ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยัยแสบซ่าขอป่วนหัวใจนายชาเย็น

    ลำดับตอนที่ #3 : คาบ3 >>>>เมื่อคนสวยถึงคราวซวยค่า

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 53


    คาบ3

    เมื่อคนสวยถึงคราวซวยค่า

                    เช้าที่แสนสดใส ที่ท้องฟ้าเป็นสีคราม ก้อนเมฆปุยๆ ดวงอาทิตย์ที่แผ่แสงไปทั่วท้องฟ้าจนบัดบังดวงดาวที่ฉายแสงในเวลากลางคืน ซึ่งตอนนี้แสงในตัวมันไม่เพียงพอที่จะทำให้ใครต่อใครเห็นได้อีกแล้ว

    พอในช่วงสายดวงอาทิตย์ก็ยิ่งปล่อยแสงบวกรังสีอุลตร้าไวโอเรตหรือเรียกสั้นๆว่ารังสียูวี (แล้วเรียกซะยาว) จนทำให้ใครต่อใครก็รู้สึกร้อนได้ถ้าผิวหนังอันบอบบางโดนแสงแดดแม้ว่าจะเพียงน้อยนิดก็ตาม

    ฉันเรียนที่นี่มาได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว แดดก็ยังร้อนเหมือนเดิม บรรยากาศอันร้อนอบอ้าวข้างนอกส่งผลให้คนข้างในมีบรรยากาศที่เบื่อหน่ายสุดๆ เพราะขณะนี้พวกเรากำลังเรียนวิชาเคมีกันอยู่ และอาจารย์ผู้สอนขอบอกว่า......เฮี้ยบมากกกกก คนในห้องเลยพากันเงียบไปซะทุกคน (แต่มีอยู่คนนึงที่เงียบได้ทุกเวลา)

    เฮ้อออออ! น่าเบื่อชะมัดเลยอ่า......คันปากแต่เกาก็ไม่หาย วิธีเดียวที่หายคันได้ คือ ต้องคุย เท่านั้น ต้องคุย ต้องคุย และ อยากคุย >*<

    โอ๊ย! อยากบ้าตาย ทำไมมันยากงี้เนี่ย ยิ่งเรียนยิ่งไม่เข้าใจ เฮ้อออออ!” ฉันบ่นเสียงเบาพอที่คิดว่าครูท่านจะไม่ได้ยิน ไม่งั้นโดนเฉ่ง

    อะแฮ้ม! อะแฮ้ม! อะแฮ้ม!” เสียงไอกระปอดกระแปดเหมือนก้างติดคอ สำลักน้ำ สำลักข้าว และ บลาๆๆ ที่ดังขึ้น เสียงไอเข้มๆ แก่ๆ ของผู้หญิงวัยทอง ผมสั้น ใส่ชุดยูนิฟร์อมของครู ทำให้ฉันรู้ทันทีว่าครูท่านที่ถูกพาดพิงถึงวิชาที่ตนสอนนั้นได้สนที่ฉันพูด คิดได้ฉันก็รีบ (สุดๆ) หุบปากทันที ยังดีที่ครูไม่ได้ลงโทษอะไร

    เฮ้ออออ! เกือบไป _o_lll

    ผ่านไปได้ซักยี่สิบนาที (แต่มันนานเหมือนหนึ่งชั่วโมง) ทำให้ฉันเกิดอาการเมื่อยล้าตามร่างกาย โดยเฉพาะมือ รู้สึกแบบนี้ก็ทนไม่ไหว เลยแอบยืดแขน กางขา ซักหน่อย (แน่นะว่าหน่อย)

    เฮ้ออออ! ค่อยยังชั่ว ^[]^

    หลังจากยืดเสร็จ ฉันก็รู้สึกชักอยากรู้ซะแล้วว่าตนข้างๆ ฉันตอนนี้อาการเป็นไงมั่ง หวังว่าคงไม่ได้นั่งมองหน้าต่างนะ

    ขวับ

    อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด นายชาเย็นนั่นกำลังนั่งมองหน้าต่างจริงด้วย (ไปเปลี่ยนชื่อเขาอีก) มองอะไรอยู่นะอยากรู้จัง

    ว่าแล้วฉันก็ชะโงกหน้ามองท่าไดโนเสาร์คอยาวลอกข้อสอบ (ชะโงกหน้าจนคอยาวกว่าลอกปกติ) เพื่อดูว่านายชาเย็นนั่นดูอะไรอยู่ 

    ตอนนี้คอของฉันใกล้จะถึงก้อนเมฆแล้ว (ผีหรือคน?)

    นี่พวกเธอ เสียงเข้มๆที่ทุกครั้งที่ดังขึ้น มักจะทำให้ (เฉพาะ) นักเรียนนั้นรู้สึกตกนรกทั้งเป็น ไม่ว่าจะแก่น เซี้ยว เปรี้ยว ซ่า บ้า อันธพาลซักแค่ไหนก็ต้องจอมจำนนสยบแทบเท้าท่านอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ

    เสียงเข้มๆ แสนหน้าสะพรึงกลัว (เหมาะที่จะพากย์เสียงผีแก่) นั้นดังขึ้นอยู่ข้างหลังของฉัน เสียงนั่นทำเอาฉันกับเคนร่วมกันตกใจ แล้วหันไปมองที่เจ้าของเสียงอย่างพร้อมเพรียงกันโดนมิได้นัดหมาย

