ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] Can u ? KrisHan,KaiHun,ChanBaek

    ลำดับตอนที่ #15 : Can u ? - Ep.14

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 56


    ริมฝีปากอิ่มเม้นเข้าหากันเล็กน้อยพร้อมสายตาที่ถูกหลุบจนต่ำลงมองปลายเท้าอย่างหวาดหวั่น กายเล็กพยายามนั่งให้ตัวตรงที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อรอคอยอาจารย์หนุ่มที่เรียกตนเองมาพบยังห้องพักอาจารย์ในยามพักเที่ยงเช่นนี้




                    เสียงฝีเท้าเชื่องช้าดังเข้ามาในโสตประสาทแห่งการได้ยินของร่างเล็กแบคฮยอนขยับกายน้อยๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวกลับไปมองยังต้นเสียง แน่นอนร่างของอาจารย์หนุ่มโผล่ออกมาให้คนตัวเล็กได้เห็นไม่ห่างกายมากนัก





                    แบคฮยอนขยับลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ตัวที่ได้นั่งก่อนจะโค้งทำความเคารพอย่างนอบน้อม มือแกร่งของผู้มาเยือนผายออกเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกคนทำตัวตามสบาย ก่อนใบหน้าหวานจะขยับเล็กน้อยพลางค่อยๆหย่อนกายลงบนเก้าอี้ตัวเดิมอย่างเชื่องช้า




                    “มารอนานหรือยังครับ?” น้ำเสียงทุ้มของร่างสูงถามออกมาทันทีที่ผู้เป็นอาจารย์นั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงหน้าของคนตัวเล็ก แบคฮยอนพยักหน้าตอบแทนน้ำเสียงโดยที่ยังคงไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตาชายหนุ่ม





                    “ไปไหนมาครับ...ทำไมถึงเข้าคลาสผมสาย” ชานยอลถามต่อเมื่อได้รับคำตอบที่ไม่ใช่เสียจากร่างเล็ก แบคฮยอนเม้มริมฝีปากสวยของตนเองแผ่วเบาครู่ถึงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเสียจนเต็มปอดเพื่อรวบรวมความกล้า






                    “พี่ชายไม่ค่อยสบายฮะ...ไม่ได้ไปไหน” น้ำเสียงแผ่วเบาตอบกลับอย่างหวั่นใจ ไม่รู้ว่าชานยอลมุมนี้จะน่ากลัวมากเพียงใด แต่ในเมื่อร่างสูงเอ่ยถามมันคงยากที่จะทำเพียงพยักหน้าตอบ





                    “ทานข้าวหรือยังครับ?” อาจารย์หนุ่มถามต่อ ใบหน้าคมจ้องมองมายังร่างเล็กที่ยังคงไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบสายตา




                    “ยังฮะ...ว่าจะรอทานตอนเย็นทีเดียวเลยน่าจะดีกว่าฮะ” ตอบกลับพร้อมยรอยยิ้มอย่างดีใจ ผิดไปจากที่คาดเอาไว้ลิบลับ ชานยอลไม่พูดถึงเรื่องการมาสายของร่างเล็กเลยแม้แต่น้อยแต่กลับเปลี่ยนเรื่องไปยังเรื่องของมื้อกลางวันแทนเสียอย่างนั้น




                    “ทานข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ” รอยยิ้มบางๆเผยออกมาผ่านใบหน้าคมคาย ชานยอลแค่อยากเรียกร่างเล็กออกมาให้อีกคนได้ทานมื้อกลางวันกับเจ้าตัวก็เท่านั้น ไม่ได้อยากติติงร่างบางแต่อย่างใด แต่ที่เลือกเอ่ยถามเปิดในตอนแรกเพียงเพราะห่วงใยร่างเล็กก็เท่านั้น





                    “หมายถึง?” คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นมองร่างชายหนุ่มอย่างสงสัย ใบหน้าหวานเอียงเล็กๆอย่างฉงนใจก่อนจะถามย้ำเพิ่มเติมอีกครั้งดังกับว่าไม่ค่อยมั่นใจ





