ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] Can u ? KrisHan,KaiHun,ChanBaek

    ลำดับตอนที่ #11 : Can u ? - Ep.10

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 56


    ร่างสูงเผยรอยยิ้มออกมาบางๆที่มุมปาก เมื่อได้ยินเด็กน้อยตรงหน้าเอื้อยเอ่ยชื่อของตนเองอย่างว่าง่าย ร่างกายของลู่หานยังคงแข็งนิ่งดั่งถูกแช่แข็ง ดวงตากลมโตนั้นไม่อาจแม้แต่จะละออกจากใบหน้าคมคายตรงหน้าได้เลยแม้แต่น้อย




                    “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่...ทำไมเราอ่านใจเจ้าไม่ออก” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามราวกับไม่เข้าใจในสิ่ที่เกิดขึ้น อี้ฟานสามารถอ่านใจมนุษย์ทุกคนได้ ไม่ว่าผู้นั้นจะคิดถึงสิ่งใดแต่เค้าไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าร่างเล็กตรงหน้ากำลังรู้สึกอะไรอยู่




                    ...ในโสตแห่งการรับรู้ความรู้สึกมีเพียงความว่างเปล่า...





                    “เรารู้ความรู้สึกของมนุษย์แต่เราไม่รู้ความรู้สึกของเจ้า” ฝ่ามือขาวเรียวเอื้อมขึ้นประครองใบหน้าหวานของร่างตรงหน้าราวกับต้องการค้นหาคำตอบของตนเอง อี้ฟานได้รับความสามารถในการอ่านจิตใจของมนุษย์เขาเคยรู้สึกว่าเขาเป็นผู้กุมความลับของสิ่งมีชีวิต แต่สำหรับลู่หานเขามอาจจะทำมันได้ดั่งเช่นคนอื่นๆ





                    “ทำไมเราดูโง่เขลาเมื่ออยู่ใกล้เจ้า..เสี่ยวลู่” สรรพนามแทนร่างเล็กที่ชายหนุ่มเรียกทำเอาลู่หานถึงกับใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ คนตัวสูงเรียกเขาว่าเสี่ยวลู่...ชื่อนี้แทบไม่มีใครเรียกเขาเลยนอกเสียจากคุณตา แต่มันก็เนิ่นนานมากแล้วตั้งแต่ลู่หานยังคงเป็นเด็กน้อย และครั้งนี้เจ้าตัวกลับได้ยินมันอีกครั้ง จากปากของคนที่ลักพาตัวของเขามากักขัง





                    “คุณ...เอ่อ...อี้ฟาน...ควรจะปล่อยผม...เถอะฮะ” ไม่มีคำตอบรับในคำถามอันเลื่อนลอยให้แก่แวมไพร์หนุ่ม มือนุ่มของลู่หานพยายามจับข้อมือแกร่งเอาไว้เพื่อรั้งมันออกจากแก้มนิ่มของตนเอง ไม่ใช่ไม่อยากให้อีกคนแตะต้องตัว แต่เพราะรู้สึกหนาวกับฝ่ามือเย็นๆนี้เสียจนกายสั่นสะท้านต่างหาก





                    “ทำไม...หรือเราแตะต้องเจ้าไม่ได้งั้นหรือ??” คนตัวโตกว่าเอ่ยถามอย่างสงสัย ไม่ใช่ว่าอยากจะล่วงเกินแต่เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาอี้ฟานทำได้เพียงแค่เฝ้ามองคนตัวเล็กอยู่ไกลๆจากที่แห่งนี้ มันจึงทำให้ชยหนุ่มอยากจะสัมผัสร่างตรงหน้ามากจนเกินควร





                    ...เมื่อเราเฝ้ามองเจ้าจากที่แห่งนี้ เราไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่มันก่อเกิดความรู้สึกแปลกๆ ชาไปเสียทั้งหายเพียงเมื่อเห็นเสี้ยวหน้าที่ลอดผ่านม่านหน้าต่าง รอยยิ้มที่หอบเอาความชุ่มชื้นมายังหัวใจที่เคยเหี่ยวเฉามักช่วยเยียวยาให้ตัวเรามีพลังในการต่อสู้กับคำสาปร้าย จนทุกวันนี้เราเองยังไม่รู้เช่นกันว่าทำไม...





