คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : D a nG e r : part 3
Danger part 3
“นางิ เป็นลูกบุญธรรม ของคุณหนูแทยอนเค้าน่ะ ไม่ใช่แค่ของคุณหนูแทยอนคนเดียวนะ เป็นลูกของสาวๆทั้งสี่เลยละ” แทคยอน พูดพลางเพ้อฝัน เมื่อนึกถึงหน้าสวยๆ ของ คิมแทยอน ต่างจากเพื่อนของเค้าที่ขมวดคิ้วเป็นปมทันที
“ลูกบุญธรรม??” ชายหนุ่มทวนคำตอบ ของแทคยอน อย่าง งง งง ที่ผู้หญิงร้ายกาจอย่างนั้นจะเลี้ยงเด็กเอาใว้เป็นลูก แถมดูจากแวว ตาที่มองเด็กคนนั้นแล้ว เธอดูจะรักมากกว่าตัวเองซะอีก
“ว่าแต่? แกจะถามถึงคุณแทยอนทำใมว่ะ เฮ้ย !! อย่าคิดแอ้มนะเว้ย คนนี้ฉันหวงว่ะ” แทคยอนโวยวายออกมาหลังนึกขึ้นได้ ว่าเพื่อนของตนนั้นเพิ่งถามข้อมูลของคนที่ตัวเองชอบไป
“หึ !! เชิญแกปลื้มไปเถอะ ฉันเอายัยนั่นไม่ลงหรอก ไม่ต้องห่วง” ชายหนุ่มตอบพลางทำหน้ารังเกียจ และนึกถึงสิ่งที่หญิงสาว ทำ เธอทำให้ทิฟฟานี่ต่อว่าเค้าทั้งน้ำตา ‘ทำใมพี่ต้องไปทำเรื่องแบบนั้นให้พี่แทยอนเห็นด้วย แค่นี้พี่เค้าก็สมเพช ทิฟพอแล้วนะ พี่จะทำให้ทิฟรังเกียจตัวเองไปถึงใหน’ เพราะยัยนั่นไปพูดจาดูถูกทิฟ เพราะยัยนั่นทำทิฟร้องให้ เพราะยัยนั่นแท้ๆ ยัยนั่นคนเดียว หึ! ชายหนุ่มได้แต่คิดรังเกียจหญิงสาวที่ทำร้ายคนรักของเค้า
“ลืมไปแกมีคุณทิฟฟานี่อยู่แล้ว งั้นนางฟ้าอย่างคุณคิมแทฉันขอนะ” แทคยอนพูดอย่างเพ้อฝัน แทคยอนไม่รู้เลย ว่าทิฟฟานี แฟนของเพื่อนเค้านั้น เป็นน้องสาวต่างแม่ของคิมแทยอน เธอไม่เคยอนุญาติให้ทิฟฟานีออกงาน และ ไม่ให้ใครรู้ว่าเธอกับทิฟฟานี มีสายเลือดเดียวกัน เรื่องนี้จึงมี แค่เพื่อนสาวทั้งสี่ของแทยอน อูยองที่เป็นแฟนของทิฟฟานี่ และ คนในครอบครัวเท่านั้นที่รู้
“หึ ! นางฟ้า ??” จาง อูยอง ทวนคำพูดของแทคยอนพลางนึกขำ นางฟ้าหรอ เธอมันปีศาจ ผู้หญิงคนนั้นมันปีศาจ ถึงแม่จะเป็นปีศาจที่น่ารักมากก็ตามที จาง อูยอง คิดถึงรอยยิ้มที่เธอมอบให้เด็กสาวคนนั้น รอยยิ้ม ที่ไม่ได้เกิดจากการฝืน เป็นรอยยิ้มที่มีความสุขจริงๆ มันทำให้ผู้หญิงคนนั้นดูน่ารัก อย่างที่เค้าไม่เคยเห็นมาก่อน น่ารัก นี่เค้าคิดบ้าอะไรอยู่?
