ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยัยแสบซ่าขอป่วนหัวใจนายชาเย็น

    ลำดับตอนที่ #6 : คาบ6>>>>อุบัติเหตุ

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 53


    คาบ6

    อุบัติเหตุ

    เอม เอม จู่ๆ เสียงใสๆ ของเด็กสาวคนหนึ่งก็มาเรียกชื่อฉัน ทำให้การแข่งประชันปากประชันเสียงของฉันกับนายจอมโวยวายเป็นอันต้องหยุดชะงักลง

    แนน

    ทำอะไรอยู่น่ะ รีบขึ้นห้องได้แล้ว

    จ๊ะๆ.....นี่นาย ฉันไม่มีเวลามามัวเถียงกับนายหรอกนะ ถอยไปฉันตอบรับทราบคำเตือนสติของแนน แล้วหันมาต่อว่าคนข้างหน้าก่อนที่จะผลักให้พ้นทางเดิน

    เดี๋ยว

    ขณะที่ฉันกำลังเดินขึ้นบันไดก็ถูกนายจอมโวยวายดึงมือขัดขวางไว้เสียก่อน

    อะไรของนาย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ จะอะไรกับฉันอีกเนี่ย ถ้าฉันโดนครูทำโทษจะว่าไง

    ยัยเบ๊อะ เธอชื่ออะไร มันน่าบอกมั้ยเนี่ย

    ปล่อยก่อนสิ

    เออ ในที่สุดก็ปล่อยมือฉันได้ซักที

    เรื่องอะไรฉันต้องบอกนายล่ะ

    นายบ้านี่ คนจะขึ้นห้องก็ดันมาฉุดเอาไว้ แล้วยังมาถามชื่ออีก ใครเค้าจะไปบอกกันง่ายๆ ล่ะ ดีนะที่วิ่งทันก่อนจะโดนดึงมืออีกรอบ วันนี้เป็นอะไรเนี่ย โดนดึงมือเป็นรอบที่สองแล้ว ครั้งแรกก็นายชาเย็น ครั้งที่สองก็นายจอมโวยวาย อะไรกันเนี่ยวันนี้

    นี่เอม เมื่อกี้ใครอะ

    เอ่อ ไม่รู้สิ รู้จักนะ แต่ไม่รู้ชื่ออะ

    น่าอิจฉาจัง ได้คุยกับหนุ่มหล่อด้วย

    แหยะ หล่อตรงไหน (แต่ก็หล่อเหมือนกันนะนายนั่น) อะ ถึงห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันคงจะคิดว่านายนั่นหล่อแน่ ถ้าเมื่อวานนายนั่นไม่โวยวายขึ้น และทำตัวใจเย็นมากกว่านั้น

    คิดเรื่องแค้นเมื่อกี้เพลินไปหน่อย ไม่รู้ตัวเลยแหะเรา

    เอ๊ะ! นั่นนายชาเย็นกำลังอ่านจดหมายอยู่นี่ เข้าไปกวนหน่อยดีกว่า

    เอ....นายชาเย็นอ่านอะไรอยู่นะ

    เอ๊ะ! นั่นดูจะเป็นจดหมายรักนะเอม

    จริงอะ ไม่อยากเชื่อว่านายนั่นก็จะ ฮิฮิ

    อะไรกันเอม นายชาเย็นอะไรของเธอนั่นก็ออกจะหล่อ ไม่เห็นแปลก

    เหรอ

    พูดจบฉันก็เดินเข้าไปหานายชาเย็นที่กำลังนั่งอ่านจดหมายที่ฉันผู้นี้เป็นคนทำหน้าที่ส่ง

    โอ้โห อ่านอะไรอยู่เนี่ย ฉันพูดพลางยื่นหน้าทำจะเข้าไปอ่านข้อความในจดหมาย (ทั้งๆ ที่อ่านแล้ว) อ่านมันซักอีกรอบจะเป็นไรไป

    แต่ก็โดนนายชาเย็นเหล่ใส่แล้วพับจดหมายเตรียมจะเก็บลง

    ไม่ใช่เรื่องของเธอ เขาพูดเสียงเย็นชาใส่ฉัน

    งั้นเหรอ

    ฉึบ

    แต่ก็ไม่ทันสิงห์มือไวความเร็วกว่าแสงของฉันไปได้หรอกยะ ฉันรีบหยิบจดหมายมาจากมือนานชาเย็น ทำเอาคนที่ถูกชิงของถึงกับสะดุ้ง

