คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : Intro
ว่ากันว่าเพศหญิงเป็นเพศที่ช่างคิดช่างแค้น และชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ หากใครทำให้ไม่พอใจไม่ว่าจะเรื่องใด ๆ ก็พาลจะลุกลามให้ใหญ่โตได้เสมอ และหากใครสักคนที่พร้อมจะตอบสนองความคลั่งแค้นของผู้หญิงได้ก็คงไม่มีใครเกินเพศหญิงด้วยกัน
และนี่คือจุดกำเนิดของเรา....
“บริษัทรับบำบัดแค้น”
โต๊ะอาหารหรูหราที่ถูกปูทับด้วยผ้าสีขาวสะอาดตา ประดับประดาไปด้วยเชิงเทียนที่มีเทียนไขสีขาวสะอาดตาถูกจุดให้แสงเทียนส่องสว่างไสวกระทบเครื่องแก้วเจียรนัยที่ถูกจัดเป็นให้เข้าชุดกันอย่างดี บนโต๊ะอาหารใส่ส่องประกายแวววาว
ชายหนุ่มหน้าตาดีแต่งกายด้วยเสื้อนอกตามสมัยนิยม ดูเหมือนเขากำลังใจจดจ่ออยู่กับใครอีกคนที่จะมาร่วมโต๊ะอาหารในอีกไม่ช้า
ในที่สุดบริกรประจำร้านก็เดินนำหญิงสาวหน้าตาสะสวยมายังโต๊ะที่เขานั่งอยู่ แม้ออกจะดูขัดหูขัดตาไปบ้างที่เธอแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ไม่เข้ากับบรรยากาศในร้านเอาเสียเลย สาวสวยในชุดที่ดูสบาย ๆ ไม่ใช่ชุดคอกเทลหรือราตรีงดงามอย่างที่ควรจะเป็น ค่อย ๆ หย่อนก้นลงบนเก้าอี้โดยที่ไม่มีท่าทีตื่นเต้นกับบรรยากาศและการประดับประดาที่แสนวิจิตรงดงามตรงหน้า
“คุณสั่งอาหารก่อนไหมครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทีสุขุม
“คุณมีธุระอะไรงั้นเหรอคะ พูดธุระมาเถอะคะ ฉันต้องรีบไป” แม้ใบหน้าสวยจะฉาบไปด้วยรอยยิ้ม แต่ดูเธอไม่ได้ยี่หระกับทางทีของเขาเลย
“เราจะไม่ทานอาหารเย็นด้วยกันก่อนเหรอครับ”
“ฉันมีธุระคะ”
ชายหนุ่มนิ่งไปสักใหญ่ คล้ายจะชั่งใจ แต่ดูเหมือนไม่มีช่วงเวลาใดเหมาะสมมากไปกว่านี้แล้ว เขาตัดสินใจหยิบเอากล่องกำมะหยี่สีแดงจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเลื่อนมันไปไว้ต่อหน้าคนตรงหน้า
“อะไรเหรอคะ”
“แต่งงานกับผมนะครับ”
หญิงสาวหยิบกล่องกำมะหยี่ตรงหน้ามาเปิดออกพร้อมจับจ้องมองไปยังแหวนเพชรเม็ดงามตรงหน้าที่กำลังส่องประกายระยิบระยับ ก่อนจะปิดฝากล่องลงแล้วส่งมันกลับคืนให้แก่เจ้าของ
“ขอบคุณนะคะ แต่ฉันคงรับไว้ไม่ได้” ใบหน้าสวยดูเมินเฉยกับสิ่งของเลอค่าตรงหน้า “ที่จริงวันนี้ฉันต้องการจะมายุติความสัมพันธ์ระหว่างเราคะ ฉันขอโทษที่ปล่อยอะไร ๆ ให้ล่วงเลยมาขนาดนี้ แต่มันคงถึงเวลาแล้ว”
เสียงหวานใสจากคนตรงหน้าแต่ช่างโหดร้ายเหลือเกินกับคนฟัง ราวกับหัวใจจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เพียงแค่เธอปฏิเสธคำร้องขอจากเขา
