คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [OS] A Thousand Miles [ByungChan]
Title: [OS] A Thousand Miles
Fandom: TEENTOP
Pairing: ByungChan [LeeByunghun x LeeChanhee]
Rating: PG
Genre: Fluff, Yaoi
Author: icypumpkin
-------------------------------------------
โซล - เกาหลีใต้
ท้องฟ้าสีรัตติกาลพร่างพราวไปด้วยดวงดาวนับล้านดวง...พระจันทร์สีเหลืองอร่ามดวงโตถูกก้อนเมฆและผืนฟ้าซ่อนตัวไว้ด้านหลังเพื่อให้ดวงดาวได้เปล่งประกายฉายแสงแข่งกัน ลมหนาวพัดผ่านพาลให้คิดถึงคนที่เคยอยู่ใกล้ชิด..
คนๆนั้นที่มักจะโอบกอดหรือนำผ้าห่มมาคลุมให้...
คนๆนั้นที่ชอบจูงมือเขาออกมาดูดาวที่ระเบียงในคืนเดือนมืดเช่นนี้ทั้งๆที่เราทั้งคู่ดูดาวไม่เป็น....
คนๆนั้นที่ชอบนั่งคุยกับเขาที่ระเบียงนอกห้องและมองดาวไปด้วย...ไม่รู้หรอกว่ามันจะเรียกว่าโรแมนติกหรืออะไรหรือเปล่า...เพียงแต่เขาก็แค่รู้สึกดีที่เราได้ใช้เวลาร่วมกันเท่านั้นเอง....
คนๆนั้นที่ตอนนี้อยู่แสนไกล...ไกลคนละซีกโลก....
เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้งเมื่อคิดถึงจุดๆนี้ก่อนจะก้มมองมือถือสีขาวในมือ..เปิดเคส หน้าจอสว่างวาบขึ้นจนถึงเพดาน...ปิดเคส ความมืดเข้าโอบล้อม ลมหนาวคล้ายพัดแรงขึ้นจนต้องโอบกอดตนเองเอาไว้
อากาศและสภาพจิตใจแบบนี้ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ..ภาพความทรงจำเก่าๆที่เคยมีร่วมกันเสียเหลือเกิน....
"ชานฮียา...ออกมาดูดาวกัน"ไม่ใช่แค่เสียงทุ้มที่ดังอยู่ข้างใบหู แต่อ้อมกอดอุ่นๆและน้ำหนักแถวลาดไหล่ทำให้คนถูกกอดยิ้มออกน้อยๆ
"ดูไปทำไม..ดูก็ดูไม่เป็น"เขาหันใบหน้าไปหาอีกฝ่ายน้อยๆ ซึ่งถ้ามองไม่ผิด แอบเห็นจมูกที่ย่นขึ้นและริมฝีปากบางเม้มน้อยๆ
"ก็...."
"ไปดูดาวก็ได้..."เพราะรู้ว่าลักษณะท่าทางแบบนั้น คงหนีไม่พ้นการคิดหาเหตุผลไม่ได้ บางครั้งเขาเคยอยากให้อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า 'แค่อยากไป แค่อยากทำ' หรืออะไรทำนองนั้น ไม่เห็นต้องหาเหตุผลล้านแปดเลยก็ได้...แต่บางที ก็อาจจะเป็นเพราะสาเหตุนั้นล่ะมั้ง..ที่ทำให้เขารักอีกฝ่าย..ที่ทำให้อีชานฮีรักอีบยองฮอนมากยิ่งขึ้น
คำว่าออกมาดูดาวนั้น บางครั้งชานฮีอยากจะเถียงเหลือเกินว่ามันคือการออกมานั่งรับลมคุยกันมากกว่า...พวกเขาไม่เคยพูดกันถึงเรื่องดวงดาว...ไม่เคยมีความรู้ใดๆเลยในเรื่องแบบนั้น เพียงแต่วันที่ท้องฟ้ามีดวงดาวหรือวันที่ดวงดาวพร่างพราวเต็มผืนฟ้า บยองฮอนมักจะให้เขาออกมานั่งคุยกัน...นั่งคุยกันริมระเบียงพร้อมกับผ้านวมผืนหนาที่พันไว้รอบตัวและมือที่สอดประสานกันไว้
