ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [YongSeo Story] Part 4 Protect the love.

    ลำดับตอนที่ #1 : Sky before the rain.

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ย. 54


     






    เสียงมีดกระทบเขียงดังเป็นจังหวะ  สลับกับเสียงเดือดปุดๆของน้ำซุปในหม้อที่กำลังส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วห้อง  จองชินรวบผมยาวสลวยไว้หลวมๆ เพียงครึ่งหัว  สวมผ้ากันเปื้อนที่ดูจะสั้นเกินไปเมื่ออยู่บนตัวเขา  ก้มหน้าก้มตาหั่นผักอย่างตั้งใจ

    “นี่ๆ  ชิมดูสิ”  กยูริตักน้ำซุปจากในหม้อใส่ช้อนเป่าไล่ความร้อนก่อนจะส่งให้เขาชิม  จองชินดูแหยงๆ  แต่ก็ยังยอมชิม

    “โอ๊ะ...ใช้ได้เลย”  จองชินดูจะผิดคาดกับรสชาติ  อร่อยกว่าที่คิด

    “บอกแล้วไงว่าทำได้ ทำเป็น”  กยูริได้ที่ยอตัวเอง  จองชินมองเธอแล้วยิ้ม  เรื่องบางเรื่องก็เกินความคาดหมาย  เกินจากที่ฝันไว้  เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องโชคดีทีสุดในชีวิต  เขาขยับเข้าไปใกล้เธอก่อนจะสวมกอดเธอจากทางด้านหลัง

    “นูน่าของผมอ่ะเก่งที่สุดอยู่แล้ว”

    “ใครอนุญาตให้มากอดเนี่ย”  เธอแกล้งเย้า  เขายิ่งกอดแน่นขึ้น

    “นูน่าของผมทำไมจะกอดไม่ได้ล่ะ”  ออดอ้อนเสียงหวาน

    “ให้เป็นแบบนี้ไปตลอดนะ”

    “แน่นอนที่สุด”

     

    ปิ๊ง ป๊อง

     

    “เดี๋ยวผมไปดูเองครับ”  จองชินเสนอทันที  กยูริกลับดึงแขนเขาไว้ 

    “พี่ไปเองดีกว่า  เกิดเป็นแฟนคลับจะยุ่ง”  พูดจบก็เดินไป  จองชินไม่ได้ใส่ใจหันกลับมาหางานที่ค้างไว้  

     

    “พี่มาทำไม”  นำเสียงขุ่นเคืองของหญิงคนรักทำให้จองชินต้องมุ่งความสนใจไปยังบุคคลที่สามที่เข้ามา  ก่อนจะรู้ว่าเป็นคู่กรณีของเขาเอง

    “พี่คิดว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”  จองมินตรงไปตรงมาก่อนที่จะรู้ว่ามีจองชินอยู่ในห้องด้วย  จองชินแสดงตัวในทันทีโดยการพาตัวเองไปอยู่ข้างๆกยูริ  จองมินถึงกับเหวอ  ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นความจริง

    “บางทีพี่กยูริอาจจะไม่อยากคุยกับรุ่นพี่นะครับ”  จองชินประกาศความเป็นศัตรูชัดเจน 

    “พี่ขอคุยกับเธอสองคน”  จองมินจ้องหน้ากยูริย้ำเจตนา

    “ชั้นไม่สะดวกค่ะ”  กยูริตอบเสียงเรียบๆ  จองมินพ่นลมหายใจพรืดออกมาแสดงความไม่พอใจ

    “พี่กลับไปเถอะค่ะ”  กยูริยืนยันเจตนาซ้ำอีกครั้ง  จองมินทำอะไรไม่ได้

    “ไว้คุยกันคราวหน้าล่ะกัน”  เขาดูหัวเสียก่อนที่จะจากไป 

    “พี่ไม่เป็นไรนะครับ”  จองชินถามขึ้นเมื่ออยู่กันเพียงลำพัง  สังเกตเห็นสายตาของกยูริมองตามจองมินด้วยแววตาวูบไหว  กยูริไม่ตอบเพียงแค่ยิ้ม

    “ไปกินข้าวกันดีกว่า  หิวจังเลย”  กยูริพอจะรู้ว่าจองชินจับความอ่อนแอในใจได้  เธอปรับอารมณ์ได้ทันทีราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้   ก่อนจะจูงมือให้จองชินตามเธอไป