    ครืนนนน

    เธอ นายชาเย็นรีบลุกจากเก้าอี้ทันทีที่ฉันชิงจดหมายมาได้

    จู๊ๆๆ ไม่ได้ชื่อ เธอ นะ แต่ชื่อ เอม ต่างหาก ฉันทำปากจู๋พร้อมทำท่ากวนใส่

    เอามานี่นะ นายชาเย็นไม่พูเปล่า เขาเดินเข้ามาพยายามจะชิงจดหมายไปจากมือฉัน นั่นทำให้ฉันจึงต้องชูจดหมายสูงๆ แล้วเอียงแขนไปทางด้านหลัง แต่มือนายชาเย็นดันมายาวกว่าได้เสียนี่ ฉันจึงต้องขยับไปทางนู้นทีทางนี้ที เพื่อไม่ให้เขาแย่งไปได้ 555 สนุกจังที่ได้แกล้งคน >v<

    คนอื่นๆ ที่กำลังมองดูพวกเราคงนึกว่าฉันกับนายชาเย็นคงกำลังเล่นกันอยู่ ถึงได้ทำหน้าตกใจแบบนั้น มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย –O-^^

    เราสองคนเล่นชิงจดหมายกันอย่างสนุกสนาน (ฉันคนเดียว) จนขาของฉันดันเผลอไปพันเข้ากับขาของนายชาเย็นเข้าตอนไหนไม่รู้ จากนั้นพวกเราสองคนก็...........

    ว้ายยยยยย!”

    เฮ้ยยยยยย!”

    ตุบ!

    โอ๊ยยยย >O<” >> ฉัน

    “>-<” >> เคน

    และคนอื่นๆ

    “OoO”

    “O_O”

    “O*O”

    “+O+”

    “>~O”

    แต่ละคนทำไมทำหน้ากันแบบนั้นล่ะ ไม่มีใครคิดจะมาช่วยฉันซักคนเลยเหรอ ยัยแนนก็เป็นไปกับเขาด้วย เอ๊ะ! แล้วอะไรมันกำลังคร่อมทับฉันละเนี่ย >O<

    “O-O” >> ฉัน

    “O_O” >> เคน

    ด้วยความที่สงสัยว่าอะไรกันหนอที่มันหนั๊กหนักกำลังคร่อมทับตัวฉันอยู่ เลยตัดสินใจมองขึ้นไป

    แล้วก็พบว่าตอนนี้ฉันโดนนายชาเย็นคร่อมทับตัวอยู่ ใบหน้าของเราสองคนห่างกันไม่ถึงห้าเซนติเมตรได้ จมูกของเราสองคนเกือบจะชนกัน นัยน์ตาของเราสองคนต่างจับจ้องมองกันและกันอย่างไม่ได้สติ แต่ละคนต่างหน้าแดงราวกับมะเขือเทศสุก (แต่ตัวนายหนักจังโว้ย >O<)

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

    เสียงหัวใจของใครกันนะ ทำไมถึงเสียงดังขนาดนี้ เต้นเกือบไม่ได้จังหวะเลย เดี๋ยวนะนี่มันเสียงของหัวใจของฉันนี่ ทำไมฉันต้องใจเต้นด้วยล่ะ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเวลาตอนนี้แม้แต่วินาทีเดียวมันช่างยาวนาน

    อะ เอ๊ะ! นะ นาย ออกไปจากตัวฉันนะ

    เสียงร้องโวยวายดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ฉันได้สติแล้วร้องขึ้นด้วยความตกใจ ทำให้คนที่คร่อมตัวฉันอยู่ถึงกับเด้งตัวแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะก้มตัวหยิบจดหมายไปจากมือฉันที่กำลังยันตัวลุกขึ้นให้มานั่งอยู่ จนตอนนี้นั่งได้แล้ว

    ยัยเอมเป็นไงมั่ง ยัยแนนวิ่งกรูเข้ามาหาฉัน แล้วถามถึงความเป็นตายร้ายดีของฉัน

    ขอบใจนะที่ถาม แต่เปลี่ยนจากคำถามมาเป็นช่วยเพื่อนคนนี้ก่อนจะได้มั้ย

    อะ ขอโทษ ตกใจน่ะ มือเรียวสวยของแนนยื่นมาพยุงฉันให้ยืน เป็นจังหวะเดียวกับที่คุณครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ ที่เป็นครูต่างชาติแต่กลับพูดภาษาไทยได้ชัดแจ๋วเดินเข้ามาพอ ดี

