คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Long night #1
เสียงการแสดงบนเวทียังคงดำเนินไป บรรยากาศภายในห้องพักของทั้งสี่หนุ่มดูเงียบลงไปถนัดใจ เมื่อเวลาการแสดงใกล้ ๆ เข้ามาทุกที เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นก่อนที่ทีมงานคนเดิมจะเปิดประตูเข้ามา
“สแตนด์บายครับ” เขาพูดเสียงดังฟังชัด สี่หนุ่มฟังแล้วลุกขึ้นก่อนจะหันหน้าเข้าหากันแล้วประสานมือกันไว้ตรงกลางวงล้อม “ไปสู้ด้วยกัน!!!” ทั้งสี่คนพร้อมใจกันรวมพลังก่อนจะเดินตามหลังทีมงานออกไป ด้วยระยะทางจากห้องพักไปยังหลังเวทีที่ไม่ไกลนัก เพียงอึดใจเดียวทั้งสี่คนก็มาถึงจุดสแตนด์บาย ประจวบเหมาะกับที่ MC ของงานเดินลงมาหลังเวทีหลังจากให้คิวการแสดงก่อนหน้า จองชินยืนกอดอกนิ่งมอง MC คนสวยที่กำลังก้าวลงบันไดมาด้วยความระมัดระวัง ทั้งพะวงกับชายกระโปรงที่ยาวลากพื้น ไหนจะเกาะอกที่เปิดเผยนวลเนื้อทำให้เธอดูลำบากในทุกย่างก้าวที่เดิน นี่คงจะเป็นเรื่องปกติที่เขาได้เห็นทีมงานพยายามจะช่วยเหลือคนสำคัญที่มาร่วมงาน แต่หากมันผิดปกติไปก็เพราะว่าทีมงานคนนั้นเป็นชายแปลกหน้า แล้วผู้หญิงที่ชายคนนั้นกำลังจะยื่นมือให้เธอเกาะกุมก็เป็นผู้หญิงที่เขารัก เขาก้าวยาว ๆ ไปหยุดอยู่ตรงหน้าเธอในชั่วพริบตาเดียว เร็วมากเสียจนกยูริเองยังแปลกใจที่จู่ ๆ ก็เป็นมือของเขาที่มาเกาะกุมมือเธอไว้
“จองชิน...” เธอเรียกชื่อเขาออกมาด้วยความแปลกใจ
“ผมจะช่วยพี่เอง” เขาพูดกับเธอแล้วหันไปโค้งให้กับทีมงานเป็นการขอบคุณในความหวังดีก่อนหน้านี้ แล้วจัดแจงพาเธอก้าวพ้นขั้นบันไดมาจนได้ ก่อนจะเดินตามเธอไปยังเก้าอี้สำหรับ MC กยูริดูขัดเขินที่ดูเหมือนว่าคนอื่นจะมองเธอด้วยความงงระคนสงสัย
“เธอไปอยู่กับพี่ ๆ เถอะ พี่ดูแลตัวเองได้” กยูริแทบจะกระซิบกับเขา แต่ดูเหมือนจองชินจะไม่ใส่ฟังคำพูดของเธอ เขาเอื้อมมือไปคว้าเสื้อนอกที่ห้อยไว้ที่พนักพิงเก้าอี้ซึ่งเขาจำได้ดีว่ามันเป็นของเขาเอง แล้วคลุมมันให้กับเธอ
“อยากเปลี่ยนสไตลิสต์มั๊ย” เขาพูดเสียงเบาเพราะต้องการคุยกันเพียงสองคน แต่สายตาที่จ้องมองเธอกลับจริงจังเสียจนน่ากลัว
“จองชิน...” ดูเหมือนว่าเธอจะพยายามปรามเขา
“ผมไม่ชอบให้ใครมามองหรือมาสนใจของที่เป็นของผม ถ้าอยากแต่งตัวแบบนี้พี่ควรเก็บไว้แต่งให้ผมดูคนเดียว” พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นกอดอกถอนหายใจออกมาก่อนจะหันหน้าหนีจากเธอด้วยความโกรธ
