ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [YongSeo Story] Part 4 Protect the love.

    ลำดับตอนที่ #7 : World Apart.

    • อัปเดตล่าสุด 30 ธ.ค. 54


     






    มินฮยอกหมุนตัวไปมาอยู่หน้ากระจก  เปลี่ยนแจ๊กเก๊ตตัวที่เท่าไหร่แล้วเขาเองก็จำไม่ได้  รู้เพียงแต่ว่าอยากดูดีและสุภาพในเวลาเดียวกันนี่มันช่างทำได้ยากเหลือเกิน  เสื้อผ้าที่เขามีดูแฟชั่นและสีฉูดฉาดมากเกินไป  จองชินนั่งมองเพื่อนรักแล้วอดขำกับท่าทางตลก ๆ ของเขาไม่ได้

    “นายจะออกไปไหนกันแน่  ถึงได้ดูวุ่นวายขนาดนี้” 

    “ไปโบสถ์”  มิฮยอกหันมาตอบแล้วมุ่งความสนใจไปที่เงาตัวเองในกระจกอีกครั้ง

    “ไปโบสถ์???  นี่....เพื่อนรัก  ชั้นน่ะยังรัก โลภ โกรธ หลงอยู่เลย  แล้วอยู่ดี ๆ นายมาบอกว่าจะไปโบสถ์เนี่ยนะ  ไม่น่ากลัวไปหน่อยเหรอ”

    “เรื่องแบบนี้คนอย่างนายไม่เข้าใจหรอก”  มินฮยอกพูดไปพลางหมุนตัวเองไปมา

    “ไปเดท??”  จองชินตลกกับคำพูดของตัวเอง

    “ทำไม  คนอย่างคังมินฮยอกจะไปเดทบ้างไมได้เหรอ  ที่นายยังไปได้เลย”  มินฮยอกฉุนเฉียวที่เพื่อนรักเห็นเขาเป็นตัวตลก

    “อย่าโกรธสิ  แค่แปลกใจ  ว่าแต่กับใคร...คราวนี้ไม่เห็นนายพูดถึงเลย”  มินฮยอกฟังแล้วชั่งใจควรจะบอกเพื่อนรักให้รู้ดีไหม  หรือจะรอไปก่อน

    “เรียกเธอว่า นูน่า  นูน่าคนสวย”  ใจจริงอยากจะอวดแทบแย่  แต่ก็ตัดสินใจไม่พูดออกไป

    “นูน่าคนสวย”  จองชินนิ่งคิดใครกัน  เจ้าของดอกไม้ช่อนั้นหรือ

    “เอาตัวนี้แหละ”  ในที่สุดมินฮยอกก็ตัดสินใจเลือกแจ๊กเกตสีขาวสะอาดตา  จะไปโบสถ์ก็ต้องทำตัวให้ดูเหมือนเทวดาสินะ  แล้วหุนหันออกจากห้องไปทิ้งให้เพื่อนรักไขปริศนา X-men เพียงคนเดียว

     

     

     

    จงฮยอนเก็บตัวอยู่ที่ห้องซ้อมมาหลายวัน  วุ่นวายอยู่กับการเขียนเพลงใหม่  ทำดนตรีใหม่  จนไม่ได้ออกไปพบเจอใคร  ประตูห้องซ้อมถูกเปิดออกจากใครบางคนที่เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้เจอ ณ ที่แห่งนี้  ฮโยยอนพาร่างกระทัดรัดของเธอเข้ามาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรังในมือ  จงฮยอนแทบจะตั้งตัวไม่ติดกับการมาถึงของเธอ  เขาเอาแต่จ้องเธอที่เดินตรงมายังเขา  ทั้งยิ้มทั้งตกใจ  เธอคนนี้มักจะทำอะไรที่เขาคาดไม่ถึงเสมอ

    “เซอร์ไพรส์....”  ฮโยยอนดูร่าเริง  เพียงแค่ได้เห็นแววตาแปลกใจของคนตรงหน้า  เขารีบวางกีต้าร์ในมือลงกับขาตั้งของมันก่อนจะกุลีกุจอรับของมาจากเธอ

    “นี่เราจะกินกันหมดนี้เลยเหรอ”  ฮโยยอนพยักหน้า

    “ชั้นมีเวลา 3 ชั่วโมงก่อนที่จะต้องไปทำงาน  ดังนั้นนับจากตอนนี้เราจะเริ่มต้นชั่วโมงแรกด้วยการกิน”  จงฮยอนจัดแจงกางเก้าอี้พับออกให้เธอนั่งตรงหน้าเขา  ในขณะที่ฮโยยอนเริ่มค้นหาเป้าหมายในสัมภาระทั้งหมดที่เธอเอามาด้วย