    และทำให้ฉันกับแนนต้องกลับเข้าที่นั่งของใครของมัน ฉันที่ไปนั่งที่ตัวเองที่อยู่ข้างๆ นายชาเย็นก็ได้แต่นั่งอยู่เงียบๆ ไม่ได้มองนายชาเย็นอย่างปกติ ที่จะอยากรู้ว่าคนข้างๆ กำลังทำอะไร เช่นเดียวกับนายชาเย็นที่พอเห็นฉันเดินเข้ามานั่งที่ก็รีบหันหน้าไปด้านหลัง เพื่อหยิบหนังสือวิชาภาษาอังกฤษอย่างรวดเร็ว

    แล้วการเรียนการสอนก็ดำเนินไปตามปกติ ทั้งฉันและนายชาเย็นก็ไม่ได้พูดอะไรกันเหมือนปกติ ก็ดำเนินไปตามปกติทั้งฉันและนายชาเย็นก็ไม่ได้พูดด้านหลังไปหยิบางๆ นายชาเย้นก็ได้แต่นั่งอยู่เงียบๆ ไม่ได้มองนายช แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงไม่มีสมาธิเหมือนอย่างทุกที ภาพตอนที่ล้มมักผุดขึ้นมาในหัวสมองตลอดเวลา ดูเหมือนนายชาเย็นก็จะเป็นเหมือนกัน ฉันเห็นเขาพยายามจ้องกระดาษและก็ส่ายหัวไปมาตลอดเวลา หรือไม่บางครั้งก็หันมามองฉัน ฉันเองบางครั้งก็มองเขา และบางทีเราสองคนก็มองมาพร้อมกัน จนทำให้แต่ละคนรีบเบือนหน้าไปมองทางอื่นทันที ส่วนยัยแนนก็เห็นมองมาที่เราสองคนอยู่บ่อยๆ

    สถานการณ์เป็นแบบนี้อยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งหมดคาบเรียนคาบสุดท้ายของวันนี้ ที่เวลาสามโมงครึ่ง

    นักเรียนโดยส่วนมากกลับบ้านกันไปหมดแล้ว มีเหลือเพียงฉันที่กำลังเก็บกระเป๋า แนนที่กำลังรอฉันอยู่ และนายชาเย็นที่กำลังเขียนอะไรไม่รู้ในจดหมาย เดี๋ยวอีกแป๊บเดียวก็จะได้อ่านแล้ว ไม่กวนดีกว่า

    ไปเอม เร็ว

    จ้าๆ

    ฉันเดินออกจากห้องเรียนไปพร้อมกับแนนลงไปข้างล่างเพื่อกลับบ้าน

    เออ แนน แกกลับไปก่อนนะ เค้ามีธุระน่ะ

    ฉันรอได้

    แต่มันนาน เค้ากลับตั้งสี่โมงครึ่งนะ

    เออๆ ก็ได้ อย่ากลับบ้านเย็นนะ

    จ๊ะ บายนะ

    จ๊ะ บาย ไปก่อนนะ

    บาย

    ฉันยังคงยืนมองแนนที่เดินไปจนลับตา จากนั้นจึงวิ่งขึ้นบันไดไปที่ห้องเรียนพร้อมกระเป๋านักเรียนของตัวเอง เมื่อมาถึงห้องเรียนแล้วก็พบว่าในห้องเรียนไม่มีใคร มีเพียงกระเป๋าของนายชาเย็น ส่วนตัวเจ้าของหายไปไหนไม่รู้ อย่างนี้ก็ทางสะดวก

    ฝีเท้าของเด็กสาวกำลังย่างกรายไปอย่างเงียบๆ ตรงไปที่โต๊ะเรียนที่ตั้งอยู่ชิดกำแพง แล้วจากนั้นมือก็เอื้อมเข้าไปหยิบจดหมายในเก๊ะ ก่อนที่จะวิ่งลงบันไดไปชั้นล่าง และในขณะเดียวกันที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังมองดูภาพที่เด็กสาววิ่งออกจากห้องเรียนไป อย่างเงียบๆ ในมุมทางเลี้ยวไปห้องน้ำชาย

     

    ในห้องอาหารที่แม้เวลานี้จะเป็นเวลากลับบ้านของนักเรียนทุกคนในโรงเรียน แต่ก็ยังมีนักเรียนอยู่จำนวนมากพอดูที่ยังแวะเวียนเข้าออกห้องอาหารแห่งนี้ และฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น

    เวลานัดส่งของอยู่ที่สี่โมงครึ่ง แต่ฉันยังเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรจะทำ ได้แต่นั่งอ่านจดหมายสีชมพูหวานแหววอยู่ที่โต๊ะตรงมุมห้องในสุด โดยที่หันหน้าเข้าจ๊ะเอ๋กับผนังห้อง เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันทำอะไรอยู่

