ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter....4
� � � � � � � � � � � � � � ��
� � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � �Memories of love
Chapter....4
“รู้แล้วๆ กดอยู่ได้!” � � �หญิงสาวตะโกนอย่างหัวเสียก่อนจะกระชากเปิดประตู และไอ้คนที่กดกริ่งกวนประสาทก็กำลังยืนยิ้มแฉ่งยั่วโมโหอยู่ตรงหน้า!
“นายมาทำไมแต่เช้ามิทราบ?!”�
“ฉันแวะเอาโจ๊กมาให้เธอ” �แทคยอนตอบพลางชูถุงโจ๊กให้เจสสิก้าดู �นิชคุณคงใช้มาอีกตามเคยล่ะสิ ! � � เจสสิก้าหลีกทางให้แทคยอนได้เข้ามาในห้องของเธอ หลายๆวันมานี้แทคยอนแวะเอาโจ๊กมาให้เธอในตอนเช้าและอยู่เป็นเพื่อนเธอเป็นบางวัน หากวันไหนที่นิชคุณมาไม่ได้ก็จะส่งเขามาแทนจนเธอชักจะชินกับเขาซะแล้วล่ะ
“ดูท่าเธอจะเพิ่งตื่น” แทคยอนถามขณะที่ง่วนอยู่กับการแกะโจ๊กใส่ถ้วยให้เจสสิก้า�
“ใช่! ที่ฉันตื่นก็เพราะนายนั่นแหละ จะกดอะไรนักหนา คีย์การ์ดก็มี รหัสก็รู้ เปิดเข้าไม่เป็นรึไงกดอยู่ได้น่ารำคาญ!” �เจสสิก้าบ่นอย่างหัวเสีย อีตานี่มาทีไร ต้องกดออดรัวให้เธอตื่นเช้าทุกทีสิน่า
“บ่นอีกล่ะ บ่นๆๆเป็นยัยแก่อยู่ได้”
“นายว่าใครแก่ฮะ!”
“เธอไง บ่นเหมือนคนแก่”
“เดี๋ยวเหอะ!!” เจสสิก้าปาหมอนอิงใส่แทคยอนจนเขาต้องเอี้ยวตัวหลบ ก่อนที่เธอจะชี้หน้าเขาอย่างคาดโทษ นับวันหมอนี่
ชักจะกวนปะสาทเธอมากเกินไปแล้ว
“เธอนี่มันชอบใช้ความรุนแรงจริงๆเลย มีแรงทำร้ายฉันได้ขนาดนี้หายไข้แล้วล่ะมั้ง” แทคยอนแซวยิ้มๆพลางวางถ้วยโจ๊กลงตรงหน้าหญิงสาว เจสสิก้าเงยหน้าขึ้นมองแทคยอนตาเขียว ก็ถ้าหมอนี่ไม่กวนประสาทเธอก่อน เธอก็คงไม่ต้องทำร้ายร่างกายเขาอยู่บ่อยๆหรอกเพราะฉะนั้นหมอนี่ผิดเต็มๆ!!
“แล้วใครบอกนายว่าฉันยังไม่หายล่ะฮะ! ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นซะหน่อย!!!” �
“พูดมากจริงเลยเธอนี่ รีบๆกินเข้าไปเลยไป”
“นายก็เลิกบ่นซะทีสิ บ่นเป็นคนแก่อยู่นั่นมันน่ารำคาญ”
“ฉันบ่นให้เธอตอนไหนเนี่ย? �- - ”
“ตอนที่นายบ่นนั่นแหละ อีตาแทคจอมบ่น!” �
“ธะ โอ้ย!!.” �ยังไม่ทันที่แทคยอนจะได้พูดอะไร เจสสิก้าก็อาศัยจังหวะที่เขาอ้าปากจะเถียงตักโจ๊กใส่ปากแทคยอนจนเขาร้องเสียงหลง เพราะโจ๊กที่ยัยโหดตักใส่ปากเขามันร้อนจนลวกปากเขาไปหมด!