                    คนตัวเล็กส่ายหน้าช้าๆเพื่อเป็นการปฏิเสธ ไม่ใช่ไม่อยากให้อีกคนแตะต้องกายแต่เพราะรู้สึกประหม่าอายเสียจนทำอะไรไม่ถูกต่างหาก





                    “คุณอี้ฟาน...เป็นอะไรบอกผมได้ไหมฮะ” ร่างเล็กเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย เรื่องราวที่เจาตัวได้รับรู้จากจงอิน ยังคงไม่ค่อยชัดเจนนัก ลู่หานยังคงสงสัยอยู่หลายอย่างซึ่งบางครั้งคนตัวเล็กก็รู้สึกว่าไหนๆก็ไม่อาจหนีได้ก็ควรจะรู้เรื่องทุกอย่างเผื่อตัวเองจะได้วางแผนถูก






                    “เรียกเราว่าอี้ฟานเฉยๆสิ...” ชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมมอบรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นให้แก่ร่างตรงหน้า เขาไม่ใช่คนที่ยิ้มบ่อยและนี่อาจจะถือได้ว่าเป็นรอยยิ้มเพียงไม่กี่ครั้งในชีวิตก็อาจจะพูดได้เสียด้วยซ้ำไป





                    “อ...อี้ฟาน....” แววตาคู่สวยเงยขึ้นสบจ้องอีกคนทั้งๆที่ในใจประหม่าอายแทบบ้า ริมฝีปากเรียวเม้มเข้าหากันเล็กน้อยเพื่อปกปิดความเคาะเขินของเจ้าตัว






                    เพียงเห็นเสี้ยวหน้าที่เฝ้ามอง หัวใจกลับรู้สึกอยากโอบกอดคนตัวเล็กตรงหน้าเอาไว้ให้แนบแน่น แต่ดวงตาสั่นระริกกลับบอกเขาว่ากวาดกลัว คนที่จะปลดปล่อยเขาให้พ้นจากความทรมาณเนื่องจากความเป็นนิรันดร์





                    ริมฝีปากแกร่งค่อยๆเลื่อนลงกดจูบที่ริมฝีปากเรียวเล็กอีกครั้งอย่างแผ่วเบา ฝ่ามือเย็นๆของอี้ฟานเอื้อมขึ้นประครอบโครงหน้าได้รูปเอาไว้แนบแน่น ลิ้นหนาค่อยเข้าสู่โพรงปากหวานนั้นอย่างไม่รีรอ รสจูบที่พึ่งลิ้มลองเมื่อครู่เพียงได้แตะต้องก็ไม่อาจจะผละหนี ลู่หานดูผ่อนคลายกว่าครั้งแรกและคนตัวเล็กกำลังพยายามสนองรับริมฝีปากที่แสนชำนาญนั้นอย่างไม่ค่อยช้ำชอง ช่างผิดกับร่างสูงที่เจียนเรื่องพวกนี้มากกว่าหลายขุมจึงทำให้สัมผัสจากริมฝีปากทั้งสองเริ่มร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆจนไม่อาจหยุดเอาไว้ได้





                    “อือ...” เสียงเล็กเล็ดลอดผ่านลำคอสวยของร่างเล็ก เปลือกตาสีมุกปิดแน่นอย่างรู้สึกประหลาด คนตรงหน้าฉกฉวยจูบแรกของเขาไปอีกทั้งยังขโมยริมฝีปากของเขาซ้ำอีกครา ทำแบบนี้จะไม่ให้คนตัวเล็กได้ตั้งตัวหรือถามเรื่องราวเลยหรืออย่างไร





                    ...คนใจร้าย...คนเอาแต่ใจ...





                    เนินนานเนิบช้าก่อนที่ร่างสูงจะผละริมฝีปากออก รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เผยออกมาที่มุมของริมฝีปากแกร่ง ลู่หานที่ได้แต่หอบหายใจดั่งขาดลมทำได้เพียงหลบสายตาของคนตรงหน้าไม่ให้ชายหนุ่มได้จับผิดตนเอง






                    “เราเป็นแวมไพร์...” ก้มตัวลงกระซิบบอกพลางลูบไรผมนุ่มของร่างนั้นอย่างเบามือ แม้จะลังเลอยู่นานกว่าจะกล้าเอ่ยบอกความจริง แต่อี้ฟานก็รู้สึกว่านี่คือทางออกที่ถูกต้องของเขาแล้ว ให้ลู่หานได้รับรู้เพื่อที่อีกคนจะได้คิดได้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้างในวันข้างหน้า






