ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [YongSeo Story] Part 6 Land of Love.

    ลำดับตอนที่ #4 : Long night #1

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 55


     



    เสียงการแสดงบนเวทียังคงดำเนินไป  บรรยากาศภายในห้องพักของทั้งสี่หนุ่มดูเงียบลงไปถนัดใจ  เมื่อเวลาการแสดงใกล้ ๆ เข้ามาทุกที  เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นก่อนที่ทีมงานคนเดิมจะเปิดประตูเข้ามา

    “สแตนด์บายครับ”  เขาพูดเสียงดังฟังชัด  สี่หนุ่มฟังแล้วลุกขึ้นก่อนจะหันหน้าเข้าหากันแล้วประสานมือกันไว้ตรงกลางวงล้อม  “ไปสู้ด้วยกัน!!!”  ทั้งสี่คนพร้อมใจกันรวมพลังก่อนจะเดินตามหลังทีมงานออกไป  ด้วยระยะทางจากห้องพักไปยังหลังเวทีที่ไม่ไกลนัก  เพียงอึดใจเดียวทั้งสี่คนก็มาถึงจุดสแตนด์บาย  ประจวบเหมาะกับที่ MC ของงานเดินลงมาหลังเวทีหลังจากให้คิวการแสดงก่อนหน้า  จองชินยืนกอดอกนิ่งมอง MC คนสวยที่กำลังก้าวลงบันไดมาด้วยความระมัดระวัง  ทั้งพะวงกับชายกระโปรงที่ยาวลากพื้น  ไหนจะเกาะอกที่เปิดเผยนวลเนื้อทำให้เธอดูลำบากในทุกย่างก้าวที่เดิน  นี่คงจะเป็นเรื่องปกติที่เขาได้เห็นทีมงานพยายามจะช่วยเหลือคนสำคัญที่มาร่วมงาน  แต่หากมันผิดปกติไปก็เพราะว่าทีมงานคนนั้นเป็นชายแปลกหน้า  แล้วผู้หญิงที่ชายคนนั้นกำลังจะยื่นมือให้เธอเกาะกุมก็เป็นผู้หญิงที่เขารัก  เขาก้าวยาว ๆ ไปหยุดอยู่ตรงหน้าเธอในชั่วพริบตาเดียว  เร็วมากเสียจนกยูริเองยังแปลกใจที่จู่ ๆ ก็เป็นมือของเขาที่มาเกาะกุมมือเธอไว้

    “จองชิน...”  เธอเรียกชื่อเขาออกมาด้วยความแปลกใจ

    “ผมจะช่วยพี่เอง”  เขาพูดกับเธอแล้วหันไปโค้งให้กับทีมงานเป็นการขอบคุณในความหวังดีก่อนหน้านี้  แล้วจัดแจงพาเธอก้าวพ้นขั้นบันไดมาจนได้  ก่อนจะเดินตามเธอไปยังเก้าอี้สำหรับ MC  กยูริดูขัดเขินที่ดูเหมือนว่าคนอื่นจะมองเธอด้วยความงงระคนสงสัย

    “เธอไปอยู่กับพี่ ๆ เถอะ  พี่ดูแลตัวเองได้”  กยูริแทบจะกระซิบกับเขา  แต่ดูเหมือนจองชินจะไม่ใส่ฟังคำพูดของเธอ  เขาเอื้อมมือไปคว้าเสื้อนอกที่ห้อยไว้ที่พนักพิงเก้าอี้ซึ่งเขาจำได้ดีว่ามันเป็นของเขาเอง  แล้วคลุมมันให้กับเธอ

    “อยากเปลี่ยนสไตลิสต์มั๊ย”  เขาพูดเสียงเบาเพราะต้องการคุยกันเพียงสองคน  แต่สายตาที่จ้องมองเธอกลับจริงจังเสียจนน่ากลัว

