คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : The Art of Dying [*Recommend]
Title: The Art of Dying
Author: less
Category: Angst, Romance
Pairing: Sirius Black / Remus Lupin [+ Harry Potter / Draco Malfoy]
Rating: PG
Spoilers: -
Disclaimer: เจ้าของตัวละครคือ JK Rowling เจ้าของเรื่องคือ less, เครดิตของเรื่องคนป่วยกับหมอจากหนังสือรักรสไอศกรีม
Summary: คนที่อยู่ กับ คนที่ไป
Poster’s notes: โอยยย......ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชอบมากกกกกกกๆๆๆๆ
ชอบโทนเรื่อง – มันสวย มันละมุนละไม มันกินใจมาก ๆ อ่านยังไง ๆ ก็อิน
ชอบเนื้อหา – ชอบประเด็นที่เอามาใช้ผูกเรื่อง ผูกความสัมพันธ์ตัวละคร มันจี๊ดมาก ๆ
ชอบการดำเนินเรื่อง – การตัดสลับเหตุการณ์ การเล่าแบบค่อย ๆ หยอด ชวนให้สงสัยในความสัมพันธ์ แต่กลับไม่รู้สึกอยากเร่งรัดที่จะรู้ แถมตอนเฉลยยังมาในจังหวะที่เป๊ะจริง ๆ
ชอบบทสรุป – มีพลังกินใจมาก ๆ!!
แบบว่า...นี่มันฟิค Angst ในอุดมคติชัด ๆ!! ขนาดชื่อเรื่องยังสวยเลย!! >__<
~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~
280392
20.00น.
รถไฟออกเดินทางแล้ว
ฉันไม่อยากเริ่มต้นใหม่กับใครคนอื่น
The One Who Stayed
“ในที่สุดพวกเราก็เป็นอิสระซักที พอกันทีหนังสือบ้าๆพวกนี้” ซิเรียสตะโกนเสียงดังลั่น แล้วก็ปาหนังสือในมือลงทะเลสาบ
“พอกันทีรายงาน พอกันทีการบ้าน พอกันทีอาจารย์ที่น่าเบื่อ” เจมส์ผสมโรง “ต่อจากนี้พวกเราเริ่มต้นชีวิตของพวกเราเองที่ไม่ต้องยึดติดกับเกรดแล้วเว้ย”
“เรียนมา 7 ปี จบซะที คิดว่าจะไม่ได้จบพร้อมพวกนายแล้วนะเนี่ย” ซิเรียสว่า ยิ้มกว้าง “แต่มักกอนนากัลคงเบื่อฉัน ก็เลยให้จบๆมามั้ง”
“รถไฟมาแล้ว ไปกันเถอะ” ปีเตอร์พูด ชี้นิ้วกลมป้อมไปที่รถไฟสายฮอกวอตส์ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
“จะได้ขึ้นรถไฟขบวนนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วสินะ” รีมัสหันไปพูดกับซิเรียสเสียงแผ่ว ได้รับคำตอบเป็นเพียงมือของซิเรียสที่กระชับแน่นขึ้นรอบมือของเขา
“รีมัส วันนี้พวกเราจะไปเคารพหลุมศพซิเรียสกัน คุณจะไปด้วยรึเปล่า” เดรโกเอ่ยถามเมื่อเห็นรีมัสเดินงัวเงียลงบันไดมา
“ไม่ล่ะ พวกเธอไปกันก่อนเถอะ ฉันจะตามไปทีหลัง” รีมัสตอบ ยกกาแฟขึ้นจิบ ในขณะที่เดรโกเพียงแค่ยักไหล่ ก่อนจะเดินเอาจานที่เต็มไปด้วยไข่ดาวและเบค่อนมาวางตรงหน้าเขา
