ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TEENTOP] My Short Fiction [ByungChan]

    ลำดับตอนที่ #17 : [SF] This Moment [ByungChan] Chapter1

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 56


    Title: This Moment
    Fandom: TEENTOP
    Pairing: ByungChan [LeeByunghun x LeeChanhee]
    Rating: R
    Genre: Alternative, Angst, Romantic Drama, Tragedy, Yaoi
    Author: icypumpkin
    Summary: Moments. This is one. This right here, right now, is definitely a moment.
    ----------------------------------------------------------------------------------------------



    Note: ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคอิงวง มีเหตุการณ์รุนแรงที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง หากไตร่ตรองแล้วว่ารับได้ที่ศิลปินที่คุณรักจะโดนทำร้ายในทางฟิคชั่นไม่ใช่ชีวิตจริง ขอให้สนุกและเพลิดเพลินกับการอ่าน แต่ถ้ารับไม่ได้และแยกแยะไม่ออกก็เชิญกดปิดกากบาทสีแดงที่มุมขวาไปเลยค่ะ


    Note2: หลายคนอาจวาดหวังไว้สูง แต่ขอเตือนไว้ตั้งแต่พาร์ทเริ่มเลยว่า อาจมีการจบแบบ tragedy ไม่ Happy ending แต่ก็อาจมองได้ว่า Happy ขึ้นอยู่ที่มุมมองนะคะ




    Ban_Moment



    Chapter 1





    หายไป....



    ตอนนี้สิ่งที่กำลังทำให้อีบยองฮอนร้อนใจจนจะเป็นบ้าให้ดิ้นตายตรงนี้คือการที่อีชานฮีหายไป....หายไปไหนไม่รู้ แม้สมาชิกในวงจะเครียดแต่ไม่มีใครดิ้นพล่านเท่าเขาอีก....แม้กระทั่งพี่ผู้จัดการ....แม้กระทั่งพี่ซอนโฮ....




    “บยองฮอนจะไปไหน”เสียงบังมินซูพี่ใหญ่ของวงร้องทักขึ้นทันทีที่เห็นเจ้าของเรือนผมแดงกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องซ้อม


    “พวกพี่อาจจะทำใจได้ที่ชานฮีหายไป...อาจจะรู้สึกเครียดแต่ก็คงทนได้....แต่ผมไม่ใช่ ผมทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมจะไปหาพี่ซอนโฮ....พี่อย่าห้ามผมเลย...”อีบยองฮอนพูดรัวและเร็วก่อนจะผลักประตูห้องซ้อมและเดินออกไปโดยไม่ฟังคำเรียกของพี่ใหญ่ที่อยู่ในห้อง....



    เขาทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เกือบเดือนที่ชานฮีหายไปโดยไร้เหตุผล พี่ผู้จัดการเพียงแค่บอกว่าต่อไปชานฮีจะไม่มาทำงานอีกแล้ว ไม่ต้องถามถึงเหตุผลแค่ทำงานกันต่อไปเท่านั้น พี่ซอนโฮไม่พูดและไม่มาหาพวกเขาเลยแม้สักครั้ง....ตั้งแต่ชานฮีจากไป...




    ก๊อก ก๊อก ก๊อก


    "บยองฮอนครับ...."หลังได้ยินเสียงตอบรับจากคนในห้อง บยองฮอนจึงเปิดประตู เดินไปหยุดที่หน้าโต๊ะของประธานบริษัท ท๊อป มีเดียก่อนจะค้อมตัวเป็นการทำความเคารพ


    "นั่งสิ..ฉันคิดไว้อยู่แล้วแหละว่าเดี๋ยวนายก็ต้องมา"คำพูดที่คล้ายรู้ว่าจะมาหาเรื่องอะไร ทำเอาผู้มาเยือนเลิกคิ้วขึ้นแต่ก็ยอมนั่งลงตามคำบอกเล่า


    "......."


    "มีอะไรก็พูดมาสิบยองฮอน..."ผ่านความนิ่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง แอนดี้เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน


    "ผม...อยากมาสอบถามเรื่องชานฮีครับ"แทนคำตอบ แอนดี้ยิ้มออกมาน้อยๆ พยักหน้าคล้ายใช้ความคิดก่อนจะเอ่ยถามต่อ


    "เรื่อง...."


    "ทำไมจู่ๆตารางงานของพวกเราถึงเปลี่ยน....และไม่มีชานฮีอยู่ครับ..."เพราะรู้ว่าโยกโย้ไปก็ยิ่งเสียเวลา บยองฮอนจึงเลือกที่จะถามเจาะเข้าประเด็นที่ตนอยากรู้ทันที


    "ไม่มี...ก็คือไม่มีไงบยองฮอน...ไม่มีมากหรือน้อยไปกว่านั้น พวกนายจะยังทำงานกันต่อไป เพียงแต่ไม่มีอีชานฮีก็เท่านั้น..."คำตอบที่คล้ายไม่ได้ให้ความกระจ่างใจเลยสักนิดทำให้บยองฮอนอดจะหงุดหงิดในคำตอบนั้นไม่ได้....แต่อย่างน้อยสิ่งที่รู้คือชานฮีจะไม่อยู่กับพวกเขาอีกแล้ว....จะไม่มีชอนจีอีกต่อไปแล้ว...


