คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Can u ? - Ep.8
“แม่กอดลู่หานได้ไหมฮะ?”
ดวงตากลมโตเงยขึ้นสบสายตาร่างเล็กของมารดาอย่างวิงวอน ลู่หานเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกหวาดกลัวเช่นนี้ ความรู้สึกที่เหมือนจะไม่ได้รับอ้อมกอดของคนตรงหน้าอีกเลย
คำร้องขอของลูกคนเล็กทำเอาผู้เป็นแม่ถึงกับกลั้นหยาดน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่วงแขนเรียวเอื้อมคว้าร่างบางตรงหน้าเข้ามาโอบกอดเอาไว้แนบอกอย่างห่วงใย ต่อให้อีกคนเติมโตมากเท่าใดสุดท้ายแล้วเด็กคนนี้ก็ยังคงเป็นคนเดียวที่เขาอยากดูแลและโอบกอดไปตลอดชีวิต ลู่หานยังคงมีความเป็นเด็กอยู่มากจะอยู่อย่างไรหากต้องใช้ตัวเองเป็นผู้เยียวยาแวมไพร์ แม้จะรู้อยู่แก่ใจตลอดมาแต่ก็ไม่มีสักวันที่ผู้เป็นแม่จะทำใจได้
อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นจนสัมผัสได้ ลู่หานรู้สึกเหมือนได้พลังจากร่างสวยตรงหน้า กอดของแม่ยิ่งใหญ่เสมอสำหรับคนตัวเล็ก ลู่หานกระชับกอดคนตรงหน้าเล็กน้อยก่อนจะผละออกอย่างช้าๆ รอยยิ้มของเด็กน้อยถูกแต่งแต้มลงบนพวงแก้มสีเรื่อบางๆ
“ขอบคุณนะฮะ...ที่เลี้ยงดูผมเป็นอย่างดีตลอดมา” ลู่หานเอ่ยบอก พร้อมรอยยิ้มใสซื่อในแบบของเจ้าตัว คนตัวเล็กรู้สึกโชคดีที่ได้เกิดภายใต้ชายคาของครอบครัวนี้ เขาดีใจที่ชีวิตของเขามีครอบครัวที่ดี มีพ่อ มีแม่ มีพี่ชาย แม้จะเป็นเพียงครอบครัวเล็กๆแต่เขาก็รู้สึกเปี่ยมไปด้วยความสุข
เสียงดนตรีบรรเลงเปิดงานดังขึ้นส่งผลให้ลู่หานผละออกจากมารดาของตนเองเล็กน้อย รอยยิ้มที่แต้มลงบนหน้าหวานยังคงเด่นชัดอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย บริกรชายหนุ่มร่างสูงพร้อมถาดแก้วในมือค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ลู่หานก่อนจะโค้งตัวอย่างสุภาพพร้อมยื่นถาดสีทองสวยที่ด้านบนถูกวางเอาไว้ด้วยคอกเทลหลากหลายสีสัน
ใบหน้าหวานส่ายปฏิเสธเล็กน้อยเมื่อเห็นสีสันของของเหลวในแก้ว เกร่งว่าจะไม่เหมาะกับตนเองเพราะบนถาดนั้นคงมีเพียงแต่เครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล
ราวกับว่าบริกรหนุ่มจะรู้ถึงสิ่งที่ร่างเล็กคิดอยู่จึงเอ่ยบอกร่างบางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มปนน้ำเสียงกระเซ้าหยอกเล็กน้อย