“ถ้างั้นผมไปเลยละกัน นัดกับพวกเฮอร์ไมโอนี่ไว้ 10 โมง” ว่าแล้วก็หายตัวไป รีมัสเริ่มลงมือทานอาหารเช้า ไข่ดาวไม่สุกกับเบค่อนเกรียมๆที่เขาทานแทบทุกวันจนชินแล้ว ถึงแม้ความจริงตัวเขาจะชอบไข่ดาวสุกๆกับเบค่อนเย็นๆมากกว่าก็ตาม
รีมัสอดคิดไม่ได้ว่าเขาเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ในตอนที่รีมัสเดินเข้าไปในสุสานนั้น ก็เป็นเวลาเกือบ 6 โมงเย็นแล้ว แทบไม่มีคนหลงเหลืออยู่ มีเพียงเขา ผู้หญิงวัยกลางคนที่ร้องไห้และกำผ้าเช็ดหน้าแน่น กับซิเรียส
“15 ปีแล้ว ฉันยังทำใจไม่ได้เลย ซิเรียส” รีมัสกระซิบกับแผ่นหินสีเทาที่สลักชื่อซิเรียสไว้ เขาวางช่อดอกลิลลี่บนหลุมศพแล้วทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งที่อยู่ข้างๆแผ่นหินนั้น
“เมื่อเช้าเดรโกกับพวกเฮอร์ไมโอนี่คงมาเยี่ยมนายแล้วสินะ” รีมัสเอ่ยขึ้น เขาเห็นช่อดอกไม้อีกหลายดอกวางอยู่ “รู้มั้ย ถ้าฉันทำใจได้ฉันคงมาพร้อมเดรโกแล้ว แล้วนายก็คงโกรธเป็นบ้าเลยสินะ” แล้วรีมัสก็เงียบไป ไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก จนกระทั่ง เกือบ 2 ทุ่ม และสุสานจะปิดแล้ว เขาถึงได้เอ่ยคำลา
“ไปก่อนนะ ซิเรียส แล้วจะมาเยี่ยมอีก” รีมัสเอามือแตะที่ริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะทาบมือลงบนแผ่นหินเย็นเฉียบ
“รีมัส นายรู้มั้ย ของทุกสิ่งบนโลกใบนี้มีกี่แบบ” ซิเรียสเอ่ยถาม เขากับรีมัสกำลังนั่งอยู่บนรถไฟที่อึดอัดที่สุดในโลกจากนิว เดลี ไปเบงกอล
“ไม่รู้สิ เป็นล้านล้านเลยมั้ง” รีมัสตอบ พยายามไม่สูดอากาศแล้วเอาฝุ่นเข้าไปด้วย
“ไม่หรอก แค่ 6 แบบเท่านั้นเอง” ซิเรียสว่า
“อะไรบ้างล่ะ”
“สิ่งที่อยากได้ สิ่งที่จำเป็น สิ่งที่มี สิ่งที่เคยมี สิ่งที่กำลังจะมี และสิ่งที่จะไม่มีวันได้มา” ซิเรียสตอบ รีมัสหันมายิ้มให้เขา
“นายคิดเรื่องอย่างนี้ออกในที่อย่างนี้ได้ไง”
“กลับมาแล้วหรอ” เดรโกเอ่ยทักเมื่อรีมัสเปิดประตูเข้ามาในบ้าน “มาสิ อาหารเย็นเสร็จแล้ว”
“วันนี้มีอะไรล่ะ หืม น่ากินนี่” รีมัสเดินมานั่งลงที่โต๊ะอาหารแล้วลงมือตักข้าวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
“นี่ คุณกลับมาไม่ทันพัดเดิลเมียร์แข่งล่ะ คุณน่าจะได้เห็นลูกที่เล็กซ์เตอร์โยนเข้านะ สวยมากเลย” เดรโกชวนคุยอย่างอารมณ์ดี
“แล้วชนะมั้ยล่ะ” รีมัสถาม แต่เขาก็รู้คำตอบตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามาเห็นเดรโกยิ้มกว้าง เดรโกเป็นอย่างนี้เสมอเวลาที่ทีมรักชนะ เวลาที่ทีมของคนที่เขารักชนะ
“ตั้ง 180-60 แน่ะ ไอ้พวกวรัตซ่าจ๋อยไปเลย”