    สวัสดีครับ

    มันคงไม่แฟร์เท่าไหร่ที่เธอรู้จักฉัน แต่ฉันกลับไม่รู้จักเธอ แต่ฉันก็ไม่อยากรู้มันซักเท่าไหร่ว่าเธอเป็นใคร และต้องการอะไร'

    นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่ส่องประกายกำลังไล่อ่านข้อความตอบกลับในจดหมายสีชมพูหวานแหววฉบับนี้จนจบ

    ไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างนายชาเย็นจะเขียนทักทายว่า สวัสดีครับเป็นกับคนอื่นเขาด้วย นึกว่าจะเขียนแต่ อืม ซะอีก เอาละไหนๆ ก็อ่านเสร็จแล้ว รีบเก็บใส่กรเป๋าดีกว่า

    ตุบ ตุบ ตุบ

    ใครบางคนเดินมาจากไหนไม่รู้แล้วมาหยุดยืนที่ข้างหลังฉัน จึงทำให้ฉันต้องหันหลังไปดู ก็พบว่ามีผู้หญิงสองคนที่ดูเหมือนจะรุ่นราวคราวเดียวกับฉันมายืนอยู่ข้างหลัง และพวกเธอก็มองมาที่ฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ยังไงไม่รู้

    นี่เธอ มีคนเค้าอยากจะคุยกับเธอน่ะ

    ใคร

    เด็กสาวนิรนามทั้งสองเปิดปากบอกว่ามีคนอยากคุยกับฉัน ทำให้ฉันสงสัยซะจริง วันนี้ยิ่งซวยๆ อยู่ด้วย หรือว่าจะเป็นยัยสองคนนั้น แต่มันยังไม่ถึงเวลานัดที่จะมารับจดหมายเลย หรือว่ายัยสองคนนั่นจะเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้น อาจจะใช่ก็ได้

    เพื่อนของพวกฉัน เขามีอะไรจะพูดกับเธอ

    แล้วไหนเพื่อนของพวกเธอ

    เขารออยู่ ตามฉันมาสิ

    อะ อือ

    เพราะคิดว่ายัยสองคนนั่นอาจจะเลื่อนเวลารับจดหมายเลยให้เพื่อนมาตาม นั่นทำให้ฉันเดินตามเด็กสาวนิรนามสองคนนี้ไปอย่างไม่คิดสงสัยอะไร

    เด็กสาวทั้งสองนำทางฉันเดินลัดเลาะผ่านอาคารต่างๆ จนไปถึงสนามหญ้าเล็กๆ ที่อยู่ข้างหลังอาคารหก ตึกเรียนของพวกพี่ชั้นม.6 บนสนามหญ้ามีกลุ่มเด็กผู้หญิงอยู่กลุ่มนึงที่ต่างกระจัดกระจายไปนั่ง นอน ยืนอยู่ตามจุดต่างๆ แต่กลับไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ฉันคิดว่าจะมารับจดหมายที่ฝากฉันส่งให้เคนเลย

    ฉันถูกยัยสองคนที่พาฉันเดินมาที่นี่ผลักไปข้างหน้าพวกเธอ และคนอื่นๆ ที่เห็นฉันก็เริ่มเดินเข้ามาล้อมไว้ ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากวงล้อมแล้วเดินตรงมาที่ฉัน ส่วนคนอื่นๆ ก็มองมาที่ฉันด้วยสายตาที่อาฆาตแค้นมาตั้งแต่ชาติปางไหนก็ไม่ทราบ จนตอนนี้ฉันถึงพึ่งรู้สึกว่ามันแปลกๆ

    นี่เธอน่ะเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังยืนประจันหน้ากับฉัน เรียกคนข้างหน้าเธอที่กำลังใจเสียกับวงล้อมที่พวกผู้หญิงทำขึ้น รวมๆ ดูแล้วมีประมาณเจ็ดคน

    ไม่หัดเจียมตัวซะมั่งเลยนะ ผู้หญิงคนข้างหน้าเริ่มพูดต่อว่าฉัน พร้อมกับส่งสายตาเหยียดหยามมาที่ฉัน บังอาจมากนะ >~<

    อะไรของเธอ

    หูตึงรึไง ฉันบอกว่า เธอควรที่จะเจียมตัวซะมั่งนะ ผู้หญิงคนข้างหน้าใช้นิ้วชี้เรียวสวยได้รูปแต่กลับไม่เหมาะกับพูดผลักมาเบาๆ ที่หน้าอกฉันและส่งสายตาเหยียดหยามนั่นมาให้