    “จองชิน...”  ดูเหมือนว่าเธอจะพยายามปรามเขา

    “ผมไม่ชอบให้ใครมามองหรือมาสนใจของที่เป็นของผม  ถ้าอยากแต่งตัวแบบนี้พี่ควรเก็บไว้แต่งให้ผมดูคนเดียว”  พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นกอดอกถอนหายใจออกมาก่อนจะหันหน้าหนีจากเธอด้วยความโกรธ

    “จองชิน  พี่คิดว่าเธอน่าจะเข้าใจนะ  นี่มันงาน...”  กยูริจะพยายามง้องอนเขา

    “กลับจากญี่ปุ่นคราวนี้พี่คงต้องเปลี่ยนสไตลิสต์แล้วล่ะ”  แต่ก็ยังดูเหมือนว่าเขาจะไม่ฟัง  พูดจบเขาก็เดินหนีไป  กยูริหมดปัญญาจะตามเขาไปเพราะเธอมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ

    “เสร็จงานก่อนล่ะกัน”  เธอพึมพำกับตัวเองก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้แล้วหยิบสคริปต์ในมือขึ้นมาอ่าน

    จองชินเดินกลับมารวมกับพี่ ๆ ในวงโดยไม่พูดจาอะไร  สองพี่ใหญ่ดูจะไม่ได้ใส่ใจสิ่งแวดล้อมรอบข้างมากไปกว่าการทำสมาธิก่อนขึ้นเวที  มีเพียงมินฮยอกคนเดียวเท่านั้นที่ดูจะสนใจใส่ใจกับเพื่อนรัก

    “มีอะไรหรือป่าว”  มินฮยอกถามขึ้น  จองชินส่ายหน้าไม่ตอบ  มินฮยอกจึงได้แต่เพียงยักไหล่...เขาไม่ควรก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคนอื่น  ถึงแม้ว่าคนอื่นนั้นจะเป็นเพื่อนรักของเขา

    “ทำไมผู้หญิงชอบแต่งตัวโชว์นั่นโชว์นี่กันนัก”  แต่ในที่สุดจองชินก็พูดออกมา  ทำให้มินฮยอกต้องมองไปที่กยูริอีกครั้ง

    “ก็ไม่โป๊นี่หว่า...  แกคิดมากไปป่าว”  มินฮยอกดูจะเห็นต่างไป

    “อย่าบังอาจแม้แต่มองเลยนะ  ลองเป็นนูน่าของแกมั่งเหอะ  แกไม่มีหน้ามาพูดแบบนี้หรอก” 

    “พูดยังกะรู้ว่านูน่าของชั้นเป็นใคร”  มินฮยอกค้อนให้เขา ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “มีสิทธิ์ห้ามก็ดีสิ  ชั้นเจอมาหนักกว่าแกเยอะ”

    “บ่นอะไรว่ะ”  จองชินหันไปถาม  ยังไม่ทันจะได้คำตอบเขาก็ต้องละสายตาจากมินฮยอกแล้วหันไปมองกยูริที่ต้องกลับขึ้นเวทีอีกครั้ง 

    “เอาน่า...”  มินฮยอกตบไหล่เขาเบา ๆ เป็นการปลอบใจ  แต่ดูเหมือนว่าจองชินจะไม่สามารถลดความหงุดหงิดเรื่องนี้ไปได้เลย

     

    การแสดงของสี่หนุ่มผ่านไปด้วยดี...แม้จะไม่เต็มร้อยแต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดไว้  สองพี่ใหญ่ดูสบายขึ้นกว่าก่อนขึ้นเวที  แม้ในขณะที่รอขึ้นไปรับรางวัลยงฮวาก็ยังพูดคุยหยอกล้อกับคนอื่น ๆ ได้  ในขณะที่มักเน่ของวงดูจะมีปัญหากับลีดเดอร์ของอีกวง  จองชินยืนกอดอกหน้าเครียดจ้องมองกยูริที่กำลังพูดคุยกับทีมงานโดยปราศจากเสื้อนอกของเขาคลุมอยู่บนไหล่ของเธอ  นี่เขาโกรธอย่างจริงจังและรู้สึกว่าวางเฉยต่อเรื่องนี้ไม่ได้เสียเลย

     

    งานประกาศผลรางวัลคืนแรกผ่านไปด้วยความเรียบร้อย...  แต่ละคนต่างพากันแยกย้ายกลับสู่ห้องพัก  ยังเหลือพรุ่งนี้อีกวันที่จะต้องทำงาน  ยงฮวาวางกีต้าร์ลงข้างเตียงนอนก่อนจะก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วถอนหายใจออกมา...

