ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [YongSeo Story] Part 6 Land of Love.

    ลำดับตอนที่ #5 : Long night #2 ....ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ค. 55


     




    ยงฮวานั่งมองโทรศัพท์ในมืออย่างอารมณ์เสีย  ไม่แน่ใจว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ที่เขาเฝ้ากดโทรศัพท์หาปลายทาง....  เขาลุกขึ้นยืน  ก่อนจะนั่งลง แล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้ง  ทำแบบเดิมซ้ำไปซ้ำมา  นี่เป็นอีกเรื่องที่น่าหงุดหงิดสำหรับเขา  หงุดหงิดที่ทุกอย่างไม่ได้ดั่งใจ  หงุดหงิดที่ไม่มีสิทธิ์ทำตามใจตัวเอง  เขาครุ่นคิด  ชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องไป  จุดหมายไม่ใช่อื่นไกลแต่เป็นห้องพักชั้นบน  ที่ ๆ หัวใจเขาไปรออยู่ก่อนแล้ว  ยงฮวาค่อย ๆ เดินอ่านป้ายชื่อไปทีละห้อง  จนมาถึงห้องสุดท้ายเขาก็ยิ้มให้กับตัวเองด้วยความพอใจ  ก่อนจะค่อยกดกริ่งที่หน้าห้อง  แล้วยืนรออย่างใจเย็น  เพียงครู่เดียวสาวสวยในเสื้อคลุมอาบน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูในมือที่เอามาเพื่อเช็ดผมที่เปียกชุ่มของเธอก็เปิดประตูออกมา

    “พี่ยงฮวา....”  ซอฮยอนเรียกชื่อเขาก่อนจะชะโงกหน้าพ้นประตูออกไปมองที่ทางเดิน  เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครบังเอิญมาเจอเธอกับยงฮวาในเวลาแบบนี้

    “พี่โทรหาแล้วเธอไม่รับสาย  พี่ก็ต้องมาหาแบบนี้แหละ”  ยงฮวาออกจะงอนอยู่บ้าง

    “อ๋อ....ชั้นอาบน้ำอยู่คะ  กะว่าเสร็จแล้วจะโทรหาพี่”  ซอฮยอนตอบหน้าซื่อ 

    “แล้วตกลงจะให้พี่ยืนอยู่แบบนี้เหรอ  ไม่กลัวใครมาเจอหรือไง” 

    “อ๊า... ลืมไปเลยคะ”  ซอฮยอนพูดก่อนจะหลีกทางให้ยงฮวาแทรกตัวผ่านประตูเข้ามาในห้อง  “เดี๋ยวชั้นแต่งตัวแป๊บนะคะ”  เธอไม่รอฟังปฏิกิริยาจากเขาก็รีบผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง  ยงฮวาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนก่อนจะมองหารีโมทเพื่อจะเปิดทีวี

    “ซอฮยอน...”  เขาเรียกชื่อเธอพร้อมกับกดเปิดทีวีและเลื่อนหารายการที่อยากดู

    “คะ...”  เธอตะโกนตอบกลับออกมา

    “ทำไมต้องเข้าไปแต่งตัวในนั้นล่ะ” 

    “แล้วจะให้แต่งที่ไหนคะ”  ซอฮยอนพาซื่ออีกครั้ง

    “ก็ข้างนอกนี่ไง....”  พูดจบเขาก็แทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่เมื่อนึกถึงหน้าของซอฮยอนเมื่อได้ยินประโยคนี้จากเขา

    “ห๊ะ....”  ซอฮยอนอุทานกับตัวเอง  “ก็พี่อยู่ข้างนอกจะให้ไปแต่งตัวข้างนอกได้ไงคะ” 

    “ต้องอายพี่ด้วยเหรอ...”  ยงฮวายังคงแกล้งเย้าเธอต่อ

    “พี่ไม่ใช่พี่ฮโยอนสักหน่อยจะได้ไม่ต้องอาย”  พูดจบเธอก็เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำแต่งตัวเรียบร้อยดี  เหลือก็เพียงผมยาวสวยที่ยังคงเปียกและเธอก็ยังคงใช้ผ้าขนหนูเช็ดน้ำจากเส้นผมอยู่  ก่อนจะนั่งลงที่หน้ากระจกที่โต๊ะเครื่องแป้ง  ยงฮวามองตามเธอก่อนจะลุกจากเตียงนอนแล้วเดินตรงเข้าไปหาเธอ

