คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : คาบ1>>>>โรงเรียนใหม่
คาบ1
โรงเรียนใหม่
“อา....อืมม.... แจ่บ! แจ่บ!” สาวน้อยวัยมัธยมปลาย เจ้าของผมซอยยาวสีดำอมน้ำตาล บ่นงึมงัมอยู่บนเตียงนอนที่เป็นที่รับรองท่านอนอันสง่าราวกับสาวใช้ก็ไม่ปาน
“อา...... ใหญ่จัง แบบนี้สิดี” สาวน้อยยังคงบ่นงึมงำไปพร้อมกับน้ำลายที่ไหลอาบแก้มจนทำให้ฟูกนอนมีรอยจางๆของหยดน้ำ....
“ใช่ๆ มันต้องใหญ่” สาวน้อยบ่นงึมงำถึงขนาดของสิ่งสิ่งหนึ่งไปพร้อมกับน้ำลายที่ยังคงไหลอาบแก้มไปมากกว่าเดิม
“คอยดูนะ จะกินให้ไม่เหลือเล้ย 555” สาวน้อยบ่นงึมงำอย่างอารมณ์ดี พร้อมลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียงนอนที่ยับเยินเหนือคำบรรยาย
“กินล่ะนะ” สาวน้อยเอื้อมมือทั้งสองข้างไปหยิบสิ่งของที่อยู่ข้างหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าพร้อมอ้าปาก
“อ้า..........”
“แผล็บๆๆ”
“เอ๋...! ทำไม ทำไมเค้กถึงมีลิ้นอ่ะ อ๊า......เลียได้ด้วย” สาวน้อยร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อสิ่งที่เธอถืออยู่กำลังเลียหน้าของเธอ
“เอ๊ะ! ว้ายยยย! ไอคุ้กกี้.....แกมาอยู่นี่ได้ไงย่ะ” ฉันร้องด้วยความตกใจสุดขีดเพราะเค้กที่ฉันกำลังจะกิน จู่ๆก็กลายเป็นเจ้าคุ้กกี้ สุนัขพันธุ์ชิสุผสมพุดเดิ้ลที่มีขนสีน้ำตาลตัวนี้ได้
“ลงไปเลยนะ ไอคุ้กกี้
..แหยะ! สกปรกหน้าชะมัด>~<”
เฮ้อออ! เช้าที่แสนสดใสแต่ทำไม ฉันต้องมาอารมณ์บ่จอย เพราะสิ่งที่ฉันกำลังจะกินมันเลียหน้าฉันด้วย
“ดูจิอดกินเค้กเลยT0T
.กี่โมงแล้วเนี่ย” ฉันบ่นอย่างเสียดายแล้วหันไปดูนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงที่ทำงานตามปกติเหมือนทุกๆวัน แต่ก็ต้องตกใจมากมายเมื่อมันบอกเวลาว่าตอนนี้มันเวลา ’6.45’ แล้ว O0O”’
“อ๊ากกกก! แย่แล้ว...แย่แล้ว...สายแล้ว”
ตึง ตึง ตึง
ฉันวิ่งหยิบผ้าขนหนูผืนพอดีตัวสีขาวนวลนุ่มไปยังจุดหมาย คือ ห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำผนังเป็นกระเบื้องสีฟ้าใสที่ถูกแสงแดดยามสายส่องสะท้อน พื้นเคลือบกระเบื้องสีขาวสะอาดที่พอนานวันเข้าเริ่มมีสีเหลืองอ่อนๆแทรกซ้อน(โรคติดต่อเหรอน่ะ)
“นี่! อย่าวิ่งบนห้องได้มั้ย เฮ้อออออ! ลูกคนนี้นี่จริงๆเล้ยเปิดเรียนวันแรกก็ตื่นสายซะแล้ว คอยดูนะถ้าไปโรงเรียนสายจะลดค่าขนมให้ดู”
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ฉันจะไม่โดนคนที่อยู่ข้างล่างดูเรื่องที่ฉันวิ่งเข้าห้องน้ำ แต่ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อมันตื่นสายก็ทำต้องทำอะไรเร็วๆสิ ไม่งั้นสายตั้งแต่วันแรกแน่(เดี๋ยวโดนหักค่าขนม)
ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง
ฉันรีบวิ่งลงจากบันไดไม้ที่ถูกเคลือบจนมันวาวหลังจากที่อาบน้ำ แต่งตัว แลเสริมสวยเสร็จ
