ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    P.C.Y.SIXTY1 ❻❶ ♢ chanbaek ft. lumin

    ลำดับตอนที่ #3 : ♦ M i s s i o n :: 02

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 58



     

    Mission02




    คลับโฮสต์ย่านกังนัม

     

    เลย์กำลังเซตอุปกรณ์ที่ได้จากไคอยู่ในห้องแต่งตัวเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจสืบค้นข้อมูลจากคิมฮีชอลให้ได้มากที่สุดแม้จะประหม่าไปบ้างเพราะเป็นงานแรกที่เลย์ได้ออกมาเป็นเหยื่อล่อแบบนี้ แต่ถ้าได้ข้อมูลตามที่ทางการต้องการมันก็คุ้มที่จะเสี่ยง

     

      "อ้าวเตรียมตัวสแตนบายข้างฟลอร์ได้เลยนะ แสดงให้เต็มที่วันนี้มีแต่แขกกระเป๋าๆหนักทั้งนั้นบริการให้ดีอย่าให้เสียชื่อคลับ"

     

      "เทา..ฉันกลัว" เลย์ใช้มือป้องปากก่อนจะพูดใส่อุปกรณ์ที่ถูกคิดค้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ มันคือเข็มกลัดที่ดัดแปลงขึ้นให้เป็นเครื่องมือสื่อสารผ่านไวต์เลทที่เล็กจนไม่มีใครสังเกตเห็น

     

      "ใจเย็นๆนะ ฉันอยู่ที่โซนVIPแล้ว ทำยังไงก็ได้ให้คิมฮีชอลมันเรียกนาย ถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะเข้าไปช่วยทันที โต๊ะของฉันตรงข้ามกับโต๊ะของมัน"

     

      "code10พร้อมปฏิบัติงาน"

     

    เสียงของเลย์ทุกคนในองค์กรจะได้ยินทั้งหมดเพราะสัญญาณถูกเชื่อมต่อไปยังองค์กรด้วยเป็นอันว่าทุกคนรับทราบแล้วว่าเลย์กำลังจะเริ่มปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมาย

     

      "เลย์..นี่ฉัน ชานยอล จำไว้อย่างนึงว่าไอ้ฮีชอลมันไม่ได้โง่ สายของเรารายงานมาว่ามันรู้ตัวแล้วว่าโดนแฮกข้อมูล ฉะนั้นอย่ามีพิรุธเด็ดขาดทำได้ใช่มั้ย?"

     

      "ไอ้ชาน มึงพูดแบบนั้นเลย์ก็เสียขวัญหมดสิวะ" ลู่หานฉุนขาด รู้ทั้งรู้ว่าเลย์เป็นคนยังไงแต่ชานยอลยังจะพูดให้อีกประหม่ายิ่งกว่าเดิม

     

      "กูบอกเพราะอยากให้ระวังตัว" ชานยอลว่า

     

      "ช่างเถอะลู่หาน/ไม่ต้องห่วงนะชานยอลฉันจะทำเต็มที่" เลย์พูดขึ้นก่อนสัญญาณจะขาดหายไป

     

     

    ทางด้านหน่วยงานไอที

     ไคกำลังพยายามแฮกเข้าไปในฐานข้อมูลของกล้องวงจรปิดในคลับเพื่อจะเชื่อมต่อมายังระบบขององค์กรวิธีนี้จะทำให้เราสังเกตการณ์ได้มากขึ้น

     

     เป๊าะ!

     

     "อ่า..สำเร็จ!" ไคดีดนิ้วอย่างพอใจกับผลงานของตัวเอง จอมอนิเตอร์ฉายภาพเคลื่อนไหวของผู้คนมากมายในคลับที่กำลังโยกไปตามจังหวะเพลงที่ดังกระหึ่ม

    ไคซูมเข้าไปที่โซนVIPเค้าเห็นเทานั่งอยู่ในพิกัดเดียวกันกับฮีชอล

     

       "โอ้ววว..แม่สาวเดรสเกาะอกสีแดงคนนี้แม่งเด็ดหวะ วันหลังมึงส่งกูไป'ล่อ'บ้างนะไอ้ชาน"

     

     "กูกลัวว่ามึงจะ'ล่อ'จนลืมงานน่ะสิ" ชานยอลพูดขึ้นก่อนจะสังเกตเห็นบางอย่าง

     

        "มันมาแล้ว.."

     

    ไคคลิกเมาส์รัวๆซูมเข้าไปเมื่อเห็นว่าคิมฮีชอลเดินเข้ามากับสมุนอีกสองคน ฮีชอลจองโต๊ะไว้แล้วซึ่งเป็นโต๊ะที่ติดกับเทาพอดี ข้อมูลไม่ผิดพลาดแบบนี้อะไรๆจะได้ง่ายขึ้น

     

      "เป็นอย่างที่กูคิดไว้ไม่มีผิด"

     

     "กูขอคารวะการคาดคะเนของมึงเลยไอ้ชาน" เซฮุนทำท่าคำนับฟ้าดินล้อเลียนชานยอลก่อนจะทั้งสี่จะระเบิดหัวเราะออกมา

     