Rrrrrr Rrrrr
"ฮัลโหล..."ขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่เพลินๆ ฉับพลันเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นก็ทำเอาคนตัวบางหลุดออกจากภวังค์และรีบรับสาย
/ชานฮียา....คิดถึงจังเลย/เสียงทุ้มจากปลายสายเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าหวานได้เป็นอย่างดี
"ไม่ต้องมาอ้อนเลย คิดถึงแต่ก็ไม่เห็นจะกลับมา"แกล้งทำเสียงเหมือนขัดใจทั้งๆที่ความจริงนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าแทบจะฉีกไปถึงใบหู...บางครั้งสิ่งที่เรียกว่าความสุข..มันอาจจะเป็นอะไรแค่นี้ก็ได้นะ แค่การได้ยินเสียงกันสักนิด แค่เพียงได้ยินคำพูดที่มาจากใจสักหนึ่งประโยค
/อยากกลับจะแย่แล้ว...แต่แม่บอกว่ากว่าจะเริ่มต้นซ้อมก็ตั้งอาทิตย์หน้า เลยอยากให้อยู่ด้วยกันอีกสักหน่อย/น้ำเสียงร้อนรนรีบบอกรายละเอียดเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดทำให้คนฟังอดไม่ไหวที่จะหัวเราะออกมา ซึ่งนั่นทำให้ปลายสายเงียบไป
"...บยองฮอนนา.."เสียงใสเรียกอีกฝ่ายหลังจากรู้สึกว่าเงียบนานเกินไป...
/...../
"ฮอนนี่...."
/เฮ้ออออ...อย่าเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงแบบนั้นได้ไหมชานฮี/ปลายสายถอนหายใจยาวก่อนจะพูดต่อ ทำเอาคนฟังต้องกลั้นขำอีกรอบ..เพราะรู้หรอกว่าอีกฝ่ายแค่แกล้งกะจะเอาคืน ถึงเรียกชื่อแบบนั้นออกไป บางทีการง้อหรือเอาคืนอีบยองฮอนก็ไม่ใช่เรื่องยากสักนิด...สำหรับอีชานฮีคนนี้หน่ะนะ
"เสียงนายเปลี่ยนๆนะ ไม่สบายหรอ"คนตัวบางตั้งข้อสงสัย
/อืม..คัดจมูกนิดหน่อยหน่ะ/
"แล้วกินยารึยัง"
/กินแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ แล้วชานฮีล่ะ อย่าออกไปยืนรับลมนานๆโดยที่ไม่ใส่เสื้อคลุมรู้ไหม เดี๋ยวเป็นหวัดนะ/ยังไงซะอีบยองฮอนก็คืออีบยองฮอน ต่อให้ตัวเองจะเป็นยังไงก็ไม่ลืมที่จะบอก ที่จะเตือนและคอยเป็นห่วงเขาเสมอ
"รู้แล้ว ย้ำจังเลย...แล้วแบบนี้จะกลับเมื่อไหร่"ชานฮีเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง..แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาคิดถูกหรือคิดผิดที่ยกประเด็นนี้ขึ้นมา
/ก็น่าจะอีก5-6วันล่ะมั้ง.../
"......."
/.....ชานฮี...อีชานฮี...ชานฮียา..../
"ยังอยู่ในสายนี่แหละ เรียกจังเลย"ก็แค่กำลังคิด..ว่าอีก5-6วันที่ไม่มีบยองฮอนอยู่ข้างกาย อีชานฮีจะทำอะไรดี เขากลับบ้านแล้วและกลับมาอยู่หอดังเดิมแล้ว เพราะตามที่คุยกันไว้ วันมะรืนนี้บยองฮอนคงจะกลับ...
