คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Swan Lake 1
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ อาณาจักรอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร ยังมีเจ้าชายรูปงามองค์หนึ่งนามว่าแฮหลี พอตตู้ เจ้าชายแฮหลีนั้นเป็นลูกชายคนเดียวของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่นามว่าจิ้ม พอตตู้ กษัตริย์จึงทั้งรักและหวงแหนแฮหลีมาก เรียกว่าเป็นลูกชายหัวหลักหัวตอของเขาเลยทีเดียว... เอ๊ะ! หรือเรียกว่าหัวแก้วหัวแหวนหว่า? ไม่สิ... ต้องเป็นหัวเน่าหัวหนอนสินะ
นั่นแหละ ๆ แฮหลีก็เป็นลูกชายหัวเน่าหัวหนอนคนเดียวของกษัตริย์จิ้ม เจ้าชายมีแม่เป็นพระราชะนีผู้เลอโฉมนามว่ามู่ลี่ พระองค์เป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมมากและเป็นแม่ที่แสนดีของลูก เสียอย่างเดียว...ติดเกมมากไปหน่อย...
และเจ้าชายแฮหลีก็ยังมีทหารคนสนิทผู้แสนพักดี อีกคนนามว่าหลอน วีเซิ่ล แค่นี้ชีวิตของเจ้าชายก็มีความสุขสุดจะหาใดปานแล้ว! เรื่องวุ่นวายอะไรก็ไม่ค่อยมีเข้ามาให้ต้องคิดมาก ใช้ชีวิตเรียบง่ายไปวัน ๆ ตอนบ่ายก็เข้าไปนั่งจิบชากับเสด็จพ่อ สบายใจเฉิบซะไม่เมีย!
บ่ายวันนี้เจ้าชายแฮหลีก็เข้าไปนั่งจิบชากับเสด็จพ่ออีกตามเคย สบายใจเฉิบซะไม่เมีย!
“แฮหลีลูกเลิฟของปะป๊า” กษัตริย์จิ้มยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม (ไหนบอกจิบชาไง โกหก ๆ ชิ ๆ)
“มีอะไรเหรอครับ?” แฮหลีกล่าวอย่างสุภาพ
“คือว่าปะป๊าเบื่อครองราชย์แล้วง่ะ มาครองแทนให้หน่อยดิ”
...เอ่อ...สาบานได้ว่านี่คือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่...
“ปะป๊าพูดอะไรอย่างงั้น ผมยังอายุไม่ถึงสิบแปดเลยนะ” แฮหลีพูด “ตามกฎหมายเมืองเรา ต้องอายุครบสิบแปดหรือไม่ก็ต้องมีคู่ครองถึงจะขึ้นครองราชย์ได้ไม่ใช่เรอะ?”
“อะไรกันนี่เจ้ายังอายุไม่ถึงสิบแปดอีกเรอะ?”
“ยัง แค่สิบหกเอง” แฮหลีตอบ
กษัตริย์จิ้มทำหน้างุงงน....อาไรว้า ก็นับอายุมันอยู่ทุกวัน สิบสี่ สิบห้า แล้วก็สิบแปด....น่าจะถึงแล้วนี่น่า หรือว่าเจ้าแฮหลีมันก็ขี้เกียจครองราชย์เหมือนกันเลยตอแหลหว่า?
“งั้นเหรอ งั้นเจ้าก็แต่งงานซะสิ จะได้ครองราชย์ได้”
“แต่ผมยังไม่เจอคนที่โดนใจดังแจ๊ะเลยนี่น่า”
“งั้นก็รีบ ๆ หาเข้าสิ”
...เอ่อ...ทรงพระเจริญเถอะนะ กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ นะ...
“ปะป๊า ของอย่างงี้มันหาง่ายขนาดนั้นซะที่ไหนเล่า มันต้องใช้เวลา ปะป๊าก็ทนครองราชย์ไปก่อนไม่ได้ไง แค่สองปีเอง”
กษัตริย์จิ้มทำหน้าบูดเป็นตูดหมี (ทำไมต้องตูดหมี?) “ไม่เอาอ่ะ หูย... ตั้งสองปีแน่ะ นานตายชัก! ปะป๊าอยากไปหาความสุข เอ๊ย! เดินทางแสวงโชคข้างนอกแล้วอ่ะ”
...เลยกะโยนภาระให้ลูกซะว่างั้น? พ่อที่ดีอะไรยังงี้...
