ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [YongSeo Story] Part 6 Land of Love.

    ลำดับตอนที่ #6 : Sweet Night never end^^

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 55


     



    จองชินกอดอกก้มหน้าก้มตาค่อย ๆ ก้าวเดินไปช้า ๆระมัดระวังไม่ให้ก้าวเร็วเกินไปราวกับว่ากลัวว่าใครอีกคนจะตามมาไม่ทัน  เขาเดินมาได้ครู่เดียวก็รู้สึกเหมือนว่าเดินลำพังอยู่เพียงคนเดียว  ไม่มีเสียงฝีเท้าหรือคำพูดใด ๆ ส่งเสียงให้ได้ยิน  เขาจำต้องหยุดเดินก่อนจะหันหลังกลับมา  ....เพื่อจะพบว่าไม่มีใครสักคนเดินตามเขา  จองชินสอดส่ายสายตามองหาจนทั่ว  จนแน่ใจว่าไม่มีใครเดินตามมาจริง ๆ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่  สีหน้าไม่พอใจ  ก่อนจะย่ำเท้ากลับไปตามทางเดิมด้วยความขุ่นเคืองในใจ  เพียงอึดใจเดียวก็พบกับกยูริที่ยังคงนั่งอยู่ที่หน้าร้าน  เธอดูมีท่าทีสบาย ๆ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร  หนำซ้ำยังส่งยิ้มให้เขาราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เขาหยุดตรงหน้าเธอก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวยตรงหน้า  ราวกับว่าจะพยายามอ่านใจว่าเธอคิดอะไรอยู่  กยูริจ้องกลับอย่างไม่ลดละพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉาบบนใบหน้าหวาน

    “คิดจะทำอะไร”  จองชินสะบัดหน้าหนีจากเธอ  หงุดหงิดที่เธอทำราวกับว่าไม่สนใจความรู้สึกเขาเลย

    “ฮืม....”  กยูริยังยิ้มหวานไม่รู้ร้อนรู้หนาว  ยิ่งเพิ่มความขุ่นเคืองในใจให้จองชินมากขึ้นไปอีก  “ก็แล้วทำอะไรล่ะ  จะไปไหนก็ไม่บอก  ใครจะกล้าเดินตาม  เดี๋ยวก็หลงทางกันพอดี”  จองชินถอนหายใจเฮือกใหญ่  หงุดหงิดใจมากขึ้นทุกที

    “นี่พี่ไม่สนใจผมเลยเหรอไง  รู้หรือเปล่าว่าผมกำลังไม่พอใจ  แล้วก็อยากให้พี่ง้ออยู่”  กยูริฟังแล้วแกล้งทำตาโตราวกับว่าเป็นเรื่องที่เธอได้ยินมาเป็นครั้งแรก

    “ห๊ะ...นี่เธอกำลังโกรธเหรอ  เห็นไม่พูดอะไรก็นึกว่าไม่อยากพูดเฉย ๆ “  จองชินฟังแล้วรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก  เขาตัดใจเดินหนีจากเธอขุ่นเคืองเกินจะต่อปากต่อคำ  กยูริแอบขำให้กับความใจน้อยของเด็กผู้ชายที่ดูจะโตแค่ตัว  ก่อนจะรีบวิ่งตามเขาไป  เธอควงแขนเขาก่อนจะเผยยิ้มหวานออกมา

    “จองชิน....อย่าโกรธไปเลยนะ  ก็พี่ไม่รู้นี่หน่าว่าเธอโกรธ”  กยูริแกล้งทำเสียงออดอ้อนเขา  จองชินใช้หางตามองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ  “จะให้ทำยังไงนะถึงจะหายโกรธ”  เธอยังคงใช้มาตรการเดิม 

    “ไม่ต้องมาพูดหรอก  พี่น่ะไม่เคยสนใจกันบ้างเลย”  ในที่สุดเขาก็แสดงความเป็นเด็กเล็ก ๆ ในตัวออกมา

    “ไม่สนใจเหรอ  ถ้าไม่สนใจจะมากับเธอทำไมล่ะ”  กยูริพูดพลางเอียงหัวซบที่แขนของเขา  จองชินหันมามองเธอแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  ทำไมถึงอดใจสั่นไม่ได้เลย  เพียงแค่กยูริขยับเข้ามาใกล้ก็เหมือนหัวใจของเขาจะหยุดเต้นได้ทุกครั้ง

    แสงไฟสลัวจากภายนอกอาคารส่องผ่านลอดชายม่านเข้ามาภายในห้อง  แม้จะไม่มีแสงมากพอให้มองเห็นอะไรได้ชัดเจน  แต่ยงฮวากลับมองเห็นดวงหน้างดงามตรงหน้าได้ชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใด  เขาตระกองกอดร่างบางไว้แนบอก  ปล่อยให้มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ลูบไล้ไปมาอยู่บนเรือนผมงาม  ร่างบางในอ้อมกอดที่เขาอยากจะประกาศความเป็นเจ้าของไปทุกตารางนิ้ว  ไม่เว้นแม้แต่ปลายเส้นผม

    “ซอฮยอน...พี่อายุมากแล้วนะ” 

