คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Can u ? - Ep.12
แบคฮยอนค่อยๆประครองซองเงินที่พี่ชายมอบให้อย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดมากนัก ปึกหนาขนาดนี้คาดว่าคงมีเงินอยู่มากโขแต่พี่ชายไปเอาเงินมากถึงเพียงนี้มาจากที่ใด ทั้งๆที่ค่าจ้างประจำเดือนพึ่งออกและหากจะเดาว่าได้ทิปจากลูกค้ามันคงมากไปสำหรับพนักงานเสิร์ฟที่ไม่ได้รับงานไม่ดีอย่างพี่เซฮุน
...แต่ถ้ารับงานไม่ดีเงินเท่านี้ก็ไม่ใช่ปัญหา...
วูบหนึ่งในสมองของน้องชายที่กำลังสงสัยจู่ๆก็แว่วความรู้สึกในแง่ร้ายออกมาอย่างห้ามไม่ได้ สมองของคนตัวเล็กกำลังครุ่นคิดอย่างรั้งเอาไว้ไม่อยู่ หากพี่ชายเลือกที่จะขายตัวเพื่อแลกเงินให้เขาได้เรียนที่มหาวิทยาลัยแพงๆล่ะ? แบคฮยอนนายกำลังเป็นภาระของพี่นะ เจ้าเด็กโง่!!!
“ฮยอง...ฮยองไม่ได้ขายตัวแลกมันมาใช่ไหม?” เสียงอ่อยๆของน้องเล็กเอ่ยถามออกมาด้วยความรู้สึกหวาดกลัว กลัวว่าหากพี่เซฮุนเลือกที่จะทำเช่นนั้นเขาจะทำมันเรื่อยๆไป จนตัวเขาเองกลายเป็นคนไร้ค่าขึ้นมา การขายร่างกายเพื่อแลกเงินไม่ใช่เรื่องที่ดี แม้พี่เซฮุนจะโตกว่าเขาหลายปีแต่มันก็ใช่เรื่องที่พี่ชายจะมาทำเช่นนั้นเพื่อตนเอง
“หืม???...” คำถามของร่างเล็กทำเอาผู้เป็นพี่ถึงกลับลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยความตกใจ เขาไม่เคยคิดจะทำเช่นนั้นและไม่มีวันทำมัน
“ทำไมถึงถามแบบนี้แบคฮยอน” เสียงหวานที่เคยได้ยินถูกเค้นออกมาด้วยความรู้สึกไม่พอใจ แน่นอนเขาไม่ได้หาเงินได้มากมายในทุกๆวันแต่เพราะเมื่อคืนมีคนให้จ้างให้เขากลับบ้านโดยแลกกับการดื่มไวน์เพียงสองแก้ว พร้อมเงินค่าจ้างในซองนั่น และเขาจำได้ทุกอย่างและไม่น่ามีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้น
“เงินพวกนี้มันมากเกินไปหรือเปล่าฮะ?..ฮยองไปเอามาจากไหน???” แบคฮยอนถามกลับในขณะที่มือเล็กล้วงเข้าเปิดซองในมือ เพื่อตรวจดูจำนวนเงินปึกหน้าที่สอดเอาไว้ภายใน
“ลูกค้าให้มาเป็นค่าจ้างในการดื่มไวน์” เซฮุนปิดเปลือกตาลงนิดหน่อยก่อนตอบ ราวกับต้องการไล่ความมึนงงให้หัวออกไปให้หมดสิ้น ร่างเล็กพยายามลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดอีกครั้งแต่เขาก็จำได้ว่าความทรงจำสุดท้ายที่เจ้าตัวนึกได้คือความรู้สึกที่ของเหลวสีอัมพันถูกกลืนลงสู่ลำคอ
“พี่ไม่ได้นอนกับเค้านะ...ลูกค้าคนนั้น” น้องเล็กถามกลับอย่างตรงจุดเล่นเอาเซฮุน เบิกตาขึ้นกว้างไม่คิดว่าน้องชายคนเดียวจะถามเช่นนี้ ทั้งๆที่เจ้าตัวบอกความจริงไปเสียจนหมดสิ้นแล้ว
