คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Long night #2 ....ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้
ยงฮวานั่งมองโทรศัพท์ในมืออย่างอารมณ์เสีย ไม่แน่ใจว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ที่เขาเฝ้ากดโทรศัพท์หาปลายทาง.... เขาลุกขึ้นยืน ก่อนจะนั่งลง แล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ทำแบบเดิมซ้ำไปซ้ำมา นี่เป็นอีกเรื่องที่น่าหงุดหงิดสำหรับเขา หงุดหงิดที่ทุกอย่างไม่ได้ดั่งใจ หงุดหงิดที่ไม่มีสิทธิ์ทำตามใจตัวเอง เขาครุ่นคิด ชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องไป จุดหมายไม่ใช่อื่นไกลแต่เป็นห้องพักชั้นบน ที่ ๆ หัวใจเขาไปรออยู่ก่อนแล้ว ยงฮวาค่อย ๆ เดินอ่านป้ายชื่อไปทีละห้อง จนมาถึงห้องสุดท้ายเขาก็ยิ้มให้กับตัวเองด้วยความพอใจ ก่อนจะค่อยกดกริ่งที่หน้าห้อง แล้วยืนรออย่างใจเย็น เพียงครู่เดียวสาวสวยในเสื้อคลุมอาบน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูในมือที่เอามาเพื่อเช็ดผมที่เปียกชุ่มของเธอก็เปิดประตูออกมา
“พี่ยงฮวา....” ซอฮยอนเรียกชื่อเขาก่อนจะชะโงกหน้าพ้นประตูออกไปมองที่ทางเดิน เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครบังเอิญมาเจอเธอกับยงฮวาในเวลาแบบนี้
“พี่โทรหาแล้วเธอไม่รับสาย พี่ก็ต้องมาหาแบบนี้แหละ” ยงฮวาออกจะงอนอยู่บ้าง
“อ๋อ....ชั้นอาบน้ำอยู่คะ กะว่าเสร็จแล้วจะโทรหาพี่” ซอฮยอนตอบหน้าซื่อ
“แล้วตกลงจะให้พี่ยืนอยู่แบบนี้เหรอ ไม่กลัวใครมาเจอหรือไง”
“อ๊า... ลืมไปเลยคะ” ซอฮยอนพูดก่อนจะหลีกทางให้ยงฮวาแทรกตัวผ่านประตูเข้ามาในห้อง “เดี๋ยวชั้นแต่งตัวแป๊บนะคะ” เธอไม่รอฟังปฏิกิริยาจากเขาก็รีบผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง ยงฮวาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนก่อนจะมองหารีโมทเพื่อจะเปิดทีวี
“ซอฮยอน...” เขาเรียกชื่อเธอพร้อมกับกดเปิดทีวีและเลื่อนหารายการที่อยากดู
“คะ...” เธอตะโกนตอบกลับออกมา
“ทำไมต้องเข้าไปแต่งตัวในนั้นล่ะ”
“แล้วจะให้แต่งที่ไหนคะ” ซอฮยอนพาซื่ออีกครั้ง
“ก็ข้างนอกนี่ไง....” พูดจบเขาก็แทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่เมื่อนึกถึงหน้าของซอฮยอนเมื่อได้ยินประโยคนี้จากเขา
“ห๊ะ....” ซอฮยอนอุทานกับตัวเอง “ก็พี่อยู่ข้างนอกจะให้ไปแต่งตัวข้างนอกได้ไงคะ”
“ต้องอายพี่ด้วยเหรอ...” ยงฮวายังคงแกล้งเย้าเธอต่อ
“พี่ไม่ใช่พี่ฮโยอนสักหน่อยจะได้ไม่ต้องอาย” พูดจบเธอก็เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำแต่งตัวเรียบร้อยดี เหลือก็เพียงผมยาวสวยที่ยังคงเปียกและเธอก็ยังคงใช้ผ้าขนหนูเช็ดน้ำจากเส้นผมอยู่ ก่อนจะนั่งลงที่หน้ากระจกที่โต๊ะเครื่องแป้ง ยงฮวามองตามเธอก่อนจะลุกจากเตียงนอนแล้วเดินตรงเข้าไปหาเธอ
“ทำงานวันนี้เหนื่อยหรือเปล่า” เขาพูดพลางดึงผ้าขนหนูมาจากมือเธอ แล้วเริ่มบรรจงเช็ดผมให้เธอ ซอฮยอนจ้องมองใบหน้าของเขาผ่านกระจกบานใหญ่ตรงหน้าแล้วยิ้มออกมา
“พี่ได้รางวัลด้วยนี่คะ ชั้นดีใจด้วยนะคะ” ยงฮวาจ้องมองเธอผ่านกระจก
“แค่ดีใจเองเหรอ...” ยงฮวาแกล้งทำเสียงเล็กเสียงน้อย
“อยากฉลองมั๊ยคะ...” ซอฮยอนละสายตาจากหน้ากระจกมาหาเขา
“อืม...” ยงฮวาทำหน้านิ่งคิด ซอฮยอนลุกขึ้นแล้วหันมามองเขาก่อนจะยิ้มออกมาอย่างร่าเริง....
