คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Sweet Morning....
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
‘พลั่ก’
“โอ๊ยยยยยย” เสียงมินฮยอกร้องขึ้นเมื่อรู้สึกตัวว่าถูกแรงจากฝ่าเท้าของใครบางคนพาให้ร่างของเราลอยละลิ่วลงมากองที่พื้น “นายมาถีบชั้นทำไมเนี่ย” เขาเด้งตัวเองขึ้นยืนโดยอัตโนมัติทันที และเตรียมพร้อมจะเอาเรื่องกับเจ้าของฝ่าเท้าที่เขามั่นใจว่าไม่มีทางเป็นใครอื่นไปได้นอกจากเพื่อนรักจองชิน ก่อนจะต้องแปลกใจที่คนที่นั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับหลักฐานด้วยท่าทางที่ฝ่าเท้าของเธอยังหันมาทางเขา ไม่ใช่จองชินแต่กลับเป็นใครอีกคน
“เบซูจี!!!!” เขาชี้หน้าเธอด้วยความตกใจ
“ก็ใช่สิ... บอกมาเดี๋ยวนี้เลยว่าเมื่อคืนนายทำอะไรชั้น” เธอตั้งท่าจะวีนใส่เขา ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ประเคนทั้งมือทั้งเท้าทั้งศอกใส่เขาเป็นพัลวัน “ไอ้คนบ้า ไอ้คนฉวยโอกาส ชั้นจะฆ่านาย ไอ้ตี๋วายร้าย”
มินฮยอกพยายามปัดป้องเป็นพัลวัน ปากก็ส่งเสียงโอดโอยจากการโดนทำร้าย ชุลมุนชุลเกกันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เขาจะมีโอกาสคว้าสองมือของเธอไว้ พร้อมกับหยุดเธอด้วยการกอดเธอไว้
“นี่ฟังชั้นก่อนสิ” เขาพยายามจะให้เธออยู่นิ่ง ในขณะที่ซูจีเองแม้จะถูกเขารวบตัวไว้แต่ก็ใช่ว่าเธอจะยอมแพ้ เธอยังคงก่นด่าเขาไม่หยุดหย่อน “ฟังชั้นก่อน...” มินฮยอกเร่งเสียงให้ดังมากขึ้น
“ไอ้คนโรคจิต ชั้นจะฟ้องนาย” ซูจีอ้าปากจะพูดต่อแต่กลับต้องตกใจเมื่อเขาจับเธอให้หมุนมาจ้องตาเขาตรง ๆ
“บอกให้ฟังก่อน!!!” เขาตะคอกเสียงดังเสียจนเธอตกใจ นิ่งชะงักไปทั้งคำพูดและมือไม้ “ถ้าเธอไม่หยุดโวยวายชั้นจะปิดปากเธอซะเดี๋ยวนี้เลย” ซูจีถลึงตาใส่เขา เธอหยุดพูดแต่ใช่ว่าจะยอมแพ้
“อยากลองมั๊ย....” มินฮยอกพูดพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ทำทีราวกับว่าจะจูบเธอ ซูจีพยายามหันหน้าหนีจากเขาพร้อมกับหลับตาปี๋ ก่อนที่มินฮยอกจะโยนเธอลงไปกองบนเตียง
“โอ๊ะ... “ ซูจีล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่บนเตียง ก่อนจะลืมตาขึ้นมามองเขาเตรียมพร้อมจะโวยวายใส่เขาอีกครั้ง แต่มินฮยอกกลับชี้หน้าเธอเป็นการออกคำสั่งให้เธอหยุดโวยวาย
“ขอชั้นคิดก่อน ว่าทำไมชั้นถึงมานอนอยู่ที่นี่” พูดจบเขาก็ถอนหายใจออกมา ก่อนที่ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนจะย้อนกลับเข้ามาในหัว
