คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Rain Down 2.
“ซอฮยอนเห็นสคริปต์วันนี้หรือยัง” แทยอนพูดพลางยื่นกระดาษขนาด A4 สองสามแผ่นในมือให้กับน้องเล็กของวง
“มีอะไรเหรอคะ แค่สัมภาษณ์ทั่ว ๆ ไปไม่ใช่เหรอคะ”
“อ่านดูสิ คนอเมริกันเนี่ยเขาสนใจเรื่องคู่รักยงซอด้วยนะ” ซอฮยอนกวาดสายตาไปทั่วสคริปต์ในมือก่อนจะสะดุดกับประโยคคำถาม
“ถามเรื่องพี่ยงฮวาเหรอค่ะ” ซอฮยอนถามแทยอนซ้ำ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ
“จะตอบว่าอะไรล่ะ....เตรียมดี ๆ นะ” ซอฮยอนพยักหน้าแอบหนักใจ ไม่มีใครถามเรื่องนี้มานานพอดู เธอควรจะตอบคำถามอย่างไร คนอย่างซอจูฮยอนโกหกไม่เป็นเสียด้วยสิ
ซอลลี่เดินเข้ามาให้ห้องแต่งตัวพร้อมกับมองมาที่ซอฮยอนด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่แม้แต่จะทักทายแทยอนที่อยู่ด้วย ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นซอลลี่ก็ไม่เคยญาติดีกับซอฮยอนอีกเลย แทยอนมองไปที่ไอดอลรุ่นน้องแบบงง ๆ บางทีนี่ก็ออกจะดูก้าวร้าวเกินไปสำหรับการแสดงออกที่รุ่นน้องควรมีต่อรุ่นพี่
“ชั้นรู้แล้วค่ะว่าจะตอบคำถามยังไง” ซอฮยอนพูดขึ้นมาดึงความสนใจของแทยอนอีกครั้ง
“ซอฮยอนเธอโกหกไม่เนียนนะ เดี๋ยวพี่ไปบอกให้เขาเปลี่ยนคำถามให้มั๊ย”
“ไม่ต้องเปลี่ยนหรอกค่ะ ชั้นจะตอบตามความจริง เราเดทกันจริง ๆ นี่คะไม่จำเป็นต้องโกหก” ซอลลี่หน้าตึงนิ่งไปทันทีที่ได้ยิน
“จริงเหรอ....ซอฮยอนเรื่องใหญ่นะ” แทยอนตกใจ แต่ไม่ทันที่ซอฮยอนจะได้พูดอะไรต่อสมาชิกคนอื่น ๆ ก็ทยอยเข้ามาในห้องเสียก่อน บทสนทนาระหว่างทั้งคู่จึงต้องจบลงไปโดยปริยาย
<ฮยอน....ไม่โทรหาพี่เลยนะ> ยงฮวาออกอาการน้อยใจทันที่ทีปลายสายรับโทรศัพท์จากเขา
“ยุ่งมาก ๆ เลยคะ นี่ก็กำลังจะอัดรายการ แล้วพี่ล่ะคะ ถึงเกาหลีแล้วใช่มั๊ย”
<สนใจด้วยเหรอว่าพี่จะอยู่ที่ไหน>
“พี่คะ อย่างอแงสิคะ ชั้นก็ต้องสนใจสิคะว่าพี่อยู่ที่ไหน ถ้าไม่สนใจพี่จะให้ไปสนใจใคร”
<คิคิคิ>
“พี่หัวเราะเหรอคะ....”