“ไปคะ...ออกไปหาอะไรทานกัน” ซอฮยอนมีท่าที่ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เธอคว้าผ้าขนหนูมาจากมือยงฮวาไปวางไว้ที่หน้ากระจกก่อนจะคว้าข้อมือเขาแล้วทำท่าเหมือนจะเดินนำเขาไป
“ซอฮยอน....อ่า” ยงฮวาทำท่าอิดออด ไม่อยากจะเดินตามไป
“ไม่อยากฉลองเหรอคะ...” ซอฮยอนหันไปมองเขา ตาโต..... ยงฮวาหน้างอไปนิดหน่อย “ไปมั๊ยคะ” ซอฮยอนยิ้มทำตาแป๋วใส่เขา ยงฮวาถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ รู้สึกขัดใจอย่างบอกไม่ถูก ดูเหมือนซอฮยอนคงจะต้องเอาใจเขาให้มากสักหน่อย เธอก้าวเข้าไปควงแขนเขา “ไปกันเถอะคะ” ยงฮวาจำยอมใจอ่อนยอมให้เธอลากเขาไป
จงฮยอนเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารไม่มีสองแสบกับสาวสวยตามกลับมาด้วย ฮโยยอนพอจะเดาเหตุการณ์ได้ทันทีว่าเธอจะต้องอยู่ในสภาพอึดอัดเพียงลำพังสองคนกับจงฮยอนต่อไป แต่จู่ ๆเธอก็รู้สึกเหมือนว่าเธอดีใจ...เพราะอะไรกัน
“พนักงานบอกว่าสามคนนั้นออกไปแล้ว” จงฮยอนบอกกับเธอสั้น ๆ ก่อนจะนั่งลงทีเดิม ฮโยยอนมองดูเขาด้วยความแปลกใจ เขาดูไม่โกรธหรือทุกข์ร้อนอะไรที่ต้องมาโดนเพื่อนทิ้งกลางดึก และดูเหมือนจะสบายใจมากขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
“แล้วเราจะเอายังไงต่อดีคะ” เธอถามขึ้น จงฮยอนเอียงคอมองเธอคล้ายว่าไม่เข้าใจในคำถาม “ชั้นหมายถึงสามคนนั้นไม่อยู่แล้ว เราจะกลับกันเลยมั๊ย” เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าจะอธิบายไปเพื่ออะไร ในเมื่อคำถามของเธอไม่ได้เข้าใจยากเย็นอะไร
“อ๋อ...นึกว่าพูดเรื่องอื่นเสียอีก” จงฮยอนพึมพำเบา ๆ “ถ้าคุณอยากกลับแล้วเรากลับกันเลยก็ได้ครับ”
จงฮยอนไม่รอที่จะฟังเธอพูดเขาหันไปกดกริ่งเรียกพนักงานก่อนจะจัดแจงจ่ายค่าอาหารโดยไม่สนใจฮโยยอนที่กำลังจ้องมองเขาด้วยความสงสัยในพฤติกรรมแปลก ๆ เขาวางตัวให้เหมือนดูเฉยชา... แต่กลับมีท่าทีร้อนรนจนเธอสังเกตเห็นได้
แสงไฟสีส้มสาดส่องไปตามทางเดิน เพราะเป็นเวลาที่ค่อนข้างดึกแม้จะเป็นทางเท้าริมถนนใจกลางเมืองแต่ก็ไร้ผู้คน จงฮยอนใช้สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงค่อย ๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าดูไม่รีบร้อนจนเกือบจะเหมือนเขากำลังเดินเล่นมากกว่าจะเดินกลับที่พัก ฮโยยอนเอาสองมือของเธอไขว้ไว้ด้านหลังเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ ปล่อยให้แต่ละก้าวผ่านไปโดยไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากปากของทั้งสองคน