“จองชิน พี่คิดว่าเธอน่าจะเข้าใจนะ นี่มันงาน...” กยูริจะพยายามง้องอนเขา
“กลับจากญี่ปุ่นคราวนี้พี่คงต้องเปลี่ยนสไตลิสต์แล้วล่ะ” แต่ก็ยังดูเหมือนว่าเขาจะไม่ฟัง พูดจบเขาก็เดินหนีไป กยูริหมดปัญญาจะตามเขาไปเพราะเธอมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ
“เสร็จงานก่อนล่ะกัน” เธอพึมพำกับตัวเองก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้แล้วหยิบสคริปต์ในมือขึ้นมาอ่าน
จองชินเดินกลับมารวมกับพี่ ๆ ในวงโดยไม่พูดจาอะไร สองพี่ใหญ่ดูจะไม่ได้ใส่ใจสิ่งแวดล้อมรอบข้างมากไปกว่าการทำสมาธิก่อนขึ้นเวที มีเพียงมินฮยอกคนเดียวเท่านั้นที่ดูจะสนใจใส่ใจกับเพื่อนรัก
“มีอะไรหรือป่าว” มินฮยอกถามขึ้น จองชินส่ายหน้าไม่ตอบ มินฮยอกจึงได้แต่เพียงยักไหล่...เขาไม่ควรก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคนอื่น ถึงแม้ว่าคนอื่นนั้นจะเป็นเพื่อนรักของเขา
“ทำไมผู้หญิงชอบแต่งตัวโชว์นั่นโชว์นี่กันนัก” แต่ในที่สุดจองชินก็พูดออกมา ทำให้มินฮยอกต้องมองไปที่กยูริอีกครั้ง
“ก็ไม่โป๊นี่หว่า... แกคิดมากไปป่าว” มินฮยอกดูจะเห็นต่างไป
“อย่าบังอาจแม้แต่มองเลยนะ ลองเป็นนูน่าของแกมั่งเหอะ แกไม่มีหน้ามาพูดแบบนี้หรอก”
“พูดยังกะรู้ว่านูน่าของชั้นเป็นใคร” มินฮยอกค้อนให้เขา ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “มีสิทธิ์ห้ามก็ดีสิ ชั้นเจอมาหนักกว่าแกเยอะ”
“บ่นอะไรว่ะ” จองชินหันไปถาม ยังไม่ทันจะได้คำตอบเขาก็ต้องละสายตาจากมินฮยอกแล้วหันไปมองกยูริที่ต้องกลับขึ้นเวทีอีกครั้ง
“เอาน่า...” มินฮยอกตบไหล่เขาเบา ๆ เป็นการปลอบใจ แต่ดูเหมือนว่าจองชินจะไม่สามารถลดความหงุดหงิดเรื่องนี้ไปได้เลย
การแสดงของสี่หนุ่มผ่านไปด้วยดี...แม้จะไม่เต็มร้อยแต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดไว้ สองพี่ใหญ่ดูสบายขึ้นกว่าก่อนขึ้นเวที แม้ในขณะที่รอขึ้นไปรับรางวัลยงฮวาก็ยังพูดคุยหยอกล้อกับคนอื่น ๆ ได้ ในขณะที่มักเน่ของวงดูจะมีปัญหากับลีดเดอร์ของอีกวง จองชินยืนกอดอกหน้าเครียดจ้องมองกยูริที่กำลังพูดคุยกับทีมงานโดยปราศจากเสื้อนอกของเขาคลุมอยู่บนไหล่ของเธอ นี่เขาโกรธอย่างจริงจังและรู้สึกว่าวางเฉยต่อเรื่องนี้ไม่ได้เสียเลย
งานประกาศผลรางวัลคืนแรกผ่านไปด้วยความเรียบร้อย... แต่ละคนต่างพากันแยกย้ายกลับสู่ห้องพัก ยังเหลือพรุ่งนี้อีกวันที่จะต้องทำงาน ยงฮวาวางกีต้าร์ลงข้างเตียงนอนก่อนจะก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วถอนหายใจออกมา...
