คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Rainy heart.
ระหว่างทางทิฟฟานีดูกระวนกระวาย เผลอมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่บ่อยครั้ง แล้วถอนหายใจออกมา
"ผู้ใหญ่ให้ของไม่รู้จักขอบคุณเลยหรือไง"
"รอโทรศัพท์อยู่เหรอ" ยุนโฮสังเกตเห็น
"อ๋อ...ไม่ค่ะ" ทิฟฟานี่ดูตกใจมากเกินไป รีบปฏิเสธ ยุนโฮยิ้มออกมาจากที่รู้จักกันมานาน หากผู้หญิงคนนี้ปฏิเสธนั้นก็หมายความว่าใช่
"พี่จะรีบทำธุระให้เสร็จล่ะกัน เธอจะได้รีบไปหาคนที่เธอรอโทรศัพท์อยู่" ทิฟฟานี่ฟังแล้วตาโต อยากจะปฎิเสธ แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ ยุนโฮอมยิ้มน้องสาวคนนี้เขารู้จักเธอดีกว่าใคร
จองชินสาละวนอยู่กับการจัดเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับนัดในคืนนี้ มินฮยอกเดินลากเท้ากลับเข้ามาให้ห้องพร้อมกับช่อดอกไม้ในมือ แม้จะเจ็บปวดก็ไม่อยากจะทิ้งมันไป
"มินฮยอก ไหนว่าจะไปธุระไง" จองชินตะโกนไล่หลังเมื่อเพื่อนรักเดินผ่านหน้าไป มินฮยอกทำราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงใด จองชินจึงตัดสินใจเดินตามเพื่อนรักไป
"เป็นไรไปว่ะ" จองชินกอดคอเพื่อนรักคล้ายว่าจะปลอบใจ มินฮยอกถอนหายใจเฮือกใหญ่
"ไปดื่มกันมั๊ย" จองชินหันไปมองเพื่อนรักอย่างไม่เชื่อสายตา มินฮยอกแทบจะไม่เคยชวนเขาดื่มเลย
"แสดงว่านายทุกข์ใจสุดๆเลยนะเนี่ย"
"จะไปมั๊ย" มินฮยอกขึ้นเสียงจนจองชินตกใจ พยักหน้างึกๆ ไปก็ไป
"ชน ชน ชน" มินฮยอกยกแก้วแอลกอฮอลล์ในมือขึ้นมา เร่งเร้าให้เพื่อนรักร่วมดื่มด้วย
"เออๆ ชน" จองชินปฏิเสธไม่ได้ แต่ก็ยังดื่มแบบระวังตัว
"ตกลงมันเรื่องอะไรเนี่ย นายถึงได้มากลุ้มแบบนี้" จองชินเปิดประเด็นเมื่อเริ่มเห็นว่าเพื่อนรักน่าจะเปิดใจ
"ทำไม ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนอกหัก ทั้งๆที่ยังไม่ได้รักใครเลย" มินฮยอกตั้งคำถามลอยๆ
"ถ้าไม่รักจะเรียกว่าอกหักได้ยังไง" จองชินแย้ง
"บอกตัวเองแล้วว่าจะไม่รัก ขอแค่อยู่ใกล้ๆก็พอ แต่พอเอาเข้าจริงทำไมเป็นแบบนี้ว่ะ" มินฮยอกคร่ำครวญ แม้จองชินจะไม่อาจเข้าใจว่าเพื่อนรักพูดถึงอะไร แต่ก็เห็นใจ มินฮยอกแม้จะดูเหมือนเด็กแต่ไม่ใช่คนที่ชอบโวยวายหรือตีโพยตีพาย บางทีเรื่องที่อยู่ในใจอาจจะเป็นปัญหาใหญ่จริงๆ
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น แต่ดูเหมือนมินฮยอกจะไม่ได้สนใจ จนจองชินต้องสะกิดให้เพื่อนรักรับโทรศัพท์ มินฮยอกหยิบโทรศัพท์ในมือขึ้นมามองหน้าจอ แล้วถอนหายใจ นี่มันตลกร้ายเกินไปหรือปล่าว
"อืม..." มินฮยอกรับโทรศัพท์เหมือนไม่ใส่ใจ ต้นสายใจร้ายเกินไปที่ยังกล้าโทรมาหาเขา