“อร่อยมั้ย?^^” เจสสิก้าถามยิ้มๆยักคิ้วให้เขาอย่างกวนๆ
“อร่อยกะผีสิ ยัยโหด!!” �อยากจะบีบคอยัยโหดนี่ให้แหลกคามือนัก แกล้งเขาจนปากแทบพองแล้วยังจะมีหน้ามายิ้มระรื่นอีก!
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิไม่น่ารักเอาซะเลย^^” �เจสสสิก้าดึงแก้มแทคยอน ยิ้มหวานให้อย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะตักโจ๊กเข้าปากอย่างอารมณ์ดี ค่อยยังชั่วได้แกล้งหมอนี่แล้วมันค่อยตื่นเต็มตาหน่อย^^
� � � �แทคยอนมองเจสสิก้าที่กำลังกินโจ๊กอยู่อย่างอารมณ์ดี หลายๆวันมานี้เขามาขลุกอยู่กับผู้หญิงคนนี้ซะจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันในตอนเช้าๆของเขาไปซะแล้ว ตอนแรกต้องมาเพราะนิชคุณขอให้มาแต่ช่วงหลังๆมานี้เขามาเองทั้งนั้น ไม่รู้สิเวลาที่เขาเห็นยัยโหดนี่เปิดประตูให้เขาด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเขากลับเห็นว่า � ยัยนี่กำลังยิ้มอยุ่ซะงั้น �- - �เวลาที่เขาได้มองเธอกินข้าว โมโหหรือแม้กระทั่งด่าเขา เขากลับมีความสุขที่ได้มองเธอในเวลาแบบนี้ บางครั้งทั้งๆที่ยัยโหดนี่กำลังด่าเขาอยู่แท้ๆเขากลับยิ้มออกมา เหมือนอย่างตอนนี้แหละ
“ยิ้มอะไรของนาย!” �เจสสิก้าแหว ดึงเอาสติของแทคยอนที่กำลังหลุดลอยกลับมา นั่นสิ เขายิ้มทำไมกัน!
“ฉันจะยิ้มบ้างไม่ได้รึไง ใครจะไปอารมณ์เสียได้ตลอดเวลาอย่างเธอกันล่ะ?”
“ว่าฉันเหรอฮะ!!” �เจสสิก้าคว้าหมอนอิงที่วางอยู่ข้างๆตัวเองขึ้นมา เล็งมันไปทางที่แทคยอนที่กำลังนั่งอยุ่จนเขาต้องยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดกันไว้ �อยู่กับยัยโหดนี่ทีไรทะเลาะกันได้ทุกทีสิน่า
“รีบๆกินไปเลยไป เสร็จแล้วจะได้ออกไปข้างนอกกัน - - ”
“จะไปไหน ฉันไม่ไปหรอก!”
“ ไปเดินเล่น ไม่ไปก็ต้องไป เธอน่ะต้องหัดออกกำลังกายบ้างรู้มั้ย ร่างกายจะได้แข็งแรงไม่เป็นหวัดง่ายขนาดนี้”
“อืมๆ ไปก็ไปเลิกบ่นได้ล่ะ ฉันกินข้าวไม่อร่อย”
“เธอหนาวเหรอ?” �เดินเงียบๆไปได้สักพักแทคยอนก็เอ่ยถามเธอเมื่อเห็นว่าคนที่เดินอยู่ข้างๆเริ่มห่อตัวเพราะอากาศในยามเช้าที่ค่อนข้างจะเย็นพอสมควร � เจสสิก้าเงยหน้าขึ้นมองแทคยอนก่อนจะพยักหน้า ก่อนที่ � แทคยอนจะจับมือของเธอไปซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทของเขา�
“มันคงช่วยได้บ้าง” �แทคยอนหันมาบอกเจสสิก้าพลางยิ้มกว้าง ทำให้สายตาของแทคยอนและเจสสิก้าประสานกันก่อนที่ต่างคนจะเบือนหน้าหนีไปคนละทางเพราะอัตราการเต้นของหัวใจที่เต้นแรงขึ้นจนน่ากลัวและมือที่จับกันอยุ่ในกระเป๋าเสื้อโค้ทของแทคยอนก็ยิ่งทำให้มันยิ่งเต้นแรงเข้าไปใหญ่ >////<
�“นายมาเดินแบบนี้บ่อยเหรอ?” เจสสิก้าถามไม่ยอมหันหน้ามามองแทคยอน
“ก็ไม่บ่อยหรอก นานๆครั้งเธอก็รู้นี่นา พวกเรามีเวลาไม่มาก” เขาตอบไม่ยอมหันมามองเธอเช่นกัน
“อืม นั่นสิ” �เจสสิก้าพยักหน้าเห็นด้วย คนแบบพวกเธอไม่ค่อยมีเวลา แถมจะไปไหนมาไหนทีก็ลำบาก
“แล้วเธอล่ะ นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เดินแบบนี้”
“ถ้าจำไม่ผิด ก็ 5 ปีมาแล้วมั้ง ตั้งแต่ฉันเดบิวต์ นายล่ะ?”
