ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TEENTOP] My Short Fiction [ByungChan]

    ลำดับตอนที่ #15 : [OS] On Rainy Day [ByungChan]

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 56


    Title: [OS] On Rainy Day
    Fandom: TEENTOP
    Pairing: ByungChan [LeeByunghun x LeeChanhee]
    Rating: PG
    Genre: Blue, Yaoi
    Author: icypumpkin
    -----------------------------------------------



    Ban_RainyDay



    ฝนตก....



    อากาศเย็น.....



    ไอเย็นปกคลุมจนก่อให้เกิดฝ้าบนกระจก.....



    ลมหนาวพัดผ่านจนต้องคอยเตือนตัวเองให้กระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้นอีกนิด...


    คนตัวบางนั่งมองกระจกบานใสที่ถูกสายฝนสาดซัดส่งผลให้เกิดเสียงดัง ผมสีบลอนด์แผ่กระจายเต็มหัวเข่า เพราะเจ้าตัวนั่งค้อมหลัง ชันเข่าและนำศีรษะวางไว้บนนั้น มือเรียวยกขึ้นเขียนบนกระจกที่เต็มไปด้วยไอน้ำคล้ายฝ้าบางๆ....ประโยคที่ประกอบด้วย4คำ แต่กลับครอบคลุมทุกความหมาย



    .....ฉันคิดถึงนาย.....



    อีชานฮีไม่ชอบสายฝน...ไม่ชอบเลย.....แม้สักนิด สายฝนทำให้ทุกอย่างเปียกชุ่ม สายฝนทำให้รถติด สายฝนทำให้ออกไปไหนไม่ได้ ไม่สะดวกที่จะออก สายฝนทำให้ถนนหนทางเฉอะแฉะไปเสียหมด ไหนจะเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่านั่นอีก


    ยิ่งไปกว่านั้น สายฝนทำให้เขานึกถึงอ้อมกอดอุ่นที่เคยโอบประครอง...นึกถึงวงแขนของอีกฝ่ายที่รัดอยู่รอบเอว....นึกถึงเสียงทุ้มที่เคยกระซิบอยู่ริมหู....นึกถึงน้ำหนักจากศีรษะของอีกฝ่ายที่แอบอิงบนไหล่ของเขา....


    .....นึกถึงช่วงเวลาดีๆที่เราเคยมีร่วมกัน.....



    แกร๊ก


    "กลับมาแล้วหรอ"เสียงใสทักขึ้นทั้งๆที่ยังไม่หันไปมองอีกฝ่าย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร ในเมื่อสมาชิกคนอื่นต่างแยกย้ายกันเข้าห้องนอนไปหมดแล้ว...เหลือก็แต่ใครบางคนที่เขากำลังคอย...คนที่หายไปทันทีที่เสร็จงานและพึ่งจะกลับมาเอาป่านนี้...ดวงตาเรียวเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนติดไว้บนผนัง....ตีสองเกือบตีสาม

    "อ้าว...ทำไมมาอยู่ห้องนี้ล่ะ"คงไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะถาม ในเมื่อตอนนี้พวกเขาไม่ได้นอนห้องเดียวกัน แต่ในวันนี้ชานฮีขอให้จงฮยอนไปนอนกับชางฮยอนในห้องของเขา...ขอให้พี่มินซูพานีแอลไปนอนด้วยอีกห้อง...เขามีเรื่องบางอย่าง อยากคุยกับคนที่พึ่งกลับเข้ามา

    "รอนายไง"ชานฮียืดตัวตรงก่อนจะหันใบหน้ามามองคนที่ยืนอยู่กลางห้อง ผมสีแดงเพลิงขับให้ใบหน้าของอีกฝ่ายยิ่งขาวใส ดวงตาเรียวคมเข้มเพราะอายไลน์เนอร์ที่กรีดไว้..แต่ใบหน้านั้นไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม ไม่มีแววของความโมโห...ไม่มีอะไรเลย ช่างแสนเรียบนิ่ง...นิ่งจนน่าใจหาย

    "รอฉันทำไมกัน....."

    "......."