    “แต่งเพลงไปถึงไหนแล้ว  รู้รึเปล่าว่าเขากำลังจะทำสงครามโลกกัน”  เธอแกล้งแหย่เขา  จงฮยอนหัวเราะ

    “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่” 

    “จองชิน ชินกู” 

    “โทรหาจองชิน  แต่ไม่โทรหาผม”  คำพูดดูน้อยใจแต่น้ำเสียงของเขากลับดูเหมือนพร่ำบ่นมากกว่า

    “คุณก็ไม่โทรหาชั้น  ถือว่าเราหายกัน”  จงฮยอนหัวเราะออกมาเบา ๆ ไม่เห็นว่าจะหายกันตรงไหน  ก็แค่โทรหรือไม่โทร

    “ช่วงเวลาที่เราไม่พบกัน  คุณมีความสุขดีหรือเปล่า”  จู่ ๆ เขาก็ตั้งคำถามแปลก ๆ ออกมา

    “หมายถึง....เรื่องอะไร”  เธอสะดุดในคำพูดของเขาอะไรบางอย่างสะกิดใจ  เขาสงสัยเรื่องแบบนี้ทำไมกัน  จงฮยอนเงียบไปไม่ตอบคำถาม  หันไปให้ความสนใจกับอาหารที่ฮโยยอนนำมาด้วยแทนที่จะรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง  ทั้งคู่นิ่งเงียบไปนาน  ต่างฝ่ายต่างรอให้ฝ่ายตรงข้ามพูดออกมาก่อน

    “ชั้นเคยมีความสุขดี  ก่อนที่เราจะมาเจอกัน”  ในที่สุดฮโยยอนก็พูดออกมาก่อน

    “หมายความว่า...ตอนนี้คุณไม่มีความสุข”

    “มี...แต่มันไม่มากเหมือนที่คิดไว้”  เธอตอบเขาด้วยความซื่อสัตย์  บางทีอะไร ๆ มันอาจจะดีขึ้นหากได้เปิดใจคุยกัน  จงฮยอนเม้มปากแน่นหลังได้ยินคำตอบ

    “ผมคงดูแลคุณได้ไม่ดี  ผมขอโทษ”

    “ชั้นรู้ดีว่านี่คือธรรมชาติของคุณ  แต่ชั้นก็หวังว่าคุณจะเปลี่ยนมันบ้าง  เปลี่ยนเพียงเล็กน้อยเพื่อชั้น”  เธอก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขาขณะที่พูดความจริงในใจออกมา 

    “ผม....เปลี่ยนตัวเองไม่ได้  เปลี่ยนให้เป็นแบบคนอื่นผมคงทำไม่ได้”  เขาหลุดคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากได้ยังไงกัน  สิ้นคำพูดนั้นหยดน้ำใส ๆ จากตาของคนอ่อนไหวที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ร่วงพราว  เขาอึ้งไปจนทำอะไรไม่ถูก  แค่อยากจะอธิบายให้เธอเข้าใจ

    “ชั้นคงหวังมากไป”  ฮโยยอนกล้ำกลืนก้อนน้ำตาก่อนจะตัดพ้อออกมา

    “ผมแค่อยากอธิบาย  เราควรจะพูดคุยกันแบบเปิดอกได้  ใช่มั๊ย”  เธอปาดน้ำตาก่อนจะฝืนยิ้มออกมา

    “เราคงต้องให้เวลากับเรื่องนี้มากกว่านี้  บางทีเราคงต้องมีเวลาสำหรับทบทวนความสัมพันธ์ของเราสองคน”  เธอพูดแต่ละคำออกมาอย่างยากลำบาก  จงฮยอนจ้องเข้าไปในดวงตาคมที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำใส ๆ ของคนตรงหน้าเขา  เธอกำลังพยายามบอกเรื่องเลวร้ายกับเขาอยู่หรือไง

