ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TEENTOP] My Short Fiction [ByungChan]

    ลำดับตอนที่ #8 : [Cross Brands] [OS] Nice to Meet You [Kris x Chunji]

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ย. 56


    Title: [OS] Nice to Meet You
    Fandom: EXO, TEENTOP
    Pairing: Kris x Chunji
    Rating: PG
    Genre: Cross Brand, Fluff, Yaoi
    Author: icypumpkin
    ------------------------------------------



    Ban_CrossKrisJi



    คงเป็นวันที่ยาวนานอีกวันหนึ่ง......คือความคิดแรกที่คิดถึงเมื่อวันงานกีฬาสีไอดอลมาถึง อีชานฮีถอนหายใจยาวๆเมื่อนึกถึง


    ไม่หรอก...ไม่ใช่เขาไม่ชอบ ชอบมากเสียด้วยซ้ำ งานกีฬาสีไอดอลทำให้ได้เจอเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆวงอื่น เพราะบางคนก็ได้ลองคุยจนถึงสนิท แม้บางคนจะไม่ได้ทำความรู้จักก็ตาม...เพียงแต่ช่วงนี้อยู่ในช่วงโปรโมต ร่างกายเขาร้องประท้วงถึงการพักผ่อน เป็นความจริงที่การไปงานกีฬาสีไอดอลในวันนี้ไม่ใช่งานหนักสำหรับเขาที่ไม่ได้ลงกีฬาหลากหลายประเภท แต่การถ่ายกลางแจ้ง...แดดที่ร้อนแทบแผดเผา...ความร้อนที่ทำให้ร่างกายรู้สึกล้าโดยที่แทบไม่ต้องทำอะไรและการถ่ายที่กินเวลาตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงคืน-ตีหนึ่งนั่นต่างหากที่ทำให้เขาถอนหายใจ..ปีที่แล้วยังจำได้ว่าถ่ายตั้งแต่8โมงถึงตี2 แทบอยากจะหลับคาโรงยิมให้รู้แล้วรู้รอด


    "ชานฮี ปีนี้ลงกีฬาอะไรบ้าง"มินวูพี่ชายคนสนิท วงพี่วงน้องแห่งแพคเปอร์เซนต์ถามขึ้นขณะที่พวกเขานั่งอยู่ใต้ร่มกันแดดสีดำแถวๆสนามใกล้กับสแตนของแองเจิ้ลด้วยกัน

    "อืม...ก็วิ่งผลัด แล้วก็ยิงธนูเหมือนเดิมแหละ"เพราะไม่รู้ว่าจะเล่นกีฬาอะไรที่ดีไปกว่ายิงธนูที่ชื่นชอบและแข่งมาทุกปีอีกแล้ว



    วันนี้ที่เคยคิดไว้ว่าแย่ก็ไม่ได้แย่มากมายอย่างที่เขาคิดไว้ แม้ดวงอาทิตย์จะทำหน้าที่ของตัวมันเองอย่างเต็มที่ แม้ร่างกายจะร้องประท้วงหนักแค่ไหน แต่อย่างน้อยแองเจิ้ล..นางฟ้าของพวกเขาก็มาร่วมอยู่ด้วยกันที่นี่ มีขนมและน้ำมาให้เหมือนเคย มีกำลังใจที่ล้นเปี่ยมจนแดดที่ร้อนและร่างกายที่เหนื่อยยังต้องยอมแพ้ พลังใจที่ฮึกเฮิมขึ้นมาทำให้เขาพร้อมจะทำทุกอย่างในวันนี้อย่างเต็มที่

    "อ่า...สู้ๆนะ คว้าเหรียญมาให้ได้ล่ะ"

    "ไม่รับปากนะพี่ แต่จะพยายามทำให้ได้ก็แล้วกัน"คนตัวบางพูดติดตลกพร้อมรอยยิ้มก่อนจะลุกขึ้นปัดกางเกงเพื่อไปเล่นกับแองเจิ้ลที่สแตนโดยมีนีแอลและจงฮยอนรออยู่