“แกไม่รู้จักคุณคิม แทยอนเค้านี่หว่า รู้ใหม?? เรื่อง ของนางินะ ไม่มีใครรู้เลยนะ มีแต่ฉันนี่แหละคอยติดตามเธอและรู้ทุกเรื่องที่เกียวกับเธอ ฉันถามมาจากยัยยูริ เพื่อนสนิทของคุณแทยอนเลยนะเนี่ย เพราะงั้นข้อมูลแต่ละอย่างไม่มีพลาด” แทคยอน พูดอย่างมั่นใจในตัวเอง ว่ารู้เรื่องของหญิงสาวที่เป็นนางในฝันทุกเรื่อง ต่างกับ อูยอง ที่ขำในความบ้าของเพื่อน ‘รู้ทุกเรื่องหรอ ? นายยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทิฟฟานี่แฟนฉันเป็นน้องสาวของยัยนั่น’
"แกรู้จัก เพื่อนยัยนั่นถึงขนาดถามเรื่องส่วนตัวของเพื่อนได้เลยหรอ" จาง อูยอง ถามพลางคิดถึงหน้าควอนยูริ 1 ใน 4 สาว ตัวแสบเพื่อนของแทยอน ซึ่งดูแล้วเธอก็ร้ายไม่แท้ คิม แทยอน ไม่สิ พวกเธอทั้งสี่ น่าจะร้ายไม่แพ้กันเลย
"พ่อของยัยยูริ เป็นเพื่อนสนิทของพ่อฉัน ฉันกับยัยนี่ รู้จักกันตั้งแต่เด็ก ก็สนิทพอตัวนะ เพราะบ้านก็อยู่ข้างๆกัน ยัยนี่มาห้องฉันประจำแหละ" แทคยอน กับยูริ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เค้าและเธอคบกันเหมือนพี่น้อง เพราะยูริเป็นผู้หญิงพ่อของยูริจึงฝากใว้กับเค้าบ่อยๆตอนเด็กๆ ทำให้สนิทกันมาก แต่ทำใมไม่รู้ยิ่งโตรู้สึกยัยยูริยิ่งห้าวขึ้น ห้าวขึ้น มีแค่การแต่งตัวที่แสนจะเซ็กซี่เท่านั้นและที่ดูเป็นผู้หญิงจริงๆ
“ว่าแต่ ไอจุนซูมันไปใหน” อูยองถามหาเพื่อนอีกคน เพราะปกติถ้าเค้ามาหาแทคยอนอีกซักพักจุนซูก็จะตามมาด้วยถ้าเกิดไม่มีงาน หรืออยู่กับแฟน
“ไปทำงาน” แทคยอนตอบแล้วเปลี่ยนสีหน้าเพ้อฝันเป็นรอยยิ้มเจ้าเหล์ สร้างความสงสัยให้กับอูยองทันที
“มันบอกว่าช่วงนี้ขี้เกียจรับงานนี่! ทำใมอยู่ถึงรับงานละ” อูยองถามแทคยอน เพราะปกติคิม จุนซู หยิ่งที่จะรับ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
“อันนี้มันไม่ได้รับ มันไปเสนอ ของานเองเลย” คำตอบของแทคยอน ทำให้จาง อูยองยิ่ง สงสัย อย่างคิม จุนซูนี่นะจะไปของานใครทำ ? คนอย่างมันมีแต่คนอยากทำงานด้วย
“มันไปของานบริษัท’ลี’ทำ” ทันทีที่แทคยอนเฉลย แววตาของชายหนุ่มแสดงความตกใจอย่างเห็นได้ชัด บริษัท ลี งั้นหรอ ไอจุนซู คงจะเริ่ม’เอาคืน!!’ คนตระกูลนั้นแล้วสินะ
“อ้าวคุณ จุนซู มาแล้วหรอค่ะ เชิญค่ะ คุณหนูซันนี่รออยู่พอดีเลย ฉันจะพาไปที่ห้องทำงานของคุณหนูนะค่ะ” เสียงของพนักงานสาว พูดขึ้นทันทีที่เห็นชายหนุ่มเดินเข้ามา
