ลำดับตอนที่ #19
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : [SF] This Moment [ByungChan] Chapter2
Title: This Moment
Fandom: TEENTOP
Pairing: ByungChan [LeeByunghun x LeeChanhee]
Rating: R
Genre: Alternative, Angst, Romantic Drama, Tragedy, Yaoi
Author: icypumpkin
Summary: Moments. This is one. This right here, right now, is definitely a moment.
----------------------------------------------------------------------------------------------
Note: ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคอิงวง มีเหตุการณ์รุนแรงที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง หากไตร่ตรองแล้วว่ารับได้ที่ศิลปินที่คุณรักจะโดนทำร้ายในทางฟิคชั่นไม่ใช่ชีวิตจริง ขอให้สนุกและเพลิดเพลินกับการอ่าน แต่ถ้ารับไม่ได้และแยกแยะไม่ออกก็เชิญกดปิดกากบาทสีแดงที่มุมขวาไปเลยค่ะ
Note2: หลายคนอาจวาดหวังไว้สูง แต่ขอเตือนไว้เลยว่า อาจมีการจบแบบ tragedy ไม่ Happy ending แต่ก็อาจมองได้ว่า Happy ขึ้นอยู่ที่มุมมองนะคะ
Note3: เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ฝากอ่านTalkข้างล่างหลังจบพาร์ทอีกสักนิดนะคะ ขอบคุณค่ะ
Chapter 2
ยิ่งกาลเวลาผันผ่าน อีชานฮีดูซูบผอมและมีผิวขาวซีดคล้ายทะลุได้มากยิ่งขึ้นทุกวัน.....นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้อีบยองฮอนอดจะเครียดตามไปด้วยไม่ได้ที่เห็นแบบนั้น
"บยองฮอนเหนื่อยมากไหม..."เสียงหวานถามขึ้นขณะนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา
"เหนื่อย? เหนื่อยอะไรกัน หืม.."เสียงทุ้มตอบกลับก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น
"เหนื่อยที่ต้องดูแลฉันแบบนี้ไง..."ชานฮีเงยหน้ามองคนด้านบน...เรือนผมสีแดงอมชมพูขับให้ใบหน้าคนตรงหน้าขาวขึ้น...แต่ชานฮีกลับเห็นสีหน้าที่เหนื่อยอ่อนและความอิดโรยที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้านั้น...
"ไม่เห็นจะเหนื่อย พูดจาเหมือนตัวเองดูแลยาก..ชานฮีตอนนี้เหมือนเด็กเลยรู้ไหม กินอิ่มแล้วก็นอน ขาดอย่างเดียวถ้านายดูดขวดนมด้วยนี่ใช่เลย.."เสียงหัวเราะดังก้องหลังจากพูดจบก่อนจะโดนคนในอ้อมกอดฟาดไม่เบานัก...แต่บยองฮอนไม่รู้ว่านั่นคือสุดแรงของชานฮีแล้วหรือเปล่า...คนในอ้อมกอดเขาดูอ่อนแรงลงทุกวัน
ถามว่าเหนื่อยไหมหน่ะหรอ....เหนื่อยสิ อีบยองฮอนเหนื่อยเหมือนสายตัวแทบขาด...เหนื่อยกับตารางงานแสนโหด ขึ้นแสดง ซ้อม ออกรายการ ซ้อม พักครึ่งวัน ซ้อม...มันวนเวียนเป็นกิจวัตรเดิมๆ แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือการนั่งรถไฟมากวางจู...มาหาคนในอ้อมกอดที่รอเขาอยู่ทุกคืน..แม้บยองฮอนจะฝึกซ้อมด้วยระยะเวลาน้อยลง แต่เขากลับใช้ทุกนาทีแห่งการซ้อมให้คุ้มค่า..บยองฮอนไม่เคยพักขณะซ้อมหากยังไม่แม่นจริงๆ และพอซ้อมจนร่างกายร้องประท้วง เขาเลือกที่จะบอกลาพี่และน้องๆในวงก่อนจะอาบน้ำและนั่งรถไฟมาถึงที่นี่...มาเพื่อใช้เวลากับอีชานฮี...
แม้จะเป็นเวลาไม่นาน แม้จะได้อยู่ด้วยกันไม่กี่ชั่วโมง แต่สำหรับเขา...ทุกนาทีที่ได้ใช้ร่วมกันมันคุ้มค่า..คุ้มจนเขาไม่อยากจะปล่อยให้สักวินาทีที่ไม่มีชานฮีเลยผ่าน อยากให้เรามีกันและกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ....
"แล้วพรุ่งนี้ไปกี่โมง"เสียงหวานถามขึ้นและบิดตัวไปมาอีกครั้ง ทำให้บยองฮอนเลือกที่จะคลุมผ้าให้หนาขึ้นและกระชับคนในอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น...อากาศหนาว ชานฮีจะปวดตามข้อ....
"ไม่ไป..."
"เหห..."คำตอบที่สวนขึ้นมาทันควันทำเอาคนฟังถึงกับร้องเสียงหลงและเลิกคิ้วขึ้น
"ไม่มีงาน จริงๆนะ..ได้พัก2วัน ก่อนจะไปจัดคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น"บยองฮอนตอบไขข้อสงสัย
"ไปกี่วันล่ะ"
"ไม่รู้สิ อาจจะห้าวันหรืออาทิตย์หนึ่ง..ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แต่จะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดนะ..."
"ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวนายจะเหนื่อยเกินไป แล้วไม่ต้องไปซ้อมหรอ"เสียงหวานที่แหบแห้งจนเจ้าตัวต้องกระแอมไอ เหงื่อกาฬเริ่มผุดขึ้นตามไรผมทั้งๆที่อากาศไม่ได้ร้อน ไหนจะอาการดิ้นขลุกขลักไปมานี่อีก...
"นอนก่อนนะชานฮี..พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะ...พรุ่งนี้ฉันอยู่กับนายทั้งวันเลย..นอนนะคนดี..."บยองฮอนประคองคนตัวบางในอ้อมกอดให้นอนบนหมอน พยายามจัดท่าทางที่คิดว่าอีกฝ่ายจะนอนได้สบายที่สุด ห่มผ้าให้มิดคอกลัวว่าความหนาวจะเข้าทำร้าย และนั่งลงข้างเตียง กุมมืออีกฝ่ายไว้แน่น มืออีกข้างก็ลูบผมและแก้มของคนที่นอนไปมา...บยองฮอนฮัมเพลงเบาๆเหมือนที่ชานฮีชอบให้ทำเมื่อเจ้าตัวกำลังจะหลับแต่เขายังไม่อยากนอน...ชานฮีเคยบอก..ว่าเสียงของบยองฮอนน่าฟังและขับกล่อมชานฮีให้เข้าสู่ห้วงนิทราที่แสนหวาน...
สองอาทิตย์แล้วที่เขามาที่นี่ ได้เห็นอะไรในอีกหลายแง่มุมของชานฮีที่เขายังไม่เคยได้เห็น หลากหลายแง่มุมที่ชานฮีมักไม่แสดงออกมา และสิ่งที่ทำให้ยิ้มออกมากที่สุด...คนป่วยอ้อนเก่งเหลือเกิน ตามปกติชานฮีมักจะทำอะไรด้วยตนเอง ไม่ขอให้ใครช่วยหากไม่จำเป็นหรือเจ้าตัวไม่ขี้เกียจ แต่สองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ชานฮีเรียกหาเขาแทบตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม..และที่สำคัญชานฮีมักจะอ้อนขอให้กอด...ไม่ว่าจะกอดหน้า กอดหลัง นั่งกอดหรือแม้กระทั่งนอนกอด...คล้ายลูกแมวต้องการไออุ่น...คล้ายอีชานฮีพยายามอยู่ใกล้ชิดและเกาะติดอีบยองฮอนไว้เพื่อไม่ให้ลืมเขาไป...