    ".....ขอบคุณครับพี่ซอนโฮ...ผมขอตัว"ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ค้อมตัวทำความเคารพอีกรอบก่อนจะเดินจากไป


    "ถ้านายอยากรู้อะไรมากกว่านี้...ทำไมไม่ลองไปถามเจ้าตัวดูเองเลยล่ะ"คำพูดที่คล้ายเป็นแสงส่องทางทำให้บยองฮอนต้องหันกลับมาทำความเคารพคนที่นั่งอยู่ในห้องอีกครั้ง ไม่ใช่ไม่อยากไป แต่เพราะตารางซ้อมนี่ต่างหากที่ทำให้เขาไปไม่ได้....แต่ในเมื่อวันนี้เขาเลือกที่จะทำตามใจตัวเอง และไหนจะคำพูดของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นประธานบริษัท....คงไม่ผิดมากนักใช่ไหมถ้าเขาจะทำตามใจตัวเองให้ถึงที่สุด




    อีบยองฮอนไม่คิดที่จะโทรหาอีชานฮีอีก หลังจากความพยายามในหนึ่งเดือนนั้นล้มเหลว....ไม่ว่าจะโทรไปกี่รอบ ก็ได้ยินแต่เสียงรอสายจนสัญญาณถูกตัดไปเท่านั้น...ป่วยกาลหากหวังจะโทรอีก วันนี้เขาจะบุกไปที่บ้านของอีกฝ่ายเลย.....ไม่ใช่บ้านในโซลเพราะเขาเคยไปมาแล้วแต่ไม่พบใครอยู่....


    เขาจะนั่งรถไฟเร็วไปกวางจู...บ้านเกิดของอีชานฮี...คิดไปแล้วก็อดจขขอบคุณสวรรค์ไม่ได้ ที่ในตอนนั้นดลใจให้ก่อนหน้านี้สักปีหรือสองปี เขาขอร้องให้ชานฮีพามาเที่ยวบ้านเกิดจนได้รู้ว่าบ้านของอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน บ้านของชานฮีไม่ใช่บ้านที่ใหญ่โตเลิศหรูอลังการ กลับกัน เป็นแค่บ้านขนาดกลาง แต่มีวิวที่สวยงาม แวดล้อมด้วยต้นไม้และมองไปไกลลิบตาก็เห็นทะเลสาบกว้างใหญ่ สภาพแวดล้อมพาลทำให้อากาศที่กวางจูดีกว่าที่โซลอยู่มากโข





    ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง



    "ค่ะ...อะ....อ้าว..."หญิงวัยกลางคน ผมยาวเกือบถึงกลางหลังดัดลอนอ่อนๆ ใบหน้ากลมและดวงตากลมโตนั่นคงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นใคร ในเมื่อรูปพรรณสันฐานนั้น ลูกชายคนเล็กได้แม่มาซะเยอะขนาดนี้...ใช่ ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีบยองฮอนตอนนี้คือคุณแม่ของอีชานฮี


    "สวัสดีครับคุณน้า..."การมาของเขาคงสร้างความแปลกใจให้เจ้าของบ้านไม่น้อย เพราะเขาไม่ได้โทรบอกก่อนล่วงหน้า...


    "เข้ามาก่อนสิบยองฮอน...น้ารู้อยู่แล้วล่ะว่าช้าเร็วเธอก็ต้องมา..."คำพูดพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนๆทำให้บยองฮอนต้องขมวดคิ้ว...ไม่ใช่ติดใจกับใบหน้าหรือรอยยิ้มนั้น แต่เพราะคำพูดของแม่ชานฮีคล้ายกับคลึงพี่ซอนโฮมากเกินไป...ถ้าทั้งสองคนจะรู้เรื่องราวระหว่างเขากับชานฮีอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก...แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกถึงความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้น...



    คำพูดที่เขาอาจจะไม่เข้าใจมันทั้งหมด....
    คำพูดที่คล้ายรอวันให้เขามาปรากฏตัว...
    คำพูดที่คล้ายกับว่ากำลังรอเขาอยู่...



    "ชานฮีนอนหลับอยู่ข้างบนหน่ะ...ถ้าอยากขึ้นไปหาก็ขึ้นไปเลยนะ บยองฮอนมาก็ดี น้าจะออกไปซื้อของพอดี...ยังไงฝากดูแลชานฮีด้วยนะ..."เจ้าของเรือนผมสีแดงตอบรับคำไหว้วานก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน...ตอนแรกก็ก่นด่าตัวเองอยู่ในใจว่าเดินขึ้นมาแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าห้องไหนคือห้องของชานฮี...แต่พอได้ขึ้นมาจริงๆก็ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาให้มากความ ในเมื่อหน้าประตูมีชื่อเจ้าของห้องแขวนหราอยู่เช่นนี้....บยองฮอนช่างใจว่าจะเคาะประตูดีหรือไม่ แต่เมื่อระลึกถึงคำพูดก่อนหน้าที่น้าสาวได้บอกไว้ว่าคนที่อยู่ในห้องกำลังหลับ..เขาจึงเลือกที่จะเปิดประตูเข้าไปอย่างเงียบๆ