“ซิเรียส นี่นายทำอาหารไม่เป็นเลยรึไง กับอีแค่ไข่ดาวกับเบค่อนยังทำออกมาขาดๆเกินๆเลย ไข่ดาวก็สุกจนเกรียม เบค่อนก็เย็นเฉียบเลย” รีมัสบ่น แต่เขาก็ยังทานต่ออยู่ดี
“เอาน่า สูตรเฉพาะตัวของซิเรียสไง รับรองไม่มีใครเหมือน” ซิเรียสอวด
“ไม่มีใครเหมือนแน่ เรื่องนี้ฉันรับประกันได้เลย” รีมัสว่า
“ไปจดสิทธิบัตรดีมั้ยนะ” ซิเรียสแซวยิ้มๆ “นายว่าไง”
“ถ้านายไม่กลัวโดนคนที่กระทรวงเวทมนตร์จับส่งโรงพยาบาลบ้านะ”
รีมัสกำลังใกล้หลับอยู่พอดีตอนที่เขารู้สึกถึงมือเย็นๆที่โอบรอบตัวเขาจากด้านหลัง
“จะนอนแล้วหรอ รีมัส” เดรโกถาม
“อืม วันนี้เพลียนิดหน่อยน่ะ” รีมัสตอบ ลูบมือของเดรโกเบาๆ
“อืม”
มีคนถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับเดรโกมากมาย แต่รีมัสก็ไม่รู้สึกถึงความจำเป็นที่ต้องอธิบาย เขายังไม่สามารถทำใจกับการตายของซิเรียสได้ เหมือนกับที่เดรโกก็ยังไม่ฟื้นจากการตายของแฮร์รี่ ทั้งคู่เป็นเพียงคน 2 คนที่เจ็บมากพอๆกัน คนเจ็บ 2 คนที่คอยให้กำลังใจกันและกัน คนเจ็บที่เข้าใจกันดีซะยิ่งกว่าอะไร แค่คนเจ็บ 2 คนที่ไขว่คว้าหาที่พึ่งทางใจในกันและกัน
นางมอลลี่ ผู้หญิงที่เขารักยิ่งกว่าแม่ เคยบอกเขาว่า คนที่ป่วยด้วยโรคร้ายโรคเดียวกันจะเข้าใจความรู้สึกกันดี แต่เป็นหมอมิใช่หรือที่รักษาคนเหล่านั้น
รีมัสรู้ดี คนป่วยจะรักษากันเองได้อย่างไร
150492
10.00น.
งานศพซิเรียสจัดในโบสถ์
ถ้าไม่ใช่เพราะงานนั้นเป็นงานศพซิเรียส รีมัสก็คงไม่ก้าวเท้าเข้าไปในโบสถ์อีก
หลังจากเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับเขา รีมัสก็ไม่เชื่อในพระเจ้าอีกแล้ว
The One Who Leave
“รีมัส ดูลายมือมั้ย” ซิเรียสเอ่ยถามขึ้น ทั้งคู่กำลังอ่านหนังสือเพื่อการสอบวิชาปรุงยาในวันพรุ่งนี้ ตั้งแต่ห้องนั่งเล่นรวมยังเต็มไปด้วยผู้คนจนตอนนี้เหลือแค่เขา 2 คนเท่านั้น
“นายดูเป็นหรอ” รีมัสถาม ยังไม่ละสายตาจากหนังสือ “ดูก็ได้ เอาสิ”
“นายเป็นผู้ชายอบอุ่น” ซิเรียสว่า ดึงมือรีมัสมาดู “ถ้านายกินข้าวมากนายจะจุก ถ้านายตากฝนนายจะไม่สบาย นายจะได้แต่งงานถ้านายขอคนที่นายรักแล้วเขาตอบตกลง นายเป็นพ่อมด” ซิเรียสเงียบไป
“ว้าว นายเป็นมนุษย์หมาป่า” ซิเรียสแกล้งทำตาโต
“เลิกทำเป็นเล่นทีน่ะ ซิเรียส นายต้องสอบนะ” รีมัสว่า กระชากมือออก “ถ้าจะดูก็ดูจริงๆได้มั้ย อย่าเล่น”