“คุณซันนี่? แต่ผมจำได้ว่าโปรเจกต์เป็นของคุณ ลี นี่ครับ ทำใมกลายเป็นของคุณหนูได้ละ”ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย เนื่องจากโปรเจกต์ที่เค้าขอทำนั้น จำได้ว่าคุณลีเป็นผู้ดูแล ทำใมถึงกลายเป็นซันนี่ไปได้
“ค่ะ แต่คุณลี เพิ่งโอนโปรเจกต์นี้ให้คุณหนูเมื่อวานค่ะ ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำใม” คุณเลขาตอบพลางส่งยิ้มให้ แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจรอยยิ้มนั้นเลย ริมฝีปากของเค้าคลี่ยิ้มออก อย่างนึกสนุก พลางนึกถึงหญิงสาวเจ้าของโปรเจกต์ หญิงสาวที่ประกาศกร้าวท้าทายชายหนุ่ม เมื่อวันก่อน’เธอได้จำแต่ฉันจริงๆแน่ซันนี่’
“คุณเจสสิกาค่ะ ดิฉันพา คุณจุนซู มาพบคุณหนูซันนี่ค่ะ” พนักงานสาวคนนั้น รีบเดินไปบอกเจสสิกา เลขาของซันนี่ที่เดินผ่านมาทัน ซึ่งเจสสิกาเองก็หันไปมองที่ชายหนุ่มทันที
“เดี๋ยวฉันดูแลต่อเอง ขอบใจมาก”เจสสิการับคำสั้นๆ ก่อนที่จะผายมือ เชิญชายหนุ่มให้เดินตามเธอไป
“ที่คุณมาเสนอของงานนี้ คุณต้องการอะไรค่ะ”ระหว่างทางเจสสิกาถามชายหนุ่มตามตรง
“ผมว่าน่าสนใจดีครับ ได้ไปทำงานที่ประเทศไทยด้วย ผมยังไม่เคยไปเลย”ชายหนุ่มตอบ แม้ว่าจะเป็นคำตอบที่เค้าเพิ่งคิดขึ้นมาก็เถอะ แต่เจสสิกา ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะในเมื่อชายหนุ่มเลือกที่จะไม่ตอบตามตรงกับเธอ
“งั้นฉันจะเข้าไปบอกยัยซัน แล้วจะมาเรียกคุณเข้าไปอีกที” เลขาสาวหันมาบอกชายหนุ่ม ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้ารับและยิ้มให้เลขาสาว แต่ทันที ที่เลขาสาวเดินเข้ามาในห้องทำงานและปิดประตูลง ฟรอมที่วางใว้ต่อหน้าชายหนุ่มเมื่อกี๋ ก็หลุดทันที
“ยัยซัน!!><”เลขาสาวตะโกนขึ้นแล้ววิ่งไปหาเพื่อนสาว ที่กำลังตรวจงานตามปกติ
“วันนี้กริ๊ด เรื่องอะไรละสิกา”ซันนี่ ขำในท่าทางของเพื่อนสาว ที่ตื่นเต้น เหมือนเมื่อวานตอนที่เอาเรื่องจุนซูมาบอก
“เค้ามาแล้วซันนี่!” เจสสิกา ยังคงพูดโดยไม่ยอมเฉลยซักที
“ใครมา??” ซันนี่ถามออกไปอย่างสงสัย แต่เธอมั่นใจว่าต้องไม่ใช่นิชคุณแน่ๆ เพราะ ถ้าเป็นนิชคุณยัยเจสต้องทำท่าทางรังเกียจมากกว่าตื่นเต้นแบบนี้ แน่นอน
“สถาปนิกคนใหม่! ตอนนี้เค้าอยู่หน้าห้อง ><”ทันที ที่เพื่อนสาวเฉลยนั้น ดวงตาของหญิงสาวฉายแววตกใจอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่ ยากที่จะคาดเดา