เขาแบกเธอมาที่นี่ วางเธอลงบนเตียง แล้วก็รู้สึกว่าง่วงนอนมาก ก่อนจะค่อย ๆ เอนกายลงบนเตียงแล้วก็ฟุบหลับตามเธอไปอีกคน เขายิ้มออกมาด้วยความพอใจที่ยังจดจำเหตุการณ์ได้ดี และไม่ได้พลาดท่าไปทำอะไรที่ไม่ดีกับเธอ
“ชั้นแค่เผลอหลับไป...” เขาหันมาพูดกับเธอหน้าตาย
“แน่ใจนะ...” ซูจีเองก็ดูไม่แน่ใจ ทำไมเธอถึงจำอะไรไม่ได้เลย
“หรือว่าเธอจำอย่างอื่นได้...” เขาตั้งใจจะแกล้งเธอ
“บ้าเหรอ...ชั้นก็หลับเหมือนกัน”
“งั้นก็จบ...ชั้นไปล่ะ ขอบคุณที่แบ่งเตียงให้นอนนะ” มินฮยอกพูดก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู ซูจีถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนที่ความกลัวเรื่องใหม่จะผ่านเข้ามาในหัว เมื่อการกระทำเร็วพอ ๆ กับความคิดเธอจึงรีบลงจากเตียงก่อนจะถลาไปยืนขวางเขาไว้ที่หน้าประตู
“หือ...นี่เธอไม่อยากให้ชั้นไปเหรอเนี่ย” มินฮยอกมองดูเธอด้วยความแปลกใจ
“อีตาบ้า ถ้านายออกไปตอนนี้แล้วมีใครมาเห็นเขาชั้นจะทำยังไง” เธอถลึงตาใส่เขา ก่อนจะก้มหน้าคอตก “นายนี่มันตัวซวยจริง ๆ “
อีกครู่หนึ่งต่อมาซูจีก็มายืนทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ที่หน้าห้องตัวเอง เธอมองซ้ายขวาแล้วก็วิ่งไปที่หน้าลิฟท์เพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครออกมาจากลิฟท์ในเวลานี้ ก่อนจะวิ่งกลับมาส่งสัญญาณให้มินฮยอกค่อย ๆ เดินออกมาจากห้อง เขาสอดส่ายสายตามองไปตามทางเดินเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ย่องออกจากห้องมา
“รีบไปเลย..” ซูจีออกปากไล่เขา ก่อนที่มินฮยอกจะรีบพาตัวเองไปที่หน้าลิฟท์ ทั้งที่เขายังไม่ได้กดลิฟท์แต่ประตูลิฟท์ก็เปิดออกมา ซูจียังแอบมองอยู่ที่ประตูหน้าห้องเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครเห็นเขาจริง ๆ ก่อนที่จะได้เห็นว่ามีสาวสวยอีกคนก้าวออกมาจากลิฟท์ พร้อม ๆ กับท่าทีตกใจของมินฮยอก เธอจึงรีบปิดประตูห้องในทันที
“รุ่นพี่ทิฟฟานี่...” ซูจีอุทานกับตัวเองเบา ๆ ที่หลังประตูห้อง แอบหวังว่ารุ่นพี่คนดังจะไม่ได้สังเกตว่าห้องพักของพวกผู้ชายไม่ได้อยู่ที่ชั้นนี้
“นูน่า...” มินฮยอกดูจะออกอาการตกใจมากเกินไปที่ได้เจอเธอ ทิฟฟานี่เพียงแต่ยิ้มหวานให้เขา
“ตี๋น้อย.. มาทำอะไรที่แถวนี้” เธอตั้งใจจะถามทั่ว ๆ ไป ไม่ได้คิดว่าจะเป็นการจับผิดเขา
“เอ่อ... ผม ผม ผมก็มาหานูน่าไง” ทิฟฟานี่ดูมีท่าทีแปลกใจกับท่าทีตระหนกตกใจของเขา
“งั้นเหรอ พอดีเลยชั้นกำลังหาเพื่อนไปทานอาหารเช้า ไปด้วยกันมั๊ย” มินฮยอกฟังแล้วยิ้มออกมาทันที
“ครับ...นั่นแหละครับที่ผมอยากจะบอก” เขารีบฉวยโอกาสไว้ทันที