    สิ่งแรกที่มองเห็นคือเตียงกว้างที่มีคนตัวเล็กนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม หันซ้ายไปเพียงนิดก็พบกับรูปภาพที่ทำมาจากจิ๊กซอว์โดยเป็นรูปถ่ายคู่กันของพวกเขาสองคนแขวนใส่กรอบไว้อย่างสวยงาม...บนหัวเตียงก็เต็มไปด้วยรูปภาพและของที่เขาเคยให้ไว้..รอบๆห้องนั้นก็เต็มไปด้วยของที่แฟนคลับซื้อให้...ชานฮีไม่เคยทิ้งของใดๆที่ได้รับ..แม้กระทั่งการ์ดใบเล็กๆ เจ้าตัวจะเก็บมันไว้และเมื่อมีโอกาสได้กลับบ้านก็จะหอบกลับมาด้วยทั้งหมด...คิดแล้วก็อดจะยิ้มกับสิ่งเล็กๆเหล่านั้นไม่ได้....อีชานฮีแคร์คนอื่นอยู่เสมอ



    แขกผู้มาใหม่เดินเข้ามาใกล้กับคนที่นอนอยู่อีกนิด....ใบหน้าที่ซูบตอบแลดูขาวซีดกับร่างกายที่ดูผ่ายผอมลงทำเอาบยองฮอนอดจะใจหายไม่ได้...ในความทรงจำครั้งล่าสุดของเขา แม้ชานฮีจะดูผอมลง จะดูโทรมลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดนี้...เกิดอะไรขึ้นกับคนตรงหน้ากันแน่นะ....แต่ก่อนจะคิดอะไรไปมากกว่านั้น บยองฮอนเลือกที่จะสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม จัดที่ให้ตนเองนอนก่อนจะสอดแขนไปที่คอของคนนอนหลับและใช้มืออีกข้างคว้าคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมกอด..คล้ายได้ยินเสียงอื้ออึงในลำคอ ก่อนที่คนในอ้อมกอดจะซุกเข้าหาอกของเขามากขึ้นดั่งที่เจ้าตัวเคยชอบทำเป็นประจำ....เห็นเช่นนั้นบยองฮอนจึงอดใจไม่ไหวที่จะฝังจมูกลงบนแก้มนิ่ม..ที่แม้จะตอบไปยิ่งกว่าเก่า แต่ก็ยังนิ่มไม่เปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกันกับความหอม...ชานฮียังคงหอมกลิ่นนมดังเช่นทุกที




    "อืออ...ฮอนนี่..บยองฮอนนา...."เสียงหวานที่ครางละเมอออกมายิ่งทำให้คนมาใหม่ใจชื้น...คิดไม่ผิดหรอกที่มาในวันนี้ คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม...แม้จะห่างกันไป แต่เขาก็ได้รับรู้ว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่คิดถึง..ว่าไม่ใช่คนตรงหน้าลืมเขาไปแล้ว อีชานฮียังคิดถึงเขาเช่นเดียวกัน แต่คล้ายเมื่อละเมอออกมาแล้วกลไกบางอย่างสั่งปลุก ทำให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาลืมตาโพรงก่อนจะพยายามดันตัวออกจากอ้อมแขนไป



    "ชานฮี...ชานนี่....นี่ฉันเอง...นี่ฉันเองนะ...บยองฮอนไง"เพราะปฏิกิริยาตอบสนองนั้นทำเอาบยองฮอนพูดกล่อมจนคนที่ดิ้นนั้นสงบลง มองหน้าผู้มาใหม่นิ่งนาน...ก่อนจะลุกขึ้นนั่งหันหน้าเข้าหา....ลมหายใจแรงเร็วคล้ายชานฮีใช้แรงไปเยอะมากกับการดิ้นและขยับตัวเมื่อกี้ทั้งๆที่มันดูไม่น่าเหนื่อยเลยสักนิด นับย้อนไปหลายเดือนก่อน พวกเขายังเล่นกันหนักกว่านี้และนานกว่านี้เสียด้วยซ้ำ



    "นาย....มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"เสียงใสแหบพร่าทำเอาเจ้าตัวต้องกระแอมไอสองสามครั้งก่อนจะพูดต่อ บยองฮอนหันมองบนโต๊ะหัวเตียงที่มีแก้วน้ำวางอยู่ หวังจะหยิบมาให้ดื่ม แต่คนตรงหน้ากลับหันหน้าหนีและทวนคำถามเดิมอีกครั้ง



    "ฉันถามว่านายมาที่นี่ได้ยังไง"



    "มาหานายไง..."บยองฮอนวางแก้วน้ำไว้ที่เดิมและหันไปจับมือชานฮีมากุมไว้...ผอมจนน่ากลัว...กลัวว่าชานฮีจะแตกหักไปหากจับหรือบีบข้อมืออีกฝ่ายแรงเกินไป...