“ก็ได้ๆ” ซิเรียสดึงมือรีมัสมาดูอีกครั้ง เขาเอานิ้วลากไปตามเส้นลายมือบนมือรีมัส “เส้นลายมือนายลึก แปลว่านายเป็นคนหนักแน่น รักเดียวใจเดียว เส้นชีวิตนายยาว แต่เป็นเส้นเล็กๆมาต่อกัน แสดงว่านายจะมีอายุที่ยืนยาว แต่จะเจ็บออดๆแอดๆ นี่เส้นสมอง นายเป็นคนฉลาดนะ เส้นความรัก” ซิเรียสนิ่งไป เขาดึงมือรีมัสมาดูใกล้ๆอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “นายเจอเนื้อคู่แล้ว แต่จะไม่ได้คู่กัน ให้ตายสิ”
“บ้าน่ะ ซิเรียส ไม่เห็นต้องซีเรียสเลย” รีมัสบ่น ส่ายหัวเบาๆ ไม่ค่อยเชื่อนัก
“ไหนลองดูซิ” ซิเรียสเอามือของเขาทาบกับมือรีมัส “ว้า เส้นชีวิตเราไม่ติดกันเป็นเส้นเดียว อย่างนี้ฉันก็ได้เจอนายแค่ชาตินี้น่ะสิ”
“บอกแล้วว่าไม่ต้องคิดมากน่า ซิเรียส” รีมัสพูดเมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของซิเรียส
“เอ๊ะ นายพูดแบบนี้แปลว่านายอยากเจอฉันอีกชาติใช่มั้ย” ซิเรียสแซว แกล้งยื่นหน้าไปใกล้รีมัสที่จู่ๆก็หน้าแดงและพยายามซ่อนใบหน้าด้วยหนังสือเล่มโต
“ไม่ใช่ซะหน่อย ฉันพูดเพราะเห็นนายทำหน้าเศร้าต่างหาก” รีมัสโต้
“ก็ฉันอยากเจอนายอีกชาตินี่นา” ซิเรียสพูด ก่อนจะกระซิบข้างหูรีมัสเบาๆ “สรุปนายไม่เชื่อเรื่องโชคจริงๆหรอ”
“อือ ฉันไม่เชื่อ”
ซิเรียสมองใบหน้าอ่อนโยนของรีมัสที่นอนหลับอยู่ รีมัสกำลังฝันร้าย เขาส่ายหน้าไปมาและพึมพำอะไรบางอย่าง ซิเรียสเอื้อมมือไปหวังจะปาดน้ำตาที่ปริ่มซึมออกมาจากดวงตา แต่มือของเขากลับผ่านหน้ารีมัสไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ซิเรียสตายแล้ว และเขาแตะตัวรีมัสไม่ได้
ซิเรียสย่อตัวลงข้างเตียง เขาพยายามฟังว่ารีมัสพึมพำว่าอะไร
“ซิเรียส อย่าไป” เป็นถ้อยคำที่รีมัสพร่ำละเมอออกมา ซิเรียสกัดปากแน่น เขาไม่อาจรู้ได้ว่ารีมัสกำลังฝันอะไร เขาไม่สามารถแตะตัวรีมัสได้
เขาร้องไห้ไม่ได้ด้วยซ้ำไป
“รีมัส ขอมือหน่อยสิ” ซิเรียสเอ่ยขึ้น ในบ่ายวันอาทิตย์วันหนึ่ง หลังจากที่พวกเขาจบจากฮอกวอตส์มาเกือบ 10 ปี และลืมบทสนทนายามค่ำคืนในห้องนั่งเล่นรวมกริฟฟินดอร์ไปจนหมด
“ทำไม” รีมัสถาม แต่ซิเรียสไม่ตอบ เขาเอามือของเขามาทาบกับมือรีมัส ก่อนจะหน้าซีดไป
“ชาติหน้าฉันกับนายคงจะไม่ได้เจอกัน” ซิเรียสเอ่ยเสียงแผ่ว
“ซิเรียส” รีมัสพูด พิงศีรษะลงซบกับไหล่ของซิเรียส “แค่ฉันได้เจอนายชาตินี้ก็ไม่รู้จะขอบคุณโชคชะตายังไงแล้ว”
เพียงแต่ตอนนั้นรีมัสยังไม่รู้ว่าเวลาของเขากับซิเรียสมันน้อยกว่าที่เขาคิดไว้แค่ไหน และเขายังไม่รู้ว่าหลังจากซิเรียสตายเขาจะภาวนาให้ชาติหน้าได้เกิดมาเจอซิเรียสอีกครั้ง
เพราะเวลาในชาตินี้มันไม่พอ
“รีมัส สบายดีมั้ย” นางวีสลีย์เอ่ยถาม เธอมาหารีมัสทุกวันหลังจากซิเรียสตาย เธอจะชงชาหนึ่งกา แล้วทั้งคู่ก็จะนั่งจิบชาที่หวานเกินไปด้วยกันเงียบๆตลอดทั้งบ่าย
