ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [YongSeo Story] Part 2 You are the one.

    ลำดับตอนที่ #5 : Together forever.

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 54


        






    “นี่พวกนายทวิตบ้าบออะไรกัน”  ยงฮวากรอกเสียงดุลงโทรศัพท์  หลังพบภาพที่จงฮยอนยืนกางแขนหันหลังให้ผืนน้ำโชว์หราอยู่ในทวิตเตอร์ของวง

    “ก็พี่บอกให้เรายืนยันสถานที่อยู่ให้พี่ไง  ผมกับพี่จงฮยอนก็ทำให้แล้วไง”  จองชินตอบกลับมาไม่เดือดร้อน

    “นี่พวกนายไม่ตลกหรือไง”  ยงฮวาสุดจะปวดหัวกับความคิดของสามแสบ

    “ตลกดิ่พี่  พี่จงฮยอนแต่งตัวซะเว่อร์เลย  แต่ก็นะพี่  ตอนนี้ก็มีรูปยืนยันแล้วไงว่าเราอยู่อิโนชิมะกันเมื่อวาน  เว้นเสียแต่ว่าพี่จะพลาดโดนจับได้ที่เกาหลีเอง”  จองชินยังดูไม่ยินดียินร้าย

    “เออๆ  ยังไงก็ขอบใจที่พยายามล่ะกัน”  ยงฮวาพูดจบก็ยันตัวลุกขึ้นจากเบาะรถบริเวณที่นั่งคนขับที่ปรับเอนไว้สบายๆ

    “นี่แล้วพี่ยังไม่กลับเหรอ” 

    “ยังๆ  กลับพรุ่งนี้  มีอะไรก็จัดการไปก่อนล่ะกัน  ชั้นจะไปให้ทันสัมภาษณ์พรุ่งนี้”  ยงฮวาพูดจบก็ตัดสายทันทีด้วยเห็นว่าคนที่เขารออยู่กำลังเดินตรงมายังเขา

    “ฮะ...”  จองชินไม่ทันได้ว่าอะไร  “อะไรว่ะ  อยากวางก็วางซะงั้น”

     

     

    ยงฮวากำลังรอซอฮยอนอยู่ที่หน้าโรงแรม  SNSD ทยอยเดินออกมาขึ้นรถเพื่อไปยังสนามบิน  มีซอฮยอนกับฮโยยอนรั้งท้ายอยู่  ฮโยยอนดูจะเป็นห่วงน้องสาวคนสวยอยู่ไม่น้อยที่ตัดสินใจจะอยู่ที่นี่ต่อเพียงลำพัง

    “แน่ใจนะว่าจะไม่กลับไปพร้อมพี่”  ฮโยยอนยังถามคำถามเก่าจนวินาทีสุดท้าย

    “ค่ะ  ชั้นจะกลับพรุ่งนี้จริงๆ  พี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะค่ะ  พี่ยงฮวาก็อยู่ด้วย”  ซอฮยอนหนักแน่น  แต่ฮโยยอนก็ยังไม่วางใจ  เพราะปริศนาแห่งน้ำตาของซอฮยอนในวันนั้นยังไม่ได้รับการแก้ไขให้กระจ่าง  แม้จะพอเดาออกว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากคนเพียงคนเดียว  แต่ที่กลัวมากที่สุดก็คือจะแน่ใจได้ยังไงว่าซอฮยอนจะไม่ร้องไห้เพราะเขาอีก

    “ชั้นไม่เป็นไรค่ะ  พี่สบายใจเถอะค่ะ”  ซอฮยอนยืนยันแบบนั้นฮโยยอนจึงได้ตัดสินใจจากไป

     

     

     

    “เราจะไปที่ไหนกันค่ะ”  ซอฮยอนถามขึ้นมาเมื่อเห็นยงฮวาขับรถไปเรื่อยๆ  เหมือนจะไม่มีจุดหมาย  ยงฮวายิ้มกริ่มมีแผนในใจ

    “เดี๋ยวก็รู้”  ยงฮวาดูจะมั่นใจกับแผนการที่อยู่ในใจของเขา  ที่แห่งไหนที่ควรจะพาซอฮยอนไป  ที่ไหนที่ผู้คนจะไม่พลุกพล่านจนอาจจะโดนทำลายความเป็นส่วนตัว  เขาคำนวณไว้ให้หัวหมดแล้ว  ก็แค่รอให้ถึงเวลาเท่านั้น

     

     

     

