คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ในน้ำ มีชีวิต ( ข้อความ ที่ ๔)
4 พ.ย. 2554
"แล้ววันที่ 3 มันหายไปไหนฟระ ?"
ไม่ได้หายไปไหนแต่ติดเกาะอยู่ในหมู่บ้านตัวเองทำไรไม่ได้ เล่นเนตเพื่อนก็ไม่มี เลยไม่รู้จะเขียนไร.. เซ็ง!!!(มีสิแกลองกลับไปดูอีกทีสิ)
เวลา 11.27 น.
หลังจากเข้าเป็นหน่วยลาดตระเวนประจำกองทัพหมู่บ้านโดยไม่ได้สมัคร
ไล่ดูตั้งแต่ หน้าหมู่บ้าน ยันทุกตรอกซอกซอย มาตั้งกะหลายวันก่อน
ก็พบสิ่งผิดปกติแค่
มีคนแปลกหน้า หน้าตาแปลกๆ
ขับรถกระบะยกสูงมาเลียบๆ เคียงๆ ดูด้านนอกของกำแพงหมู่บ้าน
เมื่อเข้าไปจะถามไถ่ ก็ขับรถหนีไปเฉยๆ
ต้องเตือนให้ทุกคนระวังมากกว่านี้แล้ว...!!!
เพราะนอกจากกองทัพน้ำที่น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงแล้ว
ยังมีพวกกองโจรที่คอยออกปล้นสะดม
ฉวยโอกาสขณะที่ชาวประชาเค้าเดือดร้อนกันอยู่อีก
เจ้าพวกนี้ ถ้าจับตัวได้จังๆ นี่น่าจะเอาไปกุดหัวเสียให้หมด
โทษฐานคอยซ้ำเติมผู้ที่เดือดร้อนจากในภาวะสงคราม(กับน้ำ)
17.23 น.
พบสิ่งผิดปกติ !!!
น้ำในท่อระบายน้ำในหมู่บ้าน เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
หน่วยลาดตระเวนมืดแปดด้าน
ไม่อาจหาสาเหตุ หรือหลักฐานใดๆ เพื่อเจาะจงตัวผู้กระทำผิดได้
เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนกลางและผู้เชี่ยวชาญ
(กรรมการหมู่บ้านพร้อมกับช่างประจำหมู่บ้าน)
ถูกตามตัวมาอย่างเร่งด่วน
ตามคำบัญชาการโดยตรงของท่านแม่ทัพใหญ่
(ประธานกรรมการ)
เพื่อหาสาเหตุของปรากฏการณ์ อันดูเหมือนจะเหนือธรรมชาตินี้มาให้จงได้
ในฐานะหัวหน้าหน่วยลาดตระเวน
ผมได้รับเกียรติให้เป็นผู้ประสานงาน
พาเหล่าเจ้าหน้าที่พิเศษ เข้าตรวจค้นอย่างละเอียด
ทุกซอกมุมของหมู่บ้าน
หลังจากตรวจสอบพื้นที่โดยมืออาชีพแล้ว
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อ ก็ปรากฏต่อสายตาของทุกคนที่ได้ไปพบเจอ.....
ให้ตะลึงงันในสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
...มันช่างชั่วร้ายเกินจะจินตนาการเสียจริงๆ !!!
-------
ผมเคยผจญกับเหตุการณ์เกี่ยวกับน้ำหลาก มาแล้วหลายครั้งในชีวิต.. รวมถึงที่รุนแรงน่ากลัวกว่าครั้งนี้ก็มาก
เพราะที่บ้านผมที่ต่างจังหวัด เป็นจังหวัดหนึ่งซึ่งมีน้ำท่วมหลาก และดินถล่มทุกปี
และตาผมก็มักจะนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ ไปแจกคนเหล่านั้นทุกปีเช่นกัน
ในฐานะผู้อาวุโส ของจังหวัด
รวมถึงปู่ผมซึ่งเป็นอดีตกำนันคนดังของจังหวัดด้วย
แต่.. เนื่องจากตอนนี้ทั้งสองท่านอายุมากแล้ว
การที่จะไปผจญกับสถานการณ์ที่ล่อแหลมเสี่ยงภัยแบบนั้น
จึงไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน
ดังนั้น ! เหล่าพี่น้องในตระกูล
จึงบัญชาการมอบมายให้ผม ซึ่งใช้ชีวิตอยู่กับความเสี่ยงมาตลอด
ได้เป็น "แนวหน้า" ในการเข้าไปสำรวจความปลอดภัยเอาไว้ก่อน
ก่อนที่ปู่และหรือตาจะนำขบวนสิ่งของสัมภาระเข้าไปช่วยผู้ประสบภัย
ซึ่งหากผมยังไม่รับรองความปลอดภัย
บรรดา ญาติๆ ก็จะไม่ให้ปู่และหรือตาเข้าไปเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ !
บ่อยครั้งผมจึงต้องเข้าไปเสี่ยงตายและร่วมประสบภัยในสถานการณ์นั้นๆ ด้วย
แต่...
ไม่มีครั้งไหนจะเหมือนครั้งนี้ !?
ทั้งที่ครั้งนี้อัตราความเสี่ยงภัยน้อยยิ่งกว่าหลายๆ ครั้งที่ผมประสบพบเจอมา
แล้วอะไรทำให้ผมคิดเช่นนั้น?
-----------------
กำแพงรอบหมู่บ้านสูง 2 เมตร โดยประมาณ
น้ำด้านนอกที่ติดกำแพง สูงเมตรสามสิบ จากการวัดของพวกเราเอง
ฉะนั้น ! คิดตามหลักการแล้ว
มันยังเหลือความสูงอีก 70 เซนต์
ก่อนที่น้ำจะเอ่อล้น เข้ามาในรอบรั้วกำแพงได้
แต่...
คุณเคยได้ยินทฤษฎี " กาลักน้ำ" ไม๊ ?
สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาพวกเราทำเอาทุกคนขนลุกซู่
"ราวกับน้ำมันมีชีวิต"
และตอนนี้
"มันก็มี ความคิดของตัวมันเอง แถมยังฉลาดล้ำ"
รอยแตกร้าวบนกำแพง
ไม่ได้แยกออกจนน้ำจะสามารถใช้เป็นทางผ่านได้
นั่นทำให้เราวางใจและไม่ได้ ยุ่งอะไรกับมัน
รวมถึงรอยร้าวแบบนั้นมันมีมากเสียจนไม่อาจทำอะไรได้ไหว
นอกเสียจากจะทุบกำแพงและสร้างใหม่เท่านั้น
ซึ่งไม่ว่ายังไง
รอยนั้น ก็คงมีปรากฏบนกำแพงใหม่ได้อยู่ดี
ปกติการทำ "กาลักน้ำ" เราจะใช้เศษผ้า หรือ กระดาษ หรืออะไรก็ได้ที่ซับน้ำได้ โดยเฉพาะของที่ซับน้ำได้ดีเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น
หย่อนปลายข้างหนึ่งลงน้ำ และ ปลายอีกข้างไปอยู่ในที่เราจะให้น้ำเข้าเคลื่อนไป
น้ำจะซึมเข้าไปตามเศษผ้าและจะนำน้ำไปยังที่ที่เราต้องการ
ตามปลายของเศษผ้าจะพาไป
แม้ที่ที่จะให้น้ำไปนั้นสูงกว่าพื้นที่เดิมที่น้ำอยู่ก็ตามที
อย่างที่บอก
ปกติธรรมชาติของน้ำจะไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ
แต่การทำ "กาลักน้ำ" นั้น
สามารถนำน้ำขึ้นสู่ที่สูงได้
"เป็นวิทยาศาสตร์ หาใช่ เรื่องเหนือธรรมชาติใดๆ ไม่.."
หรือที่เห็นง่ายที่สุด
ก็โดยการใช้สายยางลัก(ดูด)น้ำจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งนั่นเอง
น้ำที่ประชิดติดหมู่บ้านผม "มัน" ก็ใช้ทฤษฎีเดียวกัน แต่..
สิ่งที่ใช้เป็นตัวกลางให้น้ำไต่ไปได้นั้น ไม่ใช่อะไรเลย
มันคือรอยร้าวของกำแพงนั่นเอง
คิดดูนะครับ! น้ำไต่ขึ้นกำแพงตามรอยร้าว มันไม่ได้ซึมผ่านมาทางรอยแยกนะครับ แต่มันซึมขึ้นไปตามรอยร้าวนั้นๆ เพื่อหาจุดที่รอยนั้นแยกออก พอที่จะให้มันผ่านไปได้ เพื่อผ่านเข้ามาอีกด้านหนึ่งของกำแพง !!
แต่.. สิ่งที่คุณรับรู้จากผมตอนนี้นั้น ยังไม่น่าตระหนกเท่า สิ่งที่ผมกำลังจะบอกต่อไปนี้
นั่นคือ !!!
บางรอยแยกไม่มี "รู" ให้น้ำผ่าน
มันก็ยังอุตส่าห์ ซึมขึ้นไปถึงบนยอดกำแพงแล้วปีนข้ามมา..
อะไรจะขนาดนั้น!?
เกิดมาผมไม่เคยพบเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย!!??
การซึมเข้ามาแบบนี้ แม้จะเข้ามาได้ทีละน้อย แต่..