    "มาหาฉันทำไม นายไม่ต้องทำงานรึยังไง..."ตลอดเวลาที่ถาม ชานฮีเอาแต่ก้มหน้า จนเมื่อถามคำถามนั้นจบถึงจะเงยมองหน้าอีกคน



    "ทำสิ...แต่มาหานายก่อน เป็นห่วงนาย....หายไปไม่บอกอะไรกันเลย"แม้จะรู้สึกแปลกๆกับคำถามเหล่านั้น แต่บยองฮอนกลับเลือกที่จะตอบมันอย่างใจเย็น...ตอบเพื่อให้คนถามทำความเข้าใจกับมัน มาวันนี้อีบยองฮอนไม่อยากทำลายบรรยากาศดีๆด้วยการทะเลาะกันหลังห่างกันไปเกือบเดือน





    "กลับไปเถอะ..."ประโยคนี้ทำเอาบยองฮอนสบตาผู้พูดอีกครั้ง





    "ชานฮียา...."



    "กลับไป...และไม่ต้องกลับมาอีก ลืมไปซะว่าเคยรู้จักฉัน ลืมว่าเราเคยรู้จักกัน...ลืมอีชานฮีซะอีบยองฮอน...."คำพูดตัดรอนทำเอาคนมาหาแทบจะหมดแรงเอาซะดื้อๆ...



    "ทำไมล่ะ..ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น..ชานฮี..มีอะไรค่อยๆพูดกันก็ได้นี่หน่า...ฉันทำอะไรให้นายไม่พอใจใช่ไหม...ฉันขอโทษนะ..."เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยคำขอโทษอย่างเว้าวอนทำเอาคนที่หนีจากโซลมาไกลต้องหันหน้าหนีและรวบรวมสมาธิใหม่





    "เพราะฉันกำลังจะลืมนายไง....นายถึงต้องลืมฉัน เพราะฉันคนนี้กำลังจะลืมนายเช่นเดียวกัน..."





    "งั้นนายก็ลืมฉันไปเถอะ....แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่ลืมนายหรอกนะ...ต่อให้นายลืมว่าฉันเป็นใคร แต่อีบยองฮอนจะไม่มีทางลืมหรอกว่าอีชานฮีเป็นใคร"จบคำพูดนั้น..คนพูดกลับตกใจตาโตที่เห็นคนฟังน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด บยองฮอนใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาให้อีกฝ่ายเงียบๆ..



    "ฉันกำลังจะลืมนายจริงๆนะบยองฮอน...ฮึก....นาย....ฮึก...นายไม่เข้าใจหรือยังไงกัน..."พูดไปน้ำตาก็ไหลไป ทำเอาเจ้าของดวงตาเรียวยิ้มรับก่อนจะรวบตัวอีกฝ่ายมากอดไว้และโยกไปมาเหมือนกล่อมเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้เสียขวัญให้สงบลง




    "เด็กขี้แย...ไม่ร้องไห้แล้วนะ....ฉันเข้าใจสิ..ทำไมจะไม่เข้าใจ แต่นายจำวันที่เราคุยกันริมระเบียงได้ไหม....ก่อนวันที่นายจะหนีหายออกมาหน่ะ"บยองฮอนเอ่ยทำให้คนในอ้อมกอดต้องระลึกย้อนไปถึงวันนั้น...กลางดึกของคืนหนึ่งในช่วงกลางเดือนตุลาคม...






    "บยองฮอนนา....ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยแหละ"น้ำเสียงหวานใสดังขึ้นและนั่งลงข้างๆคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว



    "หืม....ย้าาา ชานฮี ทำไมใส่เสื้อแบบนี้ออกมา นั่งรอตรงนี้ก่อนเลยนะ..."บยองฮอนโวยวายก่อนจะลุกหายไปสักพักและกลับมาพร้อมกับเสื้อฮู้ดตัวหนากับผ้านวมผืนโต



    "มันจะไม่มากไปหน่อยหรอเนี่ย"ชานฮีหัวเราะเสียงใสเมื่ออีกฝ่ายบังคับให้เขาใส่เสื้อฮู้ดทับเสื้อที่ใส่อยู่ไม่รู้กี่ชั้น



    "ไม่หรอก...มา มานั่งนี่เลย"คนช่างดูแลตบตัก ซึ่งคนตัวบางก็ไปนั่งอย่างว่าง่าย โดยมีผ้านวมหนาคลุมร่างของพวกเขาทั้งสองคนเอาไว้



    "เวอร์เนอะ แบบนี้ฉันร้อนตายพอดี"แขวะอีกฝ่ายเข้าให้ก่อนจะหัวเราะออกมาอีกครั้ง



    "ไม่ได้หรอก ชานฮีป่วยอยู่ ยิ่งเจอลมเดี๋ยวจะยิ่งทรุดหนัก ฉันอยากให้ชานฮีหายป่วย แข็งแรงเหมือนเดิมและจัดงานวันเกิดในเดือนหน้าให้ฉันอยู่นะ"บยองฮอนกระชับอ้อมกอดให้แน่นและฝังจมูกลงบนแก้มใส...เขาเองก็ไม่รู้อย่างแน่ชัดนักหรอกว่าชานฮีเป็นอะไร แต่พักหลังมาชานฮีเหนื่อยง่ายและคล้ายคนไม่สบายตลอดเวลา...ทำอะไรหนักๆไม่ได้ ซ้อมเต้นนานๆไม่ได้แล้ว....