    “ใครบอกกันคะ...”  ซอฮยอนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา  พร้อม ๆ กับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

    “พี่บอกอยู่นี่ไง  ดูสิปีนี่พี่แก่ไปตั้งเยอะ  เดี๋ยวก็ต้องเข้ากรมแล้ว...เวลามันผ่านไปเร็วจริง ๆ “  เขาถอนหายใจเบา ๆ เมื่อหวนคำนึงถึงวันเวลาที่ผ่านมา  “แต่งงานกับพี่เถอะนะ  เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนาน ๆ “

    “ตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันแล้วนี่คะ”

    “พี่อยากตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วเห็นเธออยู่ข้าง ๆ  ก่อนนอนก็ได้จูบลา  กลับบ้านก็ได้เห็นเธอรออยู่ที่ประตูหน้าบ้าน  ไม่ใช่แบบนี้”

    “ฉันรู้คะ แต่เงื่อนไขที่เรามีตอนนี้พี่ก็รู้”  แม้จะไม่เห็นใบหน้าของเธอชัดเจน  แต่ยงฮวาก็รับรู้ได้ดีถึงน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย  ซอฮยอนเองก็ไม่ต่างไปจากเขา  เขายิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม  หวังจริง ๆ ว่าจะหาทางออกให้กับความฝันและชีวิตจริงได้ในเวลาเดียวกัน 

    “พี่ไม่ควรอยากจะเป็นนักดนตรีเลย  ถ้าทำธุรกิจเหมือนที่พ่อกับแม่ต้องการ  เรื่องของเราคงไม่ลำบากขนาดนี้ “

    “แต่ถ้าพี่ไม่ใช่ CNBLUE  เราจะได้เจอกันเหรอคะ  ถ้าลีดเดอร์ของวงเป็นคนอื่นเราก็คงไม่มีวันนี้”  ซอฮยอนพยายามจะชี้ให้เขาเห็นข้อดีของการที่เขาเลือกทำตามความฝัน

    “พี่เคยนึกสงสัยว่า  ถ้าลีดเดอร์ยังคงเป็นจงฮยอนอยู่  คนที่อยู่กับเธอในตอนนี้จะใช่พี่หรือเปล่า”  ซอฮยอนฟังแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ

    “ถ้าไม่ใช่พี่  ชั้นก็คงไม่คิดจะรักใคร  ต่อให้ต้องแต่งงานกับพี่จงฮยอนหรือใครก็ตามในรายการ  ชั้นก็คงแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น”  ซอฮยอนพูดพร้อม ๆ กับจ้องเขาตาแป๋ว  “แล้วถ้ามักเน่ไม่ใช่ชั้นล่ะคะ  พี่จะรักผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า” 

    “รักสิ....”  ยงฮวาเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา  ซอฮยอนทำหน้าบูดใส่เขาในทันทีก่อนจะผลักเบา ๆ ที่อกเขา 

    “ผู้ชายก็แบบนี้แหละ...” 

    “พี่ล้อเล่น...”  เขาพูดพร้อมกลับดึงร่างบางมากอดไว้อีกครั้ง  “ถ้าเป็นใครก็ได้  พี่คงไม่รอจนมาเจอเธอหรอก” 

    “พี่ชอบแกล้งชั้นอยู่เรื่อย”  ซอฮยอนตัดพ้อเขา

    “รักหรอกถึงหยอกเล่น”  ยงฮวาพูดพร้อมกับยิ้มหวานจ้องเข้าไปในดวงตาสุกสกาวราวกับดวงดาวตรงหน้า  “ถ้าไม่ใช่ซอจูฮยอนคนนี้  พี่ก็ไม่คิดจะรักใคร...”  ราวกับว่าความรู้สึกที่มีจะส่งผ่านถึงเพียงแค่จ้องมอง  ซอฮยอนค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ ปล่อยให้จุมพิตแผ่วเบาสัมผัสลงบนหน้าผากมนงาม  ยงฮวาไม่อาจปล่อยให้ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ผ่านไปได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว  เขาค่อย ๆ ไล้ริมฝีปากหนาลงหน้าผากมนก่อนจะจรดที่ปลายจมูกคม  เรื่องที่ยากลำบากที่สุดในเวลาที่อยู่ด้วยกันคือการหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ก้าวล้ำข้ามสิ่งที่ถูกที่ควร  และเขาเองก็ไม่ทำได้เลยแม้แต่สักครั้งเดียว ค่ำคืนที่หอมหวานแม้จะไม่ยาวนานแต่เขาก็อยากจะตักตวงทุกความสุขที่มีเพื่อทดทดแทนทุกช่วงเวลาที่ต้องห่างไกลกัน 

     

     

    กยูริเดินตามจองชินมาจนถึงหน้าห้องพัก  ดูเหมือนว่าความโกรธที่จองชินมีต่อเธอในครั้งนี้จะมากกว่าทุกครั้ง  เขายังคงหน้าบึ้งและไม่ยอมพูดจาอะไรกับเธออีก  กยูริตัดสินใจวิ่งไปขวางเขาไว้ก่อนจะจ้องหน้าแล้วเริ่มต้นถามเขาอย่างจริงจัง