“ก็ฉันชอบมาที่นี่ทุกครั้งที่ฉันมีเรื่องไม่สบายใจ” �แทคยอนตอบก่อนจะหยุดเดินทอดสายตามองแม่น้ำฮันที่กำลังไหลเอื่อย
“เพราะที่นี่มันสงบ มันทำให้ฉันคิดอะไรได้หลายๆอย่าง”�
“นั่นสิ เวลาที่ฉันเจอนายทีไร ฉันเห็นนายชอบนั่งเหม่อแทบจะทุกครั้ง ตอนนั้นนายกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?” �เจสสิก้ามองหน้าแทคยอนอย่างแปลกใจ แทคยอนก้มลงมองเจสสิก้าที่ยืนอยู่ข้างๆพลางยิ้มกว้าง ไม่ตอบอะไรแต่กลับถามคำถามอื่นแทน
“ทำไมเธอถึงอยากเป็นนักร้องเหรอ?” �
“ความฝันล่ะมั้ง ฉันชอบร้องเพลง แล้วนายล่ะ?”
“ที่จริงแล้วฉันไม่ได้อยากเป็นนักร้องหรอก ไม่ชอบร้องเพลงเอาซะเลยแต่เพราะบางคนทำให้ฉันต้องกลับมาที่นี่ มายืนอยู่ในที่ที่ฉันไม่ต้องการ” �คำตอบของคนข้างๆทำเอาคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ ไม่ชอบร้องเพลงแต่ต้องเป็นนักร้องเพราะใครบางคนอย่างนั้นเหรอ?�
“นายกำลังเดินตามฝันของใครงั้นเหรอแทคยอน?” �เจสสิก้าเอ่ยถามเสียงแผ่ว จู่ๆก็รู้สึกเจ็บที่หัวใจ ถ้าใครบางคนมีอิทธิพลให้นายทำในสิ่งที่ไม่ชอบได้ดีขนาดนี้เค้าคนนั้นก็คงสำคัญกับนายมากสินะ�
“อืมม �มันน่าตลกนะเธอว่ามั้ย? ใครคนนึงที่ทำให้เราต้องเจ็บปวดแต่เรากลับไม่เคยลืมเค้าแม้แต่วินาทีเดียว ” � � � เจสสิก้า
สังเกตเห็นความเจ็บปวดในสายตาของแทคยอนแม้กระทั่งความเจ็บปวดในน้ำเสียงของเขายามที่พูดถึงใครคนนั้น �เงาของใครสักคนที่ซ้อนทับอยู่ในดวงตาคู่สวยคู่นั้น เงาที่ทำให้เธอเจ็บที่หัวใจได้อย่างแปลกประหลาดยามที่แทคยอนพูดถึง เธอกำลังรู้สึกอะไรอยู่นะเจสสิก้า ? .