“งั้นก้ไปเชิญเค้าเข้ามาสิ” ซันนี่ บอกเจสสิกา ทั้งรอยยิ้ม แต่ดวงตาของเธอ นั้นไม่ได้ยิ้มตามซักนิด เจสสิกา รีบเดินไปที่ประตูห้องเพื่อเชิญคิมจุนซูเข้ามาด้วยมาดที่มั่นคง แตกต่างกับตอนอยู่กับซันนี่อย่างสิ้นเชิง
“เชิญค่ะ” เลขาสาวพูดเรียบๆพลางผายมือให้คิมจุนซู เข้ามาในห้อง แล้วเธอก็เดินออกไปทันที ซึ่งปกติโต๊ะทำงานของเธอจะอยู่ในห้องของซันนี่ แต่เธอรู้ดี ว่า แขกคนนี้ของซันนี่ ไม่ควรมีเธอนั่งฟัง เจสสิกา เลยกดโทรศัพท์หายูริทันที
ทันทีที่คิมจุนซูเข้ามาในห้อง ก็พบกับซันนี่ เจ้าของโปรเจกต์ ที่เค้ามาขอทำงาน ซึ่งเธอเอง ก็ยิ้มรับเค้า
“เชิญนั่งค่ะ คุณจุนซู” หญิงสาวพูดขึ้นเรียบๆและผายมือไปที่เก้าตรงข้ามเธอ โดยมีโตะทำงานของเธอคั้นกลาง
“ครับ” คิม จุนซู เดินเข้าไปนั่งและทั้งสองคุยเรื่องงาน จนผ่านไปซักพัก
“ฉันชอบ น่ะ ความคิดของคุณ ยินดีค่ะ ที่ได้ร่วมงาน” เสียงของหญิงสาวปิดการสนทนา การคุยเรื่องงาน พร้อมส่งมือไปจับกับคิม จุนซู ตามมารยาทที่ได้ร่วมงาน
“ครับ” คิม จุนซู รับคำก่อนจะส่งมือไปจับกับหญิงสาว แต่เค้ากลับไม่ยอมปล่อย จนหญิงสาวต้องท้วงขึ้น
“ปล่อยได้แล้วค่ะ นี่มันจะเลิกงานแล้วฉันจะกลับ” หญิงสาวพูดพลางจะดึงมือ ออกแต่ชายหนุ่มกลับไม่ปล่อย
“คุยเรื่องงานเสร็จแล้ว เรามาคุยเรื่องส่วนตัวบ้างนะน้องซัน” ชายหนุ่ม กลับมาเรียกเธอเหมือนเดิมที่เคยเรียกที่ผับวันนั้น ตลอดเวลาที่นั่งคุยกันมานี่ ชายหนุ่มจะแทนตัวเองด้วยผม เลยแทนเธอด้วยคุณ มาตลอด จนเธอคิดว่าชายหนุ่มมาที่นี่เพราะงานจริงๆ จนตอนนี้เธอถึงได้มั่นใจ ว่าเค้ามาเพราะคำท้าของเธอ
“คุณอย่าเรียกฉันด้วยชื่อนั้นฉันไม่ชอบให้ใครมาเรียกแบบนั้น แล้วอีกอย่างฉันจำไม่ได้ว่าเรารู้จักการเป็นการส่วนตัว เพราะงั้นเราคงไม่มีเรื่องส่วนตัวให้คุย ปล่อยด้วยค่ะ” หญิงสาวตอบหน้าตาย พลางมองหน้าชายหนุ่มอย่างเย็นชา เป็นเชิงบอกว่าเธอจำไม่ได้แม้แต่เรื่องไนผับวันนั้น
“อะไรกัน น้องซันเป็นคนท้าพี่เองนะ ลืมแล้วหรอ”ชายหนุ่มถามหญิงสาว ที่ปั้นหน้าเย็นชาใส่เค้า
“ขอโทษนะค่ะ ฉันจำไม่ได้ ฉันเป็นคนที่มีสมองใว้จำแต่อะไรที่มันสำคัญ เรื่องไร้สาระ ฉันจำไม่ได้ได้หรอก” หญิงสาวตอบก่อนจะสบัดมือออกจากชายหนุ่ม แล้วเก็บของบนโต๊ะทันที ซึ่งชายหนุ่มก็มองเธอด้วยตาที่ยิ้ม เค้าอยากจะรู้จริงๆ ว่าหญิงสาวคนนี้จะฟรอมจัดแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ใหน?