    “คุณมาหาผมถึงที่นี้  เพื่อจะมาพูดเรื่องนี้งั้นเหรอ”  เธอส่ายหน้า

    “ชั้นกำลังพยายามรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเราไว้  แต่เท่าที่ดูเหมือนเราสองคนกำลังชินกับความห่างไกล”  คำพูดของเธอแทบจะอธิบายความรู้สึกของเขาได้หมดจด  เขามีความสุขกับการที่ได้รับรู้ว่ามีคนที่ตัวเองรัก  แต่เขากลับไม่กระตือรือร้นที่จะรักษาความสัมพันธ์เอาไว้  คนแบบเขา  คนที่ไม่เคยวิ่งตามใคร  แค่เพียงเท่านี้ก็มากเกินที่เขาเป็น  จงฮยอนเป็นฝ่ายก้มหน้าบ้าง  นี่เป็นโอกาสให้ฮโยยอนได้ระบายความรู้สึกในใจออกมา

    “ชั้นมาที่นี่เพียงเพราะต้องการพบคุณ  ฉันยอมเสียเวลาอันมีค่าเพียงเพื่อให้เราได้มาอยู่ใกล้กันมากขึ้นแค่ไม่กี่นาที  ตอนนี้ความรู้สึกของฉันมันเหมือนฉันวิ่งตามไขว่คว้าอะไรสักอย่างที่นับวันยิ่งไกลห่างออกไปเรื่อย ๆ  แต่เท่าที่ดูคุณสุขสบายดี”  เธอพูดออกมาตรง ๆ แม้จะเสียงสั่นเพราะความน้อยใจ  แต่ไม่ได้ฟูมฟาย  จงฮยอนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร  เขาทำได้เพียงดึงร่างบางเข้ามากอดไว้  เขาเปลี่ยนตัวเองไม่ไหว  ให้เปลี่ยนไปเหมือนคนอื่นเขาคงทำไม่ได้  แต่จะทำยังไงหากจะต้องเสียเธอไปจริง ๆ ฮโยยอนเพียงแต่ยืนนิ่งในอ้อมกอดเขา  ไม่ได้รู้สึกดีเหมือนทุกครั้งที่เคยได้รับสัมผัสจากเขา  มีเพียงเสียงสะทกสะท้อนในใจที่บอกกับเธอว่าเธอควรให้เวลาหัวใจได้พักเสียที

     

     

    มินฮยอกพาตัวเองมายืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าโบสถ์  เขาดูไม่คุ้นเคยและเหมือนว่าสถานที่แบบนี้จะไม่เหมาะกับเขา  ในขณะที่กำลังรอการมาถึงของใครบางคนเขาเองก็ยังหวั่นว่าจะมีใครสักคนที่รู้จักเขา  มาพบเข้าโดยบังเอิญ  รถยนต์คันหรูมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาก่อนที่หญิงสาวที่เขาเฝ้ารอจะก้าวลงมาจากรถ  เธออยู่ในชุดลำลองสบาย ๆ ชุดกระโปรงสีขาวที่ยาวจนถึงข้อเท้าไม่ได้ทำให้ดูรุ่มร่าม  แต่มันกลับทำให้เธอดูเหมือนนางฟ้าเสียมากกว่า  เขาปรี่เข้าไปช่วยปิดประตูรถให้เธอทันที  ทิฟฟานี่อดตลกไม่ได้กับท่าทีของเขา

    “รอนานรึเปล่า”  เธอตั้งคำถามแทนที่จะทักทายเขา

    “ไม่ครับ  ผมก็เพิ่งมาถึง”

    “งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”  พูดจบเธอก็เดินนำเขาไป  มินฮยอกรีบสาวเท้าเดินตามเธอไปติด ๆ 

    ภายในโบสถ์ดูเงียบสงบ  นี่ไม่ใช่วันหยุดจึงไม่มีใครมาที่นี่  ทิฟฟานี่สัมผัสได้ถึงความสงบภายในจิตใจของตนเองทันทีที่เข้ามาไปในนั้น  มินฮยอกเดินเคียงข้างเธอไปช้า ๆ ไม่เคยคิดจะมาโบสถ์แบบจริงจัง  แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าที่นี่สวยงามเหลือเกิน  ทั้งคู่กำลังเดินอยู่บนพรมสีแดงอันเป็นสัญลักษณ์แห่งเส้นทางไปสู่ความสุขทั้งปวง  เมื่อเกิดคนเราก็มาทำพิธีที่นี่ด้วยความปิติยินดี  เมื่อโศกเศร้าที่แห่งนี้ก็ใช้เป็นที่พักพิงใจ  เมื่อมีมีความรักที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ประกาศสถานภาพแห่งรักแท้  และเมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิตทุกคนจะมาสดุดีผู้จากไป ณ ที่แห่งนี้