      "จับตาดูอย่าให้คาดสายตาอีกห้านาทีเลย์จะลงจากฟลอร์กูมั่นใจว่าฮีชอลมันต้องเรียกเลย์แน่ๆ"

     

     พูดจบหัวหน้าองค์กรก็ออกไปจากห้องsecurityทันที

     

     

     

    ชานยอลขึ้นลิฟท์แก้วไปยังชั้นP61ซึ่งเป็นโซนพักผ่อนของหัวหน้าองค์กร ในห้องนอนของชานยอลมีตัวเล็กที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง

    ฟังไม่ผิดหรอกแบคฮยอนกับชานยอลต้องนอนห้องเดียวกัน ที่นี่สร้างห้องมาแค่จำนวนของคนในองค์กรเท่านั้น ไม่มีห้องอื่นๆหรือห้องรับรองอะไรทั้งนั้นนอกจากห้องทำงาน

     

    แบคฮยอนหลับไปทั้งชุดนักศึกษา หลังจากโทรไปเม้าท์กับคยองซูก็บ่นว่าง่วงนอนจนชานยอลต้องพามาส่งที่ห้อง

     

      "แบคฮยอน.."

     

    ชานยอลเข้ามาปลุกให้ตัวเล็กตื่นเพราะนึกขึ้นได้ว่าแบคฮยอนยังไม่ได้กินอะไรเลย เห็นอย่างนี้ชานยอลก็ไม่ได้เป็นพี่ชายใจร้ายซะทีเดียวยังไงก็ต้องดูแลให้ดีๆหน่อย ผมก็ดูแลในฐานะผู้คุ้มกันเท่านั้นแหละ

     

     "แบคฮยอ...น้องบยอน" เด็กนี่ยังขี้เซาเหมือนเดิม เมื่อก่อนพอจะกลับบ้านทีไรก็งอแงจะขอนอนกับผมทุกที พอตอนเช้าก็มีแต่ผมคนเดียวที่ปลุกได้ แล้วแกจะไม่งอแง

     

      "งือ..พี่ชาน" แบคฮยอนพลิกตัวไปมาก่อนจะบิดขี้เกียจนิดหน่อย มือเรียวขยี้ถี่จนตาแดงชานยอลจึงดึงมือของตัวเล็กออกก่อนจะตาจะแดงไปมากกว่า

     

     "ถ้าขยี้แรงแบบนั้น จะทำให้เจ็บตานะ"

     

     "หิวไหม? เดี๋ยวพี่ เอ่อ..เดี๋ยวฉันพาไปกินข้าวข้างนอก"

     

     แบคฮยอนกระพริบตาถี่ๆเพราะเจ็บตาจากการขยี้เมื่อครู่ ตัวเล็กงัวเงียลุกขึ้นนั่งก่อนจะขยี้ตาอีกรอบ

     

     "เจ็บหรอ ไหนฉันดูสิ" ชานยอลนั่งลงที่เตียงข้างๆตัวเล็กก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปใกล้ลมหายใจอุ่นๆสัมผัสที่ใบหน้าของแบคฮยอนจนร้อนผ่าว พี่ชายตัวสูงเพียงแค่จะดูว่าน้องเจ็บตรงไหน

    แต่คนที่คิดอกุศลคือแบคฮยอน และไวเท่าความคิดที่ริมฝีปากบางของแบคฮยอนเลื่อนไปจูบที่ริมฝีปากของชานยอล

     

         รู้จักคำว่าสตั้น3วิกันใช่ไหม นั่นแหละชานยอลกำลังเป็น3 2 1……………

     

      "น้องบยอนคิดถึงพี่ชาน" แบคฮยอนบอกความในใจที่เค้าบอกกับชานยอลมาตลอด

     

     "แบคฮยอน...นายคิดว่าตัวเองอายุหกขวบหรือไง" ชานยอลโน้มหน้าเข้าใกล้อีกคนเมื่อรู้ว่าเป็นแผนหลอกล่อของแบคฮยอน แสบนักนะตัวแค่นี้

     

      "ตอนเด็กๆยังหอมแก้มได้เลยนะ แค่นี้โกรธหรอ" แบคฮยอนไม่ยอมแพ้เถียงพี่ชายตัวสูงหน้าตาย ตอนเด็กหอมแก้มหลายครั้งก็แค่โดนดีดหู แต่แบคฮยอนมั่นใจว่าชานยอลไม่กล้าทำอะไรเค้าแน่

     

     "นั่นมันตอนนั้น แต่ตอนนี้ฉันจะไม่ดีดหูนายแต่ฉันจะทำเหมือนที่นายทำ..เมื่อกี้"

     

    พูดจบพี่ชายตัวสูงก็ป้อนจูบให้กับน้องบยอนทันที ริมฝีปากของชานยอลดูดเม้มกลืนเอากลีบปากของแบคฮยอนเข้าไปก่อนจะใช่เรียวลิ้นล้อเล่นจนคนตัวเล็กสะดุ้งจะถอยหนีแต่มือหนาที่เร็วกว่ารั้งเอวคอดของแบคฮยอนเข้ามาชิดลำตัวก่อนจะจูบให้แรงขึ้นเป็นการสั่งสอน

     