    “ทำงานวันนี้เหนื่อยหรือเปล่า”  เขาพูดพลางดึงผ้าขนหนูมาจากมือเธอ  แล้วเริ่มบรรจงเช็ดผมให้เธอ  ซอฮยอนจ้องมองใบหน้าของเขาผ่านกระจกบานใหญ่ตรงหน้าแล้วยิ้มออกมา

    “พี่ได้รางวัลด้วยนี่คะ  ชั้นดีใจด้วยนะคะ”  ยงฮวาจ้องมองเธอผ่านกระจก

    “แค่ดีใจเองเหรอ...”  ยงฮวาแกล้งทำเสียงเล็กเสียงน้อย

    “อยากฉลองมั๊ยคะ...”  ซอฮยอนละสายตาจากหน้ากระจกมาหาเขา

    “อืม...”  ยงฮวาทำหน้านิ่งคิด  ซอฮยอนลุกขึ้นแล้วหันมามองเขาก่อนจะยิ้มออกมาอย่างร่าเริง....

    “ไปคะ...ออกไปหาอะไรทานกัน”  ซอฮยอนมีท่าที่ตื่นเต้นขึ้นมาทันที  เธอคว้าผ้าขนหนูมาจากมือยงฮวาไปวางไว้ที่หน้ากระจกก่อนจะคว้าข้อมือเขาแล้วทำท่าเหมือนจะเดินนำเขาไป

    “ซอฮยอน....อ่า”  ยงฮวาทำท่าอิดออด  ไม่อยากจะเดินตามไป 

    “ไม่อยากฉลองเหรอคะ...”  ซอฮยอนหันไปมองเขา  ตาโต.....  ยงฮวาหน้างอไปนิดหน่อย  “ไปมั๊ยคะ”  ซอฮยอนยิ้มทำตาแป๋วใส่เขา  ยงฮวาถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ  รู้สึกขัดใจอย่างบอกไม่ถูก  ดูเหมือนซอฮยอนคงจะต้องเอาใจเขาให้มากสักหน่อย  เธอก้าวเข้าไปควงแขนเขา “ไปกันเถอะคะ”  ยงฮวาจำยอมใจอ่อนยอมให้เธอลากเขาไป 

     

    จงฮยอนเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารไม่มีสองแสบกับสาวสวยตามกลับมาด้วย  ฮโยยอนพอจะเดาเหตุการณ์ได้ทันทีว่าเธอจะต้องอยู่ในสภาพอึดอัดเพียงลำพังสองคนกับจงฮยอนต่อไป  แต่จู่ ๆเธอก็รู้สึกเหมือนว่าเธอดีใจ...เพราะอะไรกัน

    “พนักงานบอกว่าสามคนนั้นออกไปแล้ว”  จงฮยอนบอกกับเธอสั้น ๆ ก่อนจะนั่งลงทีเดิม  ฮโยยอนมองดูเขาด้วยความแปลกใจ  เขาดูไม่โกรธหรือทุกข์ร้อนอะไรที่ต้องมาโดนเพื่อนทิ้งกลางดึก  และดูเหมือนจะสบายใจมากขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

    “แล้วเราจะเอายังไงต่อดีคะ”  เธอถามขึ้น  จงฮยอนเอียงคอมองเธอคล้ายว่าไม่เข้าใจในคำถาม  “ชั้นหมายถึงสามคนนั้นไม่อยู่แล้ว  เราจะกลับกันเลยมั๊ย”  เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าจะอธิบายไปเพื่ออะไร  ในเมื่อคำถามของเธอไม่ได้เข้าใจยากเย็นอะไร

    “อ๋อ...นึกว่าพูดเรื่องอื่นเสียอีก”  จงฮยอนพึมพำเบา ๆ  “ถ้าคุณอยากกลับแล้วเรากลับกันเลยก็ได้ครับ”

    จงฮยอนไม่รอที่จะฟังเธอพูดเขาหันไปกดกริ่งเรียกพนักงานก่อนจะจัดแจงจ่ายค่าอาหารโดยไม่สนใจฮโยยอนที่กำลังจ้องมองเขาด้วยความสงสัยในพฤติกรรมแปลก ๆ เขาวางตัวให้เหมือนดูเฉยชา...  แต่กลับมีท่าทีร้อนรนจนเธอสังเกตเห็นได้