/อืม...นายโอเคใช่ไหม../
"โอเคสิ ก็นายต้องอยู่กับแม่นี่หน่า..นานๆจะมีเวลาไปหาท่านสักที ก็อยู่ให้นาน อยู่ให้คุ้มเถอะ..แล้วที่ให้บอกแม่ บอกรึยัง"คนอยู่ที่โซลเปิดประตูที่กรุเป็นกระจกใสออกไปยืนเกาะขอบระเบียงก่อนจะมองขึ้นไปบนฟ้าไกล..เอาหน่ะ อย่างน้อยก็ยังอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน แม้ตอนนี้อเมริกาจะสว่าง พระอาทิตย์จะจ่อตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางท้องฟ้าก็เถอะ
/บอกแล้ว บอกว่าชานฮีฝากความคิดถึง...คิดถึงแต่แม่ทุกวันเลย ไม่เห็นคิดถึงฉันบ้าง/เสียงคล้ายน้อยใจทำเอาคนปากหนักรีบตอบกลับให้อีกฝ่ายหน้าเหวอคาโทรศัพท์เล่นๆ
"คิดถึงสิ คิดถึงบยองฮอนตลอดแหละ คิดถึงมากๆด้วย..."แม้จะดีใจที่ได้ยินอีกฝ่ายพูด...แต่บยองฮอนรู้ดี หากไม่ถึงที่สุด..ชานฮีคงไม่พูดอะไรแบบนี้ออกมา...เขาคงไม่ได้ยินคำบอกคิดถึงจากปากของอีกฝ่ายอย่างง่ายดายแบบนี้
/......./
"ดึกมากแล้วล่ะ..ฉันไปนอนก่อนนะ"เมื่ออีกฝ่ายเงียบไปนาน เขาจึงเอ่ยตัดบท...ท่างทางบรรยากาศวันนี้ คุยกันต่อเขาคงงอแงใส่เป็นแน่..
/อืม พักผ่อนเยอะๆล่ะ ฝันดีนะชานฮี/เขาตอบรับและบอกลาปลายสายก่อนจะวางสาย
"เฮ้ออออ.."ลมหายใจยาวพรูออกเสียงดัง...
ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมคุยกันแบบเห็นหน้า ทั้งๆที่โลกสมัยนี้ เทคโนโลยีก็แสนก้าวไกล..คำตอบนั้นแสนง่ายดาย...คืออีชานฮีกลัว...กลัวยิ่งเห็นหน้าจะยิ่งแย่...กลัวว่าถ้าเห็นหน้า..ความคิดถึงจะเพิ่มเท่าทวีคูณ...เพราะแค่นี้..ความคิดถึงก็เล่นงานเขาจะแย่อยู่แล้ว...คนที่ไม่ค่อยห่างกัน พอห่างกันที ห่างกันครึ่งโลก..มันทรมานไม่ใช่น้อยเลยจริงๆ
โอเรกอน - อเมริกา
"อยากกลับเกาหลีมากขนาดนั้นเชียว"เสียงหญิงวัยกลางคนแขวะขึ้นทำเอาคนที่พึ่งวางโทรศัพท์ต้องหันขวับ
"อะไรกันครับแม่"แม้ปากจะเอ่ยถามแต่ใจนั้นกลับรู้ดีว่ามารดาต้องการสื่ออะไร ใบหน้าของคนพูดถึงอมยิ้มแบบนี้
"ไม่ต้องมาทำพูดเลย ตื่นแต่เช้ามาก็โทร ตกดึกก็โทร ตัวอยู่กับแม่แต่ใจยังไม่ห่างจากเกาหลีเลยล่ะมั้งแบบนี้หน่ะ"คำพูดของมารดานั้นเรียกรอยยิ้มกว้างจากของลูกชายได้เป็นอย่างดี
"โถ่...แม่ก็.."เพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไงในเมื่อแม่ก็คงรู้ทันแน่ๆ อีบยองฮอนจึงเลือกที่จะพูดแค่นั้นและเดินไปกอดแม่แทน..สิ่งที่น่ายินดีที่สุดคือแม่รู้เรื่องแต่ไม่เคยห้ามหรือทำท่ารังเกียจแม้สักนิด
"เมื่อไหร่แม่จะได้เจอชานฮีกันนะ"
"แม่ก็เคยเจอชานฮีแล้วนี่ครับ ทั้งนิตยสาร เอ็มวีและรายการต่างๆ..โอ๊ยยย"พูดยังไม่ทันจะจบดีก็ไม่วายโดนมารดาประเคนฝ่ามือเข้าให้เต็มแขน
"ลูกคนนี้วอนโดนแม่ตีจริงๆ ฉันหมายถึงเจอตัวเป็นๆ มานั่งคุยข้างๆกันย่ะ"
"ผมไม่ให้แม่เจอหรอก เดี๋ยวแม่หลงรักชานฮี"
"โถ...หลงเหลือเกินนะพ่อคุณ วันนี้จะไปซื้อของไม่ใช่หรอ..ไปได้ละไป เดี๋ยวจะกลับดึก"ผู้เป็นแม่เอ่ยพลางตบแก้มลูกชายที่มากอดอ้อนเบาๆ...เธอไม่รู้จะห้ามไปทำไม ในเมื่อความรักนั้นคือสิ่งสวยงาม ในเมื่อความรักนั้นมอบรอยยิ้มให้แก่ลูกชายของเธอ..รวมทั้งความรักนั้นเป็นพลังให้ลูกของเธอมีชีวิตต่อไป..