                    “แวมไพร์...” ทวนคำเมื่อครู่อีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตา ร่างเล็กคอยๆถอยห่างจากชายหนุ่มทันทีที่ได้ยินเสียงบอกกล่าวนั้น แวมไพร์คือผู้เป็นอมตะและดำรงค์ชีวิตอยู่ได้ด้วยการดื่มกินเลือดจากมนุษย์และลู่หานก็เป็นเพียงมนุษย์...วันหนึ่งลู่หานอาจจะต้องตกเป็นอาหารของอี้ฟานก็เป็นได้





                    “เสี่ยวลู่...โปรดอย่ากลัวเรา” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเมื่อเห็นทีท่าของร่างเล็ก เพียงเห็นแววตาคู่นั้นที่เคยเปี่ยมด้วยความหวังแปลเปลี่ยนไปเขาก็รู้สึกเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าถูกแท่งด้วยลิ่ม





                    “แต่อี้ฟาน...ไม่ใช่มนุษย์”






                    “เจ้าต้องช่วยเรา...ทำให้ความเป็นนิรันดร์ของแวมไพร์หายไป” น้ำเสียงวิงวอนที่แวนเจ็บปวดเอ่ยร้องขอมนุษย์ตัวน้อยๆที่ถูกกำหนดมาให้ช่วยเหลืออย่างทุกข์ทรมาณ เขาเกลียดการมองเห็นทุกคนรอบกายล้มตายไปเรื่อยๆ และตนเองยังคงมีลมหายใจต่อไปโดยไม่มีการเจ็บป่วย โลกใบนี้ช่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาณ ซึ่งอี้ฟานต้องการไปจากที่แห่งนี้





                    “ใช่...แต่เราจะไม่มีทางทำร้ายเจ้า...เราสัญญา” แวมไพร์หนุ่มเอ่ยบอกด้วยแววตาจริงจัง คำมั่นสัญญาเป็นสิ่งที่แวมไพร์ทั้งหลายต่างยึดถือ หากพูดว่าให้คำมั่นพวกเขาจะไม่มีทางฝ่าฝืน และทุกอย่างที่ชายหนุ่มพยายามกระทำเพียงเพื่อให้คนตัวเล็กช่วยปลดปล่อยตนเองจากความทุกข์ทรมาณ





                    “สัญญานะ...สัญญานะฮะ” คนตัวเล็กถามย้ำอีกครั้งเพื่อขอความมั่นใจ ใบหน้าคมพยักหน้ารับคำอย่างยินดี ก่อนที่ลู่หานจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก





                    ...อย่างน้อยก็ไม่ต้องตกเป็นอาหารของแวมไพร์...





                    “เราสัญญา...”





                    ลู่หานได้ยินดังนั้นก็ยกนิ้วก้อยเรียวเล็กขึ้นตรงหน้าของชายหนุ่ม ใบหน้าของเด็กน้อยยกยิ้มอย่างน่าเอ็นดูก่อนจะพยักหน้าให้อีกคนนำนิ้วของตนเองเข้ามาเกี่ยวกัน





                    “สัญญาแล้วนะฮะ” ถามอีกครั้งอย่างชัดถ้อยชัดคำ พร้อมนิ้วเล็กที่เกี่ยวเข้ากับปลายนิ้วเย็นๆของชายหนุ่ม ลู่หานรู้ปล้วว่าทำไมอี้ฟานจึงตัวเล็ก และแววตาของเขาเย็นชาเช่นนี้นัยด์ตาสีเทาของชายหนุ่มช่างไม่ต่างอะไรกับน้ำแข็งขั้วโลก แต่เมื่อจับจ้องเข้าไปคนตัวเล็กเองก็รู้สึกว่าตนเองถูกสะกดเอาไว้ด้วยสายตาของชายหนุ่ม





                    ความใส่ซื่อของลู่หานกำลังหลอมหัวใจที่เย็นเดียวดายให้รู้สึกอบอุ่น เด็กตัวเล็กๆที่เฝ้ามองไม่คิดเลยว่าจะมีผลต่อจิตใจมาถึงเพียงนี้






                    “เสี่ยวลู่...เจ้าลองหลับตานับ
    1 2 3 แล้วไล่เราในใจได้ไหม?” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยบอกคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างแผ่วเบา เหมือนเจ้าตัวกำลังต้องการทดสอบบางอย่าง




                    “ยังไงนะฮะ?”