วันแรกที่ได้อยู่ด้วยกันเต็มวันเป็นครั้งแรก บยองฮอนตื่นเช้ามาเช็คความเรียบร้อยของหน้าต่างและผ้าม่านทุกผืน...ลมพัดได้แต่ห้ามโดนแสงแดด...นั่นเป็นอีกข้อหนึ่งที่แม่ของชานฮีบอกเขาไว้...แต่แม้จะโดนลมพัดได้ หากแต่ชานฮีอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศเย็นมากไม่ได้...อากาศเย็นจะทำให้คนป่วยปวดข้อ...หากชานฮีปวดจนทนไม่ไหวต้องรีบให้กินยาทันที....ท้ายที่สุดแล้ว มาจนถึงตอนนี้อีบยองฮอนคล้ายจะรู้ว่าคนตัวบางนั้นป่วยเป็นโรคอะไร แต่ก็ยังไม่อยากจะแน่ใจ เพราะครอบครัวของชานฮีไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลยสักคน
เพล้ง!!!
"ชานฮียา!!!"จานแก้วถูกปัดตกจากโต๊ะไม้ขณะเจ้าตัวกำลังกินข้าว ก่อนคนป่วยจะโก่งคอคล้ายต้องการจะอ้วก ทำเอาบยองฮอนรีบวิ่งไปเอาถังขยะมารองรับก่อนข้าวที่กินไปเพียงนิดจะถูกขย้อนออกมาจนหมด...
"แค่ก...แค่ก..."เสียงอ้วกโครกครากก่อนจะตามด้วยเสียงกระแอมไอสองถึงสามครั้ง
"บ้วนปากก่อนนะ...แล้วก็จิบน้ำเข้าไปหน่อย"ชานฮีรับแก้วน้ำที่ถูกส่งมาก่อนจะทำตามที่บยองฮอนบอก...
"กินไม่ไหวใช่ไหม..."คนตัวบางเพียงพยักหน้ารับ ซึ่งนั่นทำให้บุรุษพยาบาลจำเป็นเลือกที่จะอุ้มคนป่วยไปนั่งที่โซฟาและเปิดโทรทัศน์ให้ดูฆ่าเวลา....ผลข้างเคียงของยา...บยองฮอนรู้แค่นั้น..ชานฮีกินข้าวน้อยลง กินทียิ่งกว่าแมวดม และบางครั้งกินเข้าไปก็จะอ้วกออกมาหมดเหมือนครั้งนี้...คนป่วยมักจะคลื่นไส้อยู่บ่อยๆ...
บยองฮอนเดินจากมาเก็บข้าวที่ยังกินไม่หมดและเก็บเศษจานรวมถึงเศษอาหารที่ชานฮีเผลอปัดตกแตก ทำความสะอาดมันก่อนจะมานั่งข้างๆอีกฝ่าย
"ขอโทษนะ...ทำนายเหนื่อยอีกแล้ว"บยองฮอนส่ายหน้ากับคำพูดนั้นก่อนจะฝังจมูกลงบนแก้มนิ่ม...หอมกลิ่นนมเหมือนอย่างเคย แต่ติดที่แก้มนั้นซูบตอบลงไปกว่าเดิมมากนัก
"ไม่เหนื่อยเลย แค่นายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว หิวก็บอกนะ ฉันจะได้ไปอุ่นโจ๊กมาให้กิน..."ตอนนี้บ้านขนาดกลางในกวางจูหลังนี้มีแค่เขากับชานฮีอาศัยกันอยู่สองคน เนื่องจากคุณพ่อต้องไปทำงานต่างประเทศ พี่ชายก็ติดงานกลับมาไม่ได้ คุณแม่เองก็ต้องไปสะสางงานที่กองค้างเอาไว้ เพราะพวกท่านไม่กล้าทิ้งให้ชานฮีอยู่บ้านคนเดียว เมื่อมีคนมาดูแลแทน จึงแยกย้ายกันเคลียร์งานเพื่อให้มีเวลาว่างมาดูแล
สิ่งหนึ่งที่คนป่วยกดดันทำให้ร่างกายตัวเองยิ่งโทรมลงคือความคิดที่ว่าตนเองไร้ค่าและสร้างภาระให้แก่คนอื่น ซึ่งบยองฮอนมักจะพร่ำบอกอยู่เสมอว่าชานฮีคือคนสำคัญ และเพราะชานฮีสำคัญ ทุกคนจึงอยากดูแลเพื่อให้อยู่ด้วยกันไปอีกนานๆ เพื่อให้ชานฮีหายไวๆ กลับมาแข็งแรงดังเดิม แม้จะรู้สึกเหมือนกำลังหลอกตัวเองและอีกฝ่ายไปพร้อมๆกัน..แต่ก็ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งในหัวใจเขายังคงมีความหวัง...หวังว่าจะเห็นคนข้างกายกลับมาแข็งแรงและสดใสร่าเริงดังเดิม
"นี่...เล็บเริ่มยาวแล้วนะ..."หลังนั่งดูหนังด้วยกันไปสักพัก คนช่างสังเกตจึงเอ่ยขึ้นเรียกความสนใจจากอีกคนได้เป็นอย่างดี
"หืม...ไหน...."คนตัวบางยกมือขึ้นดู
"อ่า...ยาวจริงๆด้วยสิ ตัดไม่ไหวหรอก บางทีอยู่ๆตาก็พร่า เพ่งอะไรนานๆไม่ได้ เดี๋ยวตัดถูกเนื้อ ช่างมันเถอะ..."คำตอบที่มาพร้อมรอยยิ้มหวานก่อนจะวางมือไว้ที่เดิมและหันหน้าไปดูหนัง ทำเอาบยองฮอนอดจะยิ้มตามไม่ได้ บยองฮอนปล่อยให้ชานฮีนั่งดูหนังไปตามเดิมแต่ตนเองเดินไปหยิบกรรไกรตัดเล็บพร้อมกับถังขยะก่อนจะมานั่งลงข้างๆและกุมมืออีกฝ่ายมาไว้ตรงหน้า
"บยองฮอนจะทำอะไร.."คนที่พึ่งละสายตาจากจอทีวีถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทางนั้น
"ตัดเล็บให้ เดี๋ยวข่วนหน้าข่วนตาหรือไปโดนอะไรเข้า"เจ้าของเรือนผมสีแดงไม่รอฟังคำทัดทาน จับมือของอีกฝ่ายมาตัดเล็บนิ้วโป้งก่อนจะยิ้มให้
"ไม่ต้องห้ามเลย นี่เริ่มตัดไปแล้ว ต้องตัดให้เสร็จนะ"
"ย๊า!! นายนี่จริงๆเลย"แม้ปากจะบ่นแต่บนใบหน้าขาวกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อีชานฮีคงเป็นคนป่วยที่โชคดีที่สุดในโลกแล้วล่ะมั้งเนี่ย ดวงตากลมนั่งมองคนที่ตัดเล็บให้เขาอย่างเงียบๆ...ดวงตารีเรียวที่เพ่งมองเล็บของเขาให้ดีก่อนจะตัดเล็บให้ชานฮีทีละเล็บ เพียงเพราะกลัวจะตัดลึกไปจนอีกฝ่ายได้เลือด...หรืออาจจะยาวเกินไปทำให้ต้องมานั่งตัดบ่อยๆ จากเล็บมือข้างซ้าย ไล่ไปยังเล็บมือข้างขวา ขยับท่าทางจากนั่งบนโซฟาลงไปนั่งด้านล่างและคว้าข้อเท้าอีกฝ่ายขึ้นมา
"พอแล้วบยองฮอน...ไม่ต้องตัดแล้ว..ไม่ต้องตัดหรอก.."แม้จะคบกันมานาน แต่ชานฮีก็ยังรู้สึกไม่เคยชินและเขินอายที่อีกคนมาดูแลกันแบบนี้ แค่ตัดเล็บมือให้ก็แย่แล้ว หากต้องให้บยองฮอนตัดเล็บเท้าให้อีกคงไม่ไหว...ทั้งเขิน..ทั้งอาย...ทั้งเกรงใจ...
