ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Company (บริษัทรับบำบัดแค้น)

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : Intro

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 55


    ว่ากันว่าเพศหญิงเป็นเพศที่ช่างคิดช่างแค้น  และชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่  หากใครทำให้ไม่พอใจไม่ว่าจะเรื่องใด ๆ ก็พาลจะลุกลามให้ใหญ่โตได้เสมอ  และหากใครสักคนที่พร้อมจะตอบสนองความคลั่งแค้นของผู้หญิงได้ก็คงไม่มีใครเกินเพศหญิงด้วยกัน 

     

    และนี่คือจุดกำเนิดของเรา....

     

    บริษัทรับบำบัดแค้น

     

    โต๊ะอาหารหรูหราที่ถูกปูทับด้วยผ้าสีขาวสะอาดตา  ประดับประดาไปด้วยเชิงเทียนที่มีเทียนไขสีขาวสะอาดตาถูกจุดให้แสงเทียนส่องสว่างไสวกระทบเครื่องแก้วเจียรนัยที่ถูกจัดเป็นให้เข้าชุดกันอย่างดี  บนโต๊ะอาหารใส่ส่องประกายแวววาว

     

    ชายหนุ่มหน้าตาดีแต่งกายด้วยเสื้อนอกตามสมัยนิยม  ดูเหมือนเขากำลังใจจดจ่ออยู่กับใครอีกคนที่จะมาร่วมโต๊ะอาหารในอีกไม่ช้า

     

    ในที่สุดบริกรประจำร้านก็เดินนำหญิงสาวหน้าตาสะสวยมายังโต๊ะที่เขานั่งอยู่  แม้ออกจะดูขัดหูขัดตาไปบ้างที่เธอแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ไม่เข้ากับบรรยากาศในร้านเอาเสียเลย  สาวสวยในชุดที่ดูสบาย ๆ ไม่ใช่ชุดคอกเทลหรือราตรีงดงามอย่างที่ควรจะเป็น  ค่อย ๆ หย่อนก้นลงบนเก้าอี้โดยที่ไม่มีท่าทีตื่นเต้นกับบรรยากาศและการประดับประดาที่แสนวิจิตรงดงามตรงหน้า

     

    คุณสั่งอาหารก่อนไหมครับ  ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทีสุขุม

    คุณมีธุระอะไรงั้นเหรอคะ  พูดธุระมาเถอะคะ  ฉันต้องรีบไป  แม้ใบหน้าสวยจะฉาบไปด้วยรอยยิ้ม  แต่ดูเธอไม่ได้ยี่หระกับทางทีของเขาเลย

    เราจะไม่ทานอาหารเย็นด้วยกันก่อนเหรอครับ

    ฉันมีธุระคะ

     

    ชายหนุ่มนิ่งไปสักใหญ่  คล้ายจะชั่งใจ  แต่ดูเหมือนไม่มีช่วงเวลาใดเหมาะสมมากไปกว่านี้แล้ว  เขาตัดสินใจหยิบเอากล่องกำมะหยี่สีแดงจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ  ก่อนจะเลื่อนมันไปไว้ต่อหน้าคนตรงหน้า

     

    อะไรเหรอคะ” 

    แต่งงานกับผมนะครับ” 

     

    หญิงสาวหยิบกล่องกำมะหยี่ตรงหน้ามาเปิดออกพร้อมจับจ้องมองไปยังแหวนเพชรเม็ดงามตรงหน้าที่กำลังส่องประกายระยิบระยับ  ก่อนจะปิดฝากล่องลงแล้วส่งมันกลับคืนให้แก่เจ้าของ

     

    ขอบคุณนะคะ  แต่ฉันคงรับไว้ไม่ได้  ใบหน้าสวยดูเมินเฉยกับสิ่งของเลอค่าตรงหน้า  ที่จริงวันนี้ฉันต้องการจะมายุติความสัมพันธ์ระหว่างเราคะ  ฉันขอโทษที่ปล่อยอะไร ๆ ให้ล่วงเลยมาขนาดนี้  แต่มันคงถึงเวลาแล้ว” 

    เสียงหวานใสจากคนตรงหน้าแต่ช่างโหดร้ายเหลือเกินกับคนฟัง  ราวกับหัวใจจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เพียงแค่เธอปฏิเสธคำร้องขอจากเขา

     

