ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] Can u ? KrisHan,KaiHun,ChanBaek

    ลำดับตอนที่ #14 : Can u ? - Ep.13

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ค. 56


    โต๊ะอาหารหรูใจกลางตัวคฤหาสหลังใหญ่ถูกเหล่าคนรับใช้จัดการเรียงรายมื้อเย็นสำหรับค่ำนี้อย่างเต็มไปเสียทั้งโต๊ะ อาหารนานาชาติถูกปรุงขึ้นอย่างพิเศษสุดเพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือน




                    ลู่หานค่อยๆก้าวเดินอย่างช้าๆตามหลังของชายหนุ่มที่สูงกว่า หัวไหล่เล้กห่อลงน้อยๆอย่างหวาดหวั่นเมื่อมองไปทางใดก็มีแต่ผู้คนแต่งตัวในแบบของคนรับใช้โบราณอยู่เต็มไปหมด




                    “ทำไมเดินช้านัก?” ร่างสูงเอ่ยถามออกมาโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองคนที่ก้าวเดินตามเจ้าตัวอยู่ ลู่หานยู่ปากเล็กๆก่อนจะก้าวเท้าอย่างรวดเร็วเพื่อให้ตัวเองได้เดินเคียงข้างกับชายหนุ่ม





                    “เร็วพอรึยังฮะ?” หันมาเลิกคิ้วถามอย่างต้องการกวนประสาท ลู่หานไม่มีท่าทีหวาดกลัวแวมไพร์หนุ่มอีกแล้ว เพราะความใจดีและคำมั่นสำญญาของอีกคนที่ทำให้ลู่หานเลิกที่จะเกรงกลัวอีกคน






                    “ถ้าเราไม่บอกให้เจ้าเดินเจ้าก็จะไม่เดินงั้นสิ” ถามกลับอย่างไม่ยอมแพ้ อี้ฟานในแบบที่คนอื่นไม่เคยพอเจอค่อยถูกเผยออกมาทีละน้อย ลู่หานจิ๊ปากอย่างขัดใจก่อนจะยกมือเล็กขึ้นกอดอกและเดินนำชายหนุ่มช่างดุไป






                    “เสี่ยวลู่...” ริมฝีปากแกร่งเอ่ยเค้นเสียงเรียกดุๆออกมาเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวแสบกำลังพยายามแสดงฤทธิ์เดชที่ไม่น่ารักต่อเขาและต่อธารกำนันทั้งหลาย






                    ลู่หานชะงักขาทันทีที่ได้ยินคำเอ่ยเรียกของชายหนุ่ม น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกดั่งเช่นครั้งแรก ไม่มีความเอื้ออาทรเจือปนอยู่เลยแม้แต่น้อย ทำเอาลู่หานถึงกับขนลุกขึ้นมาทันทีที่สิ้นเสียงนั้น





                    “การทิ้งใครสักคนไว้ข้างหลังมันไม่น่ารักเลยนะ” อี้ฟานเอ่ยต่อก่อนจะเอื้อมมือเข้ากุมฝ่ามือสวยของลู่หานเอาไว้แน่น ที่เรียกไม่ใช่เพราะอยากจะติติงหรือทำโทษแต่เพราะไม่อยากให้อีกคนเดินห่างกายเห็นจะถูก





                    เพียงถูกอีกคนกอบกุมฝ่ามือขาวใบหน้าหวานก็หลุบต่ำลงอย่างเลี้ยงไม่ได้ พวงแก้มนุ่มๆไร้ริ้วรอยถูกเฉดเข้าด้วยสีชมพูเรือที่เกิดจากความเคอะเขินของคนตัวเล็กทันทีที่ไอเย็นๆของกายสูงแตะต้องเข้าบนฝ่ามือ





                    แม้ฝ่ามือจะเย็นเฉียบแต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าว ก้อนเนื้อเล็กๆบริอกด้านซ้ายกำลังเร่งจังหวะการสั่นไหเร็วขึ้นเสียจนคนตัวเล็กทำอะไรไม่ถูก ทั้งๆที่คิดว่าจะไม่รู้สึกใจสั่นมากเท่านี้แล้วแท้ๆ แต่เพียงถูกฝ่ามือนั้นกอบกุมหลังมือเล็กเอาไว้อาการแปลกๆเมื่อครู่ก็หวนกลับมาทำให้ลู่หานประหม่าอีกครั้ง