    "ถ้านายไม่พูด..ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ"จบคำพู บยองฮอนมองเรือนผมสีบลอนด์ที่สะบัดไปตามแรงลม ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบ เขาจึงเลือกที่จะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย...วันนี้เขาเหนื่อยเหลือเกิน ตารางงานช่วงโปรโมตทำให้เวลาพักผ่อนเหลือน้อย แต่เขากำลังสนุกกับการได้ทำเพลง และวันนี้พี่ชานยอลเองก็ว่าง เขาจึงไม่รีรอที่จะมองข้ามความเหนื่อยกายเพื่อไปทำในสิ่งที่ท้าทายความสามารถ...เขาอยากจะเขียนเพลง อยากแต่งทำนอง อยากทำเพลงที่เขาเป็นคนกำหนดเองทุกอย่าง...



    หลังทำธุระส่วนตัวเสร็จ บยองฮอนก็ต้องเลิกคิ้วอีกครั้งเมื่อเห็นชานฮียังนั่งอยู่ที่เดิม...เสื้อคลุมที่ใส่ไม่หนามาก ไหนจะหน้าต่างที่เปิดไว้แง้มๆ ฝนที่ตกปรอยๆ แต่ยังไงซะก็ยังมีลมพัดเข้าห้องจนพื้นเย็น..แล้วคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นตั้งนานสองนาน....ไม่หนาวหรืออย่างไร

    เขาเลือกที่จะไม่ถาม แต่เดินไปปิดหน้าต่างกับผ้าม่านและลงไปนั่งกอดอีกฝ่ายแทน

    "มีอะไรจะคุยกับฉันไม่ใช่หรอ"เสียงทุ้มพูดเบาๆก่อนจะฝังใบหน้าลงกับต้นคอของอีกฝ่าย สูดดมความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว

    "อืม...ไปไหนมาหรอ"ความอบอุ่นแผ่ซ่านที่แผ่นหลังและค่อยๆขยายเป็นวงกว้างจนคล้ายความหนาวเย็นที่เคยมีก่อนหน้านั้นหายไป เพียงเพราะมีคนอีกคนมามอบและแบ่งปันไออุ่นให้กันและกัน

    "ไปทำเพลง..."

    "อีกแล้ว"เสียงใสย้อนถาม...ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่บางครั้งก็ทำใจยากเหลือเกินที่จะเชื่อ ทั้งสถานที่ สภาพแวดล้อมแถวนั้น....ทั้งภาพที่เขาเคยเห็น มันไม่มีอีบยองฮอน...ใช่!! ไม่มี แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่นั่นแน่ๆ...อาจจะดูงี่เง่าที่เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นให้ทะเลาะกัน แต่บางครั้งความรักก็ไร้เหตุผลเกินกว่าเราจะเข้าใจ

    "เฮ้อ....ชานฮีตัวเย็นหมดแล้ว ไปนอนบนเตียงดีกว่าไหม พื้นก็เย็น นั่งแบบนี้มาตั้งนาน นายคงหนาวแย่"เสียงถอนหายใจและคำพูดเบี่ยงประเด็นทำเอาคนที่อยู่ในอ้อมกอดสะบัดตัวออกก่อนจะหันมาประจันหน้ากับคู่สนทนา...คงเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่ได้จ้องตากันแบบนี้...แววตาคล้ายเหนื่อยหน่ายและหงุดหงิดแบบนี้มาจากไหนกัน....

    "อย่าเปลี่ยนเรื่องได้ไหม...อีบยองฮอน"ไม่บ่อยนักที่ชานฮีจะเรียกชื่ออีกฝ่ายเต็มๆแบบนี้ ด้วยน้ำเสียงแบบนี้ แต่บางครั้งก็สุดจะทนกับนิสัยที่พอตอบไม่ได้ พอไม่อยากตอบก็เอาแต่เปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนเขาไม่รู้ว่าคำถามที่ถามไปมีมากมายแค่ไหนที่ไม่ได้คำตอบ...จนเขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่คำว่าคลางแคลงใจขยายพื้นที่จนกลายเป็นความไม่เชื่อใจ....