    “ผมต้องทำอะไรบ้าง”  มินฮยอกหันไปถามเธอด้วยความใส่ใจ

    “สวดมนต์  ที่นี่มีหนังสือให้เราสวดมนต์  และนายก็สามารถขอพรจากที่นี่ได้”  ทิฟฟานี่ดูมีความสุข  หลังจากนั้นเธอจึงพาให้เขาไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านหน้าสุด  แนะนำให้เขาสวดมนต์ตามเธอ  แม้จะดูไม่คุ้นเคยแต่มินฮยอกก็เต็มใจจะทำตาม  โบสถ์ทั้งโบสถ์เงียบสงบมีเพียงเสียงพึมพำจากการสวดมนต์ของทั้งคู่  เวลาผ่านไปครู่ใหญ่  นานพอที่บทสวดมนต์จะจบลง

    “นูน่าขอพรว่าอะไรครับ”  มินฮยอกสงสัย

    “แล้วนายล่ะขอพรว่าอะไร”  มินฮยอกส่ายหน้า  ไม่บอก

    “นูน่าไม่อยากรู้หรอกครับ”  ทิฟฟานี่เอียงคอสงสัย  อะไรที่เขาขอแล้วเธอไม่อยากรู้   บาทหลวงประจำโบสถ์เดินตรงมายังทั้งคู่  ทิฟฟานี่หันไปทำความเคารพอย่างคุ้นเคย 

    “ทิฟฟานี่....เองเหรอ  พ่อนึกว่าเป็นคนอื่นซะอีก”  บาทหลวงทักทายเธออย่างเป็นกันเอง  เธอยิ้มก่อนจะหันไปแนะนำตัวให้มินฮยอก

    “นี่คังมินฮยอกคะหลวงพ่อ  เขาเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก”  บาทหลวงฟังแล้วพยักหน้าเข้าใจ

    “นี่จะแต่งงานเหรอ  พ่อหนุ่มคนนี้ช่างโชคดีเสียจริง”  บาทหลวงพูดพร้อมกับเผยยิ้มออกมา  มินฮยอกยิ้มร่าเก็บอาการไม่อยู่  บาทหลวงรูปนี้ต้องดูดวงแม่นมากแน่ ๆ

    “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”  มินฮยอกรีบโค้งคำนับให้เขาคล้ายว่าจะตอบรับสิ่งที่บาทหลวงรูปนี้คิดอยู่

    “ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ”  ทิฟฟานี่รีบแก้ตัวพัลวัน

    “ยังไม่แต่งตอนนี้งั้นเหรอ”  บาทหลวงยังพาซื่อ  ทิฟฟานี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่  ไม่รู้จะอธิบายยังไง  ผิดกับมินฮยอกที่เริงร่ากับความเข้าใจผิดนั่น

     

    บรรยากาศรอบ ๆ ศาสนพิธีแห่งนี้ช่างเงียบสงบ  คู่ตาหยีกำลังเดินทอดน่องอย่างสบายอารมณ์ในสนามหญ้าที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยรูปปั้นกรีกมากมายและต้นไม้ที่ให้ดอกสีขาว  เพราะเป็นช่วงสายของวันที่แดดกำลังสดใสอากาศจึงเย็นสบาย  สายลมเอื่อย ๆ พัดมากระทบร่างทั้งคู่เพียงเบา ๆ  มินฮยอกรู้สึกราวกับล่องลอยอยู่ในสวรรค์ที่มีนางฟ้ากำลังเดินเคียงข้างเขา

    “นูน่ายังไม่บอกเลยครับว่าขอพรอะไร” 

    “นายก็ยังไม่บอกเหมือนกันนี่”  มินฮยอกหัวเราะเบา ๆ

    “บาทหลวงรูปนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ เลย  สามารถหยั่งรู้ถึงพรที่ผมขอด้วย”  ทิฟฟานี่ชะงักหยุดเดินแล้วหันมาจ้องหน้าเขาในทันที

    “อะไรนะ”  เธอดูตกใจ  ไม่ได้โกรธ

    “นั่นแหละครับ  พรที่ผมขอ”  มินฮยอกยิ้มจนตาหยีแล้วเดินนำหน้าเธอไป  ทิฟฟานี่ถอนหายใจเบา ๆ อดยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้  ขอให้ได้แต่งงานกับเธออย่างนั้นหรือ  กล้ามากเลยนะเจ้าตี๋น้อย

     