เช้าวันใหม่ที่ดูสดใสมากกว่าทุกวันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จงฮยอนลืมตานิ่งอยู่บนที่นอนร่าเริงเกินกว่าจะนอนหลับได้ต่อ แต่ก็ขี้เกียจมากพอจนไม่อยากจะลุกออกจากเตียง เขาหวนคิดถึงช่วงเวลาที่แสนหอมหวานที่สุดในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเป็นความจริง ยังรู้สึกเหมือนไออุ่นจากร่างกายของใครอีกคนยังคุกรุ่นอยู่ในอ้อมกอดเขา หัวใจที่คล้ายว่าจะล้มหายตายจากเขาไปนานแล้วกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง และดูจะสูบฉีดเลือดได้ดีกว่าที่เคยเป็นมา เขายิ้มให้กับตัวเองอย่างเขินอายเมื่อนึกถึงช่วงเวลาก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง
“ส่งแค่นี้ก็พอคะ ดึกมากแล้วคุณควรจะพักผ่อน” ฮโยยอนเอ่ยขึ้นมาเมื่อทั้งคู่มาหยุดที่หน้าห้องพักของเธอ จงฮยอนยังกุมมือเธอไว้ตลอดจนกระทั่งตอนนี้ เขาไม่ได้มีท่าทีขัดแย้งกับคำพูดของเธอ แต่กลับไม่ยอมปล่อยมือเธอ
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้คะ” เธอทำท่าจะหันหลังไปเปิดประตูห้องทั้ง ๆ ที่เขายังจับมือเธอไว้ ฮโยยอนจำต้องหันกลับมาหาเขาอีกครั้งแล้วยิ้มออกมาพร้อมกับตั้งคำถามกับเขาด้วยสายตา
“Good night ครับ” เขายังคงยิ้มอยู่ตลอดเวลา
“เช่นกันคะ” คราวนี้จงฮยอนจึงยอมปล่อยมือจากเธอ เขาอยากจะรอให้แน่ใจว่าเธอเข้าห้องเรียบร้อย จึงยังไม่เดินจากมา จงฮยอนสังเกตได้ว่าเธอดูลังเลเหมือนมีปัญหาที่จะต้องเข้าไปภายในห้อง ก่อนที่เขาจะตั้งคำถามกับเธอ ฮโยยอนก็หันกลับมาหาเขาเสียก่อน เขาเอียงคอมองเธอด้วยความแปลกใจอะไรกันที่ทำให้เธอต้องหันหลับมาหาเขาอีก ก่อนที่เธอจะขยับเข้ามาใกล้เขาแล้วจุมพิตที่แก้มเขาเบา ๆ
“Kiss night คะ” เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มเขินอาย
“แต่คุณจะทำให้ผมนอนไม่หลับ”
“แต่คุณต้องไปนอนแล้วคะ” ฮโยยอนเปลี่ยนมาเป็นผลักหลังไล่ให้เขาจากไป จงฮยอนเพียงแต่เดินก้าวไปช้า ๆ ไม่ได้ขัดขืนการผลักไสจากเธอ
“แบบนี้ไม่แฟร์เลยนะ คุณมาจูบผมแล้วก็ไล่ผมไปนอนเหรอ” เขาทำท่าโอดครวญ ก่อนจะหันหน้ากลับมาหาเธอ ฮโยยอนดูตกใจนิดหน่อยตอนที่เขาหันกลับมาหาเธอแต่ก็ยังคงรอยยิ้มไว้ เขาชี้นิ้วไปที่แก้มอีกข้างแทนการขอร้องเธอ ฮโยยอนอดจะค้อนให้เขาไม่ได้
“เงื่อนไขเยอะจริงนะ” เธอตัดพ้อเขาเบา ๆ แต่ก็ดูเหมือนจะยอมทำตาม ก่อนจะเขย่งตัวขึ้นเพื่อให้สูงมากขึ้น พร้อม ๆ กับที่จงฮยอนโน้มตัวลงมาหาเธอ แต่แล้วก่อนที่จมูกของเธอจะสัมผัสที่แก้มของเขา จงฮยอนก็จงใจหันหน้าใบหน้าของเขามาหาเธอตรง ๆ ฮโยยอนชะงักไปทันทีที่ริมฝีปากของเธอสัมผัสกับริมฝีปากของเขา พร้อมกับที่เขารวบเอวเธอไว้
“เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น...” ถ้อยคำที่ดูเหมือนต่อว่า แต่น้ำเสียงกลับไม่ใช่
“กลัวคนอื่นมาเห็น งั้นเราก็เข้าไปในห้องสิ” เขาแกล้งเย้าเธอ ฮโยยอนทุบลงเบา ๆ ที่อกหน้าของเขาก่อนจะค้อนให้เขาอีกครั้ง
“กลับไปได้แล้ว...ไม่งั้นคุณตายแน่” จงฮยอนฟังแล้วหัวเราะออกมาก่อนจะปล่อยเธอให้เป็นอิสระ ฮโยยอนยังจ้องเขาไม่วางตา ไม่ไว้ใจว่าเขาจะมาไม้ไหนอีก เขาถอยหลังไปเพียงก้าวเดียวก่อนจะฉวยโอกาสจูบที่แก้มนวลของเธออีกครั้ง
“Kiss night ขอโทษนะถ้าผมจะทำให้คุณนอนไม่หลับ” เขาเผยยิ้มที่มุมปากก่อนจะยักไหล่ให้เธอแล้วเดินจากไป ฮโยยอนมองตามหลังเขาไปจนพ้นสายตา ก่อนจะยิ้มให้กับตัวเอง คืนนี้เขาคงจะทำให้เธอนอนไม่หลับจริง ๆ อย่างที่เขาพูด แต่เขาก็คงไม่เคยรู้เลยว่าก่อนหน้านี้ก็มีหลายคืนที่เธอไม่อาจนอนหลับเพราะเขา แต่ความรู้สึกช่างแตกต่างกับคืนนี้ ....หากว่าคืนนี้จะต้องนอนไม่หลับเพราะคิสไนท์จากเขา เธอก็พร้อมจะอดนอนได้ทุกคืน
จงฮยอนยันตัวเองลุกขึ้นจากเตียงนอนพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังเปื้อนอยู่ที่ใบหน้า ความสุขที่ยังสดใหม่ราวกับว่าเพิ่งผ่านไปไม่กี่นาที เธอจะรู้บ้างไหมว่าเธอทำให้เขานอนไม่หลับ กว่าจะหลับก็เกือบจะเช้าแล้ว แต่แทนที่จะหมกตัวอยู่บนเตียงนอนเหมือนที่เคยเป็นมา กลายเป็นว่าเขาไม่อยากจะนอนเพื่อให้วันเวลาเสียเปล่าไปมากกว่านี้ ในเมื่อรู้แล้วว่าในทุก ๆ วันเขาควรตื่นมาเพื่อใครและทำอะไรบ้าง ความรู้สึกลึก ๆ ข้างในกำลังบอกกับเขาว่านับจากนี้ไปเพลงรักก็คงจะเขียนได้ง่ายขึ้น และจะไม่มีจงฮยอนผู้เย็นชาคนนั้นอีกต่อไป
หากเปรียบร่างกายของคนกับงานศิลปะ ชายหนุ่มผู้หลับใหลอยู่บนเตียงนอนในเวลานี้ก็คงจะเป็นงานศิลปะชิ้นเอกที่จิตรกรมือหนึ่งบรรจงสรรสร้างขึ้นมาเป็นอย่างดี ใบหน้าที่งดงามราวกับเทพบุตรในเทพนิยายถูกล้อมกรอบด้วยเส้นผมยาวสลวยที่แม้จะดูยุ่งเหยิงแต่กลับดูเหมือนว่าเป็นภาพวาดที่จิตกรบรรจงวาดขึ้นมาให้ดูมีชีวิตชีวา เขากำลังนอนคว่ำหน้าลงกับหมอนและมีผ้าห่มขาวสะอาดตาปกปิดไว้เพียงครึ่งท่อนบนเผยให้เห็นแผ่นหลังกว้างที่เปลือยเปล่า เรียบเนียนราวกับหินอ่อนแต่ทว่ากลับดูแข็งแรงด้วยกล้ามเนื้อกำยำตามแบบฉบับของผู้ชาย เปลือกตาที่หนาและหนักค่อย ๆ เปิดขึ้นช้า ๆ ราวกับว่าเขายังไม่พร้อมจะตื่นจากการหลับใหล
“พี่ครับ....” จองชินเอ่ยคำแรกออกจากปากเขาทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตาดี
“ตื่นแล้วเหรอ” เจ้าของเสียงหวานแทบจะตอบรับเขาในทันที กยูรินั่งอยู่ที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกับบรรจงแปรงผมของเธอไปพร้อมกับการมองเขาผ่านกระจก
“เช้าแล้วเหรอ...มิน่าล่ะหิวจังเลย” เขาเรียกร้องเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ นอกจากลืมตาและพูดออกมาดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ขยับส่วนอื่นใดของร่างกาย
“ลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วก็ลงไปหาอะไรกินข้างล่างกัน” เธอย้ายตัวจากหน้ากระจกมานั่งลงบนเตียงนอนข้าง ๆ เขา
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ... อยากกินบนนี้ เราโทรตามรูมเซอร์วิสดีกว่า”
“ขี้เกียจเกินไปแล้วนะ” เธอเอื้อมมือไปจับปอยผมของเขาทัดหูก่อนจะพูดออกมา จองชินค่อย ๆ พลิกตัวช้าเพื่อให้มองหน้าเธอได้ชัดขึ้นก่อนจะยันตัวขึ้นพิงหัวเตียงในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน
“ใครบอกล่ะ ถ้าลงไปข้างล่างเราก็ต้องแยกกันกินสิ ผมอยากร่วมโต๊ะกับพี่ต่างหาก” กยูริฟังแล้วยิ้มออกมาด้วยความพอใจ จองชินขี้อ้อนและรู้วิธีจัดการกับความสามารถพิเศษข้อนี้ของตัวเองเป็นอย่างดี “พี่ต้องไปเช้านี้เหรอครับ” เขาตั้งคำถามก่อนจะดึงมือเธอมากุมไว้ เธอยิ้มพร้อมกับพยักหน้าแทนคำตอบ “แย่จัง...” เขาตัดพ้อเบา ๆ
“มันเป็นเรื่องที่เราต้องทำตัวให้ชินกับมันไม่ใช่เหรอ” เธอพูดพร้อม ๆ กับลูบผมเขาคล้ายจะปลอบโยน จองชินค่อย ๆ ขยับมาใกล้เธอพร้อมกับหยุดมือของเธอไว้ที่ข้างแก้มของเขา
“จะมีวันไหนมั๊ยที่เราตื่นนอนขึ้นมาแล้วไม่ต้องแยกจากกันแบบนี้ ทำไมเหมือนเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นซ้ำ ๆ “ จองชินดูเหมือนจะตัดพ้อโชคชะตา
“เมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ เราก็คงไม่ต้องแยกจากกัน ถ้าเธอยังต้องการให้เป็นแบบนั้นอยู่” จองชินฟังแล้วก้มหน้าลงจุมพิตเบา ๆ ที่ฝ่ามือเธอ
“ผมไม่เคยเปลี่ยนใจ ผมอาจจะไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วผมต้องการทำหรือเป็นอะไร แต่ไม่มีทางที่ผมจะไม่รู้ใจตัวเอง”
“พี่อายุมากกว่าเธอ อีกไม่นานพี่จะไม่สาวไม่สวย เธออาจจะอยากไปพบกับคนที่เด็กกว่าหรือเท่า ๆ กับเธอ พี่เข้าใจความจริงข้อนี้ดี” จองชินไม่พูดอะไรต่อจากนั้นอีก เขาเพียงแต่ดึงร่างบางมากอดไว้ ก่อนจะจูบที่แก้มเธอเบา ๆ “จองชิน พี่กลัวจริง ๆ พี่รักเธอทั้ง ๆ ที่พี่ก็ยังหวั่น เราสองคนมารักกันได้ยังไง”