    “อยากให้ผมไปนอนอีกห้องมั๊ย”  จงฮยอนถามออกมาตรง ๆ ทันทีที่เห็นท่าทางของพี่ชาย

    “พูดอะไรของแกว่ะ” 

    “แสดงว่าใช่...”  จงฮยอนดุเหมือนจะรู้ทัน  “อาบน้ำก่อนได้มั๊ย  แล้วจะไป”  พูดจบเขาก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ

    “ไอ้บ้าเอ๊ย...พูดออกมาแต่ละอย่าง”  ยงฮวาพึมพำตามหลังจงฮยอนไป  แต่แล้วก็ยิ้มออกจนได้  ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาปลายทางด้วยความสุขทันที

     

    “พี่เองเหรอ”  มินฮยอกเป็นคนเปิดประตูห้องออกมารับ  จงฮยอนไม่พูดอะไรนอกจากเดินเบียดมินฮยอกเข้าไปในห้อง  “เรากำลังจะไปหาอะไรกินกัน  พี่จะไปด้วยมั๊ย”  มินฮยอกปิดประตูห้องก่อนจะเดินตามหลังจงฮยอนไป  จงฮยอนทิ้งตัวลงบนเตียงนอนแล้วหลับตาราวกับว่าไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

    “ไม่ล่ะ  นายไปกันเหอะ”  เขาปฏิเสธ

    “ว่าแต่ไม่มีนัดแน่นะ  ไม่อยากถูกทิ้งอีกนะโว้ย...”  มินฮยอกหันไปหาจองชินที่กำลังจ้องโทรศัพท์มือถืออยู่

    “เออน่ะ...”  จองชินตอบปัดไป  ทั้ง ๆ ที่ตายังไม่ละจากโทรศัพท์มือถือ

    “สงสัยจะมาแนวเดิมอีกแล้ว”  มินฮยอกพึมพำแล้วหันไปหาจงฮยอน

    “พี่ไปกับผมเหอะ  ดูท่าจองชินมันต้องทิ้งผมอีกแน่ ๆ “  มินฮยอกพูดพร้อมกับเขย่าตัวจงฮยอน

    “นายสองคนนี่จริง ๆ เลย”  จงฮยอนพูดแล้วยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง  หน้าตาดูไม่สบอารมณ์

    ในที่สุดจงฮยอนก็จำต้องออกมาพร้อมกับสองแสบจนได้  เขาเดินลากขาตามหลังน้องชายทั้งสองคนไปเรื่อย ๆ ไม่พูดจาอะไร  มีเพียงมินฮยอกที่ดูร่าเริงอยู่คนเดียว  ในขณะที่จองชินก็ยังดูอารมณ์ไม่ดี  ทั้งสามคนพากันมาหยุดหน้าลิฟท์เพียงครู่เดียวก่อนที่ลิฟท์จะเปิดออก

    “โอ้... ซวยแล้วกรู...”  เสียงมินฮยอกอุทานออกมาเบา ๆ ทันทีที่เขาได้เห็นว่าคนที่อยู่ในลิฟท์เป็นใคร จองชินเพียงแต่ยืนหน้านิ่งแต่เลี่ยงที่จะมองสบตากับคนในลิฟท์  อยากให้เธอรู้ว่าเขาโกรธเธอมากมายเพียงใด  แต่คนที่ดูจะแปลกใจที่สุดคงไม่พ้นจงฮยอน  เขายกมือขึ้นปิดปากก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น  ไม่รู้ว่าควรจะทำหรือไม่ทำอะไร

