ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [YongSeo Story] Part 6 Land of Love.

    ลำดับตอนที่ #7 : Sweet Morning....

    • อัปเดตล่าสุด 28 มิ.ย. 55


     

     

     กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    ‘พลั่ก’  

    “โอ๊ยยยยยย”  เสียงมินฮยอกร้องขึ้นเมื่อรู้สึกตัวว่าถูกแรงจากฝ่าเท้าของใครบางคนพาให้ร่างของเราลอยละลิ่วลงมากองที่พื้น   “นายมาถีบชั้นทำไมเนี่ย”  เขาเด้งตัวเองขึ้นยืนโดยอัตโนมัติทันที  และเตรียมพร้อมจะเอาเรื่องกับเจ้าของฝ่าเท้าที่เขามั่นใจว่าไม่มีทางเป็นใครอื่นไปได้นอกจากเพื่อนรักจองชิน  ก่อนจะต้องแปลกใจที่คนที่นั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับหลักฐานด้วยท่าทางที่ฝ่าเท้าของเธอยังหันมาทางเขา  ไม่ใช่จองชินแต่กลับเป็นใครอีกคน

    “เบซูจี!!!!”  เขาชี้หน้าเธอด้วยความตกใจ

    “ก็ใช่สิ...  บอกมาเดี๋ยวนี้เลยว่าเมื่อคืนนายทำอะไรชั้น”  เธอตั้งท่าจะวีนใส่เขา  ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ประเคนทั้งมือทั้งเท้าทั้งศอกใส่เขาเป็นพัลวัน  “ไอ้คนบ้า  ไอ้คนฉวยโอกาส  ชั้นจะฆ่านาย  ไอ้ตี๋วายร้าย”

    มินฮยอกพยายามปัดป้องเป็นพัลวัน  ปากก็ส่งเสียงโอดโอยจากการโดนทำร้าย  ชุลมุนชุลเกกันอยู่พักใหญ่  ก่อนที่เขาจะมีโอกาสคว้าสองมือของเธอไว้  พร้อมกับหยุดเธอด้วยการกอดเธอไว้

    “นี่ฟังชั้นก่อนสิ”  เขาพยายามจะให้เธออยู่นิ่ง  ในขณะที่ซูจีเองแม้จะถูกเขารวบตัวไว้แต่ก็ใช่ว่าเธอจะยอมแพ้  เธอยังคงก่นด่าเขาไม่หยุดหย่อน “ฟังชั้นก่อน...”  มินฮยอกเร่งเสียงให้ดังมากขึ้น

    “ไอ้คนโรคจิต  ชั้นจะฟ้องนาย”  ซูจีอ้าปากจะพูดต่อแต่กลับต้องตกใจเมื่อเขาจับเธอให้หมุนมาจ้องตาเขาตรง ๆ

    “บอกให้ฟังก่อน!!!”  เขาตะคอกเสียงดังเสียจนเธอตกใจ  นิ่งชะงักไปทั้งคำพูดและมือไม้  “ถ้าเธอไม่หยุดโวยวายชั้นจะปิดปากเธอซะเดี๋ยวนี้เลย”  ซูจีถลึงตาใส่เขา  เธอหยุดพูดแต่ใช่ว่าจะยอมแพ้

    “อยากลองมั๊ย....”  มินฮยอกพูดพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้  ทำทีราวกับว่าจะจูบเธอ  ซูจีพยายามหันหน้าหนีจากเขาพร้อมกับหลับตาปี๋  ก่อนที่มินฮยอกจะโยนเธอลงไปกองบนเตียง

    “โอ๊ะ... “  ซูจีล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่บนเตียง  ก่อนจะลืมตาขึ้นมามองเขาเตรียมพร้อมจะโวยวายใส่เขาอีกครั้ง  แต่มินฮยอกกลับชี้หน้าเธอเป็นการออกคำสั่งให้เธอหยุดโวยวาย

    “ขอชั้นคิดก่อน  ว่าทำไมชั้นถึงมานอนอยู่ที่นี่”  พูดจบเขาก็ถอนหายใจออกมา  ก่อนที่ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนจะย้อนกลับเข้ามาในหัว  