                    ฝ่ามือขาวค่อยกำตอบคนที่ฉวยเอามือเล็กไปกุมเล็กน้อยอย่างจำยอม แม้จะรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองแต่ลู่หานก็ไม่อยากให้อีกคนปล่อยมือของตนเองลง เพราะฉะนั้นหากต้องการให้เขาจับมือเอาไว้ทางเดียวที่ลู่หานทำได้นั่นก็คือจับตอบชายหนุ่มเอาไว้ให้แน่หนา




                    “มือเราไม่เย็นหรือไง?” อี้ฟานหันกลับมาถามมือฝ่ามือของเจ้าตัวรับรู้ได้ถึงแรงจับตอบสนองของร่างเล็ก ลู่หานเม้มริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ก่อนจะพยักหน้านิดๆเพื่อเป็นคำตอบให้แก่ชายหนุ่ม





                    ใบหน้าคมกระตุกยิ้มอย่างเบาบาง ฝ่ามือค่อยๆกอบกำมือเล็กที่จับไว้ให้แน่นหนาอีกครั้ง เพื่อให้ลู่หานได้สัมผัสอุณหภูมิที่แท้จริงของกายแกร่ง แน่นอนอี้ฟานตัวเย็นและไร้ซึ่งไออุ่นเช่นมนุษย์ทั่วไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเมื่อลู่หานได้สัมผัสลู่หานจะอยากปล่อยมันออก





                    แม้จะเย็นเสียจนไม่คุ้นเคยแต่กลับรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอยากดูแลและปกป้อง อี้ฟานมีมุมเย็นชาและมีมุมอบอุ่น โดยที่ไม่ต้องพูดให้มากความ ไม่รู้เพราะเหตุใดคนตัวเล็กจึงได้ปล่อยให้คนตรงหน้าล้วงเกินหลายต่อหลายครั้งโดยไม่หลีกหนี จะว่าไปจูบเมื่อเช้าก็เช่นกัน ทำไมลู่หานจึงปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นโดยไม่แม้แต่จะท้วงติงสักนิดก็ไม่รู้





                    ทั้งสองค่อยเดินอย่างช้าๆก่อนจะหยุดลงยังบริเวณห้องโถงใหญ่ เหล่าคนรับใช้ต่างพากันยืนอย่างเงียบเฉียบ พลางก้มหน้าสงบเสงี่ยมอย่างมีมารยาท





                    “แม่กับพ่อล่ะฮะพี่ชานยอลด้วย” คนตัวเล็กเอ่ยถามขึ้นทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้ามาภายในบริเวณ อี้ฟานขยับตัวพร้อมเอื้อมมือไปดึงเก้าอี้ไม้ให้แก่ร่างเล็กเพื่อเป็นการให้สัญญาณแก่ร่างเล็กว่าอีกคนควรจะนั่งลงเสีย





                    ร่างบางค่อยหย่อนตัวลงอย่างไม่อาจเลี่ยงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายอย่างรอคอยในคำตอบของเจ้าตัว อี้ฟานยังคงอมยิ้มอยู่เล็กๆไม่ยอมตอบคำถามของคนตรงหน้าก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินไปยังอีกฝั่งของโต๊ะทิ้งให้ลู่หานได้แต่มองตามอย่างรู้สึกผิดหวัง





                    “อี้ฟาน..โกหก...”
    น้ำเสียงขุ่นเคืองเอ่ยออกมาติติงร่างตรงหน้าอย่างไม่พอใจ ไหนบอกว่าจะให้เจอครอบครัวแต่กลับไม่มีใครสักคนมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยแบบนี้หลอกลวงกันชัดๆ





                    “ขออนุญาตคขอรับ..” ร่างสูงผู้มาเยื่อนโคง้ตัวพร้อมส่งเสียงเชิงขออนุญาตท่านผู้เป็นใหญ่ อี้ฟานพยักหน้าเล็กๆ ในแบบที่คุ้นชิน ก่อนที่จงอินจะขยับกายออกเปิดทางให้แก่แขกผู้ร่วมมื้อค่ำในวันนี้ให้เข้ามาภายใน





                    ลู่หานค่อยๆพลิกตัวหันกลับไปตามเสียงนั้นเพื่อมองดูว่าแขกผู้มาเยื่อนพร้อมจงอินนั่นเป็นคนที่เจ้าตัวหวังเอาไว้หรือไม่ ร่างของหญิงชายวันกลางคนค่อยๆก้าวเดินเข้ามาในห้องโถงอย่างเงียบสงบ ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของทั้งสองคนทำเอาลู่หานถึงกับแยกรอยยิ้มออกมากว้างอย่างยินดีเป็นที่สุด





