ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยัยแสบซ่าขอป่วนหัวใจนายชาเย็น

    ลำดับตอนที่ #5 : คาบ5>>>>จดหมายถึงนายชาเย็น

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 53


    คาบ5

    จดหมายถึงนายชาเย็น

     

                    ภายในสถานศึกษาที่เรียกกันว่า โรงเรียนเด็กสาวที่ใส่เสื้อสูทสีเทาอ่อนที่ทับเสื้อนักเรียนตัวในสีขาวกับกระโปรงจีบลายสก็อตสีแดง เด็กหนุ่มที่ตัวเสื้อเหมือนกันกับเด็กผู้หญิง แต่ต่างกันที่ใส่กางเกงขายาวสีเทา ทั้งหมดนี้คือเครื่องแบบนักเรียนชั้นมัธยมปลายของโรงเรียน วาเลนท์คริสเตียนเด็กสาวและเด็กหนุ่มกำลังเดินกันอย่างขวักไขว่บ้าง พูดคุยเล่นกับเพื่อนบ้าง ต่อแถวซื้ออาหารกับบ้าง นั่งกินข้าวกันบ้าง และอีกหลายๆ อย่าง ซึ่งแต่ละกิจกรรมก็เป็นภาพที่เห็นกันอยู่ประจำในตอนเช้า

    ซูดดดดดดดดดดด

    แก้วขนาดกลางใบสวย จากที่มีน้ำส้มคั้นเพรียวๆ อร่อยๆ อยู่เต็มแก้ว แต่เด็กสาวเจ้าของผมสีดำอมน้ำตาลซอยและนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่ฉายแววของความสดใสในช่วงของวัยรุ่นออกมาอย่างชัดเจน ที่ดูดน้ำส้มแสนอร่อยจนเกือบหมดติดแก้ว และในอีกไม่ช้าน้ำส้มแสนอร่อยนั่นก็จะต้องหมดแก้วอย่างแน่นอน

    ซูดดดด ซุดดด ซูด ซูด

    เอ๊ะ!......โถ่! น้ำหมดซะแล้ว -0-

    ฉันบ่นอย่างเสียดายเพราะน้ำส้มที่เพิ่งซื้อมากินเมื่อประมาณสิบนาทีก่อน ตอนนี้มันหมดซะแล้ว

    จะว่าไปตอนนี้ก็เจ็ดโมงสิบแล้ว เฮ้อ! เหลืออีกตั้งยี่สิบนาที จะทำอะไรดีล่ะเนี่ย

    ว่างชะมัดเลยอ่า อุตส่าห์ตั้งนาฬิกาปลุกที่คุณแม่สุดที่รักนั่งซ่อมให้ตอนเมื่อวานเป็นเวลาปลุกตีห้า (ขอเน้น) ฉันอุตส่าห์เอามือจับแหกตาตัวเองตอนตื่นนอนก็แล้ว อุตส่าห์คลานท่าผีจูออนไปอาบน้ำที่ห้องน้ำก็แล้ว และอีกหลายการกระทำของฉันที่วันนี้ล้วนอุตส่าห์ทำทั้งหมด นึกว่ารถจะติดเหมือนวันอื่นๆ ไหนได้รถติดแค่หนึ่งไฟแดงเอง สรุปคอฉันไม่น่าตื่นมาตั้งแต่ตีห้าเลย เวลานอนของฉัน เอาคืนมานะ TTOTT

    โอ๊ย ฮือ บ่นไปก็คงไม่ได้อะไร (อยู่แล้ว) ว่างๆ อย่างนี้ ไปหาอะไรกินต่อดีกว่า

    ขณะที่ฉันกำลังลุกออกจากเก้าอี้ยาวในห้องอาหารแห่งนี้ (ห้องอาหารมันก็มีแบบนั่งรวมที่เป็นโต๊ะยาวๆ เก้าอี้ยาวๆ แบบนี้แหละ  และก็มีโต๊ะเล็กๆ ให้นั่งอย่างส่วนตัวแซมมานิดหน่อยด้วยเหมือนกัน) เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา (ดินสอ) บาดใจ เจ้าของผมสีน้ำตาลเข้มซอย นัยน์ตาสีดำ กำลังเดินมาที่โต๊ะตัวยาวตัวเดียวกับที่ฉันนั่ง แล้ววางกระเป๋าเป้ลงบนโต๊ะเสียงดังตุ๊บ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ยาวฝั่งเดียวกับ ฉันก่อนที่จะหันมามองหน้าฉันอยู่   แป๊ปนึง แล้วหันกลับไปหยิบหนังสือปกอ่อนลายไม่ค่อยจะน่าสนใจซักเท่าไรออกมาจากกระเป๋าเป้ขึ้นมาอ่าน

    เอ๊ะ! มองเมื่อกี้หมายความว่าไง จะบอกว่าใบหน้าของฉันมันน่าสนใจน้อยกว่าหนังสือที่แม้ปกก็ทำได้ห่วยแล้วหรือไงยะ ห๊ะ ว่าไงนายชาเย็น

    นายชาเย็นที่เพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ของโต๊ะและเก้าอี้ที่ฉันนั่งอยู่ก็ทำท่าทางยั่วให้ผู้อยู่ก่อนเกิดทำหน้าบู้บี้ พอใจกับการกระทำของน้องใหม่ (ร้ายสุดๆ (รึเปล่า) ผู้นี้ หน็อยนาย ซักวันฉันจะจับนายมามัดมือมัดเท้าแล้วยัดโถส้วมให้ได้เลยคอยดู อุ๊ย ไม่ได้ ห้ามโกรธ เดี๋ยวแก่เร็ว ยัยเอมคนนี้ต้องใจเย็นเข้าไว้ 1 2 3 ยิ้ม ^v^ (บ้าที่สุด-คนเขียน)