“เป็นแบบพี่เลยนะ แต่พี่เห็นว่าเรื่องวันนั้นมันสำคัญ พี่ไม่ชอบนะ ให้คนมาท้าแล้วทำเป็นลืมแบบนี้”ท่อยสุดท้ายชายหนุ่มกดเสียงให้ต่ำลง ให้หญิงตรงหน้ารู้ ว่าเค้าไม่ชอบให้คนมาพูดเล่นๆใส่
“การปฎิบัติตนให้ฉันอยากคุยด้วยเนี่ย 1.เลิกแทนตัวเองว่าพี่ 2.เลิกเรียกฉันว่าน้อง 3. อย่ามากดเสียงเหมือนว่ากำลังโกรธใส่ฉัน 4.อยุ่ออกคำสั่งหรือกดดันฉันทางอ้อม” หญิงสาวเงยหน้า ขึ้นมาจากการเก็บของ แล้วมาพูดกับชายหนุ่มด้วยเสียงที่ไม่เป็นมิตร บ่งบอกให้รู้ว่าเธอนั้น รำคาญเค้า
“ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องคุยกัน เพราะ นอกจากเรื่องงานแล้วเนี่ย คุณก็ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยสำหรับฉัน” หญิงสาวไล่สายตามองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะสะพายกระเป๋าเตรียมออกจากห้อง
“ซันนี่ คุณมั่นใจ?? ว่าคุณ จำคำพูดวันนั้นของคุณไม่ได้” ชายหนุ่มเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกเธอและเขาทันทีถ้าเขาจะตั้งตัวเป็นปรปักกับเธอแบบนี้ แผนที่วางใว้อาจจะพังได้ง่ายๆ
“ฉันจำได้ แต่ทำใม ฉันจำเป็นต้องใส่ใจรึไง” หญิงสาวพูดพลางเดินไปใกล้ๆกับชายหนุ่ม
“เพราะ คนที่ต้องพยาม ทำให้ฉันจำคุณได้คือคุณ ฉันไม่จำเป็นต้องใส่ใจนี่นา” หญิงสาวพูดพลางเอามือ จัดสูตรเสื้อของชายหนุ่ม ก่อนจะดึงให้เค้าเข้ามาใกล้เธอ
“โชคดีนะค่ะ” หญิงสาวกระลงกับหูของชายหนุ่ม ก่อนจะจรดปลายจมูกลงกับแก้มของเค้าอย่างแผ่วเบา แล้วเดินออกไปทันที ทิ้งให้ชายหนุ่มยื่นงง กับการกระทำของหญิงสาว มือของชายหนุ่มจับที่แก้ม ก่อนะจะยิ้มออกมา
“ยัยเด็กใสซื่อคนนั้น อ่อยคนเป็นตั้งแต่เมื่อใหร่เนี่ย หึ”
“เฮ้อ ยัยยูลนะยัยยูล ออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนกันหน่อยก็ไม่ได้” เสียงใสๆของหญิงสาวบ่นขึ้นมา เมื่อยูริ เพื่อนสนิทของเธอไม่ยอมออกมาซื้อของเป็นเพื่อน เธอ
“ฉันว่าฉันแวะไปหายัยแทที่ห้องเสื้อดีกว่า >< จะได้เอาเรื่องยัยซันไปเมาท์ด้วย งั้นต้องซื้อขนมไปฝากนางิลูกรักด้วยสินะเนี่ย~”เสียงใสๆนั้นยังคงบ่นกับตัวเองขณะเดินซื้อของอยู่ที่ห้างเล็กๆ ข้างๆบริษัทของซันนี่ที่เธอแอบโดดงานมา จะว่าโดดงานก็ไม่ได้สิ เธอแค่เปิดโอกาส ให้เพื่อนเธอสนุกได้เต็มที่เท่านั้นเอง