                    “คุณพ่อ...คุณแม่” เสียงหวานเอ่ยเรียกอย่างสุขยิ่ง ดวงตากลมโตคู่สวยส่อประกายวิบวั๊บออกมาทันทีที่ได้เห็นคนคุ้นเคยของเจ้าตัว ขาเรียวเล็กค่อยๆหยัดกายลุกขึ้นยืนพร้อมเร่งฝีเท้าวิ่งเข้าไปใช้วงแขนเล็กสวมกอดร่างของผู้เป็นแม่เอาไว้แน่น






                    “คุณแม่...คุณแม่มาหาลู่หาน” ร่างบางกระชับวงแขนกอดร่างตรงหน้าเอาไว้แน่น รอยยิ้มที่แสนยินดีของลู่หานกำลังบ่งบอกทุกคนที่อยู่รอบข้างว่าการมาของมารดามีผลต่อจิตใจของร่างเล็กมากเพียงใด





                    “ลู่หานไม่เสียงดังสิลูก...นายท่านจะดุเอาได้” เสียงนุ่มเอ่ยติงลูกรักอย่างห่วงใย รอยยิ้มจางๆอย่างหาที่สุดไม่ได้ของหญิงกลางคนถูกแต้มเข้าที่พวกแก้มสีเรื่อ






                    “อี้ฟานไม่ดุลู่หานหรอก...อี้ฟานน่ะใจดีกับลู่หานจะตาย
    ~







             ว่าพลาดเอี้ยงหน้ากลับไปยิ้มหวานให้ชายหนุ่มที่นั่งมองตนเองอยู่ด้านหลังอย่างมีความสุข ใบหน้าคนที่เปื้อนไปด้ยรอยยิ้มเบาบางกำลังจับจ้องแผ่นหลังเล็กของเด็กน้อยเอาไว้อย่างไม่วางตา ลู่หานในแบบที่สดใสดังที่เจ้าตัวเคยลอบมองตลอดมา เด็กคนนั้นมีรอยยิ้มอยู่ได้ด้วยความรักที่มีต่อครอบครัวสินะ


     

                    “เดี๋ยวแม่จะตีให้ ทำไมพูดจาตัสนิทกับนายท่านแบบนั้นล่ะหื้ม? ไม่น่ารักเลยนะลู่หาน” หญิงวัยกลางคนเอ่ยติติงลูกชายตัวแสบอย่างอดไม่ได้ แน่นอนครอบครัวของเขาอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะการช่วยเหลือจุนเจือของบ้านใหญ่ในฐานะของครอบครัวผู้แก้ไขคำสาป และนี่คงเป็นเหตุผลที่มารดาของลู่หานเคารพชายหนุ่มเจ้าของที่นี่เป็นอย่างยิ่ง





                    “ไม่เป็นไรหรอก...เราอนุญาตให้เสี่ยวลู่เรียกเราแบบนั้นเอง” น้ำเสียงทุ้มเย็นเอ่ยเข้าแทรกบทสนทนาดุๆของคนเป็นแม่ ใบหน้าสวยหันมองต้นเสียงพร้อมโค้งตัวแทนการเคารพ แม้ผู้เป็นนายจะว่าเช่นนั้นแต่หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะเกรงใจบุคคลที่มีศักดิ์สูงส่งกว่าตัวเช่นอี้ฟาน






                    “คุณแม่ฮะ..คุณพ่อ พี่ชานยอลล่ะฮะ” เสียงใสๆเอ่ยขัดขึ้นเปลี่ยนเรื่อง ดวงตากลมพยายามจ้องมองบุคคลร่วมโต๊ะเพื่อค้นหาครอบครัวอีกคนของตนเอง





                    “พี่ชานยอลไปสอนลูก...ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ผู้เป็นแม่ถามพลางเอื้อมฝ่ามือนุ่มเข้าลุบไรผมสีอ่อนของคนตัวเล็กอย่างปลอบประโลม เจ้าตัวรู้ดีว่าลู่หานเองรักชานยอลมากเพียงใด แม้จะเป็นเด็กที่ค่อนข้างชอบมีปากเสียงกับพี่ชายแต่ในลึกลู่หานก็รักและเคารพชานยอลมากที่สุดคนนึง






                    ใบหน้าหวานขยับส่ายอย่างช้าๆ แม้จะผิดหวังไม่น้อยที่ไม่ได้เจอพี่ชายของตนเอง แต่ก็ดีเท่าไหร่แล้วที่ได้พบพ่อและแม่ ลู่หานสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะแยกยิ้มกว้างอย่างที่เจ้าตัวมักชอบทำ






