ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [YongSeo Story] Part 4 Protect the love.

    ลำดับตอนที่ #6 : Pray.

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 54


     




    ยงฮวากับซอฮยอนกำลังสนุกสนานกับการเตรียมอาหารเย็น  มินฮยอกออกจากห้องไปนานแล้วและยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาง่าย ๆ   จองชินไม่ปรากฏตัวในวันนี้บางทีอาจจะวุ่นวายอยู่กับที่บ้าน  ยงฮวาคิดเอาเองว่าจงฮยอนน่าจะอยู่กับฮโยยอนที่ไหนสักแห่ง  แต่เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจว่างน้อง ๆ จะหายไปไหน  ขอเพียงแค่มีซอฮยอนอยู่ใกล้ ๆ ก็เพียงพอแล้ว

    “พี่มาชิมนี่สิคะ  ได้ที่หรือยัง”  เสียซอฮยอนเจื้อยแจ้วเรียกให้เขามาชิมอาหารฝีมือเธอ  ยงฮวารับมันมาใส่ปากด้วยความเต็มใจ  อร่อยหรือไม่อร่อยเขาก็ไม่แน่ใจ  รู้เพียงแต่ว่าถ้าเป็นเธอคนนี้หยิบยื่นอะไรมาให้  แม้จะเป็นยาพิษก็จะยอมกรอกมันใส่ปากแต่โดยดี  เขายกนิ้วโป้งให้เป็นการชื่นชมหลังได้ชิมรสอาหารฝีมือเธอ  ซอฮยอนยิ้มร่า  นี่มันคุ้มกับที่เธออุตส่าห์ไปเข้าคอร์สเรียนมาด้วยความยากลำบาก 

    “อร่อยจริง ๆ นะคะ”

    “จริง ๆ พี่จะโกหกทำไมล่ะ”  ซอฮยอนเอียงคอมองเขาไม่แน่ใจ  คนแบบยงฮวายิ่งบอกว่าไม่โกหกก็ยิ่งดูเหมือนโกหก

    “อย่ามามองพี่แบบนั้นสิ  อร่อยจริง ๆ คอยดูสิพี่จะกินให้หมดเลย”  ซอฮยอนจึงค่อยมั่นใจขึ้นมา

    มื้ออาหารกำลังจะเริ่มขึ้นด้วยบรรยากาศสบาย ๆ คู่รักได้ใช้เวลาร่วมกันบนโต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น  ยงฮวาดูจะเจริญอาหารมากกว่าปกติ  นับตั้งแต่ออกจากคอร์สควบคุมน้ำหนักยังไม่เคยมีวันไหนที่มีความสุขกับการกินเท่านี้มาก่อน   จงฮยอนเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับผิวปากอย่างสบายอารมณ์  ไม่ได้คาดคิดว่าจะมาเป็นส่วนเกิน

    “พี่จงฮยอนมาทานด้วยกันสิคะ”  ซอฮยอนเรียกเขาทันทีที่เขาปรากฏตัว  จงฮยอนเลิกลั่กมองหน้าพี่ชาย  ไม่แน่ใจว่ายงฮวาต้องการให้เขาอยู่ด้วยหรือป่าว

    “มากินด้วยกันสิ”  ยงฮวาเรียกเขาอีกรอบ  จงฮยอนจึงได้พาตัวเองมานั่งอยู่ข้าง ๆ ยงฮวา  ซอฮยอนกุลีกุจอตักข้าวใส่ถ้วยให้เขาในทันที

    “นึกว่านายออกไปกับฮโยยอนเสียอีก”  ยงฮวาพูดไปเคี้ยวอาหารไป

    “ป่าว  ไปห้องซ้อมมา  มีอะไรที่อยากลองนิดหน่อย  ได้เพลงใหม่มาด้วย”  จงฮยอนดูมีความสุข

    “พี่ฮโยยอนคิดถึงพี่นะคะ”  ซอฮยอนพูดขึ้นมาคล้ายว่าจะตำหนิเขา  จงฮยอนรับถ้วยข้าวมาจากเธอดูไม่ทุกข์ร้อนกับคำพูดนั้น

    “นายสองคนยังคบกันอยู่รึเปล่า”  ยงฮวาชักสงสัย  น้องชายของเขาดูจะสุขสบายเป็นชายโสดทั้ง ๆ ทีก็มีแฟน  จงฮยอนพยักหน้างึก ๆ

    “ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน  แค่ชั้นอยากทำงานก็เท่านั้นเอง  ฮโยยอนน่าจะเข้าใจเรื่องนี้”  

    “พวกเรากำลังจะไปอเมริกานะคะ  ถ้าหากว่าเราต้องห่างกันทั้งตัวทั้งความรู้สึกแบบนี้  จะไหวเหรอคะ”  ซอฮยอนถามเขาตรง ๆ จงฮยอนนิ่งไปไม่พูดอะไร  ก่อนจะตักข้าวใส่ปากหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึง

    “กินข้าวดีกว่า.....ซอฮยอน  อันนี้อร่อยจังเลย”  ยงฮวาพยายามจะช่วยน้องชายออกจากสถานการณ์ตึงเครียด  จงฮยอนกำลังไปได้ดีในเส้นทางดนตรี  บางทีน้องชายของเขาอาจจะมีบางสิ่งในใจที่อยากจะทำมากกว่าการวิ่งตามใครสักคน  ซอฮยอนไม่ได้โกรธที่จงฮยอนเป็นแบบนี้  แต่ที่เธอสงสัยคือภายในใจของเขากำลังคิดอะไร  เรื่องที่เริ่มไปแล้วจะจบลงได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ

     

     

    มินฮยอกอาสาเดินกลับมาส่งทิฟฟานี่ที่หอพัก  แม้จะยังไม่มีคำพูดใด ๆ ออกจากปากของนูน่าคนสวยแต่ใช่ว่าคนอย่างเขาจะท้อ  เขาเองก็ไม่อยากให้เธอรีบตัดสินใจ  หากแต่ขอเวลาให้เขาได้ปรับตัวได้ทำคะแนนบ้าง  ไม่ว่าวันข้างหน้าการตัดสินจะออกมาอย่างไร  เขาก็อยากจะลองดู  เขายังยิ้มร่าและทำตัวตามปกติราวกับว่าการสนทนาอันตึงเครียดไม่ได้เกิดมาก่อนหน้านี้

    “นูน่าจะเล่นละครเวทีใช่มั๊ยครับ”  มินฮยอกหันหน้าเข้าหาเธอพลางก้าวถอยหลังไปพร้อมกับที่ทิฟฟานี่เดินก้าวไปข้างหน้า  ทิฟฟานี่มองดูเขาที่ร่าเริงเหมือนเด็ก ๆ เหมือนลูกหมาที่กำลังหยอกล้อเจ้าของ  อดยอมรับไม่ได้ว่าเขาเป็นส่วนที่ร่าเริงมากที่สุดส่วนหนึ่งในชีวิตเธอ

    “ซ้อมไปตั้งเยอะแล้วล่ะ  ทำไมอยากจะไปดูเหรอ”

    “มีบัตรฟรีมั๊ยครับ  วีไอพีอะไรแบบนั้น  ที่ได้เห็นนูน่าชัด ๆ แต่ไม่เสียเงิน”  ทิฟฟานี่ฟังแล้วอดขำไม่ได้  หัวเราะจนตาหยี  ผู้ชายแบบไหนกันที่มาจีบผู้หญิงแต่ไม่ยอมลงทุน

    “ไม่มีเหรอครับ  ต้องเสียเงินซื้อสินะ  ค่าบัตรเท่าไหร่ครับถึงจะได้เห็นนูน่าชัด ๆ แถมได้กินอาหารมื้อค่ำกับนูน่าด้วย”  ยิ่งฟังทิฟฟานี่ก็ยิ่งหัวเราะ  แบบนี้สินะที่ผุ้หญิงแก่ ๆ ยอมตกหลุมพรางเด็กผู้ชาย

    “บัตรแบบนั้นแพงนะ  แถมหาซื้อยากด้วยจะสู้ราคาไหวเหรอ  ต้องไปออกซิงเกิ้ลที่ญี่ปุ่นอีกสักสิบซิงเกิ้ลนะถึงจะพอหาเงินมาซื้อ”  ทิฟฟานี่นึกอยากจะเล่นสนุกกับเขาบ้าง  มินฮยอกยิ้มจนตาหยี

    “อีกสักร้อยซิงเกิ้ลก็ไหวฮะ”  ทิฟฟานี่หยุดเดิน  มองเขาแล้วยิ้ม  การได้มีเขาเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตก็น่าสนใจดี  และเขาก็ทำให้เธอยิ้มได้มากกว่าที่เคย

    “อยากไปโบสถ์มั๊ย”  จู่ ๆ ทิฟฟานี่ก็พูดออกมา  มินฮยอกตาโตขึ้นมาทันที

    “โบสถ์????” 

