คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Rain Down.
มินฮยอกลากเท้ากลับมาที่หออย่างหมดอาลัยตายอยาก นึกโทษตัวเองที่ปากไม่ดี ทำอะไรไม่คิด พอผลออกมาเป็นแบบนี้ก็ไม่มีปัญญาจะไปแก้ไขอะไรได้ จองชินก็ไม่ต่างกันหัวฟัดหัวเหวี่ยงมาจนถึงหอ ถ้าย้อนเวลาได้ก็อยากวิ่งตามเธอไป เบื่อตัวเองที่ฟอร์มเยอะจนเกิดปัญหา สองมักเน่แยกตัวอยู่คนละมุมห้อง มินฮยอกงุ่นง่านอยู่หน้าตู้เย็น จองชินหยิบรีโมททีวีขึ้นมากดไปกดมา ไม่สบอารมณ์กับรายการอะไรทั้งนั้น จงฮยอนกลับเข้ามาในห้องโดยไม่รู้ชะตากรรม อารมณ์ดีเกินกว่าจะเก็บไว้คนเดียว
“สองคนไม่ออกไปไหนกันเหรอ” จงฮยอนถามออกไปทั้งๆที่ไม่ต้องการคำตอบ สองมักเน่เองก็ไม่มีอารมณ์จะฟัง
“มีคนมาให้รักมันก็ดีแบบนี้นี่เอง” จงฮยอนยังคงพูดอยู่คนเดียว จองชินลุกพรึบเดินเข้าไปในห้องนอน เล่นเอาจงฮยอนงง
“จองชินเป็นอะไร” จงฮยอนยังพาซื่อหันไปถามมินฮยอก มินฮยอกถอนหายใจใส่เขาอย่างเซ็ง ๆ ส่ายหน้าแล้วเดินหนีเข้าห้องไปอีกคน ทิ้งให้จงฮยอนงงอยู่คนเดียว
อาจจะเป็นเพราะตารางงานที่อัดแน่นมาทั้งวันจนทำให้จองชินดูหงุดหงิดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แยกตัวเองไปนั่งอยู่เพียงลำพังเมื่อถึงเวลาพัก ไม่พูดคุยเล่นหัวกับพี่ ๆ อย่างที่เคยเป็น ยงฮวาก็ยิ่งดูลุกลี้ลุกล้น เร่งรีบจะทำงานวันนี้ให้เสร็จทันเวลา จงฮยอนกำลังตกอยู่ในโลกส่วนตัวก้มหน้าก้มตาคุยกับใครสักคนผ่านไอแพดและเผลอยิ้มออกมาเป็นบางครั้ง มินฮยอกนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟากึ่งหลับกึ่งตื่น ไม่มีอารมณ์ร่วมกับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง จู่ ๆ ยงฮวาก็เดินตรงเข้าไปหาผู้จัดการ พุดคุยอยู่เพียงครู่เดียวก่อนจะเร่งรีบออกไป
บรรดาพี่ ๆ พากันเข้าไปพักในห้องรับรองหมดทุกคน มีแต่ซอฮยอนที่เดินวนไปมาอยู่ที่ลานจอดรถของสนามบิน แม้จะเป็นเวลาช่วงหัวค่ำ แต่ลมก็ค่อนข้างแรง เธอกอดอกสั่นสะท้านทุกครั้งที่ลมพัดผ่านร่างบาง ซอฮยอนพลางนึกโทษตัวเองที่ไม่ได้เตรียมเสื้อที่เหมาะกับสภาพอากาศในวันนี้
จู่ ๆ รถตู้คันหรูก็มาจอดใกล้ ๆ กับที่เธอยืนอยู่ ก่อนที่ยงฮวาจะเร่งรีบลงมาจากรถ ซอฮยอนแทบจะลืมความหนาวเย็นไปจนหมดสิ้น ในที่สุดเขาก็มา ยงฮวารักษาคำพูดของเขาเสมอ
“รอพี่นานหรือปล่าว ซอฮยอน...เธอควรจะเข้าไปรอข้างในนะ ที่นี่ลมแรงจะตาย” ยงฮวารีบร้อนพูดออกมาพลางถอดเสื้อโค้ทที่เขาสวมมาด้วย
“ชั้นดีใจที่พี่มาคะ” ซอฮยอนยิ้มหวาน ยงฮวาไม่พูดอะไรสวมเสื้อโค้ทของเขาให้กับเธอ
“ทำไมถึงไม่สวมเสื้อผ้าหนาๆมาล่ะ ซอฮยอน....พี่เป็นห่วงนะ”
“ก็อยู่ที่หอมันไม่หนาวนี่คะ”
“เฮ้อ...ซอฮยอน พี่จะปล่อยให้เธอไปนิวยอร์กได้ยังไงเนี่ย”