“ไม่มีแอลกอฮอลหรอกครับมีเพียงโซดาเท่านั้น คุณหนูสามารถดื่มได้” เมื่อได้ยินดังนั้นลู่หานจึงตัดสินใจหยิบแก้วสีฟ้าขึ้นมาตามคำบอก ในเมื่อเข้าบอกเองว่ามันไม่ผสมแอลกอฮอลเช่นนั้นเด็กๆอย่างลู่หานก็สามารถดื่มมันได้
“ขอบคุณฮะ” เอ่ยกลับอย่างสุภาพตามนิสัยของเจ้าตัว ก่อนจะหันเหความสนใจกลับไปยังวงตนตรีที่บรรเลงอยู่บนเวที เสียงไวโอรินคลอแผ่วเบาช่วยให้งานวันเกิดของร่างบางดูโรแมนติกกว่างานเลี้ยงทั่วไป แม้จะแปลกใจเล็กน้อยกับความอลังการของงานวันนี้แต่ลู่หานก็ได้เพียงแอบคิดว่าคงเป็นเพราะครั้งนี้เป็นงานวันเกิดอายุครบ 20 ปีของเจ้าตัวกระมังทางบ้านใหญ่จึงจัดให้เสียหรูหราเพื่อเป็นการแสดงความยินดี
มือเล็กยกขึ้นดื่มสีสวยในมือขึ้นดื่มอย่างช้าๆประกอบกับการฟังเสียงของเครื่องดนตรีบรรเลงในสวนกว้าง รอยยิ้มแห่งความยินดียังคงเห็นได้บนใบหน้าหวานของลู่หาน วันนี้แม้จะรู้สึกใจหลายแปลกๆแตเจ้าตัวก็รู้สึกถึงความสุข วันเกิดครบรอบ 20 ปีของเขา ทำไมจึงมีแขกมากมายมาร่วมงานเช่นนี้เจ้าตัวก็ไม่รู้คาดว่าคงเป็นแขกของบ้านใหญ่ที่เชิญมาเพราะนับหน้าถือตาล่ะมั้ง แต่คนตัวเล็กก็ได้แต่แอบสงสัยว่าทำไมจึงต้องเชิญคนมามากมายถึงเพียงนี้ ทั้งๆที่เป็นเพียงวันเกิดของเด็กคนนึงที่อยู่ในอาณาบริเวณบ้านเท่านั้น
ดวงตากลมโตยังคงจับจ้องอยู่ด้านบนเวลาอย่างตื่นตา ภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสูธทักสิโด้เผยขึ้นด้านบนของเวลา รูปร่างสูงโปร่งดูสง่างามดั่งเจ้าชาย ไรผมสีทองสว่างยิ่งขับให้ใบหน้าของเขาดูดีมากขึ้นไปอีก ลู่หานพยายามเพ่งมองไปด้านบนเพื่อให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มชัดเจนขึ้น แต่ดูเหมือนร่างเล็กจะยืนในจุดที่อยู่ไกลไปสักนิดจึงทำให้เขาไม่สามารถเห็นใบหน้าที่ดูดีนั้นได้อย่างชัดเจนทำให้คนตัวเล็กได้แต่เฝ้ามองร่างที่แสนสง่างามนั้นอยู่ไกลๆ
กายสูงค่อยๆเคลื่อนมาอย่างเชื่องช้าก่อนจะนั่งลงบนเปียโนหลังสวยที่ตั้งตระหงาดรอคอยผู้บรรเลง นิ้วเรียวยาวค่อยๆกดแตะลงบนคีย์อย่างเชื่องช้า ท่วงทำนองเพลงสุดแสนหวานค่อยๆบรรเลวไปผสานเข้ากับไวโอลินที่ส่งให้จังหละเพลงยิ่งหน้าหลงไหล ลู่หานไม่อาจแม้แต่จะละสายตาจากร่างสูงนั้นได้เลยแม้แต่น้อย หัวใจดวงเล็กเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ยิ่งเห็นแผ่นหลังกว้างค่อยๆเคลื่อนคล้อยอย่างเชื่องช้า ลู่หานก็แทบหายใจติดขัด มือเล็กยกขึ้นกุมอกเอาไว้แน่นอย่างไม่เป็นตัวเองใครคนนั้นทำเอาคนตัวเล็กไม่อาจควบคุมร่างกายเอาไว้ได้อีก