“นี่! ไม่วิ่งได้ไหม บันไดบ้านนะไม่ใช้ที่ออกกำลังกาน”
“โธ่! แม่ จะบ่นทำไมแต่เช้าเนี่ย=0=”
“ไม่ให้บ่นได้ไง ตื่นสายตั้งแต่วันแรกแล้วยังวิ่งไปนู่นไปนี่ในบ้านอีก เห็นบ้านเป็นสนามเด็กเล่นรึไง”
แม่สุดที่รักของฉันเปิดปากบ่นราดมะนาวยาวเป็นกิโลเมตรให้ฉันได้(ทน)ฟังตั้งแต่เช้า แต่คงเถียงไม่ได้ ก็อย่างที่แม่บ่นมันจริงทั้งหมด ฉันก็จนมุมไปตามระเบียบ ไม่รู้จะเอาอะไรไปเถียงให้ฟังขึ้นดี
“เออ...แม่ หนูหิวแล้วอ่ะ มีอะไรกินบ้าง” เสียงสะท้อนจากความหิวในตัวของฉันถามถึงสิ่งที่จะคลายความหิวได้
แต่เมื่อฉันมองมายังที่โต๊ะไม้ที่ถูกปูรองด้วยผ้ารองโต๊ะลายผลไม้น่าทานหลากชนิด แต่กลับไม่พบสิ่งที่ฉันต้องการจะกินได้ บนโต๊ะมีเพียงฝุ่นละอองเล็กๆที่ ฉันไม่สามารถจะกินได้เท่านั้น
“แม่...อาหารเช้าหายไปไหนหมด”
“ตื่นสายแล้วยังจะมาขออะไรอีก ทำให้กินตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว”
“แล้วหนูจะกินอะไรล่ะT-T”
“จะกินอะไรล่ะ ก็กินขนมปังที่ซื้อมาซะสิ แล้วก็รีบไปโรงเรียนด้วย โรงเรียนเข้าแปดโมงไม่ใช่เหรอ นี่ก็เจ็ดโมงสิบห้าแล้ว ถ้าไปโรงเรียนสายจะโดนหักค่าขนมหนึ่งเดือน” แม่ยื่นคำขาด
“แง้...! แม่อะ” จะมาพูดพร่ำทำเพลง มานั่งเอ้ย! ยืนเถียงกับแม่อยู่แบบนี้ล่ะก็โดนหักค่าขนมพรุ่งนี้จริงๆแน่ ไม่ได้ละต้องรีบไปแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เงินในกระเป๋าตังค์อยู่ไม่ครบ
“งั้นหนูไปก่อนนะแม่ สวัสดีค่ะ”
“เออๆ รีบไปเร็ว”
เท้าของฉันถูกใส่ด้วยรองเท้านักเรียนสีดำสนิทลับมันวาวเมื่อโดนแสง ต่อด้วยการใส่ตีนหมาผสมม้าวิ่งไปหน้าปากซอยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก และแน่นอนว่าเด็กไทยอย่างฉันต้องไม่ลืมทำความเคารพบุพการีแน่ 555 ฉันนี่เด็กดีจัง แต่ไม่ได้ล่ะจะมาวิ่งชมตัวเองอยู่แบบนี้ฉันตายแน่ ต้องรีบไปให้ทันก่อนแปดโมงแล้ว
แฮก แฮก แฮก
“โอ๊ย! เหนื่อยชะมัด ความสามรถด้านกรีฑายังคงใช้ได้อยู่ เฮ้ออออ!”
ฉันเดินไปจุดที่วินมอร์เตอไซด์ รวมตัวกันอย่างเหนื่อยจาการวิ่ง
บรืนนนน
วินมอร์เตอไซด์คนหนึ่งในกลุ่มสตาร์ทรถรอฉันที่กำลังเดินไป
“ไปไหนครับ”
“ไปโรงเรียนที่อยู่แถว....... เอ่ออ” แย่ละ ทำไงดี ดันมาความจำเสื่อมลืมชื่อโรงเรียนและจำไม่ได้ด้วยว่าอะไรมันอยู่ใกล้กับโรงเรียนมั่ง ทำไมเรามันความจำสั้นแบบนี้เนี่ย
ขณะที่ฉันกำลังกลัดกลุ้มจนสมองแทบจะระเบิดตู้มเพราะจำชื่อโรงเรียนไม่ได้ พี่วินมอร์เตอไซด์คนนั้นก็ชำเลืองมองมาดูอะไรซักอย่างตรงหน้าอกของฉัน และมองตั้งแต่หัวจรดเท้า จู่ๆพี่เค้าก็ทำหน้านึกออกแล้ว(ไม่ใช่ขี้ออกแล้วนะ)
ไม่ทราบมองอะไรยะ ทะลึ่งเหรอ เดี๋ยวแม่ตบเดี้ยงเลย>////<
“อ๋ออออ! โรงเรียนนี้นี่เอง ขึ้นรถเร็วเดี๋ยวพี่ซิ่งไปส่ง”
“หา OoO??”
