ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [YongSeo Story] Part 6 Land of Love.

    ลำดับตอนที่ #3 : Nobody

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 55


     



    ≈≈≈ตื๊ดดดดดดด≈≈≈

    จงฮยอนหันไปมองที่มาของเสียงกวนโสตประสาทที่กำลังรบกวนช่วงเวลาแห่งความสุขอันแสนสั้นของเขาด้วยความขุ่นใจ  ก่อนจะหันไปมองคนที่ควรจะหยุดการรบกวนนี่เสีย  แต่กลับพบยงฮวานั่งกอดอกทำหน้าตึงอยู่ที่โซฟา

    “พี่จะรับโทรศัพท์มั๊ย”  จงฮยอนถามเสียงเนือย  พร้อมๆกับยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง  แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัดออกมา  ยงฮวาไม่ตอบแต่กลับทำหูทวนลม  จงฮยอนหันไปมองโทรศัพท์เคราะห์ร้ายที่กำลังสั่นไปมาอยู่บนโต๊ะหัวเตียงอีกครั้ง  “ไม่รับใช่มั๊ย”  ยังไม่ทันที่เขาจะฟังคำตอบจากอีกคนเขาก็เอื้อมมือเข้าใกล้โทรศัพท์เคราะห์ร้ายที่ดูเหมือนจะชะตาขาด  ยงฮวาตาลุกโพลงถลันเข้าไปคว้าโทรศัพท์มาไว้ในมือได้อย่างหวุดหวิด

    “นายจะทำอะไร”  ยงฮวาแทบจะแหวใส่น้องชายในทันทีที่มั่นใจว่าโทรศัพท์ปลอดภัยอยู่ในมือของเขาแล้ว

    “เห็นไม่สนใจก็จะจัดการให้ไงล่ะ”  จงฮยอนลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมตัวจะไปอาบน้ำ

    “ไอ้คนไม่มีหัวใจ...”  ยงฮวาออกจะงอนน้องชายอยู่บ้าง  แต่ไม่ได้มีท่าทีโกรธจริงจัง

    “นี่...แล้วถ้าไม่คิดจะรับสายก็กดตัดสายไปเลย  เสียงแบบนั้นมันน่ารำคาญ”  จงฮยอนพูดก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ  ยงฮวาเบ้หน้าแล้วก้มมองโทรศัพท์เจ้ากรรมที่ยังร้องเรียกไม่เลิก  ก่อนจะกดรับโทรศัพท์ทั้ง ๆ ที่ใจอยากจะกดรับตั้งแต่แรกเสียจนใจแทบขาด....

    “อืม....”  เขาแกล้งทำเสียงเข้ม  หวังข่มขวัญปลายสายให้กลัวเขา  แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับกลับมา  เขาจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ให้แน่ใจ  นี่เล่นตัวมากเกินไปจนปลายทางวางสายไปแล้วใช่ไหม  แต่แล้วก็เหมือนคนปลายสายจะเป็นใจ  โทรศัพท์ในมือเขาก็เริ่มสั่นอีกครั้ง  ยงฮวาพยายามสงบสติอารมณ์ให้ดูนิ่งที่สุดก่อนจะกดรับสายโทรศัพท์

    “อืม...”

    <พี่ยงฮวา  ชั้นมาถึงโอซาก้าแล้วนะคะเสียงปลายสายดูสบาย ๆ ไม่ได้มีท่าทีวิตกกังวลกับน้ำเสียงข่มขวัญของเขาแต่อย่างใด

    “แล้วไง...”  ยงฮวายังทำเป็นนิ่งเฉย 

    < ชั้นต้องไปทำงานที่อื่นก่อนคะ  แล้วดึก ๆ ค่อยเจอกันนะคะ>

    “ฮยอนอ่า....”  ยงฮวาหลุดฟอร์มออกมาในทันที  เมื่อรู้สึกว่าซอฮยอนไม่ได้ยอมตกหลุมพรางของเขาเลย