“ไม่ได้นอน...ฮยองกลับมานอนที่นี่...ไม่ต้องเป็นห่วงฮยองไม่มีทางทำงานแบบนั้นแน่นอน นายเองก็รู้เงินที่หามาให้ต่อให้ยากลำบากแค่ไหนฮยองก็ไม่เคย ลดศักดิ์ศรีตัวเองเพื่อแลกมาหรอกแบคฮยอน” ร่างเล็กเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจแม้จะลังเลอยู่ไม่น้อยก็ตามที แต่หากมีการล่วงเกินดังที่แบคฮยอนว่าเขาจะต้องมีอาการบางอย่างมากกว่านี้เป็นแน่และตอนนี้เขาแค่รู้สึกว่าร่างกายเหมือนคนเมาค้างก็เท่านั้น
ร่างเล็กของแบคฮยอนรีบโผเข้ากอดผู้เป็นพี่เอาไว้อย่างห่วงใย แบคฮยอนรู้ดีว่าตนเองเป็นภาระของเซฮุนแต่เพราะเมื่อใดก็ตามที่แบคฮยอนเอ่ยปากขอทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน พี่ชายร่างเล็กก็เอาแต่บอกว่าไม่จำเป็นเพราะเป็นหน้าที่ของคนที่จะต้องดูแลมากกว่า
“แบคฮยอนขอโทษที่เป็นภาระนะฮะ” เสียงอ้อนๆของเด็กน้อยเอ่ยบอกอย่างสำนึกผิด คำขอโทษของน้องชายเป็นดั่งแรงกำลังให้คนเป็นพี่ได้เพียรพยายามให้มากยิ่งขึ้น วงแขนขาวกระชับกอดเอวของพี่ชายบนเตียงเล็กๆเอาไว้อย่างแนบแน่น พี่เซฮุนดูแลแบคฮยอนเป็นอย่างดีเสมอมาจนน้องชายคนนี้ไม่รู้จะตอบแทนได้อย่างไรดี
“เด็กน้อย...ใครกันที่เป็นภาระนายเองก็ต้องดูแลพี่เหมือนกันเจ้าตัวแสบ ไปเรียนเถอะอย่าคิดมากเลย ฮยองทำทุกอย่างเพื่อนายนะเด็กดีของฮยอง” ฝ่ามือขาวเนียนค่อยๆลูบลงบนไรผมสีน้ำตาลอ่อนของน้องชายอย่างแผ่วเบา แบคฮยอนเจ้าเด็กโง่ เด็กที่เอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นความลำบาก เซฮุนไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นเลยสักครั้ง เพราะเชื่อว่าตลอดมาแบคฮยอนเป็นน้องชายที่พระเจ้าประทานมาให้แก่ครอบครัวข
ริมฝีปากสวยค่อยๆกดลงมอบจุมพิตที่ขมับบางของแบคฮยอน การได้มอบความรักความห่วงใยแทนพ่อและแม่คงเป็นอีกความชื่นใจหนึ่งของคนเป็นพี่และเซฮุนรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำเช่นนี้
“ไม่โทษตัวเองนะฮยองรักนายที่สุดเด็กดีของฮยอง” เสียงหวานๆพร้อมอ้อมกอดที่คอยตระกองกอดน้องเล็กเอาไว้ตั้งแต่ยังเยาว์วัย ถูกส่งมอบให้อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย แบคฮยอนเข้มแข็งไม่แพ้พี่ชายแต่ก็ยังเด็กกว่าจะต้องพบเจอโลกกว้างที่แสนโหดร้าย
“งั้นแบคฮยอนไปเรียนนะฮะ...ฮยองต้องห้ามไปทำงานนะ นี่คือคำสั่งของแบคฮยอน” เด็กน้อยบอกสั่งอย่างเอาแต่ใจในอ้อมกอดของพี่ชาย ใบหน้าหวานๆ เอี้ยงขึ้นหอมพวงแก้มนุ่มๆอย่างออดอ้อมทิ้งท้ายก่อนจะค่อยๆผละออกอย่างเชื่องช้า
“ถ้าฮยองดื้อนะแบคฮยอนจะตี~~~” ยกนิ้วขึ้นขู่อย่างน่ารักก่อนจะพลิกตัวมุงหน้าไปยังประตูทางออกของห้อง ร่างเล็กหันกลับมามองผู้เป็นพี่ที่อยู่บนเตียงพร้อมยกมือขึ้นโบกลา
“ไปนะ...ฮยอง~ บ๊ายบาย...”