    "ชานฮี จงฮยอน ชางฮยอน ซ้อมยิงธนูครับ"ซังฮุนที่โดยไหว้วานวิ่งมาเรียกพวกเขา ทำเอาต้องโบกมือลาแองเจิ้ลไปก่อนสักพัก...ไว้จะเอาเหรียญกลับมาฝากนะ


    การซ้อมเป็นไปอย่างไม่ค่อยดีนัก เพราะห่างจากการยิงธนูมาสักพัก ชานฮีต้องเรียกสมาธิและคิดย้อนกลับไปถึงทักษะเก่าๆที่เขาเคยใช้ในปีที่แล้ว ไม่ยากนักหรอก...ก็แค่ทำเหมือนที่เคยทำ เขาหวังว่าตอนแข่งคงจะทำได้ดีกว่านี้นะ





    "ตุ้ยจ่าง ทำไมวันนี้ดูเนือยๆ เหนื่อยหรอครับ"เสียงใสของเทาน้องชายชาวจีนคนสนิทในวงทำให้เขาหลุดจากภวังค์

    "นิดหน่อยหน่ะ"เขาตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆก่อนจะหันไปสนใจภาพตรงหน้าต่อ..เรือนผมสีบลอนด์ทอประกายล้อแดด ใบหน้าเรียวขาวตัดกับเสื้อฮู้ดสีชมพูและกางเกงขายาวเข้าเซ็ต แววตามุ่งมั่นตอนง้างคันศรและปล่อยลูกธนูออกไป....เป็นท่วงท่าธรรมดาที่นักแข่งธนูทุกคนทำ แต่พอเป็นคนๆนี้ กลับทำให้เขารู้สึกละสายตาออกไปไม่ได้

    "นี่จงอิน...รอบแรกเราแข่งกับใครหรอ"เสียงทุ้มหันไปถามรุ่นน้องอีกคนในวงที่แข่งยิงธนูเหมือนกัน

    "เอ่อ...ทีนท๊อป...ใช่ๆๆพี่คริส ทีนท๊อปครับ นั่นไง...ยืนซ้อมกันอยู่นั่นอยู่เลย"ท่าทางคิดแล้วคิดอีกของน้องชายผิวเข้มทำเอาเขาไม่มั่นใจ แต่เพราะจำได้ลางๆว่าใช่จึงไม่ได้ติดใจท้วงติงอะไรออกไป..ได้แข่งกันตั้งแต่รอบแรกเลยหรอเนี่ย..เพียงแค่คิดรอยยิ้มทรงเสน่ห์ก็ปรากฏบนใบหน้าคมเสียแล้ว




    การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นในขณะที่แสงแดดนั้นไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย...


    วันนี้อีชานฮีทำได้ไม่ดีอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้จริงๆ เขายิงไปได้คะแนนต่ำกว่าที่หวังไว้ 8คะแนนคือที่ดีที่สุดแล้ว กลับกันกับทีมฝั่งตรงข้ามคือเอกโซ ผู้ชายตัวสูงคนนั้น..คริสสินะ เก่งจริงๆแหละ ยิงได้8-9ทั้งสามดอกเลย ทีนท๊อปจึงตกรอบและเอกโซจึงได้เข้ารอบต่อไป...แต่สิ่งที่ทำให้แปลกใจคือหลังจากแข่งเสร็จและกำลังจะแยกย้ายกันนั่นต่างหาก


    "ขอโทษนะ..."เสียงทุ้มต่ำไม่คุ้นหูทำเอาคนตัวบางหยุดชะงักและหันไปมอง..คริสนี่หน่า

    "ครับ..."ชานฮีตอบก่อนจะค้อมตัวให้น้อยๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายโค้งให้ก่อน

    "......"