<ป่าว พี่แค่คันคอนิดหน่อย>
“ไม่สบายเหรอคะ”
<ไม่ พี่ไม่ได้เป็นอะไร>
“แน่นะคะ อย่าทำให้ชั้นเป็นห่วงสิคะ”
<พี่ไม่เป็นไรจริงๆ>
“งั้นก็แล้วไปคะ ชั้นกำลังจะอัดรายการคะ MCเขาจะถามถึงพี่ด้วย”
<อ๋อ....ตอบตามที่ควรจะตอบเถอะ ไม่ต้องห่วงพี่>
“ไม่รู้สิคะ ชั้นคิดว่าชั้นคงไม่โกหก”
<ถ้างั้นก็ตะโกนบอกรักพี่ผ่านรายการเลยก็ได้นะ พี่จะรอดู>
“พี่ก็.... ชั้นต้องไปแล้วนะคะ แล้วจะโทรหานะคะ” ซอฮยอนพูดจบก็ส่งโทรศัพท์คืนให้กับผู้จัดการก่อนจะเตรียมตัวไปเข้าฉากเพื่ออัดรายการ
ในที่สุดคำถามที่บรรดาพี่ ๆ กังวลก็มาถึง ซอฮยอนจะตอบว่ายังไง มักเน่โกหกคนไม่เก่ง แต่ก็พูดเรื่องจริงไม่ได้ ความตึงเครียดเข้ามาจู่โจมทั้งแปดคนในทันทีที่คำถามนั้นหลุดออกมาจากปากของ MC
“ในรายการ We got married คุณซอฮยอนกับคุณยงฮวาดูสนิทกันมาก หลังจากจบรายการมาแล้วพวกคุณยังติดต่อกันอยู่หรือปล่าวคะ” คำถามถูกแก้ไขจากสคริปต์ที่ซอฮยอนได้อ่าน มันคงจะผ่านการกรองจากผู้จัดการของวงมาแล้ว
“มันเป็นแค่รายการแต่งงานจำแลงค่ะ แต่จนถึงตอนนี้เราก็ยังสนิทกันอยู่ค่ะ” ซอฮยอนตอบคำถามด้วยความสัตย์จริง และแน่นอนเธอมีความสุขที่ได้พูดถึงเขา เธอยิ้มออกมาตลอดเวลาที่ตอบคำถามนั้น แม้จะไม่ใช่คำถามที่อยากฟังมากที่สุดแต่ก็มีผู้คนมากมายอยากรู้ถึงความสัมพันธ์ของคู่แต่งงานจำแลงในชีวิตจริงจากปากของซอฮยอนบ้าง แทนที่จะได้ยินจากปากของยงฮวาเพียงฝ่ายเดียวเหมือนที่ผ่านมา บรรดาพี่ ๆ พากันหัวเราะคิกคัก ซอฮยอนฉลาดพอที่จะตอบคำถามแบบตรงไปตรงมาและไม่สร้างปัญหาให้ทั้งตัวเธอและยงฮวา
ซอลลี่นั่งจ้องหน้าจออยู่ในห้องแต่งตัว หน้าชาที่ได้ยินคำตอบของซอฮยอน นางฟ้าที่ไม่เคยมีใครกล้าแตะต้อง ออกปากว่าสนิทกับผู้ชายคนหนึ่ง แปลกใจที่ซอฮยอนกล้าออกปากถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับยงฮวา ประกาศตัวเป็นเจ้าของอย่างชัดเจนอย่างนั้นหรือ คริสตัลอ้าปากค้างคาดไม่ถึงเหมือนกัน วิคตอเรียปรบมือชอบใจออกมาในทันทีที่ซอฮยอนตอบคำถามจบ ขัดใจซอลลี่เสียจนทำตาขวางใส่เธอ
“มีอะไรเหรอ” วิคตอเรียแกล้งทำเป็นไม่รู้สาเหตุที่รุ่นน้องไม่พอใจ
“พี่ไม่ได้อยู่ข้างชั้นหรือไง” ซอลลี่ไม่พอใจ
“พี่ไม่ได้เข้าข้างใครนะ แค่ชอบที่ซอฮยอนกล้าตอบคำถามแค่นั้นเอง” ซอลลี่กวาดตาไปมองคริสตัลที่ยังตะลึงไม่หาย
“ก็เขารักกันนี่....” คริสตัลตอบเสียงอ่อย ไม่อยากทำร้ายน้ำใจเธอ ซอลลี่ลุกเดินออกจากห้องไปด้วยความไม่พอใจ เธอควรจะทำอย่างไร จัดการกับเรื่องนี้อย่างไร นี้มันดูยากเกินจะรับมือ
ยงฮวานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ วุ่นวายกับเครื่องมือมากมายตรงหน้า เฮดโฟนถูกสวมไว้เพื่อฟังผลลัพธ์ที่เขากำลังรอคอย เพลงใหม่เพื่อแฟน ๆ ที่รอคอย เวลาผ่านไปนานเท่าไรเขาเองก็ไม่ได้สนใจ มีแต่จะมุ่งทำงานให้ได้อย่างใจที่หวัง ประตูห้องนอนถูกเปิดออกและใครบางคนเดินเข้ามาในห้องแล้วนั่งลงบนเตียงนอนทางด้านหลังของเขาโดยที่เขายังไม่รู้ตัว
“โอเค.....” ยงฮวากดเซฟงานของเขาลงเครื่องบันทึกเสียง ก่อนจะถอดเฮดโฟนออก ลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นว่ามีใครอีกคนอยู่ในห้องด้วย
“โอ๊ะ....ซอฮยอน”
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นล่ะคะ พี่ไม่อยากเจอชั้นเหรอ” ซอฮยอนยิ้มหวาน
“มาได้ยังไง ไม่เห็นบอกพี่เลย”
“เซอร์ไพรส์ไงคะ เหมือนที่พี่ชอบทำ” ซอฮยอนหัวเราะคิกคักชอบใจ ยงฮวาค่อย ๆหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานของเขาลากล้อเลื่อนของเก้าอี้มาให้เขาประจันหน้ากับเธอ คว้ามือเรียวบางมากุมไว้
“น่าจะบอกว่าจะมา พี่จะได้ไปรับ”
“ก็บอกว่าเซอร์ไพรส์ไง ถ้าบอกก่อนก็ไม่ใช่สิคะ” ยงฮวาฟังแล้วยิ้มออกมา
“คิดถึงพี่หรือเปล่า” ดวงตาคมกริบจ้องมองเข้าไปในตาของสาวน้อยจนเธอต้องหลบตาเขาด้วยความเขินอาย ซอฮยอนพยักหน้างึก ๆ อายเกินกว่าจะพูดความรู้สึกที่แท้จริงออกมา
“พยักหน้า หมายความว่าอะไร พี่ไม่เข้าใจ”
“คิดถึงคะ” เธอตอบทั้ง ๆ ที่ยังก้มหน้า ยงฮวาเผยยิ้มออกมาอย่างพอใจ ค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้ แล้วจุมพิตเบา ๆ ที่ริมฝีปากบาง ดวงตาคู่สวยไม่อาจหลบสายตาของเขาได้อีก เขายิ่งพาตัวเองเข้าใกล้เธอด้วยการลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้น ตรงหน้าแทบเท้าเธอ
“พี่คะ” ซอฮยอนตกใจที่จู่ ๆ เขามาคุกเข่าให้เธอแบบนี้ แต่ก่อนที่ซอฮยอนจะท้วงติงอะไรได้อีก เขากลับปิดปากของเธอด้วยปากของเขาเสียก่อน
แม้จะห่างกันไกลเพียงไม่กี่วัน แต่ความทุกข์จากการห่างไกลนั้นมากมายนัก ยงฮวายังไม่รู้ว่าจะรับมือกับมันได้อีกนานแค่ไหน ในช่วงเวลาที่ได้อยู่ใกล้กันเขาก็อยากจะตักตวงความสุขให้มากที่สุด หากต้องแลกลมหายใจกับการได้ใช้ชีวิตร่วมกัน เขาก็จะยอมแลกแต่โดยดี