     

     

     

    รถยนต์คันหรูกำลังพาคู่เดทมุ่งหน้าสู่โซลในเวลาพลบค่ำ  ฮโยยอนดูอาการดีขึ้น  จนเกือบจะเหมือนไม่เจ็บป่วยอะไร  จงฮยอนดูจะโล่งใจที่เขาไม่ได้เป็นสาเหตุให้สุดยอดไอดอลนักเต้นต้องมาเดี้ยง

    “ขาของคุณยังเจ็บอยู่รึเปล่า”

    “ดีขึ้นแล้วค่ะ” ฮโยยอนดูมีพิรุธเมื่อพูดถึงเรื่องขาที่บาดเจ็บ “ เอ่อ....เราน่าจะหาอะไรทานก่อนดีมั๊ย  ชั้นเริ่มจะหิวแล้ว”  ฮโยยอนพูดพลางสอดสายตามองไปยังข้างทาง

    “คุณอยากทานอะไรล่ะ”

    “นั่นไง  นั่นไง”  เธอพูดพลางชี้ไปที่ป้ายไฟของร้านอาหารข้างหน้าอย่างตื่นเต้น  จงฮยอนทำตามอย่างว่าง่ายหมุนพวงมาลัยพารถคันหรูเข้าไปจอดที่หน้าร้านทันที   จงฮยอนรีบลงจากรถไปเปิดประตูให้เธอทันที  นั่งลงหันหลังให้เธอ  ฮโยยอนดูจะลำบากใจที่จะขี่หลังเขาอีกครั้ง 

    “ชั้นคิดว่าชั้นน่าจะเดินเองได้แล้วล่ะ” 

    “ไม่เป็นไรหรอกขี่หลังผมดีกว่า  ขาคุณจะได้ไม่บาดเจ็บเพิ่ม”  จงฮยอนเป็นห่วงอย่างจริงใจ  ฮโยยอนลังเลอย่างเห็นได้ชัด  จงฮยอนตัดสินใจลุกขึ้นแล้วหันหลังกลับมาช้อนร่างบางนั้นไว้บนแขน  ในเมื่อเธอลำบากใจที่จะขี่หลัง  เขาก็จะอุ้มเธอไปแทน  ฮโยยอนตกใจไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ไม่กล้าดิ้น  ได้แต่ก้มหน้าด้วยความเขินอาย

    “ชั้นเดินเองได้  ปล่อยชั้นเถอะ  เดี๋ยวผู้คนก็แตกตื่นกันหมด”

    “ไม่มีใครจำเราได้หรอก”  จงฮยอนยืนยันหนักแน่น  ก่อนจะพาเธอเข้าไปในร้าน

    มื้ออาหารเย็นอันแสนสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ใช้เวลาไม่นานอาหารบนโต๊ะตรงหน้าก็ถูกจัดการจนเกลี้ยง  ฮโยยอนลูบท้องอย่างเคยชิน  จงฮยอนอดขำไม่ได้เธอไม่เคยวางฟอร์มเลย  ฮโยยอนรู้ตัวรีบนั่งตัวตรงทันทีเมื่อเห็นสายตาที่เขาจ้องมอง

    “ไปห้องน้ำดีกว่า”  เธอพูดออกมาแก้เขิน 

    “ให้ผมพาไปมั๊ย”

    “ไม่ ไม่  ชั้นไปเองได้ค่ะ”  ก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นช้าๆ  แล้วเดินขโยกเขยก  จงฮยอนมองตามให้แน่ใจว่าเธอจะปลอดภัย  เมื่อกะระยะว่าพ้นสายตาของเขาแล้วฮโยยอนกลับวิ่งปรู๊ดไปยังห้องน้ำทันที  ราวกับว่าเธอไม่ได้บาดเจ็บอะไร

    “อิตาบ้า  หน้าอายชะมัด  จะแกล้งคนสักหน่อยต้องมาอายซะเอง”

    “ทำไงดี  ตอนกลับต้องมาอุ้มเราอีกรอบแน่ๆ  บอกความจริงดีมั๊ยเนี่ย”

    “ขืนบอกไปเขาเล่นงานชั้นแน่ๆเลย”

     

