ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC KHR 1827] ผมแค่อยากให้คุณหึง

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ย. 64


    Chapter 3

    บาร์ประจำของวองโกเล่รุ่นที่สิบเป็นบาร์ธรรมดา...

    เป็นบาร์ธรรมดาที่ครองพื้นที่ทั้งชั้นบนตึกสูง บรรยากาศเน้นแสงสีและดนตรีจังหวะหนัก มีบริเวณภายนอกให้ออกไปรับลมยามค่ำคืนและมองวิวเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยแสงไฟ ลูกค้าส่วนใหญ่หากไม่ใช่นักธุรกิจ ทายาทของบริษัทดัง ก็มักจะเป็นบุคคลที่อยู่ในวงการเดียวกับพวกเขา เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมในการใช้สำหรับเจรจาธุรกิจ เลี้ยงฉลอง ผ่อนคลาย หรืออะไรก็ตามภายใต้กฎเหล็กของบาร์ที่ลูกค้าไม่สามารถก่อความวุ่นวายได้ ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยเช่นนี้ทำให้เขากล้าที่จะมาเยือนบาร์แห่งนี้ด้วยตัวเองคนเดียว และปล่อยให้ตัวเองเมาจนแทบไม่ได้สติอยู่บ่อย ๆ

    ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้นก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง คือไม่เป็นฮิบาริ เคียวยะที่มาลากเขากลับไป ก็จะเป็นเขาที่ใช้สติวูบสุดท้ายที่พอจะมีอยู่โทร. เรียกใครสักคนในแก๊งค์มารับซึ่งปกติคนที่รับกรรมนั้นถ้าไม่ใช่ผู้พิทักษ์แห่งวายุก็มักจะเป็นผู้พิทักษ์แห่งพิรุณที่สลับกันทำหน้าที่อย่างแข็งขั้น ส่วนเขานั้นก็ได้แต่นั่งสำนึกผิดอยู่เงียบ ๆ กับความเอาแต่ใจและปล่อยเนื้อปล่อยตัวของตัวเองจนทำให้คนที่มารับเขาต้องลำบากที่ต้องทำงานล่วงเวลารวมไปถึงเก็บความน้อยใจเล็ก ๆ เมื่อคนที่ต้องการไม่มาหาไว้ในใจก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเช้าพร้อมกับอาการปวดหัวจี๊ด

    พนักงานต้อนรับจำหน้าของสึนะโยชิได้ตั้งแต่เห็นเขาไกล ๆ ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาบริการเขาอย่างกระตือรือร้นก่อนจะพาทั้งเขาและมิกิไปนั่งที่มุมหนึ่งที่ค่อนข้างลับสายตาจากผู้คนตามที่เขาร้องขอ

    “คุณเลือกที่ประจำได้ดีนะคะ” คุณหมอใจดีเอ่ยหลังจากได้หย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาท่าทางเหมือนมาพักผ่อนมากกว่า

    “ปกติมิกิจังชอบบาร์แบบไหน” เขาหันมาถามหลังจากที่สั่งเครื่องดื่มสำหรับสองคนไป

    “คิดว่าคุณไม่น่าชอบ เป็นบาร์ธรรมดาที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักน่ะ แต่เอาเข้าจริงฉันชอบดื่มเบียร์กระป๋องที่ห้องหลังเลิกงานมากกว่า...เอ้า...นี่ค่ะ”

    เป็นสึนะที่คิดภาพตามคำบอกเล่าของอีกฝ่าย ก่อนจะชะงักเมื่ออีกฝ่ายยื่นซองยาบางอย่างให้เขา เมื่อรับมาก็พบว่าเป็นยาแก้แฮงค์ธรรมดา หรือหากเป็นอย่างอื่นก็สามารถทำให้สึนะโยชิมั่นใจได้เช่นกันว่าเขาจะปลอดภัยเมื่อกินหรือดื่มสิ่งที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมาให้