“ฉันยังไม่ได้แสดงความยินดีกับรางวัลที่คุณได้วันนี้เลย” จู่ ๆ ฮโยยอนก็พูดขึ้นมา เธอเพียงต้องการจะทำลายบรรยากาศที่แสนเงียบเชียบลง ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะโต้ตอบอะไร
“นึกว่าคุณไม่สนใจเสียอีก” เขาพูดทั้ง ๆ ที่สายตายังคงจ้องมองไปเบื้องหน้า ทำราวกับว่าพูดอยู่คนเดียว
“ฉันก็สนใจมาตลอดแหละ...” ฮโยยอนผลั้งปากพูดออกไปด้วยความน้อยใจที่เธอแอบเก็บซ่อนไว้โดยไม่ทันได้คิด จู่ ๆ จงฮยอนก็หยุดเดินก่อนจะยกสองมือขึ้นกอดอกแล้วหันหน้ามามองเธอ อ้าปากคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็หันหน้าหนีจากเธอไปอีกครั้งพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะหลับตานิ่งคล้ายจะพยายามระงับสติให้คงที่
“ฉันพูดอะไรที่ทำให้คุณไม่พอใจงั้นเหรอ” ฮโยยอนตั้งคำถามกับเขาตรง ๆ
“ป่าว...ผมแค่หวังว่าคุณจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก” เขาพูดทั้ง ๆ ที่ยังคงหลับตานิ่งไม่ได้รับรู้ว่าคำพูดของตัวเองได้กรีดลงไปที่กลางใจของคนฟัง ฮโยยอนก้มหน้ามองพื้นเจ็บแปล๊บไปทั้งใจ ...แม้แต่ความห่วงใยจากเธอ เขาก็ไม่เคยต้องการ เธอหวังเพียงว่าในเวลาแบบนี้เธอจะเข้มแข็งมากพอที่จะไม่ร้องไห้ออกมา แม้จะรู้สึกถึงก้อนน้ำตาที่มาจุกอยู่ที่คอในตอนนี้
“ฉันขอโทษ ถ้าความสนใจของฉันไปรบกวนคุณ ฉันเพียงแต่หวังว่าเราจะยังเป็นเพื่อนกันได้ ก็เท่านั้น” ฮโยยอนจ้องมองดูผู้ชายข้างกายเธอที่ดูเหมือนตอนนี้เขาจะพยายามกลั้นหัวเราะกับคำพูดโง่ ๆ ของเธออยู่
“รู้อะไรมั๊ย ....ผมเกลียด เกลียดเวลาที่คุณพูดว่าคุณสบายดี เกลียดที่คุณยังหัวเราะร่าเริงได้เวลาที่คุณเจอผม” น้ำเสียงของเขาราบเรียบแต่ทว่าแฝงไปด้วยความกราดเกรี้ยว เขาพูดก่อนที่จะหันมาจ้องหน้าเธอตรง ๆ “ผมอยากให้คุณทรมาณ ยิ้มไม่ได้ หัวเราะไม่ออก เจ็บปวดให้ได้ครึ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกในตอนนี้ แต่ถ้าคุณไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนั้นเลยคุณยังจะกล้ามาพูดว่าคุณสนใจผมอยู่อีกงั้นเหรอ” ฮโยยอนแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เขาแสดงออกตรงข้ามกับความรู้สึกของเขาอย่างนั้นหรือ
“จงฮยอน...” เธอเรียกชื่อเขาออกมาเบา ๆ
“ผมไม่เป็นเพื่อนกับผู้หญิงที่ผมรักหรอกนะ ผมมีหัวใจแล้วข้างในนี้มันก็ยังมีความรู้สึก ผมแตกต่างจากคุณ” เขาจ้องหน้าเธอพร้อมกับพูดออกมา ฮโยยอนรู้สึกเหมือนโลกหมุนกลับตาลปัตร ราวกับว่าเข็มนาฬิกาจะเดินถอยหลัง กลางวันกลับกลายเป็นกลางคืน จู่ ๆ ค่ำคืนอันมืดมิดก็สว่างจ้าขึ้นมาเหมือนมีพระอาทิตย์ขึ้นยามเที่ยงคืน