“ใครคนนั้นที่นายพูดถึงคือ แฟนเก่าของนายใช่มั้ย?” �คำถามที่ฟังดูง่ายๆแต่แต่ละคำที่เธอพูดออกไปมันช่างยากเย็นซะเหลือเกิน ในใจก็ได้แต่ภาวนาว่าอยากให้ตัวเองเข้าใจผิดทั้งๆที่ไม่รู้ว่าทำไม
“มันก็เป็นเพียงแค่อดีต ฉันควรจะเดินหน้าต่อไปไม่ใช่เหรอ? ขอบใจนะที่ทำให้ฉันคิดได้^^ �” �แทคยอนหันมายิ้มให้เจสสิก้า หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นอย่างงงๆ หมอนี่กำลังพูดอะไรของเค้ากันแน่ จะพูดให้เธอเข้าใจง่ายๆหน่อยไม่ได้รึไงกัน - -
“อ้อ คงงั้นมั้ง ”
“เธอว่ามันจะเป็นยังไงถ้าสมมุติว่าเราสองคนจะเดทกัน? ” แทคยอนหันมาถามเจสสิก้า มือเรียวที่กำลังโยนหินลงแม่น้ำชะงัก หันมามองแทคยอนอย่างตกใจ
“เมื่อกี้นายพูดอะไรนะ!!! นายขอฉันเดทงั้นเหรอ?!!” เจสสิก้าตะโกนอย่างตกใจ จนแทคยอนต้องใช้มือปิดปากเธอเพราะตอนนี้เริ่มมีคนที่นี่บ้างแล้ว
“เธอจะตะโกนทำไมกันเล่า!”
“ก็ฉันตกใจนี่”
“หายตกใจรึยังล่ะ? ถ้าหายแล้วก็ตอบมาซะทีสิ ฉันรอฟังอยู่”
“อืมมมม �ฉันควรตอบว่าไงดีนะ” เจสสิก้าลากเสียงยาวพลางทำท่าหลับตาอย่างครุ่นคิด�
“จะอะไรก็ตอบมาเถอะน่า ” �แทคยอนเร่ง รู้สึกโหวงๆแปลกๆ จะเป็นยังไงถ้าเธอปฏิเสธก็ที่ผ่านมาเจสสิก้าก็ไม่เคยแสดงออกเลยนี่นาว่าชอบเขา � �- -
“อืม งั้นนายก็คงต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมหน่อยล่ะนะถ้าจะเดทกับฉัน” เจสสิก้าบอกยิ้มๆก่อนจะรีบเดินจากไป ครู่หนึ่งที่แทคยอนหน้าเศร้าเพราะคิดว่าเธอปฏิเสธแต่สักพักเขาก็ยิ้มกว้างเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ใช่!!!!�
� � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � �Memories of love
Chapter....4
� � � �เจสสิก้าลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างหัวเสียหลังจากที่พยายามข่มตาหลับแข่งกับเสียงกริ่งที่ดังขึ้นเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ และสุดท้ายเธอก็ยอมแพ้เพราะไอ้คนที่กำลังกดกริ่งอยู่นั่น มันช่างไร้มารยาทซะเหลือเกิน!!!!
“รู้แล้วๆ กดอยู่ได้!” � � �หญิงสาวตะโกนอย่างหัวเสียก่อนจะกระชากเปิดประตู และไอ้คนที่กดกริ่งกวนประสาทก็กำลังยืนยิ้มแฉ่งยั่วโมโหอยู่ตรงหน้า!