“บาย...” เซฮุนกล่าวตอบพร้อมยกมือขึ้นโบกบ้าง ริมฝีปากสวยเผยรอยยิ้มบางๆออกมาอย่างรู้สึกยินดี น้องชายคนเดียวที่หอบเอาความสุขมาให้ทุกครั้งที่รู้สึกหดหู่ ขอบคุณโลกใบนี้ที่สร้างแบคฮยอนขึ้นมาอยู่กับเขา
...........................................................................
ร่างเล็กบนเตียงกว้างค่อยๆก้าวลงจากเตียงหลังจากที่พักผ่อนเสียจนอาการปวดหัวบรรเทาลงมากเสียจนเป็นปกติ ฝ่ามือเนียนยกขึ้นแตะพวงแก้มเรืออย่างแผ่วเบาราวกับต้องการตรวจวัดอุณหภูมิของกายที่กำลังเพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้นมาทีละน้อย ลู่หานไม่อาจหนีออกไปจากที่นี่กลับไปยังบ้านของตนเองได้เพราะคนตัวเล็กไม่กล้าฝืนคำสั่ง หรือต่อให้หนีออกไปอย่างไรเสียร่างบางก็จะต้องถูกลากกลับมายังที่แห่งนี้อีก เพราะฉะนั้นเพียงแค่ทำตามสิ่งที่อี้ฟานต้องการแล้วเมื่อสำเร็จลู่หานก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตเช่นเดิม
ฝ่าเท้าสวยค่อยๆก้าวลัดเลาะตามพื้นหินเย็นเฉียบอย่างเชื่องช้า ก่อนจะหยุดเคลื่อนกายลงบริเวณบานหน้าต่างใหญ่ที่ถูกเปิดออกให้เห็นวิวทิวทัศน์ของบริเวณโดยรอบ
บ้านหลังเล็กๆที่ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก พร้อมทั้งสวนดอกไม้นานาชนิดที่ปลูกเรียงรายเอาไว้โดยรอบ ลู่หานเติบโตมาที่บ้านหลังเล็กนั่น แต่ต้องมาทำหน้าที่ยังที่แห่งนี้ทั้งๆที่อยู่ใกล้กันเพียงนิด แต่ร่างเล็กกลับไม่อาจไปยังที่แห่งนั้นได้เลย
“คิดถึงแม่...คิดถึงพ่อ...คิดถึงพี่ชานยอล” เสียงเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา เบาบางเสียจนสัมผัสได้ถึงความเปล่าเปลี่ยวแล้วว้าเหว่ ดวงตากลมโตที่เคยฉายแววสดใสค่อยๆถูกกลื่นเข้าด้วยความโศกเศร้า แม้จะแสร้งทำเป็นอยู่ไหวแต่หัวใจกลับคิดถึงคนที่บ้านมากจนไม่อาจกักเก็บความเสียใจ
...ไม่อยากอยู่ที่นี่...