“ชั้น...” เธออ้ำอึ้งเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไป สิ่งที่เก็บอยู่ในใจตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาควรจะพรั่งพรูออกมาในเวลานี้หรือไม่
“ถ้าเจอกันคราวหน้าช่วยทำเหมือนว่าเราไม่รู้จักกัน ...อย่าทำเหมือนว่าคุณสนใจผมอีกเลย คิดซะว่าช่วยผมล่ะกัน ผมจะได้ลืมคุณได้เสียที” พูดจบเขาก็เดินจากไปทิ้งให้คนข้างหลังอยู่เพียงลำพังท่ามกลางแสงไฟสลัว ไร้เงาผู้คน มีเพียงหยาดน้ำใส ๆ ที่กำลังไหลรินจากสองตาจ้องมองแผ่นหลังของผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจแต่เขากำลังเดินจากไป ไกลออกไป ไกลออกไปมากขึ้นทุกที
ระยะทางกลับโรงแรมช่างดูยาวไกลนัก จงฮยอนรู้สึกเหมือนสองขาไร้เรี่ยวแรง เพียงจะก้าวไปข้างหน้าก็รู้สึกเหมือนว่าจะล้มลงได้หากเขายังจะพยายามก้าวเดินต่อ หัวใจที่แตกสลายไปแล้วจะโดนเหยียบย่ำซ้ำอีกครั้งได้หรือไม่ หากว่าไม่ได้แต่ทำไมเขาถึงได้เจ็บปวดมากมายเหลือเกิน เขาเฝ้าหวังเพียงว่าหัวใจของเขาจะแตกสลายได้จริง ๆ หวังให้ในอกว่างเปล่าไร้ซึ่งหัวใจให้เขาต้องมาเจ็บปวดหรือทรมาณซ้ำ ๆ อีก
ประตูลิฟท์เปิดออกช้า ๆ นี่คงเป็นเวลาดึกมากเกินไป ล๊อบบี้ของโรงแรมจึงดูเงียบเหงา แม้แต่เสียงกริ่งลิฟท์เปิดก็ยังก้องกังวานไปทั่ว จงฮยอนค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้าไปในลิฟท์ช้า ๆ หวังเพียงว่าเขาจะไม่ล้มลงก่อนที่จะถึงเตียงนอน ก่อนจะกดปิดลิฟท์พร้อมกับถอนหายใจออกมา แต่แล้วประตูลิฟท์กลับถูกขัดขวางการทำหน้าที่ของมันเพราะมีมือใครบางคนยื่นเข้ามาขวางไว้ ยังไม่ทันที่จงฮยอนจะได้เห็นว่าเจ้าของมือเป็นใคร เขาก็รู้สึกได้ถึงร่างเล็ก ๆ บาง ๆ ที่โถมเข้ามาสวมกอดเขา เขาเซไปเพียงเล็กน้อยก่อนจะได้มองเจ้าของอ้อมกอดนั้นได้ถนัดตา
“ฮโยยอน...” เขาเรียกชื่อเธออกมา ไม่แน่ใจว่าตัวเองตกใจ แปลกใจ ดีใจ หรือรู้สึกอย่างไรกันแน่ นาฬิกาเดินถอยหลังหรืออย่างไรกัน
“ไม่คิดว่าควรจะกอดชั้นคืนงั้นเหรอ...” ฮโยยอนเงยหน้าขึ้นมาถามเขา จงฮยอนจ้องมองใบหน้างดงามที่ตอนนี้อยู่ห่างจากสายตาเขาเพียงไม่กี่คืบ ยังมีคราบน้ำตาปรากฏอยู่บนพวงแก้มใส ดวงตากลมโตเพิ่งจะผ่านการร้องไห้มาและรอยน้ำตายังไม่จางหาย เขาไม่ทำตามขอเรียกร้องจากเธอแต่กลับใช้สองมือประครองใบหน้างดงาม ดวงตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับผิดกับก่อนหน้านี้เพียงชั่วครู่ที่เขาดูเหมือนจะตายได้ทุกขณะ เขาจ้องมองราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอและตกหลุมรักเธอ ในดวงตาคู่กลมโตตรงหน้ามีเงาของเขาอยู่ในนั้น ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะมองเห็นตัวเองได้ชัดเท่าครั้งนี้ เขาค่อย ๆ โน้มศีรษะเข้าใกล้เธอช้า ๆ ก่อนจะมอบจุมพิตดูดดื่มแสนหวานตอบแทนอ้อมกอดอุ่นจากเธอที่เขาโหยหามันมานานแสนนาน เข็มนาฬิกาไม่ได้เดินถอยหลัง โลกก็ยังคงหมุนไปในทิศทางเดิม กลางวันก็ยังคงไม่ใช่กลางคืน และพระอาทิตย์ยามเที่ยงคืนไม่ได้เกิดขึ้นที่โอซาก้า แต่ทว่าหัวใจสองดวงที่ดูเหมือนจะกลายเป็นเส้นขนานต่างหากที่มาบรรจบกันในที่สุด
“ซอฮยอน....เดี๋ยวนี้ยอมกินราเมงแล้วเหรอ” ยงฮวาพูดพลางกดน้ำร้อนใส่ลงในถ้วยราเมงแล้วส่งให้ซอฮยอน เธอพยักหน้าก่อนจะรับมันมาถือไว้ในมือ
“ชั้นไม่ได้บอกว่ากินไม่ได้สักหน่อย แค่แนะนำว่าไม่ควรกินคะ”
“แล้วทำไมเราไม่ไปกินอย่างอื่นที่ควรกินล่ะ” ทีนี้ถึงคราวเขากดน้ำร้อนลงถ้วราเมงของตัวเองบ้าง
“ดึกแบบนี้จะมีอะไรให้กินคะ” เธอถามเขาตาแป๋ว
“ซอฮยอน...นี่เรามาฉลองรางวัลของพี่ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม...” ยงฮวายังคงออกอาการงอแง ซอฮยอนหันมามองท่าทีของผู้ใหญ่หัวใจเด็กแล้วครุ่นคิด ....เธอควรจะทำยังไงดี
แม้จะเป็นเวลาดึกสงัดแต่แสงไฟในยามค่ำ ก็ยังคงทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี บนถนนที่ดูว่างเปล่า ทางเท้าที่ไม่มีผู้คนขวักไขว่เหมือนช่วงเวลากลางวัน แต่กลับมีผู้ชายใจน้อยที่เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมพูดจายงฮวาเดินลากเท้าไปตามทางเดินเท้าด้วยความขัดใจที่ซอฮยอนดูจะไม่สนใจใยดีกับอาการงอแงของเขาเอาเสียเลย ซอฮยอนกอดอกเดินไปเรื่อย ๆ พร้อม ๆ กับสายตาที่จับจ้องอยู่ที่ยงฮวาอยู่ตลอดเวลา
“พี่โกรธชั้นเหรอคะ” แต่ยงฮวากลับเงียบไม่พูดจา “พี่ต้องโกรธแน่ ๆ “ ซอฮยอนยังคงพูดเพียงอย่างเดียว และดูเหมือนจะไม่พยายามหาวิธีง้องอนเขา “เราไม่มีร้านอาหารอื่นให้ไปนี่คะ...” เธอพูดก่อนจะนิ่งคิดไปครู่ใหญ่ “ไม่ชอบราเมงเหรอคะ...เห็นพี่ทานออกบ่อย” ยงฮวายังคงเงียบ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมซอฮยอนถึงเข้าใจอะไรได้ยากขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะร้านอาหาร บะหมี่ หรือรางวัลอะไรที่เขาอยากได้จากเธอ
“พี่อยากกลับไปพักมั๊ยคะ” ซอฮยอนดูจะหมดหนทางจะทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นมา ยงฮวาถอนหายใจเฮือกใหญ่ตั้งใจให้ซอฮยอนรู้ก่อนจะเดินนำเธอไปด้วยความขุ่นเคืองในใจ ซอฮยอนหน้ามุ่ยมองเขาก่อนจะรีบสาวเท้าเดินตามเขาไป
“พี่ยงฮวาไม่เคยเอาใจยากขนาดนี้เลย”