                    “ทานข้าวกันเถอะฮะ” บนความผิดหวังลู่หานกลับมากด้วยความเข็มแข็ง แน่นอนอี้ฟานไม่ได้ใจร้ายกับเขาแล้วทำไมเข้าจะต้องแสดงความเศร้าโศกออกมาให้คนอื่นได้เห็นเพราะฉะนั้น ต้องยิ้มให้มากแสดงออกถึงความสุขให้เยอะๆทุกคนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเขา






                    ว่าพร้อมนำพาพ่อและแม่เข้าร่วมโต๊ะอาหารอย่างไม่รอช้า มื้ออาหารสุดหรูถูกเสริ์ฟลงบนโต๊ะทันทีที่ผู้ร่วมมือค่ำนั่งประจำที่ที่จัดไว้จนครบถ้วน ลู่หานยังคงยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมคำสนทนาในแบบที่เป็นเจ้าตัวตลอดทั้งมื้ออาหาร






                    “อี้ฟานไม่ทานมื้อค่ำเหรอฮะ?” คิ้วเรียวเล็กเลิกขึ้นมองร่างสูงตรงหน้าที่เอาแต่นั่งมองเข้าอยู่นานโข ทั้งๆที่มื้อค่ำของเขาและครอบครัวถูกนำมาจักเรียงจนครบแล้วแท้ๆแต่อี้ฟานกลับไม่มีแม้แต่จานอาหารมาวางให้ตรงหน้า






                    “ไม่หรอกเราอิ่มแล้ว..” ตอบกลับพร้อมยกยิ้มที่มุมองริมฝีปากให้แก่ลู่หาน ริมฝีปากสวยยู่ขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ได้อย่างไรกันทั้งๆที่เตรียมมื้อค่ำให้เขาเองแต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมทานอาหาร เสียมารยาทเหลือเกิน







                    “แล้วจะมานั่งทำไมล่ะฮะ...ในเมื่ออิ่มแล้ว” คนตัวเล็กถามกลับอย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนเด็กช่างพูดแบบลู่หาน บางครั้งก็ไม่ทันคิดว่าสิ่งที่เจ้าตัวพูดสมควรหรือไม่






                    ความเงียบปกคลุมไปเสียทั้งโต๊ะทันทีที่สิ้นเสียงถามของลู่หาน แน่นอนบริวาณทั้งหลายต่างไม่กล้าจะปริปากว่าร่างเล็ก เพราะคำพูดที่ไม่สมควรนั้นไม่เคยมีใครกล้าเอ่ยมันกับนายท่านอย่างอี้ฟานเลยตั้งแต่พวกเขาเข้ามาอยู่ที่นี่






                    “คุณหนูลู่หาน...พูดกับนายท่านเช่นนั้นไม่ได้นะขอรับ” เสียงทุ้มของจงอินเอ่ยขึ้นขณะที่เจ้าตัวกำลังยืนมองอยู่เคียงข้างเก้าอี้ตัวสูงของอี้ฟาน คำพูดที่ไม่สุภาพและดูไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนั้นทำเอาผู้ช่วยของร่างสูงอดไม่ได้ที่จะท้วงติง





                    สายตาคมตวัดกลับมองเจ้าของเสียงทุ้มข้างกายอย่างไม่พอใจ แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ลู่หานเอ่ยไม่ถูกไม่ควรแต่อี้ฟานก็ไม่พอใจที่เพื่อนสนิทของเขาติติงร่างเล็กเช่นนี้





                    “ขอประทานอภัยขอรับนายท่าน” จงอินเอ่ยทันทีที่ได้รับสายตาเฉียบนั้นอย่างรู้ตัว แต่สิ่งที่ลู่หานกระทำลงไปมันไม่เหมาะสมจริงๆ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะต้องเห็นอี้ฟานถูกมนุษย์ธรรมดาๆคนนึงดูหมิ่น





                    “ขอโทษฮะ..คุณจงอิน...ขอโทษฮะ...อี้ฟาน” กว่าจะรู้ตัวลู่หานก็เห็นทีท่าหวาดหวันของจงอินเสียจนเจ้าตัวรู้สึกผิด หากมาคิดๆดูแล้วเขาเอ่ยคำพูดไม่ดีออกไปจริงๆทั้งที่ควรจะให้ความเคารพเจ้าของที่นี่ให้มากแต่ลู่หานกลับพูดจาพร่อยๆเช่นนั้นออกไปเสียได้