    สาวสวยลุกขึ้นยืนจ้องมองเขาตรง ๆ ดวงตาของเธอไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ ที่ส่งผ่านออกมา  เธอคงไร้หัวใจจึงได้พูดสิ่งนี้ออกมาจากปากได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร

     

    ขอตัวนะคะ  คำพูดสุดท้ายที่เธอทิ้งไว้ก่อนจะหันหลังเดินจากไป 

    เขาจะทำอย่างไร  ทำเช่นไรให้เธอกลับมาหาเขา  สองขาดูไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแต่ยังคงก้าวต่อไป  เขาวิ่งตามเธอมาจนทันที่หน้าร้านก่อนจะคว้าข้อมือเรียวงามเอาไว้ในที่สุด

     

    ซอฮยอน.... รอผมก่อน  เสียงดังแต่กลับฟังแหบพร่า  ร่ำร้องให้เธอหยุดอยู่กับเขาก่อน  ใบหน้าสวยหันกลับมาก่อนจะมีใครอีกคนคว้าข้อมือเธอให้หลุดจากมือของเขา

    นายเป็นใคร...  ชายหนุ่มถามชายแปลกหน้าที่เข้ามาแทรกกลางด้วยความข้องใจ

    ผมควรจะถามคุณมากกว่า  เสียงเรียบถามเขาคืนก่อนที่จะก้าวเท้าขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าซอฮยอน  ใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบังอันตรายจากชายตรงหน้าที่อาจจะมาถึงได้ทุกเมื่อ 

    "นี่เป็นเรื่องของคนสองคน  คนนอกอย่ามายุ่ง"  ชายหนุ่มผู้ผิดหวังยังคงยืนกรานความตั้งใจของเขา

    "คุณมั๊งครับที่เป็นนอก  ผมชเวจงฮุน  แล้วนี่ก็ซอฮยอนแฟนของผม  ที่นี่พอจะเข้าใจหรือยังครับว่าใครกันแน่ที่เป็นคนนอก" 

    "ซอ...ฮยอน  จริงเหรอครับ  ที่คุณปฏิเสธคำขอของผมเพราะผู้ชายคนนี้เหรอ"  ชายหนุ่มยังแทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง....

    "คะ..."  ซอฮยอนตอบคำถามสั้น ๆ ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา

     

    นี่คงเป็นฉากรักสามเศร้าที่จบไปอีกครั้ง  ภาพคู่รักที่จากไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังมองชายอีกคนผู้พ่ายแพ้   เป็นเรื่องธรรมดาที่ความรักก็ต้องมีทั้งสมหวังและผิดหวัง  เพราะมันคือวัฏจักรของความรัก   

     

     

     

     

    "ชนแก้ว....."  เสียงหญิงสาวที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเป็นพูดขึ้นพร้อมกับชูแก้วใสที่บรรจุของเหลวสีหวานในมือขึ้นตรงหน้า  พาให้สมาชิกที่เหลืออีกสามคนต่างชูแก้วของตัวเองตาม  พร้อมกับเสียงแสดงความยินดี

    "จบไปอีกงาน  The Company ของเราเยี่ยมยอดที่สุด"  เสียงเจื้อยแจ้วจากสาวสวยอีกคนเสริมขึ้น  "งานต่อไปฉันจะเป็นคนทำเอง"  เธอพูดพร้อมกับท่าทีมาดมั่น

    "พี่คิดว่าไม่แล้วล่ะซูจี  นี่คงเป็นงานสุดท้ายแล้ว"  เพราะคำพูดของพี่สาวคนโตต่างก็สร้างความแปลกใจให้กับอีกสามคนไม่ใช่น้อย

    "ทำไมล่ะคะพี่กยูริ"  หญิงสาวหน้าหวานอีกคนถามคำถามแทนทุกคน

    "ซูจีเองก็จะเรียนจบอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี่แล้ว  พวกเราไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายอีกแล้ว"  กยูริตอบเสียงเรียบ  ตามบุคลิกส่วนตัวของเธอ

     

    ดวงตากลมโตแต่กลับแฝงไปด้วยแววตาที่จริงจัง  แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าที่สวยเฉียบทันสมัย  ริมฝีปากได้รูปรับกับใบหน้ารูปไข่ของเธอ  เมื่อทุกสิ่งอย่างมารวมกันกลับทำให้เธอดูราวกับเทพธิดาที่ไม่อาจหาที่ติได้เลย  กยูริคือพี่สาวคนโตที่มองการณ์ไกลและไม่เคยตัดสินใจเรื่องใด ๆ ผิดพลาด เป็นทั้งผู้รับผิดชอบชีวิตน้องสาวอีกสามคนของเธอรวมไปถึงธุรกิจลับ ๆ ที่เธอทำร่วมกับน้อง ๆ