    จู่ๆ หลอดไฟในสมองก็เกิดทำงานขึ้นมา ทำให้สมองของฉันเกิดมีแสงไฟส่องกระจ่างไปทั่วทั้งหัว (เหมือนสมองตัวเองเป็นโคมไฟยังไงก็ไม่รู้) นั่นแหละ คือระบบการทำงานของสมองของ)ฉันและตอนนี้ระบบนั่นมันทำให้ฉันเกิดไอเดียคิดแผนอะไรได้บางอย่างที่ไว้แกล้งผู้ชายที่นั่งถัดจากฉันไปด้วยแหละ ฮิ ฮิ ฮิ งานนี้หนุกแน่

    หลังจากคิดวางแผนทุกๆ ขั้นตอนไว้อย่างเรียบร้อยภายในหัวแล้ว ฉันก็เดินไปซื้อน้ำโกโก้ปั่นอย่างรื่นเริงสุดชีวาที่เป็นหน้ากาคอยปิดบังหน้าที่พร้อมจะแสยะยิ้มกับสายตาที่แสนจะเจ้าเล่ห์ได้ใจให้ออกมาให้ใครต่อใครเห็นกันได้ทุกเมื่อ

    จะใช้แผนเหมือนตอนที่เกิดอุบัติเหตุกับนายจอมโวยวาย (แต่ตอนนั้นมันเป็นอุบัติเหตุจริงๆนะ) ฉันเดินไปเร็วพอประมาณที่จะสามารถขัดขาตัวเองได้กลับไปที่โต๊ะ ดีที่ร้านน้ำปั่นมันอยู่ฝั่งเดียวกับนายชาเย็น ฉันเลยเดินกลับไปที่โต๊ะโดยผ่านนายชาเย็นได้อย่างไม่น่าสงสัย ตอนนี้ฉันเดินถือแก้วน้ำโกโก้ปั่นอย่าง (เหมือน) รีบเร่งจนจวนจะใกล้เป้าหมายเข้าไปแล้ว

    และในที่สุดฉากไคลแมกซ์ก็มาถึงจนได้ ฉันจัดการทำขาตัวเองข้างหนึ่งมาขัดขวางขาอีกข้างหนึ่งจนฉันเริ่มเซไปข้างหน้าและ.......

    ว้ายยยยย ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ (หลอก)

    ตุบ

    ซ่า

    อะ โอ๊ย >O<”

    โอ๊ย เจ็บๆ แกล้งทำเป็นล้มแต่ดันมาเจ็บจริงๆ ตอนที่ล้มนี่แหละ ฉันหวังว่าแผนแกล้งนี้จะสำเร็จให้มันคุ้มค่ากับที่ฉันอุตส่าห์ยอมเจ็บตัวซักหน่อยนะ

    หลังจากที่ฉันพอจะยันตัวได้ ก็ยันให้มันมานั่งพับเพียบเรียบร้อยไว้ แล้วก็แหงนหน้าขึ้นไปมองคนตัวสูงตรงหน้า ไหนขอดูผลงานหน่อยสิ

    ภาพของเป้าหมายตรงหน้าตอนนี้ช่างเป็นภาพที่เหนือความคาดหมายจริงๆ ผู้ชายตัวสูงที่เปียกปอนตั้งแต่หัวที่มีเกร็ดน้ำแข็งติดอยู่หน่อยๆ บริเวณคอที่มีเกร็ดน้ำแข็งเกาะอยู่มากที่สุด จนถึงประมาณกลางหลังที่เปียกชุ่มด้วยน้ำโกโก้ วะฮะฮ่า ขำอะ

    ครืน

    “O_O”

    เก้าอี้ยาวตัวที่ผู้ชายตัวสูงนั่งอยู่ถูกเลื่อนออกมาจากโต๊ะอย่างแรง นายชาเย็นลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วค่อยๆ เอียงตัวหันหน้ามาหาฉันที่นั่งพับ (ผ้า) เพียบอยู่บนพื้น นัยน์ตาสีดำของเขากำลังจ้องมองมาที่ฉันอย่างโกรธแค้น น่ากลัวอะ สงสัยฉันคงไม่กระตุกต่อมโกรธเขาอย่างแน่เลย ไม่น่าหาเรื่องเลยฉัน >~<”

    เอ่อ....เคน ฉันขอโทษนะ ไม่เป็นอะไรนะ ฉันพูดขอโทษเขาอย่างกลัวๆ ว่าเขาจะจับฉันไปต้มยำทำแกงเผ็ดมากกว่าแทนที่ฉันจะมามารยาตอนนี้ รู้สึกผิดจริงๆ นะเนี่ย

    เอ่อ...นาย ไม่เป็นอะไรนะ ฉัน ขะ ขอโทษนะ ฉันดันตัวเองให้ยืนขึ้นมา แล้วขอโทษคนตรงหน้าต่ออย่างเกรงกลัว ฉันไม่น่าแกล้งนายเลย ฉันก็ดันลืมไปว่าตอนนี้ที่นี่ไม่ได้มีแค่เราสองต่อสองด้วย ยังมีประชากรอีกจำนวนมากที่ตอนนี้กำลังจ้องมาที่เราสองคน