    เป็นไปตามคาดจงฮยอนอุ้มเธอกลับออกมาจากร้านอีกครั้ง  ฮโยยอนไม่รู้จะปฏิเสธยังไง  บอกว่าจริงก็ไม่ได้ว่าเธอแค่อยากจะแกล้งเขา  จำใจต้องตามน้ำ

    ในที่สุดเดทอย่างเป็นทางการก็สิ้นสุดลง  แม้จะดูขาดๆเกินๆ ในตอนแรก  แต่ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี  จงฮยอนพาเธอกลับมาส่งถึงที่หมาย

    “เดี๋ยวผมขึ้นไปส่งคุณบนห้องล่ะกัน นะครับ”  จงฮยอนยังเป็นสุภาพบุรุษ  ฮโยยอนทำตาโต

    “ชั้นไปเองได้ค่ะ  แค่นี้เอง”  ขืนให้เขาแบกขึ้นไปส่งบนห้องคงเป็นเรื่องแน่ๆ

    “ไม่ได้หรอก  ผมขึ้นไปด้วยดีกว่า”  จงฮยอนคว้ากระเป๋าถือของเธอมาถือไว้  แล้วค่อยๆประครองเธอเดินเข้าไปภายในหอ  ฮโยยอนยังแกล้งขโยกเขยกต่อ  อีกใจก็ยังหวั่นว่าเขาจะจับได้  เธอไม่ควรคิดจะแกล้งเขาตั้งแต่แรกเลย

    “ชั้นไหนครับ”  จงฮยอนถามขึ้นเมื่อเข้ามายืนอยู่ภายในลิฟท์สองคน

    11 ค่ะ” จงฮยอนกดชั้นที่ต้องการแล้วเงยหน้ามองตัวเลขบอกจำนวนชั้น  ยังอีกสักพักกว่าจะถึงชั้นที่ต้องการ  จู่ๆเขาก็ยิ้มออกมา

    “วันนี้ลำบากหน่อยนะครับ”

    “ไม่ค่ะชั้นสนุกดี”  ฮโยยอนเริ่มรู้สึกผิดที่แผนการของเธอทำให้เขาต้องลำบากแบกเธอทั้งวัน

    “ลำบากที่คุณต้องเดินขาแพลงทั้งวัน”

    “เดี๋ยวก็ดีค่ะ  ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว”  จงฮยอนฟังแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอีกครั้ง  หันไปเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ

    “แล้วไม่เจ็บเหรอครับตอนที่วิ่งไปเข้าห้องน้ำ”  ฮโยยอนฟังแล้วตกใจ  เขารู้ว่าเธอวิ่งได้ดี  ไม่ได้ขาเจ็บ

    “คุณเห็น?”  จงฮยอนพยักหน้าช้าๆ  รอยยิ้มเคลือบอยู่บนใบหน้า

    “อร๊ายยยย”  ฮโยยอนร้องออกมาด้วยความอายเซถอยหลังไปติดกับอีกด้านของลิฟท์

    “คุณต้มผมซะเปื่อยเลยนะ  ใจคอจะแกล้งให้ผมแบกคุณไปทั้งวันเลยหรือไง”  จงฮยอนสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้  ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์

    “ตอนแรกชั้นแค่จะแกล้งให้คุณเหนื่อยเล่น  ไม่คิดว่าจะบานปลายขนาดนี้”  ฮโยยอนรีบแก้ตัวทันทีเมื่อเห็นเขาย่างสามขุมเข้ามาหา  จงฮยอนไม่ได้สนใจจะฟังคำแก้ตัว  บางทีเขาก็ควรจะได้รับค่าตอบแทนจากการที่ต้องแบกเธอทั้งวันบ้าง  ร่างสูงใหญ่ขยับเข้าไปประชิดร่างบางจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก  ฮโยยอนก้มหน้างุดอายเกินกว่าจะสบตาเขาตรงๆ  นี้มันใกล้เกินไป  เธอไม่ได้คาดคิดถึงสิ่งนี้ไว้  จงฮยอนก้มหน้ามองคนตัวเล็กข้างหน้าที่ตอนนี้ตัวสั่นเป็นลูกนก  ไม่ได้ดูสนุกสนานเหมือนตอนที่แกล้งเขา  ก็ยิ่งชอบใจ  ถึงเวลาทีเขาจะเอาคืน

    “สนุกมั๊ย”  จงฮยอนถามยิ้มๆ  ฮโยยอนส่ายหัวไม่กล้าแม้แต่จะมองเขา  รู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่รินรดเธอยู่