"เอาหน่า..ไหนๆก็ตัดแล้วนะ ตัดทีเดียวเลย ไม่ต้องเขินหรอกหน่า เท้านายสวยจะตาย"คำพูดที่ทำให้บยองฮอนโดนคนหน้าหวานฟาดให้อีกป้าปใหญ่ที่ไหล่
"เท้าสวยอะไรกันเล่า พูดอะไรก็ไม่รู้นายนี่..ไม่ต้องต่งต้องตัดแล้ว..."ชานฮีตอบโดยพยายามจะดึงเท้ากลับ แต่คนรู้ทันกลับกุมไว้ซะแน่น
"ล้อเล่นหรอกหน่า ให้ฉันทำเถอะ"ชานฮีไม่รู้ว่าเพราะแววตาแสนจริงจังหรือเสียงทุ้มที่เป็นดั่งมนต์สะกด ทำให้เขาพยักหน้ารับก่อนจะนั่งมองอีกฝ่ายตัดเล็บต่ออย่างเงียบๆ...
อีชานฮีนึกภาพไม่ออกเลยว่าในอีกสองวันข้างหน้าที่อีกฝ่ายกำลังจะไปญี่ปุ่น เขาจะอยู่ได้อย่างไร..จะมีใครคอยมากังวลเวลาอากาศเย็นเกินไปหรือแสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่าน จะมีใครคอยมาสนใจเวลาเขากินข้าวไม่หมดและคอยป้อนข้าวให้กินเยอะๆ และจะมีใครมาคอยกอดปลอบเวลาที่ปวดมากๆ....หรือบางทีการที่บยองฮอนไปญี่ปุ่นหนึ่งอาทิตย์ กลับมาชานฮีจะยังจำบยองฮอนได้ไหมนะ....
"ฮอนนี่..."ไวเท่าความคิด ชานฮีเรียกคนที่กำลังนั่งตัดเล็บให้เงยหน้ามามองเขา
"ครับ..?"บยองฮอนขานรับอย่างงงๆกับเสียงเรียกและรอยยิ้มที่เห็นจากอีกฝ่าย
"พูดเพราะเชียว..ไปญี่ปุ่นกี่วันนะ..."
"ไม่รู้สิ...อาจจะห้าวันหรือหนึ่งอาทิตย์แต่ไม่เกินนี้หรอก..."คิดคำนวณเวลาอยู่สักพักก่อนบยองฮอนจะตอบกลับไป..เขาเองก็ยังไม่รู้ คอนเสิร์ตมีสองวันก็จริง แต่ไม่รู้จะต้องไปเตรียมตัวหรือมีต้องอัดรายการหรือสัมภาษณ์อะไรต่อจากนั้นอีกไหม
"อ่า...ถ้านายกลับมาแล้วฉันเกิดลืมนายไป..นายจะโกรธฉันไหมนะ"เสียงหวานถามขึ้นคล้ายเป็นเรื่องปกติแต่กลับกระตุกใจคนฟังให้ฉุกคิด..เพราะเขาได้เห็นมากับตาว่าชานฮีลืมประธานแอนดี้ พี่เมเนเจอร์และสมาชิกทีนท๊อปไป..ลืมคล้ายไม่รู้จัก รวมถึงใครอีกหลายคนที่ห่างหายไปนาน...
"ไม่หรอก..และฉันก็เชื่อว่าชานฮีไม่ลืมฉันง่ายๆหรอก..."บยองฮอนตอบคำถามนั้นทั้งๆที่ยังก้มหน้า..แสร้งทำเหมือนกำลังจดจ่อกับการตัดเล็บให้อีกฝ่าย หากแต่ในความเป็นจริงแล้วเขากำลังคิด...หากชานฮีลืมเขาไปจริงๆ......
บยองฮอนสะบัดหัวไล่ความคิดนั้น ลืมแล้วทำไมกัน..ลืมไปก็สร้างความทรงจำใหม่ แค่ตอกย้ำชานฮีถึงการมีตัวตนของอีบยองฮอน..หรือถ้าจำไม่ได้จริงๆ ตอนนี้อีบยองฮอนยังคงจดจำอีชานฮีได้รวมถึงได้ดูแลอีชานฮีดั่งที่เขาเคยบอกไว้ก็เท่านั้น...
วันที่สองที่ได้อยู่ด้วยกัน...วันสุดท้ายก่อนอีบยองฮอนจะบินไปทำงานที่ญี่ปุ่น...ความทรงจำในช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมาไหลย้อน ทำเอาบยองฮอนอดจะยิ้มให้กับมันไม่ได้ มันอาจจะเป็นคืนแรกในรอบหลายวันที่ชานฮีไม่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด...เมื่อคืนชานฮีดื่มนมอุ่นๆและผล็อยหลับไปจนถึงเช้า...
“กินเยอะๆหน่อยนะ”เสียงทุ้มเอ่ยกับคนที่นั่งเขี่ยข้าวเล่นไม่ยอมทานสักที
“อิ่มแล้วนี่หน่า...”คนตัวเล็กทำปากยู่ให้กับคำดุนั้น...ก็คนมันไม่หิว บยองฮอนก็บังคับให้กินอยู่นั่น
“นายกินไปยังไม่ถึงครึ่งจานเลย...ห้าคำละกันนะชานฮียา...”บยองฮอนหลอกล่ออีกฝ่ายด้วยคำพูดที่มักใช้กับเด็ก
“ฉันอายุยี่สิบจะสามสิบอยู่รอมร่อแล้วนะบยองฮอน คิดว่ามุขหลอกเด็กแบบนี้จะใช้ได้รึยังไงกัน”ชานฮีรวบช้อนวางข้างจานทำเอาคนหลอกล่อต้องคิดหาทางพยายามใหม่
“ไม่ได้หลอก...แต่พูดจริงๆ...เร็ว ชานฮีคนเก่ง อีกห้าคำ...สามคำก็ได้”เพราะไม่อยากเห็นคนตรงหน้าผอมไปมากกว่านี้ หากกินอะไรได้ เขาก็อยากจะให้ชานฮีกินเข้าไปให้ได้มากที่สุด
“สามคำนะ...”สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ชานฮีหยิบช้อนขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะตักโจ๊กในชามเข้าปาก
“หนึ่งคำ...”
“สองคำ.....”
“สามคำ....ว้าว!! เก่งจังเลย”เสียงทุ้มนั่งนับตามจำนวนคำที่อีกฝ่ายกินข้าวก่อนจะปรบมือเมื่อคนตัวเล็กกินได้ตามเป้าหมายที่เขาวางไว้...อย่างน้อยวันนี้ก็กินมากกว่าเมื่อวาน
“ต่อไปถ้านายยังทำเหมือนฉันเป็นเด็กหกขวบนะ...”ชานฮีชี้หน้าคาดโทษแต่มันดูไม่น่ากลัวสักนิด เมื่อมีรอยยิ้มสดใสเกลื่อนบนใบหน้านั้น...จะไม่ให้ยิ้มยังไงไหว ในเมื่อท่าทางของบยองฮอนตอนนับคำที่เขากินข้าวและชมว่าเก่งพร้อมกับปรบมือนั้นแสนจะตลกแต่ก็น่ามอง...รอยยิ้มที่กว้างจนดวงตาเรียวนั่นพาลปิดไปด้วย..รอยยิ้มที่อีชานฮีชอบ
แต่วันนี้ไม่ได้เป็นวันดีเหมือนทุกวัน...อาการของชานฮีทรุดลงมากขึ้นอีก....ชานฮีเริ่มไม่มีแรงแม้แต่เดินในระยะใกล้ๆ ต้องนั่งรถเข็นหรือไม่ก็ให้บยองฮอนอุ้มพาไปไหนตลอดเวลา เริ่มโดนแสงแดดแม้เพียงนิดก็ไม่ได้จึงต้องอยู่แต่ในบ้าน ต้องใส่เสื้อผ้าหนาขึ้นทุกทีเพราะคนป่วยหนาวง่ายขึ้นและมักปวดข้อต่างๆไม่ว่าจะเป็นข้อมือ ข้อเท้าหรืออะไรก็ตาม
“ฮรึก....ปวด....บยองฮอน...”เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นพร้อมกับมือเรียวที่จิกแขนอีกฝ่ายไว้เสียแน่น..บยองฮอนเป็นคนจับมือให้ชานฮีทำแบบนั้น เพื่อเขาจะได้รู้ว่าชานฮีเจ็บมากแค่ไหน...และเผื่อบางทีเขาอาจจะแบ่งเบาความเจ็บปวดนั้นมาได้บ้าง...