    บอกตรงๆ นะ ที่ฉันแกล้งเพราะจะเอาคืนที่นายมาจ้องฉันแบบนี้ (แบบไหน) เมื่อกี้ (คิดไปเองแท้ๆ) และไหม้สั่น (หมั่นไส้) ที่นายเอาแต่เก๊ก นั่งเงียบ ไม่พูดไม่จาตลอดเวลา

    ขอโทษนะ เดี๋ยวฉันจะรับผิดชอบนายเองนะ

    ไม่ต้อง

    อะ ไม่จริง นี่นายใจดีกับคนที่ชอบแกล้งนายตลอดเวลาแบบฉันเหรอเนี่ย โอ พ่อเทพบุตร (ซาตาน) ฉันจะไม่แกล้งนาย (แบบนี้) อีกแล้ว =^O^=

    จะดีเหรอ แต่ฉันก็ต้องแสดงความรับผิดชอบที่ทำนายไว้นะ

    ถ้าอยากรับผิดชอบนัก.......ก็ได้

    เอ๊ย!.....ว้ายยยยย อ ไรของนายน่ะ พูดจาน่ากลัว แล้วมากระชากแขนฉันให้เดินตามนายไปอีก ถ้านายไม่อายสายตาคนอื่นก็เรื่องของนายนะ แต่ฉันอาย แถมนายยังกระชากแขนของฉันแรงจนแทบจะหลุดออกจากตัวด้วย แถมอีกหน่อยว่านายช่วยจับบวกดึงแขนฉันดีดีหน่อยสิ เจ็บนะโว้ย >O<

    นี่นายเคน.......อะ อะ โอ้ย..ฉะ ฉันเจ็บนะ อย่าบีบสิ

    ......

    อะไรของนายกันนี่ แทนที่จะดึงดีๆ ก็ดันมาบีบแขนฉันซะงั้น แล้วยังลากฉันไปไหนเนี่ย ฉันจะเดินไม่ได้อยู่แล้วนะ อย่างเดินเร็วนักซี่ โอ๊ย! อย่ามาบีบแขนฉันนะ นายไม่รู้เหรอว่าคนที่โดนนายบีบแขนเค้ารู้สึกยังไง แง้ เจ็บ ToT

    ผู้ชายตังสูงตรงหน้าฉันกำลังฉุดกระชากลากแขนฉันให้เดินตามเขาไป จนในที่สุดเขาก็ลากฉันเข้ามาในซอยของทางไปห้องน้ำที่ไม่ค่อยมีใครเข้าใช้เลยซักนิด โดยเฉพาะเช้าอย่างนี้แล้วด้วยยิ่งไม่มีใครจะใช้บริการเข้าไปใหญ่เลย

    และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ นายชาเย็นลากแขนฉันมาแล้วหยุดเดินที่ห้องน้ำที่ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเราสองคน แต่นายนั่นก็ไม่มีท่าทีที่จะปล่อยแขนฉันเลย แถมยังเพิ่มกำลังแรงบีบให้เยอะขึ้น ฉันชักทนไม่ไหวแล้วนะ

    นี่นาย ปล่อยแขนฉันสิ ฉันเจ็บนะ......โอ๊ย! ปล่อยนะ ฉันพยายามสะบัดแขนที่ถูกนายชาบ้านี่บีบแขนอยู่ให้หลุดออก แต่ดูเหมือนว่ายิ่งฉันพยายามสลัดแขนมากขึ้นเท่าไร นายนี่ก็ยิ่งบีบแขนมากขึ้นเท่านั้น ฉันเจ็บจนทนไม่ไหวเลนจำนนให้นายนี่บีบแขนฉันด้วยแรงแค่นี้พอ ไม่งั้นฉันโดยนายนี่บีบแขนจนกระดูกแขนของฉันแหลกไม่มีชิ้นดีแน่

    ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ปล่อย....โอ๊ย! ปล่อย ปล่อยแขนฉันนะ

    ซู่

    นะ นะ นี่นาย....นายทำอะไรอะ

    ขณะที่ฉันร้องโอดครวญเพราะว่าเจ็บที่นายบ้าชาเย็นบีบแขน จู่ๆ ก็ฉันก็ถูกน้ำสาดใส่อย่างที่ฉันไม่ทันตั้งตัวรับมันเลยซักนิด ทำเอาฉันตกใจที่นายชาเย็นเอาขวดน้ำที่ถือมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ (แถมเปิดแล้วด้วย) มาสาดใส่ฉันจนเปียกไปทั้งครึ่งตัว ฉันอึ้งอยู่ซักพักก็กลับมาได้สติที่จะโวยวายใส่คนที่เอาน้ำมาสาด

    นายเอาน้ำมาสาดใส่ฉันทำไม ห๊ะ ว่าไง >O<”

    .......

    นี่นาย อย่ามาเงียบนะ ตอบคำถามฉันมา นายเอาน้ำมาสาดใส่ฉันทำไม นี่นาย

    .......

    อ๊าก! นายจะเล่นเกมประลองประสาทกับฉันรึไง ถึงเรียกเท่าไร ถามอะไร ก็ไม่ยอมตอบ ฉันชักจะโมโหแล้วนะ ตอบฉันมาสิตอบมา

    นี่นาย เป็นบ้าอะไรห๊ะ จู่ๆ ก็เกิดใบ้ขึ้นมารึไง ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ ไม่ว่าจะผลักจะเขย่าตัวเขายังไง แต่นายบ้าตรงหน้าฉันก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมาเลย

    โอ๊ย.....ฉันชักจะทนนายไม่ไหวแล้วนะ

    ......