“ทำไมพูดถึงพูดอะไรแบบนี้ ผมรักพี่ เรารักกันมีอะไรให้กลัวอีก” กยูริฟังแล้วเงยหน้าขึ้นมาจ้องตาเขา เธอไม่ได้ร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้ยิ้มเหมือนก่อนหน้านี้
“จองชิน เธอฟังพี่นะ เธอกำลังจะไปได้ไกล ไกลมากกว่าจุดสูงสุดที่พี่เคยผ่านมาเสียอีก อีกไม่นานทุกอย่างจะเปลี่ยนไป พี่ไม่อยากเป็นตัวถ่วงเธอ” จองชินฟังแล้วยิ้มออกมาเขาไม่แปลกใจสักนิดที่เธอพูดอะไรแบบนี้ อะไรที่ทำให้เธอผลักไสเขาในตอนแรก อะไรที่ทำให้เธอหลีกเลี่ยงที่จะบอกใครต่อใครว่าเขาเป็นอะไรกับเธอ สิ่งนั้นก็เพราะเธอกลัวว่าตัวเองจะไม่ดีพอสำหรับเขา ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะเธอห่วงเพียงแค่เขาเท่านั้น
“สิ่งที่พี่กลัวมันจะไม่มีวันเกิดขึ้น ขอแค่พี่เชื่อมั่นในความเป็นเราก็พอ ต่อให้ผมต้องไปไกลกว่านี้อีกแค่ไหน ผมก็จะเอาพี่ไปด้วย พี่จะต้องเป็นคนที่อยู่เคียงข้างผมในวันที่ผมประสบความสำเร็จ ไม่มีทางและไม่มีวันจะเป็นคนอื่น” ดวงตาคู่สวยยังคงสบตาคู่คมนิ่ง... ความกลัวในหัวใจไม่ได้จางหายไป แต่คำพูดของเขาทำให้เธอกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน หากเขายืนยันจะอยู่เคียงข้างเธอก็พร้อมจะฝ่าฟันและบากบั่นกับหนทางข้างหน้า ....แม้จะรู้ดีว่ามันไม่ง่ายเลย
ยงฮวาเฝ้ามองนางฟ้าที่กำลังหลับใหลด้วยความลุ่มหลง นางฟ้าที่เขาเฝ้ามองได้อย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย ไม่ว่าเธอจะทำอะไร พูดอะไร เขาก็อยากจะมองเธออยู่แบบนี้ ดวงหน้ากระจ่างใสแม้ในยามที่ไร้เครื่องสำอางมาแต่งเติมก็ยังคงงดงามไร้ที่ติ
เพราะอะไรเธอจึงได้ขมวดคิ้วในยามหลับแบบนี้ หรือว่าในฝันของเธอมีใครมาทำอะไรไม่ดีกับเธอ เขาจ้องมองหัวคิ้วที่กำลังขมวดเข้าหากันของเธอด้วยความสงสัย ก่อนจะค่อย ๆ เอื้อมมือของเขาไปแตะที่หว่างคิ้วเธอ ด้วยหวังว่าจะช่วยทำให้เธอหยุดฝันร้ายได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นการปลุกเธอให้ตื่นจากนิทรา ดวงตากลมโตค่อย ๆ ถูกเผยออกมาหลังจากที่เปลือกตาหนักหนาได้เปิดออก เธอจ้องเขาด้วยความแปลกใจ ทำไมเขาถึงได้ขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วยังมายุ่งกับคิ้วของเธออีก
“มีอะไรเหรอคะ” เธอถามออกมาด้วยความแปลกใจ เขาจึงชักมือกลับมาก่อนจะยิ้มออกมา
“พี่กำลังสงสัยว่าเธอจะฝันร้าย พี่ก็เลยจะช่วยไล่ฝันร้ายให้ไง”
“ฝันร้าย??? ชั้นไม่ได้ฝันอะไรคะ”