“ปวดตรงไหนคนดี...กินยาไปแล้ว เดี๋ยวก็หายแล้วนะ”บยองฮอนลูบตามโครงหน้าหวานที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวด คิ้วสองข้างขมวดจนจะเป็นปม ดวงตาปิดแน่นจนเป็นริ้วที่หางตา ไหนจะร่างกายผ่ายผอมที่บิดเร่าไปมา ริมฝีปากที่ถูกกัดไว้เสียแน่น แต่ก็ยังคงมีเสียงร้องครางที่ถูกปล่อยออกมาหนักบ้าง...กักไว้บ้าง...ตามแต่ความเจ็บปวดที่ได้รับ
“ไม่..รู้....ฮือ...ปวดไปหมดเลย....”ยังไม่ทันจะพูดจบ น้ำใสๆก็ไหลออกจากดวงตาที่ปิดสนิทของคนที่นอนอยู่บนเตียง ทำเอาคนเฝ้ามองถึงกับมีน้ำตาคลอรื้นตามไป...ชานฮีกำลังเจ็บปวด...เจ็บปวดอยู่ตรงหน้า...ณ ที่ตรงนี้....ตอนนี้....แต่อีบยองฮอนกลับทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างนอกจากมีเพียงลมปากที่พูดปลอบ
ยิ่งเห็นน้ำใสๆที่ไหลออกจากดวงตา...
ยิ่งได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังแทรกผ่านความเงียบ...
ไหนเลยจะมือบางที่ทุบตามร่างกายตนเอง...ทำร้ายตนเอง หวังจะทำให้ตนเองเจ็บ เพื่อให้ความเจ็บปวดที่หาที่มาที่ไปไม่ได้นั้นลดน้อยลง ทั้งทุบแขน...ต่อยท้อง...ดึงทึ้งผม...แม้กระทั่งชกกำแพง
“นอนนะคนดี...หลับตา...พักผ่อนให้สบาย เดี๋ยวก็หายแล้วนะ...เดี๋ยวก็หายแล้ว...อีชานฮีคนเก่ง”บยองฮอนจับมือและกอดชานฮีไว้แน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายทุบร่างกายของตนเองอีก เขารู้ว่าชานฮีกำลังเจ็บ...กำลังปวดที่เป็นแบบนี้...และก็เป็นดังคาด เมื่ออีบยองฮอนคือคนที่จับข้อมือนั้นไว้ เป็นคนโอบกอดร่างกายอีกฝ่ายไว้เสียแน่น ก็เป็นเขาเองที่โดนทั้งทุบ ทั้งต่อย ทั้งข่วน เพราะอีกฝ่ายกำลังดิ้น กำลังทำทุกวิถีทาง กำลังพยายามเพื่อพาให้ตนเองหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้
“อ๊ากกกก.....”เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้...บยองฮอนรู้สึกว่ามัน..ดัง..ดังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ...ดังจนเหมือนเสียงนั้นผ่านเข้าไปในรูหูและแทรกซึมฝังลึกลงไปในจิตใจ...ว่าอีบยองฮอนเป็นได้เพียงคนไร้ค่าคนหนึ่ง คนไร้ค่าที่แค่ปกป้องคนที่ตนเองรักยังไม่ได้เลย...ในขณะที่คนรักกำลังเจ็บ...เขาคนนี้ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนั่งมองและกอดอีกฝ่ายนิ่งๆอยู่แบบนี้ ไม่สามารถบรรเทาความเจ็บปวด...ไม่สามารถแบ่งเอาความเจ็บปวดนั้นมาได้...ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างจริงๆ...
“ชู่ว....ไม่เอาแล้ว..ไม่ทำแบบนี้แล้วนะ นอนนะชานฮี...นอนหลับ..พักผ่อนให้สบาย..หลับนะคนดีของบยองฮอน...หลับนะครับ”ฤทธิ์ยากำลังเยียวยาให้ความเจ็บปวดบรรเทาหายไป...ฤทธิ์ยากำลังช่วยขับกล่อมให้คนป่วยเข้าสู่ห้วงนิทรา...ฤทธิ์ยากำลังพาชานฮีไปสู่ความฝันแสนหวาน...ฝันที่บยองฮอนไม่รู้ว่าจะมีเขาอยู่ในนั้นหรือไม่...แต่อย่างน้อยในความฝัน....อีชานฮีก็จะไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้
มือไม้ที่ทุบตีเริ่มเบาบาง...ดวงตาที่ปิดแน่นเริ่มผ่อนคลาย...ลมหายใจที่ถี่กระชั้นและรุนแรงเริ่มกลับเข้าสู่ปกติ...ริมฝีปากบางที่ถูกกัดและขบเม้มจนห้อเลือดถูกปล่อยออก...ชานฮีกำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา
หลังจากเห็นคนในเริ่มสงบ..บยองฮอนรู้สึกถึงลมหายใจที่เป็นปกติ เขาจึงค่อยๆวางชานฮีลงกับเตียง พลันสายตาเหลือบไปเห็นนิ้วเรียวที่โผล่พ้นจากผ้าห่ม..เลือดสีแดงกำลังไหลบริเวณข้อนิ้ว แม้ไม่มากไม่มายแต่ก็พอทำให้คนมองตกใจ บยองฮอนรีบกุลีกุจอไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลและทำแผลให้คนนอนหลับที่ไม่รู้สึกตัว...เริ่มจากใช้แอลกอฮอล์จุ่มสำลีเช็ดบริเวณรอบแผล พัดเป่าให้แห้ง ก่อนจะตามด้วยยาแดงและปิดท้ายด้วยการนำผ้าก๊อตมาพันมือไว้หลวมๆ และไม่ลืมที่จะสำรวจตามเนื้อตัวของอีกฝ่ายว่ามีแผลอีกหรือไม่ เมื่อไม่เห็นก็เบาใจ แต่เมื่อเข้าไปในห้องน้ำล้างมือ..บยองฮอนก็ต้องรู้สึกแสบแปลกๆ เมื่อมองกระจก เขาเห็นรอยขีดแดงๆบริเวณคอ ก้มลงมองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นแขนของตนเต็มไปด้วยรอยข่วนและบางจุดก็ขึ้นสีม่วงเป็นจ้ำๆ...คงจะเป็นผลพวงจากเมื่อกี้ที่เขากอดอีกฝ่ายไว้...อย่างน้อยเขาก็ยังได้รับเอาความเจ็บปวดของอีกฝ่ายมาบ้าง แม้จะไม่มากเท่า...แต่อีชานฮีจะไม่เจ็บเพียงคนเดียว
เอาเถอะ แผลพวกนี้ไม่นานก็คงหาย ดีกว่ายอมนั่งมองให้อีชานฮีทำร้ายตัวเองแบบนั้น...เจ็บกว่ากันเป็นไหนๆ แผลกายเจ็บไม่นาน แสบเล็กๆ เดี๋ยวก็ไม่ทิ้งไว้แม้แต่ร่องรอย...แต่แผลใจต่างหากที่รักษายังไงก็ไม่หาย บยองฮอนไม่สามารถลบภาพน้ำตาเหล่านั้น เสียงกรีดร้องที่ดังก้องในหูหรือภาพที่ชานฮีทำร้ายตัวเอง...ทำไม่ได้เลยจริงๆ...
บยองฮอนเดินออกจากห้องน้ำมานั่งมองคนที่จมลงสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ขยับผ้าห่มให้คลุมตัวอีกฝ่ายไว้กันหนาว ปัดผมที่ร่วงหล่นปรกตาให้ทัดหูก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากมน..เปลือกตาทั้งสองข้าง..สันจมูกโด่ง...ปรางค์แก้มใส...และริมฝีปากอิ่ม...หวังให้ริมฝีปากของเขาที่ประทับลงไปจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและขับกล่อมให้ชานฮีฝันดี...
TBC
Fandom: TEENTOP
Pairing: ByungChan [LeeByunghun x LeeChanhee]
Rating: R
Genre: Alternative, Angst, Romantic Drama, Tragedy, Yaoi
Author: icypumpkin
Summary: Moments. This is one. This right here, right now, is definitely a moment.