“ไม่ต้องเลย ปะป๊าจะไปตามจีบเจ้าของร้านกาแฟในตลาดคนนั้นล่ะสิ ผมรู้นะ” แฮหลียกชาขึ้นจิบ (นี่! ต้องอย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าจิบชาสบายใจเฉิบซะไม่เมีย!) “ผมบอกแล้วไงว่าให้พาเข้าวังมาซะก็สิ้นเรื่อง หม่าม้าไม่ว่าอะไรอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ ...อันที่จริงหม่าม้าไม่ได้ออกจากห้องมาสามปีแล้วนี่ ตั้งแต่ปะป๊าซื้อเครื่อง PS2 ให้เมื่อสามปีที่แล้วอ่ะ”
...เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มีใครบอกว่าพระองค์เป็นแม่ที่แสนดีและเพียบพร้อมรึเปล่า? ไม่มีใช่ไหม? เออ...แล้วไป...
“เรื่องหม่าม้าเจ้าน่ะช่างเขาเถอะ” กษัตริย์จิ้มพูดอย่างไม่สนใจ (ช่างเป็นกษัตริย์ที่รักลูกรักเมียดีจริง ๆ) “แต่เรื่องพาเข้าวังเนี่ย...... ก็...ก็สนิมคุงเขาไม่ยอมมานี่น่า ปะป๊าตามง้อตั้งหลายรอบแล้วนะ!”
แฮหลีทำหน้ารำคาญใจ....คนบ้าอะไรวะชื่อสนิม พิลึกชะมัด หน้าตาต้องพิสดารเหมือนชื่อแหงม ๆ
“ปะป๊าก็ตีหัวแล้วอุ้มมาเลยดิ๊ ปัดโธ่ ง่ายจะตาย!”
ดู ดู๊ ดูไอ้ลูกคนนี้มันแนะนำพ่อมันสิ... “บ้าเรอะ ทำงั้นสนิมคุงเค้าก็โกรธปะป๊าแย่สิ”
“ปะป๊า ปะป๊าเป็นกษัตริย์นะ กลัวทำไมกะอีแค่คนขายกาแฟ!”
“แฮหลีเจ้าพูดอย่างงี้ได้ไง! สนิมเค้าไม่ใช่แค่คนขายกาแฟธรรมดานะ! ไม่รู้แหละ ถ้าเจ้าหาคู่ครองไม่ได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ปะป๊าจะส่งจดหมายไปสู่ขอเจ้าหญิงด๊อบบู้ให้เจ้า” ว่าแล้วกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ก็เดินงอนตุ้บป่องจากไป ทิ้งให้แฮหลีนั่งเซ็งอยู่คนเดียว
“ทำงี้ได้ไง กษัตริย์บ้าไรเนี่ย เห็นคนขายกาแฟสำคัญกว่าลูกชายตัวเองได้!” แฮหลีบ่น “แบบนี้แย่แน่ ขืนไม่รีบหาคู่ครองมีหวังปะป๊าต้องจับให้แต่งงานกับเจ้าหญิงด๊อบบู้เมืองข้าง ๆ แน่ แหวะ! ไม่เอาหรอก หน้าตาประหลาดจะตาย! เคยได้ยินข่าวลือว่าจริง ๆ แล้วยัยเจ้าหญิงนั่นไม่ใช่มนุษย์ด้วย อึ๋ย คิดแล้วสยอง! สงสัยเราต้องรีบชิ่งหาสาวงามให้ได้ก่อนซะแล้ว”
เมื่อคิดได้ดังนั้นเจ้าชายแฮหลีก็รีบเรียกทหารคนสนิทเข้ามาทันที “หลอน! เข้ามานี่หน่อย”
เด็กหนุ่มหัวแดงแจ๋คนหนึ่งเดินแคะขี้มูกเข้ามา “เจ้าชายแฮหลี เรียกกระหม่อมมามีอะไรให้รับใช้ก็ว่ามาเร็ว ๆ เข้า เสียเวลา”
...เอ่อ...คือว่าทหารคนสนิทประเทศอื่นเขาพูดกับเจ้าชายกันแบบนี้รึเปล่าวะ?...
“หลอน ข้าจะออกนอกปราสาทไปหาสาวงาม เจ้าไปกับข้า ไปเตรียมม้าเร็ว ๆ เข้า”
หลอนทำจมูกบาน “แหงะ ทำไมกระหม่อมต้องไปด้วย ขี้เกียจอ่ะ”
“ไม่ได้! เจ้าต้องไปกับข้าสิ เจ้าเป็นทหารคนสนิทของข้านะ”
“เป็นทหารคนสนิทแล้วไง ไม่ได้เป็นเมียซะหน่อย”
...เฮ่ย....
“แล้วเจ้าชายจะหาสาวงามไปทำไมอ่ะ?”