“อ้าวเหรอ...” ยงฮวาดูเขิน ๆ ไป “เอ่อ... ทานอาหารเช้ามั๊ย พี่เตรียมไว้ให้แล้ว” เขาเปลี่ยนเรื่องก่อนจะเดินไปจัดแจงอาหารที่โต๊ะมุมห้อง ทั้ง ๆ ที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรให้จัดแล้ว ซอฮยอนมองตามเขาไปด้วยความแปลกใจ ทำไมเขาถึงได้ดูตลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะลงจากเตียงแล้วเดินไปหาเขา ยงฮวารีบจัดแจงดึงเก้าอี้ให้เธอก่อนที่จะนั่งลงตรงกันข้ามกับเธอ ซอฮยอนยิ้มออกมาด้วยความแปลกใจ จริงอยู่ที่ยงฮวามักจะเอาใจเธออยู่เสมอ แต่ครั้งนี้ดูเขาพยายามมากจนไม่เป็นธรรมชาติ
“พี่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เธอตั้งคำถามกับเขาด้วยความแปลกใจ ยงฮวาเลิกคิ้วใส่เธอด้วยความแปลกใจเช่นกัน เขาทำอะไรที่แปลกไปงั้นหรือ “พี่ต้องทำอะไรไม่ดีแน่ ๆ เลย” ซอฮยอนพูดอย่างคนรู้ทัน ยงฮวาส่ายหน้าในทันที
“พี่จะทำอะไรไม่ดีได้ไง เราอยู่ด้วยกันทั้งคืน ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องรู้สิ” ซอฮยอนฟังแล้วนิ่งคิดไป บางทีเธออาจจะคิดมากไปเอง “ทานเถอะ พี่หิวจะแย่แล้ว” เขาจับช้อนใส่มือให้เธอก่อนจะมองเธอด้วยความตั้งใจ ราวกับว่าเขาอยากให้เธอทานอาหารตรงหน้ามากจนหน้าแปลกใจ ซอฮยอนมองเขาอีกที ยงฮวาจึงได้รู้ว่าเขาไม่ควรจ้องเธอ
“โอ๊ะ...” เสียงซอฮยอนอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจเมื่อได้เห็นสิ่งแปลกปลอมที่ซุกซ่อนอยู่ในถ้วยข้าวของเธอ ยงฮวาได้ยินชัดเจนแต่แกล้งทำเฉยทานอาหารต่อ ก่อนที่ซอฮยอนจะหยิบแหวนเพชรวงงามที่กำลังส่องประกายระยิบระยับขึ้นมาในถือไว้ “พี่ยงฮวา...” เธอเรียกชื่อเขาออกมาด้วยนำเสียงตื่นเต้น ยงฮวาเงยหน้ามามองเธอพร้อมรอยยิ้มในทันที
“นี่เราต้องแจ้งโรงแรมนะคะ เชฟที่นี่ทำแหวนหล่นในอาหาร” เธอพูดออกมาด้วยความซื่อ พอได้ฟังดังนั้นบงฮวาก็ถึงกับตาโต ทำไมนางฟ้าของเขาถึงไม่เข้าใจเรื่องโรแมนติกแบบนี้บ้างเลย
“มันเป็นของพี่เอง..” น้ำเสียงของเขาดูเสียความมั่นใจไป
“ห๊ะ...จริงเหรอคะ แล้วมันมาอยู่ในนี่...” ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบประโยคก็ดูเหมือนว่าบางส่งบางอย่างจะผ่านเข้ามาในความคิดเธอเสียก่อน เธอยกมือขึ้นปิดปากพร้อมกับตาที่เบิกกว้าง เธอละเลยสิ่งนี้ไปได้ยังไงกัน หลังจากประเมินสถานการณ์แล้วยงฮวาคิดว่าเธอคงเข้าใจว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร เขาหยิบแหวนมาจากมือเธอ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วค่อย ๆ คุกเข่าลงตรงหน้านางฟ้าของเขา สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้างดงามที่ตอนนี้ยังคงตกใจไม่หาย