    "คริส..ใช่ไหม มีอะไรกับผมรึเปล่า"คำพูดทางการถูกส่งออกจากริมฝีปากอิ่ม..ก็เพราะพวกเขาไม่เคยได้คุยกันเป็นส่วนตัวแบบนี้ แต่ก็พอรู้จักอยู่บ้าง

    "ชอนจี..."

    "เห...รู้จักผมด้วยหรอ"เพราะการที่เขาจะรู้จักอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องแปลก วงน้องใหม่ที่เพิ่งจะเดบิวต์ได้ปีกว่าแต่ดังเป็นพลุแตกแบบนี้ ไม่รู้จักสิแปลก..แต่อีกฝ่ายรู้จักเขานี่สิ แถมคนจีน...ไม่ใช่หรอ

    "อ่านป้ายชื่อเอาหน่ะ"คำตอบและรอยยิ้มมุมปากที่ฉาบใบหน้าคมทำเอาคนตัวเล็กที่จ้องมองต้องหันหน้าหนี...บางทีอากาศอาจจะร้อนเกินไปหน่อยถึงได้รู้สึกแปลกๆแบบนี้

    "อ่า...ว่าแต่มีอะไรกับผมหรอ..คริส"เสียงเรียกเน้นย้ำถึงจุดประสงค์เดิมอีกครั้ง...แต่คนตอบกลับนิ่งคล้ายจะพูดแต่ก็เงียบลง...

    เพราะคำตอบของคนเข้ามาหานั้นช่างไร้สาระเสียเหลือเกิน...เขาแค่ติดใจรอยยิ้มแสนหวานที่ถูกส่งมาตอนแข่งยิงธนูด้วยกัน ตอนที่เขายิงได้9แต้มและอีกฝ่ายส่งยิ้มมาแบบนั้น แม้จะรู้ดีว่ามันไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่าการรู้ถึงความห่างของผลคะแนนและการที่ตนเองทำได้ไม่ดีเอาเสียเลย...แต่รอยยิ้มนั้นกลับติดตาเขาไม่ต่างอะไรกับการที่เห็นอีกฝ่ายซ้อมยิงธนู

    "ผม..."

    "พูดมาตรงๆเถอะ ผมทำอะไรให้ไม่พอใจหรอครับ"ยิ่งอีกฝ่ายอ้ำอึ้ง คนรอฟังจึงเกิดความรู้สึกแปลกๆจนคิดว่าตอนแข่งตัวเองไปทำอะไรไว้หรือเปล่า

    "เปล่าครับ..ไม่มีอะไรเลย ผม..แค่อยากรู้จัก.."และคำตอบนั้นก็เรียกรอยยิ้มจากเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ได้อีกครั้ง รอยยิ้มกว้างที่ลามไปจนถึงดวงตา รอยยิ้มที่ทำให้คนมองต้องยิ้มตามไปด้วย

    "ผมก็คิดว่าทำอะไรผิด..แต่ผมเข้าใจผิดมาตลอดหรอว่าคุณเป็นคนจีน"

    "ไม่ครับ ผมเป็นคนจีน แต่พูดเกาหลีได้..."ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ คนตรงหน้าก็สวนกลับขึ้นมาพร้อมดวงตาใสที่มีประกาย

    "ผมจำได้แล้ว คุณคือคนๆนั้น...คนที่พูดได้4ภาษาคนนั้นใช่ไหม...ว้าววว....เก่งจริงๆเลย ผมนะ แค่ภาษาอังกฤษยังไปไม่รอดเลยล่ะ"คำพูดเผาตัวเอง ไหนจะมือที่ยกเกาหัวแก้เขินและเสียงหัวเราะเบาๆทำเอาคริสต้องยิ้มออกมาอีกรอบ...แค่ภายใน10นาทีนี้ เขายิ้มบ่อยเกินไปแล้ว

    "ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก..ถ้าเราจะทำความรู้จักกัน หากผมจะถามปีเกิด..."