    "อ่า....บยองฮอนถ้าวันหนึ่งเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน นายจะทำยังไงหรอ"คนในอ้อมกอดที่นิ่งเงียบไปสักพักเอ่ยถามขึ้น



    "ไม่มีวันนั้นหรอก เพราะฉันไม่ให้ชานฮีไปไหนแน่ๆ"




    "ไม่เอาสิ ถ้าวันนึงเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน...บยองฮอนจะทำยังไง..."คำถามที่เร่งเร้าจนผิดวิสัยทำให้คนถูกถามรู้ว่าต้องตอบคำถามนั้นอย่างจริงจัง




    "ไม่รู้สิชานฮี...ฉันไม่เคยคิดถึงวันที่ไม่มีนายอยู่ข้างๆนี่......แต่ถ้าให้คิดตอนนี้ คำตอบแรกที่แว๊บเข้ามาในหัวก็คงจะเป็น...อยู่ไม่ได้...ล่ะมั้ง..."ครั้งนี้น้ำเสียงนั้นแสนจริงจังจนน่ากลัวแต่ก็น่าดีใจที่ได้ยิน




    "แล้วถ้าฉันหายไปล่ะ...ถ้าวันนึงฉันหายไป..."คำถามที่สองถูกถามขึ้นหลังจากความเงียบเข้าปกคลุมไม่นาน




    "ฉันก็จะออกตามหานายไง....ต่อให้ไปทั่วสุดหล้าฟ้าเขียวก็จะหา...จะไปหาทุกที่ที่คิดว่านายจะไป ทุกที่ที่คิดว่านายจะอยู่ ทุกที่ที่เราเคยไปด้วยกัน...แม้กระทั่งทุกที่ที่นายเคยบอกว่าจะไป...ฉันอาจจะหานายไม่เจอจริงๆก็ได้ แต่ในใจลึกๆฉันเชื่อว่าจะหานายพบ...หากนายหายไปจริงๆ อะไรบางอย่างบอกฉันว่าฉันจะหานายเจอ เพราะอีบยองฮอนรู้ใจอีชานฮีที่สุดนี่หน่า..."คำตอบนั้นทำเอาคนในอ้อมกอดหัวเราะน้อยๆ บยองฮอนไม่รู้ว่าคนถามถามด้วยหน้าตาและความรู้สึกแบบไหนเพราะอีกฝ่ายนั่งหันหลังให้เขากอดอยู่แบบนี้




    "แล้วถ้าวันนึง ฉันดูแลตัวเองไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลยแม้กระทั่งอาบน้ำหรือกินข้าวล่ะ"ชานฮีขยับตัวน้อยๆและพิงลงกับอกกว้างมากยิ่งขึ้น




    "อันนั้นหายห่วง ฉันยินดีจะดูแลนายเสมอ เอาตอนนี้เลยก็ได้ ปะ...ไปอาบน้ำกัน"เสียงหัวเราะของคนพูดดังขึ้นก่อนจะกลายเป็นเสียงร้องโอดโอยเมื่อโดนฟาดลงที่แขนซะเต็มแรง




    "แล้วถ้า..."





    "หลายแล้วแล้วนะชานฮียา....ทำไมวันนี้นายถามอะไรแปลกๆล่ะ"เพราะบยองฮอนสงสัยมาตั้งแต่คำถามแรกที่อีกฝ่ายต้องการคำตอบอย่างจริงจังแล้ว ถึงแม้จะสงสัยแต่เขาก็ตอบมาหลายคำถามจนคิดว่าเขาน่าจะได้ถามกลับบ้าง




    "คำถามสุดท้ายแล้วล่ะ....ถ้าหากว่าวันนึงฉันลืมนายล่ะ...ลืมแบบไม่รู้จักกัน ลืมแบบจำอะไรเกี่ยวกับนายไม่ได้เลย..."คนในอ้อมกอดที่วันนี้ขี้สงสัยเป็นพิเศษบีบกระชับแขนอีกฝ่ายแน่นก่อนจะเอ่ยถามต่ออีกครั้ง





    "แต่ฉันจำนายได้...เท่านี้ก็พอแล้ว ฉันจำนายได้ว่านายเป็นใคร จำได้ว่านายน่ารักแค่ไหน จำได้ว่านายเคยรักฉันมากเท่าไหร่ จำได้ว่าเรารักและมีความสำคัญต่อกันมากเพียงไร...ก็พอแล้วชานฮี..นายจำฉันไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ฉันก็แค่พยายามทำทุกอย่าง ทำทุกทางที่จะทำได้ให้นายจำฉันได้...หรือนายอาจจะจำไม่ได้จริงๆ แต่ฉันยังจำนายได้ก็พอ.."