    <มีอะไรเหรอคะ>

    “ทำไมไม่สนใจพี่เลย  พี่โกรธอยู่นะเนี่ย  โกรธอยู่รู้มั๊ย”

    <อ่ะ  เหรอคะ  พี่โกรธเรื่องอะไรคะยงฮวาฟังแล้วหน้าบูด  ....ซอฮยอนไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

     

     

    บรรยากาศในห้องแต่งตัวดูวุ่นวายเพราะใกล้เวลางานเข้ามาทุกทีจงฮยอนกับมินฮยอกยังคงดูสบาย ๆ ปล่อยให้ช่างแต่งหน้าแต่งโน่นเติมนี่ไปตามใจ  ในขณะที่ยงฮวากลับดูจู้จี้วุ่นวายกับทีมงานที่กำลังพูดคุยกับเขาอยู่

    “เราต้องโชว์ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ซาวด์เช็คเองเหรอครับ”  ยงฮวาดูจริงจังเป็นคนละคนกับไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้  จงฮยอนใช้หางตามองปฏิกิริยาของหัวหน้าวงที่ตอนนี้ดูจะไม่สบอารมณ์นัก  “ผมไม่คิดว่าเราควรจะทำแบบนั้น”  เสียงยงฮวาดังฟังชัดเสียจนมินฮยอกต้องหันไปมอง 

    “พวกเราซาวด์เช็คเองทุกครั้ง  ผมไม่มั่นใจเวลาที่คนอื่นมาทำเรื่องแบบนี้ให้”  จงฮยอนพรวดพราดออกมาจากมือช่างแต่งหน้าแล้วตรงเข้าร่วมวงสนทนากับลีดเดอร์ในทันที

    “เราไม่มีเวลามากพอ  อยากให้พวกคุณเข้าใจครับ  ต้องขอโทษเป็นอย่างมาก”  เสียงทีมงานที่ออกจะเกรงใจ  และรับรู้ได้ในท่าทีจริงจังของนักดนตรีที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาทั้งสองคน

    “พรุ่งนี้เราจะได้ทำทั้งหมดเองใช่มั๊ยครับ”  มินฮยอกเข้ามาร่วมวงพยายามจะผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดอันเกิดจากท่าทางของพี่ชายทั้งสองคน  ยงฮวายกแขนสองข้างขึ้นเท้าเอวหันหน้าหนีไปทางอื่น  ในขณะที่จงฮยอนกอดอกมองคนตรงหน้า

    “ครับ  เราจะเพิ่มเวลาในส่วนนี้เข้าไป  ผมต้องขอโทษจริง ๆ นะครับ” 

    “งั้นวันนี้ก็คิดซะว่าซ้อมใหญ่ล่ะกัน  พรุ่งนี้ค่อยเอาจริงล่ะกัน”  มินฮยอกพูดพร้อม ๆ กับกอดคอพี่ชายทั้งสองคน  หวังจะช่วยให้ผ่อนคลาย  “ตามนี้ล่ะกันครับ  ขอบคุณนะครับ”  เขาหันไปพูดกับทีมงานก่อนจะโค้งคำนับให้กับทีมงานคนนั้น  แล้วปล่อยให้เขาจากไป  พร้อม ๆ กับจองชินที่เดินสวนเข้ามา  แล้วก็ต้องแปลกใจกับท่าทางของพี่ชายใหญ่สองคนที่ดูจะไม่สบอารมณ์นัก

    “เกิดอะไรขึ้นเหรอ”  เขาถามกับมินฮยอกตรง ๆ

    “เราต้องโชว์วันนี้  โดยที่เขาไม่มีเวลาให้เราซาวด์เช็คน่ะ”  มินฮยอกอธิบายจริงจัง 

    “ห๊ะ...”  จองชินแทบจะไม่อยากเชื่อ  “ฉันจำครั้งสุดท้ายที่เล่นโดยให้คนอื่นตั้งเครื่องให้ได้  วุ่นวายเป็นบ้า”  จองชินเองก็ดูจะไม่พอใจ