ขาเรียวเล็กค่อยๆนำพาร่างของลู่หานมุ่งตรงไปยังด้านหน้าของเวทีสูงอย่างไม่อาจห้ามใจ สักครั้งที่จะได้เห็นนักดนตรีมือดีและเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้คงเป็นบุญตาของคนตัวเล็ก เพียงไม่กี่ก้าวลู่หานก็มาหยุดอยู่หน้าเวทีเสียแล้ว ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองร่างสูงที่กำลังเล่นเปียโนด้วยหัวใจระทึกยิ่งกว่าเก่า
ใบหน้าเรียวคมดุจดั่งเจ้าชายในเทพนิยาย จมูกโด่งรั้นรับกับใบหน้าหล่อเหลา ริมฝีปากแกร่งประกอบเข้ารับกับโคงหน้างามๆ ผิวขาวราวกับสะท้อนเข้ากับแสงไปจนเรืองแสง ปลายนิ้วที่บรรเลงบทเพลงได้อย่างมีท่วงทำนอง ทุกอย่างที่เห็นทำเอาคนตัวเล็กไม่อาจละสายตาออกจาอีกคนได้เลย ฟันขาวขบกัดลงบนกลีบปากสีอ่อนเบาๆอย่างเรียกสติของตนเอง ลู่หานเหมือนกำลังถูกริดรอนลมหายใจไปอย่างช้าๆ หัวใจที่เต้นเร็วระรัว ลมหายใจที่ติดขัดทุกๆครั้งที่จ้องมอง เรียวขาที่ไร้เรียวแรงลงทีละน้อย เจ้าตัวไม่คิดเลยว่าการเฝ้ามองใครสักคนใกล้ๆจะทให้คนรู้สึกเหล่านี้ประทุขึ้นมาภายในอกจนสุดท้าย....ดวงตาคู่สวยก็ปิดลงพร้อมกับร่างที่ค่อยๆทิ้งตัวลงกับพื้นหญ้าอย่างช้าๆ สมองที่ลอยล่อยมืดลงในทันที ลู่หานไม่มีสติอีกแล้วบัดนี้หลงเหลือเพียงลมหายใจแผ่วเบาเท่านั้น...
............................................................................
แสงแดดอ่อนๆสาดทอเข้าผ่านม่านหน้าต่างสีขาวสะอาดตา ไอเย็นๆของสายลมพัดเข้าแตะแก้มสีขาวเรื่อจนร่างเล็กรู้สึกได้ถึงความเย็นรอบกาย
เปลือกตาอ่อนค่อยๆขยับอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเปิดขึ้นอย่างช้าๆ มือเล็กยดขึ้นขยี้เล็กน้อย ก่อยจะเปิดมันขึ้นเต็มตาอย่างเหนื่อยอ่อน คนตัวเล็กพยายามปรับสายตาตนเองอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าที่แห่งนี้ดูไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย แต่ด้วยหัวที่หนักอึ้งทำให้ร่างบางไม่สามารถสอดส่ายสายตาได้อย่างเต็มที่เท่าที่ควร
“ปวดหัว...” คิ้วเรียวสวยขวมดเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อรู้สึกได้ว่าตนเองมีอาการแปลกๆเกิดขึ้นทันทีหลังจากติ่นขึ้นมา ร่างสวยค่อยๆพยุงตนเองขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ห้องพักแห่งนี้ไม่ใช่ที่บ้านและดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ในนี้เลยนอกจากตัวเขา
...ครืด...
