ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [YongSeo Story] Part 2 You are the one.

    ลำดับตอนที่ #3 : Mistake.

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 54


     “ดูไลฟ์ของสาวๆอีกแล้วเหรอพี่”  จองชินพูดขึ้นเมื่อพบว่าจงฮยอนมาหลบอยู่ในห้องนั่งดูไลฟ์โชว์ของ SNSD เหมือนที่เขาแอบทำบ่อยๆ  จงฮยอนปิดหน้าจอของวินโดวน์ทันทีที่ได้ยินเสียงของจองชิน

    “ไม่ต้องมาปิดหรอกน่า  ความลับพี่น่ะ  เรารู้กันหมดแล้ว  พี่ลืมไปเหรอ”  จองชินค่อยหย่อนก้นลงบนเตียงนอนหลังจงฮยอน

    “ไม่ไปไหนหรือไง”  จงฮยอนเบี่ยงประเด็น

    “น่าจะถามตัวเองดีกว่านะพี่”  จงฮยอนพยักหน้าเหมือนเห็นด้วยกับคำตอบนั้น  “นี่พี่ไม่มีนัดจริงๆเหรอ”  เขาพยักหน้าอีกครั้งแทนคำตอบ  “โซชิไม่มีงานวันนี้นี่”  ดูคล้ายเป็นคำถาม  จงฮยอนก็ยังพยักหน้าอีก  “ไปหาอะไรอร่อยๆกินกันมั๊ย”  จองชินพูดต่อ  แต่แววตาฉายประกายความเจ้าเล่ห์ออกมา  จู่ๆก็คิดแผนการอะไรบ้างอย่างขึ้นมาได้

    “ไปสิ”  จงฮยอนตอบแค่นั้น  จองชินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดทันที  จงฮยอนไม่ได้สนใจเท่าไรนักว่าจองชินจะทำอะไรหันไปสั่งชัทดาวน์โน๊ตบุ๊คของตัวเอง  แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงปลายสายที่จองชินตั้งใจเปิดลำโพงให้เขาได้ยินด้วย

    “ว่ามา”  เสียงใสนั้นรับสายอย่างสนิทสนม

    “นู่น่า  ว่างหรือป่าว”  จองชินพูด พลางเหลือบตามองปฏิกิริยาของพี่ชาย  จงฮยอนดูตัวแข็งขึ้นมาทันที

    “อือ”

    “เลี้ยงข้าวหน่อยสิ”  จงฮยอนได้ยินแบบนั้นก็รีบพาตัวเองมาเกาะติดอยู่ข้างๆจองชินทันที

    “ไม่มากไปหรือไง  อยู่ดีๆก็โทรมาขอข้าวกินเนี่ยนะ”  ฮโยยอนพูดตามสบายโดยไม่รู้เลยว่ามีบุคคลที่สามร่วมฟังอยู่

    “นู่น่า  ผมยังไม่ได้จัดการเรื่องที่นู่น่าไปแฉผมเลยนะ”  จองชินแกล้งจะเอาเรื่อง  แต่ก็แอบขำกับตัวเอง

    “อ๊า...กะแล้วเชียวว่านายต้องมาแบบนี้  เออๆ  ไปก็ไป  ตอนนี้เลยมั๊ย  ชั้นยังไม่ได้กินข้าวเย็นพอดี”  จงฮยอนได้ยินถึงกับตาโต  จองชินหันมาทำมือโอเค แล้วพยักหน้าเป็นคำถาม  จงฮยอนทำได้แค่ยิ้ม

    “นี่นู่น่า  มาแบบสวยๆหน่อยนะ  อยากไปร้านหรูแพงๆ โอเคป่ะ”  จองชินสำทับเพราะวางแผนดินเนอร์สุดหรูไว้

    “ไปกะนายทำไมต้องสวยด้วย  นี่แล้วที่สำคัญร้านแพงๆไม่ไป” 

    “โห...งกอ่ะดิ่  นี่ถ้าไม่ทำตามที่บอกไม่หายโกรธ  แล้วขอโทษครับ  ไปกะจองชินไม่สวยเดี๋ยวถูกถ่ายรูปได้  จะหาว่าไม่เตือน”  จองชินแกล้งกระตุ้นเพราะรู้จุดอ่อนของพี่สาวคนสนิทดี

    “เออ  อีกสามสิบนาทีเจอกัน  นายเลือกร้านล่ะกัน”  ฮโยยอนตัดบทแล้ววางสายไป  จองชินหันมาไฮไฟว์  จงฮยอนยกมือรับตามสัญชาตญาณ  ออกจะงงๆ แต่ก็ดูดีใจ

    “ไปพี่  ลุย”  จองชินบอกกับจงฮยอน

    “นายไปโกหกเขาแบบนั้นได้ไง”  จงฮยอนยังรู้สึกขัดเขิน

    “เชื่อเหอะน่า  ถ้ารอให้พี่จัดการเอง  คงแก่ตายกันไปข้างนึงพอดี”  จองชินพูด  จงฮยอนยังสองจิตสองใจ

     