    “สวยจังเลยค่ะ”  เสียงของซอฮยอนบ่งบอกว่าแสนจะดีใจเมื่อได้เห็นภาพเบื้องหน้า  ซอฮยอนและยงฮวายืนอยู่ที่จุดชมวิวที่สวยที่สุดในปูซาน  เบื้องล่างเป็นท้องทะเลกว้างใหญ่มองไปไกลสุดลูกหูลูกตา  ปกคลุมด้วยทะเลหมอกบางๆ  แม้จะเป็นช่วงสายของวันแล้วก็ตาม  ซอฮยอนยกมือขึ้นมากอดอกสะท้านเมื่อมีลมเย็นพัดผ่านมา  ยงฮวาสังเกตเห็นจึงสวมกอดร่างบางจากข้างหลังให้เธอได้อุ่นขึ้น  เกยคางไว้ที่ไหล่เธอ  ซอฮยอนดูจะตกใจกับสัมผัสที่เขามอบให้

    “พี่ค่ะ  เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า”  พูดพลางบ่ายเบี่ยงทำท่าจะหนีจากอ้อมกอดของเขา 

    “ไม่เห็นเป็นไรนี่  อย่างมากก็แค่แถลงข่าว”  ยงฮวาหน้าตาย  กระชับวงแขนให้แน่นขึ้น  ราวกับกลัวว่านางฟ้าจะหนีไป  ซอฮยอนขยุกขยิกอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยความเขินอาย  ผู้ชายคนนี้คือคนที่เธออยากมีเขาอยู่เคียงข้างตลอดเวลา  นอกจากครอบครัวที่เธอรัก  ความฝันที่เธอเฝ้าตามหา  ยงฮวาเป็นสิ่งมีค่ามากที่สุดในชีวิตที่เธอให้สัญญาว่าจะรักษาและดูแลไว้อย่างดี  ไม่มีวันที่เธอจะยอมเสียไป

    “ที่นี่เรียกว่าอะไรค่ะ”

    “แทจองแด  พี่เคยมาที่นี่กับครอบครัวตอนเด็กๆ  ตอนนั้นแทบจำอะไรไม่ได้เลย  เห็นแต่รูปถ่ายเท่านั้น  ตั้งแต่นั้นมาพี่ก็คิดมาตลอดว่า  พี่จะต้องมาที่นี่กับคนที่พี่รักให้ได้ในสักวัน”  ยงฮวาพูดแล้วยิ่งขยับแก้มของเขาเข้าไปใกล้กับแก้มของซอฮยอน  ซอฮยอนรู้สึกหน้าร้อนผ่าวรับรู้ได้ถึงไออุ่นจากแก้มของยงฮวาที่แนบชิดอยู่ตอนนี้

    “นอกจากชั้นแล้วพี่เคยพาใครมาที่นี่หรือป่าว”  ซอฮยอนเอียงคอหันมาจ้องตาเขา  ยงฮวายิ้มกลั้วหัวเราะ

    “หึงพี่หรือไง” 

    “ก็พี่มีแฟนมาตั้งหลายคน  คงพามาที่นี่หมดทุกคนแล้วใช่มั๊ยล่ะ”  ยงฮวาฟังแล้วยิ้มไม่ตอบ  ชอบใจความเป็นเด็กที่แฝงอยู่ในตัวซอฮยอน

    “ต้องใช่แน่ๆเลย”  ซอฮยอนยิ่งกดดันหนัก  ยงฮวายิ่งกระชับอ้อมแขนให้แน่น  พร้อมกับมอบจุมพิตเบาๆที่ขมับของซอฮยอน 

    “พี่ไม่เคยพาใครมาที่นี่  ซอฮยอนเป็นคนแรกและคนเดียวที่พี่จะพามา”  ยงฮวากระซิบแผ่วเบา  แต่ทว่ามันช่างชัดเจนเหลือเกินในความรู้สึกของคนฟัง  แม้จะไม่อาจรู้ได้ว่าที่เขาพูดมามันเป็นจริงเพียงใด  แต่เธอเต็มใจจะเชื่ออย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ

     “สัญญานะ  ว่าต่อจากนี้ไปไม่ว่าจะมีอะไร จะโกรธพี่มากแค่ไหน  ก็จะบอกพี่  ไม่หนีหายไปอีก”  ซอฮยอนไม่ตอบแต่กลับกุมมือยงฮวาแน่น  แน่นอนไม่มีใครรู้ดีเท่าเธอว่าฑิฐิมันสามารถทำร้ายคนได้มากแค่ไหน  หากเธอถามเรื่องที่มาของสร้อยให้เข้าใจตั้งแต่แรก  ก็คงไม่ต้องทนทรมานใจอยู่ลำพังคนเดียว  มันจะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเรื่องแบบนี้ 

    “ทางข้างหน้ายังไม่รู้ว่าจะยาวไกลแค่ไหน  พี่อยากให้เราสองคนหนักแน่น  ฝ่าฟันไปด้วยกัน  ไปให้ถึงวันที่เราจะได้ใช้ชีวิตร่วมกัน  ซอฮยอนจะไปกับพี่มั๊ย”  ยงฮวาดูจริงจัง

    “ชั้นจะอยู่กับพี่ค่ะ  ชั้นสัญญา” 