สาวสวยลุกขึ้นยืนจ้องมองเขาตรง ๆ ดวงตาของเธอไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ ที่ส่งผ่านออกมา เธอคงไร้หัวใจจึงได้พูดสิ่งนี้ออกมาจากปากได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“ขอตัวนะคะ” คำพูดสุดท้ายที่เธอทิ้งไว้ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
เขาจะทำอย่างไร ทำเช่นไรให้เธอกลับมาหาเขา สองขาดูไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแต่ยังคงก้าวต่อไป เขาวิ่งตามเธอมาจนทันที่หน้าร้านก่อนจะคว้าข้อมือเรียวงามเอาไว้ในที่สุด
“ซอฮยอน.... รอผมก่อน” เสียงดังแต่กลับฟังแหบพร่า ร่ำร้องให้เธอหยุดอยู่กับเขาก่อน ใบหน้าสวยหันกลับมาก่อนจะมีใครอีกคนคว้าข้อมือเธอให้หลุดจากมือของเขา
“นายเป็นใคร...” ชายหนุ่มถามชายแปลกหน้าที่เข้ามาแทรกกลางด้วยความข้องใจ
“ผมควรจะถามคุณมากกว่า” เสียงเรียบถามเขาคืนก่อนที่จะก้าวเท้าขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าซอฮยอน ใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบังอันตรายจากชายตรงหน้าที่อาจจะมาถึงได้ทุกเมื่อ
"นี่เป็นเรื่องของคนสองคน คนนอกอย่ามายุ่ง" ชายหนุ่มผู้ผิดหวังยังคงยืนกรานความตั้งใจของเขา
"คุณมั๊งครับที่เป็นนอก ผมชเวจงฮุน แล้วนี่ก็ซอฮยอนแฟนของผม ที่นี่พอจะเข้าใจหรือยังครับว่าใครกันแน่ที่เป็นคนนอก"
"ซอ...ฮยอน จริงเหรอครับ ที่คุณปฏิเสธคำขอของผมเพราะผู้ชายคนนี้เหรอ" ชายหนุ่มยังแทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง....
"คะ..." ซอฮยอนตอบคำถามสั้น ๆ ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา
นี่คงเป็นฉากรักสามเศร้าที่จบไปอีกครั้ง ภาพคู่รักที่จากไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังมองชายอีกคนผู้พ่ายแพ้ เป็นเรื่องธรรมดาที่ความรักก็ต้องมีทั้งสมหวังและผิดหวัง เพราะมันคือวัฏจักรของความรัก
"ชนแก้ว....." เสียงหญิงสาวที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเป็นพูดขึ้นพร้อมกับชูแก้วใสที่บรรจุของเหลวสีหวานในมือขึ้นตรงหน้า พาให้สมาชิกที่เหลืออีกสามคนต่างชูแก้วของตัวเองตาม พร้อมกับเสียงแสดงความยินดี
"จบไปอีกงาน The Company ของเราเยี่ยมยอดที่สุด" เสียงเจื้อยแจ้วจากสาวสวยอีกคนเสริมขึ้น "งานต่อไปฉันจะเป็นคนทำเอง" เธอพูดพร้อมกับท่าทีมาดมั่น
"พี่คิดว่าไม่แล้วล่ะซูจี นี่คงเป็นงานสุดท้ายแล้ว" เพราะคำพูดของพี่สาวคนโตต่างก็สร้างความแปลกใจให้กับอีกสามคนไม่ใช่น้อย
"ทำไมล่ะคะพี่กยูริ" หญิงสาวหน้าหวานอีกคนถามคำถามแทนทุกคน
"ซูจีเองก็จะเรียนจบอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี่แล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายอีกแล้ว" กยูริตอบเสียงเรียบ ตามบุคลิกส่วนตัวของเธอ