“อยากให้ผมไปนอนอีกห้องมั๊ย” จงฮยอนถามออกมาตรง ๆ ทันทีที่เห็นท่าทางของพี่ชาย
“พูดอะไรของแกว่ะ”
“แสดงว่าใช่...” จงฮยอนดุเหมือนจะรู้ทัน “อาบน้ำก่อนได้มั๊ย แล้วจะไป” พูดจบเขาก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ
“ไอ้บ้าเอ๊ย...พูดออกมาแต่ละอย่าง” ยงฮวาพึมพำตามหลังจงฮยอนไป แต่แล้วก็ยิ้มออกจนได้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาปลายทางด้วยความสุขทันที
“พี่เองเหรอ” มินฮยอกเป็นคนเปิดประตูห้องออกมารับ จงฮยอนไม่พูดอะไรนอกจากเดินเบียดมินฮยอกเข้าไปในห้อง “เรากำลังจะไปหาอะไรกินกัน พี่จะไปด้วยมั๊ย” มินฮยอกปิดประตูห้องก่อนจะเดินตามหลังจงฮยอนไป จงฮยอนทิ้งตัวลงบนเตียงนอนแล้วหลับตาราวกับว่าไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
“ไม่ล่ะ นายไปกันเหอะ” เขาปฏิเสธ
“ว่าแต่ไม่มีนัดแน่นะ ไม่อยากถูกทิ้งอีกนะโว้ย...” มินฮยอกหันไปหาจองชินที่กำลังจ้องโทรศัพท์มือถืออยู่
“เออน่ะ...” จองชินตอบปัดไป ทั้ง ๆ ที่ตายังไม่ละจากโทรศัพท์มือถือ
“สงสัยจะมาแนวเดิมอีกแล้ว” มินฮยอกพึมพำแล้วหันไปหาจงฮยอน
“พี่ไปกับผมเหอะ ดูท่าจองชินมันต้องทิ้งผมอีกแน่ ๆ “ มินฮยอกพูดพร้อมกับเขย่าตัวจงฮยอน
“นายสองคนนี่จริง ๆ เลย” จงฮยอนพูดแล้วยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง หน้าตาดูไม่สบอารมณ์
ในที่สุดจงฮยอนก็จำต้องออกมาพร้อมกับสองแสบจนได้ เขาเดินลากขาตามหลังน้องชายทั้งสองคนไปเรื่อย ๆ ไม่พูดจาอะไร มีเพียงมินฮยอกที่ดูร่าเริงอยู่คนเดียว ในขณะที่จองชินก็ยังดูอารมณ์ไม่ดี ทั้งสามคนพากันมาหยุดหน้าลิฟท์เพียงครู่เดียวก่อนที่ลิฟท์จะเปิดออก
“โอ้... ซวยแล้วกรู...” เสียงมินฮยอกอุทานออกมาเบา ๆ ทันทีที่เขาได้เห็นว่าคนที่อยู่ในลิฟท์เป็นใคร จองชินเพียงแต่ยืนหน้านิ่งแต่เลี่ยงที่จะมองสบตากับคนในลิฟท์ อยากให้เธอรู้ว่าเขาโกรธเธอมากมายเพียงใด แต่คนที่ดูจะแปลกใจที่สุดคงไม่พ้นจงฮยอน เขายกมือขึ้นปิดปากก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น ไม่รู้ว่าควรจะทำหรือไม่ทำอะไร
“สวัสดีครับรุ่นพี่กยูริ รุ่นพี่ฮโยยอน” มินฮยอกเป็นเพียงคนเดียวที่กล้าทักทายทั้งสองสาว กยูริส่งยิ้มมาให้ทั้งสามคน แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อจองชินทำเมินเธอ ฮโยยอนยิ้มบาง ๆ ให้กับทั้งสามคน ก่อนจะมองจงฮยอน ....เรื่องที่เป็นไปเองโดยอัติโนมัติสายตาของเธอยังคงมองเพียงเขาคนเดียวอยู่เสมอ
“ไม่เจอกันนานเลยนะ” คำพูดที่ดูไม่เฉพาะเจาะจงแต่ดูเหมือนว่าเธอต้องการจะพูดกับจงฮยอนเพียงคนเดียว แต่เขากลับตอบเธอด้วยการพยักหน้าอย่างเดียว
“เข้าไปในลิฟท์ก่อนดีมั๊ย” มินฮยอกเห็นท่าว่าคงจะเกิดเหตุเป็นแน่หากหากเขายังคงนิ่งเฉย ๆ หลังพูดจบเขาก็เดินนำเข้าไปในลิฟท์ สองสาวจึงถอยหลังหลบให้ทั้งสามคนเข้ามาในลิฟท์
“พี่สองคนจะไปไหนกันครับ พวกเราว่าจะไปหาอะไรกินข้างนอก ไปด้วยกันมั๊ยครับ” มินฮยอกพยายามสร้างบรรยากาศ