    “เธออยากให้พี่ทำยังไง  เธอถึงจะหายโกรธ”  จองชินเอียงคอมองเธอแต่ไม่ตอบ  กลับเดินเลี่ยงไปอีกทาง  กยูริจำต้องก้าวไปขวางทางเขาไว้อีกครั้ง  “จองชิน  อย่าล้อเล่นน่า  พรุ่งนี้พี่ก็ต้องกลับแล้วนะ  เราไม่ควรต้องมาทะเลากันด้วยเรื่องแบบนี้”  จองชินหันมาจ้องเธออีกครั้งก่อนจะผลักร่างบางไปจนชิดที่กำแพง 

    “เธอจะทำอะไร”  กยูริชักจะหวั่นใจ  เขาไม่เคยเงียบและเดายากขนาดนี้มาก่อน

    “อยากเปลี่ยนสไตลิสต์มั๊ย...  หรืออยากจะเปลี่ยนอย่างอื่น...”  คำพูดของเขาดูกราดเกรี้ยวจนเธอเองก็แปลกใจ

    “จองชิน...เรื่องชุดนั้นมันเป็นงาน  เรื่องนี้เธอน่าจะเข้าใจ”  กยูริพูดพร้อม ๆ กับกระถดหนีให้ห่างจากการคุกคามของคนตรงหน้า  ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางหนีแล้ว

    “พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ถอดเสื้อของผมออก” 

    “จองชิน  พี่ก็ไม่..”  

    “อยากเปลี่ยนสไตลิสต์  หรืออยากเปลี่ยนอย่างอื่น”  เขายังคงกราดเกรี้ยวแววตาคมกริบจับจ้องที่คนตรงหน้าราวกับว่าจะไม่ยอมลดราวาศอกให้เธอ

    “เปลี่ยนอะไร..”

    “สไตลิสต์  หรือสถานะของพี่  เลือกมา!!!”  เขาตวาดเสียงดัง

    “จองชิน...”  กยูริดูเหมือนจะตัดพ้อเขา  แต่กลับทำได้แค่เอ่ยชื่อเขาออกมา

    “ถ้าไม่เปลี่ยนสไตลิสต์  พี่ก็เตรียมตัวแต่งงานได้เลย  ผมจะแถลงข่าวเอง”  จองชินยื่นคำขาดให้เธอ  กยูริไม่อยากจะเชื่อว่าคำว่าแต่งงานจะหลุดออกมาจากปากของผู้ชายตรงหน้า  ใช่ว่าเธอไม่คิดสงสัยเรื่องนี้มาก่อน  แต่บางทีเขาก็ยังอาจจะเด็กเกินไปที่จะคิดเรื่องแบบนี้

    “อย่าพูดอะไรพล่อย ๆ แบบนั้นนะ  พี่ไม่เป็นไรหรอกนะถ้าจะแต่งงาน  แต่เธอเองนั้นแหละที่จะต้องมาเสียใจทีหลัง” 

    “เสียใจ???  ถ้าผมจะเสียใจก็เพราะว่าพี่แต่งตัวโป๊ ๆ แล้วก็ไปหัวร่อต่อกระซิกอยู่กับไอ้ผู้ชายพวกนั้นมากกว่า  ไม่ใช่เพราะแต่งงานกับพี่”  จองชินยิ่งเสียงดังมากขึ้นไปอีก  กยูริฟังแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

    “พี่จะเปลี่ยนสไตลิสต์ถ้าเธอต้องการ  แต่อย่ามาพูดเรื่องแต่งงานอีก  พี่ไม่อยากได้ยินมันเพียงเพราะว่าเธอพูดไปไม่ได้คิด”  จองชินฟังแล้วจ้องเธอ  เขานิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อกยูริผลักเขาให้ห่างออกจากเธอแล้วพยายามจะเดินหนีไป  จองชินคว้ามือเธอไว้ก่อนที่เธอจะเดินหนีไป 

    “ผมขอโทษที่ทำให้พี่โกรธ...  แต่ผมไม่ชอบเลยที่ต้องเห็นอะไรแบบนั้น”  กยูริหยุดฟังเขาก่อนจะหันกลับมาพบกับแววตาเว้าวอนจากสายตาของเขา  กยูริถอนหายใจเบา ๆ ก่อนปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า  แววตาแบบนี้เองที่ทำเอาเธอโกรธไม่ลง  เธอกุมมือเขาเบา ๆ เด็กผู้ชายที่โตแต่ตัว  และก็ดูเหมือนจะเอาแต่ใจ  แต่ทำไมถึงได้มีอิทธิพลต่อเธอมากมายเหลือเกิน