    ตอบคำถามฉันมาสิ ว่านายสาดน้ำใส่ฉันทำไม

    รำคาญ

    นะ...นาย

    เธอเป็นคนสาดน้ำใส่ฉันก่อนนะ เอ่อ....นั่นสินะ ฉันทำเขาก่อน นายก็เลยเล่นฉันกลับใช่มะ ลืมความผิดตัวเองไปเลย

    ฉะ ฉะ ฉันสะดุดขอตัวเองหนิ ฉะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ทำนะ ฉันปฏิเสทไปอย่างสั่นๆ

    คิดว่าฉันจะไม่รู้รึไง ว่าเธอจงใจแกล้งฉัน

    นาย นายชาเย็น นายรู้ได้ไง สมองฉันไม่มีรังสีอินฟาเรดนะถึงจะได้ส่งข้อมูลในหัวได้ แล้วนายรู้ได้ไงเนี่ย

    อย่า อย่ามากล่าวหากันนะ ถ้าฉันยอมรับผิด นายนี่ต้องจับหัวฉันยัดลงชักโครกแน่ๆ

    เธอนี่มัน.....”

    อะ โอ๊ย นาย... นายบ้าเถียงกันอยู่ดีๆ ก็มาผลักฉันซะงั้น ทีเมื่อกี้ฉันเจ็บแทบตายยังไม่ปล่อย ไปๆ มาๆ แทนที่จะปล่อยดีๆ ก็มาผลักกันซะงั้น จนฉันล้มก้นจุบพื้นแล้วเนี่ย

    หลังจากนายชาเย็นปล่อยฉันเป็นอิสระแล้ว ฉันก็ไม่คิดที่จะมานั่งเถียงเอาเรื่องนายนี่อย่างแน่นอน ในเมื่อฉันได้รับอิสระแล้ว ฉันก็จะหนีไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้เลย ฉันรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปจากที่ตรงนี้โดยไม่สนใจคนที่อยู่ข้างหลังเลยแม้แต่น้อย

    เมื่อฉันวิ่งออกมาจากซอยได้แล้ว ฉันก็ก้มดูนาฬิกาข้อมือและมันก็บอกเวลาว่า

    เจ็ดโมงสี่สิบแล้วเหรอเนี่ย มันแต่มีเรื่องกับนายนั่นจนลืมเวลาเลยเราฉันก้าวขาวิ่งไปอย่างรีบเร่ง ตรงไปยังจุดหมายคือ ห้องสมุด

     

    หน้าประตูห้องสมุดที่มีทั้งนักเรียนหญิงและนักเรียนชายเดินผ่านเข้าออกประตูห้องสมุด และอีกทั้งที่ยังเดินผ่านไปผ่านมาอยู่หน้าห้องสมุด มีเด็กสาวสองคนที่กำลังยืนรอการมาของใครบางคนที่มาสายไม่ตรงเวลากับที่นัดกันไว้ อย่างเบื่อหน่าย

    โอ๊ย! ทำไมมาช้าอย่างนี้นะ เด็กสาวคนหนึ่งในสองคนนั้นพูดขึ้นมาพร้อมใบหน้าที่แสดงถึงความโกรธและความเบื่อหน่ายที่ต้องมาทนรอใครซักคน แต่ถ้าไม่ทน บางสิ่งที่จะให้คนๆ นั้น ก็จะไม่ได้ให้ มันจึงไม่มีทางเลือกอื่น

    เอาน่า.....แกใจเย็นๆ ก่อนเถอะ เด็กสาวอีกคนพูดขึ้นปลอบเพื่อนให้ใจเย็นลงและทนรอคนๆ นั้น ทั้งๆ ที่ จริงๆ เธอเองก็เบื่อหน่าย อารมณ์เสียพอๆ กับเพื่อนของเธอ และในใจก็คงคิดเหมือนๆ กันกับเพื่อนของเธอด้วย

    จะให้เย็นได้ยังไงล่ะ ตอนนี้มันก็เลยเวลามาแล้วนะ

    เอาน่า....ใจเย็นๆ ก่อน อีกเดี๋ยวยัยนั่นก็มาเองแหละ

    แต่นี่มันจะสี่สิบห้าแล้วนะ

    เออ โมโหมากเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก

    ให้ตอนนี้แปลงเป็นทวดก็ยอมแล้วยะ

    อะ เอ๊ะ! เอ้ เอ้

    อะไร

    ยัยนั่นมาแล้ว เด็กสาวคนนึงชี้นกชี้ไม้และจบที่ชี้ไปที่เด็กสาวคนนึงที่กำลังวิ่งฝ่าฝูงชนนักเรียนตรงมาทางพวกเธออย่างเหนื่อยหอบ เพื่อนของเด็กสาวมองไล่ไปตามนิ้วของเพื่อนเธอที่ชี้ไป แต่ด้วยความที่เพื่อนซี้ไปที่คนในฝูงชนทำให้เธอมองหาคนๆ นั้นเป็นไปได้ยากยิ่ง กว่าจะหาคนๆ นั้นเจอก็เกือบทำให้เธอโมโหจนอาละวาทเพื่อนขงเธอไปแล้ว