    “สวัสดีครับรุ่นพี่กยูริ รุ่นพี่ฮโยยอน”  มินฮยอกเป็นเพียงคนเดียวที่กล้าทักทายทั้งสองสาว  กยูริส่งยิ้มมาให้ทั้งสามคน  แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อจองชินทำเมินเธอ  ฮโยยอนยิ้มบาง ๆ ให้กับทั้งสามคน  ก่อนจะมองจงฮยอน  ....เรื่องที่เป็นไปเองโดยอัติโนมัติสายตาของเธอยังคงมองเพียงเขาคนเดียวอยู่เสมอ

    “ไม่เจอกันนานเลยนะ”  คำพูดที่ดูไม่เฉพาะเจาะจงแต่ดูเหมือนว่าเธอต้องการจะพูดกับจงฮยอนเพียงคนเดียว  แต่เขากลับตอบเธอด้วยการพยักหน้าอย่างเดียว 

    “เข้าไปในลิฟท์ก่อนดีมั๊ย”  มินฮยอกเห็นท่าว่าคงจะเกิดเหตุเป็นแน่หากหากเขายังคงนิ่งเฉย ๆ  หลังพูดจบเขาก็เดินนำเข้าไปในลิฟท์  สองสาวจึงถอยหลังหลบให้ทั้งสามคนเข้ามาในลิฟท์

    “พี่สองคนจะไปไหนกันครับ  พวกเราว่าจะไปหาอะไรกินข้างนอก  ไปด้วยกันมั๊ยครับ”  มินฮยอกพยายามสร้างบรรยากาศ

    “งั้นเหรอ...ไปสิ”  เสียงกยูริพูดขึ้น  จองชิยรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อที่ใบหน้ากระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบจากเธอ  แปลกใจที่เธอทำราวกับว่าไม่รับรู้ว่าเขาไม่พอใจเธออยู่  ฮโยยอนสะกิดแขนเพื่อนรักของเธอเบา ๆ ด้วยกลัวว่าเธออาจจะเป็นต้นเหตุทำให้บรรยากาศเสีย

    “เราสองคนก็กำลังจะไปหาอะไรกินอยู่เหมือนกัน”  กยูริพูดเหมือนว่าเธอไม่ได้สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง  แต่เธอกำลังแอบสังเกตอาการเด็กเอาแต่ใจของจองชินอยู่

    “ทำไมลิฟท์มันช้าจัง”  เสียงฮโยยอนถามขึ้นด้วยความไม่แน่ใจ  หรืออาจจะเป็นเพราะรังสีความอึดอัดที่เธอได้รับมาจากผู้ชายที่ยืนหันหลังให้เธอในตอนนี้

    “ผมลืมกดลิฟท์ครับ”  มินฮยอกพูดออกมาอาย ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปกดลิฟท์  จองชินอยากจะหัวเราะแต่ก็ต้องทำนิ่งไว้  ในขณะที่สองสาวหลุดหัวเราะออกมาเต็มที่  จงฮยอนถอนหายใจออกมาเบา ๆ ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไร  แต่มันกลับทำให้บรรยากาศอึดอัดขึ้นมาอีกครั้ง

     

    ในที่สุดทั้งห้าคนก็มาร่วมโต๊ะอาหารรอบดึกจนได้  แม้บรรยากาศจะยังดูตึงเครียดแต่ก็ไม่ได้ดูร้ายแรงอะไร  จงฮยอนยังคงเงียบไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากปากของเขา  แต่เขาก็ดูให้ความร่วมมือกับวงสนทนาเป็นอย่างดี  หัวเราะเมื่อควรจะหัวเราะ  ยิ้มเมื่อควรจะยิ้ม  มินฮยอกก็ยังคงพยายามสร้างบรรยากาศต่อไป  จนกระทั่งมื้ออาหารจบลง  แต่ดูเหมือนความพยายามของมินฮยอกจะยังไม่สิ้นสุด