ซอฮยอนยังคงเดินวนไปมาอยู่หน้าห้องพักของยงฮวา เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ทำไมจู่ ๆ ยงฮวาถึงได้เดินหนีเธอมาแบบนี้ แล้วจะเป็นการเสียมารยาทไหมหากการมาเยือนของเธอจะทำให้เพื่อนร่วมห้องของยงฮวาต้องตื่นขึ้นมา ซอฮยอนยืนรออยู่ครู่ใหญ่ตัดสินใจจะกดกริ่ง และแน่นอนว่าเป็นเขาที่เปิดประตูออกมา
“ว่าไงซอฮยอน” เขาทำหน้าตึงใส่เธอ
“พี่ยังไม่นอนเหรอคะ...” ยงฮวาไม่ตอบแต่กลับหันหลังเดินเข้าไปในห้องทั้งที่ยังเปิดประตูห้องทิ้งไว้ ซอฮยอนหน้ามุ่ยรับรู้ได้ทันทีว่ายงฮวายังคงอารมณ์ไม่ดี เธอเดินตามเขาเข้าไปในห้องอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะทำเสียงดังในขณะที่สายตาก็มองไปที่เตียงนอนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มารบกวนการพักผ่อนของคนอื่น
“พี่นอนคนเดียวเหรอคะ” เธอถามย้ำให้แน่ใจไม่ได้มีเจตนาอื่นใด ยงฮวาทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วเอียงคอมองเธอ ราวกับว่าจะเอาเรื่องเอาราวจากเธอ
“แล้วพี่ควรจะนอนกับใครล่ะ” เขาถามเสียงเรียบ
“สมาชิกคนอื่น พี่จงฮยอนมั๊งคะ” ซอฮยอนยังพาซื่อ
“หึ...” เขาแค่นหัวเราะอยู่ในลำคอ ซอฮยอนยิ่งสลดลงไปอีกดูเหมือนว่ายงฮวาจะโกรธเธอจริง ๆ เธอเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะมองเขาตาแป๋วแต่ยงฮวากลับทำเมินใส่เธออย่างเห็นได้ชัด
“ฉันทำให้พี่โกรธเหรอคะ” เธอยังคงทำใจดีสู้เสือต่อไป ยงฮวาเงยหน้ามองเธอส่งสายตาเย็นชาให้แทนคำตอบ ซอฮยอนไม่รู้ว่าเธอควรจะทำอะไรหรือง้องอนเขาอย่างไรดี “ต้องทำยังไงคะ พี่ถึงจะหายโกรธ” เธอถามเขาตรง ๆ
“ไม่เห็นต้องทำอะไร...พี่ไม่ได้โกรธ” ยงฮวาพูดในสิ่งที่สวนทางกับการแสดงออกของตัวเอง
“พี่โกรธ...” ยงฮวาฟังแล้วก้มหน้าทำราวกับว่าไม่อยากจะพูดกับคนตรงหน้า ซอฮยอนนิ่งคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง ราวกับว่าจะชั่งใจว่าควรจะทำสิ่งที่เธอคิดอยู่ตอนนี้หรือไม่ แล้วค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะนั่งลงบนตักของเขาพร้อม ๆ กับใช้ท่อนแขนเรียวบางคล้องคอเขาไว้ ยงฮวาดูเหมือนจะตกใจกับปฏิกิริยาตอบรับจากซอฮยอนที่ดูจะเหนือความคาดหมาย แต่เขาก็ยังทำเฉยต่อไปได้ทั้ง ๆ ที่รู้สึกเหมือนหัวใจจะวายได้ทุกขณะ
“อย่าโกรธชั้นเลยนะคะ” เธอทำเสียงออดอ้อนก่อนจะเอนตัวซบลงบนอกของเขา
“อย่าคิดว่าทำแบบนี้ แล้วพี่จะใจอ่อนกับเธอนะ” ยงฮวายังคงดูขุ่นเคือง ซอฮยอนเงยหน้ามาจ้องหน้าเขาก่อนจะยิ้มออกมา ยิ้มที่ทำให้ยงฮวาแทบจะหยุดหายใจ
“ไม่หายโกรธแน่เหรอคะ” เธอพูดพร้อม ๆ กับใช้มืออีกข้างประครองใบหน้าของเขาให้หันมาสบตากับเธอตรง ๆ