    ไหนๆ อ๋อ! เห็นและ มาซักทีนะยัยนี่

     

    ตุบ ตุบ ตุบ

    ฉันวิ่งด้วยความเร็วหนึ่งร้อยเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเร็วกว่าเต่าวิ่งไปเยอะ ฝ่าฝูงชนคนนักเรียนตรงดิ่งไปเป็นเส้นตรงไปที่หน้าประตูห้องสมุดอย่างเหนื่อย เมื่อย ล้า หอบ แต่ก็ไม่ละความพยายามซึ่งตรงหน้าประตูห้องสมุด มีผู้หญิงสองคนยืนรออยู่ คนนึงยืนตรงบันไดกอดออกแล้วมองมาที่ฉันอย่างหน่ายๆ ฉันรู้สึกได้เลยว่าเธอคงคิดในใจว่า เร็วๆ สิ ยัยเต่าเอ๊ยส่วนอีกคนยืนอยู่บนทางเดิน มือท้าวสะเอวพร้อมส่งสายตาจิกมาที่ฉัน เดี๋ยวแม่ก็ควักลูกตาออกมาเหยียบเล่นซะนี่

    ในที่สุดฉันก็วิ่งมาถึงเส้นชัย ที่มีผู้หญิงสองคนที่ถือเชือกกำลังทำหน้านมบูดอยู่

    โอ้ พระเจ้าคุณลอดช่อง การวิ่งมาราธอนเพียงระยะทางประมาณห้าสิบเมตรในครั้งนี้ มันช่างลำบากอะไรเช่นกันหนอ ได้โปรดประทานน้ำเย็นๆ ให้กรับประทานตอนนี้ด้วย >/\<

    แฮก! แฮก! แฮก! ขะ ขอโทษนะ ที่มาช้า ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกถึงความเหนื่อย อันเนื่องมาจากความเหนื่อยแทบบ้าที่เป็นสิ่งตอบแทนจากการวิ่งห้าสิบเมตร –O-3

    ไม่เป็นไร เด็กสาวคนหนึ่งพูดอย่างไม่โกรธเคืองซึ่งมันขัดกับใบหน้าที่ย่นคิ้วและปากบึ้งอย่างมากมาย

    แล้วนั่นไปทำอะไรมา ถึงได้ตัวเปียกแบบนั้น คงไม่ใช่เหงื่อหรอกนะ เด็กสาวคนนั้นถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเสื้อของฉันมันเปียกไปหมด

    เปล่า พอดีมีเรื่องกับเพื่อนมา –O-”

    เหรอ

    จะเข้าเรื่องกันได้ยัง เด็กสาวคนหนึ่งที่ยืนท้าวสะเอวอยู่ข้างหลัง พูดอย่างรำคาญมาที่ฉันและเพื่อนของเธอจ้า เข้าเรื่องแล้วจ๊ะ เด็กสาวข้างหน้าฉันตอบรับคำถามเพื่อนอย่างเล่นลิ้น

    พวกเราสามคนยืนประจันหน้ากัน บางคนที่เดินผ่านพวกเราไปอาจคิดว่าพวกเราสามคนเป็นเพื่อนกัน แต่ถ้าได้ฟังบทสนทนาที่กำลังพูดอยู่นั้น ความคิดคงเปลี่ยนไปเป็น เหลือเพียงเด็กสาวสองคนเป็นเพื่อนกัน ส่วนอีกหนึ่งคนเป็นเครื่องมือเชื่อมรัก

    ที่ฉันนัดเธอวันนี้ฉันมีอะไรจะเธอช่วยฉันหน่อย เด็กสาวคนหนึ่งพูดเปิดประเด็นเรื่อง

    ช่วยอะไรฉันถามกลับ

    ฉันต้องการให้เธอเอาสิ่งนี้ไปให้ นายนั่นหน่อย พอเด็กสาวพูดจบก็หยิบเอาบางสิ่งบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือใบเล็กกระจิ๋วสีชมพูลายคิตตี้ แล้วยื่นมันมาให้ฉัน

    นี่ คือสิ่งที่ฉันจะให้เธอ เอานี่ไปให้ นายนั่นที แล้วบอกให้เขาตอบกลับมาด้วย

    นี่คืออะไร

    ก็เห็นๆ อย่า เธอยังมาถามฉันอีก

    แล้วจะให้เอามาคืนเธอวันไหน -_-;;;”

    วันนี้ตอนสี่โมงครึ่ง เธอเน้นย้ำทุกคำพูด คงกลัวว่าฉันจะมาสายอีกมั้ง

    แล้วฉันจะได้อะไร วะฮ่า ถึงจะเป็นงานง่ายๆ แต่ฉันก็ขอค่าจ้างไว้ละกัน

    ถ้าเธอส่งของถึงมือแล้วเขาตอบกลับมา แล้วมาส่งคืนฉันได้ ฉันให้เธอร้อยนึง

    ถ้างั้นฉันขอเปลี่ยนขอเสนอได้มะ ^O^”

    อะไรล่ะ

    ฉันขอเป็น......ได้อ่านข้อความในนี้ละกันนะ โอเคมั้ย ฉันเปลี่ยนข้อเสนอตอบสนองควาทอยากรู้อยากเห็นแบบเด็ก ฉันกะว่าถ้าเขาไม่ให้ฉันก็จะขุดขุ้ยเหตุผลขึ้นมาเสนอ อย่างที่บอกฉันอยากรู้ว่าข้อความในนั้นเขียนไว้ว่าอะไร อย่าหาว่าฉันสอดรู้สอดเห็นเลยนะ

