิธีของลู่หานเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้จับไอ้ฮีชอลได้ แต่ทำไมต้องเป็นแบคฮยอน ถ้าแบคฮยอนเป็นอะไรขึ้นมาชานยอลจะทำยังไง? เพราะเค้าเองก็ไม่มั่นใจว่าจะปกป้องแบคฮยอนได้แค่ไหน แบคฮยอนมีค่าเกินกว่าที่ชานยอลจะใช้เป็นตัวล่อ เค้าไม่มีวันให้คนของเค้าเป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองแน่ๆ

     

     "มึงห่วงคนของมึง กูก็ห่วงคนของกูเหมือนกัน"

     

     

     

     


     

     

     

     

     "พี่ชานเป็นอะไรหรือเปล่า.." แบคฮยอนถามเพราะตั้งแต่ชานยอลขึ้นมาบนห้องก็เอาแต่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเปิดแฟ้มนั่นนี่ไปมา

     

     "เปล่า..ดึกแล้วไปนอนไปฉันไม่มีเวลามาเล่นกับนายหรอกนะ" ชานยอลไม่อยากจะพาลอารมณ์ใส่แบคฮยอน ร่างสูงข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ มองหน้าตัวเล็กทีไรก็รู้สึกหวงขึ้นมาทุกที ทำไมไอัฮีชอลต้องอยากได้แบคฮยอน ทำไมต้องเป็นน้องบยอนของเค้า

     

      "น้องบยอนนวดให้เอาไหม..พี่ชานชอบเมื่อยตรงนี้น้องบยอนจำได้" แบคฮยอนเดินอ้อมไปด้านหลังเก้าอี้ก่อนจะมือเล็กมากดบีบเบาๆที่หัวไหล่กว้างของร่างสูง

     

    ชานยอลอยากจะห้ามแต่ก็ไม่อยากขัดใจพูดอะไรให้มากความ แบคฮยอนเป็นเด็กที่เอาใจเก่งพูดเพราะแต่ไหนแต่ไร แต่สำหรับชานยอลมันดูน่ารำคาญยังไงไม่รู้

     นิ้วเรียวสวยค่อยๆกดไปตามลาดไหล่เพื่อให้กล้ามเนื้อที่แข็งตึงได้ผ่อนคลาย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสัมผัสจากแบคฮยอนทำให้ชานยอลรู้สึกผ่อนคลายได้จริงๆ

     

     "ดีขึ้นไหม..." แบคฮยอนก้มลงมากระซิบถามที่ข้างของพี่ชายตัวสูงลมหายใจอุ่นๆรดที่ใบหูจนชานยอลรู้สึกแปลกๆ

     

     "อย่าทำแบบนี้ นายไม่รู้หรือไงว่าตรงนี้มันเป็นส่วนอ่อนไหวต่ออารมณ์" ชานยอลพูดขึ้นในขณะที่ข่มความรู้สึกนั้นไว้ ใช่..ชานยอลกำลังรู้สึก..อย่างว่า

     

     "พี่ชานพูดอะไร..ไม่เห็นจะเข้าใจเลยไม่นวดให้แล้ว" แบคฮยอนละมือออกแต่ก่อนจะเดินหนีก็ถูกมือหนาของพี่ชายรั้งเอวไว้ก่อนจะดึงมานั่งบนตักแกร่งทันที

     

     "อยู่นิ่งๆ.." ชานยอลซบหน้าลงที่หลังใบหูของแบคฮยอน จมูกโด่งเป็นสันกำลังไซร้ไปตามไปตามหลังใบหูและไล่ลงมาที่ลำคอขาวจนตัวเล็กย่นคอหนี กดจูบไปที่ซอกคอเบาๆสูดดมกลิ่นที่หอมหวานของแบคฮยอนไปเต็มปอด ชานยอลรู้สึกผ่อนคลายขึ้นราวกับได้กลิ่นหอมๆจากเทียนอโรม่า แต่เค้ามั่นใจว่าแบคฮยอนหอมกว่านั้น...

     

      "อื้อ..พี่ชาน" แบคฮยอนขยับตัวไปมาตามจังหวะของริมฝีปากที่กดจูบที่ซอกคอ มันยิ่งกระตุ้นให้บางอย่างภายในกางเกงเนื้อผ้าดี แข็งขืนดันขึ้นมา

     

      "แบคฮยอน..อย่าเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงแบบนั้น นายอยากเหนื่อยทั้งคืนหรือไง..หื้ม"

     

     ชานยอลกำลังจะหมดความอดทน...