    “หาเวลาไปโบสถ์กันมั๊ย  วันไหนก็ได้ที่นายว่าง” 

    “อันนี้รวมอยู่ในบัตรวีไอพีหรือป่าวฮะ”  ทิฟฟานี่ยิ่งหัวเราะกับท่าทางตกใจของเขา

    “ถือว่าเป็นเอคคลูซีฟแฟนมีตแถมล่ะกัน”  มินฮยอกแอบแหยงในใจ  ไปโบสถ์กับนูน่าคนสวยนี่มันอารมณ์ไหนกันแน่  แต่ก็เอาเถอะแค่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ ๆ จะให้ไปไหนก็ไปทั้งนั้น  ทิฟฟานี่มองท่าทางของเขาแล้วแอบขำ  ถ้าเขาไปโบสถ์กับเธอได้จริงล่ะก็จะเพิ่มคะแนนให้เขาเป็นพิเศษเลย

     

     

    “ชั้นนึกว่าพี่นอนแล้วซะอีก”  ซอฮยอนพูดขึ้นเมื่อเห็นฮโยยอนยังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอน

    “ว่าจะอ่านหนังสืออีกสักหน่อย  แล้วเธอล่ะทำไมวันนี้มานอนหอ  ไม่กลับบ้านเหรอ”  ฮโยยอนละสายตาจากหนังสือในมือมาหาเธอ

    “อยากมาคุยกับพี่คะ  มีเรื่องบางอย่างที่ชั้นอยากรู้”  ซอฮยอนเปิดเผยและตรงไปตรงมาอยู่เสมอ

    “เรื่องอะไร”  ฮโยยอนปิดหนังสือลง  แล้วขยับให้ซอฮยอนมานั่งบนเตียงนอนกับเธอ

    “พี่อย่าหาว่าชั้นวุ่นวายเลยนะคะ  แต่อดสงสัยไม่ได้จริง ๆ “  ซอฮยอนนิ่งไปครู่เดียวก่อนจะเริ่มพูดออกมาอีกครั้ง  “พี่กับพี่จงฮยอน  ไม่ได้ทะเลาะกันใช่มั๊ยคะ” 

    “เรื่องนี้เองเหรอ”  ฮโยยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่  “ไม่ได้ทะเลาะกัน  ไม่เคยทะเลาะกัน  แต่มันคงดีกว่าถ้าเราจะทะเลาะกัน” 

    “เอ๊.....”  ซอฮยอนยิ่งสงสัย

    “พี่ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้   พี่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร”  ฮโยยอนดูเหมือนจะเศร้าแต่จู่ ๆ ก็ยิ้มออกมา 

    “ไม่ต้องมาห่วงพี่หรอก  พี่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน   สบายใจเถอะ”   ซอฮยอนพยักหน้า  เรื่องแบบนี้มันยากเกินจะทำความเข้าใจจริง ๆ หัวใจสองดวง  คนสองคน  ไม่ใช่เรื่องที่ตรงไปตรงมาแบบที่เธอคิดไว้เลย

     

     

    จองชินนั่งเหยียดขากึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บนเก้าอี้ในโรงละคร  ผู้คนมากมายบนเวทีตรงหน้าเขายังคงทำงานอย่างหนัก  กยูริซ้อมบทเดิมซ้ำ ๆ มามากกว่าสิบรอบ  ดูเธอจะยังไม่พอใจกับการแสดงของเธอ  จองชินคอพับอยู่บนเก้าอี้  เหนื่อยจากการโหมงานอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้  ทั้งที่ควรจะหาเวลาพักผ่อนแต่เขากลับต้องการกำลังใจมากกว่ากำลังกาย

    “จองชิน  กลับกันเถอะ”  เสียงกยูริปลุกให้เขาตื่น  เขาจึงได้งัวเงียลืมตาขึ้นมา

    “ซ้อมเสร็จแล้วเหรอครับ”  จองชินยังงัวเงียลุกขึ้นยืน  กยูริพยักหน้า  มืออีกข้างที่ไม่ได้ถือกระเป๋ากำลังปัดผมของชายหนุ่มร่างสูงให้ดูเรียบร้อยเข้าที่เข้าทาง 

    “นายควรจะพักอยู่ที่ห้องนะ  เห็นนายเหนื่อยแบบนี้ไม่ไหวเลย  พี่รู้สึกผิดจริง ๆ”  กยูริพูดพลางมองหน้าเขา  แววตาเป็นห่วง

    “ผมไม่เป็นอะไรครับ  ไม่ได้เหนื่อยอะไร”  เขาพูดพลางดึงกระเป๋ามาจากมือเธอ  “ไปหาอะไรกินกันดีกว่า  พี่เลี้ยงนะครับ”  พูดจบก็คว้าข้อมือเรียวให้เดินตามเขามา  กยูริยิ้มบาง ๆ ออกมาก่อนจะเดินตามเขาไปแต่โดยดี

    ลมหนาวเริ่มพัดมา  ใกล้ถึงเวลาแห่งหิมะแรก  หิมะแห่งความสุขกำลังจะใกล้เข้ามา  หากมองจากไกล ๆ คงจะเห็นเพียงว่าจองชินกำลังเดินอยู่เพียงลำพังคนเดียวจากโรงละครไปยังลานจอดรถ  เสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่จองชินสวมมาดูจะทำหน้าที่ของมันได้ดี  ร่างบางเบียดชิดอยู่ภายใต้เสื้อโค้ทของเขา  อ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นจากรักที่ช่วยเป็นเกราะป้องกันความหนาวได้ดี 