----------------------------------------------------------------------------------------------
Note: ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคอิงวง มีเหตุการณ์รุนแรงที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง หากไตร่ตรองแล้วว่ารับได้ที่ศิลปินที่คุณรักจะโดนทำร้ายในทางฟิคชั่นไม่ใช่ชีวิตจริง ขอให้สนุกและเพลิดเพลินกับการอ่าน แต่ถ้ารับไม่ได้และแยกแยะไม่ออกก็เชิญกดปิดกากบาทสีแดงที่มุมขวาไปเลยค่ะ
Note2: หลายคนอาจวาดหวังไว้สูง แต่ขอเตือนไว้เลยว่า อาจมีการจบแบบ tragedy ไม่ Happy ending แต่ก็อาจมองได้ว่า Happy ขึ้นอยู่ที่มุมมองนะคะ
Note3: เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ฝากอ่านTalkข้างล่างหลังจบพาร์ทอีกสักนิดนะคะ ขอบคุณค่ะ
Chapter 2
ยิ่งกาลเวลาผันผ่าน อีชานฮีดูซูบผอมและมีผิวขาวซีดคล้ายทะลุได้มากยิ่งขึ้นทุกวัน.....นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้อีบยองฮอนอดจะเครียดตามไปด้วยไม่ได้ที่เห็นแบบนั้น
"บยองฮอนเหนื่อยมากไหม..."เสียงหวานถามขึ้นขณะนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา
"เหนื่อย? เหนื่อยอะไรกัน หืม.."เสียงทุ้มตอบกลับก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น
"เหนื่อยที่ต้องดูแลฉันแบบนี้ไง..."ชานฮีเงยหน้ามองคนด้านบน...เรือนผมสีแดงอมชมพูขับให้ใบหน้าคนตรงหน้าขาวขึ้น...แต่ชานฮีกลับเห็นสีหน้าที่เหนื่อยอ่อนและความอิดโรยที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้านั้น...
"ไม่เห็นจะเหนื่อย พูดจาเหมือนตัวเองดูแลยาก..ชานฮีตอนนี้เหมือนเด็กเลยรู้ไหม กินอิ่มแล้วก็นอน ขาดอย่างเดียวถ้านายดูดขวดนมด้วยนี่ใช่เลย.."เสียงหัวเราะดังก้องหลังจากพูดจบก่อนจะโดนคนในอ้อมกอดฟาดไม่เบานัก...แต่บยองฮอนไม่รู้ว่านั่นคือสุดแรงของชานฮีแล้วหรือเปล่า...คนในอ้อมกอดเขาดูอ่อนแรงลงทุกวัน
ถามว่าเหนื่อยไหมหน่ะหรอ....เหนื่อยสิ อีบยองฮอนเหนื่อยเหมือนสายตัวแทบขาด...เหนื่อยกับตารางงานแสนโหด ขึ้นแสดง ซ้อม ออกรายการ ซ้อม พักครึ่งวัน ซ้อม...มันวนเวียนเป็นกิจวัตรเดิมๆ แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือการนั่งรถไฟมากวางจู...มาหาคนในอ้อมกอดที่รอเขาอยู่ทุกคืน..แม้บยองฮอนจะฝึกซ้อมด้วยระยะเวลาน้อยลง แต่เขากลับใช้ทุกนาทีแห่งการซ้อมให้คุ้มค่า..บยองฮอนไม่เคยพักขณะซ้อมหากยังไม่แม่นจริงๆ และพอซ้อมจนร่างกายร้องประท้วง เขาเลือกที่จะบอกลาพี่และน้องๆในวงก่อนจะอาบน้ำและนั่งรถไฟมาถึงที่นี่...มาเพื่อใช้เวลากับอีชานฮี...
แม้จะเป็นเวลาไม่นาน แม้จะได้อยู่ด้วยกันไม่กี่ชั่วโมง แต่สำหรับเขา...ทุกนาทีที่ได้ใช้ร่วมกันมันคุ้มค่า..คุ้มจนเขาไม่อยากจะปล่อยให้สักวินาทีที่ไม่มีชานฮีเลยผ่าน อยากให้เรามีกันและกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ....
"แล้วพรุ่งนี้ไปกี่โมง"เสียงหวานถามขึ้นและบิดตัวไปมาอีกครั้ง ทำให้บยองฮอนเลือกที่จะคลุมผ้าให้หนาขึ้นและกระชับคนในอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น...อากาศหนาว ชานฮีจะปวดตามข้อ....
"ไม่ไป..."
"เหห..."คำตอบที่สวนขึ้นมาทันควันทำเอาคนฟังถึงกับร้องเสียงหลงและเลิกคิ้วขึ้น
"ไม่มีงาน จริงๆนะ..ได้พัก2วัน ก่อนจะไปจัดคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น"บยองฮอนตอบไขข้อสงสัย
"ไปกี่วันล่ะ"
"ไม่รู้สิ อาจจะห้าวันหรืออาทิตย์หนึ่ง..ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แต่จะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดนะ..."
"ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวนายจะเหนื่อยเกินไป แล้วไม่ต้องไปซ้อมหรอ"เสียงหวานที่แหบแห้งจนเจ้าตัวต้องกระแอมไอ เหงื่อกาฬเริ่มผุดขึ้นตามไรผมทั้งๆที่อากาศไม่ได้ร้อน ไหนจะอาการดิ้นขลุกขลักไปมานี่อีก...
"นอนก่อนนะชานฮี..พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะ...พรุ่งนี้ฉันอยู่กับนายทั้งวันเลย..นอนนะคนดี..."บยองฮอนประคองคนตัวบางในอ้อมกอดให้นอนบนหมอน พยายามจัดท่าทางที่คิดว่าอีกฝ่ายจะนอนได้สบายที่สุด ห่มผ้าให้มิดคอกลัวว่าความหนาวจะเข้าทำร้าย และนั่งลงข้างเตียง กุมมืออีกฝ่ายไว้แน่น มืออีกข้างก็ลูบผมและแก้มของคนที่นอนไปมา...บยองฮอนฮัมเพลงเบาๆเหมือนที่ชานฮีชอบให้ทำเมื่อเจ้าตัวกำลังจะหลับแต่เขายังไม่อยากนอน...ชานฮีเคยบอก..ว่าเสียงของบยองฮอนน่าฟังและขับกล่อมชานฮีให้เข้าสู่ห้วงนิทราที่แสนหวาน...
สองอาทิตย์แล้วที่เขามาที่นี่ ได้เห็นอะไรในอีกหลายแง่มุมของชานฮีที่เขายังไม่เคยได้เห็น หลากหลายแง่มุมที่ชานฮีมักไม่แสดงออกมา และสิ่งที่ทำให้ยิ้มออกมากที่สุด...คนป่วยอ้อนเก่งเหลือเกิน ตามปกติชานฮีมักจะทำอะไรด้วยตนเอง ไม่ขอให้ใครช่วยหากไม่จำเป็นหรือเจ้าตัวไม่ขี้เกียจ แต่สองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ชานฮีเรียกหาเขาแทบตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม..และที่สำคัญชานฮีมักจะอ้อนขอให้กอด...ไม่ว่าจะกอดหน้า กอดหลัง นั่งกอดหรือแม้กระทั่งนอนกอด...คล้ายลูกแมวต้องการไออุ่น...คล้ายอีชานฮีพยายามอยู่ใกล้ชิดและเกาะติดอีบยองฮอนไว้เพื่อไม่ให้ลืมเขาไป...
วันแรกที่ได้อยู่ด้วยกันเต็มวันเป็นครั้งแรก บยองฮอนตื่นเช้ามาเช็คความเรียบร้อยของหน้าต่างและผ้าม่านทุกผืน...ลมพัดได้แต่ห้ามโดนแสงแดด...นั่นเป็นอีกข้อหนึ่งที่แม่ของชานฮีบอกเขาไว้...แต่แม้จะโดนลมพัดได้ หากแต่ชานฮีอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศเย็นมากไม่ได้...อากาศเย็นจะทำให้คนป่วยปวดข้อ...หากชานฮีปวดจนทนไม่ไหวต้องรีบให้กินยาทันที....ท้ายที่สุดแล้ว มาจนถึงตอนนี้อีบยองฮอนคล้ายจะรู้ว่าคนตัวบางนั้นป่วยเป็นโรคอะไร แต่ก็ยังไม่อยากจะแน่ใจ เพราะครอบครัวของชานฮีไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลยสักคน
เพล้ง!!!