ดวงตากลมโตแต่กลับแฝงไปด้วยแววตาที่จริงจัง แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าที่สวยเฉียบทันสมัย ริมฝีปากได้รูปรับกับใบหน้ารูปไข่ของเธอ เมื่อทุกสิ่งอย่างมารวมกันกลับทำให้เธอดูราวกับเทพธิดาที่ไม่อาจหาที่ติได้เลย กยูริคือพี่สาวคนโตที่มองการณ์ไกลและไม่เคยตัดสินใจเรื่องใด ๆ ผิดพลาด เป็นทั้งผู้รับผิดชอบชีวิตน้องสาวอีกสามคนของเธอรวมไปถึงธุรกิจลับ ๆ ที่เธอทำร่วมกับน้อง ๆ
"แต่พวกเราก็ไม่ได้ลำบากอะไรไม่ใช่เหรอคะ" เสียงหวาน ๆ เสียงเดิมยังคงตั้งคำถามกับเธอพร้อม ๆ กับที่ซูจีน้องเล็กพยักหน้าเห็นด้วย
"ซอฮยอน พี่อยากให้พวกเธอได้มีชีวิตของตัวเองบ้างนะ ผับของเราก็พอจะมีรายได้พอสมควร พวกเธอไม่ควรต้องไปเสี่ยงกับผู้ชายแย่ ๆ พวกนั้นอีก" กยูริพยายามอธิบายให้น้องสาวเข้าใจ
"งั้นก็แล้วแต่พี่เถอะคะ" ซอฮยอนอาจจะไม่เห็นด้วย แต่เธอก็ไม่อาจโต้แย้งเหตุและผลของพี่สาวได้เลย
สาวสวยร่างสูงโปร่งราวกับนางแบบแต่กลับทำตัวเหมือนหนอนหนังสือที่ไม่อาจห่างหนังสือได้เลย ผิดกับสาวสมัยใหม่ทั่วไปที่มักแต่งตัวตามสมัยนิยมแต่เธอกลับเลือกที่จะแต่งกายตัวเสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด และปิดบังใบหน้าที่แสนงดงามราวกับนางฟ้าไว้ด้วยแว่นตากรอบหนา ซอฮยอนพี่สาวคนรองผู้คงแก่เรียน ใช้ชีวิตด้วยเหตุและผล เลือกที่จะทำตามความถูกต้องมากกว่าสิ่งใด ๆ ในโลกใบนี้
"แล้วจุนฮีล่ะ ว่ายังไง" กยูริหันไปถามน้องสาวอีกคนบ้าง
"ว่าไงก็ว่าตามกันคะ" จุนฮีตอบเพียงสั้น ๆ
หญิงสาวรูปร่างกะทัดรัด ดวงตากลมโตสดใสประดับอยู่บนใบหน้าที่เหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ของเธอ ท่าทางที่ดูภายนอกเหมือนหญิงสาวอ่อนหวาน อ่อนแอที่ไม่สามารถดูแลได้แม้แต่กระทั่งตัวเอง กลับตรงกันข้ามกับความเป็นจริงที่เธอเป็น จุนฮีน้องสาวคนที่สามชอบมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เกลียดความอ่อนแอและไม่ชอบร้องขอความช่วยเหลือจากใคร เธอคือคนที่ไม่ชอบสร้างความขัดแย้งกับใครไม่ว่าเรื่องใด ๆ
"พวกพี่พูดแบบนี้หมดแล้วจะให้ฉันทำยังไงเนี่ย..." ซูจีท้วงขึ้น
"ถือว่าเป็นมติล่ะกันนะ" กยูริตัดบท ทำให้ซูจีหน้าง้ำด้วยความไม่พอใจ
น้องคนเล็กของบ้านแต่กลับสูงที่สุด ขี้งอนและชอบเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด กยูริเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เธอเกรงกลัว แต่ทุกครั้งที่ต้องการเอาชนะเธอก็ยังไม่วายจะใช้เล่ห์เหลี่ยมต่าง ๆ นานามาสู้ แม้จะสวยและมีรูปร่างดีเพียงใดแต่ดูเหมือนว่าซูจีจะไม่รู้ตัวและยังคงใช้ชีวิตแบบเด็กน้อยของเธอไปวัน ๆ