    แสงไฟสีส้มสาดส่องไปตามทางเดิน  เพราะเป็นเวลาที่ค่อนข้างดึกแม้จะเป็นทางเท้าริมถนนใจกลางเมืองแต่ก็ไร้ผู้คน  จงฮยอนใช้สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงค่อย ๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าดูไม่รีบร้อนจนเกือบจะเหมือนเขากำลังเดินเล่นมากกว่าจะเดินกลับที่พัก  ฮโยยอนเอาสองมือของเธอไขว้ไว้ด้านหลังเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ ปล่อยให้แต่ละก้าวผ่านไปโดยไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากปากของทั้งสองคน 

    “ฉันยังไม่ได้แสดงความยินดีกับรางวัลที่คุณได้วันนี้เลย”  จู่ ๆ ฮโยยอนก็พูดขึ้นมา  เธอเพียงต้องการจะทำลายบรรยากาศที่แสนเงียบเชียบลง  ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะโต้ตอบอะไร

    “นึกว่าคุณไม่สนใจเสียอีก”  เขาพูดทั้ง ๆ ที่สายตายังคงจ้องมองไปเบื้องหน้า  ทำราวกับว่าพูดอยู่คนเดียว

    “ฉันก็สนใจมาตลอดแหละ...”  ฮโยยอนผลั้งปากพูดออกไปด้วยความน้อยใจที่เธอแอบเก็บซ่อนไว้โดยไม่ทันได้คิด  จู่ ๆ จงฮยอนก็หยุดเดินก่อนจะยกสองมือขึ้นกอดอกแล้วหันหน้ามามองเธอ  อ้าปากคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง  แต่แล้วก็หันหน้าหนีจากเธอไปอีกครั้งพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  ก่อนจะหลับตานิ่งคล้ายจะพยายามระงับสติให้คงที่

    “ฉันพูดอะไรที่ทำให้คุณไม่พอใจงั้นเหรอ”  ฮโยยอนตั้งคำถามกับเขาตรง ๆ

    “ป่าว...ผมแค่หวังว่าคุณจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก”  เขาพูดทั้ง ๆ ที่ยังคงหลับตานิ่งไม่ได้รับรู้ว่าคำพูดของตัวเองได้กรีดลงไปที่กลางใจของคนฟัง  ฮโยยอนก้มหน้ามองพื้นเจ็บแปล๊บไปทั้งใจ  ...แม้แต่ความห่วงใยจากเธอ  เขาก็ไม่เคยต้องการ  เธอหวังเพียงว่าในเวลาแบบนี้เธอจะเข้มแข็งมากพอที่จะไม่ร้องไห้ออกมา  แม้จะรู้สึกถึงก้อนน้ำตาที่มาจุกอยู่ที่คอในตอนนี้

    “ฉันขอโทษ  ถ้าความสนใจของฉันไปรบกวนคุณ  ฉันเพียงแต่หวังว่าเราจะยังเป็นเพื่อนกันได้  ก็เท่านั้น”  ฮโยยอนจ้องมองดูผู้ชายข้างกายเธอที่ดูเหมือนตอนนี้เขาจะพยายามกลั้นหัวเราะกับคำพูดโง่ ๆ ของเธออยู่ 

    “รู้อะไรมั๊ย  ....ผมเกลียด  เกลียดเวลาที่คุณพูดว่าคุณสบายดี  เกลียดที่คุณยังหัวเราะร่าเริงได้เวลาที่คุณเจอผม”  น้ำเสียงของเขาราบเรียบแต่ทว่าแฝงไปด้วยความกราดเกรี้ยว  เขาพูดก่อนที่จะหันมาจ้องหน้าเธอตรง ๆ “ผมอยากให้คุณทรมาณ  ยิ้มไม่ได้  หัวเราะไม่ออก  เจ็บปวดให้ได้ครึ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกในตอนนี้  แต่ถ้าคุณไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนั้นเลยคุณยังจะกล้ามาพูดว่าคุณสนใจผมอยู่อีกงั้นเหรอ”  ฮโยยอนแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง  เขาแสดงออกตรงข้ามกับความรู้สึกของเขาอย่างนั้นหรือ

    “จงฮยอน...”  เธอเรียกชื่อเขาออกมาเบา ๆ

    “ผมไม่เป็นเพื่อนกับผู้หญิงที่ผมรักหรอกนะ ผมมีหัวใจแล้วข้างในนี้มันก็ยังมีความรู้สึก  ผมแตกต่างจากคุณ”  เขาจ้องหน้าเธอพร้อมกับพูดออกมา  ฮโยยอนรู้สึกเหมือนโลกหมุนกลับตาลปัตร  ราวกับว่าเข็มนาฬิกาจะเดินถอยหลัง  กลางวันกลับกลายเป็นกลางคืน  จู่ ๆ ค่ำคืนอันมืดมิดก็สว่างจ้าขึ้นมาเหมือนมีพระอาทิตย์ขึ้นยามเที่ยงคืน 