                    “ให้ผมไปทานข้าวกับอาจารย์??เหรอฮะ?” แน่นอนว่าดเจ้าคำถามซื่อของแบคฮยอนกำลังทำให้ร่างสูงไม่อาจปกปิดความเขินอาย แม้จะต้องคลุมลุคที่หน้าเกรงขามอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อมาเจอเด็กซื่อถามขึ้นมาเช่นนี้ชานยอลเองก็แทบปั้นหน้าลำบากอยู่เหมือนกัน





                    “อืม...” ดวงตาเรียวรีหรี่มองอีกคนอย่างย่ามใจ แบคฮยอนจะรู้สึกระแคะระคายบ้างหรือไม่ก็ไม่อาจจะเดา ยิ่งเห็นแววตาซื่อของร่างเล็กชายหนุ่มก็แทบไม่อาจปกปิดความรู้สึกของตนเองเอาไว้ได้





                    ...ยิ่งมองยิ่งรู้สึกหลงรัก...





                    “ฮะ..”



                    ...........................................................................




     

    มื้ออาหารเรียบง่ายในร้านอาหารเล็กๆถูกจัดเรียงอยู่บนโต๊ะเสียจนเกือบเต็ม แบคฮยอนยู่หน้ามองบุคคลร่วมโต๊ะน้อยๆก่อนจะเอ่ยถามอยากสงสัย





                    “อาจารย์จะทานหมดเหรอฮะ ของกินมากขนาดนี้” เมื่อมองดูจำนวนของบนโต๊ะ ร่างเล็กก็ต้องถามอย่างไม่ต้องสงสัย คนเพียงสองคนจะทานหมดได้อย่างไร กับข้าวจานใหญ่ๆตั้งเกือบสิบรายการ มันไมมากไปหน่อยงั้นหรือ





                    “คุณ...ทานไม่เยอะเหรอครับ?” กวาดตามองบนโต๊ะบ้างพลางถามร่างเล็กกลับคืน ตะเกียบเหล็กในมือของชายหนุ่มถูกขยับไปคีบเนื้อทอดชิ้นใหญ่ในจานก่อนจะเอื้อมวางมันลงบนข้าวของแบคฮยอน





                    “ขอบคุณฮะ...ผมทานเยอะพอควรฮะ แล้วของบนโต๊ะทั้งหมดนี่...เหมือนว่าเราสองคนจะทานมันไม่หมดแน่ๆ” ตอบกลับอย่างรู้สึกเสียดาย ไม่บ่อยนักที่ร่างเล็กจะได้ทานอาหารจากร้านอาหารเช่นนี้ แม้มันจะไม่ใช่ร้านที่หรูหราเทียบเท่ากับภัตคารแต่เพียงเห็นจำนวนของมันแบคฮยอนก็พอจะประเมินราคาอาหารมื้อนี้อย่างคร่าวๆได้อย่างไม่ต้องสงสัย




                    “ไม่หมด...ก็ช่างมันสิครับ” ตอบกลับอย่างไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เพราะเงินเดือนของชานยอลใช่ว่าจะน้อยนิดเพียงอาหารมื้อเล็กๆมื้อเดียวเขาสามารถกินทิ้งกินข้างได้อย่างสบายๆ




                    “แต่มันน่าเสียดาย” แววตากลมโต เลื่นอขึ้นสบสายตาชายหนุ่มอย่างจริงจัง เขาเคยจำได้ดีเมื่อคราวที่ครอบครัวของเขาจากไป ของกินดีๆสำหรับเด็กผู้ชายสองคนที่ถูกทอดทิ้ง แทบจะหาอาหารดีๆแต่ละมื้อไม่ได้เลย แล้วนี่คืออะรจะให้เขามากินทิ้งกินขว้างมันไม่มากไปหน่อยงั้นเหรอ





                    “งั้นผมควรจะทำยังไงดีล่ะครับ?” ชานยอลถามกลับเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างเล็กเองกำลังรู้สึกบางอย่าง แววตาใสๆที่เคยเต็มไปด้วยความหวังกลับเศร้าหมองลงอย่างแปลกประหลาด ไม่อยากเห็นมันเลยแม้แต่น้อย ยิ่งมองแบคฮยอนในมุมนี้หัวใจของเขาก็ยิ่งรู้สึกอยากโอบกอดอีกคนเอาไว้ให้แน่นหนา