    “ผมควรจะทำยังไงกับคุณดี”  พูดพลางเชยคางให้ใบหน้างดงามนั้นเงยขึ้นมาสบตากับเขา  ฮโยยอนเห็นเงาวิบวับในดวงตาของเขา  ใจสั่นรัว  ไม่กล้าจะคาดเดาว่าเขาจะทำอะไรต่อไป  ใบหน้าของเขาเคลื่อนเขาไปใกล้เธอ  จนมีเพียงลมหายใจเท่านั้นที่แทรกผ่านระหว่างสองคน   ฮโยยอนหลับตาปี๊  หัวใจแทบจะออกมาเต้นอยู่นอกอก

     

    วืด ≈≈≈

     

    เสียงลิฟท์เปิดออก  พร้อมกับซูยองที่ยืนตาค้างจ้องมองภาพตรงหน้า  ปลุกให้ทั้งสองคนหลุดออกมาจากโลกของตัวเอง  จงฮยอนถอยหลังพรืด  ก่อนจะตั้งสติได้แล้วหันไปโค้งคำนับซูยอง  ฮโยยอนยังคงนิ่งอยู่กับที่สติหลุดลอยไปพักใหญ่กว่าจะกลับคืนมา

    “อ๊า...ซูยอง”  ฮโยยอนโบกมือทักทายเพื่อนรัก  ด้วยท่าทางแปลกๆ

    “ชั้นกำลังจะไปข้างล่างนะ  เข้าไปในนั้นได้มั๊ย”  ซูยองดูเคอะเขิน  จงฮยอนรีบดึงแขนฮโยยอนให้ออกมาจากลิฟท์พร้อมกัน  แล้วโค้งคำนับให้ซูยองอีกครั้ง

    “ที่ห้องไม่มีใครอยู่  ชั้นคงกลับดึก  ตามสบาย”  ซูยองบอกก่อนที่ลิฟท์จะปิดไป  ดู่เดทหันมามองหน้ากันก่อนจะหันหน้าหนีไปคนละทางด้วยความเขินอาย  ความรักคงต้องใช้เวลากว่าจะศึกษาและรู้จักกัน  ทั้งคู่ต่างก็มีคำถามของตัวเองในใจ  เวลาเท่านั้นที่จะตอบคำถามได้  จูบแรกเมื่อไหร่จะมา

     

     

    “นี่...เธอคิดจะทำอะไร”  คริสตัลเอ่ยถามเพื่อนร่วมวงเมื่ออยู่กันตามลำพังในห้องน้ำ

    “เรื่องอะไร”  ซอลลี่ยังดูอารมณ์ไม่ปกติ

    “เธอรู้ว่าพี่ยงฮวากับพี่ซอฮยอนกำลังเดทกันอยู่  แต่เธอก็ยัง....”   ซอลลี่ฟังแล้วไม่พูดต่อ  ก้มหน้าล้างมือ

    “คิดจะแย่งพี่ยงฮวาหรือไง”  คริสตัลยิ่งต้อนเธอให้จนมุม  ซอลลี่หยุดล้างมือ  ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปพูดกับคริสตัลตรงๆ

    “ชั้นไม่ได้คิดจะแย่ง  เธอไม่คิดบ้างรึไงว่าชั้นก็ควรจะได้รับสิทธิ์ในการแข่งขันครั้งนี้   ชั้นรู้จักกับพี่ยงฮวาก่อน  ถ้าไม่มีรายการอะไรนั่น  ตอนนี้คนที่เดทกับพี่ยงฮวาอาจเป็นชั้นก็ได้”

    “ซอลลี่  มันไม่ถูกต้องนะ”  คริสตัลยังขัดแย้งในใจ

    “ขอโอกาสให้ชั้นได้ทำให้ถึงที่สุด   อย่างน้อยๆ วันข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นยังไงชั้นก็จะไม่เสียใจ”  ความในใจของซอลลี่พรั่งพรูออกมาพร้อมๆกับหยาดน้ำตา  มีใครบ้างที่จะรู้ว่าหัวใจของเธอเจ็บปวดแค่ไหน  ตอนนี้ไม่ขอไม่หวังอะไร  เพียงแอยากให้คนที่เธอมองหันมามองเธอบ้าง