    “O-Olll” >> ฉัน

    “-_-“ >> เคน

    นี่พวกเธอสองคนมองอะไรนอกหน้าต่างนักหนา ไหน ข้างนอกมันมีอะไรนักหนา ครูจอมเฮี้ยบพูดพร้อมชะโงกหน้าไปดู แต่ไม่พบอะไร (เหมือนที่ฉันก็มองไปไม่พบอะไร)

    ......” >> ฉัน

    ...... >> เคน

    ไม่เห็นจะมีอะไรเลย......ไป.....ออกไปยืนขาเดียวคาบไม้บรรทัดข้างนอก....ไป....เร็ว

    ค่ะ

    “-_-;;”

    ครูพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำเอาฉันใจหาย สุดท้ายฉันกับเคนก็ต้องไปยืนคาบไม้บรรทัดข้างนอกห้องเรียน ยังโชคดีที่เวลานี้เป็นเวลาเรียนที่ไม่มีชั้นไหนถึงคาบพักทานข้าว ไม่งั้นคงอายสายตาผู้ชมที่ผ่าไปผ่านมาเป็นแน่แท้

    เฮ้อออออ!”

    เนื่องจากยืนมานาน (แค่ห้านาที) จึงทำให้ขาที่ตอนนี้มีอยู่ข้างเดียว (อีกข้างพาดกำแพง) ระบบไปหมด ทั้งเมื่อยทั้งเหนื่อย ทั้งเกร็ง เลยต้องปล่อยความทุกข์ทั้งหมดออกมาทางปาก –O-

    ว่าแต่จะโทษใครดีเนี่ย จะโทษนายชาเย็นนั่นดีไหมน้าที่ทำให้ฉันเกิดความสงสัยปนอยากรู้อยากเห็น จึงทำให้มองออกไปนอกหน้าต่างด้วย แต่เขาก็มองของเขาอยู่แล้วนี่หน่า เราต่างหากที่หาเรื่องใส่ตัวเอง แง้.....ไม่น่าเลยฉัน TTOTT

    แล้วนายชาเย็นเป็นไงมั่งเนี่ย โดนคาบไม้บรรทัดเหมือนกันนี่หน่า ทำไมไม่ปริปากบ่นซักคำ

    แล้วฉันก็หันหน้าไปดูตัวการที่ทำให้ฉันได้รับโทษทัน (ตัวเองผิดแท้ๆ) แล้วภาพที่เห็น คือ นายนั่นไม่ได้ยืนคาบไม้บรรทัดตามคำสั่งของคุณครูจอมเฮี้ยบ แต่แค่ยืนกอดอกพิงกำแพงธรรมดา ถ้าไม่ติดที่ว่าฉันยืนอยู่ใกล้ประตูมากที่สุด ส่วนนายนั่นก็ยืนถัดจากฉันไป ซึ่งห่างไกลจากประตูหน้าห้อง ถ้าเป็นในห้องนายนั่นก็คงยืนอยู่ประมาณกลางห้องได้ ถ้าฉันไปยืนอยู่แทนที่นายชาเย็น ฉันก็จะทำท่ายืนพิงกำแพงแน่ แต่ถึงนายจะยืนไกลจากสายตาครู นายก็ควรยืนคาบไม้บรรทัดนะ ขี้โกงชะมัด TT-TT

    พลิ้ววววว......

    ขณะที่ฉันมองตัวการที่ทำให้คนสวยอย่างฉันต้องเป็นคนผิด จู่ๆ ลมจากทิศไหนก็ไม่รู้พัดเอาความร้อนออกไปจากบริเวณนั้นจนหมด ทำให้ผมซอยสีดำอมน้ำตาลของฉันปลิวสยายยิ่งทำให้ฉันดูสวยขึ้นไปอีก (อ้วก-คนเขียน –TT-) ล้อเล่นน่า แต่ฉันก็ไม่ได้ละสายตาจากคนข้างๆ ตอนนี้ ผมสีน้ำตาลเข้มเคลื่อนไหวไปทางเดียวกับลม ผิดกับหน้าตาของเจ้าของผมที่ดูแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหวเลย

    นายชาเย็นนี่ ตอนลมพัดจนผมปลิวก็ดูหล่อเหมือนเดิม ไม่สิ ดูหล่อมากกว่าเดิมอีก.......เอ๊ะ! แล้วฉันจะชมนายใบ้นี่ทำไมเนี่ย -///-

    สงสัยฉันจะมองเขาเพลินไปหน่อย เลยทำให้คนที่ถูกมองรู้ตัวแล้วหันมามองทางคนมองอย่างฉัน มองด้วยสายตาที่เย็นชาและคำถามในใจว่า มองทำไมทำเอาคนมอง (ฉันนี่แหละ) ตกใจที่จู่ๆ เป้าหมายสายตารู้ตัวและหันหน้ามาโดยที่คนมองไม่ทันตั้งตัวรับสายตาของเป้าหมายเลยทำได้แค่หันหลบสายตาคู่นั้น จนในที่สุดสายตาคู่นั้นก็เลิกโจมตีแล้วหันหน้าไปทางอื่น เฮ้อ! ตกใจหมด ( -<-)

    ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้ว แต่ฉันต้องจมอยู่กับความเงียบนอกห้องเรียน นี่ท่าคนอื่นที่ไม่ใช่นายชาเย็นนั่นมายืนด้วยนะ คงไม่ต้องมายืนโดยที่ความเงียบปกคลุมอยู่อย่างนี้หรอก คงได้คุยให้หายคันปากไปนานแล้ว

     

    แง้ อึดอัก ก็นายนี่นะ พูดด้วยก็ไม่พูด ถามอะไรก็ไม่ตอบ มัวแต่มองไปนอกหน้าต่าง คนยืนอยู่ข้างๆยังไม่สนใจ สนใจแต่อะไรก็ไม่รู้ข้างนอก -^-

    อ๊อดดดดดด......