    “ชั้น...”  เธออ้ำอึ้งเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไป  สิ่งที่เก็บอยู่ในใจตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาควรจะพรั่งพรูออกมาในเวลานี้หรือไม่

    “ถ้าเจอกันคราวหน้าช่วยทำเหมือนว่าเราไม่รู้จักกัน  ...อย่าทำเหมือนว่าคุณสนใจผมอีกเลย  คิดซะว่าช่วยผมล่ะกัน  ผมจะได้ลืมคุณได้เสียที”  พูดจบเขาก็เดินจากไปทิ้งให้คนข้างหลังอยู่เพียงลำพังท่ามกลางแสงไฟสลัว  ไร้เงาผู้คน  มีเพียงหยาดน้ำใส ๆ ที่กำลังไหลรินจากสองตาจ้องมองแผ่นหลังของผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจแต่เขากำลังเดินจากไป  ไกลออกไป ไกลออกไปมากขึ้นทุกที 

    ระยะทางกลับโรงแรมช่างดูยาวไกลนัก  จงฮยอนรู้สึกเหมือนสองขาไร้เรี่ยวแรง  เพียงจะก้าวไปข้างหน้าก็รู้สึกเหมือนว่าจะล้มลงได้หากเขายังจะพยายามก้าวเดินต่อ  หัวใจที่แตกสลายไปแล้วจะโดนเหยียบย่ำซ้ำอีกครั้งได้หรือไม่  หากว่าไม่ได้แต่ทำไมเขาถึงได้เจ็บปวดมากมายเหลือเกิน   เขาเฝ้าหวังเพียงว่าหัวใจของเขาจะแตกสลายได้จริง ๆ หวังให้ในอกว่างเปล่าไร้ซึ่งหัวใจให้เขาต้องมาเจ็บปวดหรือทรมาณซ้ำ ๆ อีก 

    ประตูลิฟท์เปิดออกช้า ๆ นี่คงเป็นเวลาดึกมากเกินไป  ล๊อบบี้ของโรงแรมจึงดูเงียบเหงา  แม้แต่เสียงกริ่งลิฟท์เปิดก็ยังก้องกังวานไปทั่ว  จงฮยอนค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้าไปในลิฟท์ช้า ๆ หวังเพียงว่าเขาจะไม่ล้มลงก่อนที่จะถึงเตียงนอน  ก่อนจะกดปิดลิฟท์พร้อมกับถอนหายใจออกมา  แต่แล้วประตูลิฟท์กลับถูกขัดขวางการทำหน้าที่ของมันเพราะมีมือใครบางคนยื่นเข้ามาขวางไว้  ยังไม่ทันที่จงฮยอนจะได้เห็นว่าเจ้าของมือเป็นใคร  เขาก็รู้สึกได้ถึงร่างเล็ก ๆ บาง ๆ ที่โถมเข้ามาสวมกอดเขา  เขาเซไปเพียงเล็กน้อยก่อนจะได้มองเจ้าของอ้อมกอดนั้นได้ถนัดตา

    “ฮโยยอน...”  เขาเรียกชื่อเธออกมา  ไม่แน่ใจว่าตัวเองตกใจ แปลกใจ ดีใจ  หรือรู้สึกอย่างไรกันแน่  นาฬิกาเดินถอยหลังหรืออย่างไรกัน