     

     ปากหนานุ่มขบเม้มที่ซอกคอตัวเล็กจนเป็นรอยอย่างลืมตัว ชานยอลลืมไปแล้วว่าแบคฮยอนน่ารำคาญขนาดไหน ตอนนี้ชานยอลรู้แค่ว่าแบคฮยอนทั้งหวานทั้งหอม มือหยาบล้วงเข้าไปภายใต้เสื้อนักศึกษาตัวบาง บีบเฟ้นและลูบไล้ไปตามผิวเนียนขาวของตัวเล็ก แบคฮยอนไม่เคยถูกกระทำเช่นนี้มาก่อน เค้ารู้จักเพียงแค่การหอมแก้ม สวมกอด และจูบเท่านั้น ไม่รู้เลยว่าสัมผัสเหล่านี้จะทำให้รู้สึกดีได้ขนาดไหน

     

     ..พี่ชาน..น้องบยอน..รู้สึก..” แบคฮยอนเริ่มหายใจหนักหน่วง รู้สึกอยากจะร้องออกมาแต่ก็อาย สมองตื่อไปหมดจนนึกอะไรไม่ออก

     

     บอกพี่สิ..ว่ารู้สึกยังไง ชานยอลแกล้งใช้เรียวลิ้นลากไล้ไปตามหลังใบหู ยิ่งแบคฮยอนตอบสนองได้ดีแบบนี้ ความอดทนของชานยอลยิ่งจะลดลงเรื่อยๆ

     

     มัน..บอกไม่ถูก..อื้อ..พี่ชาน แบคฮยอนพยายามกลั้นเสียงเอาไว้ไม่ให้เล็ดออกมาซึ่งมันก็เป็นไปได้ยาก หากชานยอลยังรุกหนักแบบนี้..

     

     ถ้ายิ่งกลั้นเสียงแบบนั้นจะยิ่งอึดอัดนะ..” ชานยอลกระซิบเสียงแหบข้างกกหู เค้าเริ่มจะไม่ไหวแล้วจริงๆจนอยากจะจับตัวเล็กนอนลงบนโต๊ะทำงานให้รู้แล้วรู้รอด! มือหนาจับตัวเล็กพลิกหันหน้ากลับมาก่อน ร่างสูงเกือบจะได้จะประทับจูบที่ริมฝีปากบางของแบคฮยอนอยู่แล้วหากไม่มีคนมาขัดจังหวะเสียก่อน..

     

       "code68เรียกcode61 ไอ้ชานมึงลงมาที่ห้องประชุมหน่อย"

     

     ทั้งสองผละออกจากกันหลังจากเสียงของไคดังขึ้น ดีที่ห้องของชานยอลไม่มีกล้องไม่งั้นคงถูกพวกนั้นแอบดูแล้วแน่ๆ แต่ก็ไม่แน่ว่าพวกมันจะมาแอบซ่อนกล้องตรงไหนหรือเปล่า แต่ช่างเถอะเอาเป็นว่าวันนี้ผมโดนไอ้ไคขัดจังหวะจนอารมณ์เสีย

     

       ไอ้ไค..มึง!!!!!!











     

    ชานยอลเดินลงไปที่ห้องประชุมด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าหงุดหงิดสุดขีด ประตูของห้องประชุมถูกมือหนากระชากอย่างแรงจนคนภายในห้องตกใจตื่น

     

      "เรียกกูลงมามีอะไร หวังว่าจะเป็นธุระไม่ใช่ไร้สาระ" ชานยอลว่า

     

     "มึงไปหงุดหงิดอะไรละมาลงที่กูเนี่ยไอ้ชาน แค่จะเรียกมาดูข้อมูลของมินซอกกับพี่ชายที่มึงให้กูหาไง"

     

    ไคผู้ที่ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองพูดขึ้น ก็อยากจะชินกับอารมณ์มันอยู่หรอกนะแต่ก็ไม่ชินสักที

     

     "ทำไมไม่เรียกไอ้ลู่มาดู คนของมันไม่เกี่ยวกับกู" ชานยอลทำท่าจะเดินหนี ไคสังเกตเห็นเป้ากางเกงของชานยอลที่ตุงออกมา ก็พอจะเดาสถานการณ์ได้ไม่ยาก

     

     ที่แท้ก็กำลัง................

     

     "อ๋อ~ กูเข้าใจละครับท่านปาร์ค กูขอประทานโทษที่ขัดจังหวะการ'เจาะ'ข้อมูลของมึงนะครับ" ไคยิ้มกริ่มก่อนจะหันไปยักคิ้วส่งซิกให้เซฮุนดู ทั้งคู่ก็ร้องอ๋อขึ้นมาอีกรอบ ชานยอลรู้ว่าพวกนั้นไม่ได้โง่จนมองไม่ออกแค่เค้าก็ตีเนียนเดินออกจากห้องประชุมไปทันที

     

    แต่ก็ต้องขอบคุณไอ้ไคมันก็เรียกสติที่ขาดผึ่งของผมกลับมา ไม่งั้นคืนนี้แบคฮยอนคงไม่ได้นอนแน่ๆ ถ้าไม่ว่าอะไรงั้นผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ..

















     

    #ชานแบคลับรัก
    อ่านแล้วคอมเมนต์และสกรีมแท็กด้วยนะคะ <3 รักรีดเดอร์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×