"ชานฮียา!!!"จานแก้วถูกปัดตกจากโต๊ะไม้ขณะเจ้าตัวกำลังกินข้าว ก่อนคนป่วยจะโก่งคอคล้ายต้องการจะอ้วก ทำเอาบยองฮอนรีบวิ่งไปเอาถังขยะมารองรับก่อนข้าวที่กินไปเพียงนิดจะถูกขย้อนออกมาจนหมด...
"แค่ก...แค่ก..."เสียงอ้วกโครกครากก่อนจะตามด้วยเสียงกระแอมไอสองถึงสามครั้ง
"บ้วนปากก่อนนะ...แล้วก็จิบน้ำเข้าไปหน่อย"ชานฮีรับแก้วน้ำที่ถูกส่งมาก่อนจะทำตามที่บยองฮอนบอก...
"กินไม่ไหวใช่ไหม..."คนตัวบางเพียงพยักหน้ารับ ซึ่งนั่นทำให้บุรุษพยาบาลจำเป็นเลือกที่จะอุ้มคนป่วยไปนั่งที่โซฟาและเปิดโทรทัศน์ให้ดูฆ่าเวลา....ผลข้างเคียงของยา...บยองฮอนรู้แค่นั้น..ชานฮีกินข้าวน้อยลง กินทียิ่งกว่าแมวดม และบางครั้งกินเข้าไปก็จะอ้วกออกมาหมดเหมือนครั้งนี้...คนป่วยมักจะคลื่นไส้อยู่บ่อยๆ...
บยองฮอนเดินจากมาเก็บข้าวที่ยังกินไม่หมดและเก็บเศษจานรวมถึงเศษอาหารที่ชานฮีเผลอปัดตกแตก ทำความสะอาดมันก่อนจะมานั่งข้างๆอีกฝ่าย
"ขอโทษนะ...ทำนายเหนื่อยอีกแล้ว"บยองฮอนส่ายหน้ากับคำพูดนั้นก่อนจะฝังจมูกลงบนแก้มนิ่ม...หอมกลิ่นนมเหมือนอย่างเคย แต่ติดที่แก้มนั้นซูบตอบลงไปกว่าเดิมมากนัก
"ไม่เหนื่อยเลย แค่นายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว หิวก็บอกนะ ฉันจะได้ไปอุ่นโจ๊กมาให้กิน..."ตอนนี้บ้านขนาดกลางในกวางจูหลังนี้มีแค่เขากับชานฮีอาศัยกันอยู่สองคน เนื่องจากคุณพ่อต้องไปทำงานต่างประเทศ พี่ชายก็ติดงานกลับมาไม่ได้ คุณแม่เองก็ต้องไปสะสางงานที่กองค้างเอาไว้ เพราะพวกท่านไม่กล้าทิ้งให้ชานฮีอยู่บ้านคนเดียว เมื่อมีคนมาดูแลแทน จึงแยกย้ายกันเคลียร์งานเพื่อให้มีเวลาว่างมาดูแล
สิ่งหนึ่งที่คนป่วยกดดันทำให้ร่างกายตัวเองยิ่งโทรมลงคือความคิดที่ว่าตนเองไร้ค่าและสร้างภาระให้แก่คนอื่น ซึ่งบยองฮอนมักจะพร่ำบอกอยู่เสมอว่าชานฮีคือคนสำคัญ และเพราะชานฮีสำคัญ ทุกคนจึงอยากดูแลเพื่อให้อยู่ด้วยกันไปอีกนานๆ เพื่อให้ชานฮีหายไวๆ กลับมาแข็งแรงดังเดิม แม้จะรู้สึกเหมือนกำลังหลอกตัวเองและอีกฝ่ายไปพร้อมๆกัน..แต่ก็ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งในหัวใจเขายังคงมีความหวัง...หวังว่าจะเห็นคนข้างกายกลับมาแข็งแรงและสดใสร่าเริงดังเดิม
"นี่...เล็บเริ่มยาวแล้วนะ..."หลังนั่งดูหนังด้วยกันไปสักพัก คนช่างสังเกตจึงเอ่ยขึ้นเรียกความสนใจจากอีกคนได้เป็นอย่างดี
"หืม...ไหน...."คนตัวบางยกมือขึ้นดู
"อ่า...ยาวจริงๆด้วยสิ ตัดไม่ไหวหรอก บางทีอยู่ๆตาก็พร่า เพ่งอะไรนานๆไม่ได้ เดี๋ยวตัดถูกเนื้อ ช่างมันเถอะ..."คำตอบที่มาพร้อมรอยยิ้มหวานก่อนจะวางมือไว้ที่เดิมและหันหน้าไปดูหนัง ทำเอาบยองฮอนอดจะยิ้มตามไม่ได้ บยองฮอนปล่อยให้ชานฮีนั่งดูหนังไปตามเดิมแต่ตนเองเดินไปหยิบกรรไกรตัดเล็บพร้อมกับถังขยะก่อนจะมานั่งลงข้างๆและกุมมืออีกฝ่ายมาไว้ตรงหน้า
"บยองฮอนจะทำอะไร.."คนที่พึ่งละสายตาจากจอทีวีถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทางนั้น
"ตัดเล็บให้ เดี๋ยวข่วนหน้าข่วนตาหรือไปโดนอะไรเข้า"เจ้าของเรือนผมสีแดงไม่รอฟังคำทัดทาน จับมือของอีกฝ่ายมาตัดเล็บนิ้วโป้งก่อนจะยิ้มให้
"ไม่ต้องห้ามเลย นี่เริ่มตัดไปแล้ว ต้องตัดให้เสร็จนะ"
"ย๊า!! นายนี่จริงๆเลย"แม้ปากจะบ่นแต่บนใบหน้าขาวกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อีชานฮีคงเป็นคนป่วยที่โชคดีที่สุดในโลกแล้วล่ะมั้งเนี่ย ดวงตากลมนั่งมองคนที่ตัดเล็บให้เขาอย่างเงียบๆ...ดวงตารีเรียวที่เพ่งมองเล็บของเขาให้ดีก่อนจะตัดเล็บให้ชานฮีทีละเล็บ เพียงเพราะกลัวจะตัดลึกไปจนอีกฝ่ายได้เลือด...หรืออาจจะยาวเกินไปทำให้ต้องมานั่งตัดบ่อยๆ จากเล็บมือข้างซ้าย ไล่ไปยังเล็บมือข้างขวา ขยับท่าทางจากนั่งบนโซฟาลงไปนั่งด้านล่างและคว้าข้อเท้าอีกฝ่ายขึ้นมา
"พอแล้วบยองฮอน...ไม่ต้องตัดแล้ว..ไม่ต้องตัดหรอก.."แม้จะคบกันมานาน แต่ชานฮีก็ยังรู้สึกไม่เคยชินและเขินอายที่อีกคนมาดูแลกันแบบนี้ แค่ตัดเล็บมือให้ก็แย่แล้ว หากต้องให้บยองฮอนตัดเล็บเท้าให้อีกคงไม่ไหว...ทั้งเขิน..ทั้งอาย...ทั้งเกรงใจ...
"เอาหน่า..ไหนๆก็ตัดแล้วนะ ตัดทีเดียวเลย ไม่ต้องเขินหรอกหน่า เท้านายสวยจะตาย"คำพูดที่ทำให้บยองฮอนโดนคนหน้าหวานฟาดให้อีกป้าปใหญ่ที่ไหล่
"เท้าสวยอะไรกันเล่า พูดอะไรก็ไม่รู้นายนี่..ไม่ต้องต่งต้องตัดแล้ว..."ชานฮีตอบโดยพยายามจะดึงเท้ากลับ แต่คนรู้ทันกลับกุมไว้ซะแน่น
"ล้อเล่นหรอกหน่า ให้ฉันทำเถอะ"ชานฮีไม่รู้ว่าเพราะแววตาแสนจริงจังหรือเสียงทุ้มที่เป็นดั่งมนต์สะกด ทำให้เขาพยักหน้ารับก่อนจะนั่งมองอีกฝ่ายตัดเล็บต่ออย่างเงียบๆ...