“อย่าเล่นแบบนี้...” ยงฮวาเหมือนจะเตือนเธอ
“ชั้นจะทำจนกว่าพี่จะหายโกรธ” ซอฮยอนผู้ไร้เดียงสาดูเหมือนว่าจะยังไม่รู้สึกถึงภัยที่กำลังจะมาถึง เธอยังคงจ้องหน้าเขา ยงฮวาหลับตาลงพร้อม ๆ กับถอนหายใจเขาต้องการระงับสติอารมณ์ “ทำไมพี่ไม่สบตาชั้นล่ะ ยอมแพ้แล้วใช่มั๊ย”
“เธอคิดว่าเธอจะเอาชนะพี่ได้เพราะวิธีแบบนี้เหรอ” ในที่สุดเขาก็สบตากับเธอตรง ๆ
“แล้วไม่ใช่เหรอคะ” ซอฮยอนพูดพลางย้ายมือของเธอมาไว้ที่หน้าอกหนาของเขา ดูเหมือนว่าเธอจะพยายามท้าทายเขา
“เด็กน้อย...พี่บอกว่าพี่ไม่ได้โกรธเธอไง” เขาพูดพร้อม ๆ กับจับมือของเธอไว้เพื่อให้หยุดความพยายามที่จะเอาชนะเขาเสียที
“ถ้าไม่โกรธแล้วทำไมไม่พูดดี ๆ กับชั้นล่ะ” ซอฮยอนพูดพลางเอียงกายซบเขาอีกครั้ง
“นี่เธอจะยั่วพี่เหรอ...”
“แล้วสำเร็จมั๊ยล่ะคะ...” ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่จะตามมาหากเธอทำได้สำเร็จ
“ไม่...” เขาตอบเสียงแข็ง
“แล้วทำยังไงพี่ถึงจะหายโกรธ” เธอยังคงซบอยู่ที่แผ่นอกกว้าง
“เดี๋ยวนี้หัดง้อคนอื่นแบบนี้แล้วเหรอ...” ยงฮวาพูดพร้อม ๆ กับพยายามจะหยุดมือเล็ก ๆ ที่ซุกซนเปะป่ายอยู่บนแผ่นอกของเขา ซอฮยอนไม่ตอบแต่กลับคว้ามือของเขามาโอบเอวเธอไว้ ยงฮวาเกือบจะถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชินกับการจู่โจมจากเธอ “แน่ใจเหรอว่าจะทำแบบนี้...” เขาถามเสียงเรียบ
“พี่จะยอมแพ้แล้วใช่มั๊ย” ซอฮยอนแกล้งทำเป็นกระซิบที่ข้างหูเขา
“เธอไม่ชนะพี่หรอก....” ถึงตอนนี้เขากลับโอบกอดเธอไว้แล้วปล่อยให้ฝ่ามือเล็ก ๆ ของเธอเปะป่ายไปมาอยู่บนแผ่นอกของเขา
“แน่ใจเหรอคะ...” ยงฮวาพยักหน้า
“พี่บอกว่าไม่ได้โกรธไง” ดูเหมือนว่าพญาเสือจะให้โอกาสลูกแกะน้อยหนีตายเป็นครั้งสุดท้าย
“งั้นก็พูดกับชั้นดี ๆ สิ เลิกทำหน้าบูดได้แล้ว” ซอฮยอนขยับมาจ้องหน้าเขาก่อนจะพูดออกมา ยงฮวายิ้มมุมปากก่อนจะจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเลศนัย ทำเอาซอฮยอนรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เพียงเพราะเขาจ้องมองเธอ
“ถ้าพี่ยิ้มก็แสดงว่าหายโกรธแล้ว...” ซอฮยอนแกล้งทำกลบเกลื่อน ยงฮวาพยักหน้าเบา ๆ เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ เธอจึงใจชื้นขึ้นมาก่อนจะค่อย ๆ ขยับแขนออกจากคอของเขา แล้วพยายามจะลุกจากตักของเขา แต่ยงฮวากลับรั้งเธอไว้พร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาที่ทำให้ซอฮยอนรู้สึกเหมือนจะโดนแผดเผาเพียงแค่เขาจ้องมองเธอ