บยองฮอนพูดคุยกับมารดาอีกสักพักและวิ่งขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกไปซื้อของ...เขาลิสต์รายการของที่ชานฮีเคยอยากได้ แต่ที่เกาหลีนั้นราคาแพงกว่า จึงคิดไว้แล้วว่าจะมาซื้อจากที่นี่ไปฝาก ถือเป็นการทำเซอร์ไพร์สอีกฝ่ายไปด้วย
เขาเดินไปตามร้านต่างๆทั้งในห้างสรรพสินค้าและตามสแควร์..ถือเป็นวันดีๆที่ได้มาพักผ่อนแบบนี้ แม้จะแอบคิดว่าถ้ามีคนผมบลอนด์ช่างเจื้อยแจ้วเจรจาคนนั้นอยู่ด้วยจะยิ่งดีกว่านี้มากแค่ไหน
"นี่บยองฮอน..."เสียงหวานเรียกชื่อเขาในค่ำคืนหนึ่งที่เรานั่งดูดาวด้วยกัน
"หืมมม"ความจริงแล้วเขาไม่ได้ชอบดูดาวอะไรขนาดนั้นหรอก และแน่นอนว่าดูไม่เป็นด้วย..แต่ก็แค่อยากเห็นภาพสวยๆที่คนข้างกายสร้างขึ้น...ไม่หรอก อีชานฮีไม่ได้ทำอะไรเลย..แค่นั่งเฉยๆ...แค่นั่งเฉยๆแล้วลมก็พัดผ่านทำให้ผมสีบลอนด์นั้นสะบัดปลิวไปมา มือบางที่ค่อยๆยกขึ้นลูบแขนหรือมานั่งเบียดกับเขาเพื่อหาไออุ่น ดวงหน้าหวานมีเลือดฟาดเป็นริ้วเพราะอากาศเย็น ดวงตากลมโตหรี่ลงเล็กน้อย จมูกเข้ารูปสูดหายใจแรงๆบ่อยๆตามนิสัย...ทุกอิริยาบถตราตรึงอยู่ในใจของเขาและยากที่จะลบมันออกไป...
เพียงแค่นึกถึงรอยยิ้มก็ประดับขึ้นบนใบหน้า จนอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์เครื่องบางออกมากดโทรหาเบอร์ที่คุ้นเคย...ก็แค่คิดถึง แม้พึ่งจะไม่กี่ชั่วโมงที่คุยกันไป แต่ตอนนี้เขาอยากได้ยินเสียงนั้นอีกแล้ว
.......เสียงสัญญาณรอสายดังจนเข้าสู่เสียงฝากข้อความ...คงจะนอนอยู่....เขาเองก็ลืมไปว่าป่านนี้ที่นู่นคงตี4-ตี5 ไว้ค่อยโทรหาใหม่แล้วกัน....
4ชั่วโมงเลยผ่าน.......
5ชั่วโมง......
6ชั่วโมง..........
