ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HP/DM] Untitled (Y)

    ลำดับตอนที่ #1 : Draco's view

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 53


    ผมเคยอยากเป็นเพื่อนกับหมอนั่น

    ผมยังจำได้ดีตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน

    ...หมอนั่นปฏิเสธผม...

    เขาปฏิเสธมือที่ยื่นออกไปของผม และหลังจากนั้นก็ยังคงปฏิเสธมาตลอด

    .

    .

    .

     
    Draco’s view

     

    หมอกลงอีกแล้ว หมอกบ้า ๆ พวกนั้น โรยตัวลงมาทั่วอาณาบริเวณบ้านผมจนมืดไปหมด มืดราวกับไม่เคยรู้จักแสงสว่างมาก่อน ทั้งที่ตอนนี้เป็นเวลาเช้า แต่หมอกกลับบดบังแสงอาทิตย์ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับกลั่นแกล้ง หมอกปิดกั้นบ้านผมจากแสงแดดยามเช้าอีกครั้ง ดังเช่นที่มันเพียรทำอยู่ทุกวัน

     

    ผมเกลียดหมอก เกลียดมากพอ ๆ กับที่มันเกลียดผม หมอกทำให้ผมไม่เคยมีช่วงเวลาเช้าที่สว่างสดใสอย่างที่ควรจะเป็น และก็หมอกอีกนั่นแหละที่ส่งคนคนนั้นมาทำลายครอบครัวของผม มันขโมยทุกอย่างไปจากผม แม้แต่ความสุขอันน้อยนิดที่ผมมี เอาไปจนหมด...

     

    จนถึงตอนนี้ ผ่านมากว่าเดือนแล้ว หลังจากที่คนคนนั้นถูกหมอนั่นกำจัดไป ทั้งที่ตอนนั้นผมคิดว่าทุกอย่างจบลงแล้ว เรื่องราวทั้งหมดกำลังจะดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น ครอบครัวของผมเป็นอิสระและได้กลับมาอยู่ร่วมกัน เราน่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติและมีความสุขอีกครั้ง แต่มันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น...

     

    บางที...มันอาจจะเป็นคำสาปก็ได้

     

    เดรโก

     

    แสงไฟสีเหลืองนวลไล่ผ่านพื้นห้องสีทึบเข้ามาถึงตัวผมพร้อมกับเสียงบานประตูถูกแง้มเปิด ผมได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลังแต่ไม่ได้ขยับตัวจากบานหน้าต่าง ไม่จำเป็นต้องหันไปมองผมก็รู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร

     

    เดรโก...ลูก  เงาของแม่เคลื่อนใกล้เข้ามาจนบดบังแผ่นหลังของผมจากแสงไฟในตัวบ้าน แม่หยุดก่อนจะถึงตัวผมแล้วเอ่ยเบา ๆ ไม่กินข้าวเหรอ? 

     

    ...ผมรู้สึกถึงไออุ่นของแม่...

     

    ผมไม่ค่อยหิวครับแม่  ผมตอบ ผมไม่ได้โกหก แม่ไม่รู้ว่าความรู้สึกอยากอาหารทิ้งผมไปมากกว่าปีแล้ว

     

    ไม่กินสักหน่อยเดี๋ยวเดินทางจะหิวเอานะ

     

    ผมไม่เป็นไรหรอกครับ

     

    กระจกหน้าต่างสะท้อนใบหน้าอิดโรยของแม่ให้ผมเห็น แม่แตะไหล่ผมเบา ๆ  ไม่พูดอะไร

     

    ผมรู้ว่าแม่เป็นห่วงผม ผมอยากบอกท่านเหลือเกินว่าผมเป็นห่วงพ่อกับแม่มากกว่าหลายเท่านัก ผมอยากให้ท่านเลิกกังวลกับอนาคตของผมเสียที สำหรับผมมันไม่มีความจำเป็นอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองที่ถูกกระทรวงอายัดไปทั้งหมด หรือคฤหาสน์โทรม ๆ บนที่ดินผืนเดียว หรือตระกูลที่เหลือแต่ชื่อนี่...

     

     จัดของเสร็จแล้วใช่ไหมจ๊ะ?

     

    แม่ไม่น่าถามคำถามนี้ ผมรู้ว่าแม่พูดเพราะไม่อยากให้บทสนทนาตาย แต่แม่รู้คำตอบของคำถามนั้นอยู่แล้ว แม่เห็นผมจัดกระเป๋าอยู่เมื่อคืน แม่รู้ว่าผมไม่อยากไป...

     

    ครับ  ผมตอบเพื่อให้แม่สบายใจ

     

    แม่ยิ้ม...เป็นยิ้มที่ให้ความรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน  ลูกเป็นเด็กดีเสมอ พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวลูกนะ

     

    ไม่รู้ว่าเพราะอะไร คำพูดนั้นของแม่ทำให้ผมเจ็บจี๊ดเหมือนถูกบีบในอก ภูมิใจ...งั้นหรือ? แม่ภูมิใจในตัวผมหรือคาดหวังอะไรในตัวผมกันแน่ ถ้าพ่อกับแม่ภูมิใจในตัวผม ทำไมพวกท่านถึงไม่เคยยอมรับฟังสิ่งที่ผมพยายามจะบอกเลย...

     

    ผมหันไปสบตาแม่  แม่ครับ...ผมไม่อยากกลับไปเรียน

     

    แม่นิ่งเงียบมองหน้าผม

     

    มันไม่จำเป็นเลย เชื่อผมเถอะ ปีสุดท้ายที่ฮ็อกวอตส์ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นสักเท่าไหร่หรอก ที่สำคัญเราก็ไม่มีเงินแล้วด้วย ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่...