“อะไรขงน้อง นี่จะแปดโมงแล้วนะ เร็ว สายไม่รู้ด้วยนะ”
“อ่ะ...อ่ะ...ค่ะ” เอ๋อรับประทานเป็นอาหารว่างเลยซิเรา แต่ก็ยังไงก็ต้องขึ้นไปตามคำบัญชาด้วยท่าทาง
ที่เรียบร้อยสมเป็นกุลสตรีไทยเพื่อไม่ให้รถดับเพลิงแห่กันมา
บรืน บรืนน บรืนนนน
“อ๊า..............>O<”
รถมอร์เตอไซด์สีน้ำเงินคันสวยเมื่อสะท้อนกับแสงแดดวิ่งไปด้วยความเร็วสูงปานจรวจติดเทอร์โบ ทำเอาคนซ้อนอย่างฉันเผลอร้องเสียงหลง
ชีวิตฉันตอนนี้กำลังแขวนอยู่บนเส้นผมเส้นหนึ่งอยู่ ตายๆ ฉันได้สบายก่อนวัยอันควร(ตาย)แน่
“น้อง ถึงแล้ว”
“ขะ..ขอบคุณค่าO-O”
“น้องจะไปไหน 30 บาท จ่ายก่อนครับ”
“นี่ค่ะ”
พี่วินมอร์เตอไซด์ร้องทักทันทีที่ฉันกำลังเอ๋อเดินเข้าโรงเรียน ไม่ทราบกลัวฉันไม่จ่ายรึไงยะ ไม่จ่ายตอนนี้ก็รอตอนเย็นก็ได้
บรืนนนนนนนนน
แล้วพี่เค้าก็ขับรถออกไปด้วยความเร็วที่ต่างกันมากถึงมากที่สุด ฉันเกือบตายตอนขามา แต่พี่เค้ากลับรักษาชีวิตตัวเองอย่างดีตอนขากลับ น่าโมโหจริงๆ
“นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว ดีจังพรุ่งนี้เงินค่าขนมก็ยังอยู่ครบ”
ฉันมองไปที่ประตูบานใหญ่สีขาวขุ่นอย่างโล่งใจ และเดินผ่านมันเข้าไปในโรงเรียน เห็นนักเรียนและอาจารย์เดินกันยั้วเยี้ยไปหมด
นักเรียนบางคนก็น่ารักน่าหมั่นไส้ บางคนก็สวยลากตับ บางคนก็หล่อลากกระชากใจ บางคนก็ธรรมด้าธรรมดา และบางคนก็ไม่ได้เรื่อง(วิจารณ์เข้าไป-ผู้เขียน)
ฉันเดินวิจารณ์หน้าตาคนอื่นอย่างสบายอกสบายใจ และก็หยุดชะงักเมื่อ
“เออออ....แล้วเค้ารู้กันได้ยังไงว่าตัวเองอยู่ห้องไหนล่ะเนี่ย มีที่ดูมั้ยน้อ”
แล้วสายตาอันปราดเปรื่องของฉันก็ไปสะดุดเข้ากับฝูงชนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเยื้อแย่งกันเข้าไปดูอะไรบางอย่าง บางคนออกมาจากฝูงชนด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง บางคนก็ออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และบางคนก็ออกมาด้วยสีหน้าที่เฉยชาเหมือนไม่ดีใจและไม่เสียใจ
“รึว่า...จะเป็นตรงนั้น”
เท้าของฉันเดินไปข้างหน้าเพื่อไปยังจุดหมายที่คาดว่ามันคือสถานที่ที่จะเป็นคำตอบที่ฉันต้องการได้ ละฉันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในฝูงชนไปทันที
ในที่สุดความพยายามเบียดคนอื่นก็เป็นผล ฉันอยู่หน้าสุดของฝูงชนก้มตัวลงมองแผ่นกระดาษที่ติดเรียงรายอยู่บนบอร์ดอันใหญ่ ในนั้นมีชื่อนักเรียนพิมพ์ไว้หลายชื่อ แน่นอนฉันไม่รู้จักใครซักคน
ฉันดูบอร์ดของนักเรียนที่ขึ้นชั้นม.4และใช้สายตาและมือเรียวสวยไล่หาชื่อตัวเองตามกระดาษแต่ละแผ่น และก็เจอ
“สายศิลป์-ญี่ปุ่น ห้องม.5/8 เลขที่50 เลขประจำตัว 44007 น.ส.อรัยรัตน์ มานนท์บุญ “
ฉันอ่านตัวหนังสือบนกระดาษที่บอกสายเรียน ห้อง เลขที่ เลขประจำตัว ชื่อละครูประจำชั้น แต่ฉันไม่ได้อ่านชื่อครูประจำชั้น เดี๋ยวเรียนไปก็รู้จักเอง