    ครั้งแรกให้สัญญาต่อหน้าทะเลว่าจะใช้ชีวิตให้ดีที่สุด  ครั้งที่สองให้สัญญาต่อหน้าภูเขาเราจะเดินไปด้วยกัน  แบ่งปันประสบการณ์  กำลังใจ  ใช้ชีวิตด้วยความหนักแน่นบนพื้นฐานแห่งความรักที่มีต่อกัน  ทั้งคู่จะเฝ้ารอวันนั้นวันที่สองใจไม่ต้องจากกันไปไกล  เมื่อนั้นเราจะหายใจใกล้ๆกันทุกวันทุกเวลา

     

     

    มินฮยอกนั่งเฝ้าหน้าจอโน๊ตบุ๊คมาตั้งแต่เช้า  เปิดโน่นดูนี่  พลางส่งเสียงออกความคิดเห็นกับภาพตรงหน้าเป็นระยะ  จองชินนอนเอกขเนกอยู่ที่โซฟาเหมือนอย่างที่เคยเป็น  มีแต่จงฮยอนที่ดูไม่สงบเดี๋ยวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู  เดี๋ยวก็วางลง  ซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้ว่าจะโทรหาหรือรอสายใครกันแน่

    “ว้าวววว  คาร่ากำลังออกรายการวิทยุ”  มินฮยอกพูดขึ้นเมื่อเปิดไปเจอหน้าวิทยุออนไลน์  จองชินเด้งผึงขึ้นมาจากโซฟาราวกับว่าถูกไฟฟ้าช๊อต  ตาจ้องมองไปที่หน้าจอคอมที่มินฮยอกกำลังจ้องดูอยู่

    “นิโคลน่ารักอ่ะ”  มินฮยอกออกแนวพร่ำเพ้อเหมือนที่เคยเป็น  แต่จองชินดูจะไม่ได้ใส่ใจ

    “สถานีเดียวกับที่เราไปมาใช่มั๊ย”  จองชินดูตื่นเต้น  ตั้งคำถามแต่ไม่รอฟังคำตอบ  คว้าเสื้อโค้ทแล้วออกจากห้องไปทันที  มินฮยอกมองตามแบบงงๆ  แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ  หันกลับมาสนใจกับหน้าจอตรงหน้าเหมือนเดิม

     

     

     

    “ซอฮยอน  ตกลงจะมาค้างกับแม่ใช่มั๊ยลูก”  แม่ของยงฮวาออกอาการดีใจทันทีที่เห็นลูกชายถือกระเป๋าเดินนำซอฮยอนเข้ามาในบ้าน

    “รบกวนด้วยนะค่ะ”  ซอฮยอนนอบน้อม

    “รบกวนอะไรล่ะลูก  บ้านนี้หนูอยากมาเมื่อไหร่ก็มาได้เลยนะ  ตามสบายเลยนะคิดซะว่าเป็นบ้านของหนูเอง”  แม่ของยงฮวาพูดแล้วเดินควงแขนซอฮยอนเข้าบ้านไป  ยงฮวามองตามแล้วยิ้ม  ถ้าแต่งงานเมื่อไหร่ลูกชายคนเล็กของคุณแม่คงกลายเป็นหมาหัวเน่าแน่ๆ  แค่นี้ก็เห็นแววชัดแล้ว

     

     

    จองชินมาวนเวียนอยู่ภายในล๊อบบี้ของสถานีวิทยุ  เดินวนไปมา  รอจะเจอกยูรีเหมือนที่เขาเคยทำประจำเพียงแต่เปลี่ยนสถานที่  แม้จะรู้ว่าเสี่ยงต่อการที่จะถูกถ่ายภาพได้  แต่ใจก็ร้อนรนเกินกว่าจะนิ่งเฉย  สมาชิกวงคาร่าค่อยๆทยอยเดินออกมาจากลิฟท์ทีละคน  จองชินโค้งคำนับทักทายตามมารยาทจนสาวๆพากันตกใจที่จู่ก็มาเจอเขาในที่แห่งนี้  กยูรียิ่งประหลาดใจเมื่อเห็นเขา 

    “มาได้ยังไงเนี่ย”  กยูรีพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องๆในวงเดินไปขึ้นรถกันหมดแล้ว

    “พี่ไม่บอกผมสักคำว่าจะมาญี่ปุ่น”  จองชินดูเคืองๆ

    “พี่ไม่คิดว่าเราจะมีเวลาได้เจอกัน  ก็เลย...”  กยูรีรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ  แต่เมื่อหันไปมองก็พบว่าสมาชิกในวงพร้อมที่รถหมดแล้ว  และเธออาจจะไปสายจึงตัดสินใจตัดบท  “พี่ต้องรีบไปทำงานต่อนะ  เดี๋ยวเราค่อยคุยกันได้มั๊ย”