“ชั้นดูแลตัวเองได้ค่ะ อีกอย่างก็ไปกับพี่ ๆ ด้วย ไม่เป็นอะไรหรอก” ยงฮวาเอื้อมมือไปปัดผมของเธอออกจากใต้เสื้อตัวใหญ่รุ่มร่ามที่เขาเพิ่งสวมให้เธอ แล้วจ้องมองดวงหน้าที่งดงามทั้งหลงใหลและชื่นชม
“พี่จะกลับเกาหลีช่วงที่เธออยู่นิวยอร์คพอดี” ยงฮวาก้มหน้ามองพื้น วัฏจักรแห่งการจากลาเริ่มเล่นงานเขาอีกแล้ว คลื่นความเศร้าถาโถมเข้ามาในจิตใจระลอกแล้วระลอกเล่า ซอฮยอนได้แต่พยักหน้า ทำยังไงให้ชินกับความรู้สึกที่ต้องห่างไกลกันแบบนี้ ยงฮวาตัดสินใจคว้าร่างบางนั้นมากอดไว้ ไม่สนใจว่าอาจจะมีใครมาเห็น อยากขอต่อช่วงเวลานี้อีกสักหน่อย ซอฮยอนซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น อยากตักตวงทุกความสุขที่มีเพื่อทดแทนช่วงเวลาที่ต้องห่างไกลกัน
หลังเสร็จงานวันนั้นจองชินเก็บตัวอยู่ในห้องไม่พูดคุยหยอกล้อกับพี่ ๆ เหมือนอย่างเคย มินฮยอกแม้จะดูสบายดีแต่ก็พูดน้อยลงไปถนัดใจ แยกตัวเองไปอยู่ลำพังพร้อมกับไอแพดคู่กาย สายตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอ แต่กลับดูเลื่อนลอยไม่มีสมาธิกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า จงฮยอนดูจากสภาพการณ์ของสองมักเน่แล้วน่าจะมีปัญหาหนักหนาเอาการ ที่ทำให้เด็กหนุ่มผู้แสนร่าเริงสองคนกลายคนเป็นเงียบเหงาไปได้ขนาดนี้
“มีอะไร ไม่สบายใจหรือไง” จงฮยอนตบไหล่น้องชายเบา ๆ แล้วนั่งลงข้างเขา มินฮยอกเพียงแต่หันมามอง ไม่รู้จะพูดอะไร
“นายเพิ่งได้ดอกไม้จากใครบางคน แล้วทำไมถึงได้มานั่งเศร้าแบบนี้ล่ะ” มินฮยอกฟังแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ก็เพราะเจ้าของดอกไม้นั่นแหละ ผมถึงเป็นแบบนี้ไง”
“นายบอกชั้นได้หรือเปล่าว่าใครเป็นคนให้มา บางทีชั้นอาจจะช่วยนายได้นะ” มินฮยอกมองพี่ชายอย่างชั่งใจ เรื่องแบบนี้คนอย่างจงฮยอนจะช่วยได้จริงหรือ
“ทิฟฟานี่นูน่า” จงฮยอนดูไม่ประหลาดใจที่ได้ยินคำตอบของน้องชาย แน่นอนว่าดอกไม้ผ่านมือฮโยยอนเจ้าของดอกไม้นั่นต้องเป็นใครสักคนใน SNSD
“แต่ก็ไม่สำคัญอะไรหรอก มันก็แค่ดอกไม้ แค่นั้น” มินฮยอกยังดูน่าสงสาร จงฮยอนตบไหล่น้องชายอีกครั้งก่อนจะเริ่มพูดอะไรบางอย่างออกมา
“รายละเอียดชั้นไม่รู้ แต่เท่าที่รู้คนอย่างทิฟฟานี่เก็บความรู้สึกเก่ง ยังไงซะนายก็เป็นผู้ชายเริ่มเกมส์ก่อนก็ไม่เสียหาย ลองดูให้มันรู้ไป ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ค่อยมานั่งหมดอาลัยตายอยากแบบนี้” จงฮยอนพูดอะไรที่ดูเหมือนไม่ใช่ตัวเขาออกมา สร้างความประหลาดใจให้มินฮยอกไม่น้อย
“พี่รู้เรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”