“ป่านนี้ ยัยซันจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย” พอคิดถึงเรื่องที่จะเมาท์ให้แทยอนฟังขึ้นมาก็อดเป็นห่วงซันนี่ไม่ได้ นี่เธอทำถูกรึป่าวที่ทิ้งเพื่อนเอาใว้แบบนั้น ทั้งๆที่เธอก็รู้ดี ว่า คิม จุนซู ร้ายพอๆกับเพื่อนของเธอเอง
“อืมม~คงจะกำลังสนุกอยู่แน่ๆเลย”ร่างเล็กยังคงพูดคนเดียวอย่างสนุก พลางเลือกขนมที่จะเตรียมไปให้นางิ ลูกสาวของเธอ
“อ๋า~ซื้อกับข้าวไปทำด้วยดีกว่า ยัยแทต้องยังไม่ได้กินข้าวแน่ๆ” หญิงสาวนึกขึ้นได้พลางจะเข็นรถเข็นไปที่ช่องขายอาหารแต่ก็ต้องหยุดชะงัก
“ไม่เอาอะ ขี้เกียจทำ สั่งพิซซ่ามากินดีกว่า”หญิงสาวตอบกับตัวเองก่อนจะเลี้ยวรถกลับไปที่ขายขนมเพื่อเลือกขนมให้ลูกสาวผู้น่ารักของเธอ
“อืม~ ขาดอะไรอีกน้า” หญิงสาวบ่นพลางนึกรายการขนมของโปรดของนางิทั้งหลาย
“อ๋า~เยลลี่ นี่ฉันลืมได้ไงเนี่ย ของโปรดเบอร์หนึ่งซะด้วย ถ้าไม่ซื้อไปยัยลูกต้องงอลแน่ๆ” หญิงสาวยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะเข็นรถไปตรงจุดขายเยลลี่ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ออกตัว เสียงหัวเราะของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมาซะก่อน
“ฮ่าๆ~คุณนี่ตลกชะมัดเลย”หญิงสาวหันไปตามเสียงหัวเราะก่อนจะเจอนิชคุณชายหนุ่มที่เธอเกลียดขี้หน้าที่สุดในปฐพี!!
“ขำบ้าอะไรของนายฮะ”รอยยิ้มที่แสนน่ารักของหญิงสาวหายใบจากใบหน้าทันทีที่เห็นใบหน้าของชายหนุ่มเสียงใสๆที่ใช่บ่นกลับตัวเองกลายเป็นเสียงแปร๋นๆทันทีเมื่อใช้พูดกับชายหนุ่มคนนี้
“อย่างน้อยผมก็ไม่บ้าขนาดพูดคนเดียวแบบคุณหรอกน่า ตลกชะมัด ~ พูดคนเดียวอยู่ได้” ชายหนึ่งยังคงไม่เลิกหัวเราะหญิงสาว ที่เค้าแอบเดินตามเธอมาตลอดและก็เห็นเธอพูดคนเดียว มาตลอดทาง
“นี่นายแอบตามฉันมาหรอ!!!” หญิงสาวตวาดใส่ชายหนุ่มทันที
“ใช่สิ!ผมอยากรู้นี่ ว่าคุณมาทำอะไรที่นี่ นี่มันเวลางานของคุณนะ แล้วซันนี่ไปใหน”ชายหนุ่มถามหาคู้หมั้นสาวทันที เพราะเวลานี้ เธอจะอยู่ด้วยกัน