    "อ่า....ทำไมอีชานฮีถึงเป็นคนที่โชคดีแบบนี้นะ...โชคดีที่ได้เกิดมามีคนรักมากมาย....และโชคดียิ่งกว่าใครที่ได้รับความรัก...ที่มีคนรักที่แสนดีอย่างอีบยองฮอนหน่ะ"ดวงหน้าหวานที่เงยขึ้นมาพร้อมน้ำใสที่คลอหน่วยอยู่ในดวงตาพร้อมจะไหลลงมาทุกเมื่อ ทำเอาคนเห็นตกใจรีบหันหน้าอีกฝ่ายให้เข้าหาและกอดไว้




    "เด็กขี้แย...แค่นี้ไม่เห็นต้องร้องไห้นี่หน่า....ฉันต่างหากที่โชคดี...โชคดีที่นายเลือกฉันเป็นคนรักและได้ดูแลนาย..."ยังไม่ทันจะจบประโยคดี ริมฝีปากอิ่มก็เข้าทาบทับ แม้จะประหลาดใจแต่บยองฮอนก็ตอบรับลิ้นชื้นที่แทรกเข้ามา....ก่อนจูบนั้นจะหนักหน่วง...เร่าร้อนมากยิ่งขึ้น บยองฮอนโอบประครองชานฮีเข้าในห้องก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง ระยะห่างเพียงน้อยนิดเกิดขึ้นเพียงเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายถอดอาภรณ์ให้พ้นกาย ฉับพลันเมื่อร่างกายเปลือยเปล่าก็โผเข้าหากันและกันดังเคย...ค่อยๆสอดแทรก...ดูดกลืน...ขยับกาย...สอดประสานจนกลายเป็นหนึ่งเดียว...ถ่ายทอดความหวานให้แก่กันและกันอย่างไม่รู้หน่าย....ก่อนจะผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน....



    แต่เมื่อตื่นขึ้นมาอีกที อีบยองฮอนกลับพบตัวเองนอนอยู่เดียวดาย มีเพียงกลิ่นนมอ่อนๆที่เหลือทิ้งคว้าง ข้าวของส่วนตัวที่จำเป็นหายไป...และหนึ่งเดือนหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พบกับอีชานฮีอีกเลย...







    "ว่าไง..จำได้ไหม"หลังเห็นอีกฝ่ายนิ่งไปนาน บยองฮอนจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง ซึ่งชานฮีเพียงแค่ตอบรับในลำคอและพยักหน้าน้อยๆ



    "ขอบคุณนะบยองฮอน..."เสียงใสเอ่ยเบาๆกับอกอุ่น



    "ฉันสิต้องขอบคุณที่นายยอมให้ฉันอยู่ด้วย"



    "อ่า...แล้วแม่ล่ะ"หลังนึกขึ้นได้ถึงบุคคลที่ควรจะอยู่เฝ้าที่หายไปนานเกินไปจึงเอ่ยถามขึ้น เพราะมัวแต่ดีใจและตกใจที่เห็นบยองฮอนอยู่ตรงนี้



    "ท่านบอกว่าจะออกไปซื้อของหน่ะ"บยองฮอนตอบและคล้ายเห็นรอยยิ้มจากคนตรงหน้า




    "ฮอนนี่....อยากไปเดินเล่น"รอยยิ้มและเสียงหวานที่สดใสขึ้นทำเอาบยองฮอนอดจะยิ้มตามและยีหัวอีกฝ่ายเบาๆไม่ได้...น่ารักเหมือนเคยชานฮีของเขา



    "งั้นก็ไปใส่เสื้อให้หนาๆ ลมหนาวพัดแรงขึ้นทุกที นายเหมือนพร้อมจะปลิวไปกับลมเลยชานฮียา รู้ตัวไหม"ไม่พูดเปล่า มือแกร่งจับที่เอวคอดก่อนจะกอดไว้เบาๆ คนถูกกล่าวหาเพียงแค่ยิ้มก่อนจะหอมแก้มอีกฝ่ายคืนเบาๆ



    "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ไปใส่เสื้อก่อน"ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่บยองฮอนรู้สึกว่าชานฮีทำอะไรช้าลง ทั้งหยิบของ ใส่เสื้อ แม้กระทั่งการเดินไปมา หรือลุกนั่งธรรมดา





    อากาศภายนอกหนาวจนมีหลายครั้งที่บยองฮอนอยากจะเรียกให้ชานฮีกลับ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มและริ้วแดงบนแก้มใสก็ทำให้เขาหยุดความคิดนั้นลง จะมีอะไรมีความสุขมากไปกว่าการได้เห็นคนที่เรารักมีรอยยิ้มประทับอยู่บนใบหน้า และมีเสียงหัวเราะเบาๆคลอเคล้าออกมา....แต่เพียงไม่นาน กลับเป็นคนที่ร่ำร้องจะออกมาบ่นว่าอยากกลับและเดินเร็วจนผิดสังเกต



    "ชานฮี...ค่อยๆเดินก็ได้ เดี๋ยวล้มลงไปนะ"เสียงทุ้มเอ่ยตามก่อนจะเร่งเดินให้ทันอีกฝ่าย เขาไม่ต้องรีบมากก็เดินทัน แต่กับอีกคนที่เดินจ้ำเอาๆแบบนั้น เห็นแล้วก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้ จนจู่ๆคนที่เดินเร็วก็หยุดชะงักและทรุดตัวลง ดีที่อีกคนเข้ามาช่วยประคองไว้ได้ทัน