“งั้นเหรอ...ไปสิ” เสียงกยูริพูดขึ้น จองชิยรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อที่ใบหน้ากระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบจากเธอ แปลกใจที่เธอทำราวกับว่าไม่รับรู้ว่าเขาไม่พอใจเธออยู่ ฮโยยอนสะกิดแขนเพื่อนรักของเธอเบา ๆ ด้วยกลัวว่าเธออาจจะเป็นต้นเหตุทำให้บรรยากาศเสีย
“เราสองคนก็กำลังจะไปหาอะไรกินอยู่เหมือนกัน” กยูริพูดเหมือนว่าเธอไม่ได้สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง แต่เธอกำลังแอบสังเกตอาการเด็กเอาแต่ใจของจองชินอยู่
“ทำไมลิฟท์มันช้าจัง” เสียงฮโยยอนถามขึ้นด้วยความไม่แน่ใจ หรืออาจจะเป็นเพราะรังสีความอึดอัดที่เธอได้รับมาจากผู้ชายที่ยืนหันหลังให้เธอในตอนนี้
“ผมลืมกดลิฟท์ครับ” มินฮยอกพูดออกมาอาย ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปกดลิฟท์ จองชินอยากจะหัวเราะแต่ก็ต้องทำนิ่งไว้ ในขณะที่สองสาวหลุดหัวเราะออกมาเต็มที่ จงฮยอนถอนหายใจออกมาเบา ๆ ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไร แต่มันกลับทำให้บรรยากาศอึดอัดขึ้นมาอีกครั้ง
ในที่สุดทั้งห้าคนก็มาร่วมโต๊ะอาหารรอบดึกจนได้ แม้บรรยากาศจะยังดูตึงเครียดแต่ก็ไม่ได้ดูร้ายแรงอะไร จงฮยอนยังคงเงียบไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากปากของเขา แต่เขาก็ดูให้ความร่วมมือกับวงสนทนาเป็นอย่างดี หัวเราะเมื่อควรจะหัวเราะ ยิ้มเมื่อควรจะยิ้ม มินฮยอกก็ยังคงพยายามสร้างบรรยากาศต่อไป จนกระทั่งมื้ออาหารจบลง แต่ดูเหมือนความพยายามของมินฮยอกจะยังไม่สิ้นสุด
“วันนี้รุ่นพี่สวยมากเลยนะครับ” มินฮยอกพยายามจะหาเรื่องพูดเพื่อทำลายความเงียบ กยูริเพียงแต่ยิ้มก่อนจะลอบมองจองชินที่กำลังมองเพื่อนรักด้วยหางตา
“เห็นว่าพี่เกือบตกบันได้เพราะชายกระโปรงด้วยนี่” ฮโยยอนช่วยเสริม
“จริงเหรอครับ คนสวยมักจะซุ่มซ่ามใช่มั๊ยครับ” มินฮยอกพูดก่อนจะหัวเราะเบา ๆ
“พูดเก่งนะเนี่ย” กยูริแกล้งขัดเขา
“ผมไม่เหมือนสองคนนั้นหรอกครับ สงสัยจะลืมเอาปากมา” มินฮยอกจงใจแขวะเพื่อนร่วมวงอย่างเห็นได้ชัด
“ปกติแกก็ไม่ได้พูดเก่งแบบนี้นี่” ในที่สุดจองชินก็พูดออกมาจนได้ มินฮยอกอ้าปากจะพูดต่อแต่ก็ถูกกยูริขัดขึ้นเสียก่อย
“เอ่อ....ฉันจะไปห้องน้ำ” กยูริพูดขึ้นพร้อมกับลอบมองจองชิน
“เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อน...” มินฮยอกรีบเสนอตัวด้วยจงใจจะแกล้งเพื่อนรัก จองชินไม่พูดอะไรเพียงแต่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำไป กยูริอดที่จะขำในความเป็นเด็กของเขาไม่ได้ เธอหันมาหัวเราะกับมินฮยอกก่อนจะเดินตามเขาไป เมื่อสองคนจากไปมินฮยอกก็รู้สึกได้ถึงความอึดอัดบนโต๊ะอาหารในทันที สองคนนั้นงอนกันดูเป็นเรื่องสนุก แต่สองคนที่อยู่ตรงนี้ทำเอาเขาสนุกไม่ออก จงฮยอนยังคงนิ่งเฉย ในขณะที่ฮโยยอนก็มีท่าทีอึดอัดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อต้องอยู่เพียงลำพังกับทั้งสองคน