    "เป็นอะไรอีกแล้วชานฮี ทำไมต้องหาเรื่องทะเลาะกันบ่อยๆช่วงนี้ นายก็รู้ว่าฉันเหนื่อยมากแค่ไหน นายเองก็เหนื่อยไม่แพ้กัน แล้วทำไมยังต้องมาทะเลาะกันให้ยิ่งเหนื่อย ทำไมไม่ทำอะไรที่มันดีกว่านี้...ทำอะไรก็ได้ที่มันไม่ทำลายความสัมพันธ์หน่ะ"เพราะคำถามแบบนี้ ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะถามอะไรต่อ คำถามที่วนเป็นแพทเทิร์นเดิมๆทำให้เขาจับทางได้และพยายามหลีกเลี่ยง หากคุยกันต่อไปคงไม่แคล้วทะเลาะกันเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา....ชานฮีคงเหนื่อยถึงงอแงบ่อย แต่เขาเองก็เหนื่อย จะให้มารองรับอารมณ์อีกฝ่ายตลอดก็คงไม่ไหว

    "เฮอะ!!! ทำลายความสัมพันธ์ นี่คำถามธรรมดาๆของฉันมันกลายเป็นสิ่งทำลายความสัมพันธ์ไปแล้วหรอ...งั้นต่อไปถ้าฉันถามนายว่ากินอะไรมา ก็คงทำลายความสัมพันธ์ของเราอีกงั้นสิ!!"เสียงที่ดังขึ้นตามอารมณ์ที่ปะทุ ทำให้คนได้ยินเองก็โมโหไม่แพ้กัน

    "ใช่!!! นายเอาแต่จับผิด สงสัย อีชานฮีที่แสนดี เคยเข้าใจฉันทุกเรื่องหายไปไหน...ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้เล่า!!!!"อีบยองฮอนไม่ใช่คนน่ากลัว...แต่เมื่ออีกฝ่ายอารมณ์เสียนั่นเป็นอีกกรณีหนึ่ง เสียงโหวกเหวกยิ่งดังขึ้นเมื่อไม่มีใครยอมใครจบลงพร้อมกับประตูที่ถูกกระชากออกเพราะลีดเดอร์ที่เดินงัวเงียเข้ามา และเมื่อมองดีๆ เบื้องหลังพี่ใหญ่ก็คือสมาชิกคนอื่นในวงที่ต่างก็ยืนอยู่ห่างๆ....



    "ถ้าจะทะเลาะกัน...ก็อย่าทำให้คนอื่นตื่นสิ"เสียงทุ้มต่ำที่ปกติก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องยิ่งไม่รู้เรื่องเข้าไปอีกเมื่อมินซูพึ่งตื่นนอน

    "ขอโทษครับ/ขอโทษฮะ"สองเสียงที่ประสานกันพร้อมกับค้อมหัวน้อยๆ...ทีนท๊อปมีงานยุ่ง การพักผ่อนในช่วงนี้ถือว่าหาได้น้อยจนแทบไม่มี การที่พวกเขาสองคนทะเลาะกันจนทำให้สมาชิกคนอื่นๆไม่ได้พักผ่อนไปด้วย ไม่ใช่นิสัยที่ดีเลยจริงๆ...

    "เอาเถอะ นอนตามที่เดิมละกัน ชานฮีกลับไปนอนห้องกับชางฮยอน ส่วนจงฮยอน นีแอล พวกนายก็นอนห้องนี้ไปเลย...ของที่อยู่ห้องนู้นไว้ค่อยเอานะพรุ่งนี้นะนีแอล....เอาล่ะ แยกย้ายกันพักผ่อน พรุ่งนี้มีงานดึก นอนกันให้เต็มอิ่มสักคืน"จบคำสั่งมินซู ทุกคนเพียงแต่พยักหน้ารับก่อนจะแยกย้ายกันไป ชานฮีไม่แม้แต่จะมองหน้าของคนที่พึ่งมีเรื่องไป...ไม่ใช่ว่าเขาโมโหจนไม่อยากมองหน้า แต่เพราะกลัวใบหน้าแสนเย็นชาและแววตาคล้ายมีผลึกน้ำแข็งฉาบอยู่นั่นต่างหากที่ทำให้เขากลัว...




    "พี่ชานฮี...โอเคหรือเปล่า"เสียงของชางฮยอนทักขึ้น ขณะพวกเขากำลังจัดที่นอน

    "โอเคสิ...คืนนี้อยากนอนกับพี่ไหม"ความจริงแล้วเขาควรจะถามชางฮยอนมากกว่าว่าคืนนี้ขอไปนอนด้วยได้ไหม...อีชานฮีกำลังรู้สึกอ่อนแอกับคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของอีบยองฮอน...