                    เสียงของสวรรค์ที่อยู่ๆ ก็ดังกังวานไปทั่วโรงเรียนทำให้นักเรียนหลายคนถึงกับร้องเฮด้วยความดีใจ

    ฉันที่ยืนคาบไม้บรรทัดขาเดียวอยู่ ก็ถึงกับเผยยิ้มจนปากจะฉีกเพราะรู้ดีว่า เวลาแห่งความเมื่อยล้าจบลงแล้ว ^U^ แต่ก็ไม่วายอยากรู้ว่าคนข้างๆ จะมีปฏิกิริยายังไง แต่คำตอบก็เหมือนเดิม นายนั่นเพียงแค่มองดูตัวส่งเสียงสวรรค์และกลับมาดูเวลาที่นาฬิกาที่นาฬิกาข้อมือสีดำที่อยู่ตรงข้อมือของเจ้าของ ก่อนที่จะลดมือลงแล้วทำท่าหุ่นคาบไม้บรรทัดโดยไม่พูดอะไรหรือแสดงสีหน้าดีใจเลยแม้แต่น้อย

    แอ๊ดดดดด

    เสียงประตูหน้าห้องที่ทำจากอลูมิเนียม แล้วมีกระจกใสอยู่บนสุดเพื่อที่จะมองเห็นคนข้างในห้อง ถูกเปิดออกพร้อมกับผู้หญิงวัยทองผมสั้น หรือที่ฉันเรียกเป็นการส่วนตัวว่า คุณครูจอมเฮี้ยบที่เป็นคนเปิดประตูคนแรกหลังจากเสียงกริ่งที่บอกหมดคาบหยุดส่งเสียงดัง

    ฉันที่อยู่ใกล้ประตูที่สุดถึงกับสะดุ้งเมื่อรับรู้ว่าใครเป็นคนเปิดประตู จากที่ขาพิง หลังพิงกำแพง สปริงใต้ผิวหนัง (มีด้วยเหรอ) ก็ทำหน้าที่เด้งอวัยวะทั้งสองส่วนนี้ให้ห่างจากกำแพง จากนั้นต่อมผลิตปูนซีเมนต์ก็หลั่งปูนจนทั่วตัว จนปูนแห้ง ตอนนี้ฉันก็ทำท่าหุ่นคาบไม้บรรทัดได้แข็งพอกับนายชาเย็นที่ทำท่านี้อยู่ข้างๆ

    และครูจอมเฮี้ยบได้เดินมาและหยุดมายืนประจันหน้ากับ (ผู้โชคร้าย) ฉัน แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วย ทำไมไม่ไปยืนประจันหน้ากับนายชาเย็นล่ะค้า นายนั่นก็มองครูเหมือนกับฉันนะ ฮือออออ....เสียวอะ Y-Y

    เอาล่ะ พวกเธอสองคนเอาขาลงได้แล้ว และเอาไม้บรรทัดออกจากปากด้วย

    สิ้นสุดเสียงของครูผู้เป็นดั่งคนกำหนดชะตาชีวิตของฉันและนายเคน ทั้งฉันและเคนก็เอาทุกอย่างลงเป็นคนปกติที่มี สองขา และมือไม่กางตลอดเวลา ดั่งเช่นเมื่อกี้ โดยเฉพาะฉันที่รีรบเอาลงจนเหมือนเพิ่งหลุดจากการโดนกักขังในค่ายนรก แล้ววิ่งออกมาจากค่ายนั้นอย่างไม่คิดชีวิต ยังดีที่ครูท่านไม่ปริปากว่า

    แล้วทีหลัง ก็อย่าให้ฉันเห็นอีกนะว่าไม่ตั้งใจเรียนในคาบวิชาของฉันน่ะ

    ค่ะ ฉันรีบขานรับคำสั่งของคุณครูเพราะว่ากลัวว่าถ้าไม่ตอบคงโดนดุแน่ๆ แต่รู้สึกว่านายคนข้างๆ ฉันจะไม่ได้พูดนะ แต่ดูเหมือนว่าครูท่านเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรด้วยเหมือนกัน

    จากนั้นเท้าของคุณครูจอมเฮี้ยบก็ก้าวผ่านฉันและนายชาเย็นไปอย่างช้าๆ ฉันที่เกร็งอยู่ก็เริ่มผ่อนคลาย ผ่อนคลาย และผ่อนคลาย จนตอนนี้สามารถขยับไปไหนได้อย่างอิสระได้ (ซักที)

    หลังจากหลุดออกจากการทำโทษที่ไม่ค่อยจะโหด แต่มันเมื่อยแสนเมื่อยมากๆ ฉันก็เดินกลับเข้าไปในห้องไปเก็บของ ในขณะที่คนอื่นๆ ก็พากันออกไปจากห้องไปกินข้าวกันหมด

    แนนที่เก็บของเสร็จแล้วแต่กลับรอฉันที่ตอนนี้กำลังเก็บของใส่กระเป๋าอยู่ แล้วก็เดินเข้ามาหาฉัน ในขณะที่นายชาเย็นเพิ่งจะเข้าห้องเพื่อมาเก็บของ นายนั่นไปยืนทำอะไรอยู่ข้างนอกตั้งนานนะ แต่ช่างเถอะ เรื่องของเขานี่

    นี่เอม โดนครูลงโทษเป็นไงมั่งอะ ยัยแนนที่พูดทำลายความเงียบในห้อง ที่ตอนนี้มีแค่ฉัน แนน และนายชาเย็น ฉันซึ่งกำลังเก็บของอยู่ ก็เลยไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่เข้ามาในห้อง