“ผมไปห้องน้ำ...นะครับ” มินฮยอกตัดสินใจเลี่ยงออกจากทั้งคู่ ฮโยยอนได้แต่เพียงหันมายิ้มให้เขา ในขณะที่จงฮยอนเพียงเหลือบตามอง
ในที่สุดบรรยากาศแบบนี้ก็กลับมาอีกครั้ง เขาเคยมีมื้อค่ำที่สุดแสนวิเศษกับสาวสวยตรงหน้า แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัด อึดอัดมากเสียจนเขารู้สึกเหมือนไม่มีอากาศจะหายใจ เมื่อเขาไม่อาจพูดหรือแสดงความรู้สึกได้เหมือนที่เคยเป็น เขาจึงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการนิ่งเงียบ เงียบเพราะไม่ต้องการให้เธอตรงหน้ามารับรู้ถึงความเจ็บปวดภายในใจ บาดแผลที่ไม่เคยจางหาย แผลที่ยิ่งลึกและเหมือนถูกฉีกปากแผลให้กว้างมากขึ้นทุกครั้งที่ต้องอยู่ใกล้กัน ทุกครั้งที่ห่างกันไปเขารู้สึกราวกับว่าแผลนั้นกำลังจะหายดี แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ความห่างไกลเป็นเพียงยาแก้ปวดที่ระงับความเจ็บปวดไว้ แต่ไม่มีผลใด ๆ ในการรักษาแผลเลย
นับตั้งแต่วันที่ตัดสินใจจบเรื่องราวระหว่างเขากับเธอไม่มีคืนไหนที่เธอนอนหลับได้สนิท แต่เธอก็บอกกับตัวเองอยู่ทุกวันว่าจะไม่มีวันร้องขอความเห็นใจหรือขอให้เขากลับมาหา หรือแม้แต่ในสถานการณ์วันนี้ที่เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้น เธอก็ยังแสร้งยิ้มแกล้งหัวเราะได้ เพียงเพราะอยากให้เขาสบายใจว่าเขาไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตเธอต้องเปลี่ยนไป เธออาจจะเสียใจที่ความรักไม่เป็นอย่างหวังแต่เธอไม่ได้ผิดหวังในตัวเขา....
“สบายดีมั๊ย” ฮโยยอนเริ่มต้นบทสนทนาที่ดูคุ้นเคยเป็นอย่างดี คำพูดเดิมที่เขาเคยถามเธอ แต่คราวนี้เธอเป็นฝ่ายถามเขาบ้าง จงฮยอนก้มหน้านิ่งไปพักใหญ่ คล้ายจะพยายามเก็บงำบางสิ่งบางอย่างในใจ ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมามองเธอ แล้วพยักหน้าพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆแทนคำตอบ
“ฉันฟังเพลงใหม่ของคุณแล้วนะ ดีมากเลย” ฮโยยอนยังพยายามจะทำให้เป็นปกติ จงฮยอนยังคงทำเพียงแค่พยักหน้า ยิ่งทำให้บรรยากาศอึดอัดมากขึ้นไปกว่าเดิม
“ผมก็ชอบเพลงคุณ ซาวด์ทันสมัยดี” ในที่สุดเขาก็พูดออกมา ฮโยยอนยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เธอไม่ทันระวังตัวว่าเขาอาจจะรู้สึกได้ว่าเธอยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน แต่จงฮยอนกลับหันหน้าหนีไปจากเธอในทันทีที่เห็นรอยยิ้มจากเธอ
“ทำไมสามคนนั้นไปนานจัง” เธอจำต้องพูดอย่างอื่นเพื่อแก้เก้อที่เขาปฏิเสธรอยยิ้มจากเธอ
“เดี๋ยวผมจะไปตาม คุณรออยู่นี่ล่ะกัน” จงฮยอนพูดขึ้นก่อนจะลุกขึ้น
“จงฮยอน....” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอจึงเรียกชื่อเขาออกมา จู่ ๆ ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่านี่อาจจะเป็นการปล่อยให้เขาจากไปอีกครั้ง เขาหันกลับมามองเธอด้วยความแปลกใจ แต่ก็ดูคล้ายว่าจะรอคำพูดบางอย่างจากปากเธอ “ฉันรออยู่นะ” ......
จงฮยอนเดินจากไปแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในใจของฮโยยอนกลับทำให้เธอไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมเธอจึงบอกเขาว่าเธอรออยู่ เขาจะเข้าใจคำพูดของเธอว่าอย่างไร หรือจริง ๆ แล้วนั่นคือความจริงในใจที่เธออยากจะพูดกับเขามาตลอด
จงฮยอนเดินจากมาพร้อมกับเสียงก้องในหัว “ฉันรออยู่นะ” ทำไมเขาถึงสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในคำพูดนั้น หรือเขาคิดไปเอง...ความจริงแล้วมันก็เพียงแค่เธอพยายามจะบอกให้เขารีบกลับไป เพราะเธอไม่ต้องการจะถูกทิ้งไว้ที่ร้านเพียงลำพัง
มินฮยอกดูเหมือนจะรู้สถานการณ์ของตัวเองดี ตั้งใจจะเอาจงฮยอนมาเป็นเพื่อนเพราะกลัวถูกจองชินทิ้ง แต่ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นจะต้องพาตัวเองออกมาจากตรงนั้นเสียมากกว่า เขาเดินทอดน่องมาตามทางเดินเพียงลำพัง พลางคิดปลอบใจตัวเองที่อย่างน้อย ๆ ก็อิ่มท้องแล้ว และพรุ่งนี้เช้าเขาก็ต้องได้เจอนูน่าคนสวย เพียงแค่คิดก็มีความสุขแล้ว แสงไฟสว่างจากคาเฟ่ข้างหน้าช่างเย้ายวนให้เขาเข้าไปหาอะไรอุ่น ๆ ให้ท้องก่อนที่จะเข้านอนในคืนนี้ เขาค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปในคาเฟ่ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าเคานท์เตอร์เพื่อจะสั่งเครื่องดื่ม
“ขอชาเขียวลาเต้ครับ” เขาพูดก่อนจะส่งเงินให้กับพนักงาน แล้วถอยมากอดอกยืนรออยู่ห่าง ๆ พลางอ่านเมนูด้านหลังเคานท์เตอร์เป็นการฆ่าเวลา เพียงครู่เดียวพนักงานก็วางแก้วเครื่องดื่มลงบนเคานท์เตอร์
“ได้เร็วจัง...” มินฮยอกพูดพร้อมกับเดินเข้าไปคว้าแก้วเครื่องดื่ม ก่อนจะพบว่ามีมือของใครอีกคนคว้าแก้วนั้นไว้เหมือนกัน เขาเงยหน้ามองเจ้าของมือตรงหน้าด้วยความแปลกใจ
“นายอีกแล้วเหรอ...” เป็นมือของสาวน้อยร่างบางที่ดูเหมือนจะบังเอิญเจอกับเขาอีกแล้ว มินฮยอกถอนหายใจออกมา
“เธอสั่งใช่มั๊ย” ดูเหมือนเขาพยามจะใจเย็น สาวน้อยพยักหน้าหนักแน่น “แต่ฉันหยิบก่อน...” แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ แล้วจู่ ๆ เขาก็ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นให้พ้นจากระยะแขนของสาวน้อยตรงหน้า สาวน้อยพยายามจะเอื้อมมือคว้าแก้วกลับคืนมา แต่ด้วยความสูงของเขาที่ห่างจากเธอเหลือเกินทำให้เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
“เอามานะ นายมันขี้โกง” เสียงเธอแหวใส่เขา มินฮยอกหัวเราะร่วนที่เขากำชัยชนะได้อย่างเด็ดขาด ก่อนที่สายตาของเขาจะมองผ่านกระจกออกไปนอกร้าน ใครบางคนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี และเขาไม่มีวันจะจำเธอไม่ได้ นูน่าคนสวยของเขาเพิ่งจะเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อที่อยู่ติดกัน เขาส่งแก้วเครื่องดื่มคืนให้สาวน้อยตรงหน้า ก่อนจะรีบหุนหันวิ่งออกจากร้านไป .....เพื่อที่จะไปพบว่าเธอไม่ได้มาเพียงลำพัง รุ่นพี่คนดังร่วมค่ายกำลังหิ้วถุงพะรุงพะรังตามหลังเธอมา มินฮยอกมองภาพตรงหน้าแล้วชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเรียกชื่อเธอออกไป