    “วันนี้รุ่นพี่สวยมากเลยนะครับ”  มินฮยอกพยายามจะหาเรื่องพูดเพื่อทำลายความเงียบ  กยูริเพียงแต่ยิ้มก่อนจะลอบมองจองชินที่กำลังมองเพื่อนรักด้วยหางตา

    “เห็นว่าพี่เกือบตกบันได้เพราะชายกระโปรงด้วยนี่”  ฮโยยอนช่วยเสริม

    “จริงเหรอครับ  คนสวยมักจะซุ่มซ่ามใช่มั๊ยครับ”  มินฮยอกพูดก่อนจะหัวเราะเบา ๆ

    “พูดเก่งนะเนี่ย”  กยูริแกล้งขัดเขา 

    “ผมไม่เหมือนสองคนนั้นหรอกครับ  สงสัยจะลืมเอาปากมา”  มินฮยอกจงใจแขวะเพื่อนร่วมวงอย่างเห็นได้ชัด

    “ปกติแกก็ไม่ได้พูดเก่งแบบนี้นี่”  ในที่สุดจองชินก็พูดออกมาจนได้  มินฮยอกอ้าปากจะพูดต่อแต่ก็ถูกกยูริขัดขึ้นเสียก่อย

    “เอ่อ....ฉันจะไปห้องน้ำ”  กยูริพูดขึ้นพร้อมกับลอบมองจองชิน 

    “เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อน...”  มินฮยอกรีบเสนอตัวด้วยจงใจจะแกล้งเพื่อนรัก  จองชินไม่พูดอะไรเพียงแต่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำไป  กยูริอดที่จะขำในความเป็นเด็กของเขาไม่ได้  เธอหันมาหัวเราะกับมินฮยอกก่อนจะเดินตามเขาไป  เมื่อสองคนจากไปมินฮยอกก็รู้สึกได้ถึงความอึดอัดบนโต๊ะอาหารในทันที  สองคนนั้นงอนกันดูเป็นเรื่องสนุก  แต่สองคนที่อยู่ตรงนี้ทำเอาเขาสนุกไม่ออก  จงฮยอนยังคงนิ่งเฉย  ในขณะที่ฮโยยอนก็มีท่าทีอึดอัดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อต้องอยู่เพียงลำพังกับทั้งสองคน

    “ผมไปห้องน้ำ...นะครับ”  มินฮยอกตัดสินใจเลี่ยงออกจากทั้งคู่  ฮโยยอนได้แต่เพียงหันมายิ้มให้เขา  ในขณะที่จงฮยอนเพียงเหลือบตามอง

    ในที่สุดบรรยากาศแบบนี้ก็กลับมาอีกครั้ง  เขาเคยมีมื้อค่ำที่สุดแสนวิเศษกับสาวสวยตรงหน้า  แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัด  อึดอัดมากเสียจนเขารู้สึกเหมือนไม่มีอากาศจะหายใจ  เมื่อเขาไม่อาจพูดหรือแสดงความรู้สึกได้เหมือนที่เคยเป็น  เขาจึงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการนิ่งเงียบ  เงียบเพราะไม่ต้องการให้เธอตรงหน้ามารับรู้ถึงความเจ็บปวดภายในใจ  บาดแผลที่ไม่เคยจางหาย  แผลที่ยิ่งลึกและเหมือนถูกฉีกปากแผลให้กว้างมากขึ้นทุกครั้งที่ต้องอยู่ใกล้กัน  ทุกครั้งที่ห่างกันไปเขารู้สึกราวกับว่าแผลนั้นกำลังจะหายดี  แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย  ความห่างไกลเป็นเพียงยาแก้ปวดที่ระงับความเจ็บปวดไว้  แต่ไม่มีผลใด ๆ ในการรักษาแผลเลย

