คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Draco's view
ผมเคยอยากเป็นเพื่อนกับหมอนั่น
ผมยังจำได้ดีตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน
...หมอนั่นปฏิเสธผม...
เขาปฏิเสธมือที่ยื่นออกไปของผม และหลังจากนั้นก็ยังคงปฏิเสธมาตลอด
.
.
.
หมอกลงอีกแล้ว หมอกบ้า ๆ พวกนั้น โรยตัวลงมาทั่วอาณาบริเวณบ้านผมจนมืดไปหมด มืดราวกับไม่เคยรู้จักแสงสว่างมาก่อน ทั้งที่ตอนนี้เป็นเวลาเช้า แต่หมอกกลับบดบังแสงอาทิตย์ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับกลั่นแกล้ง หมอกปิดกั้นบ้านผมจากแสงแดดยามเช้าอีกครั้ง ดังเช่นที่มันเพียรทำอยู่ทุกวัน
ผมเกลียดหมอก เกลียดมากพอ ๆ กับที่มันเกลียดผม หมอกทำให้ผมไม่เคยมีช่วงเวลาเช้าที่สว่างสดใสอย่างที่ควรจะเป็น และก็หมอกอีกนั่นแหละที่ส่งคนคนนั้นมาทำลายครอบครัวของผม มันขโมยทุกอย่างไปจากผม แม้แต่ความสุขอันน้อยนิดที่ผมมี เอาไปจนหมด...
จนถึงตอนนี้ ผ่านมากว่าเดือนแล้ว หลังจากที่คนคนนั้นถูกหมอนั่นกำจัดไป ทั้งที่ตอนนั้นผมคิดว่าทุกอย่างจบลงแล้ว เรื่องราวทั้งหมดกำลังจะดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น ครอบครัวของผมเป็นอิสระและได้กลับมาอยู่ร่วมกัน เราน่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติและมีความสุขอีกครั้ง แต่มันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น...
บางที...มันอาจจะเป็นคำสาปก็ได้
“เดรโก”
แสงไฟสีเหลืองนวลไล่ผ่านพื้นห้องสีทึบเข้ามาถึงตัวผมพร้อมกับเสียงบานประตูถูกแง้มเปิด ผมได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลังแต่ไม่ได้ขยับตัวจากบานหน้าต่าง ไม่จำเป็นต้องหันไปมองผมก็รู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร
“เดรโก...ลูก” เงาของแม่เคลื่อนใกล้เข้ามาจนบดบังแผ่นหลังของผมจากแสงไฟในตัวบ้าน แม่หยุดก่อนจะถึงตัวผมแล้วเอ่ยเบา ๆ “ไม่กินข้าวเหรอ?”
...ผมรู้สึกถึงไออุ่นของแม่...
“ผมไม่ค่อยหิวครับแม่” ผมตอบ ผมไม่ได้โกหก แม่ไม่รู้ว่าความรู้สึกอยากอาหารทิ้งผมไปมากกว่าปีแล้ว
“ไม่กินสักหน่อยเดี๋ยวเดินทางจะหิวเอานะ”
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ”
กระจกหน้าต่างสะท้อนใบหน้าอิดโรยของแม่ให้ผมเห็น แม่แตะไหล่ผมเบา ๆ ไม่พูดอะไร
ผมรู้ว่าแม่เป็นห่วงผม ผมอยากบอกท่านเหลือเกินว่าผมเป็นห่วงพ่อกับแม่มากกว่าหลายเท่านัก ผมอยากให้ท่านเลิกกังวลกับอนาคตของผมเสียที สำหรับผมมันไม่มีความจำเป็นอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองที่ถูกกระทรวงอายัดไปทั้งหมด หรือคฤหาสน์โทรม ๆ บนที่ดินผืนเดียว หรือตระกูลที่เหลือแต่ชื่อนี่...
“จัดของเสร็จแล้วใช่ไหมจ๊ะ?”
แม่ไม่น่าถามคำถามนี้ ผมรู้ว่าแม่พูดเพราะไม่อยากให้บทสนทนาตาย แต่แม่รู้คำตอบของคำถามนั้นอยู่แล้ว แม่เห็นผมจัดกระเป๋าอยู่เมื่อคืน แม่รู้ว่าผมไม่อยากไป...
“ครับ” ผมตอบเพื่อให้แม่สบายใจ
แม่ยิ้ม...เป็นยิ้มที่ให้ความรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน “ลูกเป็นเด็กดีเสมอ พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวลูกนะ”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร คำพูดนั้นของแม่ทำให้ผมเจ็บจี๊ดเหมือนถูกบีบในอก ภูมิใจ...งั้นหรือ? แม่ภูมิใจในตัวผมหรือคาดหวังอะไรในตัวผมกันแน่ ถ้าพ่อกับแม่ภูมิใจในตัวผม ทำไมพวกท่านถึงไม่เคยยอมรับฟังสิ่งที่ผมพยายามจะบอกเลย...
ผมหันไปสบตาแม่ “แม่ครับ...ผมไม่อยากกลับไปเรียน”
แม่นิ่งเงียบมองหน้าผม
“มันไม่จำเป็นเลย เชื่อผมเถอะ ปีสุดท้ายที่ฮ็อกวอตส์ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นสักเท่าไหร่หรอก ที่สำคัญเราก็ไม่มีเงินแล้วด้วย ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่...”