    “ก็ต้องเล่นนั่นแหละ  ไปแก้ปัญหาบนเวทีเอาล่ะกัน”  ยงฮวาพูดก่อนจะเดินกลับไปที่หน้ากระจกเพื่อให้ช่างแต่งหน้าแต่งตัวให้เขาอีกครั้ง  นี่ดูเหมือนจะเป็นทางเดียวที่ทุกคนจะทำได้ในเวลานี้

     

    เสียงปรบมือ  เสียงกรีดร้องมาพร้อม ๆ กับแสงแฟลชที่วูบวาบไปมา  คนดังแต่ละคนต่างทยอยกันออกไปโชว์ตัว และทักทายแฟนคลับพร้อมกับให้สื่อมวลชนมากมายได้จับจ้องและกดชัตเตอร์กันจนมือเป็นระวิง  ทั้งสี่หนุ่มยืนต่อแถวอยู่หลังไอดอลหญิงชื่อดังร่วมชาติ  ที่คุ้นหน้าค่าตากันเป็นอย่างดี  หลังจากทักทายกันตามมารยาทแล้วต่างก็พุ่งความสนใจไปกับตารางเวลาของตัวเอง  มินฮยอกเองก็ดูไม่ได้สนใจต่อสิ่งแวดล้อมมากไปกว่าแถวข้างหน้าที่กำลังเคลื่อนที่ไปอย่างช้า ๆ หากไม่มีใครบางคนที่ดูจะเร่งร้อนมาเข้าแถวจนชนเข้ากับเขาอย่างเต็มแรง  ก่อนที่เขาจะทันได้รับรู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเขาก็พบว่าเจ้าของร่างบางที่ชนเขานั้นกำลังค้อมศรีษะขอโทษเขาเป็นการใหญ่

    “ขอโทษคะ  ขอโทษจริง ๆ ฉันรีบไปหน่อย”  เธอทั้งขอโทษ  และโค้งศรีษะให้เขาซ้ำแล้วซ้ำอีก

    “ไม่เป็นไรครับ  ว่าแต่คุณไม่เป็นอะไรใช่มั๊ย” 

    “ฉันไม่เป็นไรคะ  ขอโทษจริง ๆ คะ”  เธอยังพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ในขณะที่คนอื่น ๆ เริ่มจับจ้องมายังคนทั้งคู่ด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

    “คุณกำลังจะทำให้ผมกลายเป็นคนไม่ดีนะครับ”  มินฮยอกพูดพร้อม ๆ กับหลบสายตาจากคนอื่น  เธอคนนั้นจึงได้เริ่มมองไปรอบ ๆ บ้าง  ก็ได้พบกับสายตาอยากรู้อยากเห็นที่ต่างพากันสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่  เธอโค้งให้เขาอีกครั้ง

    “ขอโทษจริง ๆ นะคะ”  ก่อนจะเดินจากไป  มินฮยอกเผลอมองตามเธอไปโดยไม่รู้ตัว....  จู่ ๆ ก็รู้สึกสมองว่างเปล่าไร้ความคิด 

    “มีอะไรเหรอ..”  เสียงจองชินสะกิดให้เขากลับมาสู่ห้วงเวลาเดิมอีกครั้ง

    “อ๋อ...ไม่มีอะไร”  มินฮยอกตอบคำถาม  ก่อนจะลืมอุบัติเหตุนั้นไป

     