    "ผมเกิดปี93 คริสล่ะ"

    "ผมเกิดปี90"

    "อ้าาา...งั้นคริสก็เป็นพี่ผมสินะ อันนยองคริสฮยอง~"เสียงใสเอ่ยพร้อมกับมือที่ยกขึ้นมาโบกน้อยๆทำเอาคริสถึงกับหลุดหัวเราะออกมา...ชอนจีคนนี้ช่างร่าเริงสดใสจริงๆ

    "ชอนจี...เป็นชื่อจริงๆหรอ"คนตัวสูงเอ่ยถาม เพราะเขาเองก็มีชื่อในวงการ แต่ชื่อของเขาดูยังไงก็รู้ซึ่งต่างจากของอีกฝ่าย มันเป็นชื่อภาษาเกาหลี

    "ไม่ครับ ผมชื่อชานฮี อีชานฮี แล้วพี่คริสล่ะ"

    "อี้ฟ่าน...อู๋อี้ฟ่าน..."เพราะคำตอบนั้นทำเอาคนตัวเล็กเงียบไป คล้ายได้ยินเสียงพึมพำเหมือนคนกำลังพยายามออกเสียงไล่ระดับอะไรสักอย่าง..

    "อี้ฝาน...อี้ฝาน ถูกไหม"สุดท้ายเสียงที่ดังออกมาก็ทำเอาคนฟังอดไม่ไหวหัวเราะออกมา เป็นเหตุให้คนพูดถึงกับหน้างอ

    "ถ้ามันออกเสียงยาก ก็เรียกคริสเถอะชานฮี..เอ๊ะ เรียกว่าชานฮีได้ใช่ไหม"

    "ได้สิ ก็เรารู้จักกันแล้ว และเราก็กำลังจะสนิทกันแล้วด้วย"พูดเองก็หัวเราะเองทำเอาคนมองยิ่งรู้สึกเอ็นดูและยิ่งมองก็ยิ่งเพลินตา ถ้าเปรียบอีชานฮีเป็นสี..ก็คงจะเป็นสีรุ้งที่แต่งเติมทุกๆอย่างให้สดใสขึ้นด้วยรอยยิ้มล่ะมั้ง..

    "เดี๋ยวต้องมีแข่งต่อแล้ว ไว้คุยกันนะชานฮี"ไม่พูดเปล่า แต่มือของคนพูดยังยกขึ้นก่อนจะตบเบาๆที่เรือนผมของอีกฝ่าย ยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินจากไป ทิ้งเอาคนชุดสีชมพูยืนอ้าปากค้าง ก่อนจะตั้งสติได้และเดินกลับไปหาเพื่อนของตนเองบ้าง



    งานกีฬาสีทำให้คนสนิทกันไหม...ชานฮีไม่รู้หรอก หากแต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้เพื่อน..ไม่สิ พี่ต่างวงมาอีกคนหนึ่ง พวกเขามีโอกาสได้คุยกันสองครั้ง ครั้งแรกคือครั้งที่แข่งยิงธนูเสร็จ ครั้งที่สองคือตอนดูบรรดาเกิร์ลกรุ๊ปแข่งชิงชนะเลิศการยิงธนู..และตอนนี้ก็คือครั้งที่สาม ที่แข่งวิ่งผลัดแบบวง



    "ทำไมย้ายลงมาไม้ที่สองล่ะ...ตอนแรกพี่อยู่ไม้ที่สี่ไม่ใช่หรอ"หลังคล้ายได้ยินคนเรียกชื่อ เมื่อคนตัวเล็กหันมองก็ต้องตกใจอีกรอบ เขาได้ยินประกาศว่าคริสได้ไม้สี่..ทำไมจู่ๆถึงมาอยู่ไม้สองเหมือนเขาได้ล่ะ