“ฟานี่นูน่า...” ทิฟฟานี่หันมาตามเสียงเรียกของเขาในทันที ทันทีที่รู้ว่าเป็นมินฮยอกเธอก็ส่งยิ้มให้เขาในทันที มินฮยอกแทบจะถลาเข้าไปหาเธอด้วยความดีใจ
“ผมว่าจะโทรหาอยู่พอดี ดีจังที่ได้เจอนูน่าก่อน” เขาดูตื่นเต้นและดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่
“ฉันเพิ่งมาจากอีกงานน่ะ” ทิฟฟานี่ตอบพร้อมกับยิ้มหวาน มินฮยอกอ้าปากจะพูดต่อแต่ก็ต้องถูกขัดเมื่อยุนโฮตามมาร่วมวงสนทนาด้วย
“อ่า...มินฮยอกนี่” ยุนโฮเอ่ยทักทายด้วยความเป็นมิตร มินฮยอกโค้งคำนับให้เขาตามมารยาท
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีนะ” ยุนโฮพูดพร้อมกับตบไหล่เขาเบา ๆ
“ครับ..สบายดี” มินฮยอกอึกอักที่จะตอบ เขามุ่งความสนใจไปที่สาเหตุที่ทำให้คนสองคนมาด้วยกันมากกว่าจะสนใจว่าใครสบายดีหรือไม่
“ต้องไปแล้วล่ะ ไว้เจอกันนะ” ทิฟฟานี่พูดขึ้น มินฮยอกอยากจะรั้งเธอไว้ก่อนแต่ก็รู้ดีว่าทำไม่ได้
“ไปล่ะ” ยุนโฮยกมือลาเขาก่อนจะหันหลังให้เขาพร้อม ๆ กับทิฟฟานี่
“นูน่า...” มินฮยอกตัดสินใจเรียกเธอ พร้อมกับทำมือเป็นหูโทรศัพท์ส่งสัญญาณให้เธอ ทิฟฟานี่หันมามองเขาแล้วยิ้มให้ ยิ้มที่ดูเหมือนไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่ายิ้ม ไม่แน่ใจว่าตอบรับหรือแค่รับรู้ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่สตาร์ทเครื่องรอไว้แล้ว
มินฮยอกมองตามรถคันหรูไปจนสุดสายตา แล้วถอนหายใจออกมา ไม่แน่ใจว่านี่คือเรื่องอะไร ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจอทิฟฟานี่อยู่กับยุนโฮ แต่ทำไมเขาถึงไม่เคยได้รับคำอธิบายเรื่องนี้จากปากของทิฟฟานี่เลย ก่อนที่เขาจะจมลงสู่ห้วงความคิดของตัวเอง พลันก็มีมือหนึ่งยื่นแก้วเครื่องดื่มมาตรงหน้าเขาเสียก่อน
“ยังไม่ไปอีกเหรอ” เขาถอนหายใจออกมา
“นี่ของนาย..เอาไป” สาวน้อยยื่นแก้วใส่หน้าเขาอีกครั้ง มินฮยอกรับมาถือไว้ก่อนจะเดินหนีไป ถึงเวลานี้เขาไม่ได้อารมณ์ดีมากพอที่จะมาล้อเล่นกับใครหน้าไหนทั้งนั้น
“นึกว่าฉันอยากยุ่งกับนายนักหรือไง” สาวน้อยตะโกนไล่หลังเขาไป.... แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ใส่ใจฟัง “อีตาบ้าเอ๋ย...เจ๋งนักหรือไง” สาวน้อยพูดกับตัวเองเหมือนกับว่าจะอาฆาตเขาไว้ เธอมองตามหลังเขาไปจนลับสายตา
“สักวันเราจะได้เห็นดีกัน ไอ้ตี๋ขี้เก๊ก”
ได้ข่าวว่าฟิคยงซอ แล้วยงซอไปไหนทำไมยังไม่มา.... เดี๋ยวนะให้ลีดเดอร์ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวเต็ม ๆ ให้ ตอนนี้ปล่อยสามแสบไปตามหาหัวใจกันก่อน....
จงฮโยโมเม้นต์ก็ยังอึมครึ้ม.... ยังแต่ยังไม่จบบอกแล้วไงว่า Long night ค่ำคืนนี้ช่างแสนยาวนาน ^_^
ความคิดเห็น