    “ที่เมื่อเช้าปวดหัวขนาดนั้นเป็นเพราะคุณไม่ได้ทานมันก่อนใช่ไหม” น้ำเสียงของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกคุณแม่ดุ

    แต่ที่อีกฝ่ายว่ามามันก็ไม่ผิดเท่าไหร่นักหรอก เขาก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มเจือน ๆ แล้วส่งยาเข้าปาก ดื่มน้ำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะเฉไฉถึงจุดประสงค์ที่มาถึงที่นี่ในวันนี้

    “แล้วทีนี้มิกิจังจะบอกผมได้หรือยังว่าต้องทำอะไรบ้าง”

    “ปกติแล้วคุณมักจะดื่มจนเมาไม่ได้สติใช่ไหม”

    “ปกติผมอยู่ได้จนกว่าจะมีคนมารับ”

    “แล้วหลังจากนั้นละ ?”

    “หลังจากนั้นผมจำไม่ค่อยได้แล้ว” คำสารภาพตามตรง รู้สึกผิดก็รู้สึกผิดแหละ แต่หลังจากที่ได้เอนตัวลงบนเบาะหลังของรถแล้วเขาก็ไม่รับรู้อะไรอีก

    “เอาละ...ทีนี้มาฟังสิ่งที่คุณต้องทำกันเถอะ” เป็นเวลาเดียวกับที่บริกรนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟพอดี มิกิถือแก้วเครื่องดื่มของตัวเองยกขึ้นชนกับแก้วของวองโกเล่รุ่นที่สิบ เอ่ยคำที่เจ้าตัวตั้งหน้าตั้งตารอ “ดื่ม”

    “แค่นี้?” วองโกเล่รุ่นที่สิบอุทานอย่างแปลกใจเมื่อสิ่งที่ตั้งใจรอฟังนั้นธรรมดากว่าที่คาดคิดเอาไว้ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้ต่อว่าคนที่นั่งชิลอยู่ตรงข้าม สึนะโยชิหัวเราะน้อย ๆ และทำตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างเชื่อฟัง

    “ก็บอกแล้วว่าไม่มีแผน” คุณหมอใจดียิ้ม “ปกติคุณเมาแบบไม่มีสติ คราวนี้เรามาลองเมาแบบมีสติดูหน่อย ฉันอาจจะเรียกคุณฮิบาริของคุณมาที่นี่ได้ แต่หลังจากนี้คือหน้าที่ของคุณแล้วนะ...”

    คนฟังพยักหน้ารอฟังอย่างตั้งใจขณะที่ผู้พูดเว้นช่วงเหมือนจงใจแกล้งกัน

    “ดื่มให้เมา แต่ต้องยังพอมีสติ และหลังจากที่เขามาพูดสิ่งที่คุณอยากพูดให้เขาฟัง”

    “แบบนั้นไม่เอาหรอก...น่าอายจะตาย”

    “ไม่มีใครว่าคนเมาหรอก ตื่นเช้ามาคุณก็แกล้งทำเป็นลืมเสียสิ”

    คุณหมอสาวพูดออกมาหน้าตาเฉยราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ อย่างงั้นแหละ!

    พอเห็นเขาทำหน้าตาที่แสดงออกมาว่า ‘ไม่ว่ายังไงก็ไม่ทำเด็ดขาด!’ คุณหมอก็ได้แต่อ่อนใจ “ถ้าอย่างงั้นคุณก็จะต้องอยู่แบบนี้ต่อไป อยู่แบบที่ไม่มีวันได้รู้เลยว่าฮิบาริ เคียวยะคนนั้นคิดยังไงกับคุณ เรื่องในตอนนั้นอาจจะเป็นคุณที่คิดไปเองคนเดียวก็ได้...เรามาที่นี่เพื่อการนี้ไม่ใช่เหรอ”

    “...”