    บรรยากาศพรมแดงผ่านไปด้วยความราบรื่น.....  ก่อนที่เหล่าไอดอลชื่อดังจะพากันแยกย้ายเข้าห้องพักเพื่อเตรียมทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป  CNBLUE  ทั้งสี่คนพูดคุยกันด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากขึ้น  เสียงหัวเราะสนุกสนานพูดคุยแซวเล่นกันไปมา  ก่อนที่สายตาจองชินจะหยุดที่ทีมงานที่กำลังเดินสวนมาโดยมี MC ของงานเดินตามมา  เขาปล่อยให้คนอื่น ๆ เดินนำไป  แล้วหยุดยืนมองสาวสวยที่คล้ายจะซ่อนตัวอยู่ด้านหลังทีมงาน  ด้วยสีหน้าเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยจนเกือบจะโกรธ  เขาคว้าข้อมือของเธอไว้ให้เธอหยุดยืนอยู่ข้างเขา  ไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอ

    “ขอเวลาสักครู่นะครับ”  จองชินหันไปพูดกับทีมงานเป็นการขออนุญาต  ทีมงานจึงจำต้องแยกไปทิ้งให้ทั้งสองคนยืนเพียงลำพัง 

    “พี่ต้องไปทำงานนะ”  กยูริพูดใบหน้ายิ้มแย้ม  คล้ายจะยังไม่รับรู้อารมณ์ของคนข้างกาย  จองชินไม่พูดอะไรแต่กลับถอดเสื้อนอกที่สวมอยู่คลุมให้เธอ

    “ผมจะพาพี่ไปเปลี่ยนชุด”  เขาพูดทั้ง ๆ ที่ยังไม่มองหน้าเธอ  กยูริมองหน้าแล้วถอนหายใจออกมา

    “นี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาล้อเล่นนะ”  จองชินฟังแล้วหันมองจ้องหน้าเธอแววตาแข็งกร้าวก่อนจะใช้กำลังลากเธอให้เดินตามเขา

    “นี่มันอะไรเนี่ย”  กยูริร้องถามเขา  แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจฟัง  เธอจำต้องรีบก้าวเท้าให้ทันเขาพร้อมกับต้องคอยพะวงกับกระโปรงยาวรุ่มร่ามที่อาจจะพาให้เธอเสียหลักล้มลงได้ทุกเมื่อ  จองชินมาหยุดที่หน้าห้องแต่งตัวของ KARA  เขาดูฉุนเฉียวมากเสียจนกยูริเองก็ยังแปลกใจ

    “พี่จะเข้าไปเปลี่ยนเอง  หรือจะให้ผมพาเข้าไป”  น้ำเสียงเขาดูจริงจัง  และเหมือนว่าพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

    “ทำไมพี่จะต้องเปลี่ยนชุด”  กยูริพยายามสงบสติอารมณ์เพราะไม่อยากจะให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โตไปกว่านี้  จู่ ๆ จองชินก็จ้องหน้าเธอก่อนจะเลื่อนสายตามาจับจ้องอยู่ที่เนินอกนวลเนียน  สายตาที่เขาจ้องมองมันทำให้เธอรู้สึกกระดากอายมากเสียจนต้องดึงเสื้อนอกที่สวมทับไว้มาปิดบังให้พ้นจากสายตาของเขา

    “พี่เปลี่ยนไม่ได้หรอก  มันเป็นชุดของสปอนเซอร์  เธอก็รู้นี่”  กยูริหลบการจ้องมองจากเขา  เพราะรู้สึกราวกับว่าเธออาจจะถูกแผดเผาเพียงแค่เขาจ้องมอง  จองชินนิ่งใช้ความคิดก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

    “งั้น...พี่ถอดเสื้อตัวนี้ออกได้แค่เฉพาะตอนขึ้นเวทีเท่านั้น  ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน”   แม้น้ำเสียงจะอ่อนลงแต่เขาไม่ได้มีท่าทีผ่อนคลายลงเลย  จบคำพูดเขาก็เดินจากไปเฉย ๆ กยูริได้แต่ถอนหายใจ  เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องทำหน้าที่ต่อไป...  งาน MC ยังรออยู่ข้างหน้า  โอกาสที่ท้าทายครั้งใหม่เธอไม่ควรจะทำลายมัน....อย่างไรเสียมันก็ต้องดำเนินต่อไป