      "อื้อ..พอ..อืม" แบคฮยอนรู้สึกเหมือนกับถูกดูดวิญญาณ เค้าไม่เคยจูบกับใครมาก่อนเพราะตั้งใจจะเก็บfirst kissไว้ให้ชานยอลคนเดียวเท่านั้นแต่ไม่คิดว่าพอเอาเข้าจริงๆจะหมดแรงขนาดนี้

     

      "แบบที่ฉันทำเมื่อกี้เค้าเรียกว่า'จูบแบบดูดดื่ม'ไม่ใช่จูบแบบอ่อนหัดอย่างที่นายทำ"

     

    ใบหน้าหวานแดงไปทั้งหน้า แบคฮยอนเอื้อมมือมาจับที่ริมฝีปากของตัวเองเพราะรู้สึกได้ว่ามันบวมเจ่อขนาดไหนก็ชานยอลเล่นดูดซะแรงขนาดนั้น ชานยอลแค่ต้องการจะสั่งสอนเด็กแก่แดดให้รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆที่จะทำได้เหมือนตอนเด็กๆชานยอลโตขึ้นมากและอารมณ์ในเรื่องนี้ก็ต้องมีเพิ่มมากขึ้นเป็นธรรมดา

     

    แบคฮยอนยังอ่อนต่อโลกนักเป็นเพราะคุณจุนมยอนเลี้ยงมาแบบตามใจและประคบประหงิมเอามากๆ แบคฮยอนยังต้องเจออะไรอีกเยอะ หากยังทำแบบนี้แล้วจะรู้จักดูแลตัวเองได้ไง ถ้าเกิดเที่ยวไปจูบใครต่อใครขึ้นมาจะทำยังไง ด้วยความไม่รู้จะทำให้ตัวแบคฮยอนเองนั่นแหละที่ไม่ปลอดภัย

     

          ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อถึงให้ผมดูแลแบคฮยอน

     

     

     



     

    แอสตันมาร์ตินเคลื่อนตัวออกจากองค์กร ชานยอลกำลังพาตัวเล็กออกไปกินข้าว วันนี้แบคฮยอนนั่งเงียบมาตลอดทางคงเป็นเพราะยังตกใจกับเรื่องจูบ ถ้ารู้ว่าจูบแล้วจะหยุดพูดแบบนี้ผมจูบไปนานแล้ว

     

     "อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม"

     

       แบคฮยอนส่ายหน้าไปมา

     

      "โกรธฉันหรอ?"

     

      "เปล่า..แต่เจ็บปาก" แบคฮยอนว่า ก็คนมันไม่เคยโดนจูบมาก่อนนี่นา แล้วชานยอลก็ไม่ได้จูบแต่ดูดเลยด้วยแบบนี้จะไม่ให้เจ็บได้ยังไงล่ะ

     

     "code88เรียกcode61ไอ้ชาน! ไอ้ฮีชอลแม่งเรียกเลย์ไปนั่งด้วยแล้วแต่มันพาเลย์ไปอีกที่นึง ตรงนั้นไม่กล้อง ไอ้เทากำลังตามไปช่วย!"

     

     "มันไหวตัวทัน! มึงส่งสัญญาณให้คนของเราล้อมไว้ทุกด้าน กูอยู่แถวนี่พอดีเดี๋ยวที่เหลือกูจัดการเอง"

     

    ชานยอลหัวเสียเค้านึกอยู่แล้วว่าฮีชอลไม่ธรรมดาแน่นอน ดีที่มีแผนสำรองไว้ร่างสูงเร่งเครื่องเร็วขึ้นก่อนจะพุ่งทะยานดุจความเร็วแสงไปยังคลับนั้นทันที

     

     

     

    เอี๊ยดดดดด!

     

     รถราคาหลายสิบล้านเบรกอย่างแรงจนยางเสียดสีกับพื้นถนนเสียงดังแบคฮยอนที่นั่งมาด้วยแทบจะไม่กล้าปริปากพูดสักคำ เค้าไม่เคยเห็นชานยอลโมโหมาก่อนไม่คิดว่าจะน่ากลัวขนาดนี้

     

     "อยู่บนรถห้ามไปไหนเด็ดขาด เดี๋ยวฉันออกมา"

     

    ชานยอลยื่นคำขาดก่อนจะผลีผลามเข้าไปคลับทันที ผู้คนกำลังแตกตื่นเนื่องจากตำรวจได้ทำการตรวจค้นจนต้องปิดร้านก่อนกำหนด ทุกทางออกของคลับมีตำรวจล้อมไว้ คนที่มากับฮีชอลถูกคุ้มตัวได้ทั้งหมด

     

     "code61เรียกcode68 มันพาเลย์ไปที่ไหน"

     

    "ตอนนี้เลย์อยู่กับกูแล้ว ไอ้ฮีชอลมันกำลังจะหนีไป"

     

     "เป็นไปไม่ได้คนของเราล้อมไว้หมดทุกทางออกแล้วมันจะหนีไปได้ยังไง"

     

     "มันหนีไปทางดาดฟ้าของคลับ จะมีฮ.มารับมัน" เลย์บอกหลังจากที่ได้ยินฮีชอลคุยโทรศัพท์กับใครสักคน

     

    ชานยอลวิ่งออกมาด้านหน้าคลับไม่นานหลังจากที่เลย์พูดจบ เสียงเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่มาจอดที่ดาดฟ้าของคลับก่อนจะพาคิมฮีชอลหนีไป

     

      "คิดจะจับฉันมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ปาร์ค!ชาน!ยอล!"