    นับตั้งแต่วันที่ตัดสินใจจบเรื่องราวระหว่างเขากับเธอไม่มีคืนไหนที่เธอนอนหลับได้สนิท  แต่เธอก็บอกกับตัวเองอยู่ทุกวันว่าจะไม่มีวันร้องขอความเห็นใจหรือขอให้เขากลับมาหา  หรือแม้แต่ในสถานการณ์วันนี้ที่เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้น  เธอก็ยังแสร้งยิ้มแกล้งหัวเราะได้  เพียงเพราะอยากให้เขาสบายใจว่าเขาไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตเธอต้องเปลี่ยนไป  เธออาจจะเสียใจที่ความรักไม่เป็นอย่างหวังแต่เธอไม่ได้ผิดหวังในตัวเขา.... 

    “สบายดีมั๊ย”  ฮโยยอนเริ่มต้นบทสนทนาที่ดูคุ้นเคยเป็นอย่างดี  คำพูดเดิมที่เขาเคยถามเธอ  แต่คราวนี้เธอเป็นฝ่ายถามเขาบ้าง  จงฮยอนก้มหน้านิ่งไปพักใหญ่  คล้ายจะพยายามเก็บงำบางสิ่งบางอย่างในใจ  ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมามองเธอ  แล้วพยักหน้าพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆแทนคำตอบ

    “ฉันฟังเพลงใหม่ของคุณแล้วนะ  ดีมากเลย”  ฮโยยอนยังพยายามจะทำให้เป็นปกติ  จงฮยอนยังคงทำเพียงแค่พยักหน้า  ยิ่งทำให้บรรยากาศอึดอัดมากขึ้นไปกว่าเดิม

    “ผมก็ชอบเพลงคุณ  ซาวด์ทันสมัยดี”  ในที่สุดเขาก็พูดออกมา  ฮโยยอนยิ้มออกมาด้วยความดีใจ  เธอไม่ทันระวังตัวว่าเขาอาจจะรู้สึกได้ว่าเธอยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน  แต่จงฮยอนกลับหันหน้าหนีไปจากเธอในทันทีที่เห็นรอยยิ้มจากเธอ

    “ทำไมสามคนนั้นไปนานจัง”  เธอจำต้องพูดอย่างอื่นเพื่อแก้เก้อที่เขาปฏิเสธรอยยิ้มจากเธอ

    “เดี๋ยวผมจะไปตาม  คุณรออยู่นี่ล่ะกัน”  จงฮยอนพูดขึ้นก่อนจะลุกขึ้น

    “จงฮยอน....”  ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอจึงเรียกชื่อเขาออกมา  จู่ ๆ ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่านี่อาจจะเป็นการปล่อยให้เขาจากไปอีกครั้ง  เขาหันกลับมามองเธอด้วยความแปลกใจ  แต่ก็ดูคล้ายว่าจะรอคำพูดบางอย่างจากปากเธอ  “ฉันรออยู่นะ”  ......

    จงฮยอนเดินจากไปแล้ว  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในใจของฮโยยอนกลับทำให้เธอไม่เข้าใจตัวเอง  ทำไมเธอจึงบอกเขาว่าเธอรออยู่  เขาจะเข้าใจคำพูดของเธอว่าอย่างไร  หรือจริง ๆ แล้วนั่นคือความจริงในใจที่เธออยากจะพูดกับเขามาตลอด

    จงฮยอนเดินจากมาพร้อมกับเสียงก้องในหัว  “ฉันรออยู่นะ”  ทำไมเขาถึงสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในคำพูดนั้น  หรือเขาคิดไปเอง...ความจริงแล้วมันก็เพียงแค่เธอพยายามจะบอกให้เขารีบกลับไป  เพราะเธอไม่ต้องการจะถูกทิ้งไว้ที่ร้านเพียงลำพัง

     