    ไม่ได้หูตึง

    แล้วจะถามทำไม

    ฉันแค่สงสัยว่าเมื่อกี้เธอพูดกับฉันแบบนั้นทำไม

    น่าจะแปลออกนะ หรือว่าเธอโง่รึไง ใบหน้าเรียวสวยที่ขาวอมชมพูตัดกับผมหน้าม้าที่ปัดข้าง แต่กลับไม่น่าจะมาอยู่บนใบหน้าของผู้หญิงคนนี้เลยจริงๆ ใบหน้านั่นถูกยื่นมาจนอยู่ใกล้ใบหน้าของฉันในตอนที่เธอพูดประโยคข้างหลังออกมา

    เปล่า ฉันฉลาดพอที่จะแปลออก ไม่เหมือนใครบางคนที่โง่ไม่ยอมตอบคำถามฉันซักที

    เธอว่าใครโง่

    ว่าคนที่ยังโง่ไม่รู้ตัวน่ะสิ

    เธอ

    เรียกทำไม รึว่าเธอมองไม่เห็นว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้

    เธอว่าฉันตาบอดเหรอ

    ฉันยังไม่ได้พูดเลยนะ

    แก.....เชอะ....ถึงยังไงซะมันก็ยังดีกว่าคนที่ไม่เจียมตัวอย่างเธอละกัน แล้วเธอคนข้างหน้าก็เชิดเหมือนเดิม

    ยังไง

    หึ ยังไม่รู้อีกเหรอว่าฉันพูดถึงเรื่องอะไร

    ...... ฉันส่งสายตาบอกความไม่เข้าใจไปให้

    สาวๆ ช่วยทำให้ยัยนี่รู้หน่อยสิว่า มันควรจะเจียมตัวเรื่องอะไร

    ได้แน่นอน

    หลังจากสาวสวยคนข้างหน้าฉันพูดจบ ก็มีหนึ่งเสียงตอบรับคำของเธอมา และพวกผู้หญิงที่ล้อมเป็นวงก็เริ่มเบียดกันเข้ามาเป็นวงเล็กๆ และมียัยคนที่พูดประชันปากประชันเสียงกับฉันเมื่อกี้ยืนดูอยู่ข้างหลัง

    นี่เธอ ถ้าจะอ้อนวอนตอนนี้ก็ยังทันนะ เด็กสาวคนหนึ่งในวงล้อมพูดขึ้นอย่าง (ไม่) ปราณีฉัน

    ทำไมฉันต้องอ้อนวอนเธอ ฉันถามอย่างสงสัยสุดๆ

    ก็ที่เธอกล้าเรียกเฟียซด้วยชื่อทุเรศๆ แล้วยังทำตัวเทียบชั้นอีก เด็กสาวอีกคนพูดต่อว่าฉัน ทำเอาฉันยิ่งงงกับคำพูดของพวกธอเข้าไปใหญ่ฉันไปทำอะไรอย่างนั้นตอนไหนหว่า O.O???

    อะไรของพวกเธอเนี่ย

    งั้นก็คงต้องใช้กำลังกันแล้วพวกเรา ยัยนี่มันปากแข็ง เสียงหนึ่งพูดจบ วงล้อมที่พวกผู้หญิงทั้งหกทำขึ้น จากที่เล็กๆ ตอนนี้กลายเป็นว่าพวกเธอเดินกรูเข้ามาหาฉัน

    เพี๊ยะ!

    มือของเด็กสาวเอื้อมมาตบเข้ากับใบหน้าของฉันอย่างจังจนเสียงดัง ทำให้คนอื่นพากันเงียบ

    เป็นไง เจ็บล่ะสิ เธอจะเจ็บมากกว่านี้อีกถ้ายังไม่บอกว่า จะเลิกยุ่งกับเฟียซ คิดจะฮุบเฟียซไว้งั้นเหรอ

    เฟียซไหนฉันไม่รู้จัก

    เพี๊ยะ!

    มือเรียวของฉันบรรจงตวัดไปที่ใบหน้าของคนที่พูดว่าให้ฉันเลิกยุ่งกับใครซักคนที่ฉันก็ไม่รู้จัก เข้าอย่างเต็มแรงจนผู้หญิงคนนั้นล้มลงไป

    แต่ฉันไม่ยอมให้ใครมาตบหน้าฉันก่อนหรอกนะ

    แก กล้าตบฉันเหรอ เด็กสาวเอามือกุมใบหน้าที่แดงก่ำ

    ไม่กล้าก็คงไม่ทำ

    หน๊อย...แก

    เพี๊ยะ!