    เสียงคิมฮีชอลใช้โทรโข่งตะโกนลงมาเย้ยหยันก่อนจะหัวเราะอย่างผู้ชนะ ปล่อยให้ชานยอลที่ยืนมองอยู่กำมือแน่นด้วยความแค้น

     

      "ไอ้สารเลว!!!!" ร่างสูงสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินไปสั่งการกับตำรวจหลายนายที่ยืนนิ่งมองคนร้ายหนีไปต่อหน้าต่อตาอย่างเจ็บใจ

     

      "คุ้มตัวคนของคิมฮีชอลไปสอบปากคำจนกว่ามันจะยอมบอกว่าแหล่งกบดานอยู่ที่ไหน แล้วรีบแจ้งฉันทันที / พวกคุณทำเต็มที่แล้ว ขอบคุณที่สละเวลามาหวังว่าจะได้ร่วมงานกันอีกนะครับ"

     

      "ยินดีครับหัวหน้า" นายตำรวจโค้งให้ชานยอลก่อนจะหันไปสั่งให้เคลียร์พื้นที่และกลับกรมตำรวจโดยเร็ว

     

     

     

     อีกเรื่องที่ชานยอลกังวลใจคือแบคฮยอนร่างสูงรีบวิ่งกลับมาที่รถก็พบว่าแบคฮยอนยังนั่งอยู่ในรถก็โล่งอก

     

      "ดีมากที่เชื่อฟังฉัน เห็นแล้วใช่ไหมว่าอันตรายขนาดไหน"

     

      "พี่ชาน..มีคนตามเรามา"

     

    แบคฮยอนบอกพี่ชายเพราะสังเกตเห็นว่ามีผู้ชายคนนึงขับบิ๊กไบค์ตามมาอยู่เป็นระยะ ในตอนที่ชานยอลไม่อยู่ผู้ชายคนนั้นขับมาจอดตรงหน้ารถแล้วก็ยกปืนขึ้นมาขู่ ก่อนจะขับหนีไป

     

     "มันคงจะมาฆ่าฉันน่ะไม่มีอะไรหรอก.."

     

    ชานยอลน่ะชินกับสถานการณ์นี้แล้วเค้าโดนตามแบบนี้จนนับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ไม่มีใครทำอะไรเค้าเพราะรถทุกคันของชานยอลกันกระสุนได้ในระยะห่างสองร้อยเมตรหรือจะเป็นระยะประชิดก็จะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เซฮุนติดตั้งไว้กับรถทุกคันออกมาเล่นงานพวกมือกระจอกพวกนั้นจนหนีเตลิดไปเลยก็มี

     

     "ไม่มีอะไรได้ไงในเมื่อเค้าจะมาฆ่าพี่ชานเลยนะ น้องบยอนจะบอกคุณลุง!"

     

      "ไม่ต้องหรอก ถ้าเป็นห่วงฉันแค่เป็นเด็กดีของฉันก็พอ"

     

     

      "code7เรียกcode61 กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่าส่งเลย์ไป มึงก็เห็นแล้วว่าผลมันเป็นยังไง--.." เสียงจากไวต์เลทดังขึ้นเป็นเสียงลู่หานที่ดูจะฉุนขาดเอามากๆ

     

      "ไว้คุยกันที่องค์กรกูกำลังกลับ" ชานยอลตอบกลับสั้นๆเค้ารู้แล้วว่าลู่หานต้องโวยวายแน่

     


     

     

     

     P.C.Y.SIXTY1

     





     

     "ไอ้ชานมึงมาดูรอยที่คอเลย์ มึงเห็นหรือยัง!!!" ทันทีที่ประตูเปิดออกลู่หานก็กระชากคอเสื้อของชานยอลทันที โดยที่เพื่อนๆก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามเพราะเวลาลู่หานโมโหเอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่

     

     "ไอ้ลู่มึงปล่อย ก่อนที่กูจะหมดความอดทน" น้ำเสียงที่นิ่งสนิทสยบทุกสรรพสิ่งให้บรรยากาศในห้องเงียบเชียบลงไปหลายขุมจนได้ยินแต่เสียงของเครื่องปรับอากาศ ลู่หานค่อยๆลดมือลงก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆเฉินอย่างหงุดหงิด

     

      "เลย์ นายติดเครื่องดักฟังไว้ที่ไหน"

     

     ทันทีที่ชานยอลถามประโยคนั้นกับเลย์ทั้งห้าคนก็หันไปมองที่ชานยอลทั้งที

     

     "เครื่องดักฟังอะไรวะไอ้ชาน กูไม่ได้ให้เลย์ไปนี่หว่า" ไคว่า

     

      "กูรู้อยู่แล้วว่ามันต้องรู้ตัวกูเลยให้เครื่องดักฟังกับเลย์ไป /ว่าไงล่ะ นายติดไว้ที่ไหนเลย์?"