“มาทำแบบนี้แล้วจะหนีไปเฉย ๆ เหรอ” ยงฮวาดูเหมือนเสือที่กำลังจะขย้ำเหยื่อ ซอฮยอนก้มหน้างุดหลบตาเขา
“ชั้นควรจะกลับห้องก่อนที่พี่จงฮยอนจะมานะคะ” ยงฮวาไม่ต่อบทสนทนากับเธอแต่กลับโน้มใบหน้าของเขาเข้าไปใกล้เธอก่อนจะจุมพิตเบา ๆ ที่ริมฝีปากอวบอิ่ม ซอฮยอนผงะเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้ามาจ้องเขา
“พี่ยงฮวา...” เธออุทานออกมาเบา ๆ ไม่คิดว่าเขาจะเอาคืนแบบนี้
“ซอฮยอน...รู้มั๊ยว่าเธอไม่ควรง้อใครก็ตามด้วยวิธีแบบนี้ ...หรือแม้แต่กับพี่เธอก็ไม่ควรทำ”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ชั้นทำอะไรแบบนี้...” ซอฮยอนจ้องเขาตาแป๋ว ยงฮวาจ้องมองใบหน้าที่กระจ่างใสตรงหน้าด้วยความหลงใหล ไหนจะยังมีริมฝีปากอวบอิ่มที่ช่างเย้ายวนใจนั่นอีก ก่อนจะค่อย ๆ ใช้มือเรียวยาวของเขาทาบลงริมฝีปากอวบอิ่มตรงหน้า
“ไม่ต้องยั่วยวนอะไรพี่ แค่เธอหายใจพี่ก็ยอมตายเพื่อเธอแล้ว” เขามองสบตาดวงตากลมโตเป็นประกายตรงหน้า ราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้บอกความรู้สึกภายในใจที่มีต่อเธอ
“ชั้นขอโทษที่ทำให้พี่โกรธ บางทีพี่อาจจะต้องการงานฉลองที่เหมาะสม เอาไว้เรากลับไปเกาหลีแล้วค่อยไปฉลองกันมั๊ยคะ” เธอจ้องมองเขาด้วยความรักความภักดิ์ดีที่มีให้เขาเต็มหัวใจ
“งานฉลองอะไรนั่นไม่สำคัญหรอก พี่แค่อยากให้เธอสนใจพี่มากกว่าเรื่องทั่วไปอะไรแบบนั้น” ในที่สุดเขาก็ยอมบอกถึงสาเหตุของความโกรธเคืองที่เขามี
“บางทีชั้นอาจจะมองข้ามเรื่องแบบนั้นไป...” ยังไม่ทันที่ซอฮยอนจะได้พูดอะไรต่อ เขาก็ใช้นิ้วมือของเขาปิดปากเธอไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องพูดอะไร อยู่กับพี่คืนนี้ก็พอ” ซอฮยอนไม่ตอบแต่กลับก้มหน้าหลบสายตาเจ้าชู้จากเขา ก่อนที่ยงฮวาจะค่อย ๆ โน้มใบหน้าของเขาเข้าหาเธอ แล้วมอบจุมพิตแผ่วเบาที่ข้างแก้มนวลก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนไล้ริมฝีปากของเขาไปหยุดที่ปลายจมูกมน เขาหยุดหายใจเพียงครู่เดียวก่อนจะทาบทับริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากอวบอิ่ม .....จุมพิตที่แสนอ่อนโยนแต่ทว่ากลับจุดให้ไฟภายในร่างกายทั้งคู่ลุกโชน .....ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้ไปเลย
คืนเดียวอัพสองเรื่อง ไรเตอร์ว่างงานหรืออย่างไร 555 ยงซอมาตามคำเรียกร้องถูกใจหรือป่าวน้อ... จงฮโยพลิกล๊อคมั๊ยเนี่ย.... ตอนนี้เป็นอะไรที่ไรเตอร์คิดหนักมาก คิดมุขยงซอหนักมาก 555 พยายามจะทำให้ยงเป็นโอปป้าผู้แสนอ่อนโยน แต่พอนึกถึงพี่ยงสิบล้อตีนผีแล้วเล่นเอาหมดมู้ดเลย 555 ทำใจอยู่นานมาก
ความคิดเห็น