�
“หวัดดี ^^” �แทคยอนทักพลางส่งยิ้มกว้าง
“หวัดดี ^^” �แทคยอนทักพลางส่งยิ้มกว้าง
“นายมาทำไมแต่เช้ามิทราบ?!”�
“ฉันแวะเอาโจ๊กมาให้เธอ” �แทคยอนตอบพลางชูถุงโจ๊กให้เจสสิก้าดู �นิชคุณคงใช้มาอีกตามเคยล่ะสิ ! � � เจสสิก้าหลีกทางให้แทคยอนได้เข้ามาในห้องของเธอ หลายๆวันมานี้แทคยอนแวะเอาโจ๊กมาให้เธอในตอนเช้าและอยู่เป็นเพื่อนเธอเป็นบางวัน หากวันไหนที่นิชคุณมาไม่ได้ก็จะส่งเขามาแทนจนเธอชักจะชินกับเขาซะแล้วล่ะ
“ดูท่าเธอจะเพิ่งตื่น” แทคยอนถามขณะที่ง่วนอยู่กับการแกะโจ๊กใส่ถ้วยให้เจสสิก้า�
“ใช่! ที่ฉันตื่นก็เพราะนายนั่นแหละ จะกดอะไรนักหนา คีย์การ์ดก็มี รหัสก็รู้ เปิดเข้าไม่เป็นรึไงกดอยู่ได้น่ารำคาญ!” �เจสสิก้าบ่นอย่างหัวเสีย อีตานี่มาทีไร ต้องกดออดรัวให้เธอตื่นเช้าทุกทีสิน่า
“บ่นอีกล่ะ บ่นๆๆเป็นยัยแก่อยู่ได้”
“นายว่าใครแก่ฮะ!”
“เธอไง บ่นเหมือนคนแก่”
“เดี๋ยวเหอะ!!” เจสสิก้าปาหมอนอิงใส่แทคยอนจนเขาต้องเอี้ยวตัวหลบ ก่อนที่เธอจะชี้หน้าเขาอย่างคาดโทษ นับวันหมอนี่
ชักจะกวนปะสาทเธอมากเกินไปแล้ว
“เธอนี่มันชอบใช้ความรุนแรงจริงๆเลย มีแรงทำร้ายฉันได้ขนาดนี้หายไข้แล้วล่ะมั้ง” แทคยอนแซวยิ้มๆพลางวางถ้วยโจ๊กลงตรงหน้าหญิงสาว เจสสิก้าเงยหน้าขึ้นมองแทคยอนตาเขียว ก็ถ้าหมอนี่ไม่กวนประสาทเธอก่อน เธอก็คงไม่ต้องทำร้ายร่างกายเขาอยู่บ่อยๆหรอกเพราะฉะนั้นหมอนี่ผิดเต็มๆ!!
“แล้วใครบอกนายว่าฉันยังไม่หายล่ะฮะ! ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นซะหน่อย!!!” �
“พูดมากจริงเลยเธอนี่ รีบๆกินเข้าไปเลยไป”
“นายก็เลิกบ่นซะทีสิ บ่นเป็นคนแก่อยู่นั่นมันน่ารำคาญ”
“ฉันบ่นให้เธอตอนไหนเนี่ย? �- - ”
“ตอนที่นายบ่นนั่นแหละ อีตาแทคจอมบ่น!” �
“ธะ โอ้ย!!.” �ยังไม่ทันที่แทคยอนจะได้พูดอะไร เจสสิก้าก็อาศัยจังหวะที่เขาอ้าปากจะเถียงตักโจ๊กใส่ปากแทคยอนจนเขาร้องเสียงหลง เพราะโจ๊กที่ยัยโหดตักใส่ปากเขามันร้อนจนลวกปากเขาไปหมด!
“อร่อยมั้ย?^^” เจสสิก้าถามยิ้มๆยักคิ้วให้เขาอย่างกวนๆ
“อร่อยกะผีสิ ยัยโหด!!” �อยากจะบีบคอยัยโหดนี่ให้แหลกคามือนัก แกล้งเขาจนปากแทบพองแล้วยังจะมีหน้ามายิ้มระรื่นอีก!