    "นอนฮะ"บางครั้งเขาก็เคยคิดและสงสัยว่าทำไมเราถึงไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ ไม่ต้องอธิบายยืดเยื้อ แต่เรามักจะเข้าใจกันและกันเสมอ ไม่ใช่แค่เขากับชางฮยอน แต่เราทุกคนต่างเป็นแบบนั้น...คงเป็นเพราะเราคือครอบครัวไม่ใช่แค่สมาชิกร่วมวง เพราะพวกเราทีนท๊อปคือครอบครัวเดียวกัน

    ชานฮียิ้มบางๆให้กับน้องที่พักหลังมาเริ่มจะทำตัวติดกับเขามากขึ้น แม้เราจะไม่ได้นอนห้องเดียวกันทุกวันเพราะคนนู้นย้ายไปนอนห้องนี้ คนนั้นจะนอนกับคนนี้ก็เถอะ...ตอนนี้เจ้าเด็กแก้มกลมเดินมาล้มตัวลงนอนข้างเขาก่อนจะกอดเขาไว้เสียแน่น

    "กลัวฝันร้ายหรอ กอดพี่ซะแน่นเชียว"ชานฮีหัวเราะเบาๆกับคำพูดของตนเอง แต่ก็นำมือโอบรอบตัวน้องเช่นกัน

    "ฮะ กลัวฝันร้าย...กลัวผมจะฝันร้าย เลยกอดไว้ให้รู้ว่ามีพี่อยู่ข้างๆ....และ....

    .....
    .........
    .......

    กลัวพี่จะฝันร้าย ถึงกอดเอาไว้ ให้พี่รู้ว่าพี่ไม่ได้อยู่คนเดียว ผมยังอยู่ข้างๆพี่เสมอ"เพียงคำพูดไม่กี่ประโยคของน้อง ทำเอาชานฮีซุกตัวลงกับอ้อมกอดของอีกฝ่ายก่อนที่น้ำตาจะไหล...ไม่มีเสียงสะอื้นใดๆ มีเพียงน้ำใสอุ่นที่ไหลออกจากดวงตาผ่านความมืดมิดคลอเคล้ากับสายฝน....แต่ชางฮยอนรับรู้ถึงความเศร้าที่คนเป็นพี่มี...ผ่านน้ำตามากมายที่หลั่งรินบนไหล่ของเขา




    "ชานฮี!!! ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็ยังไม่ต้องคุย...ถ้าคุยกันแล้วเป็นแบบนี้ก็อย่าคุย"บรรยากาศรอบตัวพี่รองสองคนในวงดูขมุกขมัวจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แม้แต่ลีดเดอร์อย่างมินซูเองก็ตาม ไม่มีใครต้องการแอบฟังบทสนทนาของคนสองคนในห้อง แต่เป็นเพราะแรงโทสะทำให้ยิ่งขึ้นเสียงใส่กันจนมันดังออกมาถึงข้างนอก

    "เข้าห้องไปกันก่อนก็ได้นะ หรือหยิบหูฟังมาเสียบฟังเพลงไป"เสียงทุ้มของพี่ใหญ่ทำเอาน้องเล็กต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

    "พี่ไม่คิดจะห้ามหรือทำอะไรสักอย่างหรอครับ พี่บยองฮอนกับพี่ชานฮีทะเลาะกันแบบนี้มาหลายอาทิตย์แล้วนะพี่มินซู"แม้จะเป็นเพียงแค่คนสองคนทะเลาะกัน แต่พวกเขาที่อยู่ด้วยกันแทบ24ชั่วโมงก็ไม่ชอบกับบรรยากาศแบบนี้ มันมาคุ อึมครึม คล้ายหายใจไม่ออก จะทำอะไรก็ไม่สะดวก แต่พวกเขากลับเอาแต่เฉยไม่ทำอะไรสักอย่าง

    "นี่จงฮยอน...เวลานายทะเลาะกับชางฮยอนหน่ะ เคยอยากให้ใครเข้ามาช่วยพูดเคลียร์ปัญหาให้ไหม หรือนายอยากคุยกันแค่สองคน"ไม่เพียงแต่ไม่ได้คำตอบ แต่คำถามที่มินซูถามกลับทำเอาจงฮยอนนิ่งเงียบไป