หลังจากที่เบียดฝูงชนจนเกือบได้แปลงร่างกลายเป็นหมูแผ่นบางๆแล้ว ฉันก็เดินออกมาหาที่ระบายอากาศที่พอจะหายใจได้โล่งๆหน่อย แต่ว่าไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดีก็เลยตัดสินใจมองไปรอบๆเป็นการฆ่าเวลา และดวงตาคู่สวยของฉันก็สะดุดเข้ากับใครบางคน”นั่นแนน นักเรียนใหม่ที่อยู่ห้องเดียวกับเราตอนเรียนซัมเมอร์นี่” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของฉันดันโชคดีไปสะดุดเจอเด็กสาวผมสีดำขลับที่ถักเปียถึงกลางหลัง หน้าตาน่ารักบอกถึงความสดใสของเจ้าของ และดวงตาสีดำกับปากเล็กๆน่ารัก
เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนั้น คือ ‘แนน’ เด็กที่เพิ่งเข้ามาใหม่เหมือนฉัน ตอนเรียนซัมเมอร์ฉันได้นั่งคู่กับแนนเพื่อนคนแรกที่ฉันจำชื่อได้ แถมเพื่อนผู้ชายในห้องก็ยังมาจีบแนนเยอะเหมือนกันแต่ไม่เห็นแนนจะสนใจซักคน ลองเข้าไปหาดีกว่าเผื่อจะรู้ว่าต้องทำอะไรต่อไปบ้าง
“แนน...แนน ไงสบายดีไหมจ๊ะ”
“เอมเองเหรอ.ก็สบายดี แล้วนี่ไปดูห้องรึยัง”
“ดูแล้วล่ะ แนนอยู่ห้องไหนอะ”
“ฉันเหรอ อยู่ห้องแปดอะ”
“จริงอ่ะ งั้นเราก็ได้อยู่ห้องเดียวกันอะดิ”
“จริง....ดีจังเนอะ^0^”
ดีจัง ได้อยู่ห้องเดียวกับแนนสุดน่ารักคนนี้ด้วย
“เออ แนน แล้วพวกเราต้องทำอะไรต่ออะ”
“ก็คงเข้าแถวตามปกติ แล้วขึ้นห้องเหมือนตอนเรียนซัมเมอร์มั้ง”
ทำเหมือนวันเรียนซัมเมอร์ งั้นก็ต้องเข้าแถวของห้องม.5/8สินะ แต่วันเรียนซัมเมอร์กับวันเรียนจริงมันจะเข้าแถวเหมือนกันแน่เหรอ งงจัง??
หลังจากบ่นกับตัวเองก็มองนาฬิกาข้อมือสีชมพูสลับขาวน่ารัก มันบอกเวลาเกือบแปดโมงแล้ว แล้วจะถามใครดีว่าเข้าแถวตรงไหน
และแล้วยังไม่ทันที่จะมองหาคนที่จะมาตอบคำถามในใจได้พบเพลงของโรงเรียนนี้ก็ดังขึ้นเสียงดังไปทั่วโรงเรียน นักเรียนส่วนมากก็เดินไปที่สนามที่กว้างใหญ่ ส่วนน้อยก็ทำอย่างอื่นที่อยากทำ
“เพลงโรงเรียนขึ้นแล้ว เข้าแถวแล้วนี่”
“ใช่ตรงสนามนั้นคงใช่สำหรับเข้าแถว เราลองไปหาที่เข้าแถวดูดีกว่ามะ”
“อืม”
ฉันและแนนวิ่งจับมือกันเดินเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของนักเรียนในสนามและลองถามนักเรียนที่เดินไปเหมือนกันดู ก็ตอนที่เรียนซัมเมอร์มันไม่ได้เข้าแถวตรงนี้นี่ เกือบได้หลงแล้ว
“ในที่สุดก็หาเจอซะที” ฉันละเหนื่อยจริงๆ กะแค่เดินหาที่เข้าแถว
“แถวของห้องเราอยู่ตรงนี้ ก็จำเอาไว้ละกัน”
“ช่วยกันจำนะ”
“อือ...เข้าแถวเถอะ”
“จ้า.....” กว่าจะเดินหาแถวเจอก็เอาซะพวกเราสองคนเหนื่อยกันไปตามๆกัน แล้วเพลงของโรงเรียนก็จบลงไปทันใด เพลงชาติก็ขึ้นมาแทนที่ทันนั้นพร้อมด้วยเสียงขับขานของเหล่าบรรดานักเรียนน้อยใหญ่ที่ดังจนจบพิธีการหน้าเสาธง แล้วจากนั้นก็ขึ้นห้องเรียนกันไปเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความคิดเห็น