     

    "แต่พวกเราก็ไม่ได้ลำบากอะไรไม่ใช่เหรอคะ"  เสียงหวาน ๆ เสียงเดิมยังคงตั้งคำถามกับเธอพร้อม ๆ กับที่ซูจีน้องเล็กพยักหน้าเห็นด้วย

    "ซอฮยอน  พี่อยากให้พวกเธอได้มีชีวิตของตัวเองบ้างนะ  ผับของเราก็พอจะมีรายได้พอสมควร  พวกเธอไม่ควรต้องไปเสี่ยงกับผู้ชายแย่ ๆ พวกนั้นอีก"  กยูริพยายามอธิบายให้น้องสาวเข้าใจ

    "งั้นก็แล้วแต่พี่เถอะคะ"  ซอฮยอนอาจจะไม่เห็นด้วย  แต่เธอก็ไม่อาจโต้แย้งเหตุและผลของพี่สาวได้เลย

     

    สาวสวยร่างสูงโปร่งราวกับนางแบบแต่กลับทำตัวเหมือนหนอนหนังสือที่ไม่อาจห่างหนังสือได้เลย  ผิดกับสาวสมัยใหม่ทั่วไปที่มักแต่งตัวตามสมัยนิยมแต่เธอกลับเลือกที่จะแต่งกายตัวเสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด  และปิดบังใบหน้าที่แสนงดงามราวกับนางฟ้าไว้ด้วยแว่นตากรอบหนา  ซอฮยอนพี่สาวคนรองผู้คงแก่เรียน  ใช้ชีวิตด้วยเหตุและผล  เลือกที่จะทำตามความถูกต้องมากกว่าสิ่งใด ๆ ในโลกใบนี้

     

    "แล้วจุนฮีล่ะ  ว่ายังไง"  กยูริหันไปถามน้องสาวอีกคนบ้าง

    "ว่าไงก็ว่าตามกันคะ"  จุนฮีตอบเพียงสั้น ๆ

     

    หญิงสาวรูปร่างกะทัดรัด  ดวงตากลมโตสดใสประดับอยู่บนใบหน้าที่เหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ของเธอ  ท่าทางที่ดูภายนอกเหมือนหญิงสาวอ่อนหวาน  อ่อนแอที่ไม่สามารถดูแลได้แม้แต่กระทั่งตัวเอง  กลับตรงกันข้ามกับความเป็นจริงที่เธอเป็น  จุนฮีน้องสาวคนที่สามชอบมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย  เกลียดความอ่อนแอและไม่ชอบร้องขอความช่วยเหลือจากใคร  เธอคือคนที่ไม่ชอบสร้างความขัดแย้งกับใครไม่ว่าเรื่องใด ๆ

     

    "พวกพี่พูดแบบนี้หมดแล้วจะให้ฉันทำยังไงเนี่ย..."  ซูจีท้วงขึ้น

    "ถือว่าเป็นมติล่ะกันนะ"  กยูริตัดบท  ทำให้ซูจีหน้าง้ำด้วยความไม่พอใจ 

     

    น้องคนเล็กของบ้านแต่กลับสูงที่สุด  ขี้งอนและชอบเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด  กยูริเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เธอเกรงกลัว  แต่ทุกครั้งที่ต้องการเอาชนะเธอก็ยังไม่วายจะใช้เล่ห์เหลี่ยมต่าง ๆ นานามาสู้  แม้จะสวยและมีรูปร่างดีเพียงใดแต่ดูเหมือนว่าซูจีจะไม่รู้ตัวและยังคงใช้ชีวิตแบบเด็กน้อยของเธอไปวัน ๆ

     

    "อีกสักงานสองงานก็ได้  กำลังสนุกเลย  พี่ซอฮยอน  พี่จุนฮี พี่สองคนไม่อยากเรียนต่ออีกเหรอ  คราวนี้ฉันจะเป็นคนหาเงินส่งพี่เรียนเองนะ"  ซูจีพยายามใช้ลูกล่อลูกชนของเธอ