อีชานฮีนึกภาพไม่ออกเลยว่าในอีกสองวันข้างหน้าที่อีกฝ่ายกำลังจะไปญี่ปุ่น เขาจะอยู่ได้อย่างไร..จะมีใครคอยมากังวลเวลาอากาศเย็นเกินไปหรือแสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่าน จะมีใครคอยมาสนใจเวลาเขากินข้าวไม่หมดและคอยป้อนข้าวให้กินเยอะๆ และจะมีใครมาคอยกอดปลอบเวลาที่ปวดมากๆ....หรือบางทีการที่บยองฮอนไปญี่ปุ่นหนึ่งอาทิตย์ กลับมาชานฮีจะยังจำบยองฮอนได้ไหมนะ....
"ฮอนนี่..."ไวเท่าความคิด ชานฮีเรียกคนที่กำลังนั่งตัดเล็บให้เงยหน้ามามองเขา
"ครับ..?"บยองฮอนขานรับอย่างงงๆกับเสียงเรียกและรอยยิ้มที่เห็นจากอีกฝ่าย
"พูดเพราะเชียว..ไปญี่ปุ่นกี่วันนะ..."
"ไม่รู้สิ...อาจจะห้าวันหรือหนึ่งอาทิตย์แต่ไม่เกินนี้หรอก..."คิดคำนวณเวลาอยู่สักพักก่อนบยองฮอนจะตอบกลับไป..เขาเองก็ยังไม่รู้ คอนเสิร์ตมีสองวันก็จริง แต่ไม่รู้จะต้องไปเตรียมตัวหรือมีต้องอัดรายการหรือสัมภาษณ์อะไรต่อจากนั้นอีกไหม
"อ่า...ถ้านายกลับมาแล้วฉันเกิดลืมนายไป..นายจะโกรธฉันไหมนะ"เสียงหวานถามขึ้นคล้ายเป็นเรื่องปกติแต่กลับกระตุกใจคนฟังให้ฉุกคิด..เพราะเขาได้เห็นมากับตาว่าชานฮีลืมประธานแอนดี้ พี่เมเนเจอร์และสมาชิกทีนท๊อปไป..ลืมคล้ายไม่รู้จัก รวมถึงใครอีกหลายคนที่ห่างหายไปนาน...
"ไม่หรอก..และฉันก็เชื่อว่าชานฮีไม่ลืมฉันง่ายๆหรอก..."บยองฮอนตอบคำถามนั้นทั้งๆที่ยังก้มหน้า..แสร้งทำเหมือนกำลังจดจ่อกับการตัดเล็บให้อีกฝ่าย หากแต่ในความเป็นจริงแล้วเขากำลังคิด...หากชานฮีลืมเขาไปจริงๆ......
บยองฮอนสะบัดหัวไล่ความคิดนั้น ลืมแล้วทำไมกัน..ลืมไปก็สร้างความทรงจำใหม่ แค่ตอกย้ำชานฮีถึงการมีตัวตนของอีบยองฮอน..หรือถ้าจำไม่ได้จริงๆ ตอนนี้อีบยองฮอนยังคงจดจำอีชานฮีได้รวมถึงได้ดูแลอีชานฮีดั่งที่เขาเคยบอกไว้ก็เท่านั้น...
วันที่สองที่ได้อยู่ด้วยกัน...วันสุดท้ายก่อนอีบยองฮอนจะบินไปทำงานที่ญี่ปุ่น...ความทรงจำในช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมาไหลย้อน ทำเอาบยองฮอนอดจะยิ้มให้กับมันไม่ได้ มันอาจจะเป็นคืนแรกในรอบหลายวันที่ชานฮีไม่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด...เมื่อคืนชานฮีดื่มนมอุ่นๆและผล็อยหลับไปจนถึงเช้า...
“กินเยอะๆหน่อยนะ”เสียงทุ้มเอ่ยกับคนที่นั่งเขี่ยข้าวเล่นไม่ยอมทานสักที
“อิ่มแล้วนี่หน่า...”คนตัวเล็กทำปากยู่ให้กับคำดุนั้น...ก็คนมันไม่หิว บยองฮอนก็บังคับให้กินอยู่นั่น
“นายกินไปยังไม่ถึงครึ่งจานเลย...ห้าคำละกันนะชานฮียา...”บยองฮอนหลอกล่ออีกฝ่ายด้วยคำพูดที่มักใช้กับเด็ก
“ฉันอายุยี่สิบจะสามสิบอยู่รอมร่อแล้วนะบยองฮอน คิดว่ามุขหลอกเด็กแบบนี้จะใช้ได้รึยังไงกัน”ชานฮีรวบช้อนวางข้างจานทำเอาคนหลอกล่อต้องคิดหาทางพยายามใหม่
“ไม่ได้หลอก...แต่พูดจริงๆ...เร็ว ชานฮีคนเก่ง อีกห้าคำ...สามคำก็ได้”เพราะไม่อยากเห็นคนตรงหน้าผอมไปมากกว่านี้ หากกินอะไรได้ เขาก็อยากจะให้ชานฮีกินเข้าไปให้ได้มากที่สุด
“สามคำนะ...”สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ชานฮีหยิบช้อนขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะตักโจ๊กในชามเข้าปาก
“หนึ่งคำ...”
“สองคำ.....”
“สามคำ....ว้าว!! เก่งจังเลย”เสียงทุ้มนั่งนับตามจำนวนคำที่อีกฝ่ายกินข้าวก่อนจะปรบมือเมื่อคนตัวเล็กกินได้ตามเป้าหมายที่เขาวางไว้...อย่างน้อยวันนี้ก็กินมากกว่าเมื่อวาน
“ต่อไปถ้านายยังทำเหมือนฉันเป็นเด็กหกขวบนะ...”ชานฮีชี้หน้าคาดโทษแต่มันดูไม่น่ากลัวสักนิด เมื่อมีรอยยิ้มสดใสเกลื่อนบนใบหน้านั้น...จะไม่ให้ยิ้มยังไงไหว ในเมื่อท่าทางของบยองฮอนตอนนับคำที่เขากินข้าวและชมว่าเก่งพร้อมกับปรบมือนั้นแสนจะตลกแต่ก็น่ามอง...รอยยิ้มที่กว้างจนดวงตาเรียวนั่นพาลปิดไปด้วย..รอยยิ้มที่อีชานฮีชอบ
แต่วันนี้ไม่ได้เป็นวันดีเหมือนทุกวัน...อาการของชานฮีทรุดลงมากขึ้นอีก....ชานฮีเริ่มไม่มีแรงแม้แต่เดินในระยะใกล้ๆ ต้องนั่งรถเข็นหรือไม่ก็ให้บยองฮอนอุ้มพาไปไหนตลอดเวลา เริ่มโดนแสงแดดแม้เพียงนิดก็ไม่ได้จึงต้องอยู่แต่ในบ้าน ต้องใส่เสื้อผ้าหนาขึ้นทุกทีเพราะคนป่วยหนาวง่ายขึ้นและมักปวดข้อต่างๆไม่ว่าจะเป็นข้อมือ ข้อเท้าหรืออะไรก็ตาม
“ฮรึก....ปวด....บยองฮอน...”เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นพร้อมกับมือเรียวที่จิกแขนอีกฝ่ายไว้เสียแน่น..บยองฮอนเป็นคนจับมือให้ชานฮีทำแบบนั้น เพื่อเขาจะได้รู้ว่าชานฮีเจ็บมากแค่ไหน...และเผื่อบางทีเขาอาจจะแบ่งเบาความเจ็บปวดนั้นมาได้บ้าง...