“ก็หามาเป็นคู่ครองน่ะสิถามได้ ปะป๊า เอ๊ย! เสด็จพ่อของข้าขี้เกียจครองราชย์ จะชิ่งไปจีบคนขายกาแฟแล้ว”
“แล้วครองราชย์กับคนขายกาแฟมันเกี่ยวกันตรงไหนอ่ะ?”
...เปลี่ยนตำแหน่งให้มันดีไหม อย่าเป็นเลยทหารคนสนิท เป็นสมองบอดสนิทเถอะ...
“ก็เสด็จพ่อจะสละบัลลังก์แล้ว ข้าก็เลยต้องหาคู่ครองเพื่อขึ้นครองบัลลังก์แทนไงเล่า!”
“หาสาวงามมาเป็นคู่ครอง?”
“ก็เออสิ!”
“อ้าว เจ้าชายไม่ได้เป็นเกย์หรอกเรอะ?”
...สาบานเถอะ ไอ้บ้านี่มันเป็นทหารคนสนิทหรือเป็นเตี่ยเขากันแน่เนี่ย...
“เจ้าอย่าถามมากนักได้ไหม! ข้าบอกให้ไปเตรียมม้าแล้วไปกับข้า เร็ว ๆ เข้า!”
...แต่ก็ไม่ปฏิเสธเนอะ...
“กระหม่อมเตรียมม้าให้อย่างเดียวแต่ไม่ไปได้มะ?”
...มันช่างเป็น...ทหารผู้แสน...พัก (ผ่อน) ดี (กว่า) จริง ๆ...
“ไม่ได้!”
“ไมอ่ะ? เจ้าชายจะไปหาสาวงามที่ไหนมาควงก็ไปดิ ไม่เกี่ยวกะกระหม่อมนี่ กระหม่อมไม่ได้จะหาด้วยซะหน่อย”
....เฮ้ย...นี่ใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้องกันแน่วะ...
“เฮ้ย ไอ้หลอน เอ็งรีบ ๆ ไปเตรียมม้าแล้วไปกับข้าสักทีเถอะ คนอ่านเขาหมั่นไส้แกกับไอ้คนเขียนจอมเวิ่นเว้อกันหมดแล้ว”
“เออ ๆ ไปก็ได้ น่ารำคาญจริง” หลอนหันหลังเดินลากเท้าจากไปอย่างเซ็ง ๆ
....ให้ตายเหอะ ใครรับหมอนี่เข้ามาทำงานวะเนี่ย....
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
เจ้าชายแฮหลี พอตตู้รูปงามทรงม้าออกมานอกปราสาทกับหลอน วีเซิ่ลทหารคนสนิท ราษฎรเดินกันเนืองแน่นเต็มตลาด เจ้าชายไม่รอช้า รีบสอดส่ายสายตามองหาสาวงามทันที
และแล้ว ไม่ต้องเสียเวลามาก เจ้าชายแฮหลีก็ต้องสายตาเข้ากับสาวงามนางหนึ่ง เธอคือแม่ค้าขายส้มตำนั่นเอง
โอ...ดูเธอสิ เธอช่างหยดย้อยจริง ๆ (เหงื่อจากการย่างไก่ใช่ไหมน่ะ?) ผมสีดำยาว ดวงตาโต ใบหน้ากลมเป็นซาลาเปา โอ้แม่เจ้า! ไม่เคยพบเคยเจอที่ไหนมาก่อนเลย!
แฮหลีรีบกระโดดตีลังกาสามตลบลงจากหลังม้าแล้วเบียดฝ่าฝูงชนเข้าไปหาแม่ค้าหน้าแป้นแล้วจัดการโปรยเสน่ห์ทันที
“แม่นาง” แฮหลีเสยผม...อย่างเท่ห์! “ไก่ย่างขายยังไงหรือครับ?”
“ไม้ละยี่สิบเอากี่ไม้? เจ๊คนนู้นเมื่อกี้เอาอะไรนะ ตำปูใช่มะ? ใส่ปลาร้าป่ะ? ....ไม่ใส่? วุ้ย! ไม่ใส่แล้วมันจะไปอร่อยได้ไงวะ แมร่ง ~ตู้ด~ จริง ๆ เลย ตกลงเฮียเอาไก่กี่ไม้นะ?”
“อะ เอ่อ...” เจ้าชายแฮหลีเกิดอาการอึ้งเล็กน้อย นี่สงสัยเขาคงอยู่แต่ในวังมากไปใช่ไหม คำศัพท์ภาษาชาวบ้านก้าวหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เขาตามไม่ทันเลยแฮะ
“เอ้าว่าไง จะเอากี่ไม้? เอาข้าวเหนียวด้วยป่ะ?”
“เอ่อคือ... ข้าไม่ได้จะซื้อหรอก ที่จริงแล้วข้าเป็นเจ้าชา...”