“ไม่ ไม่” จงฮยอนส่ายหน้า “จากประสบการณ์ไง ถ้าไม่เริ่มไม่มีวันไปต่อแน่ ดูพี่ยงฮวาเป็นตัวอย่างสิ ลำบากแค่ไหนกว่าจะมีวันนี้ ถ้านายอยากเป็นแบบนั้นนายก็ต้องลอง” จงฮยอนดูเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองพูด “แล้วนายไม่ต้องมาถามนะว่าชั้นรู้ได้ไง ชั้นลองมาแล้วถึงพูดได้ไง” สิ้นคำพูดของจงฮยอน เสียงกีต้าร์ก็ลอยดังมาจากห้องของยงฮวา เพลงที่คุ้นหู เพลงที่เขาเขียนมันขึ้นมาตอนที่ใจเจ็บปวดทรมานจากการคิดถึงและพลัดพราก “Because I miss you” จงฮยอนและมินฮยอกนั่งฟังอยู่ครู่ใหญ่
“ถ้าผ่านขั้นนั้นมาได้ นายก็จะเป็นแบบนี้แหละ” จงฮยอนแอบติดตลก ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“แต่เชื่อชั้นเถอะว่าคิดถึงมันดีกว่าแอบรัก” พูดจบจงฮยอนก็เดินจากไปทิ้งให้มินฮยอกนั่งตกตะกอนความคิดของตัวเอง นับจากนี้ไปจะเอายังไง จะทำอะไร และมีอะไรที่เขาพอจะทำได้บ้าง
จองชินผุดลุดผุดนั่งอยู่ในห้อง ยิ่งได้ยินเสียงเพลงของยงฮวายิ่งรุ่มร้อนในใจ นึกโทษตัวเองที่ใจร้อน เอาแต่ใจตัวเองอยู่คนเดียว ทั้ง ๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่าคนอย่างกยูริคงไม่มีทางมาง้อเขาก่อน ก็ยังไม่วายสร้างเรื่องให้ตัวเอง ก่อนที่อะไรมันจะสายและก่อนที่ตัวเขาเองจะขาดใจ บางทีก็ต้องยอมเสียฟอร์มทำอะไรที่ไม่เคยดูสักครั้ง จองชินจึงหุนหันออกจากห้องไป จงฮยอนเห็นน้องชายรีบร้อนจึงร้องเรียกไว้
“จองชินนายจะไปไหน ดึกแล้วนะ”
“ผมมีธุระ อาจจะกลับดึก แต่ถ้าไม่มาก็เจอกันที่สนามบินพรุ่งนี้เลยนะ เอากระเป๋าไปให้ด้วย” ยังไม่ทันที่จงฮยอนจะพูดอะไรต่อจองชินก็ออกไปจากห้องแล้ว
“ลีดเดอร์คิดถึงแฟน มือกลองอกหัก มักเน่ไม่กลับห้อง” จงฮยอนพึมพำอยู่คนเดียว “แล้วเราจะทำอะไรดีเนี่ย” จงฮยอนทิ้งตัวลงบนโซฟาหยิบรีโมททีวีขึ้นมากด คนประเภทไหนกันที่ดูมีความสุขสบายดีอยู่ตลอดเวลาไม่เป็นเดือดเป็นร้อนกับใคร คนประเภทลีจงฮยอนนี่ล่ะมั๊งถึงจะทำแบบนี้ได้
“พวกเราจะออกไปปาร์ตี้นะคะ พี่อยู่คนเดียวได้หรือเปล่า” นิโคลเปิดประตูเข้ามาภายในห้องของกยูริแล้วพูดขึ้น
“ไปกันหมดเลยเหรอ”
“ค่ะ ตกลงพี่ไม่ไปแน่นะคะ” กยูริส่ายหน้าย้ำเจตนาอีกครั้ง
“พี่อยากพัก เหนื่อยมาหลายวันแล้ว ได้นอนเต็มที่สักวันคงดี” นิโคลฟังแล้วยิ้ม
“งั้นเราไปนะค่ะ อย่าลืมล๊อคห้องดี ๆ นะค่ะ” กยูริพยักหน้าแล้วนิโคลจึงได้จากไปพร้อม ๆ กับสมาชิกคนอื่น ๆ ในวง กยูริจึงลุกขึ้นจากเตียงนอนเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะอาบน้ำ
“ปิ๊งป๊อง”
“ลืมอะไรอีกนะ” เธอกระชับเสื้อคลุมอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนจะเดินตรงไปเปิดประตูห้องพัก ก่อนจะต้องตกใจเมื่อพบว่าไม่ใช่น้อง ๆ ในวง จองชินยืนอยู่หน้าห้องสีหน้าเรียบเฉยไม่พูดอะไร กยูริได้แต่หันหลังเดินกลับเข้ามาในห้องไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร จองชินพาตัวเองเดินตามเข้ามาช้า ๆ ไร้ซึ่งคำทักทายใด ๆ