"อีกสักงานสองงานก็ได้ กำลังสนุกเลย พี่ซอฮยอน พี่จุนฮี พี่สองคนไม่อยากเรียนต่ออีกเหรอ คราวนี้ฉันจะเป็นคนหาเงินส่งพี่เรียนเองนะ" ซูจีพยายามใช้ลูกล่อลูกชนของเธอ
"พี่คิดว่าพี่เข้าใจพี่กยูรินะ" ซอฮยอนตอบเธอด้วยท่าทีจริงจัง
"แล้วพี่ล่ะ" ซูจีหันไปหาจุนฮี ความหวังสุดท้ายของเธอ
"พี่อยากไปเล่นดนตรีแบบที่ฝันไว้แล้วล่ะ" จุนฮีตอบเธอยิ้ม ๆ ซูจีกอดอกหน้าง้ำมองไปที่พี่สาวที่ละคน ได้ทำงานแบบพี่ ๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องสนุกดี มีหลายครั้งที่เธอได้เข้าไปช่วยเหลือนิดหน่อย หากได้ลองทำเต็มตัวดูบ้างก็คงจะดี แต่พอมีโอกาสกลับต้องล้มเลิกความตั้งใจที่เคยมี
"นี่...ของคุณ" ชายหนุ่มรูปงามที่มีใบหน้าราวกับเทพบุตร แม้แต่ในเวลาที่เขาสวมใส่เพียงเสื้อคลุมอาบน้ำก็ยังทำให้เขาดูดีได้โดยไม่ต้องแต่งเติมสิ่งใด ๆ เขากำลังส่งแผ่นกระดาษขนาดเท่าฝามือให้กับสาวสวยตรงหน้าที่กำลังทอดกายอยู่บนเตียงนอนด้วยสภาพกึ่งเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มสีขาวสะอาดตาที่ปกคลุมเรือนร่างที่ไร้อาภรณ์ไว้
"อะไรกันคะ" เธอจ้องมองกระดาษในมือของเขาด้วยความแปลกใจ
"เช็คเงินสด หรือถ้าคุณไม่พอใจผมจะเขียนให้อีก" คำพูดที่ผุดออกมาจากปากเขาช่างแสนเย็นชา ทั้งแววตาที่จ้องมองคนตรงหน้าก็ดูไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ
"คุณยงฮวา ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณ"
"ฮึ..." ยงฮวาแค่นหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะจ้องมองสาวสวยตรงหน้าด้วยท่าทีเย้ยหยัน "ตอนนี้ไม่ แล้วจะเอาเมื่อไหร่ล่ะ ผมไม่รอจนถึงวันนั้นหรอกนะ รับเช็คนี้ไว้ซะถือว่าเป็นเงินเดือนล่วงหน้าที่ผมให้ทำให้คุณตกงาน"
"นี่คุณไล่ฉันออกเหรอคะ" สาวสวยดึงผ้าห่มมาห่อร่างกายก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วถามเขาออกมาด้วยความตกใจ
"ขึ้นเตียงกับผมแล้ว คุณก็ตกงาน ผมไม่ชอบใช้ของเก่าซ้ำ ๆ" ยงฮวาตอบเธอหน้าตาย สีหน้าเรียบเฉยดูไม่ยินดียินร้ายกับคนตรงหน้า
"คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ" เธอขึ้นเสียงใส่เขาในทันที
"เชิญคุณกลับไปได้แล้ว อีกสักครู่แม่บ้านจะมาทำความสะอาด คุณคงไม่อยากดูเป็นผู้หญิงที่นอนกับผู้ชายเพื่อแลกกับเงินในสายตาคนอื่นหรอกนะ" ทันทีที่พูดจบยงฮวาก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้หญิงสาวต้องกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเคืองแค้น
"ฉันจะทำให้คุณไม่มีความสุข คอยดูสิ"
"ตื๊ดดดดดดดดดดดดด"
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนที่สาวร่างท้วมใบหน้าไร้เครื่องสำอางใด ๆ แถมยังมีท่าทีงุ่มง่ามค่อย ๆ เอื้อมมือไปกดรับเสียงปลายสายด้วยความหวาดหวั่น
"คะ ผอ."