<ตี๋น้อย....ทักทายกันแบบนี้เหรอ>
"นูน่ามีอะไรครับ"
<ดอกไม้ที่ส่งไปให้นะ นายไม่ชอบใช่มั๊ย ขอบคุณขอบใจไม่มีเลยนะ>
"ขอบคุณครับ" มินฮยอกตอบเนือยๆ
<นายคงจะไม่ชอบดอกไม้สินะ ไม่เป็นไรหรอก นี่...โปรโมชั่นแก้เหงาเอามาใช้ที่นี่ได้หรือปล่าว>
"นูน่าพูดเรื่องอะไรครับ"
<ยังเด็กอยู่ ลืมง่ายจริง >
"ผมแค่ไม่เข้าใจครับ" มินฮยอกสงสัย เธอจะเอายังไง ให้เขาไปคั่นเวลางั้นหรือ
<ชั้นรออยู่ที่คาเฟ่นะ จะมาหรือไม่มา> มินฮยอกไม่ตอบแค่วางสายไป จองชินมองหน้าเพื่อนรักคล้ายจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
"เอาไงดีล่ะ นายตัดสินใจเองนะ" จองชินบอกเขา มินฮยอกถอนหายใจ เขาแค่เสียใจไม่ได้หมายความว่าจะตัดใจ
ทิฟฟานี่นั่งรออยู่ในคาเฟ่เหงาๆ นี่อาจจะนานเกินไปที่เธอต้องมานั่งรอใครสักคน ในที่สุดเขาก็มาปรากฏตัวที่หน้าร้าน เธอเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัวทันทีที่ได้เห็นใบหน้าไร้เดียงสานั่น
“ให้รอนานเกินไปนะ” เธอตัดพ้อ แต่ไม่เหมือนว่าจะโกรธ มินฮยอกไม่ตอบอะไร เพียงแต่นั่งลงตรงหน้าเธอ
“ดื่มอะไรหน่อยมั๊ย”
“ไม่ล่ะครับ เดี๋ยวผมจะกลับแล้ว” มินฮยอกดูเย็นชา อันที่จริงเขาก็ยังไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงพาตัวเองมาเพื่อพบเธออีก ทั้งๆที่บาดแผลในใจยังสดใหม่อยู่
“เอ๊...แปลกๆนะเนี่ย ไลฟ์ไม่ค่อยดีหรือไง”
“ผมทำมันได้ดี” มินฮยอกตอบสั้น ๆ ทิฟฟานี่ย่นจมูกเริ่มได้กลิ่นแอลกอฮอลล์จากเขา
“ตี๋น้อย ที่อารมณ์ไม่ดีเนี่ยเพราะชั้นเรียกนายออกมาจากปาร์ตี้ใช่มั๊ย” ทิฟฟานี่ชักจะอารมณ์ไม่ดี ที่เขาทำหมางเมิน มินฮยอกส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ
“นูน่ารู้ดีครับว่าเรื่องอะไรที่ทำให้ผมอารมณ์ไม่ดี” ทิฟฟานี่ฟังแล้วสะกดกลั้นอารมณ์ ใครจะไปรู้เรื่องอะไรแบบนั้น คบเด็กนี่มันน่ารำคาญเสียจริง
“ถ้านายไม่พูดออกมาชั้นก็ไม่รู้หรอกนะ” ทิฟฟานี่เดือดดาล เดินหนีไป จะเพราะอะไรมินฮยอกก็ไม่อาจรู้สัญชาตญาณบอกให้เขาวิ่งตามไปขวางเธอไว้
“นายจะเอายังไงอีก” ทิฟฟานี่โกรธจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่
“สนุกมากมั๊ยครับ ที่เห็นผมหัวหมุนแบบนี้” มินฮยอกดูหยาบคายอย่างไม่น่าเชื่อ
“นายพูดเรื่องอะไร”
“นูน่าเคยมองเห็นผมเป็นผู้ชายบ้างหรือป่าว” ทิฟฟานี่งงไปหมด จับต้นชนปลายไม่ถูกไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรออกไป
“ว่ายังไงล่ะครับ บอกผมมาสิ” มินฮยอกเกือบจะตะคอก ฝ่ามือของทิฟฟานี่ฟาดเพี๊ยะลงบนใบหน้าของหนุ่มน้อยจนหน้าหัน เรียกให้สติเขากลับคืนมา