    นี่เธอ ข้อความในนี้มันเป็นความลับ เธอมีแค่หน้าที่ส่งเท่านั้น เด็กสาวคนที่ยื่นของให้ฉันโต้แย้ง คัดค้านข้อเสนอของฉันอย่างทันควัน ดูเหมือนเพื่อนของเธอก็จะเห็นด้วยเลยไม่พูดอะไรออกมา แต่ก็อย่างที่บอกฉันยังมีเหตุผลดีดีเสนออยู่ +U^

    แต่ว่านะ ถ้าพวกเธอไม่ให้ฉันเปิดอ่าน ฉันจะรู้ได้ยังไงว่านายนั่นจะเขียนตอบกลับมา

    เธอ!” เด็กสาวที่เป็นเพื่อนกับคนให้ของฉันเรียกฉันอย่างแค้นเคือง

    ก็ได้ แต่เพื่อนของเธออนุญาต

    เอ้......ก็ได้

    งั้นก็โอเค ฉันไปก่อนนะ เจอกันเย็นนี้ ^v^” ฉันบอกลาและยิ้มให้พวกหล่อนฉบับนางมารมาเองและหันกลับไป

    เดี๋ยว เด็กสาวคนหนึ่งร้องเรียกฉันจากด้านหลัง

    อะไรฉันหันหน้ากลับไป

    เธออ่านมันได้ แต่เธอห้ามให้ใครอ่านนอกจากนายนั่น

    โอเคแล้วฉันก็หันหลังกลับไปเดินต่อ

    ซักพักเพลงที่เป็นสัญญาณบอกว่าถึงเวลาเข้าแถวก็ถูกเปิดดังขึ้น นักเรียนที่นั่งอยู่ตามมุมต่างๆ ก็เดินกรูกันมาเข้าแถว และฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เวลาผ่านไปได้ซักสองสามนาทีนักเรียนทั้งโรงเรียนก็เข้าแถวกันเป็นระเบียบและพิธีการหน้าเสาธงก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย

     

    ฉันขึ้นบันไดปูนที่ทาสีเขียวน้ำทะเลพร้อมเพื่อนๆ ทั้งระดับก่อนที่จะแยกย้ายเดินเข้าห้องใครห้องมันอย่างเป็นระเบียบ

    การเรียนการสอนดำเนินไปตามปกติ ฉันเองก็ยังไม่ได้เปิดอ่านข้อความในจดหมายสีชมพูหวานแหววเลยซักกะติ๊ดเดียว เพราะเดี๋ยวผู้รับจะเห็นซะก่อน

    อ๊อดดดดดดด

    กริ่งโรงเรียนส่งเสียงบอกหมดเวลาเรียนของคาบเรียนที่สามแล้วเวลากินข้าวของนักเรียนชั้นม.5ก็เริ่มต้นขึ้น ฉันกับแนนมานั่งกินข้าวที่ห้องอาหารเหมือนกับทุกวัน

    เฮ้อ! อิ่มจัง ^O^” ฉันพูดพร้อมเอามือล้วงแล้วเอนตัวพิงเก้าอย่างอิ่มอกอิ่มท้อง แต่ก็พลันนึกอะไรออก

    เออ จริงสิ แนนเดี๋ยวฉันมานะ ขอตัวทำธุระก่อน

    อืม...จ๊ะ

    ฉันดันตัวจากเก้าอี้ก่อนจะลาเพื่อนรักเพื่อขอตัวไปทำธุระซักนิดนึง ซึ่งมันเป็นความลับซะด้วย >*<

    ตึก ตึก ตึก

    ฝีเท้าของใครบางคนกำลังก้าวย่างขึ้นบันไดปูนสีเขียวน้ำทะเล ก่อนจะเปลี่ยนมาเดินบนพื้นไม้ตรงทางเดินแล้วเลี้ยวเข้าห้องเรียนของชั้นม.5/8

    ตึก ตึก ตึก

    ฉันเดินจากห้องอาหารมาที่ห้องเรียนของตัวเองก่อนที่จะหยุดอยู่ที่โต๊ะเรียนของตัวเอง มือเรียวยาวของฉันทำการเปิดกระเป๋าถือของตัวเองแล้วล้วงไปยิบจดหมายสีชมพูหวานแหววขึ้นมา แล้วจึงนั่งอ่านข้อความในนั้นบนเก้าที่นั่งของตัวเอง

    ฉันค่อยๆ บรรจงเปิดจดหมายอ่านอย่างเบามือที่สุด เพื่อไม่ให้จดหมายฉบับนี้ขาดเสียหายแต่อย่างใด นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มค่อยๆ ไล่ดูข้อความในจดหมายอย่างตั้งใจจับใจความที่มีอยู่ในจดหมายฉบับนี้

    สวัสดีค่ะ

    นายคงไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร แต่ฉันรู้ว่านายเป็นใครและชื่ออะไร ฉันอยากทำความรู้จักกับนายเลยเขียนจดหมายมาให้แบบนี้ ฉันไม่รู้ว่านายอยากจะทำความรู้จักกับฉันรึเปล่านะ แต่ฉันอยากรู้จักกับนายนะเคน ฉันได้ยินมาว่านายเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดคุยกับใคร แต่ฉันหวังว่านายคงจะพูดคุยกับฉันทางจดหมายได้นะ ฉันพอแค่นี้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวนายจะอ่านจดหมายมากไปจนไม่ได้ทำอย่างอื่น ฉันหวังว่านายคงจะตอบจดหมายนะ เพราะฉันรออ่านอยู่ ถ้าเขียนตอบกลับเสร็จแล้วให้วางไว้ใต้โต๊ะของนายนะ เดี๋ยวเพื่อนของฉันจะไปหยิบมาเอง