    ในที่สุดจงฮยอนก็ตกหลุมพรางของน้องชายตัวร้ายด้วยความเต็มใจ  นี่เป็นครั้งแรกในความทรงจำของเขาเลย  เดทแบบไม่ตั้งตัว  แถมแต่งมาซะเต็มยศ  ในร้านอาหารหรูๆแบบนี้อีก  เทียนกับดอกไม้บนโต๊ะก็ดูแปลกๆ  คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าชักจะเริ่มอายสงสัยว่าตัวเองยอมทำตามจอมวางแผนลีจองชินได้ยังไงกัน  จองชินดูสบายๆ สวมแค่โค้ทธรรมดาๆ  เดินไปเดินมารอบห้องอาหารส่วนตัวที่จัดแจงจองเองกับมืออย่างไม่เดือดร้อน  ไม่ได้สนใจว่าคนที่ตัวเองพามาด้วยกำลังหัวใจเต้นแรงจนอาจจะวายได้  ประตูห้องกำลังถูกเปิดออกจงฮยอนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอด  ตื่นเต้นจนจะหยุดหายใจให้ได้  ฮโยยอนก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับชุดเดรสสั้นเปิดไหล่สีโอรส  สวยเสียจนจองชินยังตาค้าง  ฮโยยอนดูงงอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์เป็นตกใจที่มีบุคคลที่สามที่เธอไม่คาดคิดอยู่ในห้องด้วยและสุดท้ายเธอโดนสายตาของจงฮยอนแช่แข็งไปในที่สุด

    “ไหนว่าจะไม่แต่งสวยไง  นี่นู่น่าอยากมาดินเนอร์กับผมใช่มั๊ยเนี่ย”  จองชินเดินตรงเข้าไปหาเธอ  ช่วยปลุกเธอจากอาการแช่แข็ง

    “ชั้นกลัวถูกถ่ายรูปได้ต่างหากล่ะ  มีข่าวว่าเดทกะนายก็แย่แล้ว  ถ้าไม่สวยยิ่งแย่”  ฮโยยอนหายจากอาการถูกแช่แข็งต่อปากต่อคำกับเขาอย่างไม่ลดละ  จงฮยอนรู้งานทันทีลุกขึ้นยืนแล้วเชื้อเชิญให้เธอมานั่งที่โต๊ะอาหาร  ฮโยยอนแม้จะดูขัดเขินแต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย  พนักงานเข้ามาหลังจากนั้นมีเพียงจองชินที่นั่งเฉยไม่สั่งอาหาร  ทำตัวราวกับว่าไม่มีตัวตนตรงนั้น

    “นายไม่กินอะไรเหรอไหนบอกให้มาเลี้ยงไง”  ฮโยยอนถามด้วยความสงสัย

    “ตามบาย  เดี๋ยวจะไปแหละ”  จองชินพูดหน้าตาเฉย  จงฮยอนหันขวับไปมองน้องชายด้วยความตกใจ  “มีนัด”  จองชินวางท่าเป็นคนสำคัญ

    “ไม่กินอะไรสักหน่อยเหรอ”  จงฮยอนถาม  จองชินส่ายหน้า  แล้วลุกขึ้นยืน

    “เอารถพี่มายืมหน่อยสิ”  ยื่นมือขอหน้าตาเฉย

    “ถ้านายเอารถไปแล้วพี่จะกลับยังไง”  จงฮยอนแย้ง  จองชินหันหน้าไปหาฮโยยอนทันที

    “นู่น่าเอารถมาใช่มั๊ย”  ฮโยยอนพยักหน้างึกๆ  “พี่สองคนก็กลับด้วยกันสิ”  พูดแล้วกระดิกนิ้วเร่งให้จงฮยอนส่งกุญแจให้เขา  จงฮยอนจำใจส่งกุญแจให้อย่างเสียมิได้  จองชินรับมาถือไว้  “ตามสบายนะพี่จะกลับดึกก็ได้  ผมไม่ห่วงหรอก”  จองชินพูดแล้วเดินไป  ก่อนจะออกจากห้องยังโบกมือให้ทั้งๆที่หันหลัง  ทั้งคู่มองตามวายร้ายอย่างงงๆ

     

    จงฮยอนเริ่มรู้สึกว่าเหตุการณ์เริ่มแปลกและเสี่ยงต่อการที่ฮโยยอนจะเข้าใจผิด  จึงคิดจะอธิบายให้เธอได้ฟังถึงที่มาของเหตุการณ์  แต่ฮโยยอนกลับพูดขึ้นมาเสียก่อน

    “ดูเหมือนว่าเราจะถูกหลอกอีกหรือเปล่าค่ะ” 

    “ไม่ใช่ทั้งหมดครับ”  เขาตอบอย่างระมัดระวัง  “ผมรู้ว่าจะได้มาเจอคุณ  แต่ไม่รู้ว่าจองชินจะทิ้งเราไปแบบนี้”  เขาไม่แน่ใจว่าได้คำตอบที่เธอพอใจหรือเปล่า

    “อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง”  ฮโยยอนพูดแล้วเงียบไป  สถานการณ์น่าอึดอัดอยู่นานจนอาหารเข้ามาวางลงบนโต๊ะความเงียบจึงได้ถูกทำลายลง

    “มาทานอาหารที่นี่บ่อยเหรอค่ะ”  ฮโยยอนถามขึ้น

    “ไม่ครับ  ครั้งแรกเลย  ครั้งแรกที่มาทานในร้านอาหารแบบนี้” 

    “เจ้าเด็กยักษ์นั่นเป็นคนวางแผนใช่มั๊ยค่ะ  ถึงได้มาสั่งให้ชั้นแต่งตัวสวยๆ”  จงฮยอนไม่ตอบแต่ยิ้มและพยักหน้า  “ถ้าบอกกันตรงๆ  จะแต่งให้สวยกว่านี้”  ฮโยยอนพูดแล้วหัวเราะ  เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น  จงฮยอนกำลังคิดว่าควรจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปหรือเปล่า  แต่แล้วเขาก็พูดออกมา