    “พอเหล้าเข้าปาก เรื่องมันก็อาจจะง่ายกว่าเก่า เผลอ ๆ เราอาจจะได้เจออะไรดี ๆ ก็ได้” คำพูดปลอบใจพร้อมด้วยน้ำหนักมือแผ่วเบาแตะที่ไหล่คล้ายให้กำลังใจ “หรือไม่รู้ก็ไม่เห็นจะเป็นไร เรายังมีโอกาสอยู่อีกมากจะตาย ถ้าวันนี้เขาไม่มาฉันก็จะนั่งดื่มเป็นเพื่อนคุณต่อ พาคุณกลับเองด้วย แล้วคราวหน้าเรามาลุ้นกันใหม่ว่าเขาจะมาไหม เดี๋ยวฉันมาเป็นเพื่อนก็ได้...เอ้า...ดื่ม”

    “มิกิจังเป็นแบบนี้ตลอดเลย ชอบทำให้ผมไม่มั่นใจ แล้วก็มาให้กำลังใจ ตบหัวแล้วลูบหลังชัด ๆ เลยไม่ใช่หรือไง” เอ่ยปรามาสเพื่อนสนิท ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่ม คนโดนว่าหัวเราะ แอลกอฮอล์ทำให้รู้สึกอุ่นวาบในอก แม้ว่าช่วงหลังมานี้จะดื่มมามาก ทั้งเพื่อสังสรรค์ หรือเพื่อเรียกใครสักคนออกมา แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ไม่เคยรู้สึกชอบของพวกนี้ขึ้นมาได้เลยสักครั้ง

     

     

    “มิกิจังคิดว่าคุณฮิบาริจะมาจริง ๆ เหรอ” คำถามออกมาจากปากของวองโกเล่รุ่นที่สิบที่กำลังเมาได้ที่ถูกส่งไปยังเจ้าของชื่อที่เพิ่งกลับมานั่งหลังจากที่เจ้าตัวบอกเขาว่าจะไปโทร.เรียกผู้พิทักษ์แห่งเมฆาให้ออกมารับ

    “ไม่รู้เหมือนกันสิคะ เบอร์ฉุกเฉินที่ฉันใช้โทร.ไปก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่เลย” น้ำเสียงและท่าทางของคุณหมอยังเป็นปกติทั้งที่ก็ดื่มไปไม่ได้น้อยกว่ากันเลย ผิดกับเขาที่ตอนนี้ความคิดครึ่งหนึ่งนั้นโดนแอลกอฮอล์ควบคุมเสียเป็นส่วนใหญ่ บทสนทนาเรื่อยเปื่อยดำเนินไปเรื่อย ๆ โดยที่เขาเป็นฝ่ายตัดพ้อถึงผู้พิทักษ์คนนั้น และมีเพื่อนสนิทเป็นผู้รับฟังและตอบกลับเขาด้วยน้ำเสียงที่บางทีก็อ่อนโยนเหมือนปลอบใจ บางครั้งก็เป็นเสียงหัวเราะน้อย ๆ เพื่อพยายามบอกให้เขาไม่ต้องกังวล

    “เขาไม่มาหรอก”

    เขาเพิ่งมารับผมไปเมื่อวาน เราเพิ่งทะเลาะกันไปเมื่อบ่าย เขาไม่ชอบที่ที่คนเยอะ เขาคงไม่มาอีกแล้ว

    “เขาไม่มาเขาก็จะส่งคนอื่นมา”

    “ไม่ได้ช่วยเลย”

    ผมอยากเจอเขา ไม่ได้อยากเจอคนอื่น

    “แล้วคราวหน้าเราก็มาอีกไง ทำแบบนี้วนไปจนกว่าเขาจะมา”

    “แบบนั้นเธอจะโดนเกลียดเอานะ”

    เหมือนที่ผมโดนเขาเกลียดยังไงละ

    “โดนเกลียดเป็นเพื่อนคุณไงคะ ไม่ดีหรือ”

    “ผมไม่ได้อยากโดนเกลียดสักหน่อย”

    “เขาไม่ได้เกลียดคุณหรอกน่า”

    “ไม่ได้ไง...ก็ตั้งแต่คุณฮิบาริกลับมาเขาก็เย็นชากับผมมาตลอด ไม่เห็นเหมือนตอนม.ปลายเลย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำผิดอะไร”

    “ตอนเขามาคุณก็ลองถามเขาสิ”

    “เขาไม่มาหรอก...” สึนะโยชิส่ายหน้าน้อย ๆ แม้จะคาดหวัง แต่เวลานี้เขายอมรับแล้ว “เลิกรอแล้วเรากลับกันเถอะ”

    ถึงตอนนี้ก็เป็นมิกิที่ยิ้มออกมา

    “ไม่หรอกค่ะ...เขามา”

    “...”