    คนที่ล้มอยู่รีบลุกขึ้นมา แล้วเอามือมาตวัดใบหน้าของฉันอย่างจัง

    เอางี้ใช่มะ ฉันพูดขึ้นก่อนที่จะเดินไปหาคนที่บังอาจเอามือมาเล่นบนใบหน้าของฉัน แล้วฉันกับยัยนั่นก็แลกันเอามือมาตวัดใบหน้าอีกฝ่ายเล่น

    โอ๊ย...ฉันชักทนไม่ไหวแล้วนะ พวกเรา จับแขนมันไว้

    ฉันเอามือไปตบบนใบหน้าของคนตรงหน้าซักหนึ่งทีก่อนที่คนตรงหน้าฉันจะสั่งให้ผู้หญิงที่ล้อมเราสองคนไว้ให้เข้ามาล็อกแขนฉัน และกดฉันลงให้ฉันนั่งคุกเข่า

    เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!

    ยัยคนที่สั่งเข้ามาตบหน้าฉันเล่นสองที อย่าให้ฉันหลุดไปได้นะ

    พูดออกมาสิว่าเธอจะไม่ไปยุ่งกับเฟียซอีก

    ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าฉันไม่รู้จักคนชื่อเฟียซ

    ยัยปากแข็ง

    เพี๊ยะ!

    อะไรกัน ก็ฉันไม่รู้จักจริงๆ นี่ แล้วจะให้ฉันมาพูดอะไรแบบนั้นได้ยังไงเล่า ในเมื่อฉันไม่ผิด

    มา ฉันเอง คนที่คอยยืนดูอยู่ข้างหลัง ก็เข้ามาแทนที่คนที่เพิ่งจะตบฉันไปเมื่อกี้ เธอบอกเธอไม่รู้จักเฟียซจริงๆ เหรอ

    ก็จริงน่ะสิ

    โกหก วันนี้ฉันยังเห็นเธอยืนว่าเฟียซอยู่เลย คิดจะฮุบเฟียซไว้ล่ะสิ

    ฉันไม่เคยคิดจะฮุบเฟียซอะไรของเธอเลยนะ

    ก็ผู้ชายที่เธอยืนคุยตอนคาบพักไงเล่า

    ตอนคาบพักเหรอ ฉันก็จ้อไปทั่วนะ ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ไม่รู้หรอกว่าใคร แต่ก็มีคนนึงล่ะที่ทะเลาะกัน แต่ว่าถึงนายนั่นจะหล่อกินใจ แต่ขี้โวยวายอย่างนั้นใครจะไปเอา

    ฉันไม่รู้ เพราะคุยไปทั่ว

    ยัยโกหก

    เพี๊ยะ!

    นี่ฉันจะเอายังไงกับเธอดีเนี่ย ถึงจะยอมเปิดปากออกมา

    ......

    เอาเป็นว่า ให้พวกเพื่อนๆ ฉัน ช่วยเตือนความจำให้ก็แล้วกันนะ

    ได้เลย พวกเรา ลุยสิ้นเสียงยัยคนสวย แต่พูดจาไม่รู้เรื่อง ผู้หญิงที่เหลือก็ง้างมือเข้ามาเตรียมจะตบฉัน

    จะทำอะไรน่ะ......อย่านะ ฉันพูดและมองผู้หญิงพวกนี้ด้วยสายตาหวาดกลัว เพราะฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย ก็โดนล๊อกแขนอยู่นี่

    หยุดนะ เสียงทุ้มๆ ของใครก็ไม่รู้ตะโกนขึ้นมาจากด้านหลังฉัน ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหว ยกเว้นฉันที่หันหน้าไปด้านหลังเพื่อดูว่าใครช่วยฉันไว้

    นายชาเย็น

    พวกเธอทำอะไรน่ะ

    เฮ้ย! พวกเรา ไปเร็ว มีคนมาเห็นแล้ว เด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังง้างมือจะเข้ามาตบฉันตะโกนขึ้น แล้วทั้งหมดก็วิ่งออกไปจากพื้นที่นั้นโดยเร็วไว แล้วปล่อยให้ฉันนั่งคุถกเข่า มือกุมแก้วที่แดงก่ำทั้งสองข้างอย่างเจ็บปวด

    ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก

    นายชาเย็นค่อย ๆเดินเข้ามาหาฉันที่ตอนนี้ยังนั่งคุกเข่าไม่ไปไหนอย่างรวดเร็ว

    เป็นไงมั่งเสียงทุ้มๆ ถามอย่างเรียบๆ ไม่บ่งบอกเลยว่าเป็นห่วง

    คนกำลังเจ็บอยู่ตรงหน้ายังไม่เป็นห่วงเลย นายนี่มัน

    ก็เจ็บสิ

    ไปห้องพยาบาล

    เอ๋!”