เมื่อรอยแยกแบบมีไม่ได้มีเป็นร้อย แต่มันนับไม่ถ้วน
จากระยะความยาวของกำแพง นับระยะทางได้เป็นกิโล ฯ
แม้น้ำด้านนอกจะยังไม่สูงจนท่วมผ่าน กำแพงรั้ว
แต่ตอนนี้เราก็ตระหนักแล้วว่า
"เรา" ไม่ใช่คู่ต่อกรของกองทัพน้ำกองทัพนี้เสียแล้ว
และดูเหมือนโอกาส ที่จะชนะของเราแทบไม่มีหลงเหลืออยู่อีกเลย
เป็นครั้งแรกที่ผมมีเรื่องอยากแชร์มากมาย แต่.. ไม่รู้จะแชร์อะไรดี
ว่าแล้วก็แชร์.. นิดนุง (ว่าวันนี้งดแชร์)
Share...
5 พ.ย. 2554
เวลา 16.30 น.
กำแพงปราการกลางน้ำของเรา มิอาจต้านทานศัตรูร้ายได้อีกแล้ว
ความสิ้นหวังถาโถมเข้ามาตั้งแต่เห็น ยุทธวิธีการบุก อันแสนร้ายกาจและแยบยล อย่างน่าทึ่ง ของทัพวารีหฤโหด
ตอนนี้! เหลือเพียงป้อมปราการ ด้านใน ซึ่งก่อไว้ป้องกันบ้าน ตามความสามารถของแต่ละบ้านแต่ละคน จะทำได้ กันแล้ว
ซึ่งนั้นไม่ทำให้อุ่นใจได้เลย เมื่อประสบกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อวานด้วยตาตัวเอง
ตอนนี้น้ำในหมู่บ้าน สูง 25 เซนต์ได้แล้ว....
21.30 น.
และแล้วช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดก็มาถึง
ยุคมืดทะมึนแห่งสงครามกำลังย่างกลายเข้ามา
ช้าๆ ทว่าแน่นอนยิ่งนัก
จุดที่มีรอยต่อของบ้านน้ำเริ่มซึมไหลตามกันเข้ามาแล้ว
จู่ๆ...
ส่วนที่เป็นพื้นดิน ก็ระเบิดพวยพ่นน้ำขึ้นมาบนอากาศ
(จริงๆ ก็แค่น้ำผุดขึ้นมาจากดินเท่านั้นละ เวอร์จริงๆ ไรท์เตอร์คนเนี้ย!)
อย่างนี้นี่เอง คุณพระช่วย !
(หลงพี่ตะโกนบอกมาว่า หลงพี่ก็ช่วยไม่ได้ วัดของหลงพี่ก็จมน้ำอยู่เหมือนกัน//จะตลกไปถึงไหน(ว่ะ)?)
มิน่า! น้ำถึงเข้ามาในหมู่บ้านได้เร็วนัก
เมื่อเทียบกับการปีนป่ายกำแพงเข้ามาแล้ว
น้ำในหมู่บ้านก็ไม่น่าเยอะขึ้นเร็วขนาดนี้
ผมน่าจะเอะใจไวกว่านี้นะ !
" ดิน"
เป็นไส้ศึกนี่เอง
(ไม่ใช่ dinn นะ)
เมื่อได้ดินเป็นใส้ศึก คอยเปิดประตูเมืองให้
กองทัพน้ำก็สามารถทะลักทะลายเข้ามาในหมู่บ้านได้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเราจะอุดระบบระบายน้ำ และทุกท่อที่เข้าสู่หมู่บ้านแล้วก็ตาม แต่น้ำที่ผุดขึ้นมาไม่ได้ผุดขึ้นมาจากท่อน้ำเท่านั้น
แต่.. มันยังผุดขึ้นมาจากพื้นผิวดินโดยตรงได้อีกด้วย
เจ็บใจนัก !!!
เราประเมินศัตรูเราต่ำเกินไป จึงเพลี่ยงพล้ำในคราวนี้
แต่.. ก็นั่นแหละ
ปีนี้ศัตรูของเราทำในสิ่งเหลือเชื่อมากมายเหลือเกิน
ถ้าไม่มาเห็นกับตาตัวเอง ผมคงไม่เชื่อโดยเด็ดขาด!!
01.10 น.
วันที่ 6 พ.ย. 2554
วันนี้เหนื่อยเหลือเกิน แรงกายแรงใจไม่มีเหลือแล้ว
( ใครมีเหลือแพ็คใส่กล่องส่งมาให้บ้างจิ ! นะ นะ นะ!!)
ยังไงก่อนจะนอน ก็ยังคงต้องมีหน้าที่แชร์ ให้คนอื่นได้รู้ ถึงเรื่องราวในครั้งนี้.. ให้ได้!
ว่าแล้วก็แชร์ซะ..
Share...
(เฮ้ย.. เมิงจะนอนไม่อาบน้ำเลยเรอะ ลุยน้ำมาทั้งวันเลยนะเนี่ย?)
ความคิดเห็น