    “ฮิบาริ เคียวยะคนนั้นน่ะ”

    “...”

     

     

    “ดื่มไปมากเท่าไหร่” น้ำเสียงของผู้พิทักษ์แห่งเมฆาติดจะไม่สบอารมณ์นักเมื่อจำเป็นต้องมายังสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนสองวันติด เขาเอ่ยถามคนที่ใช้เบอร์ฉุกเฉินเรียกเขาออกมา แววตาขุ่นมัวจ้องมองอย่างเอาเรื่อง หากว่าเป็นศัตรูก็คงเข่าอ่อนไปแล้ว

    แม้จะยอมรับว่าคนตรงหน้านั้นน่ากลัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่มิกิถือคติว่าตัวเองไม่ใช่ศัตรูของฮิบาริ เคียวยะ ดังนั้นจึงทำท่าใจดีสู้เสือ เอ่ยออกไปแบบไม่สะทกสะท้านราวกับตั้งใจกวนโมโหผู้พิทักษ์แห่งเมฆาคนนั้นไปในตัว “ไม่รู้สิคะ นั่งดื่มไปเรื่อย ๆ ไม่ได้นับเลย”

    “ไหนคุณบอกว่าจะไม่มาแล้วยังไงละ” คนที่สติเหลือน้อยที่สุดพูดแทรกขึ้นมา

    “ผมไม่เห็นรู้ว่าตัวเองพูดคำนั้นออกมา”

    คำพูดของฮิบาริ เคียวยะ หากคนเมาได้ย้อนนึกถึงบทสนทนาเมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดออกมาจริง ๆ แต่ทว่ายังไม่ทันได้คิดไปถึงตรงนั้นมือใหญ่ที่ไม่ต่างจากคีมเหล็กแข็ง ๆ ก็ดึงเขาให้ลุกขึ้นยืนพร้อมออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เอาละ คุณไม่ควรอยู่ที่นี่นานนัก...”

    “นี่! มันเจ็บนะ” คนที่ลุกขึ้นตามแรงเอ่ยประท้วงแต่กลับไม่ได้รับความสนใจ

    พอหันไปขอความช่วยเหลือจากคนที่มาด้วยกันคุณหมอคนสวยก็ยิ้มหวาน นั่งไขว่ห้าง โบกมือเล็กน้อยให้อย่างมีจริต

    “ฝากบอสด้วยนะคะคุณผู้พิทักษ์” แถมเอ่ยฝากฝังให้เสร็จสรรพ

    “คุณเองก็ควรกลับด้วยเหมือนกัน” คุณผู้พิทักษ์เอ่ยเสียงเข้ม คล้ายความอดทนใกล้หมดลงเต็มที

    “ไม่ละค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ ดูแลคนของคุณให้ดี...และรีบไปก่อนที่ความอดทนของคุณจะหมดเถอะ”

    สิ้นคำผู้พิทักษ์แห่งเมฆาก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับคนที่ยืนยันว่าจะอยู่ต่ออีก เขาพาตัวการที่ยังขัดขืนออกจากสถานที่อย่างรวดเร็วโดยมีคนที่ยังรั้งอยู่พูด ‘บ๊าย บาย’ ด้วยน้ำเสียงชวนให้หงุดหงิดไล่หลัง

     

    พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันระหว่างทางที่มุ่งหน้ากลับไปยังที่พัก สึนะโยชิรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่พูดอะไรหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ ผ่านไปครึ่งทางภายในรถคันหรูของผู้พิทักษ์แห่งเมฆาโดยมีคนขับเป็นหนึ่งในกรรมการนักเรียนของนามิโมริ เบาะหลังที่พวกเขาทั้งสองจับจองที่นั่งอยู่คนละฟากนั้นเงียบราวกับอยู่ในสุสาน

    หากเป็นปกติเขาก็จะไม่พูดอะไรกับอีกฝ่ายเช่นกัน แต่อาจเป็นเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่กำลังเริ่มทำหน้าที่ของมัน ในระหว่างทางนั้นวองโกเล่รุ่นที่สิบเลยเอ่ยปากออกมาอย่างง่ายดาย

    “ขอโทษที่ทำให้คุณลำบาก”

    “...”

    “ที่ผ่านมาผมคงคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าความรู้สึกของคุณกับผมมันคงเป็นแบบเดียวกัน และมันคงไม่มีวันเปลี่ยนไปง่าย ๆ...” คำพูดในใจพรั่งพรูออกมาก ไม่ใช่เพราะนี่คือสิ่งที่วางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรก เรื่องพวกนั้นเขาลืมมันไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ความรู้สึกที่อยากพูดอะไรสักอย่างกับอีกฝ่ายก่อนที่จะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกครั้ง

    เมื่อคนที่นั่งข้างกันไม่ได้เอ่ยขัดขึ้นมา นภาสีส้มก็พูดต่อ

    “คุณแข็งแกร่งมาก เพราะแบบนั้นผมถึงรู้สึกตัวว่าควรพยายามให้มากกว่านี้ ผมหวังอย่างน้อยที่สุดก็เพื่อที่จะไม่เป็นตัวถ่วงคุณ อย่างมากก็อยากที่จะยืนเคียงข้างคุณได้ หลายปีที่คุณไม่อยู่ผมก็พยายามที่จะเป็นคนที่ดีกว่าเดิม หวังว่าพอกลับมาเจอกันอีกครั้งผมจะสามารถอยู่ข้างคุณได้โดยที่คุณไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับผม...”

    “...แต่ดูเหมือนว่า ตำแหน่งวองโกเล่รุ่นที่สิบจะไม่สามารถทำให้คุณคิดแบบนั้นได้เลย สี่ปีที่คุณไม่อยู่ สี่ปีที่คุณไม่ต้องคอยดูแลผม คุณได้กลับไปเป็นแบบเดิมก่อนที่เรารู้จักกัน มันคงดีกว่าจริง ๆ สำหรับผมและสำหรับคุณ”

    “...”

    สึนะโยชิถอนหายใจ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่น้ำตาของเขาไหลอาบแก้ม เขาเพียงแค่หัวเราะเบา ๆ กับสภาพน่าอายของตัวเองก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดมันออกแบบลวก ๆ

    “ผมคงเมามากแล้ว ขอโทษที่พูดมาก ผมเรียกร้องความสนใจจากคุณมากจนเกินไปแล้วจริง ๆ คุณคงเกลียดผมแล้ว หลังจากนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว...”

    “พูดจบหรือยัง?”

    “ทำให้คุณรำคาญจนได้” ในความมืด มีเพียงแค่แสงไฟจากข้างถนนที่ส่งให้เห็นภายในรถเป็นระยะ ๆ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้ชัดเจน เห็นเพียงแค่คนที่นั่งมองตรงมาตลอดหันมาสบตาเขา

    ไม่แน่ใจว่าเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ หรือว่าเพราะเป็นอีกฝ่าย สึนะโยชิลดความระวังตัวมากกว่าที่เคย

    เพียงพริบตาเดียวเขาก็ตกไปอยู่ในอ้อมกอดของฮิบาริ เคียวยะ

    “อย่าทำแบบนี้...” เอ่ยเสียงเบา แต่ถึงแบบนั้นคนเมาก็ซบใบหน้าลงกับไหล่กว้าง

    “คุณฟังให้ดี”

    “...”

    “ผมไม่เคยเกลียดคุณ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×