    "มีคนอยากสลับตำแหน่งหน่ะ...แต่งตัวแบบนี้น่ารักดีนี่..."คนตัวสูงผมสีน้ำตาลทองเอ่ยชมอีกฝ่าย ที่ว่าน่ารักไม่ได้แซวหรือแกล้งชม แต่เขาพูดจริงๆ คนตัวเล็กตรงหน้าที่รูดซิปเสื้อคลุมขึ้นมาจนสุด ดึงฮู้ดมาคลุมหัวดึงให้รัดและผูกเป็นโบว์ไว้ โดยมีเรือนผมสีบลอนด์หลุดมาให้เห็นน้อยๆ

    "ย้า...อย่าแซวสิ ถึงพี่แซวผมก็ไม่อ่อยให้หรอกนะ จะวิ่งให้ชนะให้ดูเลย ถึงขาสั้นกว่าแต่วิ่งไม่ช้ากว่าหรอกนะ"แม้จะรู้สึกว่าหน้าร้อนฉ่าเพราะคำว่า..น่ารัก..จากอีกฝ่าย แต่ชานฮีก็เลือกที่จะมองข้ามพร้อมกับพูดคำกวนประสาทและตบท้ายด้วยการแลบลิ้นให้อีกฝ่าย ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะจากอีกคนได้เป็นอย่างดี


    ในตอนแข่งวิ่ง ชานฮีแทบไม่ได้สนใจอะไรเลยด้วยซ้ำนอกจากการวิ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด รับไม้จากชางฮยอนและวิ่งไปส่งต่อให้พี่มินซูให้เร็วที่สุด เขาคิดแค่นั้น...และกว่าสายตาจะหลุดออกจากการมองตามว่าพี่มินซูวิ่งได้เร็วแค่ไหนก็ตอนที่รู้สึกถึงคนที่มายืนอยู่ข้างๆ

    "วิ่งเร็วจริงๆนะเรา"เสียงพูดปนเสียงหอบทำให้ชานฮีอยากจะหลุดขำ

    "ทำอย่างกับพี่เห็น ตัวเองเอาแต่วิ่งหน้าตั้งอะดิ"เพราะชานฮีเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน

    "แต่ก็ส่งไม้พร้อมๆกันเลยนี่ ก็หมายความว่าชานฮีก็วิ่งเร็วเหมือนกันนั่นแหละ..ว่าแต่ ทำไมถึงยังใส่ฮู้ดล่ะ ถอดแล้ววิ่งก็ได้นี่ ว่าจะถามตั้งแต่เย็นแล้วว่าไม่เห็นถอดฮู้ดเลย.."คนตัวสูงเอ่ยถามขณะที่ขาก็พากันเดินเข้าไปในสนามหญ้า หยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่ม

    "เสื้อข้างในของผมไม่เหมือนของพี่นี่ มันเป็นเสื้อกล้าม ไม่ใช่เสื้อยืดแบบนี้"พูดไปก็ดึงเสื้ออีกฝ่ายไปด้วย ร้อนอยากถอดเสื้อทิ้งจะตาย แต่ติดที่เสื้อข้างในเสื้อกล้ามยังไม่เท่าไหร่ แต่แขนนี่สิ..กว้างเชียว ทำเอาต้องทนใส่แบบนี้ไปจนจบงาน

    "คนอื่นก็ใส่กันนี่..."เขาดูจากลู่หานที่เจ้าตัวก็ได้เสื้อแบบนี้แต่ใส่เสื้อกล้ามไว้ด้านในแต่ก็เห็นเดินไปมาสบายใจ

    "ผมไม่ได้หุ่นดีแบบนั้นนี่หน่า..."