    “คืนนี้พี่เลิกงานกี่โมง  ผมจะรอ”  จองชินดูเอาแต่ใจ  กยูรีอยากจะปฏิเสธแต่เมื่อเห็นสายตาอ้อนวอนที่เขามองมาก็ต้องเปลี่ยนใจ

    “งั้นเราเจอกันคืนนี้นะ”  พูดออกไปแม้จะรู้ว่าจะยิ่งเป็นการให้ความหวังและยิ่งฉุดให้เขาถลำลึก  จองชินยิ้มกว้างพอใจ 

     

     

     

    “นี่พี่รู้จักกับเขาด้วยเหรอ”

    “เขามาจีบพี่หรือเปล่า”

    “เท่ห์จังเลยเนอะ”   เสียงสาวๆวงคาร่าเซ็งแซ่เมื่อกยูรีขึ้นมาบนรถ  กยูรีไม่ตอบ  แค่นี้เธอก็สับสนกับความรู้สึกของตัวเองมากพอแล้ว  อย่าให้คำถามแบบนี้มารบกวนใจอีกเลย

    “เขาเคยบอกว่าปลื้มพี่นี่  ชั้นจำได้”  คูฮาร่าพูดขึ้น  เมื่อนึกไปถึงบทสัมภาษณ์ที่เคยได้ฟังมา

    “นี่ถ้าเขามาจีบ  พี่ก็อย่าเล่นตัวเลย  มีแฟนเท่ห์แบบนั้นน่ะดีจะตาย”  นิโคลพูดขึ้น

    “เวลามีคนดีๆเข้ามาน่ะพี่ต้องรีบคว้าไว้นะ  อีกอย่างนึงชั้นคิดว่าพี่น่าจะเลิกปิดตัวเองได้แล้ว  คนที่พี่รอเขาคงไม่กลับมาแล้วล่ะ”  คูฮาร่าพูดอย่างจริงใจ  แต่กลับเสียดแทงเข้าไปถึงใจดำของคนฟัง

    “พี่จองมินน่ะใจร้ายจะตาย  แค่เดินสวนกันยังไม่อยากจะทักเราเลย  พี่อย่าไปสนเลยนะ”  นิโคลพูดตรง  กยูรีได้แต่ฟังไม่พูดอะไร  ใช่ว่าเธอไม่สนใจ  ใช่ว่าเธอไม่แคร์  แต่หัวใจที่มีตำหนิจะพร้อมยอมรับใครอีกคนได้อย่างไร  ในเมื่อเธอไม่เคยลืมคนเก่าที่อยู่ในใจ  มีแต่จะทำร้ายคนใหม่ที่เข้ามา

     

     

     

    ป๊อก  ป๊อก

    เสียงเคาะประตูห้องนอนทำให้ซอฮยอนต้องละสายตาจากหนังสือในมือเพื่อไปเปิดประตูห้อง

    “พี่เองเหรอค่ะ”  ซอฮยอนพูดออกมาทันทีเมื่อรู้ว่าเป็นใครที่มาเคาะห้องเธอในยามดึกแบบนี้

    “พี่เข้าไปได้ไหม”  ยงฮวายิ้มกริ่ม  ซอฮยอนไม่ตอบแต่หันหลังเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือ  เชิงเป็นการอนุญาต  ยงฮวาเดินตามไปนั่งอยู่ที่เตียงนอน

    “ยังไม่นอนอีกเหรอ”  เขาถามออกมาทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว

    “กำลังอ่านหนังสือค่ะ  ช่วงนี้พอจะมีเวลาก็เลยอยากอ่านไว้เยอะๆ  แล้วพี่ล่ะค่ะ  มีอะไรรึป่าว”   ยงฮวาส่ายหัว

    “เห็นไฟยังเปิดอยู่พี่ก็เลยแวะมาดู”  พูดพลางมองไปรอบๆห้อง  “นอนได้รึป่าว  แปลกที่ไม่กลัวใช่มั๊ย”  ซอฮยอนยิ้มออกมา  ยงฮวาใส่ใจเธอเสมอไม่ว่าเรื่องไหน

    “ชั้นไม่เป็นไรค่ะ  ไม่มีอะไรน่ากลัว”

    “ให้พี่มานอนเป็นเพื่อนมั๊ย”  ยงฮวาเสนอสายตากรุ้มกริ่ม 

    “จะบ้าเหรอค่ะ  พี่จะมานอนเป็นเพื่อนชั้นได้ไง  เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเขาก็เป็นเรื่องใหญ่กันพอดี”  ซอฮยอนคนซื่อไม่ทันคิดว่ายงฮวาหมายความเกินไปกว่านั้น  ยงฮวาฟังแล้วอยากจะหัวเราะ  ซอฮยอนไม่เคยมองคนอื่นในแง่ร้ายเลย  เธอใสซื่ออย่างที่เห็นและเป็นจริงๆ