     

    มินฮยอกก้มหน้าล้างมือช้า ๆ อยู่เพียงลำพังในห้องน้ำ  ในขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่หน้ากระจก  พยายามสำรวจหาข้อบกพร่องของตัวเอง  แต่แล้วจู่ ๆ สายตาของเขากลับพบใครบางคนที่วิ่งผ่านหลังเขาไปตรงไปยังห้องน้ำด้านใน  ช่างน่าแปลกใจที่เหมือนว่าเขาจะมองเห็นผู้หญิงกำลังวิ่งเข้าห้องน้ำผู้ชาย  เขาหยุดล้างมือก่อนจะหันกลับมามองหาเจ้าของเงาในกระจก  ยังไม่ทันที่เขาจะได้คำตอบอะไร  กลับมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากทางด้านในห้องน้ำ  เขาจึงรีบสาวเท้าเข้าไปหาต้นเสียง  แล้วก็ต้องปะทะเข้ากับร่างเล็ก ๆ ที่ตอนนี้โดนแรงปะทะผลักให้ลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นแล้ว

    “นี่คุณอีกแล้วเหรอ”  มินฮยอกพูดขึ้นทันทีที่ได้รู้ว่าผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่พื้นตรงหน้าเขาในเวลานี้เป็นคน ๆ เดียวกับที่ชนเขาเมื่อประมาณสองชั่วโมงก่อน

    “ขอโทษนะคะ  พอดีฉันรีบไปหน่อยเลยเข้าผิดห้อง”  เธอรีบแก้ตัวและดูเหมือนว่าจะลืมไปแล้วว่าเธอควรจะลุกขึ้นยืนเสียที  มินฮยอกเอื้อมมือไปให้เธอหวังช่วยให้เธอลุกขึ้น  แต่เธอกลับลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองเหมือนไม่เห็นความหวังดีจากเขา   เขาดูจะเก้อไปเล็กน้อยก่อนจะแกล้งทำราวกับว่าไม่รู้สึกอะไร

    “คุณดูซุ่มซ่ามจังเลยนะครับ”

    “ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ...” 

    “ต้องระวังให้มากกว่านี้นะครับ  ไม่งั้นคงจะเจ็บตัวเข้าสักวัน”

    “ขอบคุณคะ  ฉันสัญญาว่าจะไม่ชนคุณอีก”  จบคำพูดเธอก็โค้งให้เขาเป็นการบอกลาก่อนจะเดินหนีไป  มินฮยอกเพียงแค่ผงกศรีษะเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก 

    สาวน้อยเดินจากมาด้วยความขุ่นเคืองในใจ  รู้สึกเหมือนโดนเขาต่อว่าที่เธอชนเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น

    CNBLUE งั้นเหรอ...  ฉันก็ไม่ได้อยากจะชนนายสักหน่อย  คิดว่าตัวเองแน่นักหรือไง  ชิสห์”  เธอพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินหายไป  โดยไม่รู้ตัวว่าคนที่เธอต่อว่าได้ยินทุกคำพูดจากเธอทั้งที่เธอไม่ได้อยากให้เขาได้ยิน  มินฮยอกมองตามหลังเธอไปโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง.....

     









    ไรเตอร์ดึงเกมส์ป่าวเน้....  ยงซอก็ยังไม่มา  จงฮโยก็ยังไม่ตั้งเค้า....  แถมสาวปริศนามาอีกคน  เอาล่ะเซ่.....  
    ขอบคุณมิตรรักแฟนเพลงที่ยังเหนียวแน่นนะคะ....  หายไปนานแต่ยังมีคนมารออ่าน  ขอบคุณจริง ๆ เก๊าจะทำให้ดีที่สุดนะ  อิอิอิ  hug hug hug hug   อย่าลืมไปเล่นเกมส์กันนะคะ  อยากแจกจริง ๆนะ

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×