รสจูบที่หวานหอม เจ้าของริมฝีปากบางคือคนที่เขาถวิลคร่ำครวญหาทุกค่ำเช้า ในเวลานี้มาอยู่ตรงหน้า สองแขนเรียวบางของเธอกำลังโอบกอดเขาอยู่ นี่ไม่ใช่ความฝัน นี่มันเป็นความจริง ยิ่งใกล้ก็ยิ่งก็ยิ่งถลำลึกไปไกล ไกลกว่าที่เขาเองเคยผ่านมา เรื่องที่รู้ดีที่สุดในใจของยงฮวาในตอนนี้คือเขาต้องการเธอ และเธอเองก็ต้องการเขา ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องหักห้ามใจ หากเราไม่มีทางรู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร
“พี่ฮะผม.....” มินฮยอกเปิดประตูผลั้วเข้ามา ไม่ได้ดูตาม้าตาเรือ ยงฮวาลุกขึ้นจากพื้นถอยหลังพรวดไปยืนกุมขมับอยู่ที่หน้าต่าง ซอฮยอนนิ่งตัวแข็งทื่ออยู่ที่ปลายเตียงนอน
“เหมือนว่าผมจะ....” มินฮยอกรู้ตัวแต่ก็ทำไปแล้ว “หวัดดีซอฮยอน” ซอฮยอนเพียงแค่หันมาโบกมือให้เขา
“เอ่อ....ผมซื้อข้าวมาเผื่อพี่ ผมเลยมาบอก แต่ผมกินเองก็ได้พี่ตามสบายเลย” มินฮยอกทั้งเขินทั้งรู้สึกผิดที่เข้ามาเป็นก้างโดยไม่ตั้งใจ “เอ่อ...ซอฮยอนกลับมาแล้วทิฟฟานี่นูน่าล่ะ” มินฮยอกยังไม่วายห่วงเรื่องของตัวเอง
“พี่ทิฟฟานี่อยู่ที่หอ” ซอฮยอนยังอายเกินกว่าจะพูดกับเขาได้ มินฮยอกยิ้มร่าแล้วผลุบออกไป ยงฮวาถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ซอฮยอนมองเขาแล้วหัวเราะออกมา
“น่าอายจังเลยคะ” ยงฮวาก็หัวเราะเบา ๆ ตลกกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป
“ไปหาอะไรทานกันเถอะคะ” ซอฮยอนเสนอ ยงฮวาพยักหน้าเห็นด้วย นึกเคืองเจ้าน้องชายวายร้ายในใจ เข้ามาทำลายบรรยากาศแล้วก็หนีไปเฉย ๆ อย่าให้มีโอกาสนะนายถูกเอาคืนแน่ ๆ
มินฮยอกร่าเริงพาตัวเองมาที่หอพักของ SNSD ด้วยความรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องมีฟอร์มใด ๆ เขาแค่ควรจะเป็นตัวของตัวเอง ส่วนผลลัพธ์ที่จะตามมาให้เป็นหน้าที่ของใครอีกคนซึ่งเขาไม่อาจควบคุมได้ ทำได้เพียงภาวนาให้ผลลัพธ์ที่ออกมาตรงกับใจ
เสียงโทรศัพท์มือถือของทิฟฟานี่ดังขึ้นรบกวนการนอนของเธอ เธอแทบจะลืมตาไม่ขึ้นตอนที่ไขว่คว้าหาโทรศัพท์ไปทั่วเตียงนอน
“หืม” ทิฟฟานี่แทบจะไม่มีสติในตอนที่รับโทรศัพท์
<นูน่า มาที่ระเบียงสิครับ>
“อะไร”
<มาที่ระเบียงเร็ว ๆ ครับ>
“อืม ๆ” ทิฟฟานี่งัวเงียลุกจากเตียงนอนเดินตรงไปที่ระเบียงโดยที่ไม่ได้จัดระเบียบตัวเองให้เรียบร้อยก่อน มินฮยอกยิ้มจนตาหยี โบกมืออยู่หน้าตึก ทิฟฟานี่ถึงกับตาสว่างทันที นี่มันเรื่องน่าอายที่เธอปล่อยตัวเองหัวฟูออกไปเจอคนอื่นแบบนี้ มินฮยอกชี้ที่โทรศัพท์ให้เธอฟังเขา
“ไปเจอกันที่คาเฟ่นะครับ ผมจะรอ” พูดจบเขาก็กดวางสายพลางโบกมือ แล้วชี้ไปทางร้านที่เขาจะไป ทิฟฟาฟี่ได้แต่ถอนหายใจ เด็กหนอเด็ก.....