     

      "ฉันติดไว้ที่รอยพับตรงตะเข็บกระเป๋าด้านนอก ดีที่เครื่องดักฟังมีขนาดเล็กมากฉันเลยยัดเข้าไปได้ ฉันมั่นใจว่ามันไม่รู้แน่ๆ" เลย์พูดขึ้นแม้จะโดนลวมลานจนได้รอยกลับมาแต่ก็คุ้ม คราวนี้ก็เหลือแค่มารอฟังกันดีกว่า ว่าไอ้โรคจิตนั่นมันมีแผนอะไรต่อไป

     

     "เหยด..สมกับเป็นหัวหน้าองค์กรรอบคอบและรัดกุมมากเลยครับท่านปาร์ค!" ไคปรบมือเสียงดังให้ชานยอลอย่างกวนประสาท

     

      "ไอ้ลู่..มึงควรขอโทษไอ้ชานนะครั้งนี้มึงทำเกินไป" เฉินบอกลู่หานที่นั่งเงียบอยู่ตรงนั้น ชานยอลฉลาดและรอบคอบเสมอนี่คือสิ่งที่ลู่หานเองก็รู้ แต่ด้วยความที่เป็นห่วงเพื่อนจึงผลีผลามทำร้ายชานยอลไป

     

       "กูขอโทษ"

     

     ชานยอลชินเสียแล้วกับอารมณ์ร้อนของลู่หานเค้าไม่เคยใส่ใจกับเรื่องพวกนี้ นอกจากงานแล้วเรื่องอื่นก็ไร้สาระสำหรับชานยอล

     

     "ไอ้ฮุนพรุ่งนี้เช็กกล้องในรถกูด้วย วันนี้มีคนตามกูมา"

     

     "เลย์,เทา พวกนายไปพักเถอะ ฉันขอโทษด้วยกับสิ่งที่เกิดกับนาย / ดึกมากแล้วพวกมึงไปนอนเถอะ"

     

     "ไล่พวกกูไปนอนเนี่ยมึงจะรีบขึ้นไปหาน้องบยอนใช่มั้ยวะ" ไคแซวจนชานยอลจนหันกลับไปด่า

     

     "ไคมึงอย่ากวนตีน" ก่อนจะชูนิ้วกลางให้เป็นของแถมก่อนนอน

     

     

     

     

     ร่างสูงก้าวออกจากห้องประชุมไปทันทีที่พูดจบ วันนี้ชานยอลรู้สึกเหนื่อยเป็นพิเศษ เค้าไม่ได้ออกไปลุยเองแบบนี้นานมากแล้ว ปกติจะนั่งสั่งการอยู่ที่องค์กรอย่างเดียวแถมในใจก็ว้าวุ่นห่วงตัวเล็กที่รออยู่ในรถแทบแย่

     

      "พรุ่งนี้มีเรียนไหม" ชานยอลถามแบคฮยอนที่กำลังวาดรูปอะไรสักอย่างอยู่บนเตียง

     

      "พี่ชานคนนี้แหละที่ตามเรามา" แบคฮยอนยื่นภาพสเก็ทให้ชานยอลดู หลังจากที่พยายามวาดอยู่นานเป็นรูปผู้ชายคนนึงซึ่งชานยอลรู้จักดีเลยทีเดียว..

     

      "ไอ้จุนซู.." ชานยอลกัดฟันกรอดก่อนจะขย้ำกระดาษในมือทิ้ง เค้าไม่คิดว่าแบคฮยอนจะเห็นหน้ามันชัดซะจนวาดออกมาได้ขนาดนี้ แต่ที่น่าหนักใจคือมันเห็นแบคฮยอนแล้วป่านนี้ไม่รู้มันจะคิดแผนชั่วๆอะไรอยู่

     

    จุนซูเป็นศัตรูกับชานยอลมานานมาก มากจนไม่มีวันจะชำระให้หมดไปได้ ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมชานยอลกับจุนซูจะเป็นคู่แข่งกันมาตลอดในทุกเรื่องแต่ผู้ชนะก็มักจะเป็นชานยอลเสมอ นั่นทำให้จุนซูคับแค้นใจมากและพยายามหาทางกลั่นแกล้งชานยอล จนวันนึงที่ทั้งคู่ได้มาเจอกันในฐานะตำรวจและผู้ร้าย มันยิ่งทำให้จุนซูยิ่งเกลียดชานยอลเพิ่มทวีคูณเพราะชานยอลทำให้เค้าต้องติดคุกโดยไม่มีการลดโทษอยู่หลายปี ด้วยคดีค้ายาเสพติดและพยายามฆ่า

     

    และยิ่งจุนซูมาเจอแบคฮยอนก็ยิ่งทำให้ชานยอลกังวลใจมากขึ้นเพราะจุนซูต้องพุ่งเป้ามาทำร้ายแบคฮยอนเพื่อแก้แค้นเค้าแน่ๆ ร่างสูงหันไปมองน้องบยอนของเค้าที่นั่งอยู่ที่เตียงอย่างอดห่วงไม่ได้ เค้าควรจะปกป้องให้แบคฮยอนปลอดภัยแต่การที่แบคฮยอนอยู่ใกล้เค้าแบบนี้ยิ่งทำให้แบคฮยอนมีอันตรายมากขึ้น