“ซอฮยอน พี่ไม่อยากเข้านอนเพียงลำพัง แล้วตื่นขึ้นมาในตอนเช้าคนเดียวอีกแล้ว” เขาคว้ามือเธอมากุมไว้ ราวกับว่าจะให้ความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีต่อเธอได้ส่งผ่านไปหาเธอ
“พี่ยงฮวา...” เธอเรียกชื่อเขาออกมาเบา ๆ รับรู้และเข้าใจว่าเขารู้สึกอย่างไร
“คุณซอจูฮยอน ผมจองยงฮวาเป็นแค่นักดนตรีธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่รักคุณหมดทั้งหัวใจที่มี ด้วยความรักทั้งหมดนี้คุณจะให้เกียรติแต่งงานกับผมได้มั๊ย” เขาสบตาเธอนิ่ง... รอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ เพียงเสี้ยววินาทีที่เข็มนาฬิกาเดินไปก็รู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปหลายล้านปีแสง
แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าผู้ชายตรงหน้าเธอในตอนนี้รักเธอมากมายเพียงใด แต่เธอก็ยังตื้นตันกับสิ่งที่เขาพยายามทำให้เธอในตอนนี้ ไม่มีเสียงตอบ มีเพียงแต่หยาดน้ำใส ๆ ที่เอ่อท้นมาที่สองตา ทำให้ภาพชายหนุ่มที่กำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเธอในตอนนี้พร่าเบลอ
“พี่ไม่ได้จะเร่งรัดอะไร รับแหวนนี้ไว้ ถ้าเธอพร้อมเมื่อไหร่ สวมมันให้พี่เห็น” ซอฮยอนยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา รักแรกและรักเดียวของเธอ...ไม่มีทางเป็นใครอื่นนอกจากเขา “ได้ไหม...” ยงฮวาดูเหมือนจะต้องการความมั่นใจจากคำขอร้องของเขา เธอพยักหน้าเบา ๆ แทนการรับคำ
เพราะรักย่อมเข้าใจในรัก รักที่ไม่ต้องการสิ่งอื่นใดนอกจากการได้อยู่เคียงกันในทั้งยามสุขและทุกข์ ยงฮวาค่อย ๆ จับมือของซอฮยอนให้หงายขึ้นแล้ววางแหวนเพชรวงงามลงในอุ้งมือเธอ ก่อนจะให้เธอกำมันไว้ในมือ เขาค่อยขยับตัวเข้าไปใกล้เธอก่อนจะประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากงาม ซอฮยอนหลับตานิ่งพร้อมกับกำแหวนที่เขามอบให้เธอด้วยหัวใจเอาไว้ในมือ รับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่รินรดอยู่ตรงปลายจมูกเธอ ริมฝีปากของเขาที่ประทับรอบจูบอยู่บนริมฝีปากเธอ ในความเป็นจริงแล้วเธอไม่เคยต้องการอะไรมากไปกว่าความรักจากเขา เพียงแค่เขารักเธอ...เพียงเท่านี้เธอก็เป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจ
กว่าจะอัพนานไปมั๊ย... ขอโทษนะคะ เพราะว่าติดตรงพี่ยงสิบล้อจอมอิโรติคเนี่ยแหละ เล่นเอาไรเตอร์หมดมู้ด พยายามสร้างพี่ยงให้เป็นชายหนุ่มผู้แสนอ่อนโยนไม่ไหวเลยทีเดียว.... มาครบทุกคนสี่หนุ่ม แบ่ง ๆ กันไป พาร์ทนี้ยังไม่จบนะคะ ก็ GDA เขามีตั้งสองวันไม่ใช่เหรอ เพิ่งได้วันเดียวเอง...
ความคิดเห็น