     

    ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ติดเครื่องปรับอากาศจนทำให้อากาศภายในห้องเย็นสบาย

    นี่นาย นายมาเจอฉันได้ยังไงอ่ะ ฉันถามเบาๆ กับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

    ฉันแอบตามเธอไป คนข้างๆ ตอบอย่างเฉยชา

    แล้วทำไมไม่ไปช่วยฉันตั้งแต่แรก

    นี่มันห้องพยาบาลนะ นายชาเย็นทำเสียงดุ และหน้าดุใส่ฉันที่ตะโกนต่อว่าออกไป

    “O*O”

    ฉันกะจะตามเธอไป แต่ดันคลาดกับเธอตอนที่เธอลงบันได

    .......

    ฉันก็เลยต้องตามหาเธอ เขายังคงตอบคำถามของฉันอย่างหน้าตาเฉยชา

    แล้วนายเจอฉันตอนไหน

    ตอนที่เธอนั่งคุกเข่าแล้วโดนตบหน้าสองที

    แล้วทำไมนายไม่รีบไปช่วยฉันตั้งแต่ตอนนั้น

    ก็ฉันเห็นเธอโดนแค่สองที

    ขอบอกไว้นะ ฉันโดนมามากกว่าห้าทีแล้ว

    ........

    แต่ก็......ขอบใจนะที่มาช่วยไว้ ไม่งั้นคงไม่ใช่แค่หน้าแน่ที่จะเละ

    ......

    แล้วนายจะตามฉันมาทำไม

    ......

    ว่าไง

    ฉันก็แค่อยากรู้

    รู้อะไร

    อยากรู้ว่าจดหมายนั่นเป็นของใคร

    .......

    แล้วฉันก็เลยเข้าห้องน้ำตรงด้านในสุด และแอบดูจากตรงนั้น

    ไงต่อ

    ฉันก็เห็นเธอวิ่งเข้าวิ่งออก แต่พอเธอออกจกหมายนั่นก็หายไปแล้ว

    นายำก็เลยสงสัยฉัน

    ........

    ขอบอกไว้เลยนะ ว่าฉันแค่ไปเอาของเท่านั้น

    แล้วมาบอกฉันทำไม

    ก็นายสงสัยฉันไม่ใช่เหรอ

    ฉันยังไม่ได้พูด

    ถึงไม่พูดฉันก็รู้

    ........

    ........

    หวังว่านายชาเย็นจะเลิกสงสัยฉันนะ เพราะใช่ ฉันเป็นคนหยิบจดหมายไปเอง มันเป็นความลับ แม้ยัยคนที่หายจดหมายมาจะไม่ได้บอกก็เถอะว่า ห้ามให้ใครรู้ว่าฉันทำหน้าที่ส่งจดหมายนั่น

    ฉันชำเลืองมองนาฬิกาที่ติดอยู่ที่ฝาผนังฝั่งประตูห้องพยาบาล

    อ่ะ สี่โมงสามสิบห้าแล้ว...ฉันต้องไปและ ขอบใจมากนะสำหรับวันนี้

    .......

    ตุบ ตุบ ตุบ

    ฉันวิ่งตุบๆ ออกจากห้องพยาบาลไปที่ห้องสมุด หน้าประตูห้องสมุดมีเด็กสาวสองคนยืนหน้าบึ้งเป็นเป็ดต้มยืนมองฉันอยู่

    ทำไมมาช้านัก”” คำถามจากหนึ่งสองคนนั่นถามฉันขึ้นมาเมื่อฉันวิ่งมาหยุดที่ข้างหน้าพวกเขา

    มีเรื่องน่ะ

    แล้วนั่นหน้าไปโดนอะไรมา

    ก็มีเรื่องกับคนบ้าแล้วโดนตบมา

    เหรอ

    จดหมายล่ะ เจ้าของจดหมายที่ยืนเงียบอยู่นานพูดทวงของขึ้นมา

    อ๋อนี่อะ

    เด็กสาวยื่นมือมารับจดหมายสีชมพูหวานแหววไปจากมือฉัน แล้วจากนั้นค่อยๆ บรรจงเปิดมันออกพร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อยๆ ฉีกกว้างจนเห็นฟัน ซักพักก็ปิดจดหมายลงแล้วเก็บใส่กระเป๋าถือใบเล็กสีชมพูลายคิตตี้ไปพร้อมกับยื่นธนบัตรใบห้าสิบบาทมาให้ฉัน