    เขาแบกเธอมาที่นี่  วางเธอลงบนเตียง   แล้วก็รู้สึกว่าง่วงนอนมาก  ก่อนจะค่อย ๆ เอนกายลงบนเตียงแล้วก็ฟุบหลับตามเธอไปอีกคน  เขายิ้มออกมาด้วยความพอใจที่ยังจดจำเหตุการณ์ได้ดี  และไม่ได้พลาดท่าไปทำอะไรที่ไม่ดีกับเธอ

    “ชั้นแค่เผลอหลับไป...”  เขาหันมาพูดกับเธอหน้าตาย

    “แน่ใจนะ...”  ซูจีเองก็ดูไม่แน่ใจ  ทำไมเธอถึงจำอะไรไม่ได้เลย

    “หรือว่าเธอจำอย่างอื่นได้...”  เขาตั้งใจจะแกล้งเธอ

    “บ้าเหรอ...ชั้นก็หลับเหมือนกัน”

    “งั้นก็จบ...ชั้นไปล่ะ  ขอบคุณที่แบ่งเตียงให้นอนนะ”  มินฮยอกพูดก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู  ซูจีถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก  ก่อนที่ความกลัวเรื่องใหม่จะผ่านเข้ามาในหัว  เมื่อการกระทำเร็วพอ ๆ กับความคิดเธอจึงรีบลงจากเตียงก่อนจะถลาไปยืนขวางเขาไว้ที่หน้าประตู

    “หือ...นี่เธอไม่อยากให้ชั้นไปเหรอเนี่ย”  มินฮยอกมองดูเธอด้วยความแปลกใจ

    “อีตาบ้า  ถ้านายออกไปตอนนี้แล้วมีใครมาเห็นเขาชั้นจะทำยังไง”  เธอถลึงตาใส่เขา  ก่อนจะก้มหน้าคอตก  “นายนี่มันตัวซวยจริง ๆ “ 

    อีกครู่หนึ่งต่อมาซูจีก็มายืนทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ที่หน้าห้องตัวเอง  เธอมองซ้ายขวาแล้วก็วิ่งไปที่หน้าลิฟท์เพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครออกมาจากลิฟท์ในเวลานี้  ก่อนจะวิ่งกลับมาส่งสัญญาณให้มินฮยอกค่อย ๆ เดินออกมาจากห้อง  เขาสอดส่ายสายตามองไปตามทางเดินเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง  ก่อนจะค่อย ๆ ย่องออกจากห้องมา

    “รีบไปเลย..”  ซูจีออกปากไล่เขา  ก่อนที่มินฮยอกจะรีบพาตัวเองไปที่หน้าลิฟท์  ทั้งที่เขายังไม่ได้กดลิฟท์แต่ประตูลิฟท์ก็เปิดออกมา  ซูจียังแอบมองอยู่ที่ประตูหน้าห้องเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครเห็นเขาจริง ๆ ก่อนที่จะได้เห็นว่ามีสาวสวยอีกคนก้าวออกมาจากลิฟท์  พร้อม ๆ กับท่าทีตกใจของมินฮยอก  เธอจึงรีบปิดประตูห้องในทันที 

    “รุ่นพี่ทิฟฟานี่...”  ซูจีอุทานกับตัวเองเบา ๆ ที่หลังประตูห้อง  แอบหวังว่ารุ่นพี่คนดังจะไม่ได้สังเกตว่าห้องพักของพวกผู้ชายไม่ได้อยู่ที่ชั้นนี้

     

    “นูน่า...”  มินฮยอกดูจะออกอาการตกใจมากเกินไปที่ได้เจอเธอ  ทิฟฟานี่เพียงแต่ยิ้มหวานให้เขา

    “ตี๋น้อย..  มาทำอะไรที่แถวนี้”  เธอตั้งใจจะถามทั่ว ๆ ไป  ไม่ได้คิดว่าจะเป็นการจับผิดเขา

    “เอ่อ...  ผม  ผม  ผมก็มาหานูน่าไง”  ทิฟฟานี่ดูมีท่าทีแปลกใจกับท่าทีตระหนกตกใจของเขา