    “ไม่คิดว่าควรจะกอดชั้นคืนงั้นเหรอ...”  ฮโยยอนเงยหน้าขึ้นมาถามเขา  จงฮยอนจ้องมองใบหน้างดงามที่ตอนนี้อยู่ห่างจากสายตาเขาเพียงไม่กี่คืบ  ยังมีคราบน้ำตาปรากฏอยู่บนพวงแก้มใส  ดวงตากลมโตเพิ่งจะผ่านการร้องไห้มาและรอยน้ำตายังไม่จางหาย  เขาไม่ทำตามขอเรียกร้องจากเธอแต่กลับใช้สองมือประครองใบหน้างดงาม  ดวงตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับผิดกับก่อนหน้านี้เพียงชั่วครู่ที่เขาดูเหมือนจะตายได้ทุกขณะ  เขาจ้องมองราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอและตกหลุมรักเธอ  ในดวงตาคู่กลมโตตรงหน้ามีเงาของเขาอยู่ในนั้น  ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะมองเห็นตัวเองได้ชัดเท่าครั้งนี้  เขาค่อย ๆ โน้มศีรษะเข้าใกล้เธอช้า ๆ ก่อนจะมอบจุมพิตดูดดื่มแสนหวานตอบแทนอ้อมกอดอุ่นจากเธอที่เขาโหยหามันมานานแสนนาน  เข็มนาฬิกาไม่ได้เดินถอยหลัง  โลกก็ยังคงหมุนไปในทิศทางเดิม   กลางวันก็ยังคงไม่ใช่กลางคืน  และพระอาทิตย์ยามเที่ยงคืนไม่ได้เกิดขึ้นที่โอซาก้า  แต่ทว่าหัวใจสองดวงที่ดูเหมือนจะกลายเป็นเส้นขนานต่างหากที่มาบรรจบกันในที่สุด

     

    “ซอฮยอน....เดี๋ยวนี้ยอมกินราเมงแล้วเหรอ”  ยงฮวาพูดพลางกดน้ำร้อนใส่ลงในถ้วยราเมงแล้วส่งให้ซอฮยอน  เธอพยักหน้าก่อนจะรับมันมาถือไว้ในมือ

    “ชั้นไม่ได้บอกว่ากินไม่ได้สักหน่อย  แค่แนะนำว่าไม่ควรกินคะ”

    “แล้วทำไมเราไม่ไปกินอย่างอื่นที่ควรกินล่ะ”  ทีนี้ถึงคราวเขากดน้ำร้อนลงถ้วราเมงของตัวเองบ้าง

    “ดึกแบบนี้จะมีอะไรให้กินคะ”  เธอถามเขาตาแป๋ว

    “ซอฮยอน...นี่เรามาฉลองรางวัลของพี่ไม่ใช่เหรอ  แล้วทำไม...”  ยงฮวายังคงออกอาการงอแง  ซอฮยอนหันมามองท่าทีของผู้ใหญ่หัวใจเด็กแล้วครุ่นคิด  ....เธอควรจะทำยังไงดี

     

    แม้จะเป็นเวลาดึกสงัดแต่แสงไฟในยามค่ำ ก็ยังคงทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี  บนถนนที่ดูว่างเปล่า  ทางเท้าที่ไม่มีผู้คนขวักไขว่เหมือนช่วงเวลากลางวัน  แต่กลับมีผู้ชายใจน้อยที่เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมพูดจายงฮวาเดินลากเท้าไปตามทางเดินเท้าด้วยความขัดใจที่ซอฮยอนดูจะไม่สนใจใยดีกับอาการงอแงของเขาเอาเสียเลย  ซอฮยอนกอดอกเดินไปเรื่อย ๆ พร้อม ๆ กับสายตาที่จับจ้องอยู่ที่ยงฮวาอยู่ตลอดเวลา

    “พี่โกรธชั้นเหรอคะ”  แต่ยงฮวากลับเงียบไม่พูดจา  “พี่ต้องโกรธแน่ ๆ “  ซอฮยอนยังคงพูดเพียงอย่างเดียว  และดูเหมือนจะไม่พยายามหาวิธีง้องอนเขา  “เราไม่มีร้านอาหารอื่นให้ไปนี่คะ...”  เธอพูดก่อนจะนิ่งคิดไปครู่ใหญ่  “ไม่ชอบราเมงเหรอคะ...เห็นพี่ทานออกบ่อย”  ยงฮวายังคงเงียบ  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมซอฮยอนถึงเข้าใจอะไรได้ยากขนาดนี้  ไม่ใช่เพราะร้านอาหาร  บะหมี่  หรือรางวัลอะไรที่เขาอยากได้จากเธอ

    “พี่อยากกลับไปพักมั๊ยคะ”  ซอฮยอนดูจะหมดหนทางจะทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นมา  ยงฮวาถอนหายใจเฮือกใหญ่ตั้งใจให้ซอฮยอนรู้ก่อนจะเดินนำเธอไปด้วยความขุ่นเคืองในใจ  ซอฮยอนหน้ามุ่ยมองเขาก่อนจะรีบสาวเท้าเดินตามเขาไป 