“ตอนนี้ยัยซันกำลังมีความสุขเรื่องอะไรฉันต้องไปขัดละ”หญิงสาวพูดพลางทำหน้าเจ้าเลห์ใส่ชายหนุ่มทำให้เค้าสงสัยเป็นสองเท่าทันที ว่าว่าที่คู่หมั้นของเค้านั้นทำอะไร
“ซันทำอะไร?”ชายหนุ่มเริ่มทำเสียงเย็นใส่หญิงสาว แต่เธอไม่ได้มีความหวั่นเกรงในเสียงที่เค้าทำใส่เธอเลย
“เรื่องอะไรฉันจะบอก ขอตัวนะค่ะ พอดี นัดกับลูกใว้”หญิงสาวแลบลิ้นใส่ชายหนุ่มก่อนจะเดินไปเข็นรถออกไป แต่ชายหนุ่มกับเดินตาม
“ซันนี่ทำอะไร นี่คุณตอบผมมาก่อนสิ”ชายหนุ่มเดินตามและถามคำถาม.ซ้ำๆจนหญิงสาวเริ่มรำคาญ
“ไม่รู้!!”หญิงสาวตวาดออกออกไปก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม”อ้อ~ตอนนี้คงจะ’ทำ’เสร็จแล้วละ”แล้วพูดต่อในคำตอบที่ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าตาโตขึ้น แน่นอนเค้าต้องคิกไปไกลเพราะคำตอบของหญิงสาวมันก้ำกวมจนชวนคิดลึก
“อื้ม~ตอนนี้ยัยซันน่าจะไปอยู่ห้องเสื้อยัยแทนะ คงแวะไปหาลูกละ ถ้าอยากรู้ก็ไปถามยัยซันเองนะ ว่าไป’ทำ’อะไรมา” หญิงสาวตอบแล้วหัวเราะที่เห็นชายหนุ่มหน้าเสีย
“นี่คุณเล่นอะไรของคุณ” ชายหนุ่มถามหญิงสาว ด้วยหน้าที่ซีด เค้าสับสนในคำตอบที่ก้ำกวมของหญิงสาว
“ไม่ได้เล่น ฉันไปได้แล้วใช่ใหม นางงิรอกินขนมอยู่” หญิงสาวเดินออกมาและทิ้งให้ชายหนุ่มยืนหน้าเสียเพียงลำพัง
“เดี๋ยวๆ ผมไปด้วยผมจะไปหาซัน”ชายหนุ่มที่เพิ่งจะได้สตีบวิ่งตามหญิงสาวแล้วแย่งรถเข็นของเธอไปเข็นเอง
“ไปเองสิคุณ เอารถเข็นฉันมานี่นะ” หญิงสาวว่าพลางดึงรถเข็นคืนจากชายหนุ่ม แต่เธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆจะเอาแรงที่ใหนไปยื้อละ
“นางิ ชอบกกินอะไรอีกอะคุณ ผมจะได้ซื้อให้ถูก”ชายหนุ่มไม่สนใจหญิงสาวที่ทำแก้มป่องอยู่ข้างๆ
“ลูกฉัน! ไม่ต้องยุ่ง เอารถมานี่” หญิงสาวยังคงจะยื้อเอารถคืน จนชายหนุ่มเริ่มรำคาญ ดึงหญิงสาวมายืนที่เดียวกันในสภาพที่เค้ายืนซ้อนหลังของเธอเอาใว้มือทั้งสองข้างของเค้าจับที่รถเข็นในท่าทางที่ขังเธอเอาใว้ในอ้อมเข็น
“อยากเข็นนักก็เข็นไปด้วยกันนี่แหละ ถ้าคุณยังไม่หยุดดื้อนะ ผมจะอุ้มคุณไปนั่งบนรถ ลองดูใหม” ชายหนุ่มขู่หญิงสาวแล้วเอาตัวเค้าดันให้เธอเดิน ส่วนหญิงสาวที่ถูกกักใว้ในอ้อมแขนนั่น ก็ทำได้แค่เงียบจนไม่กล้าพูดอะไร แค่นี้คนก็มองกันเตมแล้ว ถ้าโดนจับขึ้นรถเข็นคนต้องว่าเธอบ้าแน่ๆ เธอจึงทำได้แค่จับรถเข็นโดยมีร่างสูงข้างหลังเป็นคนบังคับรถ