     

    ก็ไม่มีอะไรมากอ่ะ แค่ยืนขาเดียวคาบไม้บรรทัดฉันตอบแนนโดยที่ไม่ได้มองหน้าคนถามเลยแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่เก็บของอยู่ (เก็บช้ามาก)

    แล้วไม่เมื่อยมั่งเหรอ แนนยังคงถามต่อเมื่อเห็นฉันตอบไม่ตรงคำถาม

    ก็เมื่อยอ่ะ โดยเฉพาะแขนกับขาข้างนี้ ฉันตอบคำถามพร้อมกับยกแขนและชี้ไปที่ขาข้างที่เป็นฐานในการยืนขาเดียวของฉันหลังจากเก็บของเสร็จ

    แล้วเธอจะเดินไหวมั้ยอะ

    ฉันไม่ได้พิการนะยะ ถึงจะเดินไม่ได้

    จ้า จ้า

    อืม....สิบเอ็ดโมงสิบห้าแล้ว แนน เราไปกินข้าวกันดีกว่า

    อืม ดี

    ฉันพูดพร้อมดูเวลาที่นาฬิการูปคิดตี้สีชมพูอ่อน (ใครเป็นคนเอามาไว้ในห้องเนี่ย อยากจะสลบ) ที่ติดอยู่บนผนังห้องหน้าห้องเรียนเหนือกระดานสีขาว ที่ทำหน้าที่บอกบอกเวลาให้กับนักเรียนทุกคนในห้อง ก่อนจะเดินนำหน้าแนนออกนอกห้องเรียนไป แต่ฉันก็แอบหันไปดูคนที่มีที่นั่งอยู่ข้างๆ กับที่นั่งของฉัน นายเคนที่เพิ่งเก็บของเสร็จ แต่กลับไม่มีทีท่าว่าจะก้าวขาออกจากห้อง หนำซ้ำยังหยิบกระเป๋าสตางค์ แล้วหยิบบางสิ่งออกจากกระเป๋านั่นและมองดูสิ่งนั้นด้วยดวงตาที่เศร้าหมอง ดวงตาคู่นั้นกำลังแสดงอารมณ์ที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนจากคนๆ นั้น แม้ว่าฉันจะนั่งอยู่ใกล้เขาก็ตาม และฉันก็คิดว่าคงไม่มีใครในห้องเคยเห็นอารมณ์นั้นด้วยเช่นกัน ฉันมองเห็นอารมณ์ของนายเคนเมื่อมองสิ่งๆ นั้น ทำให้ฉันเกิดอยากรู้ซะแล้วสิว่าสิ่งที่นายชาเย็นถืออยู่มันคืออะไร อะไรที่ทำให้คนเย็นชา เงียบขรึม นิ่งสุขุม อย่างนายชาเย็นเกิดแสดงความเศร้าขึ้นมาได้

    ฉันเดินลงบันไดไปคุยกับแนนไป แนนก็เล่าเรื่องต่างๆ ที่เจน เพื่อนที่นั่งคู่กับแนนเล่าให้ฟัง แนนบอกว่า เจนเป็นคนที่ร่าเริงมากๆ แถมยังชอบปล่อยมุขด้วย ตอนวิชาเคมีเมื่อกี้ เจนก็เล่นมุขที่ทำเอาแนนอยากจะไปตีลังกาหน้าห้องแล้วหัวเราะไปด้วยเลย แต่ยังดีที่เจนเอามือปิดปากไม่ให้แนนหัวเราะออกมาซะก่อน ไม่งั้นคงได้ไปยืนขาเดียวคาบไม้บรรทัดเป็นเพื่อนฉันกันเคนแน่ๆ

    นี่เอม ตอนที่พวกเธอทั้งคู่โดนลงโทษนะ เจนบอกว่า

    ว่า

    ที่คุณครูให้พวกเธอทั้งคู่ไปยืนขาเดียวคาบไม้บรรทัดอ่ะ ครูเขามีเหตุผล

    เหตุผลอะไร

    เจนบอกว่า ครูเค้าจะกินพวกเธอ

    หา......? OoO??

    เขาบอกว่า เวลาพวกเธอไปยืนข้างนอกแล้ว พวกเธอเหมือนปลาดุกย่างเลย

    อะไรนะ O_O”

    ก็เวลาพวกเธอทั้งคู่ยืนขาเดียว แล้วกางแขนทั้งสองข้าง มันเหมือนปลาดุก แล้วพอไปยืนข้างนอกห้องที่อากาศมันร้อนๆ มันเหมือนปลาดุกที่ถูกย่างเลยอะ

    ครูก็เลยจะกินเมื่อมันสุกแล้วสินะ -_-“

    ใช่ แล้วเวลาฉันนึกภาพนะ 55555 ขำอะ ^O^”

    ยัยแนน เพื่อนที่สนิท (ตอนไหนไม่รู้) ของฉัน ทำท่านึกภาพแล้วปล่อยระเบิดหัวเราะออกมา แต่จะว่าไปเมื่อลองนึกภาพตามดูแล้วมันก็น่าขำจริงๆนั่นแหละ  แต่กล้าเปรียบเทียบคนสวยอย่างฉันเป็นปลาดุกงั้นเหรอ คนสวยอยากกรี๊ด

    โอ๋ อย่าโกรธนะ ฉันก็แค่พูดต่อๆ มาเอง ยัยแนนรีบเข้ามาปลอบเมื่อเห็นฉันเริ่มทำหน้าบึ้งเป็นหมาหน้าย่น (กล้าเขียนนะ เดี๋ยวแม่เตะก้นคนเขียนซะนี่)