                    “เราคงต้องทานมันให้หมดฮะ” แบคฮยอนบอกก่อนจะเอื้อมตะเกียบของตนเองคีบกับข้าวแล้ววางให้แก่ชายหนุ่มบ้าง รอยยิ้มหวานๆถูกส่งกลับไปยังชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าอย่างจริงใจ สิ่งเดียวที่แบคฮยอนรู้สึกว่าต้องทำในเวลาเช่นนี้คือรับผิดชอบในมื้ออาหารที่ดูท่าจะหนักหนานี้ให้เสร็จสิ้นโดยไม่เหลือของเอาไว้ให้ต้องเสียดาย







                    “งั้นคุณคงต้องช่วยผมล่ะครับ คุณบยอน” บอกพร้อมยกยิ้มกว้างให้แก่ร่างเล็ก พลางคีบอาหารตรงหน้าขึ้นจ่อบริเวณใกล้ริมฝีปากอิ่มของร่างบาง






                    “ทานสิครับ...ผมป้อน ช่วยๆกันทานจะได้หมดไวๆ” เมื่อเห็นคนตัวเล็กไม่ยอมเปิดปากเสียที ชายหนุ่มจึงเอ่ยบอกอย่างใจเย็น ริมฝีปากสวยค่อยๆเปิดออกอย่างไม่ต้องสงสัย ที่ยอมทำตามไม่ใช้เพราะอยากให้อาจารย์หนุ่มป้อนหรอกนะ แต่เพราะอยากทานให้หมดๆซะจะได้ไม่ต้องเหลือทิ้งให้เสียดายต่างหาก






     
                   บรรยากาศสุดแสนเป็นกันเองบนโต๊ะอาหารกำลังอบอวลไปด้วยไออุ่นประหลาดจนทั้งสองสัมผัสได้ ทั้งๆที่ไม่ค่อยได้พูดคุยกันมากเท่าไหร่ แต่กลับมีรอยยิ้มอยู่เรื่อยไปตลอดระยะเวลาของมื้ออาหาร นี่หรือเปล่าความสุขของการที่ได้ใกล้ชิดใครสักคน นี่หรือเปล่าความสุขของการส่งมอบความรู้สึกของตนเอง






                    ...ตกหลุมรักใช่ไหม ปาร์ค ชานยอล นายตกหลุมรับลูกศิษย์ของตัวเองเข้าเต็มหัวใจแล้วหละ...







    .....................................................................



     

    สายลมเอื่อยๆพัดผ่านผ้าม่านสีอ่อนพริ้ว พัดอาเอาไอแดดจางๆยามเย็นเข้ามาภายในห้องพักเล็กๆ ของร่างบาง เซฮุนค่อยลุกขึ้นจากเตียงเล็กของตนเอง เมื่อรู้สึกว่าอาการเมื่อช่วงเช้าทุเลาลงกว่าเดิม จริงๆเวลานี้ร่างเล็กจะต้องไปที่คลับเพื่อเตรียมตัวทำงานแล้ว แต่เพราะวันนี้เจ้าน้องชายตัวแสบกำชับหนักหนาว่าห้ามออกไปทำงาน คนตัวเล็กเลยได้แต่นั่งๆนอนอยู่บนเตียงโดยไม่สามารถออกไปทำงานได้แม้จะไม่ได้รู้สึกปวดหัวเหมือนช่วงเช้าแล้วก็ตาม






                    เสียงจังหวะเคาะประตูดังขึ้นเรียกให้คนตัวเล็กที่กำลังนั่งคิดอะไรอย่างเพลิดเพลินหลุดออกจากภวังแห่งความคิด ในทันที ขาเรียวเล็กก้าวลงจากเตียงนุ่มก่อนจะรีไปยังด้านหน้าของประตูก่อนจะเอื้อมมือไปยังลูกบิดประตูเพื่อเปิดให้ผู้มาเยื่อนเข้ามาภายใน