    “คุณสวยแล้ว  ชุดนี้เหมาะกับคุณมาก”  แล้วแกล้งเฉไฉตักอาหารใส่ปาก

    “คอนเสิร์ตเป็นยังไงบ้างค่ะ”  ฮโยยอนรู้สึกอายที่เขาพูดตรงจึงพยายามเปลี่ยนเรื่องพูด

    “สนุกครับ  เวทีหมุนได้ด้วย  แฟนๆก็สุดยอด  คุณน่าจะได้ไปดู”  จงฮยอนตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงคอนเสิร์ต

    “คราวหน้าชั้นจะไปดูค่ะ  ถ้าคุณชวน”  จงฮยอนฟังแล้วยิ้ม

    “ครั้งนี้ก็อยากชวนนะ  แต่ว่าเราไม่เจอกันเลย  ก็เลย....”  จงฮยอนไม่พูดต่อ  แต่มองไปที่หญิงสาวตรงหน้าที่กำลังหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า

    “เราแลกเบอร์กันมั๊ยค่ะ  ไว้คุณจะได้โทรมาชวนชั้นไปดูคอนเสิร์ตของคุณ  แล้วชั้นก็จะได้เช็กด้วยว่าชั้นโดนหลอกอีกหรือป่าว”  ฮโยยอนช่วยทำให้จงฮยอนรู้สึกสบายๆกับบทสนทนามากขึ้น  ทั้งคู่แลกเบอร์กันละกัน  หลังจากกดเซฟเบอร์  ฮโยยอนก็พูดขึ้นมา “จองชินกับยงฮวาก็มีเบอร์ชั้นน่ะ  แล้วก็ซอฮยอนด้วย”  จงฮยอนไม่เข้าใจที่เธอพยายามจะบอก

    “ห๊ะ...แต่คุณไม่ได้อนุญาตให้โทรหานี่  ผมก็ไม่ควรเอาเบอร์มาจากพวกเขาไม่ใช่เหรอ”  ฮโยยอนฟังแล้วตลกในความตรงของเขา  บรรยากาศค่อยๆ เปลี่ยนไปในทางทีดีขึ้นเรื่อยๆ  ทั้งคู่เริ่มพูดคุยกันอย่างสนิทสนม  พร้อมกับอาหารในจานที่พร่องไปเรื่อยๆ

    “ตลกดีนะครับที่ต้องมานั่งทำท่าดื่มไอ้นี่”  จงฮยอนพูดแล้วมองไปถือแก้วไวน์ในมือ  ฮโยยอนหัวเราะ

    “คราวหน้าเราไปดื่มโซจูกันดีกว่า”  ฮโยยอนเห็นด้วย  จงฮยอนยิ้มชอบใจในความตรงและตลกของเธอ

     

     

    จองชินออกมาจากร้านอาหารทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าจุดหมายที่ตั้งใจจะไปอยู่ที่ไหน  ออกจะเหงาเกินไปหน่อยที่ต้องมาขับรถคนเดียวแบบนี้  เขาพาตัวเองมายังสถานนีวิทยุชื่อดังที่เป็นที่รู้จักกันดีโดยที่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจว่าคนที่อยากเจอ  คนนั้นพร้อมจะเจอเขาไหม  จองชินไปนั่วแกร่วอยู่บริเวณล๊อบบี้พลางมองไปที่นาฬิกา  เหมือนรอเวลาที่เขาต้องการ

     

    เสียงหัวเราะบอกได้เป็นอย่างดีว่าคู่บังเอิญมาเดทในวันนี้เข้ากันได้ดี  ฮโยยอนเล่าเรื่องตลกมากมายระหว่างมื้ออาหาร  แม้จงฮยอนจะพูดไม่เก่งแต่เขาก็เป็นผู้ฟังที่ดี  และพร้อมจะหัวเราะกับทุกเรื่องตลกของเธอ  ฮโยยอนรู้สึกสบายใจที่ได้พูดคุยกับเขา  แม้จะไม่เคยฝันถึงดินเนอร์อันแสนหวานแต่ก็ต้องยอมรับว่า   เหตุการณ์ที่เธอร่วมด้วยอยู่ตอนนี้ต้องเป็นเหมือนในฝันของหญิงสาวทุกๆคนแน่  มันคือดินเนอร์สุดหรูกับเจ้าชายในฝัน 

    เวลาล่วงเลยไปจนฮโยยอนรู้สึกว่านี้อาจจะเป็นมื้ออาหารที่ยาวนานที่สุดที่เธอเคยมีมา  แต่กลับสั้นอย่างเหลือเชื่อในความรู้สึก

    จงฮยอนเดินมาส่งเธอที่รถที่จอดอยู่บริเวณหลังร้าน  ฮโยยอนยังกังวลว่าคนดังอย่างเขาจะเดินทางกลับไปยังที่พักได้ยังไง  โดยที่ไม่โดนแฟนเกิร์ลรุมทึ้ง

    “ชั้นไปส่งคุณที่หอได้นะค่ะ”  ฮโยยอนเสนอเมื่อเดินมาถึงรถของเธอ  จงฮยอนยิ้มละลายใจเธออีกแล้ว

    “หลังจากไปส่งผมมันคงจะดึกเกินไปที่คุณจะขับรถกลับคนเดียว”  เขาให้เหตุผล  ฮโยยอนฟังแล้วนิ่งคิด  จริงอย่างที่เขาบอก  แต่ก็น่าจะมีทางที่ดีกว่านี้