                    ไม่ได้อยากจะทำให้จงอินถูกว่าและไม่ได้อยากจะทำให้บรรยากาศแปลกๆเช่นนี้เข้ามาปกคลุม แต่ลู่หานเองยังคงมีความเป็นเด็กอยู่เยอะเสียจนไม่อาจยั้งปาก นิสัยเดิมๆที่ติดตัวมาของคนตัวเล็กมาแต่ไหนแต่ไร ทำให้เขากลายเป็นเด็กไม่รู้จักกาลเทสะไปเสียแล้วในเวลานี้





                    “งั้นเราไปรอเจ้าที่ห้องสมุด...เราจะไปอ่านหนังสือสักหน่อย เจ้าเองจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลหรืออึดอัด เสร็จแล้วตามไปที่ห้องนั้นแล้วกัน” อี้ฟานเอ่ยบอกเพื่อจะได้ปล่อยให้ร่างเล็กได้ผ่อนคลายลงไปบ้าง การได้อยู่กับครอบครัว แบบไม่ต้องถูกจับตาคงดีไม่น้อยสำหรับเด็กที่พึ่งถูกพลากออกมาจากครอบครัวของเขาเช่นลู่หาน การที่ให้เด็กน้อยได้กลับไปทำใจและพูดคุยกับคนใกล้ชิดอาจจะทำให้รอยยิ้มที่เคยมีของร่างบางกลับคืนมาก็เป็นได้





    ...................................................................................


     

    คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อปลายปากกาเคมีขีดเขียงลงบนไวท์บอร์ดขนาดใหญ่ด้านหน้าของห้องเรียนสโรปของมหาวิทยาลัยชื่อดังในเกาหลี ร่างสูงพยายามมองหาลูกศิษย์ตัวเล็กที่หมายตาเอาไว้เสียตั้งแต่เขาเข้ามายังห้องนี้แต่กลับไม่พบร่างบางเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเป็นเช่นนี้เข้ายิ่งรู้สึกเป็นห่วงคนตัวเล็กขึ้นมากลายๆ





                    เสียงประตูบานเล็กด้านหน้าตัวห้องเปิดออกขัดจังหวะของการสอนของชายหนุ่ม พร้อมใบหน้าคมคายที่เอี้ยงลงมองนักเรียนที่ข้าคลาสเรียนสายอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก




                    ...แบคฮยอน...





                    ว่าจะติติงเสียหน่อยเรื่องเข้าคลาสเรียนสายแต่เมื่อหันไปพบว่าเป็นใครชายหนุ่มกลับไม่อาจเอ่ยคำด่าว่าออกไปได้เลยแม้แต่น้อย รอยยิ้มที่ถูกเก็บเอาไว้ค่อยๆแต่งแต้มออกมาที่มุมของริมฝีปากด้วยหัวใจที่พองโต อย่างน้อยก็ได้พบกันแม้จะสายไปเสียหน่อยก็ตามที





                    คลาสเรียนที่ดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็วจบลงพร้อมๆกับนักเรียนนับร้อยที่เริ่มทยอยกันออกจากห้องนั้น ชานยอลค่อยๆเก็บข้าวของของตนเองลงกระเป๋าหนังใบหรูก่อนจะเอ่ยเรียกนักเรียนตัวการที่ทำให้จิตใจของเขาหงุดหงิดเมื่อต้นคาบเรียน




                    “คุณบยอนครับรบกวนไปพบผมที่ห้องพักอาจารย์ด้วยครับ” เสียงเข้มๆเค้นออกมาเอ่ยเรียกแบคฮยอนอย่างมีฟอร์ม แม้จะไม่ได้อยากดุคนตัวเล็กแต่ก็อดไม่ได้ที่จะอยากพบกับอีกคนในที่เล็กๆ เพราะเมื่อคืนร่างบางอุตส่าห์ยอมเสียเวลาไปงานวันเกิดน้องชายคนเดียวของเขาด้วยกันแม้จะไม่ได้เจอตัวเจ้าของงานก็ตามที





                    “ฮะ..” เสียงตอบกลับอย่างสะภาพพร้อมโค้งหัวเล็กๆของร่างบาง เป็นอันว่าแบคฮยอนพอจะรู้ชะตากรรมอยู่แล้วว่าหากไปแล้วจะต้องเจออะไรบ้าง





                    ...โดนดุเรื่องมาสายชัว...



    ........................................................................................
    อัพแล้วว ;___; จะอัพอีกก อยากได้คอมเม้นนน
    รักคนเม้นทุกคนเบยยยย จ๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×