    "พี่คิดว่าพี่เข้าใจพี่กยูรินะ"  ซอฮยอนตอบเธอด้วยท่าทีจริงจัง

    "แล้วพี่ล่ะ"  ซูจีหันไปหาจุนฮี  ความหวังสุดท้ายของเธอ

    "พี่อยากไปเล่นดนตรีแบบที่ฝันไว้แล้วล่ะ"  จุนฮีตอบเธอยิ้ม ๆ ซูจีกอดอกหน้าง้ำมองไปที่พี่สาวที่ละคน  ได้ทำงานแบบพี่ ๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องสนุกดี  มีหลายครั้งที่เธอได้เข้าไปช่วยเหลือนิดหน่อย  หากได้ลองทำเต็มตัวดูบ้างก็คงจะดี  แต่พอมีโอกาสกลับต้องล้มเลิกความตั้งใจที่เคยมี

     

     

     

    "นี่...ของคุณ"  ชายหนุ่มรูปงามที่มีใบหน้าราวกับเทพบุตร  แม้แต่ในเวลาที่เขาสวมใส่เพียงเสื้อคลุมอาบน้ำก็ยังทำให้เขาดูดีได้โดยไม่ต้องแต่งเติมสิ่งใด ๆ เขากำลังส่งแผ่นกระดาษขนาดเท่าฝามือให้กับสาวสวยตรงหน้าที่กำลังทอดกายอยู่บนเตียงนอนด้วยสภาพกึ่งเปลือยเปล่า  มีเพียงผ้าห่มสีขาวสะอาดตาที่ปกคลุมเรือนร่างที่ไร้อาภรณ์ไว้

    "อะไรกันคะ"  เธอจ้องมองกระดาษในมือของเขาด้วยความแปลกใจ

    "เช็คเงินสด  หรือถ้าคุณไม่พอใจผมจะเขียนให้อีก"  คำพูดที่ผุดออกมาจากปากเขาช่างแสนเย็นชา  ทั้งแววตาที่จ้องมองคนตรงหน้าก็ดูไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ

    "คุณยงฮวา  ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณ"

    "ฮึ..."  ยงฮวาแค่นหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ  ก่อนจะจ้องมองสาวสวยตรงหน้าด้วยท่าทีเย้ยหยัน  "ตอนนี้ไม่  แล้วจะเอาเมื่อไหร่ล่ะ  ผมไม่รอจนถึงวันนั้นหรอกนะ  รับเช็คนี้ไว้ซะถือว่าเป็นเงินเดือนล่วงหน้าที่ผมให้ทำให้คุณตกงาน"

    "นี่คุณไล่ฉันออกเหรอคะ"  สาวสวยดึงผ้าห่มมาห่อร่างกายก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วถามเขาออกมาด้วยความตกใจ

    "ขึ้นเตียงกับผมแล้ว  คุณก็ตกงาน  ผมไม่ชอบใช้ของเก่าซ้ำ ๆ"  ยงฮวาตอบเธอหน้าตาย  สีหน้าเรียบเฉยดูไม่ยินดียินร้ายกับคนตรงหน้า

    "คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ"  เธอขึ้นเสียงใส่เขาในทันที

    "เชิญคุณกลับไปได้แล้ว  อีกสักครู่แม่บ้านจะมาทำความสะอาด  คุณคงไม่อยากดูเป็นผู้หญิงที่นอนกับผู้ชายเพื่อแลกกับเงินในสายตาคนอื่นหรอกนะ"  ทันทีที่พูดจบยงฮวาก็เดินออกจากห้องไป  ทิ้งให้หญิงสาวต้องกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเคืองแค้น

    "ฉันจะทำให้คุณไม่มีความสุข  คอยดูสิ" 

     

     

     

    "ตื๊ดดดดดดดดดดดดด" 

    เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนที่สาวร่างท้วมใบหน้าไร้เครื่องสำอางใด ๆ แถมยังมีท่าทีงุ่มง่ามค่อย ๆ เอื้อมมือไปกดรับเสียงปลายสายด้วยความหวาดหวั่น

    "คะ  ผอ."