    “งั้นคุณไปส่งชั้นแล้วเอารถชั้นไป  พรุ่งนี้ชั้นจะให้พี่ผู้จัดการไปเอาคืนเองค่ะ”  ฮโยยอนหาทางออก  จงฮยอนต้องยอมรับว่ามันเป็นข้อเสนอที่ดี  อย่างน้อยๆเขาก็ไม่ต้องใช้บริการแท็กซี่ที่ไม่แน่นอนพวกนั้น

    “โอเคนะค่ะ”  ฮโยยอนกระตุ้นให้เขาเห็นด้วย  แล้วยัดกุญแจรถใส่มือเขาทันที  จงฮยอนทำตามอย่างว่าง่ายเปิดประตูให้เธอไปนั่งข้างคนขับ  แล้วพาตัวเองไปประจำตำแหน่งคนขับทันที  รู้สึกลิงโลดในใจจนบอกไม่ถูก

    จงฮยอนนิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่คนเดียว  ราวกับจะชั่งใจว่าควรจะพูดเรื่องที่อยู่ในหัวเขาตอนนี้ออกไปดีหรือไม่  ฮโยยอนกดเปิดเพลงจากเครื่องเสียงภายในรถอย่างสบายใจ  เสียงเพลงเบาๆลอยผ่านเข้ามาราวกับว่าจะมาช่วยสร้างบรรยากาศให้กับคู่เดทคู่ใหม่

    “อยากไปเดินเล่นมั๊ยครับ”  ในที่สุดเขาก็พูดออกมา 

    “อ๋อ...ค่ะ”  ฮโยยอนตอบรับงงๆ  วันนี้ช่างมีเรื่องเหนือความคาดหมายเยอะเสียจริง  จงฮยอนหักพวงมาลัยเปลี่ยนทิศทางรถทันทีที่ได้รับคำตอบ  พร้อมกับรอยยิ้มบางๆที่มุมปาก

     

    ราวกับรู้เวลาเป็นอย่างดี  ใครบางคนที่จองชินรออยู่อาจจะกำลังเดินทางมาปรากฏตัวให้เขาเห็น   จองชินเดินวนไปมาหน้าล๊อบบี้เมื่อใกล้เวลาที่เขารอคอย  ประตูลิฟท์เปิดออกช้าๆ  พาใครบางคนที่เขารออยู่ให้มาอยู่ตรงหน้า  จองชินจ้องมองไปยังลิฟท์ทันที  ดีเจชายชื่อดังเดินนำออกมาก่อนที่จะปรากฏร่างของคนที่เขารอคอย  หญิงสาวร่างบาง  ดวงตาคม  ใบหน้าได้รูป  สีผมอ่อนตามสมัยนิยม  เธอคือลีดเดอร์แห่งวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง KARA  ปาร์คกยูรี  จองชินโค้งให้กับดีเจชายคนนั้น  ก่อนจะยิ้มกว้างให้กับสาวสวย  กยูรียิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าจองชินอยู่ตรงหน้ารีบบอกลาเพื่อนร่วมงานแล้วเดินตรงมาที่เขาทันที

    “นายมีงานที่นี่เหรอ”  กยูรีทักทายเขาอย่างสนิทสนม  จองชินส่ายหน้า

    “ไม่ครับ  ผมมารอเจอพี่”  จองชินดูเป็นผู้ชายที่สุขุมขึ้นมาทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ 

    “อ๊า...น่าอายชะมัดพูดแบบนี้เนี่ย”  ถึงแม้เธอจะบอกว่าอายแต่ท่าทีของเธอกลับไม่เป็นไปตามนั้น  จองชินยื่นมือไปที่กระเป๋าของเธอเสนอตัวช่วยถือให้  กยูรีส่งมันให้แก่เขาด้วยความเคยชิน  ด้วยเป็นสิ่งที่เขาทำประจำทุกครั้งที่เจอกัน

    “เราไปหาอะไรทานกันมั๊ย  ผมยังไม่ได้ทานมื้อเย็นเลย”  จองชินเสนอ

    “ไปสิ  พี่ไม่มีตารางงาน  นายอยากกินอะไรล่ะ” 

    “อะไรก็ได้”  จองชินไม่อยากจะเรื่องมากและอยากจะตามใจเธอ

    “พิซซ่าเนอะ  ง่ายดี”  พูดจบกยูรีก็เดินนำไป  ปล่อยให้จองชินต้องเดินตามเธอเหมือนอย่างเคย

     

     

    ยานพาหนะคันหรูพาทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่ข้างๆ แม่น้ำฮัน  ที่ตอนนี้สว่างไสวไปด้วยแสงไฟประดับประดาหลากสี  ฮโยยอนถึงกับลืมตัววิ่งรถจากรถไปด้วยความดีใจและตื่นเต้นแล้วไปหยุดอยู่ริมแม่น้ำ  จ้องมองแสงไฟวูบวาบที่อยู่ข้างหน้า  จองฮยอนเดินตามเธอมาอย่างช้าๆ  หยุดอยู่ข้างๆเธอ  ฮโยยอนกอดอกด้วยมีลมเย็นๆพัดผ่านมา  ถึงนี่จะเป็นฤดูใบไม้ผลิแต่เวลาดึกแบบนี้อากาศก็ยังเย็น  ทั้งเธอยังสวมชุดเปิดไหล่ยิ่งทำให้รู้สึกว่าลมที่พัดมาเย็นเกินไป  จงฮยอนถอดสูทของเขาออกส่งให้เธอ