"เข้ามาพบผมหน่อย" น้ำเสียงเย็นชาราบเรียบแต่กลับดูเป็นการออกคำสั่งที่จริงจังลอยมาตามสายโทรศัพท์ในทันที
"ค...ค...คะ" เธอละล่ำละลั่กรับคำก่อนจะรีบผลุนพลันพาตัวเองออกจากโต๊ะทำงาน รีบเข้าไปยังห้องทำงานที่อยู่ห่างจากโต๊ะทำงานของเธอเพียงไม่กี่ก้าว สองมืออันสั่นเทาเปิดประตูห้องเข้าไปช้า ๆ แม้จะดูเร่งรีบแต่เธอก็ยังดูงุ่มง่าม เธอเดินก้มหน้างุด ๆ ไปยังจุดหมายปลายทางข้างหน้าอันเป็นโต๊ะทำงานของเจ้านายของเธอแต่แล้วก็ต้องชะงักในทันทีที่มีวัตถุสีดำกองโตตกลงแทบเท้าเธอ
"ปัง!!!!!" แฟ้มกองใหญ่กระแทกลงบนพื้น ๆ ห่างจากปลายเท้าของเธอเพียงไม่กี่นิ้ว หากเธอก้าวเร็วกว่านี้อีกสักหน่อยมันอาจจะหล่นลงบนหัวของเธอแทนก็เป็นได้ สองมือที่งุ่มง่ามรีบกอบเก็บเอาแฟ้มทั้งหมดไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายของเธอด้วยความหวาดหวั่น
"อธิบายมาสิว่านี่มันอะไร" เขาตวาดเธอเสียงดังในทันทีที่เธอสบตากับเขาตรง ๆ ทำเอาสองตาของเลขาต้องหลุบลงต่ำในทันที ใบหน้าที่หล่อเหลา รูปร่างที่สูงโปร่งแถมยังเสื้อผ้าราคาแพงกลับไม่ทำให้เธอหวาดกลัวเขาน้อยลงไปเลย เจ้านายที่ดูเหมือนเจ้าชายแต่กลับเป็นเจ้าชายที่ไร้จิตใจราวกับผีดิบดูดเลือด สองเดือนเต็มที่เข้ามาทำงานที่นี่ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะยิ้ม อย่างมากก็เพียงแค่เมินเฉยแต่ส่วนใหญ่จะเคร่งเครียดและเจ้าระเบียบอยู่ตลอดเวลา
"ผมถาม!!! ทำไมไม่ตอบ" เสียงของเขาดังขึ้นกว่าเดิม
"ฉันจะไปทำให้ใหม่คะ..." เธอตอบเสียงสั่นเพราะไม่อาจคาดเดาว่าเขาจะพอใจคำตอบของเธอไหม
เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่บ่งบอกว่าเขาไม่พอใจกับคำตอบของเธอ
"ไปเก็บของของคุณได้แล้ว ผมไล่คุณออก" น้ำเสียงลดความรุนแรงลงแต่กลับดูเย็นชาจนน่ากลัว
"ผอ.คะ ฉัน..." ดูเหมือนว่าเธอกำลังร้องขอชีวิต
"เชิญ!!!" แต่เขากลับดูไม่สะทกสะท้านกับคำร้องขอนั่นเลย
คนที่ทำงานผิดพลาดคงทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของตัวเอง สองมืออวบอูมค่อย ๆ เก็บของลงในกล่อง เพราะเธอมาอยู่ได้ไม่นานข้าวของส่วนตัวจึงมีไม่มากนัก หากคิดดูให้ดีแล้วสิ่งที่เธอได้เจอมาตลอดสองเดือนก็ทำให้เธอไม่ได้อาลัยอาวรณ์ที่นี่นัก เสียดายก็เพียงแต่เรทเงินเดือนที่ค่อนข้างสูงกว่าที่อื่น เธอเคยแปลกใจว่าทำไมเงินเดือนที่มากมายขนาดนี้กลับไม่มีเลขาคนไหนอยู่กับเจ้านายที่หล่อเหลาราวกับเจ้าชายคนนี้ได้นาน ในที่สุดเธอก็ได้รับคำตอบ หากไม่ถูกไล่ออกเพราะขาดความสมบูรณ์แบบก็คงต้องลาออกเพราะทนความใจร้ายเจ้าระเบียบของเจ้านายไม่ไหว ก่อนจะก้าวเดินออกจากโต๊ะทำงานพร้อมกล่องข้าวของส่วนตัวร่างอวบยังไม่วายหันไปมองป้ายชื่อที่ติดอยู่หน้าห้องด้วยความคับแค้นในใจ
"ผู้อำนวยการลีจงฮยอนเรอะ ผู้อำนวยการผีดิบล่ะสิไม่ว่า"