    มินฮยอกเดินลากเท้าออกมาจากลิฟท์เพียงลำพังคนเดียว  สอดส่ายสายตามองหาใครสักคน  ใครก็ได้ที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยกับเขาในเวลาแบบนี้  เวลาที่ไม่มีใครสักคนอยู่ห้อง  เวลาที่ต้องนอนทั้งที่ยังไม่อาจข่มตาหลับลงได้  เขาพาตัวเองมาจนถึงสระน้ำว่ายน้ำได้ยังไงก็ไม่รู้  รู้แต่เพียงว่าผิดหวังเล็กน้อยที่ดูเหมือนว่าสระว่ายน้ำแห่งนี้ไม่เหมาะจะให้เขามาหาเพื่อนคุยเอาเสียเลย  มินฮยอกทิ้งตัวลงบนเตียงริมสระน้ำก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ  เขาจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับว่าจะมีอะไรอยู่บนฟ้า  ทั้ง ๆ ที่มองไม่เห็นอะไรนอกจากแสงดาวระยิบระยับ   พร้อม ๆ กับใบหน้าของนูน่าคนสวยที่เด่นชัดอยู่บนฟากฟ้า 

    “นูน่า  ...ผมต้องทำยังไงกัน  ผมถึงจะเข้าไปอยู่ในหัวใจนูน่าได้”  มินฮยอกพึมพำเพียงคนเดียว  ไม่ได้คาดคิดว่าจะมีใครมาได้ยิน 

    “ย่าห์.....นี่เจอกันอีกแล้วเหรอไง”  แต่แล้วเสียงของหญิงสาวที่เขาไม่คุ้นเคยคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา  มินฮยอกหันไปตามที่มาของเสียงก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา  เมื่อครู่ก่อนหน้าเขายังอยากหาใครสักคนมาคุยด้วย  แต่พอมีคนมาคุยด้วยทำไมเขาถึงรู้สึกอยากจะไล่ไปให้พ้น ๆ  เธอคนนั้นเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงอีกอันที่วางอยู่คู่กับตัวที่เขานอนอยู่  พร้อม ๆ กับวางถุงพลาสติกที่บรรจุกระป๋องเบียร์ลงข้างตัว

    “นี่เธอสะกดรอยตามชั้นเหรอไง”  มินฮยอกถามขึ้นทั้งที่ยังทอดสายตาไปบนฟ้า

    “คำถามนั้นชั้นควรจะเป็นคนถามนายไม่ใช่เหรอ”  มินฮยอกฟังแล้วดันตัวลุกขึ้นหันหน้ามาหาเธอ

    “ชั้นเป็นคนดัง  เธอมากกว่ามั๊งที่ควรจะตามชั้น”  มินฮยอกพูดออกมาพร้อม ๆ กับกวาดสายตาสำรวจหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า  ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่กระป๋องเครื่องดื่มแอลลกอฮอลล์ข้างกายเธอ

    “ชิสห์...นายเป็นใครกัน  ชั้นไม่เห็นจะรู้จัก  ชั้นนี่สิคนดัง”  มินฮยอกฟังแล้วเหล่ตามองเธอ

    “นี่เธอไม่รู้เหรอว่าชั้นเป็นใคร...”  เธอพยักหน้าแทนคำตอบ  มินฮยอกพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ออกมา “ชั้น CNBLUE คังมินฮยอก”  เขาพูดพร้อม ๆ กับวางท่าใส่เธอ

    “เฮอะ...นายเองเหรอ  อ่า...ตัวจริงกะในทีวีดูแย่พอ ๆ กันเลยนะ”  เธอแกล้งพูดใส่เขา 

    “แล้วไม่คิดจะแนะนำตัวหรือไง  ตกลงเธอเป็นใคร”  มินฮยอกพูดออกไปทั้ง ๆ ที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเธอที่นั่งอยู่ต่อหน้าเขาในเวลานี้เป็นใคร  แต่เขาเพียงต้องจะแก้แค้นที่เธอทำท่าเหมือนว่าไม่รู้จักเขา

    “เบซูจี...  เบซูจี MissA  เป็นไงล่ะ”  ซูจีจ้องเขาอย่างคนกำชัยชนะไว้ในมือ  “ตกใจล่ะสิ  อยากได้ลายเซ็นต์มั๊ยล่ะ  ชั้นเซ็นต์ให้นายได้นะ”  มินฮยอกฟังแล้วกลั้นหัวเราะ

    “คนนี้เองเหรอ  นึกว่า MissA มีสามคนเสียอีก  นี่เธอคงไม่ค่อยเด่นสินะ  นึกหน้าเธอตอนขึ้นเวทีไม่ออกเลย”  มินฮยอกได้ทีเอาคืนบ้าง  ซูจีถลึงตาใส่เขาด้วยความไม่พอใจ

    “นายนี่มัน...”

    “อ่า...เบซูจี  ในเมื่อรู้แล้วว่าชั้นเป็นใคร  ไม่คิดว่าควรจะเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวชั้นเหรอ  ฉันอายุมากกว่าเธอนะ”  มินฮยอกเรียกร้องจากเธอ  ซูจีจ้องหน้าเขาแล้วเบ้ปากใส่ไม่เห็นด้วย  ก่อนจะคิดแปลกใจว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าเธออายุน้อยกว่า

    “นายไม่รู้จักชั้นแน่เหรอ”  มินฮยอกพยักหน้า  “แล้วรู้ได้ยังไงว่าชั้นอายุน้อยกว่านาย...”  ซูจีจ้องเขาอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า