    กยูริวุ่นวายอยู่กับการซ้อมละครเวทีงานใหม่ที่แสนจะท้าทายของเธอ  แม้จะยากแต่เธอก็อยากจะลองทำให้ดีที่สุด  เสียงผู้กำกับสั่งพักนักแสดงต่างแยกย้ายไปประจำมุมของตัวเอง  ทีมงานคนหนึ่งเดินเข้าไปกระซิบส่งข่าวกับเธอ  ก่อนที่เธอจะพยักหน้าและปลีกตัวออกมาจากที่แห่งนั้น

    กยูริเดินลัดเลาะหลบสายตาผู้คนตรงมายังรถตู้ที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถใกล้ ๆ ก่อนจะเปิดประตูรถออกแล้วพบว่าไม่มีใครอยู่บนรถคันนั้น  เธอหันหลังกลับไปมองจนทั่วบริเวณ  มั่นใจว่าไม่ได้จำรถผิดคัน  ก่อนจะต้องตกใจสุดขีดมีใครบางคนกอดเข้าที่เอวพร้อมทั้งเอามือปิดปากไม่ให้โอกาสเธอได้กรีดร้องก่อนจะลากเธอเข้าไปในรถคันนั้น  ชั่วเวลาเพียงเสี้ยวนาทีเดียวที่เธอรู้สึกราวกับว่าชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย  ทำได้เพียงดิ้นร้นให้พ้นจากอันตรายครั้งนี้

    “ผมเองครับ”  เสียงคุ้นเคยกระซิบที่ข้างหู  เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา  หลังจากที่มือหนาของเขาพ้นจากปากของเธอ

    “เล่นอะไรบ้า ๆ”  ดูเหมือนว่าเธอจะงอน  ทำท่าจะหนีจะไปจากเขา  จองชินรั้งร่างบางนั้นเอาไว้ดึงเธอมาจนหลังของเธอแนบชิดอยู่กับอกหนาของเขา

    “ปล่อยนะ”  เธอยังขัดขืน  แทนทีจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระจองชินกลับยิ่งกระชับอ้อมแขนของเขาแน่นยิ่งขึ้น

    “อย่าดิ้นซิ....ผมอยากอยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน”  เขากระซิบข้างหูแผ่วเบา  กยูรินิ่งไปนั่นก็เป็นสิ่งที่เธอต้องการเหมือนกัน  จองชินถือโอกาสเกยคางไว้บนไหล่ของหญิงสาว  เธอเปลี่ยนจากการดิ้นรนมาเป็นเกาะกุมมือของเขาไว้

    “จะไปวันไหน...”  กยูริถามเสียงอ่อย

    “พรุ่งนี้ครับ....”

    “คราวนี้ไปจีน  แล้วจะไปไหนต่อ”

    “ตารางงานยาวเหยียดเลย....”

    “พี่ก็ไปออสเตรเลียนะ  เพิ่งเห็นตารางเมื่อวาน”  จองชินได้ฟังแล้วยิ้มร่า  ข่าวดีเสียจริง

    “จริง ๆนะ”  กยูริไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน  ก่อนที่เธอขยับตัวออกจากอ้อมแขนของเขา  แล้วหันไปจ้องหน้าเขาตรง ๆ

    “พี่ต้องไปทำงานต่อนะ....”  จองชินจ้องมองใบหน้าที่สวยหมดจดตรงหน้าแล้วฝืนยิ้มออกมา  อยากจะต่อเวลาอีกสักหน่อย

    “ผมคิดถึงพี่นะครับ”  เขาพูดออกมาพร้อมกับคว้ามือเรียวบางมาเกาะกุมไว้  กยูริไม่ตอบว่าอย่างไรเพียงแต่ขยับเข้าไปใกล้  แล้วจูบเบา ๆ ที่แก้มของเขาเป็นคำตอบแทนความรู้สึกในใจเธอ  เขาฉวยเอาร่างบางนั้นมากอดไว้แนบอก  อยากจะอยู่แบบนี้ให้นานเท่านาน  หากหยุดเวลาได้เขาคงจะทำอย่างไม่ลังเล  ขอเพียงแค่ได้มีเวลาอยู่กับเธอคนนี้เท่าที่ใจต้องการ

     











    เดี๋ยวนี้ไรเตอร์นิยมมาม่าบ่อยนะคะ  ชีวิตหวานเกินไปก็นะ.....  ตอนนี้ไม่มียงซอเลย  เก็บไว้ตอนหน้าเต็ม ๆ ไปเลยละกันคะ  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×