                    “หลับตานับ
    1 2 3 แล้วไล่เราในใจเจ้า...ลองสิ” สิ้นคำสั่งของอี้ฟานลู่หานก็ปิดเปลือกตาของตัวเองเบาๆ เริ่มนับตัวเลขตามคำสั่งของชายหนุ่ม หนึ่ง...สอง...สาม...





                    ...ออกไปจากห้องได้แล้วอี้ฟาน...





                    เสียงร่างเล็กดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทของแวมไพร์หนุ่มใบหน้าคมยกยิ้มเล็กๆ ก่อนจะยกมือแกร่งขึ้นลูบผมสีอ่อนของร่างบางอย่างยินดี





                    “ไล่เราออกไปจากห้องเหรอ..เราได้ยินนะเจ้าตัวแสบ” บอกก่อนจะเลื่อนมือลงมาหยิกพวกแก้มยุ้ยของร่างเล็กหยอก เล่นเอาลู่หานต้องมุ่ยหน้าใส่อย่างไม่พอใจ





                    “อะไรล่ะฮะ...ก็อี้ฟานบอกให้ไล่นี่นา ว่าแต่อี้ฟานรู้ได้ไงฮะว่าผมบอกให้อี้ฟานออกไปจากห้อง” ตากลมกระพริบมองร่างสูงอย่างสงสัยในที ก่อนจะขยับใบหน้าสวยเข้ามาใกล้ๆอย่างน่ารัก





                    ชายหนุ่มหัวเราะออกมาลั่นเพราะหน้าตาที่แสนน่าเอ็นดูของลู่หานก่อนจะ ดีดหน้าผากเด็กน้อยตรงหน้าเบาๆเพื่อเป็นการทำโทษ





                    “กล้าไล่เราออกจากห้องที่อยู่ในคฤหาสของเรามันน่านักนะเสี่ยวลู่...”





                    “อ๋า...ก็อี้ฟานเป็นคนบอกให้ไล่นี่นา..” ว่ากลับพร้อมสูดลมเข้าไปเต็มแก้มทั้งสองจนป่องเป็นลูกโป่ง นิ้เรียวยาวของอี้ฟานค่อยๆกดจิ้มลงแก้งคนตัวเล็กก่อนจะเอ่ยบอกทิ้งท้าย





                    “เมื่อใดก็ตามที่เจ้าไม่ต้องการเราเจ้าจงหลับตานับ..
    1 2 3 แล้วบอกให้เราออกไป.. แต่เมื่อใดก็ตามที่เจ้าต้องการเราให้เจ้าหลับตานับ 1 2 3 เช่นกันแล้วเรียกชื่อเรานะ” แวมไพร์หนุ่มอธิบายให้แก่คนตัวเล็กได้รับรู้ แต่เมื่อได้ยินคิ้วเล้กของลู่หานก็ผูกกันเข้าเป็นโบว์ ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการบอก แต่ร่างเล็กก้เลือกที่จะไม่ถามให้ชายหนุ่มต้องเสียเวลา ใบหน้าหวานพยักหน้ารับคำก่อนจะเอ่ย






                    “ฮะ...ทราบแล้วฮะ” ลู่หานตอบกลับเสียงดังฟังชัดราวกับรับคำสั่งจากเจ้านาย






                    “เราไปล่ะ...กินยาซะแล้วนอนพัก อาหารเช้าเราจะให้พ่อบ้านนำมาให้ อย่าดื้อให้มากนักเราไม่อยากดุเจ้าอีก” อี้ฟานเอ่ยทิ้งท้ายด้วยใบหน้าที่เจือไปด้วยความอบอุ่น แม้กายของชายหนุ่มจะเย็นเฉียบ แต่สายตาและรอยยิ้มของเขากลับทำให้ลู่หานรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น คนตัวเล็กพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่ายก่อนที่ชายหนุ่มจะลุกขั้นจากเตียงก้าวเดินออกไปยังด้านนอกของตัวห้อง




    ....................................................................
    งงไหมคะ? พยายามเขียนไมให้งง ;_____;
    กลัวว่าคนอ่านจะงงเหมือนกันว่าเรื่องมันเป็นยังไง
    ถ้างง...บอกหน่อยนะคะ ;___________;
    ขอบคุณค๊าาาาาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×