     

     "ขอโทษนะแค่วันแรกฉันก็พานายไปเสี่ยงอันตรายซะแล้ว"

    ชานยอลลูบหัวทุยของแบคฮยอนก่อนจะโอบเข้ามาแนบกาย แค่กอดปลอบขวัญเท่านั้นไม่มีอะไรมากกว่านั้น

     

      แค่กลัวว่าตัวเล็กจะกลัวจนงอแง

     

     "พรุ่งนี้ไม่ต้องไปเรียนนะ ฉันเป็นห่วง"

     

    แบคฮยอนพยักหน้าหงึกๆก่อนจะกอดชานยอลแน่นอยู่ใกล้ๆพี่ชานแบบนี้แบคฮยอนก็รู้สึกปลอดภัยแต่ก็เป็นห่วงชานยอลด้วย พี่ชานคงจะคิดว่าแบคฮยอนกลัวสินะ แต่เปล่าเลยเค้าไม่ได้กลัวอะไรด้วยซ้ำ ใจคนตัวเล็กอยากจะลงจากรถแล้ววิ่งไปหาพี่ชานแต่ติดที่ว่าถูกสั่งไว้ว่าห้ามไปไหนแบคฮยอนก็ไม่อยากขัดคำสั่ง 

     

     น้องบยอนก็แค่อยากเป็นเด็กดีของพี่ชาน..

     


     

     

    P.C.Y.SIXTY1

     

     



      "ไอ้ชานกูรู้แล้วว่าใครตามมึง" เซฮุนรีบมาแจ้งข่าวให้ชานยอลในห้องอาหารเช้า

     

      "ไอ้จุนซู" ชานยอลพูดสั้นๆก่อนจะจิ้มไส้กรอกคอกเทลรมควันเข้าปาก

     

     "อ้าว!มึงรู้อยู่แล้ว แล้วให้กูเช็กทำไมวะเสียเวลา" เซฮุนโวยเพราะเค้านั่งเช็กทั้งคืนกว่าจะหาจุดที่เห็นชัดๆก็เล่นเอาซะไม่ได้นอน

     

      "นี่ไอ้จุนซูมันยังไม่เลิกแค้นมึงหรอวะ ตามไม่เลิก!" ไคว่า

     

     "ก็คงจะตามจนกว่าจะฆ่ากูได้นั่นแหละ แต่ที่ห่วงคือมันเห็นแบคฮยอนอยู่กับกู"

     

      "มึงคงไม่คิดว่ามันจะใช้แบคฮยอนเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นมึงหรอกนะ"

     

     "นั่นแหละสันดานของไอ้จุนซู..วิธีสกปรกที่มันถนัด" ชานยอลวางส้อมกับมีดลงก่อนจะลุกจากโต๊ะอาหาร

     

     "แต่ที่สำคัญกว่าไอ้กระจอกนั่นคือไอ้ฮีชอล! ไอ้จุนซูกูจะจัดการกับมันเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตอนนี้พวกมึงต้องเร่งมือหน่อยถ้าเรายังจับไอ้ฮีชอลไม่ได้จะต้องมีอีกหลายคนที่ต้องตกเป็นเหยื่อนรกของมัน ครั้งนี้เราพลาด แต่ครั้งหน้าจะพลาดไม่ได้ เราคงต้องทำงานกันให้หนักกว่าเดิมและอย่าลืมว่า.."

     

     "ต้องรอบคอบและรัดกุมที่สุด"

     

     ประโยคนี้เป็นสโลแกนขององค์กรเลยก็ว่าได้

     

     "ตอนนี้มีคดีฆ่าข่มขื่นนักเรียนแถวโรงเรียนมัธยม เดี๋ยวดึกๆกูจะออกไปหาหลักฐานเพิ่ม มีไรมึงก็บอกเฉินละกันกูจะปิดสัญญาณไวต์เลท"

     

    หน่วยข่าวกรองอย่างลู่หานพูดขึ้นหลังจากที่ได้รับแหล่งข่าวบางส่วนจากกรมตำรวจ ลู่หานไม่ชอบการทำงานในห้องสี่เหลี่ยมแต่เค้าชอบผจญภัยออกไปลุยงานมากกว่า และครั้งนี้ก็เช่นกัน

     

     

    00.30

     

    แลมโบกินี่สีแดงเพลิงของลู่หานเข้ามาจอดแถวโรงเรียนมัธยม ใกล้บริเวณที่พบศพของนักเรียน ลู่หานใช้เครื่องมือตรวจหาสิ่งแปลกปลอมที่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ สแกนไปรอบๆบริเวณ ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของบุคคลนึงที่กำลังเดินมาทางนี้

     

      "ใครน่ะ"

     

    เสียงฝีเท้าหยุดเดินทันทีเมื่อได้ยินเสียงของลู่หาน และรีบปลีกตัวหลบเข้าไปในมุมมืดๆ ลู่หานกำลังจะเดินไปดูก็ต้องเบี่ยงตัวหลบทางเพราะมีกลุ่มเด็กนักเรียนชายจำนวนนึงกับมอเตอร์ไซค์ดัดแปลงเครื่องขับออกมาด้วยความเร็ว แต่ละคันบิดรถดังลั่นเสียงดังโหวกเหวกจนลู่หานจนอุดหู