    “งั้นเหรอ  พอดีเลยชั้นกำลังหาเพื่อนไปทานอาหารเช้า  ไปด้วยกันมั๊ย”  มินฮยอกฟังแล้วยิ้มออกมาทันที

    “ครับ...นั่นแหละครับที่ผมอยากจะบอก”  เขารีบฉวยโอกาสไว้ทันที

     

    เช้าวันใหม่ที่ดูสดใสมากกว่าทุกวันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา  จงฮยอนลืมตานิ่งอยู่บนที่นอนร่าเริงเกินกว่าจะนอนหลับได้ต่อ  แต่ก็ขี้เกียจมากพอจนไม่อยากจะลุกออกจากเตียง  เขาหวนคิดถึงช่วงเวลาที่แสนหอมหวานที่สุดในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา  ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเป็นความจริง  ยังรู้สึกเหมือนไออุ่นจากร่างกายของใครอีกคนยังคุกรุ่นอยู่ในอ้อมกอดเขา  หัวใจที่คล้ายว่าจะล้มหายตายจากเขาไปนานแล้วกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง  และดูจะสูบฉีดเลือดได้ดีกว่าที่เคยเป็นมา  เขายิ้มให้กับตัวเองอย่างเขินอายเมื่อนึกถึงช่วงเวลาก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง   

    “ส่งแค่นี้ก็พอคะ  ดึกมากแล้วคุณควรจะพักผ่อน”  ฮโยยอนเอ่ยขึ้นมาเมื่อทั้งคู่มาหยุดที่หน้าห้องพักของเธอ  จงฮยอนยังกุมมือเธอไว้ตลอดจนกระทั่งตอนนี้  เขาไม่ได้มีท่าทีขัดแย้งกับคำพูดของเธอ  แต่กลับไม่ยอมปล่อยมือเธอ 

    “ไว้เจอกันพรุ่งนี้คะ”  เธอทำท่าจะหันหลังไปเปิดประตูห้องทั้ง ๆ ที่เขายังจับมือเธอไว้  ฮโยยอนจำต้องหันกลับมาหาเขาอีกครั้งแล้วยิ้มออกมาพร้อมกับตั้งคำถามกับเขาด้วยสายตา

    Good night ครับ”  เขายังคงยิ้มอยู่ตลอดเวลา

    “เช่นกันคะ”  คราวนี้จงฮยอนจึงยอมปล่อยมือจากเธอ  เขาอยากจะรอให้แน่ใจว่าเธอเข้าห้องเรียบร้อย  จึงยังไม่เดินจากมา  จงฮยอนสังเกตได้ว่าเธอดูลังเลเหมือนมีปัญหาที่จะต้องเข้าไปภายในห้อง  ก่อนที่เขาจะตั้งคำถามกับเธอ  ฮโยยอนก็หันกลับมาหาเขาเสียก่อน  เขาเอียงคอมองเธอด้วยความแปลกใจอะไรกันที่ทำให้เธอต้องหันหลับมาหาเขาอีก  ก่อนที่เธอจะขยับเข้ามาใกล้เขาแล้วจุมพิตที่แก้มเขาเบา ๆ

    Kiss night คะ”  เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มเขินอาย 

    “แต่คุณจะทำให้ผมนอนไม่หลับ” 

    “แต่คุณต้องไปนอนแล้วคะ”  ฮโยยอนเปลี่ยนมาเป็นผลักหลังไล่ให้เขาจากไป  จงฮยอนเพียงแต่เดินก้าวไปช้า ๆ ไม่ได้ขัดขืนการผลักไสจากเธอ 

    “แบบนี้ไม่แฟร์เลยนะ  คุณมาจูบผมแล้วก็ไล่ผมไปนอนเหรอ”  เขาทำท่าโอดครวญ  ก่อนจะหันหน้ากลับมาหาเธอ  ฮโยยอนดูตกใจนิดหน่อยตอนที่เขาหันกลับมาหาเธอแต่ก็ยังคงรอยยิ้มไว้  เขาชี้นิ้วไปที่แก้มอีกข้างแทนการขอร้องเธอ  ฮโยยอนอดจะค้อนให้เขาไม่ได้