    มินฮยอกดูเหมือนจะรู้สถานการณ์ของตัวเองดี  ตั้งใจจะเอาจงฮยอนมาเป็นเพื่อนเพราะกลัวถูกจองชินทิ้ง  แต่ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นจะต้องพาตัวเองออกมาจากตรงนั้นเสียมากกว่า  เขาเดินทอดน่องมาตามทางเดินเพียงลำพัง  พลางคิดปลอบใจตัวเองที่อย่างน้อย ๆ ก็อิ่มท้องแล้ว  และพรุ่งนี้เช้าเขาก็ต้องได้เจอนูน่าคนสวย  เพียงแค่คิดก็มีความสุขแล้ว  แสงไฟสว่างจากคาเฟ่ข้างหน้าช่างเย้ายวนให้เขาเข้าไปหาอะไรอุ่น ๆ ให้ท้องก่อนที่จะเข้านอนในคืนนี้  เขาค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปในคาเฟ่ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าเคานท์เตอร์เพื่อจะสั่งเครื่องดื่ม

    “ขอชาเขียวลาเต้ครับ”  เขาพูดก่อนจะส่งเงินให้กับพนักงาน  แล้วถอยมากอดอกยืนรออยู่ห่าง ๆ พลางอ่านเมนูด้านหลังเคานท์เตอร์เป็นการฆ่าเวลา  เพียงครู่เดียวพนักงานก็วางแก้วเครื่องดื่มลงบนเคานท์เตอร์

    “ได้เร็วจัง...”  มินฮยอกพูดพร้อมกับเดินเข้าไปคว้าแก้วเครื่องดื่ม  ก่อนจะพบว่ามีมือของใครอีกคนคว้าแก้วนั้นไว้เหมือนกัน  เขาเงยหน้ามองเจ้าของมือตรงหน้าด้วยความแปลกใจ

    “นายอีกแล้วเหรอ...”  เป็นมือของสาวน้อยร่างบางที่ดูเหมือนจะบังเอิญเจอกับเขาอีกแล้ว  มินฮยอกถอนหายใจออกมา

    “เธอสั่งใช่มั๊ย”  ดูเหมือนเขาพยามจะใจเย็น  สาวน้อยพยักหน้าหนักแน่น  “แต่ฉันหยิบก่อน...”  แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมแพ้  แล้วจู่ ๆ เขาก็ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นให้พ้นจากระยะแขนของสาวน้อยตรงหน้า  สาวน้อยพยายามจะเอื้อมมือคว้าแก้วกลับคืนมา  แต่ด้วยความสูงของเขาที่ห่างจากเธอเหลือเกินทำให้เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมาก 

    “เอามานะ  นายมันขี้โกง”  เสียงเธอแหวใส่เขา  มินฮยอกหัวเราะร่วนที่เขากำชัยชนะได้อย่างเด็ดขาด  ก่อนที่สายตาของเขาจะมองผ่านกระจกออกไปนอกร้าน  ใครบางคนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี  และเขาไม่มีวันจะจำเธอไม่ได้  นูน่าคนสวยของเขาเพิ่งจะเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อที่อยู่ติดกัน  เขาส่งแก้วเครื่องดื่มคืนให้สาวน้อยตรงหน้า  ก่อนจะรีบหุนหันวิ่งออกจากร้านไป   .....เพื่อที่จะไปพบว่าเธอไม่ได้มาเพียงลำพัง  รุ่นพี่คนดังร่วมค่ายกำลังหิ้วถุงพะรุงพะรังตามหลังเธอมา  มินฮยอกมองภาพตรงหน้าแล้วชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเรียกชื่อเธอออกไป 

    “ฟานี่นูน่า...”  ทิฟฟานี่หันมาตามเสียงเรียกของเขาในทันที  ทันทีที่รู้ว่าเป็นมินฮยอกเธอก็ส่งยิ้มให้เขาในทันที  มินฮยอกแทบจะถลาเข้าไปหาเธอด้วยความดีใจ

    “ผมว่าจะโทรหาอยู่พอดี  ดีจังที่ได้เจอนูน่าก่อน”  เขาดูตื่นเต้นและดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่