“ดื่มอะไรดี น้ำผลไม้มั๊ย” กยูริพยายามจะทำให้เป็นปกติเดินตรงไปหยิบแก้วบนชั้นเก็บของลงมารินน้ำผลไม้ใส่ลงไป โดยไม่ทันรู้สึกตัวว่าจองชินมายืนประชิดเธอแล้วในขณะนี้ เมื่อหันหลังกลับมาก็พบว่าร่างสูงโปร่งนั้นยืนอยู่ตรงหน้าเธอ และกำลังจ้องมองเธอด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา
“น้ำส้ม” กยูริส่งแก้วน้ำใส่มือให้เขา จองชินแค่รับมาแล้ววางมันลงไปที่เคาเตอร์ด้านหลังเธอ ไม่ได้สนใจจะดื่มมัน กยูริชักจะแปลกใจเขามาทำอะไร ไม่พูด ไม่ขอโทษ ไม่อะไรสักอย่าง แล้วจู่ ๆ เขาก็ตอบคำถามในหัวของเธอด้วยการจู่โจมจูบจนเธอไม่ทันตั้งตัว ทั้งตกใจและโกรธประกอบกับความน้อยใจตลอดสองวันที่ผ่านมาพรั่งพรูออกมาทันที เธอผลักเขาจนสุดแรงแต่ทว่าร่างสูงนั้นกลับไม่สะทกสะเทือน เขากลับประครองดวงหน้างดงามนั้นไว้ในอุ้งมือหนาจ้องมองหยาดน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นออกมาก่อนจะก้มลงประทับรอยจูบที่ริมฝีปากบางนั้นอีกครั้ง ด้วยความน้อยใจเธอไม่อาจจะรับรอยจูบนี้จากเขาได้ กยูริทั้งผลักและปัดป้องไม่ให้เขาได้เขาใกล้ แต่ก็ดูว่าจะไม่มีผลอะไร
“นายจะทำอะไร ปล่อยนะ ป.... ล่อย เดี๋ยวนี้” กยูริยังดื้อดึงน้ำเสียงสั่นเครือ จองชินกลับไม่สนใจฟัง ยังรุกเร้าถาโถมจูบไปทั่วใบหน้างดงาม
“หยุดนะ” เธอผลักเขาเต็มแรงอีกครั้ง ก่อนจะหลุดจากอ้อมกอดของเขา ถอยห่างออกมาจนหลังติดกับเคาเตอร์ หากเขาคิดจะทำอะไรอีก เธอคงหนีไม่รอด จองชินมองดูลูกแมวน้อยที่โกรธเขาจนตัวสั่น จนบัดนี้ยังไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากปากเขา กยูริจ้องตาเขาไม่ลดละ นี่เป็นเรื่องหยาบคายที่สุดที่เขาเคยทำกับเธอ มาหาแต่ไม่พูดอะไร ไม่ขอโทษ และรังแกเธอ จองชินเดินเข้าไปใกล้ตีกรอบไม่ให้ลูกแมวน้อยหนีได้ด้วยแขนอันแข็งแรงของเขา จ้องเข้าไปในดวงตาสดใสที่ตอนนี้เอ่อท้นไปด้วยน้ำตา ก่อนที่จะก้มลงหวังจะมอบจูบให้เธออีกครั้ง กยูริหลบหน้าเบี่ยงตัวหนีสัมผัสจากเขา ทำให้เขาชะงักไป บางทีเขาอาจจะลืมเรื่องเล็กน้อยบางอย่างไป
“ผมขอโทษ” จองชินกระซิบที่ข้างหูเธอเบา ๆ ในที่สุดกยูริก็ถึงจุดระเบิดเธอปล่อยโฮออกมา สองมือทุบลงบนหน้าอกของชายตรงหน้าทั้งโกรธทั้งน้อยใจ คำ ๆ เดียวทำไมเขาถึงพูดออกมาได้ยากเย็นนัก จองชินนิ่งปล่อยให้เธอทุบตีจนกว่าจะพอใจ ก่อนจะจับสองมือนั้นไว้เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าดูจะอ่อนแรงลงบ้าง
“หายโกรธหรือยัง” เขาถามเสียงราบเรียบ ยังไม่ทันที่กยูริจะได้ตอบคำถามนั้นเขากลับชิงพูดออกมาเสียก่อน