    “เราไปเดินเล่นกันมั๊ย  ที่สวนมีดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมตอนกลางคืนด้วยนะ”  ยงฮวาชักชวนอยากไปให้พ้นจากสภาพนี้  ห้องนอน  เตียงนอน  ที่ช่างพาให้อารมณ์เตลิดเสียจริง 

     

     

    “หอมจังเลยนะค่ะ”  ซอฮยอนสูดกลิ่นหอมหวานของดอกไม้ที่ส่งกลิ่นยามค่ำคืน  ยงฮวาเด็ดดอกไม้นั่นส่งให้กับเธอ  ซอฮยอนรับมาสูดดมกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด

    “ตอนกลางวันไม่มีกลิ่นนี่ค่ะ  หอมแต่ตอนกลางคืนสินะ”  ยงฮวาพยักหน้าแทนคำตอบ

    “ซอฮยอนชอบที่นี่มั๊ย”

    “ชอบสิค่ะ  บ้านพี่สวยมากๆเลย  มีสวนแบบที่ชั้นชอบด้วย”

    “อยากอยู่ที่นี่หรืออยู่โซลล่ะ”  ซอฮยอนฟังแล้วทำท่าคิด

    “อืม...ที่โซลเป็นบ้านชั้นนะค่ะ  ก็ต้องอยากอยู่ที่บ้านชั้นสิค่ะ”  ยงฮวาฟังแล้วยิ้มให้กับความใสของเธอ  ผู้หญิงที่เขารักคนนี้ตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์เสมอ  แค่จะตอบคำถามเพื่อเอาใจเขาเธอก็ยังไม่ทำ

    “แล้วถ้าเราแต่งงานกันล่ะ”  พูดพลางรวบเอวบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน  ซอฮยอนไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว  จู่ๆยงฮวามาถามแบบนี้มันทำให้เธอเขินอาย  ไหนจะสายตาที่เขาจ้องมองอยู่อีก  ซอฮยอนได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาคมกริบ  ใช้ท่อนแขนทั้งสองข้างเป็นเกราะกำบังระหว่างตัวเธอกับแผ่นอกกว้างของเขา

    “หลังแต่งงานอยากจะอยู่ที่ไหน  เรามาอยู่ที่นี่ไหม  พี่อาจจะดูแลกิจการของที่บ้านต่อ  แต่อยากเธออยากอยู่โซล  เราก็ไปอยู่ที่คอนโดของพี่  พี่ก็จะทำเพลงต่อไป”  ยงฮวาพูดความฝันที่เขาหวังให้มีเธอมาร่วมทางออกมา

    “พี่ไม่อยากเรียนต่อเหรอค่ะ” 

    “อืม  งั้นพี่รอเธอเรียนจบก่อนก็ได้  แต่งงานแล้วค่อยไปเรียนต่อที่อเมริกาด้วยกัน”  ยงฮวาพูดเองเออเองอยู่คนเดียว  ซอฮยอนยิ้มหวานเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาตรงๆ

    “อีกตั้งสามปี  ถึงตอนนั้นพี่จะยังรักชั้นอยู่รึป่าวค่ะ”  ยงฮวายิ้มกว้างคำตอบสำหรับคำถามนี้คือสิ่งที่เขารู้ดีที่สุดและมั่นใจมาตลอดว่ามันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะนานแค่ไหน

    “พี่รักเธอ  และจะรักไปตลอดทั้งชีวิต”  ในแววตามั่นคงฉายความจริงใจออกมา  ซอฮยอนไม่อาจจะหลบสายตาได้เธอเองก็อยากจะบอกเขาในแบบเดียวกันกับที่เขาบอกเธอ

    “ชั้นก็...”   ซอฮยอนไม่อาจพูดได้จบคำ  เพราะจูบของยงฮวามาหยุดคำพูดไว้เสียก่อน  ในเวลานี้  นาทีนี้  ยงฮวาคงไม่อาจจะห้ามใจ  เขาก็แค่ทำไปตามที่ใจต้องการ  แค่เพียงสัมผัสอันแผ่วเบาก็ทำเอาร่างบางอ่อนระทวย  สองแขนไม่มีแรงขัดขืนเปลี่ยนสถานะจากปราการป้องกันกลายเป็นยินยอม  คล้องคอยงฮวาไว้เพื่อช่วยพยุงร่างกายแทนสองขาที่ดูไร้เรี่ยวแรง  เขาบรรจงลิ้มชิมรสหอมหวานของริมฝีปากบางอย่างอ่อนโยน  ทะนุถนอมราวกับว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นแก้วงามที่อาจจะแตกหักเพราะน้ำมือของเขา  ซอฮยอนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ขาดห้วงของตัวเอง  ราวกลับว่ากำลังจะจมน้ำ  ดำดิ่งลึกลงสูงใต้มหาสมุทรที่เธอไม่อาจหยั่งรู้ว่าจะลึกสักเท่าไหร่