    “ฉันเพิ่งมาจากอีกงานน่ะ”  ทิฟฟานี่ตอบพร้อมกับยิ้มหวาน  มินฮยอกอ้าปากจะพูดต่อแต่ก็ต้องถูกขัดเมื่อยุนโฮตามมาร่วมวงสนทนาด้วย 

    “อ่า...มินฮยอกนี่”  ยุนโฮเอ่ยทักทายด้วยความเป็นมิตร  มินฮยอกโค้งคำนับให้เขาตามมารยาท

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ  สบายดีนะ”  ยุนโฮพูดพร้อมกับตบไหล่เขาเบา ๆ

    “ครับ..สบายดี” มินฮยอกอึกอักที่จะตอบ  เขามุ่งความสนใจไปที่สาเหตุที่ทำให้คนสองคนมาด้วยกันมากกว่าจะสนใจว่าใครสบายดีหรือไม่ 

    “ต้องไปแล้วล่ะ  ไว้เจอกันนะ”  ทิฟฟานี่พูดขึ้น มินฮยอกอยากจะรั้งเธอไว้ก่อนแต่ก็รู้ดีว่าทำไม่ได้

    “ไปล่ะ”  ยุนโฮยกมือลาเขาก่อนจะหันหลังให้เขาพร้อม ๆ กับทิฟฟานี่

    “นูน่า...”  มินฮยอกตัดสินใจเรียกเธอ  พร้อมกับทำมือเป็นหูโทรศัพท์ส่งสัญญาณให้เธอ  ทิฟฟานี่หันมามองเขาแล้วยิ้มให้  ยิ้มที่ดูเหมือนไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่ายิ้ม  ไม่แน่ใจว่าตอบรับหรือแค่รับรู้  ก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่สตาร์ทเครื่องรอไว้แล้ว

    มินฮยอกมองตามรถคันหรูไปจนสุดสายตา  แล้วถอนหายใจออกมา  ไม่แน่ใจว่านี่คือเรื่องอะไร  ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจอทิฟฟานี่อยู่กับยุนโฮ  แต่ทำไมเขาถึงไม่เคยได้รับคำอธิบายเรื่องนี้จากปากของทิฟฟานี่เลย  ก่อนที่เขาจะจมลงสู่ห้วงความคิดของตัวเอง  พลันก็มีมือหนึ่งยื่นแก้วเครื่องดื่มมาตรงหน้าเขาเสียก่อน 

    “ยังไม่ไปอีกเหรอ”  เขาถอนหายใจออกมา

    “นี่ของนาย..เอาไป”  สาวน้อยยื่นแก้วใส่หน้าเขาอีกครั้ง  มินฮยอกรับมาถือไว้ก่อนจะเดินหนีไป  ถึงเวลานี้เขาไม่ได้อารมณ์ดีมากพอที่จะมาล้อเล่นกับใครหน้าไหนทั้งนั้น

    “นึกว่าฉันอยากยุ่งกับนายนักหรือไง”  สาวน้อยตะโกนไล่หลังเขาไป....  แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ใส่ใจฟัง  “อีตาบ้าเอ๋ย...เจ๋งนักหรือไง”  สาวน้อยพูดกับตัวเองเหมือนกับว่าจะอาฆาตเขาไว้  เธอมองตามหลังเขาไปจนลับสายตา 

    “สักวันเราจะได้เห็นดีกัน  ไอ้ตี๋ขี้เก๊ก”










    ได้ข่าวว่าฟิคยงซอ  แล้วยงซอไปไหนทำไมยังไม่มา....  เดี๋ยวนะให้ลีดเดอร์ไปอาบน้ำก่อน  เดี๋ยวเต็ม ๆ ให้  ตอนนี้ปล่อยสามแสบไปตามหาหัวใจกันก่อน....
    จงฮโยโมเม้นต์ก็ยังอึมครึ้ม....  ยังแต่ยังไม่จบบอกแล้วไงว่า  Long night ค่ำคืนนี้ช่างแสนยาวนาน ^_^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×