    ซอฮยอนยืนพิงข้างประตูทางเข้าห้องน้ำ  ได้ยินทุกบทสนทนาระหว่างเพื่อนซี้  ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี  สงสารซอลลี่คนที่พยายามจะเข้ามาแทรกกลางระหว่างเธอกับยงฮวางั้นหรือ  หรือจะสงสารตัวเองที่ต้องมารับรู้ชะตากรรมของคนที่จ้องจะทำร้ายเธอเอง  บางทีนับจากนี้ไปเธอคงจะต้องทำอะไรบ้างอย่างเพื่อให้รู้ว่าเจตนาที่แท้จริงของเธอคืออะไร  ในเกมแห่งความรัก  ไม่มีทางที่จะสุขสมหวังไปทุกคน   ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งเสียใจ

     

     

     

    เป็นเช้าอีกวันที่แสนวุ่นวายผู้คนขวักไขว่ไปทั่วสนามบิน  เป็นอีกวันที่แสนเร่งรีบของสี่หนุ่ม  สองมักเน่สาละวนอยู่กับการหยอกล้อกัน  จงฮยอนดูสบายใจอย่างที่เคยเป็นไม่เคยเดือดร้อนกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว  มีเพียงยงฮวาพี่ใหญ่ที่ดูวุ่นวายอยู่กับโทรศัพท์มือถือ

    “ไม่ไปพร้อมพี่หรือไง”  ยงฮวากรอกเสียงใส่โทรศัพท์ทันทีที่ปลายทางรับสาย

    <ชั้นจะตามไปคืนนี้พร้อมพี่ๆค่ะ>

    “ฮยอน...ไหนว่าจะไปกับพี่ไง”  ยงฮวากระเง้ากระงอด

    <อย่าเกเรสิค่ะ  เดี๋ยวค่อยไปเจอกันที่นู่น> 

    “โทรหาพี่ทันทีที่ถึงนะ”

    <โอเคค่ะ>

    “สัญญา”

    <สัญญาค่ะ>

    เสียงเรียกขึ้นเครื่องครั้งสุดท้ายดังขึ้น  ส่งผลให้ยงฮวาต้องตัดใจจากโทรศัพท์แล้วมุ่งหน้าไปขึ้นเครื่องบินแทน  มินฮยอกแทบจะเดินมาเบียดเขาระหว่างทางขึ้นเครื่อง  ทำเสียงกระซิบกระซาบราวกับว่ามีความลับอันยิ่งใหญ่

    “ซอฮยอนจะไปมั๊ยพี่” 

    “ถามทำไม”  ยงฮวาทำตาเขียวเมื่อน้องชายถามถึงคนรัก

    “ก็อยากรู้ไง  ซอฮยอนไปรึปล่าว”  หนุ่มน้อยยังทู่ซี้ไม่รู้ถึงความขุ่นเคืองของพี่ชาย

    “นายมีปัญหาอะไรกับซอฮยอน”  ยงฮวาไม่อาจรู้ถึงเจตนาแอบแฝงของของน้อง

    “บอกมาเหอะน่า  ไปรึปล่าว” 

    “ไปไม่ไป  แล้วไง”  ยงฮวายิ่งสงสัยทำไมน้องชายถึงได้มาวุ่นวายกับเขาด้วยเรื่องนี้

    “พี่นี่เรื่องมากจริง  ไปถามพี่จงฮยอนก็ได้  ไม่อยากจะสนใจแล้ว”  มินฮยอกพูดแล้วรีบเดินตามจงฮยอนที่เดินนำหน้าไปก่อน 

    “เฮ้ย  ชั้นจะนั่งกับจงฮยอนนะ”  ยงฮวาตะโกนตามแต่เหมือนว่ามินฮยอกจะไม่ได้สนใจ  วิ่งลิ่วไปหาจงฮยอนแล้วทิ้งตัวนั่งลงที่นั่งข้างๆเขาทันที  จงฮยอนมองดูพฤติกรรมน้องอย่างแปลกใจ  พร้อมๆกับมองไปที่ยงฮวาที่กำลังตรงมาทางเขา

    “มีอะไรกัน  ไม่ไปนั่งกับจองชินรึไง”  จงฮยอนถามขึ้น

    “อยากมานั่งกับพี่  พี่ไม่ว่าไรใช่ป่ะ”  มินฮยอกพูดแล้วมองยงฮวาที่มาหยุดยืนเท้าแขนกับพนักพิงที่นั่งตรงหน้าเขา 