    ถึงไม่บอกเขาก็พอจะเข้าใจ ไม่ใช่ไม่อยากยุ่งแต่เพราะเข้าไปยุ่งไม่ได้ต่างหาก ยิ่งมีคนมากขึ้น ความวุ่นวายก็จะยิ่งแผ่วงกว้างจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต...แม้จะอึดอัดมากแค่ไหน พวกเขาก็คงต้องทนและเชื่อมั่นว่าพี่ชายทั้งสองคนจะผ่านมันไปได้...มันก็แค่ความคิดมากและความไม่เข้าใจ เป็นเพียงแค่อุปสรรคอย่างหนึ่งที่ผ่านเข้ามาเพื่อให้จับมือกันก้าวผ่านไป



    "ห่างกันสักพักหรอ....รอมานานแค่ไหนแล้วล่ะอีบยองฮอนกับคำพูดคำนี้ คงรอมานานมากสินะ...ถ้ายังไม่สาแก่ใจ ก็บอกมาตรงๆเลยก็ได้ว่านาย...จะเลิกกับฉัน!!!"คล้ายเสียงทะเลาะจะเงียบหายไปก่อนประโยคนี้จะดังลอดขึ้นมาทำเอาคนที่นั่งภายนอกหันมองหน้ากัน ไม่นานคนตัวบางเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ก็เปิดประตูออกมาโดยไม่พูดไม่จากับใครและวิ่งหายออกจากคอนโดไป...ทิ้งไว้เพียงความมึนงงของคนที่นั่งอยู่ในห้อง และที่น่าฉงนกว่านั้นคืออีบยองฮอนที่อยู่ในห้องไม่มีท่าทีว่าจะตามออกไป เจ้าของเรือนผมสีแดงเดินออกมาจากห้องก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาที่ว่างเสียเต็มแรง ยกนิ้วขึ้นมานวดคลึงแถวหว่างคิ้วและขมับ

    "ไม่ตามไปหรอพี่"เป็นนีแอลที่ถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ

    "ไม่หรอก...ให้สงบจิต สงบใจหน่อย เดี๋ยวคงกลับมา"บยองฮอนตอบคำถามทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา

    "รู้ได้ยังไงว่าแบบนั้นมันดีกว่า"มินซูถามต่อ

    "คุยกันก็มีแต่ทะเลาะกันนี่พี่ ห่างกันบ้างเผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น"บยองฮอนคิดแบบนี้จริงๆ..ในเมื่อพักหลังมาการคุยกันมักจะจบลงที่ทะเลาะเสียงดังใส่กันทุกครั้งไป หากห่างกันบ้างแม้ไม่กี่ชั่วโมง ไม่เจอหน้ากัน ปล่อยให้ตัวเองได้คิดทบทวน เผื่อจะมองเห็นอะไรที่ชัดขึ้น กว้างขึ้น...

    "แต่ฝนกำลังตกนะฮะพี่บยองฮอน"เสียงของชางฮยอนเอ่ยขึ้น ทำเอาบยองฮอนลืมตาโพรงก่อนจะหันมองหน้าต่าง...ท้องฟ้ามืดครึ้ม เม็ดฝนค่อยๆตกลงสู่พื้นดินก่อนจะหนักขึ้น...หนักขึ้น.....และยิ่งทวีความหนักขึ้นเรื่อยๆ..ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ

    "พี่ชานฮีไม่ได้เอาร่มออกไปนี่"ได้ยินเพียงแค่นั้น อีบยองฮอนถึงกับนั่งไม่ติด เขาลุกขึ้นยืนก่อนตั้งท่าจะออกจากหอ แต่กลับถูกมินซูรั้งเอาไว้

    "ผมจะไปหาชานฮี พี่ปล่อยผมสิ"ชายหนุ่มผมแดงเริ่มร้อนรน ชานฮีเปียกฝน...อีชานฮีที่ไม่ชอบสายฝน

    "นายรู้หรอบยองฮอนว่าชานฮีอยู่ที่ไหน"

    "ผมไม่รู้!!!!"เสียงทุ้มตวาดพี่ใหญ่อย่างลืมตัวก่อนจะออกแรงสะบัด แต่ยิ่งเขาสะบัด พี่มินซูก็ยิ่งกำข้อมือแน่นมากขึ้นเท่านั้น

    "...."