     

      "ไอ้พวกเด็กแว๊นเข้าไปทำอะไรในโรงเรียนดึกๆดื่นๆแบบนี้" ร่างสูงสบถก่อนจะนึกขึ้นได้ เสียงฝีเท้านั่นคนที่หลบอยู่ตรงนั้น

     

     ลู่หานสาวเท้าเดินไปที่ประตูรั้วของโรงเรียนก่อนจะเจอกับเด็กนักเรียนคนนึงนั่งหลบมุมอยู่ มือหนาเอื้อมไปแตะที่ไหล่ของเด็กหนุ่มจนสะดุ้งเฮือกตัวสั่นไปหมด

     

      "อ่ะ..อย่านะอย่ามายุ่งกับฉัน!! ฉันไม่บอก..ฉันจะไม่บอกใครปล่อยฉันไปเถอะ.."

     

    เด็กหนุ่มก้มหน้าหลับตาปี๋เหมือนกลัวอะไรบางอย่าง ไม่บอกงั้นหรอ? ไม่บอกอะไร?

     

      "ฉันไม่ใช่เด็กแว๊นพวกนั้นหรอก" ลู่หานว่า

     

     เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับลู่หานที่ยืนอยู่

     

     "พ..พี่เป็นใคร เป็นตำรวจหรือเปล่า" ที่มินซอกถามไปแบบนั้นเพราะในแต่ละวันจะมีตำรวจคอยแวะเวียนมาขอร้องให้เค้าไปเป็นพยานในคดีฆ่าข่มขื่นที่เกิดขึ้น

    โชคร้ายที่มินซอกบังเอิญไปเห็นเหตุการณ์เข้าเลยทำให้ชีวิตที่เคยสงบสุขต้องมีแต่ความหวาดระแวงเข้ามาแทนที่

     

      "ทำไมถึงคิดว่าพี่เป็นตำรวจล่ะ" ลู่หานลองเชิงถามเด็กหนุ่มไร้เดียงสาตรงหน้า

     

     "ไม่รู้สิ..แล้วตกลงเป็นตำรวจหรือเปล่า?ถ้าใช่..มินซอกไม่คุยด้วยนะจะกลับบ้านแล้ว" เด็กหนุ่มว่าก่อนจะลุกขึ้นสะพายเป๋าขึ้นบ่าพร้อมกับทำท่าจะเดินหนี

     

    แววตาของลู่หานสแกนเพียงครั้งเดียวก็ล่วงรู้ได้เลยว่าเด็กคนนี้ต้องกำความลับอะไรไว้แน่ๆและอาจจะเป็นข้อมูลที่องค์กรกำลังต้องการ

     

     "นายหนีเด็กแว๊นพวกนั้นมาสินะ เดี๋ยวฉันไปส่งดีกว่าจะได้ปลอดภัย" ลู่หานยื่นมือไปให้เด็กหนุ่มเป็นเชิญชวนให้ไปด้วยกัน

     

     "คิม มิน ซอก ชื่อคิมมินซอกสินะ" ลู่หานอ่านป้ายชื่อของเด็กหนุ่มที่ติดอยู่ที่เสื้อก่อนมินซอกจะรีบเอามือปิดป้ายชื่อไว้

     

     "ฉันชื่อลู่หาน ฉันไม่ได้เป็นตำรวจทีนี้จะกลับกับฉันหรือเปล่า" ลู่หานแนะนำตัวเองใช่ที่ว่าเค้าไม่ได้เป็นตำรวจแต่เป็นมากกว่าตำรวจต่างหาก

     

     "ก..กลับก็ได้ อย่าโกหกมินซอกนะ"

     

    มินซอกเดินตามลู่หานไปขึ้นรถอย่างน้อยๆก็ปลอดภัยไปได้อีกวันถ้าเดินกลับเองมีหวังพวกนั้นต้องดักรออยู่แน่ๆ

     

      "บ้านนายอยู่ที่ไหน" ลู่หานถามขึ้นเพราะขับรถมาสักพักเด็กหนุ่มก็เอาแต่ก้มหน้านั่งเงียบไม่พูดไม่จาไม่บอกทางกลับบ้านอะไรสักอย่าง

     

     "ม..มินซอกไม่อยากกลับบ้าน" เด็กหนุ่มพูดขึ้นก่อนจะสะอื้นเล็กๆเค้าไม่อยากกลับบ้านเลยสักนิด เพราะถ้ากลับไปก็ต้องถูกพี่ของเค้าทุบตีให้ออกไปทำงานที่คลับนรกนั้น กว่าจะได้กลับบ้านก็เกือบเช้าแล้วไหนต้องไปโรงเรียนอีก ถ้าไม่ไปก็จะโดนตีจนกว่าจะยอมไป

     

     "ทำไมล่ะ..ทำไมไม่อยากกลับมีอะไรหรือเปล่า" ลู่หานเอื้อมมือไปแขนของเด็กหนุ่ม จนร้องเสียงหลงไม่ใช่เพราะลู่หานรุนแรงอะไรนะแต่...