    ยะ ไม่โกรธหรอก เรื่องแค่นี้เอง แต่ฉันก็รีบปฎิเสธทันควัน เพราะคนสวยมักต้องใจดี มีเมตตา โฮะๆๆ ^O^

     

    บนทางเดินที่ปูด้วยกระเบื้องลายจุดหลากสีตัดกับพื้นหลังทีเป็นสีขาว แต่เนื่องจากอยู่มานาน จากพื้นสีใสสวย ตอนนี้กลับมีสีดำปนแปดเปื้อนทับจนทำให้ความสวยของกระเบื้องจางหายไปกับกาลเวลา

    ฉันและแนนแยกกันซื้ออาหารแล้วกลับมาเจอกันที่โต๊ะตัวขนาดกลางๆ สีขาว แบบนั่งคู่ ทีมีเก้าอี้สีเหลืองถูกดีไซน์ให้ที่นั่งเป็นรูปไข่ครึ่งฟอง มีเหล็กเชื่อมต่อไปยังที่พิงรูปวงรี สองตัวที่ขนาบข้างๆ กับโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้องของห้องอาหารแห่งนี้

    ร้านอาหารขนากย่อมๆ เรียงรายในแนวเดียวกัน มีกำแพงที่ไม่หนามากนักเป็นตัวกลางกั้นระหว่างร้าน ร้านอาหารแต่ละร้านมีเมนูอาหารคนละประเภท ไม่เหมือนกันเลยซักร้านเดียว แต่ความอร่อยในอาหารร้านของตัวเองก็ไม่แพ้ร้านอื่นเหมือนกัน ส่วนร้านเครื่องดื่มก็มีแข่งกันอยู่แค่สี่ร้าน

    ร้านน้ำอัดลม น้ำหวาน ที่มีขายทั้งน้ำอักลมทุกชนิดและน้ำหวานทุกชนิด

    ร้านน้ำผลไม้ ที่ขายทั้งน้ำผลไม้ปั่นน้ำผลไม้ธรรมดา

    ร้านนมปั่น ทั้งชานมปั่น นมสดจากเต้าวัวปั่น หรือกระทั่งวัวเป็นๆ ปั่นก็ยังมีขายให้กิน (อันหลังล้อเล่น) แต่ที่อร่อยที่สุด คือ ทอปปิ้งที่มีหลากหลายให้เลือก

    ร้านชานมไข่มุก ก็เหมือนกับร้านนมปั่น แต่ที่ต่างกัน คือ ร้านนี้มีไข่มุกจากทะเลอันดามัน เยลลี่จากเมืองขนมหวาน และอื่นๆอีกมากมายให้ไปดูดกินกัน

    และร้านชนิดสุดท้าย คือ ร้านขนมหวาน ที่มีตั้งแต่ ร้านขนมปังจนถึงกระทั่งร้านขนมเค้กที่ขายกันเป็น ปอนด์ๆ

    ฉันเดินตระเวนตรวจตราตามร้านอาหาร เพราะไม่ว่าร้านไหนอาหารก็น่าทานไปหมด เลือกไม่ถูกเลยว่าจะกินอะไรดี น่ากินทุกอย่างเลย \>O</

    หลังจากที่เดินตระเวนเลือกแต่ยังไม่ได้ซื้ออาหารอยู่นาน ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจซื้อก๊วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ เป็นเมนูอาหารเที่ยงของวันนี้ (แล้วเลือกซะนาน)

    ฉันเดินออกจากการต่อแถวซ้ออาหารหน้าร้านขายก๊วยเตี๋ยวพร้อมก๊วยเตี๋ยวเย็นตาโฟชามขนาดกลางในมือ แล้วเดินแบบเป็นพรีเซ็นเตอร์ขายก๊วยเตี๋ยวสูตรเย็นตาโฟให้กับร้านก๊วยเตี๋ยวตรงไปยังที่นั่งที่ได้ทำการปักป้ายจับจอง

    ตลอดทางกลิ่นหอมหวยของก๊วยเตี๋ยวเย็นตาโฟโชยเข้ารูจมูกของฉันตลอดเวลา คงเพราะเดินดมกลิ่นของก๊วยเตี๋ยวอันหอม อย่างไม่สนใจใคร เลยเป็นเหตุทำให้........

    อุ๊บ O*O”

    ตุบ

    เกร็ง

    โอ๊ย.....

    อูยยย เจ็บจัง TOT เอ๊ะ! แง้...ก๊วยเตี๋ยวเย็นตาโฟของฉานนนน หกหมดเลย ฮืออ... ข้าวเที่ยงของฉัน หายไปแล้ว TT-TT”

    ฉันร้องออกมาอย่างโหยหวน (อย่าคิดว่าเปรตนะ) กับการจากไปของก๊วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ อันมีสาเหตุเนื่องมาจากการที่ฉันสูดดมกลิ่นอันหอมหวนของก๊วยเตี๋ยวจนเพลิน จนทำให้เผลอเหยียบเท้าตัวเองจนล้มหน้าคว่ำขมำงายกลายเป็นตีลังกา แล้วเกลือกกลิ้งกับพื้นเสมือนลูกเท้า (ฟุต) บอล ก่อนจะจบด้วยท่าหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินแบบพรมรูปเสือที่ถูกปูแผ่หลาสำหรับเหยียบย่ำ หวังว่าคงไม่มีใครมาเหยียบฉันหรอกนะ