    "ชานฮียา!!!...เป็นอะไร ชานฮี..."บยองฮอนตะโกนเรียกเสียงดังยิ่งขึ้นเมื่อใบหน้าหวานซีดลง ใบหน้าเหยเกคล้ายเจ็บปวดกับอะไรสักอย่างและกายบางที่บิดเร่า


    "ฮึก...."ริมฝีปากอิ่มกัดแน่นจนห้อเลือดคล้ายไม่ต้องการให้มีเสียงใดๆหลุดรอดออกมา



    "ชานฮียา บอกฉันสิ เป็นอะไร..นายเป็นอะไร!!!!"ยิ่งเห็นคนตรงหน้าเป็นแบบนี้โดยที่เขาไม่รู้เหตุผล อีบยองฮอนก็ยิ่งตื่นตระหนก เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป




    "กลับบ้าน....ปวด...ฮึก..กลับบ้าน"นั่นคือคำพูดที่บยองฮอนพอจะฟังออก ชานฮีพึมพำไม่ได้ศัพท์เพราะเสียงที่เบาเกินไป แต่อีกคนไม่รอจะฟังต่อ เขารีบแบกคนตัวเล็กขึ้นหลังและวิ่งกลับไปยังทางที่พึ่งเดินผ่านมา....




    ชานฮีเบาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เบาคล้ายกับเขาแบกเด็กอยู่บนหลังไม่ใช่คนที่มีอายุใกล้เคียงและขนาดตัวใกล้เคียงกันขนาดนี้ บยองฮอนเร่งฝีเท้ายิ่งขึ้นเมื่อรับรู้ถึงแรงจิกและเสียงครางที่หลุดรอดออกมาจากอีกฝ่ายนั้นดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อใกล้เข้าเขตตัวบ้าน บยองฮอนเห็นคุณแม่ของชานฮียืนรออยู่ตรงนั้นอย่างกระวนกระวายใจ และยิ่งเมื่อหล่อนเห็นลูกชายถูกแบกมาก็ยิ่งตาโตมากยิ่งขึ้นไปอีก



    "ชานฮียา....ลูกแม่...."เสียงของหล่อนคล้ายจะร่ำไห้ แต่เมื่อบยองฮอนสบตาคล้ายมีความโกรธแฝงอยู่ในดวงตาคู่นั้นจนคนถูกมองทำอะไรไม่ถูก บยองฮอนแบกชานฮีเข้าบ้านก่อนที่คุณนายอีจะเอายาอะไรบางอย่างมาป้อนให้ชานฮี...ณ วินาทีนั้น บยองฮอนตระหนักได้ว่า...อีชานฮีคงไม่ได้ป่วยเป็นโรคหวัดหรืออะไรทำนองนั้นแน่ๆ



    "แม่....ฮึก....."เสียงหวานใสดังขึ้นแผ่วเบา ทำเอาคนเป็นมารดารีบเข้าไปจับมือไว้



    "แม่อยู่นี่ลูก เป็นอะไรไปคนเก่ง..."




    "อย่าโกรธบยองฮอน....ฮึก....อื้อ.....นะ"แม้ใบหน้าจะเหยเกด้วยความเจ็บปวด แม้แค่นอนนิ่งๆจะทรมานแต่ชานฮีกลับเลือกที่จะฝืนและเอ่ยคำพูดที่คล้ายไม่มีความจำเป็นใดๆในตอนนี้ออกมา...แต่คนป่วยรู้นิสัยแม่ของตนดี หากเขาไม่พูด แม่อาจจะโกรธและไล่บยองฮอนออกจากบ้านไปก็ได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรผิดเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่ทำตามความปรารถนาของเขาเท่านั้น



    "จ๊ะ...แม่รู้แล้ว ขึ้นไปนอนพักข้างบนดีกว่าเนอะ ข้างล่างอากาศเย็น"หญิงวัยกลางคนหันมามองหน้าบยองฮอนด้วยสายตาที่อ่อนลงก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ บยองฮอนจึงค้อมตัวตอบและเดินไปอุ้มคนที่นอนอยู่...ชานฮีคล้ายคนที่กำลังจะหลับแต่กลับหลับไม่ได้เพราะอะไรสักอย่าง...