“กลับไปนอนซะ หายเมาแล้วค่อยมาคุยกัน ชั้นจะถือว่าเรื่องวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น” พูดจบแล้วสะบัดหน้าเดินหนีไป ทิ้งให้มินฮยอกมองตามสงสัยทั้งความรู้สึกตัวเองและความรู้สึกของเธอ
กยูรินั่งแกร่วอยู่ในสนามบินเพียงลำพัง ก้มมองพื้นตรงหน้าพลางแกว่งเท้าไปมา ภาวนาให้ใครบางคนที่เธอรออยู่มาถึงเร็ว ๆ
“เรื่องบังเอิญนะเนี่ย อยู่ดีๆ ก็ได้มาเจอเธอที่นี่” เสียงอดีตคนรักที่คุ้นหูเป็นอย่างดีทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมามองเขา
“พี่เองเหรอ”
“คนอื่นในวงไปไหนหมดล่ะ ทำไมเธอมานั่งอยู่ที่นี่คนเดียว” จองมินนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเธอ
“พี่มาทำอะไรที่นี่เหรอค่ะ” กยูริไม่ตอบ
“พี่ก็มีงานสิ อย่าลืมนะว่าพี่ดังนะ”
“ค่ะ พี่ดังมากจริงๆ” กยุริอึดอัดที่จะพูดกับเขา ในขณะเดียวกันจองชินกระหืดกระหอบด้วยมาสายเพราะมัวแต่ดูใจเพื่อนรักอยู่ พลางคิดคำขอโทษไปต่างๆนานา แต่ความเหนื่อยจากการเร่งรีบกลับหายไปจนหมดสิ้น เมื่อเห็นภาพตรงหน้า
“จำที่พี่บอกว่ามีเรื่องจะพูดด้วยได้ไหม” จองมินดูอ่อนโยนขึ้นมาทันที กยูริแค่พยักหน้า เธอยังแพ้สายตาที่เขามองมา
“พี่มาลองคิดๆดูแล้วนะ ช่วงเวลาที่เราห่างกันไปมันทำให้ได้คิดอะไรหลายอย่าง ที่สำคัญคือ พี่คิดถึงเธอ”
กยูริฟังแล้วหันขวับไปมองหน้าเขา ผู้ชายคนนี้เป็นจากเธอไป ควงผู้หญิงใหม่ไม่ซ้ำหน้า แต่สิ่งที่เขาบอกเธออยู่ตอนนี้มันช่างตรงกันข้าม จองชินยังรีรอ อยากรู้ปฏิกิริยาของทั้งคู่
“เรากลับมาคบกันดีมั๊ย” เขาเอามือกยูริมากุมไว้ เธอไม่ได้ดูเคอะเขินอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับดูแปลกใจเสียมากกว่า จองชินเดือดปุดขึ้นทันทีที่ได้เห็นภาพตรงหน้า รีบสาวเท้าเข้าไปแสดงการมีตัวตนของเขาในทันที ก่อนจะคว้ามือของกยูริให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมของจองมิน
“เรากลับกันเถอะครับ” คำพูดธรรมดาแต่ทว่าฟังดูก็รู้ว่าเขาไม่พอใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า จองมินยิ้มทักทายเขาราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คนที่เธอรออยู่มาแล้วสินะ” จองมินดูยียวน “ถ้านายอยากเป็นแฟนที่ดี นายก็ไม่ควรปล่อยให้แฟนของนายมานั่งรอแบบนี้นะ” เขาไม่เป็นมิตรอีกต่อไป
“ไปเถอะครับ” จองชินแสร้งทำไม่สนใจในคำพูดของคู่แข่ง แม้จะโกรธแต่ใช่ว่าจะทำอะไรได้ ก่อนจะจูงมือกยูริจากมา ทิ้งจองมินให้มองตามอย่างมุ่งหวังเพียงลำพัง
“จองชิน” กยูริเรียกชื่อเขาระหว่างทางที่เธอถูกลากไป แต่ความโกรธในใจที่พลุ่งพล่านกลับทำให้จองชินไม่รับรู้อะไร