    แต่ว่า เอ๊ะ เหมือนก่อนหน้าที่ฉันจะพูด เหมือนมีเสียงของใครซักคนพูดขึ้นนะ หรือว่าไม่มี ไม่แน่ใจแฮะ สงสัยต้องย้อนไปอ่านตอนที่เหยียบเท้าตัวเองแล้วล้มซะแล้ว ขอตัวย้อนไปอ่านข้อความบางข้อความก่อนนะ

    แวบ

    แวบ

    จริงๆ ด้วย มีคนร้องก่อนที่ฉันจะโหยหวนอีก ตาล่ะ ดันล้มแล้วไปทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนแล้วมั้ยล่ะเรา จะโดนเค้าว่ามั้ยเนี่ย

    อูยยยยยย! ร้อน ร้อน ร้องโว้ย.....ใครเอาน้ำร้อนมาราดใส่หลังฉันฟะ พ่อจะจับหักคอจิ้มกะปิให้หมากินเลยคอยดู

    เอาแล้วไง ผู้โดนลูกหลงของฉันโวยขึ้นแล้วมั้ยล่ะ

    ยังไม่ทันไร เจ้าทุกข์ผู้รับชะตากรรมร่วมกับฉันก็แสดงตัวตนออกมาสู่สายตาฉันและนายนางประชาชีทั้งหลายที่หันมามองดูฉันล้มตั้งแต่เมื่อกี้ แต่ฉันไม่ได้ใส่ใจกับการมองดูของเหล่านักเรียนทั้งหลายหรอกนะ ที่ฉันสนใจตอนนี้ คือ บุคคลที่อยู่ข้างหน้าฉัน บุคคลที่เสื้อด้านหลังของเขาเต็มไปด้วยน้ำร้อนสีแดงอมชมพู เลื่อนลงมาตรงพื้นด้านหลังเขามีลูกชิ้น หมูสับ เลือดหมู เกี๊ยวชุ่มน้ำ ลูกชิ้นปลา และเส้นก๊วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ นั่นทำให้ฉันรู้ว่า การล้มครั้งนี้ได้มีผู้ที่รองรับชามก๊วยเตี๋ยวไปแบบเต็มๆ สุดๆ O_O และผู้นั้นคือคนที่พูดอย่างโกรธๆ เพราะหลังของเขามันร้อนแบบสุดๆ

    ฉันมองหลังกว้างที่ฉายแววความแกร่ง ความแมนอย่างตกใจสุดขีด และความกลัวอย่างล้นหลาย กับอุบัติเหตุที่ตนเองก่อขึ้น

    ขวับ

    อยู่ดีไม่ว่าดี จากที่บุคคลตรงหน้าหันหลัวดีๆ ก็ดันไม่ดีตรงที่จู่ๆ ก็หันหน้ามาทางข้างหลัง ทำเอาผู้ก่อเหตุต้องตกใจที่ผู้โดนลูกหลงหันมามองผู้ก่อเหตุ โดยที่ผู้ก่อเหตุไม่ทันตั้งตัว

    เธอเองสินะ

    “ O_O ” >>> ยังตกใจไม่เลิก

    ที่เป็นคนเอาน้ำร้อนมาราดหลังฉัน

    “ O_O ”

    กล้าดียังไงถึงทำแบบนี้ ห๊ะ

    *-*

    เธอจะเสียค่ารักษาพยาบาลให้ฉันไหม เธอจะชดใ....”

    โอ๊ย......! หยุดพล่ามซะทีเถอะ

    ......

    พล่ามอยู่ได้ น่ารำคาญ นี่ฉันจะบอกให้นะว่าไม่มีใครเอาน้ำรง น้ำร้อนไปเทไปราดหลังนายทั้งนั้นแหละ

    แล้ว ไอ้ที่มันร้อนๆ แชะๆ อยู่ข้างหลังเสื้อฉัน มันคืออะไร

    น้ำก๊วยเตี๋ยว ฉันตอบไปอย่างชะฉาน ไขข้อข้องใจให้นายคนข้างหน้าที่เอาแต่โวยวายที่อยู่ประชันปากประชันเสียงกับฉัน

    หลังจากที่ฉันตกใจเพราะคนข้างหน้าหันมามองคนก่อเหตุย่างฉัน และฉันก็ยิ่งตกใจเป็นทวีดับเบิ้ลคูณเมื่อรับรู้ว่า ฉันได้ทำความผิดพลาดอย่างมหันต์เข้าให้แล้ว คือ ฉันได้ทำให้น้ำก๊วยเตี๋ยวไปราดใส่ชายหนุ่มผู้มีผมสีดำแซมน้ำตาล ซอยทรงกอล์ฟไมค์ นัยน์ตาสีน้ำตาลชวนหลงใหล อ๊าก! ฉันทำให้คนหล่อบาดเจ็บ OoOlll

    ขณะที่ฉันตะลึงถึงกับความผิดพลาดของตน คำพูดของนายจอมโวยวาย (แม้จะหล่อ) ตั้งแต่ประโยคที่ว่า กล้าดียังไงถึงทำแบบนี้ ห๊ะที่ทำให้ฉันหลุดโผจากภวังค์ตกใจ แล้วเปลี่ยนความรู้สึกเป็นอยากจะจับนายนี่ยัดลงถังขยะ เพราะความที่นายนี่เอาแต่โวยวาย จนฉันนั่งทนฟังหมอนี่โวยวายไม่ไหวเลยขอรุกบ้าง