“ผมสบายดีครับ คุณไม่จำเป็นต้องมาทุกวันก็ได้” รีมัสตอบ เขารีบพูดต่อก่อนที่นางมอลลี่จะได้พูดอะไรออกมา “แต่ผมดีใจที่คุณมา”
“ไม่เป็นไรหรอก รีมัส” นางมอลลี่ตอบ เธอยื่นมือไปกุมมือรีมัสหลวมๆ
ซิเรียสนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น แต่เขาไม่อาจแสดงตัวให้คนทั้ง 2 เห็นได้ ซิเรียสเห็นทุกอย่าง เขาเห็นในสิ่งที่นางมอลลี่ไม่เห็น เขาเห็นรอยน้ำตาจากการนอนร้องไห้ตลอดคืนบนหน้ารีมัส เขาเห็นผมสีน้ำตาลของรีมัสเริ่มกลายเป็นสีเทาตรงโคน เขาเห็นริ้วรอยที่เพิ่มขึ้น เขาเห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นบริเวณขมับเพราะใบหน้าซูบตอบลง เขาเห็นรอยในดวงตาของรีมัส ดวงตาที่บอกซิเรียสว่าเจ้าของดวงตาคู่นั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
“ซิเรียส ถ้าฉันตายไป นายจะทำยังไง” รีมัสถาม เขากับซิเรียสกำลังจะเผชิญหน้าครั้งใหญ่กับโวลเดอร์มอร์ และรีมัสกลัว
“ไม่รู้สิ คงจะแย่ไปเลยมั้ง ฉันไม่รู้จะทำยังไงถ้าไม่มีนาย” ซิเรียสตอบ “แล้วถ้าฉันตายล่ะ”
“นายเคยดูหนังเรื่อง Hotel Rwanda มั้ย” รีมัสพูด “พระเอกบอกนางเอกว่า เมื่อไหร่ที่ทหารบุกเข้ามา ให้หนีขึ้นไปบนดาดฟ้า ถ้าพระเอกถูกฆ่าไปแล้ว ให้นางเอกจับมือลูกๆแล้วกระโดดลงมาจากดาดฟ้า” รีมัสยิ้ม “พระเอกเขาบอกว่า ยังไงก็ห้ามตายด้วยมีดเด็ดขาด”
“นายหมายความว่ายังไง รีมัส” ซิเรียสถามด้วยความไม่แน่ใจ
“ถ้านายตาย ฉันคงไม่ฆ่าตัวตายหรอก” รีมัสว่า “แต่ฉันคงเหมือนตายทั้งเป็น”
นางมอลลี่ไม่รู้ว่าจะช่วยรีมัสได้อย่างไร เขาไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า เขาไม่เข้าโบสถ์ เขาไม่สารภาพบาป เขาไม่สวดมนต์ เขาไม่ฟังเทศน์ นางมอลลี่ไม่รู้จะหาที่พึ่งทางใจให้รีมัสได้จากที่ไหน แต่แล้วนางก็คิดออก
บ่ายวันหนึ่ง นางมอลลี่ไม่ได้มาดื่มน้ำชากับรีมัสคนเดียว เธอพาเดรโกมาด้วย นางมอลลี่ทิ้งทั้งคู่ไว้ด้วยกัน ทั้งคู่นั่งดื่มน้ำชาที่หวานเกินไปด้วยกัน ซิเรียสนั่งอยู่ตรงนั้นด้วย แต่ไม่มีใครเห็น
ซิเรียสยิ้มเมื่อเห็นรีมัสกับเดรโกกุมมือกันในที่สุด ถ่ายทอดกำลังใจให้กัน ซิเรียสไม่ได้โกรธอย่างที่รีมัสคิด เขาดีใจ เขาดีใจที่รีมัสเลิกจมอยู่กับความเศร้า และมีความกล้าที่อย่างน้อยก็พยายามที่จะก้าวต่อไป เขาดีใจ ซิเรียสไม่อยากทำร้ายรีมัสจนรีมัสไม่สามารถรักใครได้อีก
เพราะความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม และเขาเรียนรู้สิ่งนั้นมาจากรีมัส
THE END
ความคิดเห็น