    จาก    เพื่อนใหม่

    ดวงตาคู่สวยของฉันไล่อ่านข้อความในนี้จนจบ จดหมายรักชัดๆ แม้ตอนนี้จะไม่ได้บอกว่ารัก หรือนัดไปบอกรัก แต่พอเริ่มรู้จักกันนานขึ้นซักวันจะต้องส่งจดหมายนัดไปบอกรักแน่ๆ ยัยพวกนั้นสติแตกรึไง รักกับใครไม่รักไปรักทำไมนายชาเย็นน่ะ ไม่เห็นจะมีอะไรที่น่าสนใจซักนิด ถึงจะหล่อก็เหอะ

    ฉันค่อยๆ บรรจงปิดจดหมายสีชมพูหวานแหวว แล้วค่อยๆ วางจดหมายลงใต้เก๊ะของนายชาเย็นตรงริมในสุดของเก๊ะ จากนั้นฉันก็ออกไปจากห้องแล้วเดินไปหาแนนที่ห้องอาหาร

    ไปไหนมาเนี่ย แนนยิงคำถามทันทีที่เห็นฉันเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารที่จองกันไว้

    ก็บอกแล้วว่าไปธุระ

    และธุระอะไรล่ะ

    เข้าห้องน้ำ ต้องให้บอกอีกมั้ยว่าเข้าไปทำอะไร ขี้จุ๊เบเบ๊ซะแล้วฉัน ขอละกันนะมันเป็นความลับ

    เอ่อ....ไม่ต้องหรอกยะ กวนจริงๆ นะแกเนี่ย

    เอ้า ฉันพูด (ไม่) จริง

    เหรอ –O-

    ไป จะไปกันได้ยัง

    ขี้เกียจตากแอร์ในห้องอาหารแล้วเหรอยะ

    ใกล้จะถึงเวลาขึ้นห้องแล้ว

    เออๆ ไปก็ไป

    อ๊อดดดดดด

    เสียงกริ่งบอกเวลาหมดคาบพักกลางวันของพวกเรา ซึ่งเวลาหลังจากนี้คือความน่าเบื่อที่เคลือบคลานกลับมาอีกครั้ง เวลาอีกสามชั่วโมงต่อจากนี้คือเวลาที่พวกเราอยากกลับบ้านไปนอนกลางวันเหมือนเมื่อตอนอนุบาลอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกเราอยู่ชั้นมัธยมปลาย ไม่มีนอนกลางวัน มีแต่แอบหลับในห้องเรียนและโดนครูทำโทษเท่านั้น

    อยากกลับไปเป็นเด็กอนุบาลจัง

    ฉันเดินขึ้นบันไดปูนสีเขียวน้ำทะเลเพื่อขึ้นห้องกับแนน หลังจากที่ไม่ได้พูดอะไรเลย ฉันก็เลยพูดย้อนชีวิตตัวเองเปิดประเด็นคุย นั่นทำให้แนนเกิดความสงสัยกับคำพูดของฉันขึ้นมา

    ทำไมล่ะเอม

    เอ้า! ลองนึกดูสิ ถ้าอยู่อนุบาลก็จะได้นอนกลางวัน

    นั่นสิ

    ฮ้าวววววว!.....พูดไม่ทันไรก็ชักง่วงซะแล้ว

    ฮ้าวววววว!.....นั่นสิ อาการหาวมันไม่ได้ติดต่อกันได้นะ

    ใครทำให้ฉันกลับไปเป็นเด็กได้มั่ง ช่วยมาปรากฏตัวให้เห็นที

    อย่าให้เค้ามาปรากฏตัวเลย เดี๋ยวเค้าเห็นเธอจะผวาตายซะก่อน

    ยัยแนน

    แบร่ ยัยปอบผีฟ้า พอยัยแนนพูดว่าฉันจบก็รีบวิ่งขึ้นไปก่อนที่ฉันจะได้ทุบหลังซะอีก ส่วนฉันก็ไม่รีรอให้เพื่อนปากร้านคนนี้จะวิ่งหนีได้พ้น ฉันก็เลยวิ่งตามไปโดนที่ไม่กลัวตกบันไดเลย แต่.....

    ตุบ!

    โอ๊ยยยย

    โอ๊ยยยย

    ฉันวิ่งไปจนถึงหัวมุมทางขึ้นบันได แต่ก็ต้องล้มก้นจูบพื้นเป็นครั้งที่สองในรอบวันนี้เพราะดันไปเผลอชนเข้ากับหน้าอกอันปึ๋งปั๋งของใครเข้าก็ไม่รู้

    โอ๊ย ตอนแรกก็โดนนายชาเย็นผลักไปจนล้มไปทีนึงแล้ว แล้วนี่ยังชนเข้ากับคนอื่นจนล้มไปอีก อะไรกันวันนี้ รอบเช้าไปที รอบกลางวันก็อีกที จะมีรอบเย็นมั้ยเนี่ย

    ใครวะ ฉันโวยวายเบาๆ เพราะไม่อยากจะไปมีเรื่องกับใคร

    ขะ ขอโทษนะ เป็นอะไรรึเปล่า คนที่ถูกฉันชนกล่าวขอโทษอย่างสุภาพในขณะที่ฉันกำลังลูบหัวป้อยๆ ฉันต้องเป็นคนที่กล่าวขอโทษไม่ใช่เหรอ

    มะ ไม่เป็นไร ฉันต่างหากที่ต้องขอ... O-O”

    ในขณะที่ฉันกำลังจะกล่าวขอโทษก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ถูกฉันชน แต่ตัวเองกลับล้มซะเอง นายจอมโวยวายนายคนที่ฉันล้มทำน้ำก๊วยเตี๋ยวหกราดหลัง

    ธะ เธอ ดูเหมือนเขาจะจำได้ว่าฉันเป็นใคร

    นะ นายจอมโวยวาย

    ยัยเบ๊อะ อ๊าก ฉันจะฆ่านาย ฉันจะบีบคอนาย ฉันจะจับนายถ่วงน้ำ บังอาจเกินไปแล้วนะ กล้าดียังไงมาเรียกฉันแบบนั้น

    นี่นาย หยุดเรียกฉันแบบนั้นนะ ฉันยันตัวแล้วลุกขึ้นมาโวยวายคนตรงหน้าอย่างลืมความเจ็บเมื่อซักครู่ แต่กลับแปรเปลี่ยนเป็นความแค้นที่มิอาจจะลืมได้

    แล้วทำไม ทีเธอยังเรียกฉันว่า นายจอมโวยวายได้เลย

    หรือมันไม่จริง

    ถ้ามันไม่จริงแล้วฉันจะเรียกนายอย่างนั้นได้ยังละ

    เธอเรียกของเธอเองต่างหาก คนหล่ออย่างฉันจะเป็นอย่างที่เธอว่าได้ยังไงล่ะ

    แอ่ก! แอ่ก! แอ่ก!” โดนคำหลงตัวเองของนายนั่นที แทบจะสำลักน้ำลายตัวเองตาย

    โห....สำลักความหล่อของฉันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

    อี๊! สำลักความหลงตัวเองของนายซะมากกว่าน่ะสิ

    ใช่สิ ก็มีแต่ยัยเบ๊อะอย่างเธอเท่านั้นแหละ ที่ตาบอดไม่เห็นความหล่อของฉัน

    อ๊าก นายอย่ามาเรียกฉันว่า ยัยเบ๊อะนะ แล้วอีกอย่างความหล่อของนายมันไม่มีให้เห็นเลยต่างหาก

    เธอต่างหากที่ตาบอด ยัยเบ๊อะตาบอด

    นี่นาย >O<” อ๊าก ฉันชักทนไม่ไหวแล้วนะ ไม่เคยเห็นใครหลงตัวเองได้ขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต

     

    นี่แก ยัยนั่นใครอะ เด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังดูเด็กสาวผมสีดำอมน้ำตาลยืนประชันปากประชันเสียงกับเด็กหนุ่มผมสีดำแซมน้ำตาลซอยทรงกอล์ฟไมค์ ตรงหน้าห้องน้ำที่อยู่ตรงทางเดินระหว่างบันไดชั้นสองกับชั้นสามกับเพื่อนสาวที่ยืนดูอยู่ข้างๆ

    ถ้าแกไม่รู้แล้วฉันจะไปรู้มั้ยเพื่อนสาวตอบคำถามอย่างเคืองๆ กับภาพตรงหน้า

    แต่ฉันเคยเห็นยัยนี่ทำก๊วยเตี๋ยวหาใส่เฟียซด้วยนะ เมื่อวานนี้เอง

    หา จริงเหรอ OoO”

    อือ จากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปที่ห้องน้ำที่อยู่ซอยลึกด้วย นี่ก็เท่ากับว่าทั้งสองคนได้อยู่กันสองต่อสองเลยน่ะสิ

    แต่ว่านั่นอาจเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ก็ได้นะ

    เหรอ

    แล้วอีกอย่างเฟียซคงไม่เอายัยนี่หรอก

    นั่นสิ ถึงยัยนี่จะพอหน้าตาดี

    แก

    เดี๋ยวก่อนสิ แต่ยังไงแกก็สวยกว่าอยู่ดีน่ะ แถมเป็นผู้หญิงที่ป๊อปที่สุดในโรงเรียนด้วยนะ

    นั่นสิ ยังไงฉันก็ดีกว่ายัยนั่นอยู่แล้ว

    ใช่ แถมเมื่อกี้ก็เป็นอุบัติเหตุด้วย ยัยนั่นก็ไม่เจียมเล้ยที่กล้ามาเทียบชั้นยืนเรียกเฟียซด้วยชื่อทุเรศๆ อย่างนั้น แต่ก็แสดงว่ารู้จักกัน ไม่แน่ยัยนั่นอาจคิดที่จะฮุบเฟียซไว้ก็ได้นะ กล้าดียังไงกัน

    ......

    แต่ถ้าปล่อยไว้ มันคงไม่รู้จักเจียมอยู่แน่ เอาไง

                    แล้วแต่แกแล้วกัน

                    งั้นก็แล้วแต่ฉันนะ เด็กสาวคนนั้นพูดตบท้ายจบก็เดินตามเพื่อนที่กำลังขึ้นบันไดไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×