7ชั่วโมง......
นานเกินไปที่จะไม่รับสาย ยิ่งทวีคูณความร้อนใจให้มากขึ้น...เวลาที่ห่างกัน14ชั่วโมง แม้จะบวกลบและพยายามทำใจให้สบาย แต่นี่มันนานเกินไป เขาอดทนรอมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว
/สวัสดีครับ/
"จงฮยอน นี่พี่เองนะ ชานฮีอยู่ไหม"เขาไม่รีรอที่จะเบี่ยงประเด็นให้เสียเวลา
/อ๊า..พี่บยองฮอน สวัสดีครับ รอแป๊ปนึงนะครับพี่ เดี๋ยวผมไปดูห้องพี่เขาก่อน.../น้องเล็กตอบก่อนจะเงียบหายไปสักพัก คล้ายเขาได้ยินเสียงน้องเรียกชื่อคนที่เขาตามตัวก่อนจะตามมาด้วยเสียงเปิดประตู /....พี่บยองฮอน พี่ชานฮีไม่อยู่ครับ/
"ไปไหน ได้บอกไว้ไหม"เขารู้ว่าน้ำเสียงแบบนี้จะทำให้น้องยิ่งกังวลและลนตาม แต่ตอนนี้ด้วยการรอคอยที่นานเกินไปทำให้เขาเป็นกังวลจนเหตุผลอื่นถูกตัดทิ้ง
/ไม่นะครับ พี่ลองโทรเข้าเบอร์พี่เขาหรือยัง.../
"โทรแล้ว แต่ไม่มีใครรับสาย..."เขาถอนหายใจก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาและใช้นิ้วนวดคลึงแถวหว่างคิ้ว
/บางทีพี่ชานฮีอาจจะกลับบ้านก็ได้มั้งพี่...แล้วกำลังเดินทางเลยอาจไม่สะดวกรับ/เสียงจากน้องชายทำให้เขาเริ่มวางใจ...นั่นสิ บางทีชานฮีอาจจะแค่ตื่นขึ้นมาและรีบเดินทางเลยไม่ได้รับโทรศัพท์ของเขา
"นั่นสิ บางทีพี่อาจคิดมากไป..ขอบใจมากนะจงฮยอน โทษทีที่รบกวนเวลาของนาย...ละเป็นไงมั่ง"
/สบายดีครับ นี่ผมก็พึ่งนัดกับชางฮยอนกลับหอมานั่งเล่นกัน/น้ำเสียงที่เริ่มสดใสขึ้นทำให้บยองฮอนรู้ตัว..เมื่อกี้เขาคงใช้น้ำเสียงจริงจังจนน้องเป็นเกร็งไปด้วย
"อื้ม..ดีแล้วล่ะ งั้นเดี๋ยวพี่วางสายก่อนนะ นายพึ่งถึงหอ คงจะเหนื่อย พักผ่อนมากๆล่ะอย่าเอาแต่เล่น"แว่วได้ยินเสียงน้องชายแขวะแต่ก็หมดอารมณ์ที่จะสานความยาวต่อความยืดเขาจึงตัดบทและวางสาย...
ใช่....บางทีเขาคงคิดมากไป.....ชานฮีอาจจะแค่กลับบ้านเลยไม่ได้รับโทรศัพท์เขา..และพอถึงบ้านคงรีบทำธุระกับที่บ้าน...พร่ำบอกตัวเองให้สงบจิตสงบใจก่อนจะเก็บของและทำกิจวัตรประจำวันให้เรียบร้อย
Rrrrrrr Rrrrrr
"Hello?"แม้จะเห็นว่าเป็นเบอร์ไม่คุ้นแต่เขาก็ตัดสินใจรับแม้จะรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่มีคนรู้เบอร์นี้
/Right now, what do you think? Who do you want to see the most?/
"Hello...?"ใครเล่นตลกอะไรกัน...โทรมาละถามอะไรแปลกๆ นี่ที่อเมริกามีโทรศัพท์อะไรแบบนี้ด้วยหรอ..แล้วกับเบอร์ที่เปิดไม่นานนี่นะ
/I ask you a question. If you think about someone, who that you think about?/
"I think...but who are you?"