“เงียบแบบนี้น่ารักดีนะคุณ ว่าแต่นางิชอบกินอะไรกันเนี่ย”ชายหนุ่มถามขึ้นมื่เห็นหญิงสาวในอ้อมแขนของเค้าเงียบไป
“ลูกฉัน ไม่ต้องมายุ่ง เดี๋ยวฉันซื้อเอง” ถึงจะถูกเขาขังใว้ แต่ปากของเธอก็ไม่วาย ที่จะไปว่าเขา หรือประชดเขาอยู่ดี
“ได้ไงนั่นก็ลูกซันนี่เหมือนกันนะส่วนผมก็ว่าที่คู่หมั้นของซันก็ต้องเป็นว่าที่พ่อของนางงิด้วยสิ”ชายหนุ่มตอบพลางเอาคางเกยใหล่ของเธอ เพื่อทำให้เธอหยุดเดิน
“ยัยนั่นไม่เอานายมาทำสามีหรอกนายไม่มีวันได้เป็นพ่อนางิแน่”หญิงสาวตอบอย่างมั่นใจและพลักหัวชายหนุ่มออกจากใหล่เธอ
“ยัยซันไม่ชอบตุ๊ด!”หญิงสาวหันไปประจันหน้ากับชายหนุ่ม แล้วตอบด้วยสีหน้าที่ยิ้มออกมา
“นี่คุณว่าผมเป็นตุ๊ดหรอ!”ชายหนุ่ม ที่ยังพอรับได้ในคำตอบแรง แต่ทันทีที่เธอพูดต่อทำให้เค้าโกรธทันที ไม่มีใครเคยว่าเค้าเป็นตุ๊ดมาก่อ
“นายจะคิดว่าเป็นคำชมก็ได้นะ ไม่ถือสา”หญิงสาวยังคงตอบอย่างไม่สะทกสะท้านในอารมณ์โกรธของชายหนุ่มที่ส่งให้เธอ
“ผมไม่ได้เป็นตุ๊ด คุณไปเอาความคิดบ้าๆแบบนี้มาจากใหน”ชายหนุ่มแม้จะโกรธแค่ใหนแต่เค้ายังคงเป็นคนมีเหตุผลพอที่จะถาม
“จากนายไงหละ ดูตัวเองหน่อยเถอะว่าเหมือนแค่ใหน”เจสสิกายังคงไม่เลิกว่าชายหนุ่ม
“งั้นคุณก็ดูตัวเองหน่อยเถอะว่าโรคจิตแค่ใหน ไม่น่าละถึงขึ้นคานเพราะปากกับความคิดของคุณมันคล้ายเจ้าเยลลี่ หมาผมไม่มีผิด” ชายหนุ่มตอบก่อนจะเดินออกไปทันที เพราะเค้าอยู่ตรงนี้นานๆเค้าอาจจะคว้าคอขาวๆนั่นมาบีบก็เป็นได้ ส่วนหญิงสาวได้แต่มองชายหนุ่มเดินจากไปด้วยสีหน้าโกรธจัด เธออยากจะตะโกนด่าเค้าด้วยซ้ำแต่เธอผู้ดีเกินไปที่จะทำมัน จึงได้แต่กำมือแน่น
“ไอบ้าเอ๊ย!กล้าเอาฉันไปเปรียบกับหมาหรอ ฮึ๊ย! ไอตุ๊ดบ้า”
______________________________________________________________________________________
นางิ
คุณสิกา นิดนึงงงงง
เรื่องนี้ไม่ใช่คุณอานะค่ะ พอดีไรเตอร์แอบปลื้มคุนสิด อะค่ะ T^T ของโทษสาวกคุณอาด้วยค่ะ
สาวก ด้งแท ตอนหน้า เจอกันชัวร์ค่ะ
สุดท้ายนี้
โหวต+เม๊ล เป็นธรรมเนียมเด้อ คำผิด เดี๋ยวมาแก้นะค่ะ
ความคิดเห็น