     

    เดรโก...  แม่ขัดจังหวะผม  เราคุยเรื่องนี้กันหลายรอบแล้วไม่ใช่หรือจ๊ะ ยังไงแม่ก็ยังยืนยันเหมือนเดิม ลูกต้องเรียน ต้องมีอนาคต ลูกเป็นความหวังเดียวของตระกูลมัลฟอยนะ

     

    แล้วครอบครัวของเราล่ะจะเป็นยังไงต่อไป? จะใช้ชีวิตยังไง? จะเอาอะไรกิน? แทนที่จะเอาเงินน้อยนิดที่เรายังพอมีเหลืออยู่ไปจ่ายค่าเทอม สู้เอามาใช้จ่ายในครอบครัวดีกว่า ผมพูดจริง ๆ นะครับแม่ เราหาซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่กันสามคนก็ได้ ผมจะหางานทำ เราจะช่วยกัน ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น...

     

    แม่ส่ายศีรษะ  แม่บอกแล้วไง คฤหาสน์หลังนี้เป็นคฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลมัลฟอย เราขายมันไม่ได้หรอก...

     

    แต่ว่าตอนนี้เรากำลังแย่นะครับ ถ้าพ่อแม่มัวแต่ห่วงรักษาคฤหาสน์ เมื่อไหร่เราจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกันซะที?

     

    ความสุขของพ่อกับแม่คือการได้เห็นมัลฟอยกลับมายิ่งใหญ่สมเกียรติอีกครั้งหนึ่ง ได้เห็นลูกเชิดหน้าชูตาอยู่ในฐานะผู้นำคนใหม่ของตระกูล มีเกียรติ มีชื่อเสียง เช่นที่เคยเป็น  แม่เบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง ทั้งที่มันไม่มีอะไรน่ามองเลย  ลูกเองก็ควรภูมิใจในความเป็นมัลฟอยให้มากกว่านี้ คิดถึงตระกูลเหนือสิ่งอื่นใด อย่าลืมเด็ดขาดว่าพวกเราสูงส่งแค่ไหน

     

     “ผมไม่สนหรอกว่าเราสูงส่งแค่ไหน! ว่าตระกูลเฮงซวยหรือคฤหาสน์โกโรโกโสนี่จะเป็นยังไง! แม่เลิกยึดติดกับเกียรติยศบ้า ๆ นี่สักทีเถอะ...

     

    อย่าพูดอย่างนั้นอีกนะ!!!”  แววตาดุดันจ้องเขม็ง เสียงของแม่ดังก้องสะท้อนไปทั้งห้อง  อย่า...เอ่ยปากอีกเป็นครั้งที่สอง ว่าตระกูลมัลฟอยจะเป็นยังไงก็ช่าง

     

    แม่...ผมแค่ไม่อยากให้ครอบครัวเราต้องแบกรับภาระเกินจำเป็น...

     

    การทำเพื่อวงศ์ตระกูลไม่ถือเป็นภาระ

     

    แต่...

      

    พอแล้ว  แม่พูดเสียงเรียบ  พ่อกับแม่รู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ ลูกก็ควรรู้หน้าที่ของตัวเองเช่นกัน ตั้งใจเรียน แม่ขอแค่นี้แหละ

     

    ผม...  ผมแค่อยากให้เราอยู่ด้วยกัน...แค่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่...อยากให้ครอบครัวของเรามีความสุข

     

    ...ผมแค่อยากมีความสุข...

     

    ครับ...ได้ครับ แม่

     

    ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบที่ชวนอึดอัด สายหมอกข้างนอกส่งยิ้มเย็นชาให้เรา

     

    ...ผมไม่เข้าใจพ่อกับแม่เลย ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ...

     

    ผมได้ยินเสียงแม่หายใจเบา ๆ  แล้วน้ำเสียงอ่อนโยนที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นอีกครั้ง  แม่มีของจะให้ลูกจ๊ะ  แม่ล้วงหยิบแหวนขึ้นมาวงหนึ่ง รวบมือผมให้กำมันเอาไว้  ลูกคงเคยเห็นมันแล้ว แหวนที่พ่อให้แม่วันแต่งงานไงล่ะ แม่อยากให้ลูกเก็บเอาไว้

     

    ผมก้มลงมองแหวนทองบนฝ่ามือ มันเป็นแหวนเรียบ ๆ  สลักตราประจำตระกูลมัลฟอยและประดับเพชรไว้อย่างประณีต

     

    แหวนประจำตระกูล...สมบัติหนึ่งในไม่กี่ชิ้นสุดท้ายที่มัลฟอยยังเหลืออยู่

     

    ...ผมไม่ต้องการมันเลยสักนิด...

     

    แหวนนี่เป็นของสำคัญ รักษามันให้ดีนะ  แม่ย้ำแล้วแย้มปากยิ้มให้ผม...แม้จะดูอิดโรยสักเพียงไร รอยยิ้มของแม่ก็ยังคงสวยงามมากที่สุดเสมอ...  แม่รักลูกจ๊ะ  แม่ก้าวเข้ามาสวมกอดผม ผมกอดตอบ กอดเผื่อช่วงเวลาอีกหนึ่งปีที่จะไม่ได้กอดอีก อย่างน้อยหากวัจนภาษาไม่อาจทำให้เข้าใจกันได้...ผมหวังเหลือเกินว่าสิ่งนี้จะถ่ายทอดความรู้สึกบางอย่างไปถึงแม่ได้บ้าง...

     

    :: :: :: :: :: ::

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×