    “สวมไว้สิครับ”  ฮโยยอนรับไปแล้วรีบสวมมันทันที  จงฮยอนอยากจะทำอะไรที่มันดูโรแมนติกกว่านี้  อย่างเช่นสวมเสื้อให้เธอจากทางด้านหลัง  แต่เขาก็ทำได้แค่ส่งมันให้กับเธอเท่านั้น  นึกสงสัยตัวเองว่าทำไมถึงได้เห่ยแตกได้ขนาดนี้ 

    “อุ่นมากเลยค่ะ  แล้วคุณจะไม่หนาวเหรอ”  ฮโยยอนยังเป็นห่วงเขา

    “ผมสวมแขนยาวนี่ครับ  ไม่เป็นไรหรอก  แต่คุณน่ะอาจจะเป็นหวัดก็ได้”  ทำไมไม่พูดอะไรที่มันเท่ห์กว่านี้  เขาแอบถามตัวเองในใจ

    “ไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว  ชั้นยังแอบอิจฉาซอฮยอนอยู่เลยที่ได้มาเดทกะยงฮวาที่นี่  สวยจริงๆเลย”  พูดจบแล้วสูดลมหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ปอด  จงฮยอนฟังเธอแล้วยิ้ม  ถึงมันจะเป็นเดทที่ดูไม่ได้ตั้งใจ  แต่นี่ก็ดูจะเป็นเดทในฝันของเธอ  เขาควรจะเตรียมการอะไรให้มากกว่าที่จะปล่อยให้มันเป็นไปเองแบบนี้  แต่ก็อย่างที่รู้ๆ  เขาทำอะไรไม่ได้แล้วในตอนนี้  แค่ปล่อยให้มันเป็นไปเท่านั้น

    “คุณชอบฟังเพลงแบบไหน”  จงฮยอนถามคำถามอะไรออกไปเขาก็ยังไม่รู้ตัวเอง

    “อืม...ฟังได้หมดเลยหละ  ถ้าชอบก็คงป๊อบล่ะมั๊งค่ะ  ฟังง่ายที่สุดแล้ว”

    “อืม...ชอบเพลงแบบที่พวกเราทำหรือเปล่าครับ”

    CNBLUE  อ๊า....ชั้นร้องได้หมดเลยนะ  ซอฮยอนเปิดฟังทุกวันเลย  สองคนนั้นคงคิดถึงกันเนอะ”  ฮโยยอนเหมือนจะเลี่ยงตอบไม่ตรงคำถาม  ทำเอาจงฮยอนหมดทางไป  เธอรู้สึกได้ในอีกไม่กี่นาทีต่อมาว่าการเลี่ยงคำตอบนั้นทำเอาคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอตอนนี้ใจเสีย  แล้วเธอควรจะพูดอะไรที่มันจะดีต่อสถานการณ์ตอนนี้

    “ชั้นชอบเพลงที่คุณร้องมากที่สุดเลยนะ  Tears drop in the rain. เป็นเพลงโปรดของชั้นเลยล่ะ”  ฮโยยอนพยายามกอบกู้สถานการณ์อย่างหนัก  จงฮยอนยิ้มออกมาทันที่ได้ยินแบบนั้น  “ถ้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นคงเศร้ามากเลย  เสียงของคุณเหมาะกับเพลงนี้จริงๆ”  ฮโยยอนคล้ายๆจะเพ้อเมื่อพยายามบรรยายอะไรที่เกี่ยวกับจงฮยอน

    “ชั้นสงสัยว่าคุณคิดอะไรอยู่ในตอนที่แต่งเพลงนี้  ฝนตกหรือปล่าว  หรือคุณอกหักจากใครมา  อะไรแบบนั้น”  เธอร่ายยาว  จงฮยอนได้แต่มองเธอ  ฟังแล้วก็ยิ้ม

    “มันก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตที่เคยผ่านมา  มันไม่ได้เกิดขึ้นตอนที่แต่งเพลงนี้หรอกครับ  แต่ถ้าคิดถึงขึ้นมาเมื่อไหร่ก็พาลจะร้องไห้ได้เลย”  จงฮยอนเหม่อมองไปข้างหน้า

    “ประสบการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับความรักเหรอค่ะ” ฮโยยอนพยักหน้าเข้าใจ  แม้จะไม่เคยสัมผัสมันอย่างจริงจังแต่เธอก็พอจะเข้าใจได้  จงฮยอนยิ้มเมื่อได้ยินคำถาม  แต่ไม่ตอบอะไร  ลำบากเกินไปที่จะพูดออกมา  “เดินไปทางโน้นกันมั๊ยค่ะ  อยากถ่ายรูปกับไฟสวยๆนั่นจัง”  ฮโยยอนอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศ  เดินนำเขาไปก่อนจงฮยอนรีบเดินตามเธอไป  ฮโยยอนไปหยุดอยู่ที่เธอคิดว่าสวยที่สุดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมพร้อมจะถ่ายรูป  กะระยะให้พอดีกับแสงไฟหลากสีที่เธอต้องการ

    “ผมถ่ายให้เองครับ”  จงฮยอนเสนอตัวรับโทรศัพท์มาจากเธอ  ฮโยยอนโพสต์ท่าทางสนุกๆไปหลายภาพ  จงฮยอนเผลอยิ้มให้กับความน่ารักของเธออย่างไม่รู้ตัว