“ที่นี้ก็ตาผมบ้างนะ” โดยไม่ทันตั้งตัวริมฝีปากของเขาประกบลงบนริมฝีปากเธออีกครั้ง ด้วยผู้ชายคนนี้กุมหัวใจเธอไว้ทั้งใจกยูริอ่อนยวบไปทั้งกายใจ คำขอโทษที่ต้องการก็ได้ฟังมันจากปากของเขาแล้ว ยอมได้ทุกอย่างหากเป็นความต้องการของเขา ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใด ๆ จะขัดขืน ปล่อยให้เขาได้ทำตามใจต้องการ
สามหนุ่มวงฟ้าดูลุกลี้ลุกล้นเมื่อใกล้เวลาเดินทางแล้วมักเน่ของวงยังมาไม่ถึงสนามบิน ยงฮวาเริ่มกดโทรศัพท์มือถือในมืออีกครั้ง หากจองชินไม่มาภายในสิบห้านาทีนี้ เป็นไปได้สูงว่าเขาจะต้องตกเครื่องและอาจจะต้องตามไปภายหลัง
“พี่ติดต่อได้หรือเปล่า” มินฮยอกชักจะเป็นห่วงเพื่อนรัก ด้วยสภาพอารมณ์ของจองชินครั้งที่พบเจอกันล่าสุดดูไม่ปกตินัก ยงฮวาส่ายหน้า
“เดี๋ยวก็คงมา ถ้าไม่มาก็ให้ตามไปล่ะกัน ไม่เป็นไรมั๊ง” จงฮยอนพยายามจะทำให้มินฮยอกดูสงบลง มินฮยอกได้แต่ถอนหายใจ เพื่อนรักหายไปไหนกันแน่
แสงแดดส่องสว่างผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง จองชินยังนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนจะค่อย ๆ บิดตัวไปมาบนเตียงนอนเพื่อขจัดความปวดเมื่อย พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้า พลันสะดุ้งขึ้นมาสุดตัวเมื่อรู้ว่าเขากำลังจะตกเครื่องบินขากลับเกาหลี จึงรีบลุกลี้ลุกล้นแต่งตัวอย่างเร่งรีบก่อนจะเหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตที่แปะไว้หน้ากระจก
<พี่มีตารางงานแต่เช้า อาหารเช้าอยู่ในตู้เย็น ระวังตัวด้วยตอนออกไป>
จองชินยิ้มให้กระดาษโน้ตในมืออย่างมีความสุขก่อนจะรีบร้อนออกไปยังไม่ลืมหยิบเอาแซนด์วิชที่กยูริเตรียมไว้ให้ออกไปด้วย
ในที่สุดเขาก็มาถึงสนามบินกระหืดกระหอบมาจนได้ มินฮยอกถอนหายใจโล่งอก นึกว่าเพื่อนรักจะเป็นอะไรไปเสียอีก
“นึกว่านายตายไปแล้วซะอีก” มินฮยอกคล้ายจะประชดแต่ทว่าน้ำเสียงดูดีใจ
“ไม่ตายง่าย ๆ หรอกน่า” จองชินดูอารมณ์ดี เปลี่ยนไปเป็นละคนกับจองชินเจ้าอารมณ์เมื่อวาน
“นี่....นายไม่ได้อาบน้ำหรือไง ทำไมใส่ชุดเดิมล่ะ” จงฮยอนโพล่งออกมาตามประสาที่เขาเป็น จองชินดูตกใจเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร รีบเปลี่ยนบทสนทนาให้รีบไปขึ้นเครื่องก่อนที่จะตกเครื่องกันหมดทุกคน สามหนุ่มจึงได้ละความสนใจไปจากเขา มุ่งหน้ากลับเกาหลีแผ่นดินแม่ที่แสนรักเสียที
เอาตอนใหม่มาส่งค่ะ มาส่งช้าเพราะว่าบัวทำหลายอย่างมากตอนนี้ ยืนยันจะฟิคต่อไปนะค่ะ ช้าเร็วขอให้มีคนอ่านก็พอ ตอนนี้เหมือนจะมี NC 555 แต่ไม่นะคะ อย่างที่เคยบอกว่า ไม่เขียนอีกแล้วค่ะ หัวจะระเบิด
ความคิดเห็น