    “ก็...”  มินฮยอกหน้าหรา  อึกอักไม่รู้จะตอบว่าอะไร  จึงขยับไปคว้ากระป๋องเบียร์มาถือไว้ในมือ  “ขอบใจนะที่เอามาเผื่อ...”  เขาเปลี่ยนเรื่องในทันที  ซูจีพยายามจะเอาคืนมา  แต่มินฮยอกกลับฉวยโอกาสเปิดออกดื่มเสียก่อน  แล้วจึงส่งอีกกระป๋องในมือให้เธอ

    “นายนี่มัน....”  ซูจีกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห  ก่อนจะเปิดกระป๋องยกขึ้นดื่มบ้าง...  “วันนี้ซวยจริง ๆ “  เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหันหน้าหนีจากเขา  มินฮยอกแอบมองเธอแล้วยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

    เวลาผ่านไปครู่ใหญ่  ดูเหมือนว่าน้ำสีอำพันในมือของมินฮยอกจะพร่องไปหมดแล้ว  แต่ของซูจีกลับพร่องไปเพียงครึ่งเดียว...  มินฮยอกมองดูเธอแล้วยิ้มออกมาด้วยความแปลกใจ

    “เธอดื่มได้ด้วยเหรอ...  ดูเหมือนว่าอายุจะยังไม่ถึงนะ”  ซูจีหันมามองเขาก่อนจะยักไหล่ไม่ใยดี

    “ทำไม  นายจะแจ้งตำรวจเหรอ”  เธอถามเขาคืน  มินฮยอกเพิ่งจะสังเกตว่าแก้มของเธอกำลังเป็นสีแดงด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ในมือ  “นายนี่มันวุ่นวายจริง ๆ ว่าจะมานั่งดื่มสบาย ๆ นายก็มาแย่ง  แล้วยังมาคอยขัดคออีก”  ซูจีหันมาจ้องหน้าเขาพร้อมกับรัวคำพูดออกมา 

    “นี่เธอกำลังเมาเพราะเบียร์กระป๋องเดียวเหรอเนี่ย...”  ซูจีฟังแล้วส่ายหน้าแต่กลับโงนเงนไปทั้งตัว

    “ใครเมา  คนอย่างเบซูจีจะเมาได้ยังไง”  เธอใช้นิ้วจิ้มลงบนหน้าผากของเขา “นี่คังมินฮยอก  นายกำลังดูถูกคนอย่างเบซูจีอยู่นะ  อยากตายหรือไง”  มินฮยอกไม่ตอบแต่คว้าข้อมือเธอไว้  บังคับให้เธอหยุดจิ้มนิ้วของเธอลงบนหน้าผากของเขาเสียที

    “ปล่อย  ปล่อย  บอกให้ปล่อยไง”  ซูจีพยายามจะสะบัดมือให้หลุดจากพันธนาการจากเขา  มินฮยอกจำต้องปล่อยมือเธอ  พร้อม ๆ กับที่เธอไม่ระวังตัวจึงหงายหลังไปเพราะแรงกระชากของตัวเอง  พาให้ร่างบางลงไปกองอยู่อีกฟากของเตียง  มินฮยอกใจหายวาบไม่อยากเป็นสาเหตุให้เธอต้องมาเจ็บหนักเพราะเขา  เขาถลาไปคุกเข่าอยู่ข้างเธอในทันที  สองตาเพ่งมองใบหน้าของคนที่กำลังกองอยู่บนพื้น  ไม่แน่ใจว่าควรจะทำอย่างไรดี

    “ยัยตัวยุ่ง...”  เขาเขย่าร่างเธอเบา ๆ “นี่เธอคงไม่ได้ตายหรอกนะ”  ก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นว่าใบหน้าที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้าเขา  ใบหน้าที่กระจ่างใสแม้จะมีเพียงแสงไฟบางเบา  เธอเป็นคนสวยมากคนหนึ่งเท่าที่เขาเคยเห็นมา  ด้วยความเผลอไผลหรืออะไรบางอย่างแต่ดูเหมือนว่าเขาพยายามจะสัมผัสพวงแก้มนวลเนียนตรงหน้า  แต่แล้วก็แทบจะหัวใจวายผงะหงายหลังลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นเมื่อซูจีลืมตาโพลงขึ้นมาดื้อ ๆ

    “เป็นอะไรของนาย...”  ซูจียันตัวลูกขึ้นนั่งช้า ๆ ดูเหมือนว่าเธอจะเมาจริง ๆ

    “นึกว่าตายไปแล้วซะอีก....”  มินฮยอกพยายามเก็บอาการให้เหมือนว่าไม่มีอะไร  เขาลุกขึ้นยืนจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง  แต่ดูเหมือนว่าซูจีจะไม่ได้สนใจอะไรเขาอีกจู่ ๆ เธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไปเสียดื้อ ๆ “นี่  เธอจะไปไหน”  มินฮยอกตะโกนไล่หลังเธอไป  ซูจีไม่พูดอะไรนอกจากโบกมือให้เขาทั้งที่ยังเดินเซ  ก่อนจะถลาพุ่งลงไปในพุ่มไม้ทั้งตัว  มินฮยอกพยายามจะร้องห้ามเธอแต่ดูเหมือนว่าอะไร ๆ มันจะเกิดขึ้นเร็วเสียจนเขาตั้งตัวไม่ทัน  รู้ตัวอีกทีซูจีก็ลงไปกองอยู่ในพุ่มไม้เสียแล้ว  เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  ก่อนจะตรงเข้าไปช่วยเธอ  ....