    “ชั้นจะถ่ายให้คุณบ้างไปยืนตรงนั้นสิ”  ฮโยยอนจัดแจง  จงฮยอนดูเขินๆที่ต้องมาโพสต์ท่าถ่ายรูปต่อหน้าเธอ  “ยิ้มหน่อยสิ  ทำไมถึงทำเหมือนโดนบังคับแบบนั้นหละ”  ฮโยยอนกระตุ้น  จงฮยอนจึงยิ้มแห้งๆ  “ไม่ไหวเลย  ถ่ายคู่ดีกว่า”  ฮโยยอนพูดแล้วไปยืนข้างเขาพยายามที่จะถ่ายรูปคู่  จงฮยอนไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร  จู่ๆเธอก็มาอยู่ใกล้เขาขนาดนี้  ก้อนเนื้อในอกเต้นรัว  จนแทบจะระเบิดออกมา  แต่ฮโยยอนกลับไม่รู้สึกถึงความตื่นเต้นของเขาเลย

    “ว้า....ไม่เห็นหน้าคุณเลย”  เพราะฮโยยอนเตี้ยเกินไปเลยทำให้ภาพที่ได้มีแต่เธอและเห็นเพียงแต่ส่วนอกของจงฮยอนเท่านั้น  จงฮยอนมองผลลัพธ์ที่ออกมาแล้วถึงกับหัวเราะก๊ากออกมา

    “ให้ผมถ่ายดีกว่า”  เขาแย่งมือถือมาจากเธอ  แล้วย่อตัวลงเพื่อให้พอดีกับเธอ  ก่อนจะกดชัตเตอร์  ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นรูปคู่รูปแรกของทั้งคู่  ฮโยยอนยิ้มสวยชูสองนิ้ว  จงฮยอนดูอายๆ  แต่ยังมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเขา  ทั้งคู่ผลัดกันถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน  จงฮยอนหัวเราะมากกว่าที่เคยเป็น  รู้สึกมีความสุขจริงๆ

    “คุณอยากเดทกับผมมั๊ย”  อาจจะเพราะเขาชอบเธอเข้าแล้วจริงๆ  หรือบรรยากาศพาไป  จงฮยอนพูดขึ้นมาโดยไม่มีบทนำใดๆมาก่อน  ฮโยยอนนิ่งไปทันที  แม้จะได้ยินเต็มชัดทั้งสองหู  แต่ก็แทบจะไม่อยากเชื่อ “ถ้าคุณไม่มีใคร  เรามาเดทกันมั๊ย  เดทจริงๆที่ไม่ใช่ความบังเอิญ”  จงฮยอนย้ำซ้ำ  ไม่มีคำตอบใดๆจากปากเธอ  ใบหน้าของฮโยยอนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นเรื่อยๆ  นี่มันอะไรเนี่ยแค่เดทไม่ได้บอกรักซะหน่อย  ทำไมเธอถึงได้ทำอะไรไม่ถูกแบบนี้  จงฮยอนรออยู่อึดใจเมื่อไม่มีคำตอบออกจากปากฮโยยอน  นั่นคงหมายความว่า  ผิดที่ผิดเวลาอีกแล้ว

    “ผมขอโทษ  บางทีมันอาจจะเร็วไป”  จงฮยอนสับสน  และก็อายเกินกว่าจะสู้หน้าเธอได้  นี่คงเป็นการเข้าใจผิดครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของเขา  เขาหันหลังเดินกลับไปอีกทาง  ฮโยยอนตกใจที่ดูท่าว่าเธอจะทำให้เขาเข้าใจผิด  กว่าจะรู้ว่าควรทำอะไรจงฮยอนก็เดินห่างออกไปแล้ว

    “ชั้นจะเดทกับคุณ”  ฮโยยอนตะโกนไล่หลังเขาไป  จงฮยอนได้ยินชัดเต็มสองหู  ยืนแข็งทื่อ  เธอวิ่งตามมาจนทัน  หยุดยืนหายใจหอบข้างๆเขา  จงฮยอนหันไปมองหญิงสาวข้างกายแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

    “ใจน้อยจริงนะ”  ฮโยยอนแกล้งแหย่  จนเขายิ้มออกมา  แล้วหงายมือออกมาข้างหน้าเหมือนจะขอมือเธอ  ฮโยยอนวางมือลงบนมือของเขาอย่างไม่ลังเล  เขากุมมือเธอเบาๆ  ภาพที่เห็นราวกับตอนจบในนิยายพระเอกนางเอก  กุมมือเดินทอดน่องริมแม่น้ำยามค่ำคืน  ค่อยๆเดินห่างออกไปจบลับสายตา  จองชินกับซอฮยอนจะรู้ไหมนะ  ว่าแผนการที่ทั้งสองวางแผนคนละที  ทำคนละที  ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นผลลัพธ์ที่ทั้งสองมักเน่ต้องการแล้ว

     

    “เหมือนพี่จะหิวนะ”  จองชินถามเมื่อเห็นกยูรีตั้งหน้าตั้งจัดการกับพิซซ่าที่อยู่ตรงหน้า  ราวกับว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น 

    “แล้วนายไม่หิวเหรอ  ไหนว่าไม่ได้กินข้าวเย็นไง” 

    “ครับ...ช่วงนี้พี่งานยุ่งหรือป่าว”  จองชินไม่ได้สนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้ามากไปกว่าสาวสวยที่อยู่ตรงหน้าเขา  ดูเขาใส่ใจเธออยู่ตลอดเวลา

    “ไม่เท่า CNBLUE หรอก” 

    “ช่วงนี้เราได้พักสองสามวันครับ  ถ้าพี่พอมีเวลา...”  จองชินพูดไม่ทันจบ

    “น่าจะหาเวลาไปเดทกับสาวๆบ้างนะ  มีคนชอบนายเพียบเลยนะ  ลองเลือกมาสักคนสิ ”  กยูรีพูดแทรกขึ้นมาคล้ายว่าจะเดาคำพูดของจองชินออก