    “พี่ยงฮวาไม่เคยเอาใจยากขนาดนี้เลย”

     

    ซอฮยอนยังคงเดินวนไปมาอยู่หน้าห้องพักของยงฮวา  เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี  ทำไมจู่ ๆ ยงฮวาถึงได้เดินหนีเธอมาแบบนี้  แล้วจะเป็นการเสียมารยาทไหมหากการมาเยือนของเธอจะทำให้เพื่อนร่วมห้องของยงฮวาต้องตื่นขึ้นมา  ซอฮยอนยืนรออยู่ครู่ใหญ่ตัดสินใจจะกดกริ่ง  และแน่นอนว่าเป็นเขาที่เปิดประตูออกมา

     “ว่าไงซอฮยอน”  เขาทำหน้าตึงใส่เธอ 

    “พี่ยังไม่นอนเหรอคะ...”  ยงฮวาไม่ตอบแต่กลับหันหลังเดินเข้าไปในห้องทั้งที่ยังเปิดประตูห้องทิ้งไว้  ซอฮยอนหน้ามุ่ยรับรู้ได้ทันทีว่ายงฮวายังคงอารมณ์ไม่ดี  เธอเดินตามเขาเข้าไปในห้องอย่างระมัดระวัง  กลัวว่าจะทำเสียงดังในขณะที่สายตาก็มองไปที่เตียงนอนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มารบกวนการพักผ่อนของคนอื่น

    “พี่นอนคนเดียวเหรอคะ”  เธอถามย้ำให้แน่ใจไม่ได้มีเจตนาอื่นใด  ยงฮวาทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วเอียงคอมองเธอ  ราวกับว่าจะเอาเรื่องเอาราวจากเธอ

    “แล้วพี่ควรจะนอนกับใครล่ะ”  เขาถามเสียงเรียบ

    “สมาชิกคนอื่น  พี่จงฮยอนมั๊งคะ”  ซอฮยอนยังพาซื่อ

    “หึ...”  เขาแค่นหัวเราะอยู่ในลำคอ   ซอฮยอนยิ่งสลดลงไปอีกดูเหมือนว่ายงฮวาจะโกรธเธอจริง ๆ เธอเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะมองเขาตาแป๋วแต่ยงฮวากลับทำเมินใส่เธออย่างเห็นได้ชัด

    “ฉันทำให้พี่โกรธเหรอคะ”  เธอยังคงทำใจดีสู้เสือต่อไป  ยงฮวาเงยหน้ามองเธอส่งสายตาเย็นชาให้แทนคำตอบ  ซอฮยอนไม่รู้ว่าเธอควรจะทำอะไรหรือง้องอนเขาอย่างไรดี  “ต้องทำยังไงคะ พี่ถึงจะหายโกรธ”  เธอถามเขาตรง ๆ

    “ไม่เห็นต้องทำอะไร...พี่ไม่ได้โกรธ”  ยงฮวาพูดในสิ่งที่สวนทางกับการแสดงออกของตัวเอง

    “พี่โกรธ...”  ยงฮวาฟังแล้วก้มหน้าทำราวกับว่าไม่อยากจะพูดกับคนตรงหน้า  ซอฮยอนนิ่งคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง  ราวกับว่าจะชั่งใจว่าควรจะทำสิ่งที่เธอคิดอยู่ตอนนี้หรือไม่  แล้วค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้นกว่าเดิม  ก่อนจะนั่งลงบนตักของเขาพร้อม ๆ กับใช้ท่อนแขนเรียวบางคล้องคอเขาไว้  ยงฮวาดูเหมือนจะตกใจกับปฏิกิริยาตอบรับจากซอฮยอนที่ดูจะเหนือความคาดหมาย  แต่เขาก็ยังทำเฉยต่อไปได้ทั้ง ๆ ที่รู้สึกเหมือนหัวใจจะวายได้ทุกขณะ

    “อย่าโกรธชั้นเลยนะคะ”  เธอทำเสียงออดอ้อนก่อนจะเอนตัวซบลงบนอกของเขา 

    “อย่าคิดว่าทำแบบนี้  แล้วพี่จะใจอ่อนกับเธอนะ”  ยงฮวายังคงดูขุ่นเคือง  ซอฮยอนเงยหน้ามาจ้องหน้าเขาก่อนจะยิ้มออกมา  ยิ้มที่ทำให้ยงฮวาแทบจะหยุดหายใจ