    “เงื่อนไขเยอะจริงนะ”  เธอตัดพ้อเขาเบา ๆ แต่ก็ดูเหมือนจะยอมทำตาม  ก่อนจะเขย่งตัวขึ้นเพื่อให้สูงมากขึ้น  พร้อม ๆ กับที่จงฮยอนโน้มตัวลงมาหาเธอ  แต่แล้วก่อนที่จมูกของเธอจะสัมผัสที่แก้มของเขา  จงฮยอนก็จงใจหันหน้าใบหน้าของเขามาหาเธอตรง ๆ ฮโยยอนชะงักไปทันทีที่ริมฝีปากของเธอสัมผัสกับริมฝีปากของเขา  พร้อมกับที่เขารวบเอวเธอไว้

    “เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น...”  ถ้อยคำที่ดูเหมือนต่อว่า  แต่น้ำเสียงกลับไม่ใช่

    “กลัวคนอื่นมาเห็น  งั้นเราก็เข้าไปในห้องสิ”  เขาแกล้งเย้าเธอ  ฮโยยอนทุบลงเบา ๆ ที่อกหน้าของเขาก่อนจะค้อนให้เขาอีกครั้ง

    “กลับไปได้แล้ว...ไม่งั้นคุณตายแน่”  จงฮยอนฟังแล้วหัวเราะออกมาก่อนจะปล่อยเธอให้เป็นอิสระ  ฮโยยอนยังจ้องเขาไม่วางตา  ไม่ไว้ใจว่าเขาจะมาไม้ไหนอีก   เขาถอยหลังไปเพียงก้าวเดียวก่อนจะฉวยโอกาสจูบที่แก้มนวลของเธออีกครั้ง 

    Kiss night  ขอโทษนะถ้าผมจะทำให้คุณนอนไม่หลับ”  เขาเผยยิ้มที่มุมปากก่อนจะยักไหล่ให้เธอแล้วเดินจากไป  ฮโยยอนมองตามหลังเขาไปจนพ้นสายตา  ก่อนจะยิ้มให้กับตัวเอง  คืนนี้เขาคงจะทำให้เธอนอนไม่หลับจริง ๆ อย่างที่เขาพูด  แต่เขาก็คงไม่เคยรู้เลยว่าก่อนหน้านี้ก็มีหลายคืนที่เธอไม่อาจนอนหลับเพราะเขา  แต่ความรู้สึกช่างแตกต่างกับคืนนี้  ....หากว่าคืนนี้จะต้องนอนไม่หลับเพราะคิสไนท์จากเขา  เธอก็พร้อมจะอดนอนได้ทุกคืน

    จงฮยอนยันตัวเองลุกขึ้นจากเตียงนอนพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังเปื้อนอยู่ที่ใบหน้า  ความสุขที่ยังสดใหม่ราวกับว่าเพิ่งผ่านไปไม่กี่นาที   เธอจะรู้บ้างไหมว่าเธอทำให้เขานอนไม่หลับ  กว่าจะหลับก็เกือบจะเช้าแล้ว  แต่แทนที่จะหมกตัวอยู่บนเตียงนอนเหมือนที่เคยเป็นมา  กลายเป็นว่าเขาไม่อยากจะนอนเพื่อให้วันเวลาเสียเปล่าไปมากกว่านี้  ในเมื่อรู้แล้วว่าในทุก  ๆ วันเขาควรตื่นมาเพื่อใครและทำอะไรบ้าง  ความรู้สึกลึก ๆ ข้างในกำลังบอกกับเขาว่านับจากนี้ไปเพลงรักก็คงจะเขียนได้ง่ายขึ้น  และจะไม่มีจงฮยอนผู้เย็นชาคนนั้นอีกต่อไป

     