เพียงนึกขึ้นมาน้ำตาก็ไม่อาจจะถูกกั้นเก็บเอาไว้ได้อีก หยาดน้ำใสถูกขับออกมาจากดวงตาคู่หวานโดยไม่อาจห้ามมันเอาไว้ได้ กายเล็กที่กำลังทอดมองออกไปด้วยความรู้สึกหดหู่ยกมือเล็กถึงปกปิดรอยน้ำตาที่ดวงตาคู่งามนั้นเพียงเพราะไม่อยากให้ใครสักคนมองเห็นตนเองในสภาพเช่นนี้
“เจ้าเป็นอะไรไป?” ย้ำเสียงเรียบเฉยดังออกมาจากด้านหลังของร่างเล็ก ทำเอาลู่หานสะดุ้งอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างบางรีบยกข้อมือขึ้นซับรอยน้ำตาอย่างรวดเร็ว เพียงเพราะเจ้าตัวไม่ต้องการให้ผู้มาเยือนได้เห็นหยาดน้ำใสๆที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่หวาน
“ป...เปล่าฮะ” น้ำเสียงสั่นเทาเอ่ยตอบกลับอย่างอึกอัก คำตอบที่เจื่อไปด้วยความขุ่นมัวจากการร้องไห้ ทำเอาร่างสูงสัมผัสได้อย่างไม่ต้องสงสัย
“เจ้าร้องไห้?...ใครทำให้เจ้าเสียใจงั้นหรือ...” ฝ่ามือกว้างเอื้อมเข้าไปตะลงยังหัวไหล่เล็กอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆออกแรงรั้งกายขาวให้หันกลับมาหาเจ้าตัว ดวงตาที่เคยขึงขันหลุบต่ำลงพินิจร่างเล็กตรงหน้าอย่างห่วงใย ก่อนจะลดปลายนิ้วเรียวยาวลงสัมผัสปลายคางมนขึ้นสบสายตา
ดวงตากลมโตที่เคยสดใสบัดนี้กลับเรื่อเอาไว้ด้วยร่องรอยแห่งหยาดน้ำตา เพียงจ้องมองหัวใจที่เคยเย็นชาของชายหนุ่มกลับอ่อนไหวลงอย่างแปลกประหลาด
“เราทำอะไรให้ไม่พอใจ...หรือครั้งก่อนเราดุเจ้า เจ้าจึงร้องไห้เช่นนี้” น้ำเสียงเอื้อยเอ่ยผิดกับความเย็นของร่างเล็ก แววตาสีเทาที่เคยเต็มไปดวงความเย็นชาและน่ากลัวกลับเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ไม่ว่าดวงตาของคนตรงหน้าจะเปลี่ยนสีไปอย่างไรหัวใจของร่างเล็กก็เต้นแรงเหมือนเดิมทุกๆครั้ง
คนตัวเล็กส่ายหน้าปฏิเสธโดยไม่ยอมฝืนตนเองออกจากสัมผัสของชายหนุ่ม แม้กายของร่างสูงจะเย็นเสียจนรู้สึกเหน็บหนาว แต่ลู่หานกลับถูกสายตาตรงหน้าโอบกอดเสียจนอบอุ่นไปทั้งกาย
“โปรดบอกเรา...” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยวิงวอนออกมาอย่างไม่อาจทำอะไรได้ เพียงเห็นร่างตรงหน้าโศกเศร้า อี้ฟานก็แทบไม่อาจควบคุมตนเองเอาไว้ได้
เพียงถูกไตร่ถามอย่างห่วงใยลู่หานก็รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาแปลกๆ วงแขนเรียวสวมเข้ากอดชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่ลังเล ทั้งๆที่พึ่งพบเจอกันแต่คนตัวเล็กกลับกล้าที่จะเข้าใกล้เข้าโดยไม่รู้สึกหวาดกลัว
ไม่มีเสียงตอบรับมีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆที่ดังออกมาจากอกแกร่ง อี้ฟานไม่อยากเห็นลู่หานร้องไห้ และช่างโชคดีที่เขาเข้ามาที่นี่อีกครั้งหลังจากที่คิดว่าคนตัวเล็กจะต้องตื่นจากการพักผ่อน และเขาก็พบอีกคนกำลังร้องไห้อยู่บริเวณหน้าต่างของห้องพัก