    “ไม่เป็นไรนี่  ชั้นนั่งกับใครก็ได้”  จงฮยอนตอบง่ายๆ

    “เห็นมั๊ยพี่  พี่ก็ไปนั่งกับเจ้ากบล่ะกันผมจะนั่งกับพี่จงฮยอน”  มินฮยอกพูดเอาแต่ใจกับยงฮวา  จนเขาต้องมองหน้าจงฮยอนเหมือนจะขู่ให้ช่วยเหลือ  จงฮยอนไม่อยากมีปัญหาเสตามองออกนอกหน้าต่าง

    “ก็ได้  ยังไงจงฮยอนก็ไม่มีทางรู้จักซอฮยอนดีไปกว่าชั้นหรอก”  ยงฮวาทำท่าไม่สนใจทั้งๆที่ใจเดือดปุดที่น้องชายทำพฤติกรรมน่าสงสัย  แล้วเดินไปนั่งกับจองชิน  จงฮยอนยิ้มให้กับความขี้หึงของพี่ชาย  ที่หึงได้ทุกเรื่อง

    “มีอะไรกัน  นายไปวุ่นวายกับซอฮยอนหรือไง”  จงฮยอนสนใจมินฮยอกขึ้นมาบ้าง

    “โห...พี่  ผมเนี่ยนะจะไปวุ่นวายกับแฟนพี่ชายตัวเอง  พี่ยงฮวาขี้หึงไม่เข้าเรื่อง”

    “แล้วเรื่องอะไรล่ะ”

    “ก็แค่ไปถามว่าซอฮยอนจะไปญี่ปุ่นกับเรารึปล่าว  แค่นั้นเอง”  จงฮยอนฟังแล้วยิ้มออกมา  ที่จริงเรื่องแบบนี้มินฮยอกก็ไม่น่าจะถาม  แต่ยงฮวาก็ดูจะขี้หึงเกินไปหน่อย

    “แล้วพี่ฮโยยอนจะไปกับเรารึปล่าวครับ”  มินฮยอกเปลี่ยนประเด็น  จงฮยอนหันขวับมามองเขา

    “ถามทำไม”  เคืองหน่อยๆ

    “พี่เหมือนกันอีกแหละ  พี่น่าจะมีเหตุผลมากกว่าพี่ยงฮวานะ  อยากรู้ก็ถามไง”

    “ไป”  จงฮยอนตอบสั้นๆ  เข้าใจแล้วว่าทำไมยงฮวาถึงไม่พอใจ  เจ้าน้องบ้าจะมาสนใจเรื่องแบบนี้ทำไม

    “ก็แค่นั่นแหละ  ไปกันหมดทุกคนเลยใช่มั๊ย” 

    “น่าจะ  ทำไม”  จงฮยอนยังขุ่นเคือง

    “เอาน่า  พี่ไม่ต้องทำตัวเหมือนพี่ยงฮวาหรอก  เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง”  มินฮยอกตัดพ้อพี่ชาย  แต่ยิ้มร่าเมื่อบรรลุเป้าหมายความหวังที่จะได้เจอกับนูน่าคนสวยกำลังลอยเข้ามาใกล้






































































    บัวเปิดพาร์ทใหม่เร็วกว่าที่คิด  พอดีงานที่ว่าเข้ากำลังค่อยๆเคลียร์ได้  ตอนนี้ยังระบมอยู่กับการไป Run devil run ที่สุวรรณภูมิอยู่  แต่ก็ยังไม่วายมานั่งฟิค  อยากจะอัพให้ทันสถานการปัจจุบันค่ะ
    ตอนแรกนี่เอาอินโทรไปก่อน  ฟ้าก่อนฝนแม้จะดูไม่สว่างไสว  แต่อย่างน้อยๆมันก็ช่วยบอกเราว่าเมื่อไหร่ที่เราต้องหลบฝน   ถ้าคาดการณ์ได้ดี  เอาร่มมาด้วยก็คงจะปลอดภัยไม่เปียก  ถ้าใครเตรียมตัวไม่มีก็อาจเปียกได้  ตามดูกันต่อไปนะค่ะ  ว่าแต่ละคนจะรับมือกับอุปสรรคในชีวิตที่เปรียบเหมือนฝนนี่ได้ยังไง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×