    หากเปรียบร่างกายของคนกับงานศิลปะ  ชายหนุ่มผู้หลับใหลอยู่บนเตียงนอนในเวลานี้ก็คงจะเป็นงานศิลปะชิ้นเอกที่จิตรกรมือหนึ่งบรรจงสรรสร้างขึ้นมาเป็นอย่างดี  ใบหน้าที่งดงามราวกับเทพบุตรในเทพนิยายถูกล้อมกรอบด้วยเส้นผมยาวสลวยที่แม้จะดูยุ่งเหยิงแต่กลับดูเหมือนว่าเป็นภาพวาดที่จิตกรบรรจงวาดขึ้นมาให้ดูมีชีวิตชีวา  เขากำลังนอนคว่ำหน้าลงกับหมอนและมีผ้าห่มขาวสะอาดตาปกปิดไว้เพียงครึ่งท่อนบนเผยให้เห็นแผ่นหลังกว้างที่เปลือยเปล่า  เรียบเนียนราวกับหินอ่อนแต่ทว่ากลับดูแข็งแรงด้วยกล้ามเนื้อกำยำตามแบบฉบับของผู้ชาย  เปลือกตาที่หนาและหนักค่อย ๆ เปิดขึ้นช้า ๆ ราวกับว่าเขายังไม่พร้อมจะตื่นจากการหลับใหล 

    “พี่ครับ....”  จองชินเอ่ยคำแรกออกจากปากเขาทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตาดี

    “ตื่นแล้วเหรอ”  เจ้าของเสียงหวานแทบจะตอบรับเขาในทันที  กยูรินั่งอยู่ที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกับบรรจงแปรงผมของเธอไปพร้อมกับการมองเขาผ่านกระจก

    “เช้าแล้วเหรอ...มิน่าล่ะหิวจังเลย”  เขาเรียกร้องเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ  นอกจากลืมตาและพูดออกมาดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ขยับส่วนอื่นใดของร่างกาย

    “ลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วก็ลงไปหาอะไรกินข้างล่างกัน”  เธอย้ายตัวจากหน้ากระจกมานั่งลงบนเตียงนอนข้าง ๆ เขา 

    “ไม่ไปไม่ได้เหรอ...  อยากกินบนนี้  เราโทรตามรูมเซอร์วิสดีกว่า” 

    “ขี้เกียจเกินไปแล้วนะ”  เธอเอื้อมมือไปจับปอยผมของเขาทัดหูก่อนจะพูดออกมา  จองชินค่อย ๆ พลิกตัวช้าเพื่อให้มองหน้าเธอได้ชัดขึ้นก่อนจะยันตัวขึ้นพิงหัวเตียงในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน

    “ใครบอกล่ะ  ถ้าลงไปข้างล่างเราก็ต้องแยกกันกินสิ  ผมอยากร่วมโต๊ะกับพี่ต่างหาก”  กยูริฟังแล้วยิ้มออกมาด้วยความพอใจ  จองชินขี้อ้อนและรู้วิธีจัดการกับความสามารถพิเศษข้อนี้ของตัวเองเป็นอย่างดี  “พี่ต้องไปเช้านี้เหรอครับ”  เขาตั้งคำถามก่อนจะดึงมือเธอมากุมไว้  เธอยิ้มพร้อมกับพยักหน้าแทนคำตอบ  “แย่จัง...”  เขาตัดพ้อเบา ๆ

    “มันเป็นเรื่องที่เราต้องทำตัวให้ชินกับมันไม่ใช่เหรอ”  เธอพูดพร้อม ๆ กับลูบผมเขาคล้ายจะปลอบโยน  จองชินค่อย ๆ ขยับมาใกล้เธอพร้อมกับหยุดมือของเธอไว้ที่ข้างแก้มของเขา

    “จะมีวันไหนมั๊ยที่เราตื่นนอนขึ้นมาแล้วไม่ต้องแยกจากกันแบบนี้  ทำไมเหมือนเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นซ้ำ ๆ “  จองชินดูเหมือนจะตัดพ้อโชคชะตา

    “เมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ เราก็คงไม่ต้องแยกจากกัน  ถ้าเธอยังต้องการให้เป็นแบบนั้นอยู่”  จองชินฟังแล้วก้มหน้าลงจุมพิตเบา ๆ ที่ฝ่ามือเธอ

    “ผมไม่เคยเปลี่ยนใจ  ผมอาจจะไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วผมต้องการทำหรือเป็นอะไร  แต่ไม่มีทางที่ผมจะไม่รู้ใจตัวเอง” 