“อ้าว ไอ้ ~ตู้ด~ นี่ ไม่ซื้อก็ออกไปไกล ๆ เดะ! เกะกะบังหน้าร้านหมด คิดจะมาก่อกวนเรอะ?”
“เปล่า ๆ ข้าแค่อยากเข้ามาคุยกับเจ้า...”
“คุยเคยอะไร คนกำลังทำมาหากินไม่เห็นไง? ไปไกล ๆ เลยไป จะจีบฉันน่ะเร็วไปร้อยปีเฟร้ย! เกิดใหม่เป็นเจ้าชายก่อนแล้วค่อยมาไป๊!”
เจ้าชายแฮหลียังไม่ทันจะได้แนะนำตัวก็ถูกลูกค้าคนอื่น ๆ ดันจนหลุดวงโคจรออกมาข้างนอกเสียแล้ว หลอน ทหารคนสนิทก็ยังคงยืนแคะขี้หูอยู่อย่างเมามัน ไม่มีทีท่าว่าจะเข้าไปช่วยเจ้าชายแฮหลีเลยสักนิด
“เป็นไงมั่ง จีบได้ป่ะ?” หลอนถาม
เจ้าชายแฮหลีส่ายหน้า “ชื่อก็ยังไม่รู้เลย เจ้าหล่อนดูยุ่งเหลือเกิน”
“เหรอ ดี สมน้ำหน้า บอกแล้วเป็นเกย์อย่าหลอกผู้หญิง”
....ใครช่วยเอาไอ้บ้านี่ไปเก็บที....
“แล้วจะเอาไงต่อ ไปหาที่อื่นป่ะ? ในตลาดคนเยอะยังงี้ไม่มีใครว่างมาให้จีบหรอก”
“ก็ดีเหมือนกัน ที่นี่คนเยอะแล้วยังร้อนอีกต่างหาก”
“อืม เป็นเจ้าชายอยู่แต่ในวังก็งี้แหละ ผิวบอบบาง โดนแดดนิดหน่อยก็ทนไม่ได้และ อีเดียตเนอะ”
....นี่พูดจริง ๆ นะ ใครก็ได้เอาไอ้บ้านี่ไปเก็บทีเหอะ...
“งั้นตกลงจะไปไหนล่ะ?” หลอนถามขึ้น
แล้วในทันทีทันใดนั้นเอง เจ้าชายก็เกิดไอเดียปิ๊ง ๆ ปั๊ง ๆ ขึ้นมา “จริงด้วย เจ้ารู้จักร้านกาแฟที่อยู่ท้ายตลาดไหม? ที่เจ้าของร้านชื่อสนิมน่ะ ข้ายังไม่เคยไปสักครั้งเลย”
“อ๋อ ร้าน ‘สำริดตีนลิง กาแฟโบราณบานบุรี’ ใช่มะ? หูย...รู้จักสิ กระหม่อมไปบ่อย! พ่อค้าหน้าสวย กาแฟรสชาติห่วยแตก ในตลาดเนี้ยขึ้นชื่อลือชาจะตาย! เจ้าชายอยากไปเรอะ?”
“ใช่ เจ้ารู้ทางใช่มะ? ดี งั้นนำไปเลย”
“พะยะค่ะ” หลอนรับคำเสียงห้าวแล้วกระโดดขึ้นบนหลังม้า แต่เจ้าชายแฮหลียืนนิ่ง “อ้าว เจ้าชายยืนนิ่งอยู่ไมอ่ะ ขึ้นม้าดิ”
“ม้าข้าอยู่นี่” แฮหลีเอานิ้วชี้จิ้มม้าสีขาวที่หลอนขี่อยู่ ก่อนจะชี้ไปที่ม้าสีตุ่น ๆ อีกตัวข้างหลัง “ของเจ้าอยู่นู่น อย่ามาทำเนียน”
“อ้าวเหรอ มะกี้กระหม่อมไม่ได้ขี่ตัวนี้มาเหรอ?”
“ไม่ใช่! เจ้าขี่ตัวนู้นมา ลงไป ๆ”
หลอนโดดลงจากม้าแล้วเดินไปขึ้นขี่ตัวหลังแทน
....เออ ให้มันรู้ซะมั่ง ไม่ใช่เจ้าชายบังอาจมาขี่ม้าขาวได้ยังไง...
และแล้วหลอนก็พาเจ้าชายเดินทางไปเรื่อย ๆ จนถึงท้ายตลาด...
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
..................
.............
......
...
โปรดติดตูด เอ๊ย! ติดตามตอนต่อไป - ทึ่ง ดึ้ง!
(ไว้อารมณ์ดี + มีเวลาแล้วจะเขียนต่อนะ ^ ^)
ความคิดเห็น