    นี่เธอกล้าเอาน้ำก๊วยเตี๋ยวมาราดหลังฉันงั้นเหรอนายนี่ยังโวยไม่เลิก

    ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วยฉันโต้กลับ

    แล้วทำไมถึงมีน้ำก๊วยเตี๋ยวอยู่ข้างหลังฉันโวยไม่เลิกจริงๆนายนี่

    ก็ฉันล้ม ชามก๊วยเตี๋ยวเลยไปโดนหลังนาย จนน้ำมันหกราดหลังนายไง ฉันรู้สึกรำคาญที่นายนี่เอาแต่โวยวาย แถมสรุปเหตุผลเอาเองตะหากอีก

    แล้วทำไมเธอถึงได้เบ๊อะบ๊ะอย่างนี้นะ ทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อน ใช้ไม่ได้เลยคนแบบเธอนี่ หน็อยมันว่าฉัน บังอาจเกินไปแล้ว

    แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง

    เธอก็รับผิดชอบฉันสิ

    ยังไง =O=?

    เธอต้องซักเสื้อผ้าให้ฉัน และจ่ายค่ารักษาหลังให้ฉันด้วย เชื่อไอ้หมอนี่มันจริงๆ เลย

    ได้ ฉันทำอะไรผิด ฉันรับผิดชอบอยู่แล้ว ไม่เหมือนนายที่เอาแต่โวยวายหรอก (เน้นประโยคหลัง)

    อึก....... OoO”

    โอ้เย้ สำเร็จ ฉันเถียงจนนายนั่นชะงักไปเลย 555 จุกล่ะสิ

    ฮึ่ม! อย่ามาพูดมาก รีบไปซักเสื้อให้ฉันได้แล้วแหม พอเถียงไม่ได้ ก็มาทำเข้าเรื่องเชียว ใครกันแน่ที่พูดมาก

    เออๆ >O<”

    ฉันตอบรับคำสั่งของหมอนั่นอย่างรำคาญ แล้วจึงเก็บชาม ช้อน ซ้อมที่ตกอยู่บนพื้นแล้วเดินไปวางในที่ที่สำหรับเก็บภาชนะที่ใช้เสร็จแล้ว แล้วเดินตามหมอนั่นไปที่ห้องน้ำแบบรวม ซึ่งไม่ค่อยมีคนเข้าเพราะมันอยู่ซอยลึก ต่างจากห้องน้ำห้องอื่นที่อยู่ตามอาคารเรียน

    คงสงสัยล่ะสิว่าทำไมทั้งๆ ที่ฉันเป็นเด็กใหม่ แต่กลับรู้เรื่องดี ก็ตลอดเดือนที่ผ่านมาฉันเดินสำรวจมาเรียบร้อยหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว

    เมื่อเราทั้งสองคนเดินมาถึงห้องน้ำ ฉันก็เดินไปยืนประจำการที่อ่างล้างหน้าแบบยาวที่สำหรับใช้กันหลายคน เขาเริ่มจากถอดเสื้อสูทแล้วส่งมาให้ฉันซัก จากนั้นเขาก็คลำๆ ข้างหลังตัวเองเพื่อดูว่ามันเปียกรึเปล่า แล้วจึงถอดเสื้อตัวในวางบนขอบอ่างเพื่อที่จะให้ฉันซักต่อ แล้วเขาก็คลำข้างหลังเหมือนเดิมก่อนจะถอดแล้วเอามาวางทับเมื้อตัวใน

    นี่ เธอ

    นายจอมโวยวายเรียกเด็กสาวผมดำอมน้ำตาลซอย ที่นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกำลังจับจ้องมือของเธอที่จัดการซักรอยเปื้อนน้ำก๊วยเตี๋ยวบนเสื้อสูทสีเทาอ่อน

    อะไร ฉันถามผู้ชายเจ้าของเสื้อสูทและเสื้อผ้า อีกสองตัวที่วางพาดกับขอบอ่างล้างมือ โดยที่ไม่ได้มองเจ้าของเสียงที่เรียกฉันเมื่อซักครู่

    ช่วยดูหลังฉันให้หน่อยสิว่ามีรอยโดนน้ำร้อนลวกรึเปล่า

    เออ.......อึก O-O”

    ฉันตอบรับคำขอของนายจอมโวยวาย (แต่หล่อ) แล้วจึงหันไปมองเขา แต่ยังไม่ละมือจากการซักผ้า

    แต่ก็พบว่าท่อนบนของเขาไม่มีเสื้อผ้าซักชิ้น จะมีก็แต่ท่อนล่างที่ใส่กางเกงขายาวสีเทาเท่านั้น  อ๊า...

    ฉันมองแผ่นหลังอันใหญ่ บึกบึน ที่บ่งบอกถึงความชายเต็มตัวด้วยความตะลึง ตกใจ เขินอาย โกรธ หื่น อารมณ์ทั้งหมดมันพันกันหมดแต่ที่เด่นชัดที่สุด เห็นจะเป็นอาย หน้าของฉันมันแดงเพราะหมอนี่หมดแล้ว แต่ถึงงั้นฉันก็คิดอยู่ในใจว่า หมอนี่ แมนมากๆ อา -.,- ’

    เอ้าๆ มองใหญ่เลย ดูสิ หน้าเธอแดงใหญ่เลยนะเธอน่ะ

    นายจอมโวยวายพูดขึ้นเมื่อรู้สึกว่าคนที่เขาขอความช่วยเหลือเงียบไปนาน

    เอ้า! ตอบฉันซะทีสิ ยัยเบ๊อะมัวแต่มองอยู่ได้ หรือว่า......เธอเห็นแผ่นหลังฉันแล้วอยากกอด จะกอดก็ได้นะ ถือซะว่าเป็นค่าตอบแทนที่ซักเสื้อผ้าให้ฉันก็แล้วกัน ว่าไง