    “ไม่หายโกรธแน่เหรอคะ”  เธอพูดพร้อม ๆ กับใช้มืออีกข้างประครองใบหน้าของเขาให้หันมาสบตากับเธอตรง ๆ

    “อย่าเล่นแบบนี้...”  ยงฮวาเหมือนจะเตือนเธอ

    “ชั้นจะทำจนกว่าพี่จะหายโกรธ”  ซอฮยอนผู้ไร้เดียงสาดูเหมือนว่าจะยังไม่รู้สึกถึงภัยที่กำลังจะมาถึง  เธอยังคงจ้องหน้าเขา  ยงฮวาหลับตาลงพร้อม ๆ กับถอนหายใจเขาต้องการระงับสติอารมณ์  “ทำไมพี่ไม่สบตาชั้นล่ะ  ยอมแพ้แล้วใช่มั๊ย” 

    “เธอคิดว่าเธอจะเอาชนะพี่ได้เพราะวิธีแบบนี้เหรอ”  ในที่สุดเขาก็สบตากับเธอตรง ๆ

    “แล้วไม่ใช่เหรอคะ”  ซอฮยอนพูดพลางย้ายมือของเธอมาไว้ที่หน้าอกหนาของเขา  ดูเหมือนว่าเธอจะพยายามท้าทายเขา

    “เด็กน้อย...พี่บอกว่าพี่ไม่ได้โกรธเธอไง”  เขาพูดพร้อม ๆ กับจับมือของเธอไว้เพื่อให้หยุดความพยายามที่จะเอาชนะเขาเสียที

    “ถ้าไม่โกรธแล้วทำไมไม่พูดดี ๆ กับชั้นล่ะ”  ซอฮยอนพูดพลางเอียงกายซบเขาอีกครั้ง 

    “นี่เธอจะยั่วพี่เหรอ...” 

    “แล้วสำเร็จมั๊ยล่ะคะ...”  ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่จะตามมาหากเธอทำได้สำเร็จ

    “ไม่...”  เขาตอบเสียงแข็ง 

    “แล้วทำยังไงพี่ถึงจะหายโกรธ”  เธอยังคงซบอยู่ที่แผ่นอกกว้าง

    “เดี๋ยวนี้หัดง้อคนอื่นแบบนี้แล้วเหรอ...”  ยงฮวาพูดพร้อม ๆ กับพยายามจะหยุดมือเล็ก ๆ ที่ซุกซนเปะป่ายอยู่บนแผ่นอกของเขา  ซอฮยอนไม่ตอบแต่กลับคว้ามือของเขามาโอบเอวเธอไว้  ยงฮวาเกือบจะถอนหายใจออกมา  ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชินกับการจู่โจมจากเธอ  “แน่ใจเหรอว่าจะทำแบบนี้...”  เขาถามเสียงเรียบ

    “พี่จะยอมแพ้แล้วใช่มั๊ย”  ซอฮยอนแกล้งทำเป็นกระซิบที่ข้างหูเขา

    “เธอไม่ชนะพี่หรอก....”  ถึงตอนนี้เขากลับโอบกอดเธอไว้แล้วปล่อยให้ฝ่ามือเล็ก ๆ ของเธอเปะป่ายไปมาอยู่บนแผ่นอกของเขา

    “แน่ใจเหรอคะ...”  ยงฮวาพยักหน้า

    “พี่บอกว่าไม่ได้โกรธไง”  ดูเหมือนว่าพญาเสือจะให้โอกาสลูกแกะน้อยหนีตายเป็นครั้งสุดท้าย 

    “งั้นก็พูดกับชั้นดี ๆ สิ  เลิกทำหน้าบูดได้แล้ว”  ซอฮยอนขยับมาจ้องหน้าเขาก่อนจะพูดออกมา  ยงฮวายิ้มมุมปากก่อนจะจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเลศนัย  ทำเอาซอฮยอนรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เพียงเพราะเขาจ้องมองเธอ

    “ถ้าพี่ยิ้มก็แสดงว่าหายโกรธแล้ว...”  ซอฮยอนแกล้งทำกลบเกลื่อน  ยงฮวาพยักหน้าเบา ๆ เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ  เธอจึงใจชื้นขึ้นมาก่อนจะค่อย ๆ ขยับแขนออกจากคอของเขา  แล้วพยายามจะลุกจากตักของเขา  แต่ยงฮวากลับรั้งเธอไว้พร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาที่ทำให้ซอฮยอนรู้สึกเหมือนจะโดนแผดเผาเพียงแค่เขาจ้องมองเธอ