    “อ๊า....นึกว่าชั้นเป็นนักยกน้ำหนักทีมชาติหรือไง”

     

    มินฮยอกแบกซูจีใส่หลังมาที่บริเวณเล้านจ์ของโรงแรมด้วยความอับอาย  เขาพยายามจะหลบหน้าจากทุกคนที่เดินผ่านเขาไป  และหวังว่าจะไม่มีใครจดจำหญิงสาวที่เมาจนไม่ได้สติที่อยู่บนหลังเขาตอนนี้  เขาไปหยุดอยู่ที่พนักงานต้อนรับก่อนจะก้มหน้าก้มตาสอบถามถึงห้องพักของซูจี  และเลี่ยงที่จะสบตากับพนักงาน  ก่อนจะรีบแบกร่างบางบนหลังของเขาหนีไปก่อนที่จะมีใครจดจำเขาได้

    มินฮยอกแบกเธอมาจนถึงหน้าห้องพัก  ก่อนที่จะกดกริ่งหวังเรียกให้สมาชิกในวงหรือใครสักคนที่พักกับเธอช่วยมารับช่วงต่อจากเขา  แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใด

    “นี่...ยัยตัวยุ่ง  เธอจะเข้าห้องยังไง”  เขาเอี้ยวคอหันไปพูดกับซูจีที่ตอนนี้ยังดูไร้สติสตังอยู่บนหลังของเขา

    “ชั้นจะถามทำไมเนี่ย...”  มินฮยอกบ่นกับตัวเอง  “นี่ถ้าเธอไม่ตอบชั้นจะทิ้งเธอไว้ตรงนี้นะ”  หลังคำพูดเขารอฟังปฏิกิริยาจากเธอเพียงครู่เดียว  “ชั้นต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ “

    “หือ...ถึงห้องแล้วเหรอ”  แต่แล้วจู่ ๆ ซูจีก็งัวเงียลืมตาขึ้นมา

    “จะบอกได้หรือยังว่าจะเปิดห้องเธอได้ยังไง”  แสดงท่าทีเบื่อหน่ายออกมาอย่างชัดเจน

    “อือ...การ์ดอยู่ไหนนะ”  ซูจีพูดพลางควานหาไปทั่วตัว  แต่แทนที่จะเป็นกระเป๋าของตัวเองเธอกลับไล่มือเปะปะไปทั่วตัวมินฮยอก  เล่นเอาเขาสะดุ้งโหยงไปทั้งตัว

    “นี่ยัยตัวยุ่ง  นั่นมันกระเป๋าเสื้อชั้น..”

    “เหรอ...”  เธอเกาหัวตัวเองเบา ๆ ก่อนจะขยับตัวออกห่างจากแผ่นหลังของเขาเพียงเล็กน้อย  แล้วหยิบการ์ดออกมาจากกระเป๋าเสื้อที่หน้าอกเธอแล้วส่งมันให้เขา  มินฮยอกถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก  ก่อนจะพาเธอเข้าไปในห้อง  แล้วทิ้งร่างบางลงบนเตียงนอนโดยไม่ระวังสักนิดว่าเธออาจจะบาดเจ็บ 

    “โอ๊ย...”  เสียงซูจีดังชัดเจนพร้อมกับใบหน้าบิดเบี้ยวที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวด

    “ผู้หญิงอะไรตัวหนักยังกะช้าง”  เขาใช้มือสองข้างคำเอวแล้วจ้องมองซูจีที่กองอยู่บนเตียง  แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้แยแสคำพูดของเขามากไปกว่าพยายามจะควานหาหมอนมาหนุนนอน  เขาถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเดินไปหยิบหมอนที่หัวเตียงมาแล้วช่วยประครองเธอหนุนหมอน  “เธอนี่มันน่าตีจริง ๆ ผู้หญิงอะไรไม่รู้จักระวังเนื้อระวังตัวบ้างเลย”  เขาพึมพำแต่ดูเหมือนว่าจะตั้งใจให้เธอได้ยิน

    “อืม...”  ซูจีตอบรับเพียงแค่นั้นก่อนจะคว้าผ้าห่มมากอดแล้วซุกตัวนอนเหมือนกับเด็ก  มินฮยอกเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว  คืนนี้ช่างเป็นค่ำคืนที่น่าตลกเสียจริง  ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่น่าตลกแบบนี้ 

     

    จองชินคนที่กราดเกรี้ยว  คนที่เจ้าอารมณ์เมื่อครู่ใหญ่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะหายไปจากโลกนี้เสียแล้ว  จู่ ๆ ก็ดูเหมือนว่าเด็กชายจองชินจะทำตัวน่ารักขึ้นมาเพียงเพราะกยูริใช้เหตุผลกับเขาอย่างจริงจัง  ทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักของกยูริ  เพื่อจะส่งเธอเข้านอน  กยูริหันไปเปิดประตูก่อนจะหันกลับมาบอกลาเขา  แต่จองชินกลับไม่ยอมปล่อยมือจากเธอ