/I ask you first, please answer my question. Right now Who's appearing in your head?/
"I'm thinking about Chanhee...LeeChanhee then it's my turn, who are you?"
/Just open you door and you'll see the one that you miss./
"Hello!!!! Hello!!!!"และสายก็ตัดไป..ใครเล่นตลกอะไรกับเขากัน...แต่....
"เปิดประตูแล้วคุณจะเจอคนที่คิดถึง..งั้นหรอ...มุขตลกบ้าอะไรวะ"แม้ปากจะว่าแบบนั้น แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเดินออกจากห้องลงบันไดชั้นล่างและเปิดประตูบ้านออก...
"เซอร์ไพร์ส!!!!"เสียงใสมาพร้อมกับใบหน้าหวานที่เขาคิดถึง..เขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้ายืนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหน แต่ก็นานมากพอที่ลมจะพัดจนแก้มใสนั้นขึ้นสีแดง
"ชะ...ชานฮี!!!!"เขาอาจจะกำลังอยู่ในฝัน..แขนเพรียวกอดคนตรงหน้าไว้แน่นคล้ายกลัวว่าถ้าปล่อยไป..ชานฮีจะหลุดหายไปด้วย
"ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องกอดแน่นขนาดนี้ก็ได้ หายใจไม่ออกแล้วบยองฮอน"เสียงใสกล่าว..อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นกลับมาหาเขาแล้ว..กลับมาพร้อมกับลมหนาวที่พัดหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
"ฉันฝันอยู่ใช่ไหม นายไม่ได้มาที่นี่ นี่ฉันฝันไปใช่ไหม"บยองฮอนผละจากคนตัวเล็กแต่ยังคงจับแขนทั้งสองข้างของอีกฝ่ายเอาไว้
"ให้ฉันหยิกแขนไหม นายจะได้รู้ว่าไม่ได้ฝันไป"คนตัวบางพูดทีเล่นทีจริงแต่ไม่น่าเชื่อว่าคู่สนทนาจะพยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนี้
"โอ๊ยยยยย...ทำไมในฝันยังเจ็บอีกอะ"แม้จะร้องเสียงหลงทันทีที่ชานฮีหยิกแขนแต่คำที่พูดออกมาทำเอาชานฮีหัวร่องอหงาย...
"ก็เพราะไม่ฝันไงเล่า นั่งเครื่องบินสิบกว่าชั่วโมงมาเนี่ย ปวดตูดไปหมดแล้ว ยืนรอนายจนลมพัดหนาวอีก ยังไม่คิดจะให้เข้าบ้านจริงๆใช่ไหม"เพราะอากาศยามค่ำคืนของโอเรกอนไม่ใช่เรื่องตลกเลยสักนิด เขายืนรอจนหนาวสั่นพยายามอังมือเป่าปากให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายมาสักพักแล้ว บางทีเขาอาจคิดผิดที่คิดจะทำเซอร์ไพร์สอะไรแบบนี้....
เจ้าของบ้านที่เหมือนสติยังกลับมาไม่สมบูรณ์เต็มร้อยเพียงแค่พยักหน้ารับและพาเขาเดินเข้าในตัวบ้าน บ้านของบยองฮอนไม่ได้ใหญ่โต กลับให้ความรู้สึกอบอุ่น การตกแต่งภายในดูเรียบง่ายแต่ก็หรูหราในตัว ตอนนี้ไฟในบ้านค่อนข้างมืดอาจเพราะเป็นเวลาดึกแล้ว เจ้าของบ้านเดินนำแขกไปยังห้องๆหนึ่งบนชั้นสอง เปิดออกก็พบเตียงกว้างอยู่ชิดริมผนังห้อง อีกมุมเป็นโต๊ะและชั้นเก็บหนังสือ ของน้อยดูสมกับเป็นห้องของผู้ชาย..ห้องบยองฮอนไม่ว่าจะที่โอเรกอนหรือที่โซลก็เรียบร้อยไม่ต่างกันสักนิด
"ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ"
"ไม่ต้องอาบหรอก...แค่นั่งเครื่องบินละต่อรถมานี่เลยไม่ใช่หรอ"เพราะถ้าเทียบคำนวนเวลาแล้ว ชานฮีคงตรงมาที่บ้านของเขาโดยไม่ได้แวะที่ไหนเลยเป็นแน่
"อ่า..เอางั้นก็ได้..ฟู่วววว เหนื่อยจังเลย ปวดเมื่อยไปทั้งตัวเลยเนี่ย"เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทิ้งตัวนั่งบนเตียง ปากบางบ่นเป็นหมีกินผึ้งพลางยืดตัวไปมา..ชานฮีไม่ค่อยชอบนั่งเครื่องบินมากนัก แต่ก็ยอมนั่งมาเพื่อเขา...