    “หนาวจังเลย  ไม่คิดว่าจะหนาวขนาดนี้เลยนะ”  กยูริแทบจะอ้าปากไม่ออก

    “ผมมีวิธีให้หายหนาวนะ”  จองชินดูเจ้าเล่ห์จนแทบจะเป็นนิสัย

    “อะไรเหรอ...”  กยูริรู้สึกได้ถึงควันที่พวยพุ่งออกมาจากปากของเธอ

    “ให้ผมไปนอนเป็นเพื่อน  คืนนี้พี่ไม่หนาวแน่”  จองชินยิ้มกรุ่มกริ่ม  กยูริสะดุดกับคำพูดของเขาจนชะงักหยุดเดินทันที  แล้วเงยหน้ามองหน้าเขาราวกับจะเอาเรื่อง

    “หืม.....”  จองชินทำไม่รู้ไม่ชี้ลอยหน้าลอยตากลบเกลื่อน

    “งั้นไม่หนาวแล้ว”  กยูริพูดจบแล้วทำท่าจะผละจากเขาไป  จองชินรั้งเอวบางเอาไว้ไม่ยอมให้เธอห่างจากเขา  กยูริตีเพี้ยะเข้าที่ต้นแขนหมั้นไส้วายร้ายจอมวางแผน  เขากลับยิ่งกระชับอ้อมแขนให้แน่นยิ่งขึ้น  กยูริอดที่จะยิ้มไม่ได้  สองแขนโอบรอบเอวของเขาไว้ขยับเข้าไปให้ใกล้จนไม่เหลือช่องว่างทั้งกายและใจ  แม้เขาจะเป็นจอมวายร้ายและชอบวางแผน  แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็เป็น Mister ของเธออยู่ตลอดเวลา 

     

     

    จงฮยอนทิ้งกายลงบนที่นอนด้วยความสับสนวุ่นวาย  ไม่สามารถเริ่มต้นเขียนเพลงใหม่ได้อย่างที่ตั้งใจ  เรื่องที่ซอฮยอนสะกิดใจเขาวันนี้ยังรบกวนจิตใจ  เขาต้องยอมรับว่าตัวเองดูมีความสุขและมุ่งมั่นกับเรื่องงานมากเกินไปจนลืมคิดถึงใครบางคน  ใครบางคนที่อาจจะรอฟังข่าวจากเขาอยู่  แต่หากเธอรอฟังอยู่  ทำไมเธอถึงได้นิ่งเฉยไม่คิดจะติดต่อเขามาก่อนบ้าง  นี่ทั้งสองคนกำลังจะชาชินกับความห่างไกล  จนมันอาจจะกลายเป็นความห่างเหินไปใช่ไหม  เรื่องนี้เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้เลย 

     

    มินฮยอกยืนกอดอกอยู่ทีระเบียงเพียงลำพัง  มีความสุขกับหวังเล็ก ๆ ในใจ  หนทางข้างหน้ายังไม่อาจรู้ว่าจะเป็นอย่างไร  แต่ในที่สุดเขาก็ได้พูดมันออกไปแล้ว  ความจริงในหัวใจที่เขารู้สึกอย่างไรกับนูน่าคนสวย  ค่ำคืนอันมืดมิด  ลมหนาวยังพัดพามากระทบร่างโปร่งสูง  ร่างของเขาสั่นสะท้านไปตามแรงลมแต่ในหัวใจกลับมั่นคงและแกร่งยิ่งกว่าสิ่งใด  ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอในตอนนี้เป็นเรื่องเดียวที่เขามั่นใจมากที่สุดในชีวิต  ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งฤดูหนาวไม่ได้มีดาวพร่างพรายอย่างที่ใจต้องการ  แต่ยังมีแสงระยิบระยับพอให้สายตาของเขาได้จับจ้อง  หากคนบนท้องฟ้ามีจริงเหมือนในนิทาน  สิ่งเดียวที่อยากขอ  แค่เพียงให้เธอคนนั้นมีเขาอยู่ในใจ   ให้ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขามากพอกับที่เขารับเธอเข้ามาไว้ในใจ

     











    พาร์ทนี้จะยาวหน่อยนะคะ  เรื่องเยอะมาก  ตอนแรกกะว่าจะขึ้นพาร์ทใหม่แต่มีประเด็นค้างไว้เลยต้องปิดประเด็นก่อนพาร์ทใหม่จะมา  ลากยาวไปถึงจีนเลยล่ะกันคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×