    “เธอควรจะไปนอนได้แล้วนะ”  เธอยิ้มหวานให้เขา  จองชินไม่พูดอะไรแต่กลับก้มหน้าทำปากยื่นราวกับเด็กเอาแต่ใจกำลังต่อรองเรียกร้องของเล่น  “พรุ่งนี้มีงานไม่ใช่หรือไง”  เธอยังพยายามหว่านล้อมเขา

    “ผมอยากนอนที่นี่...ได้มั๊ย”  เขาขอร้องเธอดื้อ ๆ กยูริเอียงคอมองเขาด้วยความเอ็นดู

    “นี่เธอกำลังอ้อนพี่อยู่หรือเปล่า...”  จองชินฟังแล้วพยักหน้างึก ๆ พร้อมกับรอยยิ้มเขินอาย

    “งั้นพี่ขอร้องเธอบ้างได้มั๊ย...”

    “ได้สิ...ได้ทุกอย่างที่พี่ต้องการ”

    “งั้นคืนนี้กลับไปนอนห้องตัวเองดีกว่านะ”  กยูริยิ้มหวานพร้อมกับคำพูด  จองชินหน้างอถอนหายใจออกมา  แล้วพยักหน้าหงอย ๆ ก่อนจะหันหลังกลับเตรียมพร้อมจะเดินกลับไปตามทางเดิม  แต่ดูเหมือนว่าเขาจะลืมบางสิ่งบางอย่างไป  เขาจึงหันกลับมาหาเธออีกครั้ง

    “พี่ไม่อยากจูบลาผมสักหน่อยเหรอ”  เขามองเธอตาแป๋ว  กยูริเผยยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เขา  แล้วค่อยเขย่งปลายเท้าเพื่อที่จะเพิ่มความสูงให้ตัวเองแต่จู่ ๆ จองชินกลับใช้สองแขนของเขารวบร่างบางของเธอเอาไว้ก่อนจะก้มลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากเธอ  กยูริผงะไปเล็กน้อย  ไม่คิดว่าเขาจะมาไม้นี้  แต่จองชินกลับมองเธอตาแป๋ว   ไม่รับรู้ความร้ายกาจของตัวเอง

    “งั้นก็ไปนอนได้แล้ว...”  กยูริพูดก่อนจะพยายามถอยห่างออกจากเขา  แต่ดูเหมือนจองชินจะไม่ยอม  เขากลับดึงให้เธอเข้ามาใกล้อีกครั้ง  ก่อนจะค่อย ๆ ขยับไปข้างหน้าเหมือนจะบังคับให้เธอต้องถอยหลังเข้าไปในห้องนอนของเธอ  “นี่เธอกำลังดื้อกับพี่นะ...”  กยูริพ้อเขาเบา ๆ

    “พี่ต่างหากที่ดื้อกับผม”  จองชินโต้ตอบทันควัน

    “เจ้าเล่ห์นักเชียว...”  ดูเหมือนว่าเธอจะตัดพ้อ  แต่ก็ไม่ได้แข็งขืนกับเขาแต่อย่างไร  จองชินค่อย ๆ ปิดประตูห้องเบา ๆ

    “ผมรู้ว่าพี่ไม่ชอบนอนคนเดียว...”  เขาพูดเองเออเองพร้อมกับส่งสายตากรุ่มกริ่มมายังคนตรงหน้า

    “รู้ดีนักนะ...”  กยูริพูดกับเขาด้วยความหมั่นไส้  จองชินยิ้มบางที่มุมปากก่อนจะขยับมือมาที่เรือนผมงามแล้วลูบผมเธออย่างอ่อนโยนแผ่วเบา  กยูริจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขาด้วยความแปลกใจ  สายตาแบบนี้....

    “มีอะไรเหรอ”  จองชินถามเธอด้วยความสงสัย  เขามองเห็นคำถามในแววตาเธอ

    “เธอทำได้ยังไง...”  จองชินฟังเธอแล้วนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง

    “ผมทำอะไร...”

    “แววตาแบบนี้เธอทำได้ยังไงกัน  มันเหมือนกับตอนที่เราเจอกันครั้งแรก”  จองชินฟังแล้วยิ้มออกมาเขาตกหลุมรักเธออยู่ตลอดเวลา  ตั้งแต่วันแรกที่เจอจวบจนวันนี้  ไม่เคยมีวันไหนที่เขาไม่ตกหลุมรักเธอ  เขาเลือกที่จะไม่ตอบคำถามเธอแต่กลับจุมพิตอ่อนโยนแผ่วเบาลงบนหน้าผากเธอ  หากเพียงเธอจะรับรู้ได้บ้างว่าสิ่งที่อยู่ภายในใจเขามันมากมายเพียงใด  มากเกินกว่าจะอธิบายเป็นคำพูดหรือท่าทางใด ๆ และมันก็เป็นเหตุผลทั้งหมดทั้งปวงที่เขาเอาแต่ใจ  และไม่อยากให้ใครเข้าใกล้เธอ

     