     

     "เจ็บหรอฉันจับเบาๆเองนะ เป็นอะไรหรือเปล่า" ลู่หานจอดรถข้างทางทันทีเมื่อเห็นอาการต้องสงสัยของเด็กหนุ่มเค้าอยากรู้ว่าภายใต้เสื้อนักเรียนแขนยาวนั่นปกปิดอะไรไว้

     

      "ถอดเสื้อออกสิ"

     

     "พ..พี่จะทำอะไร พี่ไม่ใช่คนดีหรอ"

     

      "ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันแต่อยากรู้ว่านายเป็นอะไรมีแผลตรงไหนหรือเปล่า"

     

      "ฮึก..ฮือ..ม..ไม่มีอะไรหรอกฮ่ะ" ยิ่งลู่หานถามถึงเรื่องความเจ็บมินซอกก็ยิ่งร้องไห้หนักเมื่อนึกถึงเวลาที่ถูกพี่ใช้เข็มขัดฟาด ใช้ด้ามไม้กวาดตี ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งกลัวมากกว่า

     

     ลู่หานตกใจที่เห็นมินซอกร้องไห้ทั้งๆที่เค้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ร่างสูงอีกโอบเด็กหนุ่มเอาไว้ก่อนจะลูบหัวปลอบขวัญให้สบายใจขึ้น และอ้อมกอดของลู่หานก็ทำให้มินซอกสบายใจได้จริงๆเด็กหนุ่มรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่ในอ้อมกอดแกร่งนี้

     

      "ให้ฉันดูนะ"

     

    เด็กหนุ่มพยักหน้า ลู่หานเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดก่อนจะแหวกสาบเสื้อออกจากกายของคนตัวเล็ก

    ร่างสูงต้องตกตะลึงกับคนตรงหน้าตามร่างกายของมินซอกมีแต่ร่องรอยการถูกทารุณกรรม ฟกช้ำดำเขียวไปทั่วเรือนร่างตัดกับผิวขาวๆยิ่งทำให้รอยช้ำยิ่งชัดขึ้นจนน่ากลัว เด็กหนุ่มก้มหน้าหลุบตาลงต่ำ และแขนข้างที่ลู่หานจับเป็นแผลลากเป็นทางยาวคล้ายๆกับถูกมีดหรือมีคมกรีด

     

     เด็กหนุ่มที่ดูท่าทางน่าจะร่าเริงกลับกลายเป็นคนซึมเศร้าหวาดระแวงและยังถูกทำร้ายขนาดนี้ คนทำมันคงสารเลวมาก ดูเหมือนลู่หานจะได้งานเพิ่มอีกคดีซะแล้ว

     

     "มินซอก..มองหน้าฉันบอกมาว่าใครทำกับนายแบบนี้ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นบอกมาเลยฉันจะช่วยนายเอง"

     

    ลู่หานรู้สึกสงสารมินซอกจับใจเด็กตัวเล็กๆมาทนกับเรื่องเลวร้ายพวกนี้ได้ยังไงกัน

     

      "บอกไม่ได้..มินซอกบอกไม่ได้" เด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ

     

      "ทำไมล่ะเค้าทำกับเราแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะ คนแบบนั้นต้องได้รับโทษ"

     

      "ไม่ได้นะ! อย่าจับพี่เข้าคุกนะ"

     

       พี่? หมายความว่าคนที่ทำแบบนี้คือพี่แท้ๆงั้นหรอ มันจะเลวนรกส่งมาเกิดไปแล้วโว้ย

     

      "พี่ชายของนายทำกับนายแบบนี้ได้ยังไง?"

     

      เด็กหนุ่มส่ายหน้าอีกครั้งเค้าไม่สามารถบอกอะไรได้เพราะกลัวว่าพี่ชายของตัวเองจะโดนจับเข้าคุก ลู่หานถอดใจไม่ถามอะไรอีกเพราะยังไงมินซอกก็ไม่ยอมปริปากบอกแน่

     

     ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาลู่หานจึงเปิดสัญญาณและติดต่อไปหาเฉินทันที

     

      "code7เรียกcode21ได้เบาะแสของคดีแล้ว และดูเหมือนจะได้คดีใหม่เพิ่มด้วย บอกไอ้ชานว่ากูจะพาคนเข้าไปองค์กรเพื่อความปลอดภัยของพยาน เดี๋ยวกูส่งชื่อไปให้ไอ้ไคเช็กประวัติด้วย"

     

      "code21รับทราบ ว่าแต่ระบบรักษาความปลอดภัย...."

     

     "ไม่มีปัญหากูมั่นใจว่าผ่าน" ลู่หานบอกเฉินก่อนจะหันมาพูดกับเด็กหนุ่มที่นั่งงงงวยอยู่ข้างๆ

     

      "ไม่อยากกลับบ้านงั้นก็ไปอยู่กับฉัน ต่อไปนี้ฉันจะดูแลนายเอง"







     

    #ชานแบคลับรัก
    อย่าลืมคอมเมนต์แล้วก็สกรีมแท็กด้วยนะคะ ฝากฟิคเรื่องนี้ไว้ในใจรีดเดอร์ด้วยนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×