    อ๊ากกกก! คนสวยยอมไม่ได้ กล้ามาเรียกฉันว่า ยัยเบ๊อะก็บังอาจมากพออยู่แล้ว แล้วนี่ยัง....... หึย ฉันอยากเอาน้ำร้อนมาราดหลังของหมอนี่จริงๆ จัง

    เอ๊ะ! อย่ามาเรียกฉันว่า ยัยเบ๊อะนะ แล้วอีกอย่างใครจะไปกอดนายลง ส่วนที่ถามมา หลังของนายไม่มีรอยลวกหรอกนะ ไม่ต้องห่วง >~<”

    งั้นเหรอ แต่จะบอกให้นะ ถึงเธอจะไม่อยากกอดฉัน แต่ผู้หญิงทั้งโรงเรียนที่ยกเว้นเธอต่างก็อยากกอดฉันทั้งนั้นแหละ

    อย่ามาหลงตัวเองหน่อยเลย นายจอมโวยวาย

    เหอะ! ช่างเธอ แล้วเสื้อฉันล่ะ ซักเสร็จรึยัง

    เดี๋ยวสิ

    ฉันรีบซักเสื้อสูท ตามด้วยเสื้อตัวใน และเสื้อกล้าม (หลังจากหันไปเห็นหลังของหมอนั่น ฉันถึงเห็นเสื้อกล้ามของหมอนั่น มันวางทับเสื้อตัวในนั่นแหละ) แล้วจึงหยิบเสื้อทั้งสามตัวให้เขา

    ขอบใจ หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะ ยัยเบ๊อะ

    ขอให้ฉันกับนายไม่ได้เจอกันอีกเลย ฉันตะโกนไล่หลังเขาไป เมื่อเขาใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินจากไป ก่อนที่จะเลี้ยวออกจากซอย เขาก็หันมาขอบใจฉันแล้วจึงหายวับไปตรงทางเลี้ยว

    ฉันเดินออกจากที่นี่ แล้วตรงไปยังห้องอาหาร ซื้อขนมปัง (ถ้าซื้อก๊วยเตี๋ยวอีกก็เปลือง) แล้วไปนั่งกินยังที่นั่นที่ได้จองไว้โดยมียัยแนน ที่ตอนนี้มีหน้าตาบูดบึ้งมากๆ ปกปิดความสวยไว้หมดแล้ว

    ไปไหนมายัยเอม ฉันกินข้าวหมดไปตั้งสิบชามแล้วเธอก็พึ่งจะมา

    คือ.....ฉันไปซื้อก๊วยเตี๋ยวแล้วเผลอทำหกใส่คนอื่นน่ะ เลยต้องไปซักเสื้อให้เค้า โทษทีนะ

    อืม...ไม่เป็นไร

    หลังจากที่ฉันกินขนมปังเสร็จ ฉันกับแนนก็ขึ้นห้องเรียนไปในที่สุด

     

    ฉันมาถึงห้องก็พบว่า นายชาเย็นนั่งมองนอกหน้าต่างอย่างที่ทำอยู่บ่อยๆ ฉันเองก็อยากถามเค้าซัดครั้งว่า นายมองออกไปนอกหน้าต่างทำไมแต่ก็ไม่ได้ถามซักที =O=

    แอ๊ดดดดดดด

    เสียงประตูเลื่อนหน้าห้องดังขึ้นก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงที่ใครฟังก็สยดสยองและรู้ได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของเสียง

    คนที่ถูกครูทำโทษในคาบวิชาของครู ออกมาหาครูสิ ครูจอมเฮี้ยบพูดขึ้นถึงกับทำให้ทุกคนในห้องเงียบกริบ

    เด็กสาวและเด็กหนุ่ม เดินออกจากห้องเรียนของตัวเองด้วยท่าทีที่หวาดระแวงหลังจากที่คุณครูพูดจบ

    ตอนนี้ฉันกับนายชาเย็นยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ข้างหน้าคุณครูจอมเฮี้ยบ ฉันซึ่งตอนนี้มีใบหน้าที่หวาดกลัวต่อบุคคลตรงหน้า แต่คนข้างๆ กลับมีสีหน้าที่เรียบเฉย โห -*-

    ครูคิดว่าที่ทำโทษพวกเธอในวันนี้ มันคงไม่ทำให้พวกเธอเข็ดได้ ดังนั้นครูจะให้พวกเธอไปทำความสะอาดห้องแลบทั้งหมดในตอนเย็นหลังเลิกเรียน ถ้าทำไม่เสร็จไม่ต้องกลับบ้าน แล้วก็ห้องพักครูวิทย์ด้วย เอาทั้งกวาดทั้งถูทุกห้องที่สั่งมา เข้าใจมั้ย

    ค่ะ

    ครับ

    อะไรกันนี่ ให้ทำความสะอาดห้องแลบ ห้องแลบก็กว้างเท่าห้องเรียนของพวกฉัน แถมมีตั้งเจ็ดห้อง ส่วนห้องพักครูก็กว้างประมาณสองห้องเรียน ใครก็ด้ายยยยยย ทำให้ฉันความจำเสื่อมที

    สรุปเย็นนี้ ฉันต้องทำความสะอาดตั้งแต่ทางเดินหน้าห้องแลบยันในตัวห้อง ก็เท่ากับว่าฉันต้องทำความสะอาดทั้งชั้นเรียนไปสองชั้น ระบบทั้งร่างกายไปเลย โอยยยยย oTOTo

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×