    อะไร

    ค่าจ้างที่ทำงานเสร็จ

    ....... ห้าสิบบาท ทำไมมันน้อยจัง ช่างเถอะ ยังดีกว่าไม่ได้

    และถ้าทำงานสำเร็จแบบนี้อีก เธอก็จะได้ค่าจ้างไปอีก

    ขอบใจนะ

    ไปกัน ฉันจะกลับบ้านแล้ว

    ฉันหยิบเงินห้าสิบบาทมาจากผู้หญิงข้างหน้า จากนั้นเอก็หันไปพูดกับเพื่อนของเธอ

    ไปจ๊ะ ไป

    แล้วพรุ่งนี้เจอกัน เวลาเดิม

    อืม

    หลังจากพูดกับเพื่อนจบก็หันมาพูดกับอย่างเน้นย้ำทุกคำพูดที่พูดออกมา

    ฉันเดินออกจากโรงเรียนแล้วเดินทางกลับบ้านไป แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าตอนที่อยู่กับยัยสองคนนั่นรู้สึกว่ามีคนแอบมองฉันอยู่นะ

     

    ฉันกำลังยืนรอเพื่อส่งของให้เจ้านายแล้วก็รับค่าจ้างห้าสิบบาท แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าเจ้านายของฉันจะมาเลย หรือว่าฉันมาเร็วไปนะ ในระหว่างที่รอก็ตรวจสอบข้อมูลในจดหมายไปพลางๆ

    แล้วซักพัก เด็กสาวสองคนที่ฉันรอคอยก็มาถึงแล้วฉันก็ส่งของให้พวกเธอ ฉันรับค่าจ้างจากเด็กสาวเจ้าของจดหมายนั่นแล้วก็ต่อจากนั้นก็กลับบ้าน

    ไม่อยากจะบอกเล้ย ว่านานชาเย็นรู้แล้วว่าฉันเป็นคนส่งจดหมายแถมยังเห็นหน้าตาคนที่เป็นเจ้าของจดหมายแล้วด้วย ฉันพึ่งรู้มาเมื่อเข้าเอง

     

    หลังจากได้รับพัสดุ พนักงานไปรษณีย์หญิงสาวสวยคนนี้ก็ถึงเวลาทำหน้าที่ด้วยการแอบไปส่งจดหมายในตอนที่ยังไม่ถึงเวลาเข้าแถว ฉันค่อยๆ ย่องเบา (ขโมยเหรอ) ขึ้นไปบนห้องเรียนอย่างเงียบๆ เพราะทางโรงเรียนไม่อนุญาตให้ไปวางกระเป๋าไว้บนห้องก่อนเวลาเข้าห้อง พูดง่ายๆ ต้องเอากระเป๋าไปเข้าแถวด้วยนั่นเอง

    ฉันค่อยๆ วางจดหมายอย่างเบามือที่สุดและก็สำเร็จ จากนั้นจึงค่อยๆ ย่องเบาลงไปข้างล่าง ตอนนั้นฉันเองก็ยังงงว่าตัวเองเป็นขโมยรึเปล่า

    หลังจากเข้าแถวทำพิธีการหน้าเสาธงเสร็จก็ถึงเวลาขึ้นห้องเรียน ฉันเดินไปคุยกับแนนที่โต๊ะเรียนของแนน ปล่อยให้นายชาเย็นอ่านและตอบจดหมายไปคนเดียว ซักพักคุณครูรินก็เข้าห้องเรียน ฉันก็ต้องกลับไปนั่งที่ กำลังคุยกันมันส์เลยอะ =_= แต่พอฉันนั่งที่โต๊ะปุ๊ป นายชาเย็นก็ยื่นจดหมายที่ฉันแอบใส่ไว้ปั๊ป

    อะไรของนาย ฉันยิงคำถามแรกกับการกระทำของเขา

    ‘......’

    ไม่ตอบอีก

    ‘......’

    นี่นาย เอาจดหมายของนายมาให้ฉันทำไม

    เธอมีหน้าที่ส่งไม่ใช่เหรอ

    ‘......’ กลายเป็นฉันเงียบไปซะงั้น

    เอาไป

    หมายความว่าไง ฉันมองเขาอย่าง (หลอก) ไม่เข้าใจ

    ฉันเห็นหมดแล้ว ตอนเย็นหลังจากที่เธอออกจากห้องพยาบาล

    นายตามฉันไป คราวนี้ก็หน้าตื่นตระหนก (จริง)

    ‘......’

    แล้วนายเห็นหน้าเจ้าของจดหมายรึเปล่า

    เห็น

    ‘O_O’

     

    นั่นแหละความจริงล่ะ แต่ฉันก็ไม่ได้บอกยัยสองคนนั่นเพราะว่ากลัวจะเสียงาน (แล้วอกค่าจ้าง) แต่ก็ช่างเถอะ vOv

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×