"คุณชองหาเลขใหม่ให้ผมด้วย" เสียงราบเรียบกรอกเสียงผ่านสายโทรศัพท์ออกคำสั่งกับคนปลายสายราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา
"คุณหนู นี่คุณหนูไล่เลขาออกอีกแล้วเหรอครับ" ชองยุนโฮผู้ที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ของเขาแต่ในขณะเดียวกันก็มีหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของจงฮยอนด้วย ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักใจ
"ใครทำงานไม่ได้เรื่องผมก็ไล่ออกแค่นั้นเอง ช่วยหาคนที่ดีกว่าคนเดิมนะครับ"
"โธ่คุณหนู เมื่อเช้าคุณยงฮวาก็เพิ่งโทรมาสั่งให้หาเลขาใหม่ นี่คุณหนูก็ด้วย" เขาตัดพ้อเบา ๆ
"พี่ยงฮวานอนกับเลาขาคนนั้นแล้วเหรอครับ ฮึ..." จงฮยอนแค่นหัวเราะในลำคอเบา ๆ ผู้หญิงก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น "ขอคนเก่งให้ผมนะครับ คนสวยเอาไปให้พี่ยงฮวาล่ะกัน" พูดจบเขาก็ตัดสายในทันทีโดยไม่สนใจว่าคนปลายสายจะว่าอย่างไรต่อ
"เลขาแบบไหนกันที่มาทำงานเพื่อหวังขึ้นเตียงกับเจ้านาย" จงฮยอนพึมพำคนเดียวเบา ๆ ไม่ผิดจากที่เขาคิดไว้สักนิดผู้หญิงสวยมักไม่มีสมองสิ่งเดียวที่ทำได้ก็แค่เพียงเรื่องบนเตียง ผู้หญิงแบบนั้นรังแต่จะสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตเสียเปล่า ๆ
ชองยุนโฮค่อย ๆ วางหูโทรศัพท์เข้าที่เดิม ก่อนจะถอนหายใจออกมา การที่ต้องมาดูแลครอบครัวที่แสนจะวุ่นวายและมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแบบนี้คงเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับเขาแล้วมันคือหน้าที่ที่ต้องกระทำอย่างเต็มความสามารถ เขาเอื้อมมือไปหยิบเอาแฟ้มที่อยู่หลังโต๊ะทำงานออกมาอย่างคล่องแคล่ว มันถูกจัดให้อยู่ใกล้มือและหยิบใช้ได้ง่ายเพราะมันถูกใช้งานมากที่สุด มากกว่าเอกสารสำคัญใด ๆ
“มีความรู้ แต่งกายดี ไม่มีข้อบกพร่อง” ชองยุนโฮท่องคำนิยามของเลขาคู่กายเจ้านายคนรองของเขาในใจพลางเปิดหน้าแฟ้มไปเรื่อย ๆ สอดส่ายสายตามองหาใครสักคนที่อาจจะเป็นได้อย่างที่เจ้านายของเขาต้องการ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครพอดีกับนิยามนี้เลย เขาตัดใจก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ไปหาเลขาของเจ้านายคนโตที่ดูเหมือนจะหาได้ง่ายกว่า
“มีแต่หน้าเก่า ๆ “ ชองยุนโฮตัดสินใจปิดแฟ้มคู่กายลง บางทีเขาอาจต้องเปิดรับสมัครใหม่ และก็หวังว่าจะหาคนที่ถูกใจเจ้านายที่แสนวุ่นวายทั้งสองคนได้เสียที
“ทำไมพี่น้องถึงได้ต่างกันแบบนี้นะ ถ้าเอาสองคนมารวมกันเป็นคนเดียวได้ก็ดีสินะ” เขาพึมพำเบา ๆ ก่อนจะยกหูโทรศัพท์หาปลายทางบอกให้จัดการเรื่องรับสมัครพนักงานใหม่
ลองติดตามดูนะคะ ชอบไม่ชอบยังไงก็เม้นท์ได้เลยนะคะ^^ จะทยอยอัพเรื่อย ๆ สลับกับอีกเรื่องนะคะ ไรเตอร์มีปัญหาเรื่องสมองฟุ้งมากกกก็เลยชอบทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน อัพช้าบ้างเร็วบ้างก็อย่าว่ากันนะคะ
ความคิดเห็น