“เดรโก...” แม่ขัดจังหวะผม “เราคุยเรื่องนี้กันหลายรอบแล้วไม่ใช่หรือจ๊ะ ยังไงแม่ก็ยังยืนยันเหมือนเดิม ลูกต้องเรียน ต้องมีอนาคต ลูกเป็นความหวังเดียวของตระกูลมัลฟอยนะ”
“แล้วครอบครัวของเราล่ะจะเป็นยังไงต่อไป? จะใช้ชีวิตยังไง? จะเอาอะไรกิน? แทนที่จะเอาเงินน้อยนิดที่เรายังพอมีเหลืออยู่ไปจ่ายค่าเทอม สู้เอามาใช้จ่ายในครอบครัวดีกว่า ผมพูดจริง ๆ นะครับแม่ เราหาซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่กันสามคนก็ได้ ผมจะหางานทำ เราจะช่วยกัน ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น...”
แม่ส่ายศีรษะ “แม่บอกแล้วไง คฤหาสน์หลังนี้เป็นคฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลมัลฟอย เราขายมันไม่ได้หรอก...”
“แต่ว่าตอนนี้เรากำลังแย่นะครับ ถ้าพ่อแม่มัวแต่ห่วงรักษาคฤหาสน์ เมื่อไหร่เราจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกันซะที?”
“ความสุขของพ่อกับแม่คือการได้เห็นมัลฟอยกลับมายิ่งใหญ่สมเกียรติอีกครั้งหนึ่ง ได้เห็นลูกเชิดหน้าชูตาอยู่ในฐานะผู้นำคนใหม่ของตระกูล มีเกียรติ มีชื่อเสียง เช่นที่เคยเป็น” แม่เบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง ทั้งที่มันไม่มีอะไรน่ามองเลย “ลูกเองก็ควรภูมิใจในความเป็นมัลฟอยให้มากกว่านี้ คิดถึงตระกูลเหนือสิ่งอื่นใด อย่าลืมเด็ดขาดว่าพวกเราสูงส่งแค่ไหน”
“ผมไม่สนหรอกว่าเราสูงส่งแค่ไหน! ว่าตระกูลเฮงซวยหรือคฤหาสน์โกโรโกโสนี่จะเป็นยังไง! แม่เลิกยึดติดกับเกียรติยศบ้า ๆ นี่สักทีเถอะ...”
“อย่าพูดอย่างนั้นอีกนะ!!!” แววตาดุดันจ้องเขม็ง เสียงของแม่ดังก้องสะท้อนไปทั้งห้อง “อย่า...เอ่ยปากอีกเป็นครั้งที่สอง ว่าตระกูลมัลฟอยจะเป็นยังไงก็ช่าง”
“แม่...ผมแค่ไม่อยากให้ครอบครัวเราต้องแบกรับภาระเกินจำเป็น...”
“การทำเพื่อวงศ์ตระกูลไม่ถือเป็นภาระ”
“แต่...”
“พอแล้ว” แม่พูดเสียงเรียบ “พ่อกับแม่รู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ ลูกก็ควรรู้หน้าที่ของตัวเองเช่นกัน ตั้งใจเรียน แม่ขอแค่นี้แหละ”
“ผม...” ผมแค่อยากให้เราอยู่ด้วยกัน...แค่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่...อยากให้ครอบครัวของเรามีความสุข
...ผมแค่อยากมีความสุข...
“ครับ...ได้ครับ แม่”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบที่ชวนอึดอัด สายหมอกข้างนอกส่งยิ้มเย็นชาให้เรา
...ผมไม่เข้าใจพ่อกับแม่เลย ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ...
ผมได้ยินเสียงแม่หายใจเบา ๆ แล้วน้ำเสียงอ่อนโยนที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นอีกครั้ง “แม่มีของจะให้ลูกจ๊ะ” แม่ล้วงหยิบแหวนขึ้นมาวงหนึ่ง รวบมือผมให้กำมันเอาไว้ “ลูกคงเคยเห็นมันแล้ว แหวนที่พ่อให้แม่วันแต่งงานไงล่ะ แม่อยากให้ลูกเก็บเอาไว้”
ผมก้มลงมองแหวนทองบนฝ่ามือ มันเป็นแหวนเรียบ ๆ สลักตราประจำตระกูลมัลฟอยและประดับเพชรไว้อย่างประณีต
แหวนประจำตระกูล...สมบัติหนึ่งในไม่กี่ชิ้นสุดท้ายที่มัลฟอยยังเหลืออยู่
...ผมไม่ต้องการมันเลยสักนิด...
“แหวนนี่เป็นของสำคัญ รักษามันให้ดีนะ” แม่ย้ำแล้วแย้มปากยิ้มให้ผม...แม้จะดูอิดโรยสักเพียงไร รอยยิ้มของแม่ก็ยังคงสวยงามมากที่สุดเสมอ... “แม่รักลูกจ๊ะ” แม่ก้าวเข้ามาสวมกอดผม ผมกอดตอบ กอดเผื่อช่วงเวลาอีกหนึ่งปีที่จะไม่ได้กอดอีก อย่างน้อยหากวัจนภาษาไม่อาจทำให้เข้าใจกันได้...ผมหวังเหลือเกินว่าสิ่งนี้จะถ่ายทอดความรู้สึกบางอย่างไปถึงแม่ได้บ้าง...
:: :: :: :: :: ::
ความคิดเห็น