    "เข้ามาพบผมหน่อย"  น้ำเสียงเย็นชาราบเรียบแต่กลับดูเป็นการออกคำสั่งที่จริงจังลอยมาตามสายโทรศัพท์ในทันที

    "ค...ค...คะ"  เธอละล่ำละลั่กรับคำก่อนจะรีบผลุนพลันพาตัวเองออกจากโต๊ะทำงาน  รีบเข้าไปยังห้องทำงานที่อยู่ห่างจากโต๊ะทำงานของเธอเพียงไม่กี่ก้าว  สองมืออันสั่นเทาเปิดประตูห้องเข้าไปช้า ๆ แม้จะดูเร่งรีบแต่เธอก็ยังดูงุ่มง่าม  เธอเดินก้มหน้างุด ๆ ไปยังจุดหมายปลายทางข้างหน้าอันเป็นโต๊ะทำงานของเจ้านายของเธอแต่แล้วก็ต้องชะงักในทันทีที่มีวัตถุสีดำกองโตตกลงแทบเท้าเธอ

     

    "ปัง!!!!!"  แฟ้มกองใหญ่กระแทกลงบนพื้น ๆ ห่างจากปลายเท้าของเธอเพียงไม่กี่นิ้ว  หากเธอก้าวเร็วกว่านี้อีกสักหน่อยมันอาจจะหล่นลงบนหัวของเธอแทนก็เป็นได้  สองมือที่งุ่มง่ามรีบกอบเก็บเอาแฟ้มทั้งหมดไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายของเธอด้วยความหวาดหวั่น

    "อธิบายมาสิว่านี่มันอะไร"  เขาตวาดเธอเสียงดังในทันทีที่เธอสบตากับเขาตรง ๆ ทำเอาสองตาของเลขาต้องหลุบลงต่ำในทันที  ใบหน้าที่หล่อเหลา  รูปร่างที่สูงโปร่งแถมยังเสื้อผ้าราคาแพงกลับไม่ทำให้เธอหวาดกลัวเขาน้อยลงไปเลย  เจ้านายที่ดูเหมือนเจ้าชายแต่กลับเป็นเจ้าชายที่ไร้จิตใจราวกับผีดิบดูดเลือด  สองเดือนเต็มที่เข้ามาทำงานที่นี่ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะยิ้ม  อย่างมากก็เพียงแค่เมินเฉยแต่ส่วนใหญ่จะเคร่งเครียดและเจ้าระเบียบอยู่ตลอดเวลา

    "ผมถาม!!! ทำไมไม่ตอบ"  เสียงของเขาดังขึ้นกว่าเดิม

    "ฉันจะไปทำให้ใหม่คะ..."  เธอตอบเสียงสั่นเพราะไม่อาจคาดเดาว่าเขาจะพอใจคำตอบของเธอไหม

     

    เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่บ่งบอกว่าเขาไม่พอใจกับคำตอบของเธอ 

     

    "ไปเก็บของของคุณได้แล้ว  ผมไล่คุณออก"  น้ำเสียงลดความรุนแรงลงแต่กลับดูเย็นชาจนน่ากลัว

    "ผอ.คะ  ฉัน..."  ดูเหมือนว่าเธอกำลังร้องขอชีวิต

    "เชิญ!!!"  แต่เขากลับดูไม่สะทกสะท้านกับคำร้องขอนั่นเลย 

     

    คนที่ทำงานผิดพลาดคงทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของตัวเอง  สองมืออวบอูมค่อย ๆ เก็บของลงในกล่อง  เพราะเธอมาอยู่ได้ไม่นานข้าวของส่วนตัวจึงมีไม่มากนัก  หากคิดดูให้ดีแล้วสิ่งที่เธอได้เจอมาตลอดสองเดือนก็ทำให้เธอไม่ได้อาลัยอาวรณ์ที่นี่นัก  เสียดายก็เพียงแต่เรทเงินเดือนที่ค่อนข้างสูงกว่าที่อื่น  เธอเคยแปลกใจว่าทำไมเงินเดือนที่มากมายขนาดนี้กลับไม่มีเลขาคนไหนอยู่กับเจ้านายที่หล่อเหลาราวกับเจ้าชายคนนี้ได้นาน  ในที่สุดเธอก็ได้รับคำตอบ  หากไม่ถูกไล่ออกเพราะขาดความสมบูรณ์แบบก็คงต้องลาออกเพราะทนความใจร้ายเจ้าระเบียบของเจ้านายไม่ไหว  ก่อนจะก้าวเดินออกจากโต๊ะทำงานพร้อมกล่องข้าวของส่วนตัวร่างอวบยังไม่วายหันไปมองป้ายชื่อที่ติดอยู่หน้าห้องด้วยความคับแค้นในใจ

    "ผู้อำนวยการลีจงฮยอนเรอะ  ผู้อำนวยการผีดิบล่ะสิไม่ว่า" 

     