    "ผมไม่รู้...แต่ผมจะหาชานฮีให้เจอ ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องหาให้เจอ"น้ำเสียงร้อนรนพูดตอบ ฉับพลันมือที่เคยเป็นดั่งกรงเหล็กกลับคลายออก และคนพูดจบก็คว้าร่มวิ่งหายลับออกไป

    "บางทีก็คงต้องขอบคุณฟ้าฝน..."คำพูดของบังมินซูทำเอาน้องอีกสามคนที่เหลือมองหน้ากันอย่างงงๆ

    "อะไรกันพี่มินซู"นีแอลถามด้วยความสงสัย

    "เดี๋ยวนายก็รู้ และก็วางใจได้เลย คงไม่มีเรื่องทะเลาะกันอีกแล้วล่ะ"




    หาไม่เจอ.....วิ่งจนเหนื่อยหอบแทบขาดใจแต่ก็ยังหาไม่เจอ อีบยองฮอนพยายามไปในที่ๆคิดว่าชานฮีจะอยู่ บริเวณรอบๆหอพัก....สวนสาธารณะ....สนามเด็กเล่น....ร้านกาแฟที่ชอบกิน.....ไม่มีเลยสักที่ ฝนก็ยังคงเทกระหน่ำลงมา แม้จะมีร่มอยู่ในมือ แต่เขาเองก็เปียกแฉะไปทั้งตัวไม่ต่างอะไรจากคนที่วิ่งฝ่าฝน ความหนาวเหน็บและเฉอะแฉะไม่ได้ทำให้เขาท้อ แต่เพราะการหาอีกฝ่ายไม่เจอต่างหากที่ยิ่งทวีความร้อนใจจนอยากล้มทั้งยืน





    "ฉันหาบยองฮอนเจอแล้ว"น้ำเสียงสดใส เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลสว่าง ดวงตากลมโตที่มาพร้อมรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์

    "นายรู้ได้ยังไงกันว่าฉันอยู่ที่นี่"เขารู้สึกตกใจที่อีกฝ่ายหาเขาเจอ...มันไม่ใช่ที่ๆเราเคยมาด้วยกันบ่อย เขาไม่ได้บอกชานฮีก่อนว่าจะมา....ก็แค่รู้สึกเครียดๆจึงมานั่งริมแม่น้ำแบบนี้...มันเงียบสงบ...ร่มรื่นและเห็นพระอาทิตย์ตกดินชัดดี

    "...น่าจะถามว่าทำไมฉันไม่รู้มากกว่า รู้หน่ะไม่แปลกหรอก ไม่รู้สิแปลก....ฉันก็แค่ลองเดาใจบยองฮอนดูเท่านั้นเองว่าจะไปอยู่ที่ไหน"เสียงหัวเราะใสๆมาพร้อมกับแขนเพรียวที่โอบกอดเขาไว้

    "......"

    "ถ้าเครียดก็บอกกันสิ...มีอะไรเราก็ต้องคุยกันไม่ใช่หรอ ต่อให้ต้องทะเลาะกันให้ตาย แต่เราก็ต้องคุยเพื่อหาทางออกด้วยกันไม่ใช่หรอ...ถ้าเรายังอยากรักษาความสัมพันธ์ของเราไว้หน่ะ"






    ต่อให้ต้องทะเลาะกันให้ตาย แต่เราก็ต้องคุยเพื่อหาทางออกด้วยกันไม่ใช่หรอ...ถ้าเรายังอยากรักษาความสัมพันธ์ของเราไว้หน่ะ


    ประโยคที่เขาเคยเกือบลืมไปแล้วว่าชานฮีได้พูดเอาไว้ นั่นสินะ เขาเองก็ไปทำเพลงมาจริงๆ แม้จะมีปาร์ตี้ มีอะไร แต่ยิ่งปกปิดก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายคิดมาก ยิ่งไม่หันหน้ามาพูดกันก็รังแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลงไป....ไม่ใช่ชานฮีหรอกที่กำลังทำลายความสัมพันธ์ เป็นเขาคนนี้ต่างหาก...อีบยองฮอนคนนี้แหละที่กำลังทำลายความสัมพันธ์ที่สร้างมาหลายปี