    หากคืนนี้ท้องฟ้าประดับประดาไปด้วยแสงดาวระยิบระยับ  ก็คงเป็นเพราะดวงดาวมีมากจนเกินไป  มากเสียจนจงฮยอนรู้สึกว่าโลกทั้งโลกสว่างไสวมากกว่าที่เคยเป็นมา  ช่วงเวลาที่เขาไม่เคยคิดว่าจะมีวันมาถึง  วันที่เขาได้โอบกอดร่างบาง  เจ้าของร่างที่เขาเฝ้าถวิลหาอยู่ทุกค่ำเช้า  เธอกำลังแอบอิงพิงอยู่บนแผ่นอกกว้างที่มีก้อนเนื้อเล็กที่กำลังจะแห้งตายแต่กลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง  เพียงแค่เธอสัมผัสลงที่ใจของเขา  เพราะเป็นเวลาดึกสงัดสวนแห่งนี้จึงคงเงียบสงบ  เงียบมากเสียจนเขาได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง  เสียงหัวใจที่เขาไม่ได้ยินมานานแสนนาน  จนนึกว่ามันได้ตายจากเขาแล้ว  เขาเอนกายพิงพนักของม้านิ่งอย่างสบายใจ  ในขณะที่ฮโยยอนนั่งเคียงข้างพิงกายลงบนอกในอ้อมกอดเขา

    “เราจะเริ่มต้นใหม่ใช่มั๊ย...”  เสียงฮโยยอนดูบางเบา  บางทีเธออาจจะไม่มั่นใจกับคำถามของตัวเอง  จงฮยอนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะจุมพิตลงที่พุ่มผมของเธอ  จุมพิตที่ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวร้อนผ่าว  “ถ้าคุณไม่อยากตอบ  ไม่ต้องตอบก็ได้”  จงฮยอนยังคงไม่พูดอะไร  เขาเพียงแต่ย้ายปลายจมูกของเขามาจรดลงที่ขมับของเธอ  ฮโยยอนชักจะไม่แน่ใจว่าเขาต้องการหรือไม่ต้องการอะไรกันแน่  เธอจึงเลือกที่จะเงียบแทนที่จะตั้งคำถามกับเขาต่อ

    “ทำไมไม่พูดต่อล่ะ”  เขาพูดขึ้นพร้อมกับเชยคางให้เอหันมามองหน้าเขา

    “ชั้นไม่เห็นคุณตอบ  บางทีคุณอาจจะไม่อยากตอบ”  เธอตอบเขาตามตรง  จงฮยอนเผยยิ้มที่มุมปาก

    “ผมอยากฟังคุณพูด  พูดอะไรก็ได้  แค่เป็นเสียงคุณก็พอ”  ฮโยยอนฟังแล้วรู้สึกเหมือนมีก้อนมาจุกอยู่ที่คอ  นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้ยินเสียง  ไม่ได้เห็นท่าทีอ่อนโยนจากเขา  “ผมจะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ  อะไรก็ได้  แค่เราไม่ต้องห่างกันอีก”  ฮโยยอนฟังแล้วยิ้มกว้างออกมา  ยิ้มพร้อมน้ำตา  น้ำตาแห่งความสุขที่เธอไม่อาจจะกลั้นเอาไว้ได้  ก่อนจะโผเข้ากอดเขา

    “ชั้นจะไม่ทำตัวงี่เง่าอีก  คุณเป็นแบบที่คุณเป็นเถอะ  แค่อยู่กับชั้นเวลาที่ชั้นต้องการก็พอ”  จงฮยอนกระชับอ้อมกอดของเขาให้แน่นยิ่งขึ้น  ก่อนจะค่อย ๆ ก้มหน้าลงช้า ๆ แล้วประทับริมฝีปากบางของเขาลงบนริมฝีปากที่อวบอิ่มของคนตรงหน้า  เขาไม่เคยต้องการอะไรมากไปกว่าการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก  และมีใครสักคนที่รักเขาในแบบที่เขาเป็น  หากจูบนี้จะหมายถึงการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่อีกครั้ง  ทั้งคู่ต่างก็หวังเพียงว่าจูบนี้จะฝากรอยให้จดจำไปชั่วนิจนิรันดร์  อย่าได้จบลงอีกเลย....

     

     

     
















    หายไปนานมว๊ากกกกก  กลับมาแล้วคะ  เหมือนที่เคยบอกยืนยันจะอัพฟิคยงซอต่อไป (คู่อื่นด้วย)  ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง  ในที่สุดก็ได้รู้แล้วว่าสาวปริศนาเป็นใครกัน   แล้วจะยังไงต่อไปล่ะเนี่ย...  ทำไมใคร ๆ ก็มีความสุขไปหมดแล้ว  แล้วทำไมฟิคยังไม่จบเนี่ย  555+++  ฟิคตามใจไรเตอร์เลยไม่จบสักที  ฟิคตามโมเม้นท์  ขอให้ยงซอร่วมเฟรม  ขึ้นเวที  เดินสวน  ซุบซิบว่านั้นโน่นนี่ไรเตอร์เอามาฟิคได้หมด  ฟิคจะจบก็ต่อเมื่อไรเตอร์ขี้เกียจเท่านั้นคะ 555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×