     

    "คุณชองหาเลขใหม่ให้ผมด้วย"  เสียงราบเรียบกรอกเสียงผ่านสายโทรศัพท์ออกคำสั่งกับคนปลายสายราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา

    "คุณหนู  นี่คุณหนูไล่เลขาออกอีกแล้วเหรอครับ"  ชองยุนโฮผู้ที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ของเขาแต่ในขณะเดียวกันก็มีหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของจงฮยอนด้วย  ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักใจ

    "ใครทำงานไม่ได้เรื่องผมก็ไล่ออกแค่นั้นเอง  ช่วยหาคนที่ดีกว่าคนเดิมนะครับ" 

    "โธ่คุณหนู  เมื่อเช้าคุณยงฮวาก็เพิ่งโทรมาสั่งให้หาเลขาใหม่  นี่คุณหนูก็ด้วย"  เขาตัดพ้อเบา ๆ

    "พี่ยงฮวานอนกับเลาขาคนนั้นแล้วเหรอครับ ฮึ..."  จงฮยอนแค่นหัวเราะในลำคอเบา ๆ ผู้หญิงก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น  "ขอคนเก่งให้ผมนะครับ  คนสวยเอาไปให้พี่ยงฮวาล่ะกัน"  พูดจบเขาก็ตัดสายในทันทีโดยไม่สนใจว่าคนปลายสายจะว่าอย่างไรต่อ

    "เลขาแบบไหนกันที่มาทำงานเพื่อหวังขึ้นเตียงกับเจ้านาย"  จงฮยอนพึมพำคนเดียวเบา ๆ ไม่ผิดจากที่เขาคิดไว้สักนิดผู้หญิงสวยมักไม่มีสมองสิ่งเดียวที่ทำได้ก็แค่เพียงเรื่องบนเตียง  ผู้หญิงแบบนั้นรังแต่จะสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตเสียเปล่า ๆ

     

    ชองยุนโฮค่อย ๆ วางหูโทรศัพท์เข้าที่เดิม  ก่อนจะถอนหายใจออกมา  การที่ต้องมาดูแลครอบครัวที่แสนจะวุ่นวายและมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแบบนี้คงเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับคนทั่วไป  แต่สำหรับเขาแล้วมันคือหน้าที่ที่ต้องกระทำอย่างเต็มความสามารถ  เขาเอื้อมมือไปหยิบเอาแฟ้มที่อยู่หลังโต๊ะทำงานออกมาอย่างคล่องแคล่ว  มันถูกจัดให้อยู่ใกล้มือและหยิบใช้ได้ง่ายเพราะมันถูกใช้งานมากที่สุด  มากกว่าเอกสารสำคัญใด ๆ

     

    มีความรู้  แต่งกายดี  ไม่มีข้อบกพร่อง  ชองยุนโฮท่องคำนิยามของเลขาคู่กายเจ้านายคนรองของเขาในใจพลางเปิดหน้าแฟ้มไปเรื่อย ๆ สอดส่ายสายตามองหาใครสักคนที่อาจจะเป็นได้อย่างที่เจ้านายของเขาต้องการ  แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครพอดีกับนิยามนี้เลย  เขาตัดใจก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ไปหาเลขาของเจ้านายคนโตที่ดูเหมือนจะหาได้ง่ายกว่า

    มีแต่หน้าเก่า ๆ   ชองยุนโฮตัดสินใจปิดแฟ้มคู่กายลง  บางทีเขาอาจต้องเปิดรับสมัครใหม่  และก็หวังว่าจะหาคนที่ถูกใจเจ้านายที่แสนวุ่นวายทั้งสองคนได้เสียที

    ทำไมพี่น้องถึงได้ต่างกันแบบนี้นะ  ถ้าเอาสองคนมารวมกันเป็นคนเดียวได้ก็ดีสินะ  เขาพึมพำเบา ๆ ก่อนจะยกหูโทรศัพท์หาปลายทางบอกให้จัดการเรื่องรับสมัครพนักงานใหม่












    ลองติดตามดูนะคะ  ชอบไม่ชอบยังไงก็เม้นท์ได้เลยนะคะ^^  จะทยอยอัพเรื่อย ๆ สลับกับอีกเรื่องนะคะ  ไรเตอร์มีปัญหาเรื่องสมองฟุ้งมากกกก็เลยชอบทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน  อัพช้าบ้างเร็วบ้างก็อย่าว่ากันนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×