    “ครับ”  จองชินหยุดความคิดไว้แค่นั้น  หลายเดือนที่ผ่านมาที่เขาพาตัวเองเข้ามาพัวพันกับเธอ  สนิทกับเธอมากกว่าใครๆ  แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงกำแพงที่กั้นอยู่ระหว่างเขากับเธอ  แม้กยูรีไม่ได้ปฏิเสธแต่เธอกลับไม่เคยเปิดโอกาสให้จองชินได้บอกความรู้สึกของเขากับเธอเลย  เขาเป็นคนที่เธอโทรหาเมื่อเหงาหรือมีปัญหา  แต่ก็ไม่เคยรู้ถึงความรู้สึกจริงๆที่เธอมีต่อเขา  นี่เป็นความสัมพันธ์ที่จองชินไม่อาจจะนิยามได้เลยว่ามันคืออะไร

     

    “ของฝากจากญี่ปุ่นครับ”  จองชินส่งของในมือให้กับกยูรีเมื่อพาเธอมาถึงหน้าหอพักของเธอ

    “อะไรเหรอ”  ดูเธอตื่นเต้น  “ป้ายเครื่องรางเหรอ  น่ารักจัง”  กยูรีมองข้อความที่ปรากฏอยู่บนแผ่นป้ายในมือ  ที่เขียนถึงการขอพรให้รักสมหวัง  แม้จะรู้สึกสะดุดกับมันแต่เธอก็ไม่พูดอะไรออกมา

    “พี่เรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ใช่มั๊ยครับ”  จองชินพยายามจะสื่อ

    “ขอบใจมากเลยนะ  พี่ต้องไปนอนแล้วล่ะ “  กยูรีพูดแล้วทำท่าจะเปิดประตูลงจากรถ  จองชินตัดสินใจคว้าแขนเธอเอาไว้จนเธอชะงัก  ถอยกลับมานั่งที่เบาะรถเหมือนเดิม  บรรยากาศดูอึดอัดขึ้นมาทันที  จองชินรู้สึกตัวว่าได้ข้ามเส้นที่ตัวเองขีดเอาไว้แล้ว  แม้จะบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่าเขารอได้  แต่อาการที่กยูรีทำเฉไฉแบบนี้มันทำให้เขาเกินจะอดทน  เขาค่อยๆคลายมือออกจากแขนของเธอ 

    “ฝันดีครับ”  จองชินพูดออกมาหลังตั้งสติได้  กยูรียิ้มออกมา

    “ขับรถดีๆล่ะ”  แล้วลงจากรถไปยืนโบกมือให้จองชินก่อนจะเดินเข้าไปภายในหอ  จองชินฝืนใจยิ้มโบกมือกลับไปจนมื่อเธอลับหายไปจากสายตา  เขาจึงฟุปหน้าลงกับพวงมาลัยอัดอั้นตันใจเหลือเกิน

     

    กยูรีวางกระเป๋าลงบนโต๊ะอ่านหนังสือภายในห้องนอนของเธอ  เปิดลิ้นชักออกมาแล้ววางป้ายเครื่องรางของฝากจากจองชินลงไว้รวมกับของฝากชิ้นอื่นๆจากเขา  แล้วจ้องมองมันเหมือนจะหาคำตอบ  เธอกำลังทำอะไร  รอใครคนนั้นที่ไม่รู้จะมาไหม  พร้อมกับทรมาณผู้ชายที่แสนดีคนหนึ่งแบบนั้นหรือ  พลางสงสัยในความรู้สึกของตัวเอง  นานแค่ไหนกันที่เธอจะหาคำตอบให้กับตัวเองได้

    เสียงจ๊อกแจ๊กเหมือนนกกระจอกแตกรังเมื่อสาวๆมารวมตัวกันอยู่ในห้องซ้อมของ SM  ฮโยยอนดูร่าเริงจนผิดปกติ  อารมณ์ดีจนเหมือนว่าชีวิตนี้จะโกรธไม่เป็น  ซอฮยอนแอบสงสัยว่าห่างกันไปไม่กี่วันฮโยยอนแอบไปทำอะไรมาถึงได้ดูมีความสุขขนาดนี้

    “พี่ค่ะ  ทำไมวันนี้พี่อารมณ์ดีจัง”  ซอฮยอนถามขึ้นเมื่อมีโอกาสอยู่กับฮโยยอนตามลำพัง  ฮโยยอนกวักมือให้ซอฮยอนเอียงหูมาหา  แล้วกระซิบกระซาบเรื่องเซอร์ไพรส์ที่เจอมา  ซอฮยอนถึงกับตาโตคาดไม่ถึง

    “จริงเหรอค่ะ  ชั้นดีใจกับพี่จัง”  ซอฮยอนตื่นเต้นแววตาเป็นประกาย  ฮโยยอนพยักหน้าแล้วยิ้ม

    “พี่น่าจะโทรมาเล่าให้ชั้นฟังหน่อย  เป็นแบบนี้นี่เอง  มิน่าล่ะเจอพี่จงฮยอนวันก่อนถึงได้มีท่าทางแปลกๆ  นี่ต้องกลัวว่าชั้นจะรู้ความลับแน่ๆ”

    “พี่คิดว่าเธอคงอยากอยู่กับยงฮวามากกว่าจะมาฟังเรื่องของพี่น่ะ  เลยไม่ได้โทรไป  แต่ก็เล่าให้เธอฟังอยู่นี่ไง  นี่แล้วจงฮยอนเขาพูดอะไรหรือเปล่า” 