“มีอะไรก็ว่ามา” ทิฟฟานี่พูดขึ้นทันทีที่มาถึงร้านและพบหน้ามินฮยอก
“ไม่มีครับ แค่แวะมาหา” มินฮยอกส่ายหน้ายิ้มร่า
“หืม...” ทิฟฟานี่มองเขาสงสัย กลับมาเป็นลูกหมาเหมือนเดิมอีกหรือไง
“ไปนิวยอร์คเป็นไงบ้างครับ คงสนุกแน่ ๆ เลย” มินฮยอกดูกระตือรือร้นอยากจะหาเรื่องพูดคุย ทิฟฟานี่ยังคงแปลกใจ ที่สำคัญลึก ๆ ในใจเธอยังรู้สึกว่าเขาผิดต่อเธอ
“นายดูสบายใจดีนะตี๋น้อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้นายเพิ่งตะคอกใส่ชั้นมา” ทิฟฟานี่เปิดประเด็น มินฮยอกนิ่งไปครู่เดียว นี่ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้คาดการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้มา แต่เป็นเพราะว่าเขาก็ไม่อาจหาคำอธิบายที่เหมาะสมให้พฤติกรรมที่ไร้เหตุผลนั้นได้
“แล้วนูน่าอยากให้ผมทำยังไงล่ะครับ” เขาดูสลดลง
“ป่าว...แค่สงสัยว่าอะไรที่ทำให้นายหยาบคายแบบนั้น” ทิฟฟานี่พูดตรงเสียจนมินฮยอกหน้าเสีย
“นูน่าไม่อยากรู้หรอกครับ”
“เรื่องอะไรล่ะ ถ้ามันเกี่ยวกับชั้น ชั้นก็ควรรู้ไม่ใช่เหรอ” มินฮยอกสูดลมหายใจเข้าปอด นึกถึงคำของจงฮยอน เขาต้องลองดูสักตั้ง
“ผมเห็นนูน่ากับรุ่นพี่ยุนโฮ มันทำให้ผมคลั่ง” ทิฟฟานี่ดูไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด เธอขมวดคิ้วจ้องหน้าเขา
“ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์อะไรแบบนั้น แต่ผมก็ทำไปแล้ว” เขาถอนหายใจหลังจบประโยค ถึงเวลาที่ต้องลองเสี่ยงดวง “ผมชอบนูน่ามากจริง ๆ “ ยิ่งได้ฟังยิ่งตกใจ คังมินฮยอกไอดอลรุ่นน้องกำลังสารภาพรักกับเธออย่างนั้นหรือ
“เดี๋ยวนะ ตี๋น้อย นายพูดเรื่องอะไร ชั้นอายุมากกว่านายนะ” ทิฟฟานี่คล้ายว่าจะขอเวลาทำความเข้าใจกับพูดของเขา
“ผมกำลังขอโอกาสครับ ขอโอกาสจากผู้หญิงคนหนึ่ง ให้ผมได้ปกป้องดูแล แค่ให้โอกาสผม เรื่องอื่นผมไม่สนใจ” มินฮยอกดูจริงจังราวกับว่าไม่ใช่ตัวเขาเอง ทิฟฟานี่ดูตกใจแม้การที่เขามาวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวเธอจะพอเดาได้ว่าด้วยเหตุใด แต่เธอก็ไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะกล้าพูดตรง ๆ แบบนี้
“มินฮยอก...” ทิฟฟานี่เรียกชื่อเขาออกมา ไม่ใช่ว่าธอไม่สนใจ ไม่ใช่ว่าเธอไม่แคร์เขา แต่เขาควรจะรู้ว่าโลกไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
“ผมยังไม่ต้องการคำตอบครับ ไม่ว่านูน่าจะตอบว่าอะไรผมจะไม่รับฟังในเวลานี้ โปรดให้โอกาสผม แล้วเรื่องหลังจากนั้นผมจะจัดการเอง” ทิฟฟานี่คิดหนัก โอกาสที่ให้เขาเท่ากับเธอให้โอกาสตัวเองด้วย เธอควรจะทำอย่างไร ก็ในเมื่อเธอไม่อาจตอบตัวเองได้ว่าทำไมเธอถึงไม่ปฏิเสธเขาออกไป ทำไมไม่ทำให้มันจบ ๆ ไป หรือลึก ๆ แล้วเธอเองก็อยากได้โอกาสจากเขาเหมือนกัน
ความคิดเห็น