“จองชิน เดินช้าๆหน่อย” กยูริก้าวรัวจนตามเขาแทบจะไม่ทัน กึ่งๆคล้ายว่าเธอจะถูกลาก แต่เขากลับไม่สนใจ
“นี่..” กยูริสุดทนขืนตัวไม่เดินตามแรงเขาไป ออกแรงกระชากแขนตัวเองให้หลุดพ้นจากพันธนาการจากเขา แม้จะไม่ทำให้เธอเป็นอิสระแต่มันก็ทำให้จองชินชะงัก และหันกลับมามองเธอ
“ถ้านายไม่หยุดลากพี่แบบนี้ พี่จะโกรธแล้วนะ”
“ผมขอโทษ ที่นี้เราจะไปกันได้หรือยัง” จองชินเองก็ใช่ว่าจะพอใจ แค่อยากพาเธอไปให้พ้นๆจากรัศมีของผู้ชายอีกคน
“นายไม่พอใจเรื่องอะไร ก็พูดออกมาอย่ามาทำท่าทางแบบนี้”
“พี่ถามว่าผมไม่พอใจเรื่องอะไรงั้นเหรอ” กยูริพยักหน้า
“แล้วพี่ทำอะไรลงไปล่ะ”
“แล้วอะไรล่ะ” กยูริชักจะฉุน
“ก็พี่ไปนั่งจับมือกับไอ้บ้านั่นอยู่กลางสนามบินนั่นไง ที่ผมไม่พอใจ” กยูริฟังแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เอาไว้ให้นายเย็นกว่านี้แล้วเราค่อยมาพูดกันดีกว่า ตอนนี้พูดอะไรไปคงมีแต่จะทะเลาะกัน” จองชินฟังแล้วมองหน้าเธอแปลกใจ ทำไมเธอไม่พยายามจะอธิบายหรือแก้ตัวใดๆ กยูริดึงแขนตัวเองให้หลุดจากมือเขาก่อนจะเดินหันหลังกลับไปอีกทาง จองชินยิ่งเดือดดาล เขาควรจะตามเธอไป แต่ตอนนี้ทิฐิในใจมากพอที่จะทำให้เขาไม่ตามเธอไป
แสงไฟหลากสีถูกประดับประดาไปจนทั่วสะพานชื่อดัง Rainbow bridge แม้จะเป็นยามดึกสงัด ก็ยังพอมีผู้คน คู่รักเดินไปมาประปราย แต่ต่างไม่มีใครสนใจใคร
ยงฮวาตระกองกอดร่างบางไว้ในอ้อมแขน เกาะกุมมือเรียวบางนั้นไว้ราวกับว่ากลัวเจ้าของมือจะหนีหายไปไหน ซอฮยอนเกือบจะทิ้งน้ำหนักทั้งหมดของร่างกายไว้บนอกกว้าง เอนกายพิงร่างกำยำของเขาอย่างสบายใจ รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยในทุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน เธอเพ่งสายตาทอดยาวไปยังผืนน้ำข้างหน้า ท้องน้ำระยิบระยับด้วยแสงไฟตกกระทบ ราวกับอัญมณีหลากสี
“ที่นี่สวยจังเลยนะคะ มาญี่ปุ่นตั้งหลายครั้งแต่ไม่เคยได้มาที่นี่เลย” ซอฮยอนหลงใหลไปกับบรรยากาศชวนฝัน ยงฮวาซุกจมูกลงบนคอขาวนวลไม่ให้เธอได้ทันตั้งตัว เธอตกใจจนต้องเอียงตัวหนี แต่เขากลับทำหน้าทะเล้น ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร
“พี่ยงฮวา แบบนี้ไม่ได้นะคะ” ซอฮยอนทำเสียงดุ ยงฮวาทำปากยื่น จะให้อดใจยังไงมีนางฟ้าอยู่ในอ้อมกอดทั้งคน
“ฮยอน....ใจร้ายจังนะ แค่นี้ก็ไม่ได้เหรอ” เขาทำเสียงออดอ้อน
“พี่ก็เป็นแบบนี้ตลอดเลยนะ ขอนั่นขอนี้มากขึ้นเรื่อยๆ” ซอฮยอนค้อนเขาตรงๆ ยงฮวาเลิกคิ้วสูง กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ซอฮยอนยังมองเขาเอาเรื่อง
“ไม่ก็ได้...” เขาออดอ้อนอยากให้เธอหายโกรธ ซอฮยอนจึงหายงอน
“พี่ค่ะ ชั้นมีเรื่องจะถาม....”