    “มาทำแบบนี้แล้วจะหนีไปเฉย ๆ เหรอ”  ยงฮวาดูเหมือนเสือที่กำลังจะขย้ำเหยื่อ  ซอฮยอนก้มหน้างุดหลบตาเขา

    “ชั้นควรจะกลับห้องก่อนที่พี่จงฮยอนจะมานะคะ”  ยงฮวาไม่ต่อบทสนทนากับเธอแต่กลับโน้มใบหน้าของเขาเข้าไปใกล้เธอก่อนจะจุมพิตเบา ๆ ที่ริมฝีปากอวบอิ่ม  ซอฮยอนผงะเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้ามาจ้องเขา

    “พี่ยงฮวา...”  เธออุทานออกมาเบา ๆ ไม่คิดว่าเขาจะเอาคืนแบบนี้

    “ซอฮยอน...รู้มั๊ยว่าเธอไม่ควรง้อใครก็ตามด้วยวิธีแบบนี้  ...หรือแม้แต่กับพี่เธอก็ไม่ควรทำ” 

    “นี่เป็นครั้งแรกที่ชั้นทำอะไรแบบนี้...”  ซอฮยอนจ้องเขาตาแป๋ว  ยงฮวาจ้องมองใบหน้าที่กระจ่างใสตรงหน้าด้วยความหลงใหล  ไหนจะยังมีริมฝีปากอวบอิ่มที่ช่างเย้ายวนใจนั่นอีก  ก่อนจะค่อย ๆ ใช้มือเรียวยาวของเขาทาบลงริมฝีปากอวบอิ่มตรงหน้า 

    “ไม่ต้องยั่วยวนอะไรพี่  แค่เธอหายใจพี่ก็ยอมตายเพื่อเธอแล้ว”  เขามองสบตาดวงตากลมโตเป็นประกายตรงหน้า  ราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้บอกความรู้สึกภายในใจที่มีต่อเธอ 

    “ชั้นขอโทษที่ทำให้พี่โกรธ  บางทีพี่อาจจะต้องการงานฉลองที่เหมาะสม  เอาไว้เรากลับไปเกาหลีแล้วค่อยไปฉลองกันมั๊ยคะ”  เธอจ้องมองเขาด้วยความรักความภักดิ์ดีที่มีให้เขาเต็มหัวใจ

    “งานฉลองอะไรนั่นไม่สำคัญหรอก  พี่แค่อยากให้เธอสนใจพี่มากกว่าเรื่องทั่วไปอะไรแบบนั้น”  ในที่สุดเขาก็ยอมบอกถึงสาเหตุของความโกรธเคืองที่เขามี

    “บางทีชั้นอาจจะมองข้ามเรื่องแบบนั้นไป...”  ยังไม่ทันที่ซอฮยอนจะได้พูดอะไรต่อ  เขาก็ใช้นิ้วมือของเขาปิดปากเธอไว้เสียก่อน

    “ไม่ต้องพูดอะไร  อยู่กับพี่คืนนี้ก็พอ”  ซอฮยอนไม่ตอบแต่กลับก้มหน้าหลบสายตาเจ้าชู้จากเขา  ก่อนที่ยงฮวาจะค่อย ๆ โน้มใบหน้าของเขาเข้าหาเธอ  แล้วมอบจุมพิตแผ่วเบาที่ข้างแก้มนวลก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนไล้ริมฝีปากของเขาไปหยุดที่ปลายจมูกมน  เขาหยุดหายใจเพียงครู่เดียวก่อนจะทาบทับริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากอวบอิ่ม   .....จุมพิตที่แสนอ่อนโยนแต่ทว่ากลับจุดให้ไฟภายในร่างกายทั้งคู่ลุกโชน   .....ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้ไปเลย









    คืนเดียวอัพสองเรื่อง  ไรเตอร์ว่างงานหรืออย่างไร 555  ยงซอมาตามคำเรียกร้องถูกใจหรือป่าวน้อ...  จงฮโยพลิกล๊อคมั๊ยเนี่ย....  ตอนนี้เป็นอะไรที่ไรเตอร์คิดหนักมาก  คิดมุขยงซอหนักมาก  555 พยายามจะทำให้ยงเป็นโอปป้าผู้แสนอ่อนโยน  แต่พอนึกถึงพี่ยงสิบล้อตีนผีแล้วเล่นเอาหมดมู้ดเลย 555  ทำใจอยู่นานมาก


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×