    “ชั้นไปส่งพี่ยงฮวากลับญี่ปุ่นค่ะ  เลยไม่ได้คุยอะไรกับพี่จงฮยอน”  ซอฮยอนสารภาพถึงความบกพร่องในหน้าที่แม่สื่อ  ฮโยยอนก็ไม่ได้หวังอะไรมากมายกับเรื่องนั้น

    “ห้ามไปบอกพวกนั้นนะ  เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่”  ฮโยยอนยังอยากเก็บเป็นความลับไว้ก่อนรอจนกว่าจะแน่ใจมากกว่านี้  ซอฮยอนพยักหน้า  รุ่นน้องวง F(x)  เดินผ่านทั้งคู่เพื่อจะไปยังห้องซ้อม  ทั้งหมดโค้งคำนับให้กับซอฮยอนและฮโยยอนในฐานะรุ่นพี่  คงจะไม่มีอะไรถ้าสายตาของซอฮยอนไม่ไปสะดุดเข้ากับสร้อยเส้นนั้นที่อยู่บนคอของซอลลี่  ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอเฝ้าคิดวนเวียนเกี่ยวกับมันอยู่ตลอดเวลา  แม้จะไม่เคยระแวงในความรู้สึกของยงฮวา  แต่ก็อดสงสัยที่มาของมันไม่ได้

    “ซอฮยอนหน้าเธอซีดนะ”  ฮโยยอนท้วงขึ้นเมื่อเห็นว่าอาการของน้องสาวเริ่มเปลี่ยนไป  ซอฮยอนทำอะไรไม่ถูก  มือสั่น  วิงเวียนคล้ายจะเป็นลมขึ้นมาอย่างกะทันหัน

    “ชั้นรู้สึกไม่สบายค่ะ  ขอไปพักนะค่ะ”  ซอฮยอนพูดแล้วรีบเดินกลับเข้าไปในห้อง  ฮโยยอนอดที่จะห่วงไม่ได้จึงรีบตามไป  โชคไม่ดีที่ F(x) ทุกคนอยู่ในห้องนั้น

    “นี่ๆ โวยวายอะไรกัน”  ทิฟฟานี่ถามขึ้นเมื่อเห็นว่ารุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาในห้องเริ่มส่งเสียงเซ็งแซ่แข่งกัน

    “พวกเรากำลังพูดเรื่องสร้อยบนคอของพี่ซอลลี่ค่ะ”  คริสตัลเสียงใสตอบทันควัน

    “มันน่าสนใจอะไรนักหละ”  ทิฟฟานี่เริ่มเหวี่ยงเล็กๆ  ซอฮยอนรอฟังอย่างเงียบๆ  หวังให้ไม่เป็นไปอย่างที่เธอคิด

    “ก็มาทำให้น่าสงสัยอยู่นี่ไงพวกเราถึงได้วุ่นวายกัน”  คริสตัลตอบมา  ซอลลี่ใช้หางตามองซอฮยอนอย่างเปิดเผย  แม้จะแสดงตัวว่าเป็นแฟนเกิร์ลของยงฮวาอย่างชัดเจน  แต่ซอฮยอนก็ไม่เคยรู้สึกว่าซอลลี่ประกาศตัวว่าเป็นศัตรูกับเธออย่างชัดเจนแบบนี้มาก่อน

    “โอเคๆ  มันเป็นสร้อยคู่  โอเคมั๊ย”  ซอลลี่พูดเสียงดังกะให้ซอฮยอนได้ยินชัดเจน 

    “ใครกันที่ให้เธอมา”  แทยอนถามเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

    “พี่ไม่อยากรู้หรอก”  ซอลลี่จงใจพูดให้เป็นปริศนา  หวังให้ซอฮยอนสงสัยในตัวเธอ

    “ใครจะไปสน”  แทยอนพูดแล้วยักไหล่  พอดีกับที่คนออกแบบท่าเต้นของ SNSD เดินเข้ามา  วงรุ่นน้องจึงเลี่ยงออกไป  ซอฮยอนแทบไม่ได้ฟังว่าคนที่อยู่ตรงหน้าพูดอะไร  สมองอื้ออึงไปหมด  หมายความว่ายงฮวาผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธออย่างนั้นหรือ  ทำไมหัวใจเธอถึงเจ็บปวดขนาดนี้  เจ็บจนอยากจะร้องไห้ออกมาเสียตรงนั้น  นี่คือการตอบแทนความไว้ใจความเชื่อมั่นที่เธอมีให้เขามาตลอดอย่างนั้นหรือ 

    “พี่ยงฮวา  พี่เป็นคนนิสัยไม่ดีแบบนี้เหรอ”

     

     

     












     

    ตอนนี้มาอัพเร็วหน่อยเพราะแรกๆตั้งใจจะให้อยู่ในตอนที่สองเลย  แต่กลัวว่าจะยาวไปเลยตัดมาเป็นตอนที่สาม  ไรเตอร์เมนจงบอกตรงๆว่าเพลียกับตอนนี้มาก  พิมพ์ไปช้ำในไป 555  เฉลยแล้วนะค่ะว่าคนในใจจองชินเป็นใคร  แต่แอบใจร้ายไปหน่อย อิอิอิ  ยงกะมินหายไปจากตอนนี้เลย  ปล่อยไปก่อนเถอะยงฮวา  รู้ตัวรึยังว่ากำลังจะชะตาขาด 555 ดราม่ามาเยือนซะแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×