    ในที่สุดยงฮวาก็พาตัวเองมาสู่หน้าผาชัน  ผาสูงที่เขาหลีกเลี่ยงมาตลอด  เพียงเพราะกลัวว่าหากก้าวข้ามไป  มันจะพาทั้งเขาและซอฮยอนตกลงสู่เบื้องล่าง  แทนที่จะข้ามผ่านมันไป  นี่ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะพาเธอข้ามไป  ยังไม่ใช่ในเวลานี้  เวลาที่ทั้งเขาและเธอต่างก็ยังไม่พร้อม  ซอฮยอนถูกดึงกลับขึ้นสู่ผิวน้ำอีกครั้ง  สูดอากาศเข้าเต็มปอดหายใจได้อย่างโล่งปอดอีกครั้ง  ยงฮวายังดูอาลัยอาวรณ์อ้อยอิ่งไม่อยากให้จูบนี้จบลง  เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาสดใสตรงหน้า  ก้มลงจุมพิตเบาๆที่ริมฝีบางอีกครั้งก่อนจะตัดใจปล่อยให้มันผ่านเลยไป  ดึงร่างบางมากอดไว้แนบอก  มันยากเกินไป  ยากที่จะหักห้ามใจ  เขาต้องทำได้  ทะนุถนอมเธอไว้จนกว่าจะถึงเวลา

     

     

     

    “พี่ควรจะทานแต่ของดีๆนะครับ”  จองชินพูดพลางส่งบะหมี่ถ้วยที่เขาเพิ่งจะกดน้ำร้อนลงไปส่งให้กยูรี  “พี่ทำงานหนักของแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพ”  จองชินพร่ำบอกด้วยความเป็นห่วง  กยูรีเหมือนไม่ได้สนใจแค่เดินนำไปนั่งที่โต๊ะภายในร้านสะดวกซื้อที่จัดไว้สำหรับลูกค้า  จองชินจึงได้แต่ตามไปนั่งข้างๆเธอ

    “บ่นเป็นคนแก่เชียวนะ  แบบนี้ก็สะดวกดีออก”  กยูรีพูดพลางคนถ้วยบะหมี่ในมือ

    “บางทีเราน่าจะหาเวลาไปหาอะไรดีๆทานบ้างนะ  ผมไม่เคยได้ดูแลพี่เรื่องนี้เลย”

    “กลับเกาหลีคราวหน้าถ้านายมีเวลาก็โทรหาพี่ล่ะกัน  พี่จะเลือกร้านที่แพงสุดๆไปเลย”  คำพูดของเธอไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่าจริงแท้แค่ไหน  แต่ก็สร้างความหวังในใจให้หนุ่มรุ่นน้องอย่างจองชินให้มีแรงสู้ต่อ

    “สัญญาแล้วนะครับ”  กยูรีพยักหน้าแทนคำตอบพลางตักบะหมี่ใส่ปาก

     

     

    อากาศยามดึกอาจจะหนาวเย็นเกินไปที่จะมาเดินเล่น  แต่จองชินกลับรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ  อบอุ่นอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน  ด้วยคนที่เดินข้างกายคือคนที่เขาฝันถึงมาตลอด  บรรยากาศอันเงียบสงบไร้เงาผู้คนในสวนสาธารณะยามนี้  พาให้หัวใจของเขาร้อนรนมากขึ้นกว่าเดิม

    “วงของนายดังมากเลยนะ  ไปที่ไหนๆในญี่ปุ่นก็ต้องเห็น CNBLUE  เต็มไปหมด  น่าอิจฉาจริงๆ”  กยูรีพูดขึ้นมาเพื่อพยายามทำลายความเงียบ

    “พี่ก็ดังนะครับ  ผมเห็นพี่ตลอดเลย”  หลังสิ้นคำพูดของเขาบทสนทนาดูจะขาดหายไประยะเวลาหนึ่ง  มีเพียงเสียงใบไม้เสียดสีกันเท่านั้นที่ผ่านเข้าโสตประสาทของทั้งคู่

    “จองชิน”  กยูรีเรียกชื่อเขาออกมาท่ามกลางความเงียบ  ราวกับว่าเธอมีคำถาม

    “ครับ”

    “ช่างมันเถอะ”  กยูรีกลับไม่พูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกมา

    “มีอะไรเหรอครับ”  จองชินหวั่นใจ  กยูรีนิ่งไปเหมือนจะคิดทบทวนอีกครั้ง  จองชินยังเฝ้ารอด้วยความสงบ

    “พี่มีใครบางคนอยู่ในใจ  ใครบางคนที่พี่ยังไม่รู้จะลืมยังไง”  พูดเพียงเท่านั้นเสียงของเธอก็ขาดห้วง  กยูรีกล้ำกลืนก้อนน้ำตาลงคออย่างยากเย็น  จองชินแข็งทื่อไม่รู้จะทำอย่างไร  เธอกำลังจะบอกอะไร  จะบอกให้เขาไปจากชีวิตเธองั้นเหรอ