“หืม....ว่ามาสิ”
“พี่กับ ซอลลี่ ยัง ติดต่อกัน - อยู่เหรอค่ะ” ซอฮยอนพูดออกมาอย่างยากเย็น
“เรื่องนี้เองเหรอ...พี่ควรจะตอบว่ายังไงดี” ซอฮยอนฟังแล้วใจหายวูบ คำตอบมันยากนักหรือไง ยงฮวาประครองให้ร่างบางหันกลับมาหาเขา สบตากับเธอราวกับว่าจะบอกเล่าความรู้สึกจากภายใน
“คิดว่าพี่จะมีใครอื่นหรือไง” ซอฮยอนจ้องตาไม่หลบ ไม่ใช่ไม่ไว้ใจแต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้
“ที่พี่คุยกับซอลลี่วันนั้น....” ซอฮยอนค่อยๆพูดออกมา ยงฮวายิ้มอ่อนโยน
“วันนั้นสินะ ที่เธอโทรมา” ยงฮวาลูบผมเธอเบา ๆ คล้ายจะปลอบโยน
“พี่คุยกับซอลลี่จริง ซอลลี่มาถามเรื่องของเรา พี่ก็แค่บอกไปว่าเราคบกัน แล้วพี่ก็ไม่มีวันจะเปลี่ยนใจจากเธอ” ยงฮวาพูดน้ำเสียงราบเรียบราวกับว่าเล่าเรื่องราวธรรมดาๆ ทั่วไป
“จริงเหรอค่ะ” ซอฮยอนเชื่อเขา แต่ก็อยากให้เขายืนยัน
“พี่ไม่สามารถปฏิเสธการพบเจอ หรือหลีกเลี่ยงคนที่พยายามจะเข้ามาหาพี่ได้หรอกนะ” ซอฮยอนพยักหน้าเข้าใจ เรื่องนี้เธอรู้ดี
“พี่อยากให้เธอไว้ใจ พี่ไม่มีวันเปลี่ยนจากเธอไปเป็นคนอื่น” ซอฮยอนฟังแล้วยิ้มหวานออกมา ยงฮวามองลึกเข้าไปในดวงตาสวยใสตรงหน้า ลำบากและยากเหลือเกินที่จะหักห้ามใจไม่ให้สัมผัสเธอ ยงฮวามองคนตรงหน้าราวกับว่าจะชั่งใจ
“อนุญาตค่ะ” ซอฮยอนเอ่ยออกมาราวกับว่ารู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ห๊ะ....” ยงฮวาแทบไม่คาดคิด ซอฮยอนพยักหน้ายืนยันคำอนุญาต เขาเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างพอใจ ก่อนที่ยงฮวาจะได้ทำอะไรซอฮยอนก็ขยับเข้ามาใกล้ กว่าจะรู้ตัวริมฝีปากเรียวงามของเธอก็ทาบทับอยู่บนริมฝีปากของเขา แม้ยงฮวาจะตกใจแต่มันก็เป็นจูบที่หวานที่สุดเท่าที่เคยมีมา จูบที่นางฟ้าเป็นคนมอบให้
สัมผัสอันเกิดจากความรักมันช่างหอมหวาน ยงฮวาอ้อยอิ่งละเมียดละไมชิมรสหวานหอมจากริมฝีปากนางฟ้า จูบอันอ่อนหวานแต่ทว่าร้อนแรงเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความห่วงหา และอาทรที่ส่งผ่านถึงกันและกัน ยงฮวาค่อยๆถอนริมฝีปากทั้งๆที่ใจไม่อยากทำ ควรจะยับยั้งมันไว้ก่อนที่อะไรๆจะเกินเลย แต่กลับไม่สามารถถอยห่างออกมาได้อย่างที่ควรจะทำ ซอฮยอนดูหอบหายใจ ปลายจมูกคมสันยังวนเวียนอยู่ที่พวงแก้มเนียน แล้วค่อยๆขยับมาใกล้จนปลายจมูกจรดกัน ก็แค่อยากจะเอาแต่ใจ อีกสักครั้งคงไม่เป็นไร ในที่สุดเขาก็ทำตามใจ ปล่อยให้ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากบางนั้นอีกครั้ง ไม่อยากให้ช่วงเวลานี้จบลง
มาช้าไปหน่อยนะค่ะ ทั้งขี้เกียจและงานเข้า มาม่าใส่น้ำตาลพอกินได้มั๊ยค่ะ 555
ตอนนี้จงฮโยหายไปเลย เพื่อลดค่าตัวค่ะ 555
ความคิดเห็น