                    “ว่าไงแบคฮยอนกลับมาแล้วเหรอ?” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเองถามอย่างรู้ดีทั้งๆที่ไม่เห็นใบหน้าของผู้มาเยือน แน่นอนที่นี่คงไม่มีใครมาหรอกนอกจากเจ้าน้องตัวแสบของเขาแต่ทำไมจึงหลับมาไวนักปกติเห็นกว่าจะกลับมาได้ปาเข้าไปเกือบค่อนคืนทุกคราวไป





                    ดูเหมือนความเข้าใจของร่างเล็กจะผิดลงอย่างถนัดตา ดวงตาคู่สวยพยายามจ้องมองไปยังร่างของผู้มาเยือนอย่างตกใจ ชายหนุ่มร่างสูง เส้นผมสีดำสนิท ใบหน้าคมคายที่แสนคุ้นเคย ซึ่งพบกันกันทุกๆค่ำคืน แขกคนที่ยอมจ่ายเงินหลายล้านวอนเพียงเพื่อให้เขาดื่มไวน์เพียวสองแก้ว คนคนนั้น...ที่พบในคลับทุกคืน





                    “ค...คุณ...” ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันแน่นอย่างรู้สึกตกใจไม่คาดคิดเลยว่าจะพบร่างสูงที่นี่





                    “เข้าไปได้ไหม?” ผู้มาเยือนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มบางๆ ทั้งๆที่อยากเพียงเฝ้ามองคนตัวเล็กด้านนอกเท่านั้นแต่หัวใจกลับไม่อาจหยุดเอาไว้ตามที่คิดได้ นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มต้องขึ้นมายังที่ห้องของคนตัวเล็กทั้งๆที่มันไม่สมควร






                    “เอ่อ...จงอิน...คุณชื่อจงอินใช่ไหม?” เซฮุนเอ่ยถามออกมาเมื่อชื่อของใครคนหนึ่งกำลังกึกก้องอยู่ในหัว ชื่อของคนที่ทำให้คิดถึงอยู่ทั้งวัน เสียงของใครสักคนที่กระซิบบอกเขาเมื่อคืน ใช่...อาจจะเป็นชื่อของคนทีเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับเขาเมื่อคืนก็ได้ ชื่อของร่างสูงตรงหน้า






                    “ครับ...คุณจำได้...งั้นหรือ...เรื่องเมื่อคืน...” ถามกลับอย่างใจหาย เมื่อรู้ว่าคนตัวเล็กตรงหน้าจกจำชื่อของตนเองได้ เช่นนั้นร่างบางจะรู้หรือไม่ว่าเขาได้ล่วงเกินเจ้าตัวไปอย่างไม่อาจห้ามใจ การล่วงเกินอย่างไม่ทันระวังของชายหนุ่ม







                    เซฮุนส่ายหน้าปฏิเสธร่างเล็กจำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นเพียงแค่คับคล้ายคับคลาว่ามีใครสักคนบอกชื่อของเขาเอาไว้ให้ได้ยิน และนั่นคงเป็นชื่อของร่างสูง






                    “จำไม่ได้หรอก...ผมเมาจนแทบไม่ได้สติ ขอบคุณที่พามาส่งที่นี่ตามสัญญานะฮะ” ร่างเล็กตอบพลางก้มตัวลงโค้งขอบคุณ อย่างน้อยชายหนุ่มก็ไม่ได้ทำอะไรเขา เพราะฉะนั้นเขาควรจะเปิดโอกาสให้ร่างสูงได้เข้ามาด้านในห้อง






                    “ค...ครับ...” น้ำเสียงอึกอักเอ่ยตอบกลับอย่างรู้สึกไม่ดี เขาควรจะรู้สึกเช่นไรเล่างานนี้ ล่วงเกินเขาแต่เขากลับจำมันไม่ได้ก็ดีอยู่หรอก แต่เมื่อเห็นคนตัวเล็กยิ้มให้อย่างสนิทใจตัวเขาก็รู้สึกโกรธตัวเองขึ้นมากลายๆ ทำไมไม่ยั้งใจตัวเองจงอิน...







                    “เชิญเข้ามาสิฮะ...ห้องอาจจะเล็กไปสักนิด คุณคงไม่รังเกียจ”


    .....................................................................
    ตะไมช่วนผู้ชายเข้าห้องคะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
    ติ๋มนะติ๋ม =w=

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×