    “พี่ไม่ควรจะทำแบบนี้กับนาย  นายควรจะได้มีช่วงเวลาดีๆกับใครสักคนที่เหมาะสมกับนาย”  จองชินเหมือนโดนตีกลางแสกหน้า  นี่เธอปฏิเสธใช่ไหม  ถ้าให้เลือกเขาอยากให้เธอคลุมเครือเหมือนที่ผ่านมามากกว่า  นี่มันชัดเจนเกินไป  ชัดเจนในแบบที่เขาไม่ต้องการ

    “ผมรอได้  พี่จะให้รอนานแค่ไหน  ผมรอได้  แต่อย่าผลักไสผมแบบนี้เลย”  จองชินอุทรณ์  กยูรีถอนหายใจเฮือกใหญ่ 

    “รองั้นเหรอ”  เธอจ้องเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่มรุ่นน้องเบื้องหน้า  มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีให้เธอ  ชายคนนี้มองแต่เธอเสมอมา

    “ผมขอร้อง”  เขาอ้อนวอนอีกครั้ง  กยูรีเอื้อมมือเรียวบางของเธอไปสัมผัสที่ใบหน้าของชายหนุ่มรุ่นน้องตรงหน้า อยากจะเอ่ยถ้อยคำซ้ำๆที่ทำให้เขาปวดร้าว   แต่กลับทำมันไม่ได้อย่างใจเมื่อมองเข้าไปยังดวงตาคู่นั้น  นี่เธอคงจะใจร้ายเกินไป  ทำไมเธอถึงไม่พูดในสิ่งที่เธอควรจะพูด  ทำในสิ่งที่ถูกต้อง  แค่ปล่อยเขาไป  จองชินกุมมือบางนั้นไว้ในสายตาเต็มไปด้วยคำอ้อนวอน  หวังให้เธอเห็นใจ  อย่าใจร้ายอีกเลย

    “แล้วเราจะอยู่ในฐานะอะไร  พี่ไม่อยากทำร้ายนาย”  เธอก็เจ็บปวดในใจ  ตั้งคำถามที่ไม่ควรถามออกมา

    “อะไรก็ได้  แค่ให้ผมได้อยู่ข้างๆพี่  ผมยอมทุกอย่าง”  จองชินหมดสิ้นหนทาง  กยูรีไม่ตอบว่าอย่างไร ใจเธอไม่แข็งพอและยังอ่อนแอเหลือเกิน  จะเป็นไรไปหากเธอจะใช้โอกาสนี้ให้เขาดูแลเธอต่ออีกหน่อย เธอซบลงที่ไหล่กว้าง  แทนคำตอบที่จองชินต้องการ  กยูรีไม่มั่นใจพอที่จะปล่อยเขาจากไป  บางทีเธออาจจะเห็นแก่ตัวเกินไป  และก็ใจร้ายที่ไม่ปล่อยให้เขาจากไปอย่างความตั้งใจแรกของเธอ  จองชินโอบกอดร่างบางนั้นเอาไว้  ไม่ต้องการคำตอบใดๆหากมันจะเป็นการทำร้ายใจเขาเอง  แค่นี้แค่มีเธออยู่ข้างกายไม่ว่าจะอย่างไรเขายอม

     

     

    “ว่าไงจ๊ะ  สาวน้อยกลับมาถึงเมื่อไหร่”  ฮโยยอนทักทายทันทีที่เห็นซอฮยอนเดินเข้ามาภายในห้องซ้อม  ซอฮยอนดูร่าเริงสดใส  ผิดเป็นคนละคนกับตอนก่อนไปปูซาน

    “มาเมื่อเช้าค่ะ  ได้ไปสูดอากาศดีๆสักวันสองวันนี่มันดีจริงๆนะค่ะ”  ซอฮยอนร่าเริง

    “เห็นทีพี่ต้องหาโอกาสไปบ้างแล้ว”  ทิฟฟานี่แกล้งเย้าสายตามองซอฮยอนอย่างมีเลศนัย

    “ทำไมพี่มองชั้นแบบนั้นล่ะค่ะ”  ซอฮยอนออกอาการเขิน  เพราะรู้ได้ทันทีว่าพี่สาวคนสวยหมายถึงอะไร

    “ลำพังปูซานอาจไม่เท่าไหร่  แต่คนที่ปูซานน่าจะทำให้สดชื่นมากกว่า”  ฮโยยอนตั้งข้อสังเกต

    “ข้อนี้พี่ก็น่าจะรู้ดีนะค่ะว่าจริงมั๊ย”  ซอฮยอนเอาคืนบ้าง  ทำเอาทิฟฟานี่ตาลุกวาว  ฮโยยอนเกี่ยวข้องกับปูซานยังไง  ทำไมเธอถึงไม่รู้