    เขากางร่มก่อนจะออกวิ่งอีกครั้ง...ครั้งนี้เขามั่นใจว่าเขาจะเจอ...เขามั่นใจว่าจะต้องเจออีชานฮีแน่ๆ และเขาจะพาชานฮีกลับบ้าน....บ้านที่มีสมาชิกอีกสี่คนรออยู่


    "ชิท!!!!..ต้องอยู่สิ"อีบยองฮอนยืนเอามือวางไว้บนหัวเข่าและพยายามหายใจ...เขาวิ่งมาตลอดทางแทบไม่ได้หยุด...เมื่อถึงที่หมาย เขามั่นใจว่าชานฮีต้องอยู่...แต่ทำไมถึงหาไม่เจอ ทั้งๆที่ตลอดเวลาไม่ว่าเขาจะหายไปไหน ชานฮีจะตามตัวเจอตลอด....

    เจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงเดินดูบริเวณรอบๆริมแม่น้ำ ทุ่งหญ้าสีเขียวที่เจ่อนองไปด้วยน้ำ กวาดสายตามองไปรอบๆ....ต้นไม้ ใต้สะพานเตี้ย ท่าน้ำ...เขาพลาดที่ไหนไป



    "ฉันหานายเจอแล้ว....ในที่สุดก็หาจนเจอ"เสียงทุ้มหอบหายใจรัวทำเอาร่างที่นั่งชันเข่าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่สะดุ้งพรวด เรือนผมสีบลอนด์แนบลู่ลงบนใบหน้า....เงาพุ่มไม้และใบไม้สีเขียวเพียงแค่ชะลอไม่ให้โดนฝนจนหนักเกินไป แต่ไม่ได้ช่วยกันฝนแม้แต่นิด...คนตัวเล็กของเขาเปียกปอนไปทั้งตัวและคล้ายสั่นน้อยๆ แม้แต่ตอนนี้ที่เขาถือร่มกันฝนไว้ แต่ทำไมดวงตาทั้งสองข้างกลับแดงก่ำและมีน้ำใสๆไหลออกมาไม่หยุดแบบนี้กัน

    "ร้องไห้ทำไมชานฮียา...ฉันอยู่ตรงนี้แล้วนี่ไง"ไม่รู้หรอกว่าเมื่อไหร่ที่ร่มหลุดออกจากมือและดึงตัวอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะโอบกอดไว้แน่นแบบนี้

    ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ริมฝีปากสัมผัสกับคนในอ้อมกอดก่อนจะมอบสัมผัสหวานคล้ายแบ่งปันความอบอุ่นให้แก่กันและกัน เขาพยายามดึงสัมผัสนี้ไว้ให้นาน พยายามให้จูบในครั้งนี้ถ่ายทอดอารมณ์ของเขา....ขอโทษ...เว้าวอน....ขอร้อง...หลอมรวมกลายเป็นสัมผัสนี้ที่เขามอบให้อีกฝ่าย

    "ขอโทษนะชานฮี..."

    "อือ...ไม่ต้องพูดแล้ว"

    ใช่...ไม่ต้องพูดแล้ว เพราะแค่การที่อีบยองฮอนเปียกไปทั้งตัวทั้งที่ถือร่ม ทั้งวิ่งฝ่าสายฝนมาหา....และสัมผัสที่ริมฝีปากเมื่อครู่เป็นตัวบอกเขาได้อย่างดี....


    "ต่อไปมีอะไร ฉันจะบอกชานฮีทุกอย่างเลย...ตอนนี้.....

    ........
    ......
    ....
    ..

    กลับบ้านกันนะ..."คนตัวบางไม่ตอบแต่มือบางกลับวางลงบนมือที่รออยู่ก่อนแล้ว...แม้ฝนจะตกและเนื้อตัวพวกเขาจะเปียกชุ่มแค่ไหน แต่กลับไม่หนาวเลยสักนิด...คล้ายมือที่กอบกุมคลายความเหน็บหนาว คล้ายผิวกายที่แนบสัมผัสเพิ่มความอบอุ่นทั้งร่างกาย..และจิตใจ....


    END
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×