“ปวดตรงไหนคนดี...กินยาไปแล้ว เดี๋ยวก็หายแล้วนะ”บยองฮอนลูบตามโครงหน้าหวานที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวด คิ้วสองข้างขมวดจนจะเป็นปม ดวงตาปิดแน่นจนเป็นริ้วที่หางตา ไหนจะร่างกายผ่ายผอมที่บิดเร่าไปมา ริมฝีปากที่ถูกกัดไว้เสียแน่น แต่ก็ยังคงมีเสียงร้องครางที่ถูกปล่อยออกมาหนักบ้าง...กักไว้บ้าง...ตามแต่ความเจ็บปวดที่ได้รับ
“ไม่..รู้....ฮือ...ปวดไปหมดเลย....”ยังไม่ทันจะพูดจบ น้ำใสๆก็ไหลออกจากดวงตาที่ปิดสนิทของคนที่นอนอยู่บนเตียง ทำเอาคนเฝ้ามองถึงกับมีน้ำตาคลอรื้นตามไป...ชานฮีกำลังเจ็บปวด...เจ็บปวดอยู่ตรงหน้า...ณ ที่ตรงนี้....ตอนนี้....แต่อีบยองฮอนกลับทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างนอกจากมีเพียงลมปากที่พูดปลอบ
ยิ่งเห็นน้ำใสๆที่ไหลออกจากดวงตา...
ยิ่งได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังแทรกผ่านความเงียบ...
ไหนเลยจะมือบางที่ทุบตามร่างกายตนเอง...ทำร้ายตนเอง หวังจะทำให้ตนเองเจ็บ เพื่อให้ความเจ็บปวดที่หาที่มาที่ไปไม่ได้นั้นลดน้อยลง ทั้งทุบแขน...ต่อยท้อง...ดึงทึ้งผม...แม้กระทั่งชกกำแพง
“นอนนะคนดี...หลับตา...พักผ่อนให้สบาย เดี๋ยวก็หายแล้วนะ...เดี๋ยวก็หายแล้ว...อีชานฮีคนเก่ง”บยองฮอนจับมือและกอดชานฮีไว้แน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายทุบร่างกายของตนเองอีก เขารู้ว่าชานฮีกำลังเจ็บ...กำลังปวดที่เป็นแบบนี้...และก็เป็นดังคาด เมื่ออีบยองฮอนคือคนที่จับข้อมือนั้นไว้ เป็นคนโอบกอดร่างกายอีกฝ่ายไว้เสียแน่น ก็เป็นเขาเองที่โดนทั้งทุบ ทั้งต่อย ทั้งข่วน เพราะอีกฝ่ายกำลังดิ้น กำลังทำทุกวิถีทาง กำลังพยายามเพื่อพาให้ตนเองหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้
“อ๊ากกกก.....”เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้...บยองฮอนรู้สึกว่ามัน..ดัง..ดังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ...ดังจนเหมือนเสียงนั้นผ่านเข้าไปในรูหูและแทรกซึมฝังลึกลงไปในจิตใจ...ว่าอีบยองฮอนเป็นได้เพียงคนไร้ค่าคนหนึ่ง คนไร้ค่าที่แค่ปกป้องคนที่ตนเองรักยังไม่ได้เลย...ในขณะที่คนรักกำลังเจ็บ...เขาคนนี้ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนั่งมองและกอดอีกฝ่ายนิ่งๆอยู่แบบนี้ ไม่สามารถบรรเทาความเจ็บปวด...ไม่สามารถแบ่งเอาความเจ็บปวดนั้นมาได้...ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างจริงๆ...
“ชู่ว....ไม่เอาแล้ว..ไม่ทำแบบนี้แล้วนะ นอนนะชานฮี...นอนหลับ..พักผ่อนให้สบาย..หลับนะคนดีของบยองฮอน...หลับนะครับ”ฤทธิ์ยากำลังเยียวยาให้ความเจ็บปวดบรรเทาหายไป...ฤทธิ์ยากำลังช่วยขับกล่อมให้คนป่วยเข้าสู่ห้วงนิทรา...ฤทธิ์ยากำลังพาชานฮีไปสู่ความฝันแสนหวาน...ฝันที่บยองฮอนไม่รู้ว่าจะมีเขาอยู่ในนั้นหรือไม่...แต่อย่างน้อยในความฝัน....อีชานฮีก็จะไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้
มือไม้ที่ทุบตีเริ่มเบาบาง...ดวงตาที่ปิดแน่นเริ่มผ่อนคลาย...ลมหายใจที่ถี่กระชั้นและรุนแรงเริ่มกลับเข้าสู่ปกติ...ริมฝีปากบางที่ถูกกัดและขบเม้มจนห้อเลือดถูกปล่อยออก...ชานฮีกำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา
หลังจากเห็นคนในเริ่มสงบ..บยองฮอนรู้สึกถึงลมหายใจที่เป็นปกติ เขาจึงค่อยๆวางชานฮีลงกับเตียง พลันสายตาเหลือบไปเห็นนิ้วเรียวที่โผล่พ้นจากผ้าห่ม..เลือดสีแดงกำลังไหลบริเวณข้อนิ้ว แม้ไม่มากไม่มายแต่ก็พอทำให้คนมองตกใจ บยองฮอนรีบกุลีกุจอไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลและทำแผลให้คนนอนหลับที่ไม่รู้สึกตัว...เริ่มจากใช้แอลกอฮอล์จุ่มสำลีเช็ดบริเวณรอบแผล พัดเป่าให้แห้ง ก่อนจะตามด้วยยาแดงและปิดท้ายด้วยการนำผ้าก๊อตมาพันมือไว้หลวมๆ และไม่ลืมที่จะสำรวจตามเนื้อตัวของอีกฝ่ายว่ามีแผลอีกหรือไม่ เมื่อไม่เห็นก็เบาใจ แต่เมื่อเข้าไปในห้องน้ำล้างมือ..บยองฮอนก็ต้องรู้สึกแสบแปลกๆ เมื่อมองกระจก เขาเห็นรอยขีดแดงๆบริเวณคอ ก้มลงมองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นแขนของตนเต็มไปด้วยรอยข่วนและบางจุดก็ขึ้นสีม่วงเป็นจ้ำๆ...คงจะเป็นผลพวงจากเมื่อกี้ที่เขากอดอีกฝ่ายไว้...อย่างน้อยเขาก็ยังได้รับเอาความเจ็บปวดของอีกฝ่ายมาบ้าง แม้จะไม่มากเท่า...แต่อีชานฮีจะไม่เจ็บเพียงคนเดียว
เอาเถอะ แผลพวกนี้ไม่นานก็คงหาย ดีกว่ายอมนั่งมองให้อีชานฮีทำร้ายตัวเองแบบนั้น...เจ็บกว่ากันเป็นไหนๆ แผลกายเจ็บไม่นาน แสบเล็กๆ เดี๋ยวก็ไม่ทิ้งไว้แม้แต่ร่องรอย...แต่แผลใจต่างหากที่รักษายังไงก็ไม่หาย บยองฮอนไม่สามารถลบภาพน้ำตาเหล่านั้น เสียงกรีดร้องที่ดังก้องในหูหรือภาพที่ชานฮีทำร้ายตัวเอง...ทำไม่ได้เลยจริงๆ...
บยองฮอนเดินออกจากห้องน้ำมานั่งมองคนที่จมลงสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ขยับผ้าห่มให้คลุมตัวอีกฝ่ายไว้กันหนาว ปัดผมที่ร่วงหล่นปรกตาให้ทัดหูก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากมน..เปลือกตาทั้งสองข้าง..สันจมูกโด่ง...ปรางค์แก้มใส...และริมฝีปากอิ่ม...หวังให้ริมฝีปากของเขาที่ประทับลงไปจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและขับกล่อมให้ชานฮีฝันดี...
TBC
Talk: ยังเปิดรีปริ้นต์อยู่นะคะ สามารถสั่งจองได้ตั้งแต่วันนี้ - 30 มิถุนายน 2016 ค่ะ ยอดจองตอนนี้ขาดอีก4-8เล่มนะคะ ^^
หากสนใจ >> Clickลิงค์สั่งจอง
ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจและให้การสนับสนุนที่ดีเสมอค่ะ ^^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น