"นี่...ฉันไม่ได้ฝันไปจริงๆใช่ไหม.....นายอยู่ตรงนี้ นายบินมาหาฉันจริงๆใช่ไหม ชานฮียา..."อีบยองฮอนสาวเท้าเข้าใกล้ก่อนจะนั่งยองๆระหว่างหว่างขาทั้งสองข้างของคนนั่งบนเตียงและจับมือไว้เสียแน่น
"ไม่หรอก...ไม่ได้ฝัน ฉันบินมาจริงๆ"ชานฮีแกะมือข้างนึงออกจากการเกาะกุมและนำมันลูบแก้มของอีกฝ่ายเบาๆ บยองฮอนในตอนนี้เหมือนเด็กขี้อ้อนไม่มีผิด
"ฉันดีใจจริงๆนะที่นายมา...อะไรทำให้นายคิดจะมาหาฉันกันนะ"คนพูดเอามือถูกับฝ่ามือของอีกฝ่ายเบาๆทำเอาคนโดนอ้อนถึงกับยิ้มไม่หุบ...ถือว่าการยอมนั่งเครื่องบินสิบกว่าชั่วโมงไม่เสียหายเมื่อเจอคนช่างเก๊กอ้อนใส่แบบนี้
เพราะพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้มีช่วงเวลาแบบนี้กันบ่อยนัก เมื่อมันเกิดขึ้น เขาจึงอยากเก็บรักษาและยืดเวลาออกไปอีกหน่อย
"Because I miss you. And I need you. And now I wonder. If I could fall into the sky. Do you think time would pass me by. 'Cause you know I fly across the sky for a thousand miles if I could just see you...if I could just hold you....tonight"
เสียงหวานที่คล้ายเอ่ยคำแต่กลับกลายเป็นฮัมทำนองเบาๆพร้อมกับเนื้อเพลงบางท่อนที่ไม่คุ้นหูทำเอาคนฟังยิ้มก่อนจะขึ้นไปนั่งข้างกายของอีกฝ่าย ยิ่งเห็นสายตาที่มองมาก็ยิ่งมั่นใจ
ไม่ต้องมีคำตอบที่สวยหรูใดๆ เขารู้แล้วว่าทำไมชานฮีถึงยอมบินข้ามทวีปสิบกว่าชั่วโมงเพียงเพื่อมาอยู่กับเขาแค่ไม่กี่วัน...
ใบหน้าที่ค่อยๆโน้มเข้าหากันก่อนที่ริมฝีปากจะสัมผัส..ลิ้นร้อนละเลียดตามริมฝีปากของอีกฝ่ายคล้ายขออนุญาต จนเมื่อปากอิ่มเปิดรับจึงเข้าไปแทรกวนหาความหวาน ไล่ไปตามฟันเล็กทีละซี่จนมาจบที่ลิ้นของอีกฝ่ายที่รออยู่ก่อนแล้ว..สัมผัสหวานเกาะเกี่ยวแลกเปลี่ยนความหวาน ให้จูบนี้แทนคำว่าคิดถึงที่รักมากมาย...ให้ค่ำคืนนี้ชดเชยระยะห่างที่ต้องแยกจากกันไป...
เสียงหวานยังคงแว่วหวานติดหูและคงเป็นประโยคที่ไม่มีทางลืมเลือน...
If I could just see you. If I could just hold you....tonight.
END
ความคิดเห็น