“เราขอโทษ...ที่ดุเจ้าเมื่อครั้งก่อนเจ้าเกลียดเราแล้วใช่ไหม เราไม่อยากเห็นน้ำตาของเจ้าเลยเสี่ยวลู่” อี้ฟานเอ่ยบอกออกมาด้วยความรู้สึกผิด เห็นคนตัวเล็กร้องไห้เช่นนี้ เขากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย หยดน้ำใสเริ่มไหล่ออกมาเสียจนเปรอะเสื้อผ้าเนื้อดีของชายหนุ่ม ฝ่ามือหนาสัมผัสไล้ลงเบาๆที่ไรผมสีอ่อนของร่างเล็กอย่างทนุถนอม
“ฮึก...ไม่ได้เกลียดอี้ฟานนะ....” ลู่หานเอ่ยออกมาขณะที่ใบหน้าสวยยังคงกดอยู่กับเสื้อผ้าราคาแพงของชายหนุ่ม น้ำตายังคงไม่มีทีท่าจะหยุดไหล ลู่หานกำลังคิดถึงครอบครัว คิดถึงบ้านหลังเล้กๆของตนเองต่างหาก
“งั้นบอกเราสิเจ้าเป็นอะไร...” ชายหนุ่มถามอย่างใจเย็น พลางลูบแผ่นหลังเล็กไปมา บางครั้งก็อยากรับรู้ความต้องการของคนตัวเล็กบ้าง ยามที่ชายหนุ่มเห็นลู่หานเป็นเช่นนี้หัวใจของเขาเองก็รู้สึกไม่ดี
“คิดถึงบ้าน...ฮึก...” ร่างเล็กตอบน้ำเสียงสั่นเครือ คนตัวเล็กคิดถึงบ้านของเจ้าตัว ทั้งๆที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักแต่ลู่หานกลับอยากไปพบเจอคนที่นั่นเช่นทุกวันที่ผ่านมา
“หยุดร้องไห้สิ...เราจะให้เจ้าพบพวกเขา” รอยยิ้มบางๆของชายหนุ่มเผยออกมาผ่านใบหน้าที่เคยเอาแต่นิ่งเฉย อี้ฟานกำลังมอบรอยยิ้มให้แก่คนตัวเล็กเพื่อปลอบประโลมอีกคนให้หยุดความเสียใจของเจ้าตัว
“จ...จริงเหรอฮะ” ใบหน้าหวานค่อยขยับเงยขึ้นสบสายตาถามร่างสูงกว่าตรงหน้า แค่ได้ยินคำบอกของชายหนุ่มลู่หานก็หยุดร้องไห้ลงไปได้ง่ายๆ ทั้งๆที่เมื่อครู่ยังเอาแต่งอแงฟูมฟายอยู่เลยแท้ๆ
“ไปอาบน้ำซะ...เราจะรอเจ้าตรงนี้ มื้อเย็นเราจะให้ครอบครัวของเจ้าเข้ามาร่วมโต๊ะที่ห้องโถง” ตอบกลับก่อนจะค่อยๆใช้ปลายนิ้วเรียวยาวปาดรอยน้ำตาที่แก้มขาวของร่างเล็กอย่างแผ่วเบา ลู่หานน่าทนุถนอมเสียเหลือเกิน ยิ่งเห็นเช่นนี้เขาก็ยิ่งไม่อยากปล่อยให้อีกคนไปไกลตา
ลู่หานพยักหน้าตอบกลับอย่างไม่ต้องสงสัย ข้อเสนอของชายหนุ่มทำให้คนตัวเล็กรีบผละออกจากตัวเขาอย่างไม่รีรอ รอยยิ้มหวานๆเผยออกมาที่พวงแก้มเรื่อทันทีที่ตัวเขาได้ยินคำอนุญาตของชายหนุ่ม แน่นอนลู่หานดีใจเป็นที่สุดที่อี้ฟานเอ่ยเช่นนี้ และนี่คงเป็นอีกความหวังเล็กๆของร่างบางว่าเขาจะสามารถได้พบครอบครัว โดยที่ไม่ต้องถูกแยกเอาไว้ที่นี่เพียงลำพัง
.....................................................
แงอัพแล้ววว หลังจากจะอัพตั้งแต่เมื่อวาน ;_____;
มีใครรออี้ฟานไหมคะ???? ฮือออออ เม้นเร็ววววว จุ๊บบบบบบบบบบบบบ
ความคิดเห็น