    "ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนไหม"เหงื่อกาฬที่ผุดขึ้นทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อนทำให้คนเฝ้ามองอยู่ร้อนใจ ไหนจะดวงตาที่ปรือปรอยแต่กลับไม่ยอมจมลงสู่ห้วงนิทราสักที



    "ไม่เป็นไร...แม่ล่ะ..."เสียงชานฮีแผ่วเบาคล้ายกับเสียงลม บยองฮอนลุกขึ้นหลบให้คนเป็นแม่ได้เข้าไปอยู่ใกล้ลูกชายมากขึ้น เขาได้ยินเสียงชานฮีพูดแต่ไม่สามารถจับใจความใดๆได้เลย



    "บยองฮอน...ลงไปรอข้างล่างก่อนนะ เดี๋ยวแม่ตามลงไป"



    สิ้นสุดคำพูดนั้น ชายหนุ่มผมแดงตอบรับในลำคอก่อนจะปิดประตูและเดินจาก แต่ยังไม่ทันจะพ้นบันได เขากลับได้ยินเสียงคนในห้องหวีดลั่น แม้อยากจะกลับเข้าไปดู แต่ก็ไม่อยากจะขัดคำสั่งที่เอ่ยไว้ จนเมื่อเสียงนั้นเงียบลงไป และคุณน้าเดินออกมาจากห้องพร้อมใบหน้าที่อาบน้ำตา แต่เมื่อเจอเขายืนอยู่ ใบหน้านั้นคล้ายมีอารามตกใจก่อนจะร้องไห้และโผเข้ากอดเขาเสียแน่น




    "ได้ยินใช่ไหมบยองฮอน...ได้ยินเสียงนั่นใช่ไหม"บยองฮอนไม่รู้ว่าหญิงวัยกลางคนในอ้อมกอดเสียใจที่เขาได้ยินเสียงหรือเสียใจที่ตนเองได้ยินเสียงนั้นกันแน่



    "ครับ....คุณน้าใจเย็นๆนะครับ เราเดินลงไปหาที่นั่งกันก่อนดีกว่าไหม.."เมื่อได้รับสัญญาณตอบ บยองฮอนจึงพยุงหล่อนลงบันไดก่อนจะพาไปนั่งที่โซฟากลางห้องนั่งเล่นและยื่นทิชชู่ให้


    "เธอคงพอรู้ใช่ไหมว่าชานฮีป่วย..."หลังความเงียบผ่านไปสักพักพร้อมกับการร้องไห้ของบุคคลตรงหน้า คุณนายอีจึงเริ่มเปิดบทสนทนาขึ้น


    "ครับ...แต่ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร...เป็นหนักแค่ไหน แค่รู้สึกเฉยๆ..."บยองฮอนเอ่ยตอบตามความจริง ซึ่งนั่นก็ทำให้อีกฝ่ายยิ้มออกมาบางๆ




    "แม่คงบอกบยองฮอนไม่ได้หรอกนะว่าชานฮีเป็นอะไร เป็นยังไง เพราะเจ้าตัวไม่ยอมให้แม่บอก...เขาห้ามทุกคน ทั้งผู้จัดการ คุณแอนดี้ พวกเธอถึงไม่รู้อะไรกันเลย เขาแค่อยากจะหายไปเงียบๆ...เขามีความเชื่อว่าพวกเธอจะอยู่ได้และยิ่งไม่รู้ว่าเขาหายไปจากไปเพราะอะไรก็จะยิ่งลืมได้ง่ายขึ้น...และถึงแม้ตอนนี้บยองฮอนรู้....ก็จะไม่ไปบอกใครใช่ไหมว่าชานฮีอยู่ที่ไหนและเป็นอย่างไร"ผู้เป็นแม่เล่าเรื่องราวต่างๆอย่างช้าๆ ก่อนจะจบลงด้วยการสบตากับผู้ฟังคล้ายต้องการเอาคำตอบ



    "ครับ...ผมจะไม่บอกใครอีก...."ชายหนุ่มเอ่ยรับคำก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง เอามือประสานกันไว้ที่หน้าท้องและค่อยๆก้มลงนั่งคุกเข่า นำมือและศีรษะแนบไปกับพื้น



    "ผมขอโทษนะครับคุณน้าที่ดูแลชานฮีไม่ได้ ปล่อยให้เขาออกไปเดินจนต้องเป็นแบบนี้ ผมขอโทษจริงๆครับ"คำสารภาพจากปากของเด็กหนุ่มทำเอาคนที่นั่งฟังตาโต..และยิ้มออกมาน้อยๆ....ลูกชายเธอเจอคนที่ดีจริงๆ



    "ลุกขึ้นเถอะบยองฮอน..น้าไม่ได้โกรธอะไรเธอขนาดนั้นหรอก เพียงแต่เธอเข้าใจใช่ไหม คนเป็นแม่ย่อมห่วงลูก ยิ่งเธอพึ่งมาถึงไม่ทันไร หายออกไปด้วยกันและกลับมาพร้อมกับลูกแม่ที่เป็นแบบนั้น..."บยองฮอนพยักหน้ารับคำพูดนั้น



    "ขอบใจนะบยองฮอนที่จะอยู่ดูแลชานฮี..."แม้จะไม่รู้ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้น แต่บยองฮอนก็ตอบรับและให้คำมั่นว่าจะดูแลชานฮีให้ดีที่สุดเท่าที่คนๆหนึ่งจะทำได้



    TBC


    Talk: 
    อีก1เรื่องที่อยู่ในเล่มนะคะ หากใครสนใจยังสามารถสั่งจองและโอนเงินได้ถึงวันที่ 10 พ.ย. 56 นี้ รายละเอียด http://secretlegacy.blog.fc2.com/blog-entry-56.html ขอบคุณค่ะ ^^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×