เสียงประตูไม้บานใหญ่เปิดออกเรียกให้ร่างที่กำลังขยับเคลื่อนกายมองไปยังจุดนั้นด้วยความตกใจ ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความประหม่า ก่อนที่ร่างสูงโปร่งคุ้นตาจะโผล่พ้นประตูเข้ามาภายในห้อง
“ค...ใครฮะ...พี่ชานยอลใช่หรือเปล่า?” ร่างเล็กตะโกนถามอย่างไม่มั่นใจ เพราะเห็นเพียงร่างอยู่ลางๆ ลู่หานมองไม่ค่อยชัดเท่าใดเพราะอีกคนอยู่ไกลเกินกว่าเจ้าตัวจะมองเห็นได้ แต่เพราะรูปร่างที่ดูไม่ต่างจากคนใกล้ชิดลู่หานจึงเลือกที่จะตะโกนถามก่อนที่ร่างนั้นจะเข้ามาถึงตัว
ไม่มีเสียงตอบรับมีเพียงร่างของผู้มาเยื่อนที่ค่อยก้าวเข้ามาใกล้คนตัวเล็กจนเจ้าตัวสามารถปรับสายตามองอีกคนได้อย่างชัดเจน
ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา หัวใจดวงเล็กเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มที่บรรเลงบทเพลงแสนไพเราะนั้น เข้ามาสอดทับในห่วงของความทรงจำ ใบหน้าหวานเผยสีแดงเรื่อออกมาน้อยๆราวกับไม่อาจควบคุมการตอบสนองของร่างกายชายหนุ่มร่างสูงค่อยๆลดตัวลงนั่งบนฟูกนุ่มข้างกายเล็กก่อนจะเอ่ยถาม
“ปวดหัวมากหรือเปล่า?” แววตานิ่งเฉยจ้องมองมายังคนตัวเล็กอย่างไร้ความรู้สึกใดๆ ใบหน้าหล่อเหลากำลังจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตของร่างบางอย่างเชื่องช้า ไม่มีรอยยิ้มใดๆเผยออกมาให้คนตัวเล็กรู้สึกผ่อนคลาย ก่อนที่คิ้วเข้มของชายหนุ่มจะขมวดเข้าหากันแสดงความไม่พอใจเมื่อไม่ได้รับการตอบสนองจากร่างเล็ก
“ถามว่าปวดหัวหรือเปล่า!” ชายหนุ่มกระแทกเสียงหนักแสดงความไม่พอใจ ทำเอาลู่หานสะดุ้งสุดตัวเพราะรู้สึกตกใจในเสียงทุ้มนั้น
“ม...ไม่ฮะ” คนตัวเล็กส่ายหน้าปฏิเสธในขณะที่น้ำตาเอ่อออกมาคลอที่ปลายหางตา ลู่หานไม่รู้ว่าทำไมน้ำตาถึงไหลแต่เขารู้สึกหวาดกลัวกับเสียงตวาดเมื่อครู่เสียเหลือเกิน
เมื่อเห็นว่าอีกคนแสดงทีท่าหวาดกลัว ชายหนุ่มก็อ่อนลงในทันที อี้ฟานไม่รู้ว่าทำไมถึงได้บันดาลโทษะใส่คนตัวเล็กอาจจะเพราะที่แห่งนี้ไม่เคยมีใครขัดใจเขาเสียกระมัง พอเห็นคนตัวเล็กไม่ยอมตอบร่างสูงก็เลยรู้สึกโมโห
“กินยาซะ เราจะให้จงอินนำยามาให้ ช่วงตะวันคล้อยบ่ายน่าจะดีขึ้น” ทิ้งท้ายก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงของร่างบาง ค่อยพลิกตัวมุ่งหน้าไปยังประตูบานเดิมอย่างเชื่องช้า
“ด...เดี๋ยวฮะ” น้ำเสียงสั่นๆของลู่หานเอ่ยรั้งให้ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าเอาไว้อย่างอดไม่ได้ ลู่หานแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเขาถึงมาอยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่ในบ้านของตนเอง เกิดอะไรขึ้นกับเขาหลังจากที่ภาพบรรยากาศภายในงานมืดดับลง
“จงอินจะบอกเจ้าในสิ่งที่เจ้าต้องการรู้...”
.......................................................
ตอนต่อๆ อี้ฟานจะมีบทมากขึ้น อย่าพึ่งเสียใจไปนะคะ
มีคนคอมเม้นแล้วววว ดีใจจัง <3 คอมเม้นอีกสิคะ ;_____;
คอมเม้นคนละคอมเม้นก็ดีใจจะแย่~~~~ เม้นหน่อยเถอะนะคะ แล้วจะอัพให้อีกกกก
ความคิดเห็น