    “ทำไมเธอถึงต้องรู้ดีล่ะ  บอกมาเลยนะ”  ทิฟฟานี่หันไปคาดคั้นกับฮโยยอน  ฮโยยอนได้แต่บ่ายเบี่ยงไม่อยากเปิดเผย  ขณะที่ทั้งสามสาวกำลังแกล้งกันไปมา  สมาชิกวง F(x)  ก็พากันเดินเข้ามาในห้อง  ทำให้การหยอกล้อของสามสาวต้องหยุดลง  ซอฮยอนหันไปมองซอลลี่เพียงแว้บเดียว  สร้อยเส้นนั้นยังอยู่ที่คอของเธอ  เธอช่างหน้าไม่อายเสียจริง  บางทีนี่อาจจะถึงเวลาที่นางฟ้าต้องเล่นบทร้ายบ้าง  ซอฮยอนเปิดกระเป๋าหยิบเอากล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินมาถือไว้ในมือ  สองพี่สาวมองอย่างแปลกใจที่จู่ๆซอฮยอนก็ดูจะเข้าสู่โหมดเงียบแบบกระทันหัน

    ซอฮยอนเดินตรงไปยังซอลลี่ในทันที  ฮโยยอนกับทิฟฟานี่มองตามอย่างงงๆ  ซอฮยอนจะทำอะไรกัน  ทำไมถึงได้ทำเหมือนจะไปหาเรื่องใครแบบนั้น  ยังไม่ทันที่ซอลลี่จะได้ตั้งตัวซอฮยอนก็มายืนอยู่ตรงหน้า  เธอโค้งคำนับให้รู่นพี่ตามธรรมเนียมทั้งๆที่ใจจริงไม่อยาก  สาว F(x)  ต่างก็พร้อมใจกันทักทาย  ซอฮยอนแค่ยิ้มให้  นี่คงถึงเวลาประกาศสงคราม   เธอยื่นกล่องเจ้าปัญหานั่นใส่หน้าซอลลี่ตรงๆ  ซอลลี่จำได้ทันที  เผลอหลุดเหวอออกมา

    “พี่ยงฮวาฝากมาคืน  พี่บอกพี่ยงฮวาแล้วว่าเขาน่าจะเอามาคืนเธอเอง  แต่เขายืนยันอยากให้พี่เป็นคนเอามาคืนให้เธอ  และฝากบอกว่าเขารับมันไว้ไม่ได้จริงๆ”  ซอฮยอนพูดน้ำเสียงราบเรียบ  ซอลลี่ตาค้างพูดอะไรไม่ออกคาดไม่ถึงว่าซอฮยอนจะกล้าท้าทายเธอ

    “รับไปสิ”  ซอฮยอนเกือบจะกระแทกกล่องนั้นเข้าที่หน้าของซอลลี่  เพื่อนในวงต่างพากันซุบซิบสงสัย  เมื่อซอลลี่ยังคงเหวอไม่ทำอะไร  ซอฮยอนจึงจัดการยัดมันใส่ลงไปในมือของซอลลี่

    “อย่าให้มีเรื่องแบบนี้อีก  พี่จะไม่ใจดีกับเธอ”  ซอฮยอนพูดแล้วสะบัดหน้าเดินจากมา  ทิ้งให้ซอลลี่อับอายต่อเพื่อนในวง  ฮโยยอนกะทิฟฟานี่มองน้องคนเล็กของวงอย่างไม่เชื่อ  ซอฮยอนกำลังปกป้องความรักของตัวเอง  มักเน่เธอมีด้านนี้ในตัวด้วยเหรอ

     

     

    “บางทีเธออาจจะคิดไม่ถึงว่านางฟ้าอย่างชั้นจะร้ายได้สักแค่ไหน”

     

     

     

     

     

    เอาตอนสุดท้ายของพาร์ทนี้มาส่งแล้วค่ะ  ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์นะค่ะ  อ่านแล้วชื่นใจจริงๆค่ะ  บัวต้องขอโทษค่ะลืมไปว่าแม่ยกพ่อยกยงซอบางคนอาจจะไม่ได้ตามข่าวหนุ่มๆวงฟ้า  เลยงงๆว่าสามแสบถ่ายรูปไปทำอะไร  อธิบายพร้อมหลักฐานแล้วนะค่ะ

    พี่ยงจัดเต็มได้แค่นี้ค่ะ  บัวยังอยากให้พี่ยงเป็นสุภาพบุรุษไปก่อน 555

    จงฮโย  งานนี้บอกแค่ว่ารักอ้ำอึ้งค่ะ  รอตามพาร์ทต่อๆไปนะค่ะว่าจงของบัวจะไปได้ไกลแค่ไหน

    กยูชิน  รักไปช้ำไป  เจ็บแต่ไม่จบแน่ๆค่ะ  แล้วตามไปพาร์ทหน้ากันนะค่ะ
    ขอบคุณรูปจากเฟสพี่กิ๊กค่ะ

     

     

     




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×