    "งั้นวันหลังก็ขยันออกกำลังกาย ไว้พี่อยู่เกาหลี จะพาไปออกกำลังกาย ไปกินข้าวด้วย ตัวเล็กนิดเดียวเองเราหน่ะ"คำพูดที่ว่าตัวเล็กทำเอาหัวคิ้วคนฟังกระตุกเล็กๆ

    "ตัวไม่เล็กสักหน่อย พี่สูงเกินไปต่างหาก แล้วพี่จะพาไปยังไง เบอร์ก็ไม่มี..โอ๊ะ!! เบอร์ไม่มีก็แลกเบอร์สิ"คล้ายความคิดบรรเจิด คนตัวเล็กจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องโปรดของตนขึ้นมาก่อนจะยื่นให้อีกฝ่ายกดเบอร์

    "อ๊ะ..ติดแล้วล่ะ"เมื่อรู้สึกถึงกระเป๋ากางเกงสั่น คริสจึงส่งโทรศัพท์คืนเจ้าของและหยิบไอโฟนสีขาวของตนขึ้นมาเมมเบอร์บ้าง

    "ต่อไปเวลามาเกาหลี พี่ก็คาทกหรือโทรมาบอกผมนะ เราจะได้ออกไปกินข้าวด้วยกัน"คนตัวเล็กเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม...เขาดีใจที่งานกีฬาสีไอดอลในปีนี้ได้คนรู้จักเพิ่มอีกหนึ่งคน...คนรู้จักที่อาจจะกลายมาเป็นคนสนิท...ในอนาคตอันใกล้

    "ได้สิ แล้วถ้าพี่อยู่จีนจะคาทกหานายได้ไหม"คำพูดยียวนทำเอาคนฟังเบ้ปาก

    "ไม่ได้มั้ง คิดว่าจะเงียบๆ พี่นี่กวนประสาทไม่ใช่เล่นๆเลยนะ"เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายทำเอาชานฮีอดจะยิ้มและหัวเราะตามน้อยๆไม่ได้...ลีดเดอร์ของวงเอกโซเอ็ม..มีเสน่ห์จริงๆ ถึงว่าทำไมมีแฟนคลับเยอะขนาดนี้


    "....ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะชานฮี"

    "ครับ...ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะครับ..พี่อี้ฟ่าน"



    ครั้งนี้รอยยิ้มของทั้งคู่กว้างเหมือนกัน หนึ่งดีใจที่เรียกชื่ออีกฝ่ายถูก และอีกหนึ่งก็ดีใจที่ได้ยินอีกคนเรียกชื่องตัวเองได้ถูกต้อง ก่อนจะโบกมือแยกย้ายกันไป


    เป็นดั่งคำที่ใครว่าไว้จริงๆ...งานกีฬาและการแข่งกีฬานั้น...สร้างมิตรภาพ...ได้จริงๆ



    ว่าแล้วข้อความที่ดังขึ้นพร้อมกันของมือถือทั้งสองเครื่องก็ทำเอาเจ้าของต้องยิ้มกันอีกรอบ ถ้าจะใจตรงกันส่งประโยคเดียวกันขนาดนี้ล่ะก็นะ....


    ส่วนประโยคว่าอะไรหน่ะหรอ.....คนที่ไม่ใช่เจ้าของเครื่องจะไปรู้ได้อย่างไรกัน.....คงมีเพียงคนสองคนเท่านั้นล่ะมั้งที่รู้ได้....คงมีเพียงอู๋อี้ฟ่านกับอีชานฮีที่รู้เนื้อความในโทรศัพท์นั้น....



    END(???)





    ...Special Gift....



    มันไม่ใช่ประโยคที่บอกรักหรือคิดถึงอะไรทำนองนั้นหรอก คนที่พึ่งเคยเจอกันวันเดียวถ้าบอกรักบอกชอบก็คงจะง่ายเกินไป...มันก็แค่ประโยคสั้นๆง่ายๆที่ว่า...



    ....อย่าลืมกันล่ะ.....


    END


    Talk:
     ด้วยรักและสิเหน่หาล้วนๆเลยค่ะ ฮาาา เพราะช็อต3วิที่ยิ้มให้จริงๆ...

    ขอให้มีความสุขและสนุกกับการอ่านนะคะ ^^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×