    “พี่อายุมากกว่าเธอ  อีกไม่นานพี่จะไม่สาวไม่สวย  เธออาจจะอยากไปพบกับคนที่เด็กกว่าหรือเท่า ๆ กับเธอ  พี่เข้าใจความจริงข้อนี้ดี”  จองชินไม่พูดอะไรต่อจากนั้นอีก  เขาเพียงแต่ดึงร่างบางมากอดไว้  ก่อนจะจูบที่แก้มเธอเบา ๆ “จองชิน  พี่กลัวจริง ๆ  พี่รักเธอทั้ง ๆ ที่พี่ก็ยังหวั่น  เราสองคนมารักกันได้ยังไง”

    “ทำไมพูดถึงพูดอะไรแบบนี้  ผมรักพี่  เรารักกันมีอะไรให้กลัวอีก”  กยูริฟังแล้วเงยหน้าขึ้นมาจ้องตาเขา  เธอไม่ได้ร้องไห้  แต่ก็ไม่ได้ยิ้มเหมือนก่อนหน้านี้

    “จองชิน  เธอฟังพี่นะ  เธอกำลังจะไปได้ไกล  ไกลมากกว่าจุดสูงสุดที่พี่เคยผ่านมาเสียอีก  อีกไม่นานทุกอย่างจะเปลี่ยนไป  พี่ไม่อยากเป็นตัวถ่วงเธอ”  จองชินฟังแล้วยิ้มออกมาเขาไม่แปลกใจสักนิดที่เธอพูดอะไรแบบนี้  อะไรที่ทำให้เธอผลักไสเขาในตอนแรก  อะไรที่ทำให้เธอหลีกเลี่ยงที่จะบอกใครต่อใครว่าเขาเป็นอะไรกับเธอ  สิ่งนั้นก็เพราะเธอกลัวว่าตัวเองจะไม่ดีพอสำหรับเขา  ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะเธอห่วงเพียงแค่เขาเท่านั้น

    “สิ่งที่พี่กลัวมันจะไม่มีวันเกิดขึ้น  ขอแค่พี่เชื่อมั่นในความเป็นเราก็พอ  ต่อให้ผมต้องไปไกลกว่านี้อีกแค่ไหน  ผมก็จะเอาพี่ไปด้วย  พี่จะต้องเป็นคนที่อยู่เคียงข้างผมในวันที่ผมประสบความสำเร็จ  ไม่มีทางและไม่มีวันจะเป็นคนอื่น”  ดวงตาคู่สวยยังคงสบตาคู่คมนิ่ง...  ความกลัวในหัวใจไม่ได้จางหายไป  แต่คำพูดของเขาทำให้เธอกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน  หากเขายืนยันจะอยู่เคียงข้างเธอก็พร้อมจะฝ่าฟันและบากบั่นกับหนทางข้างหน้า  ....แม้จะรู้ดีว่ามันไม่ง่ายเลย

     

    ยงฮวาเฝ้ามองนางฟ้าที่กำลังหลับใหลด้วยความลุ่มหลง  นางฟ้าที่เขาเฝ้ามองได้อย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย  ไม่ว่าเธอจะทำอะไร  พูดอะไร  เขาก็อยากจะมองเธออยู่แบบนี้  ดวงหน้ากระจ่างใสแม้ในยามที่ไร้เครื่องสำอางมาแต่งเติมก็ยังคงงดงามไร้ที่ติ 

    เพราะอะไรเธอจึงได้ขมวดคิ้วในยามหลับแบบนี้  หรือว่าในฝันของเธอมีใครมาทำอะไรไม่ดีกับเธอ  เขาจ้องมองหัวคิ้วที่กำลังขมวดเข้าหากันของเธอด้วยความสงสัย  ก่อนจะค่อย ๆ เอื้อมมือของเขาไปแตะที่หว่างคิ้วเธอ  ด้วยหวังว่าจะช่วยทำให้เธอหยุดฝันร้ายได้  แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นการปลุกเธอให้ตื่นจากนิทรา  ดวงตากลมโตค่อย ๆ ถูกเผยออกมาหลังจากที่เปลือกตาหนักหนาได้เปิดออก  เธอจ้องเขาด้วยความแปลกใจ  ทำไมเขาถึงได้ขมวดคิ้วเข้าหากัน  แล้วยังมายุ่งกับคิ้วของเธออีก

    “มีอะไรเหรอคะ”  เธอถามออกมาด้วยความแปลกใจ  เขาจึงชักมือกลับมาก่อนจะยิ้มออกมา

    “พี่กำลังสงสัยว่าเธอจะฝันร้าย  พี่ก็เลยจะช่วยไล่ฝันร้ายให้ไง”

    “ฝันร้าย???  ชั้นไม่ได้ฝันอะไรคะ”

    “อ้าวเหรอ...”  ยงฮวาดูเขิน ๆ ไป  “เอ่อ...  ทานอาหารเช้ามั๊ย  พี่เตรียมไว้ให้แล้ว”  เขาเปลี่ยนเรื่องก่อนจะเดินไปจัดแจงอาหารที่โต๊ะมุมห้อง  ทั้ง ๆ ที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรให้จัดแล้ว  ซอฮยอนมองตามเขาไปด้วยความแปลกใจ  ทำไมเขาถึงได้ดูตลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก  ก่อนจะลงจากเตียงแล้วเดินไปหาเขา  ยงฮวารีบจัดแจงดึงเก้าอี้ให้เธอก่อนที่จะนั่งลงตรงกันข้ามกับเธอ  ซอฮยอนยิ้มออกมาด้วยความแปลกใจ  จริงอยู่ที่ยงฮวามักจะเอาใจเธออยู่เสมอ  แต่ครั้งนี้ดูเขาพยายามมากจนไม่เป็นธรรมชาติ

    “พี่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”  เธอตั้งคำถามกับเขาด้วยความแปลกใจ  ยงฮวาเลิกคิ้วใส่เธอด้วยความแปลกใจเช่นกัน  เขาทำอะไรที่แปลกไปงั้นหรือ  “พี่ต้องทำอะไรไม่ดีแน่ ๆ เลย”  ซอฮยอนพูดอย่างคนรู้ทัน  ยงฮวาส่ายหน้าในทันที

    “พี่จะทำอะไรไม่ดีได้ไง  เราอยู่ด้วยกันทั้งคืน  ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องรู้สิ”  ซอฮยอนฟังแล้วนิ่งคิดไป  บางทีเธออาจจะคิดมากไปเอง  “ทานเถอะ  พี่หิวจะแย่แล้ว”  เขาจับช้อนใส่มือให้เธอก่อนจะมองเธอด้วยความตั้งใจ  ราวกับว่าเขาอยากให้เธอทานอาหารตรงหน้ามากจนหน้าแปลกใจ  ซอฮยอนมองเขาอีกที  ยงฮวาจึงได้รู้ว่าเขาไม่ควรจ้องเธอ

    “โอ๊ะ...” เสียงซอฮยอนอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจเมื่อได้เห็นสิ่งแปลกปลอมที่ซุกซ่อนอยู่ในถ้วยข้าวของเธอ  ยงฮวาได้ยินชัดเจนแต่แกล้งทำเฉยทานอาหารต่อ  ก่อนที่ซอฮยอนจะหยิบแหวนเพชรวงงามที่กำลังส่องประกายระยิบระยับขึ้นมาในถือไว้  “พี่ยงฮวา...”  เธอเรียกชื่อเขาออกมาด้วยนำเสียงตื่นเต้น  ยงฮวาเงยหน้ามามองเธอพร้อมรอยยิ้มในทันที

    “นี่เราต้องแจ้งโรงแรมนะคะ  เชฟที่นี่ทำแหวนหล่นในอาหาร”  เธอพูดออกมาด้วยความซื่อ  พอได้ฟังดังนั้นบงฮวาก็ถึงกับตาโต  ทำไมนางฟ้าของเขาถึงไม่เข้าใจเรื่องโรแมนติกแบบนี้บ้างเลย

    “มันเป็นของพี่เอง..”  น้ำเสียงของเขาดูเสียความมั่นใจไป

    “ห๊ะ...จริงเหรอคะ  แล้วมันมาอยู่ในนี่...”  ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบประโยคก็ดูเหมือนว่าบางส่งบางอย่างจะผ่านเข้ามาในความคิดเธอเสียก่อน  เธอยกมือขึ้นปิดปากพร้อมกับตาที่เบิกกว้าง  เธอละเลยสิ่งนี้ไปได้ยังไงกัน  หลังจากประเมินสถานการณ์แล้วยงฮวาคิดว่าเธอคงเข้าใจว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร  เขาหยิบแหวนมาจากมือเธอ  ก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วค่อย ๆ คุกเข่าลงตรงหน้านางฟ้าของเขา  สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้างดงามที่ตอนนี้ยังคงตกใจไม่หาย

    “ซอฮยอน   พี่ไม่อยากเข้านอนเพียงลำพัง  แล้วตื่นขึ้นมาในตอนเช้าคนเดียวอีกแล้ว”  เขาคว้ามือเธอมากุมไว้  ราวกับว่าจะให้ความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีต่อเธอได้ส่งผ่านไปหาเธอ

    “พี่ยงฮวา...”  เธอเรียกชื่อเขาออกมาเบา ๆ รับรู้และเข้าใจว่าเขารู้สึกอย่างไร 

    “คุณซอจูฮยอน  ผมจองยงฮวาเป็นแค่นักดนตรีธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่รักคุณหมดทั้งหัวใจที่มี  ด้วยความรักทั้งหมดนี้คุณจะให้เกียรติแต่งงานกับผมได้มั๊ย”  เขาสบตาเธอนิ่ง...  รอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ  เพียงเสี้ยววินาทีที่เข็มนาฬิกาเดินไปก็รู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปหลายล้านปีแสง 

    แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าผู้ชายตรงหน้าเธอในตอนนี้รักเธอมากมายเพียงใด  แต่เธอก็ยังตื้นตันกับสิ่งที่เขาพยายามทำให้เธอในตอนนี้  ไม่มีเสียงตอบ  มีเพียงแต่หยาดน้ำใส ๆ ที่เอ่อท้นมาที่สองตา  ทำให้ภาพชายหนุ่มที่กำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเธอในตอนนี้พร่าเบลอ 

    “พี่ไม่ได้จะเร่งรัดอะไร  รับแหวนนี้ไว้  ถ้าเธอพร้อมเมื่อไหร่  สวมมันให้พี่เห็น”  ซอฮยอนยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา  รักแรกและรักเดียวของเธอ...ไม่มีทางเป็นใครอื่นนอกจากเขา  “ได้ไหม...”  ยงฮวาดูเหมือนจะต้องการความมั่นใจจากคำขอร้องของเขา  เธอพยักหน้าเบา ๆ แทนการรับคำ 

    เพราะรักย่อมเข้าใจในรัก  รักที่ไม่ต้องการสิ่งอื่นใดนอกจากการได้อยู่เคียงกันในทั้งยามสุขและทุกข์  ยงฮวาค่อย ๆ จับมือของซอฮยอนให้หงายขึ้นแล้ววางแหวนเพชรวงงามลงในอุ้งมือเธอ  ก่อนจะให้เธอกำมันไว้ในมือ  เขาค่อยขยับตัวเข้าไปใกล้เธอก่อนจะประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากงาม  ซอฮยอนหลับตานิ่งพร้อมกับกำแหวนที่เขามอบให้เธอด้วยหัวใจเอาไว้ในมือ  รับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่รินรดอยู่ตรงปลายจมูกเธอ  ริมฝีปากของเขาที่ประทับรอบจูบอยู่บนริมฝีปากเธอ  ในความเป็นจริงแล้วเธอไม่เคยต้องการอะไรมากไปกว่าความรักจากเขา  เพียงแค่เขารักเธอ...เพียงเท่านี้เธอก็เป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจ

     

     

     

     

     

     

     

     

    กว่าจะอัพนานไปมั๊ย...  ขอโทษนะคะ  เพราะว่าติดตรงพี่ยงสิบล้อจอมอิโรติคเนี่ยแหละ  เล่นเอาไรเตอร์หมดมู้ด  พยายามสร้างพี่ยงให้เป็นชายหนุ่มผู้แสนอ่อนโยนไม่ไหวเลยทีเดียว....  มาครบทุกคนสี่หนุ่ม  แบ่ง ๆ กันไป  พาร์ทนี้ยังไม่จบนะคะ  ก็ GDA เขามีตั้งสองวันไม่ใช่เหรอ  เพิ่งได้วันเดียวเอง...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×