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิไม่น่ารักเอาซะเลย^^” �เจสสสิก้าดึงแก้มแทคยอน ยิ้มหวานให้อย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะตักโจ๊กเข้าปากอย่างอารมณ์ดี ค่อยยังชั่วได้แกล้งหมอนี่แล้วมันค่อยตื่นเต็มตาหน่อย^^
� � � �แทคยอนมองเจสสิก้าที่กำลังกินโจ๊กอยู่อย่างอารมณ์ดี หลายๆวันมานี้เขามาขลุกอยู่กับผู้หญิงคนนี้ซะจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันในตอนเช้าๆของเขาไปซะแล้ว ตอนแรกต้องมาเพราะนิชคุณขอให้มาแต่ช่วงหลังๆมานี้เขามาเองทั้งนั้น ไม่รู้สิเวลาที่เขาเห็นยัยโหดนี่เปิดประตูให้เขาด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเขากลับเห็นว่า � ยัยนี่กำลังยิ้มอยุ่ซะงั้น �- - �เวลาที่เขาได้มองเธอกินข้าว โมโหหรือแม้กระทั่งด่าเขา เขากลับมีความสุขที่ได้มองเธอในเวลาแบบนี้ บางครั้งทั้งๆที่ยัยโหดนี่กำลังด่าเขาอยู่แท้ๆเขากลับยิ้มออกมา เหมือนอย่างตอนนี้แหละ
“ยิ้มอะไรของนาย!” �เจสสิก้าแหว ดึงเอาสติของแทคยอนที่กำลังหลุดลอยกลับมา นั่นสิ เขายิ้มทำไมกัน!
“ฉันจะยิ้มบ้างไม่ได้รึไง ใครจะไปอารมณ์เสียได้ตลอดเวลาอย่างเธอกันล่ะ?”
“ว่าฉันเหรอฮะ!!” �เจสสิก้าคว้าหมอนอิงที่วางอยู่ข้างๆตัวเองขึ้นมา เล็งมันไปทางที่แทคยอนที่กำลังนั่งอยุ่จนเขาต้องยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดกันไว้ �อยู่กับยัยโหดนี่ทีไรทะเลาะกันได้ทุกทีสิน่า
“รีบๆกินไปเลยไป เสร็จแล้วจะได้ออกไปข้างนอกกัน - - ”
“จะไปไหน ฉันไม่ไปหรอก!”
“ ไปเดินเล่น ไม่ไปก็ต้องไป เธอน่ะต้องหัดออกกำลังกายบ้างรู้มั้ย ร่างกายจะได้แข็งแรงไม่เป็นหวัดง่ายขนาดนี้”
“อืมๆ ไปก็ไปเลิกบ่นได้ล่ะ ฉันกินข้าวไม่อร่อย”
� � �
� � � �ป่วยการจะเถียงกับหมอนี่เถียงไปก็เหนื่อยเปล่าๆสุดท้ายซะยังไงหมอนี่ก็ต้องลากเธอออกมาจนได้ไม่ด้วยวิธีใดก็วิธีนึงล่ะ �- - � �และหลังจากที่เจสสิก้ากินข้าว กินยาและเปลี่ยนจากชุดนอนมาเป็นชุดออกไปข้างนอกเรียบร้อยแทคยอนก็ยื่นรองเท้าผ้าใบสีชมพูอ่อนที่เขาเตรียมไว้ให้เธอ ก็บอกอยู่หยกๆว่าจะพาไปเดินเล่นยัยนี่ก็ยังจะใส่รองเท้าส้นสูงอีก �- - �เพราะคอนโดเจสสิก้าอยู่ใกล้กับริมแม่น้ำฮันแทคยอนจึงพาเธอมาเดินเล่นที่ริมแม่น้ำฮันแทนที่จะพาเธอไปที่สวนสาธารณะของคอนโดเธอและอีกอย่างช่วงนี้เป็นช่วงเช้ามืดดวงอาทิตย์ยังไม่ทันจะได้โผล่ขึ้นขอบฟ้า ริมแม่น้ำฮันที่ปกติจะเต็มไปด้วยผู้คน ในตอนนี้จึงแทบจะร้างคนก็บอกแล้วไงอีตานี่ปลุกเธอแต่เช้าจริงๆ! แต่มันนานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอไม่ได้มาเดินที่ริมแม่น้ำแห่งนี้แบบนี้ทั้งๆที่คอนโดของเธออยู่ใกล้กับแม่น้ำฮันแค่คืบ นานเท่าไหร่แล้วที่เวลาส่วนตัวที่เธอจะไปไหนมาไหนก็ต้องปลอมตัวแทบจะทุกครั้งไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเกต �เดินห้าง ไปร้านหนังสือหรือแม้กระทั่งไปร้านอาหารก็ต้องใส่หมวกใส่แว่นใส่ผ้าพันคอปิดจนเกือบครึ่งหน้า ไม่เคยมีครั้งไหนที่เธอจะได้เดินโดยที่ไม่มีเครื่องอำพรางพวกนั้นเลย ต้องขอบคุณแทคยอนสินะที่ทำให้เธอได้มีโอกาสเดินเหมือนคนธรรมดาคนอื่นๆ�
� � � �ป่วยการจะเถียงกับหมอนี่เถียงไปก็เหนื่อยเปล่าๆสุดท้ายซะยังไงหมอนี่ก็ต้องลากเธอออกมาจนได้ไม่ด้วยวิธีใดก็วิธีนึงล่ะ �- - � �และหลังจากที่เจสสิก้ากินข้าว กินยาและเปลี่ยนจากชุดนอนมาเป็นชุดออกไปข้างนอกเรียบร้อยแทคยอนก็ยื่นรองเท้าผ้าใบสีชมพูอ่อนที่เขาเตรียมไว้ให้เธอ ก็บอกอยู่หยกๆว่าจะพาไปเดินเล่นยัยนี่ก็ยังจะใส่รองเท้าส้นสูงอีก �- - �เพราะคอนโดเจสสิก้าอยู่ใกล้กับริมแม่น้ำฮันแทคยอนจึงพาเธอมาเดินเล่นที่ริมแม่น้ำฮันแทนที่จะพาเธอไปที่สวนสาธารณะของคอนโดเธอและอีกอย่างช่วงนี้เป็นช่วงเช้ามืดดวงอาทิตย์ยังไม่ทันจะได้โผล่ขึ้นขอบฟ้า ริมแม่น้ำฮันที่ปกติจะเต็มไปด้วยผู้คน ในตอนนี้จึงแทบจะร้างคนก็บอกแล้วไงอีตานี่ปลุกเธอแต่เช้าจริงๆ! แต่มันนานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอไม่ได้มาเดินที่ริมแม่น้ำแห่งนี้แบบนี้ทั้งๆที่คอนโดของเธออยู่ใกล้กับแม่น้ำฮันแค่คืบ นานเท่าไหร่แล้วที่เวลาส่วนตัวที่เธอจะไปไหนมาไหนก็ต้องปลอมตัวแทบจะทุกครั้งไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเกต �เดินห้าง ไปร้านหนังสือหรือแม้กระทั่งไปร้านอาหารก็ต้องใส่หมวกใส่แว่นใส่ผ้าพันคอปิดจนเกือบครึ่งหน้า ไม่เคยมีครั้งไหนที่เธอจะได้เดินโดยที่ไม่มีเครื่องอำพรางพวกนั้นเลย ต้องขอบคุณแทคยอนสินะที่ทำให้เธอได้มีโอกาสเดินเหมือนคนธรรมดาคนอื่นๆ�
“เธอหนาวเหรอ?” �เดินเงียบๆไปได้สักพักแทคยอนก็เอ่ยถามเธอเมื่อเห็นว่าคนที่เดินอยู่ข้างๆเริ่มห่อตัวเพราะอากาศในยามเช้าที่ค่อนข้างจะเย็นพอสมควร � เจสสิก้าเงยหน้าขึ้นมองแทคยอนก่อนจะพยักหน้า ก่อนที่ � แทคยอนจะจับมือของเธอไปซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทของเขา�
“มันคงช่วยได้บ้าง” �แทคยอนหันมาบอกเจสสิก้าพลางยิ้มกว้าง ทำให้สายตาของแทคยอนและเจสสิก้าประสานกันก่อนที่ต่างคนจะเบือนหน้าหนีไปคนละทางเพราะอัตราการเต้นของหัวใจที่เต้นแรงขึ้นจนน่ากลัวและมือที่จับกันอยุ่ในกระเป๋าเสื้อโค้ทของแทคยอนก็ยิ่งทำให้มันยิ่งเต้นแรงเข้าไปใหญ่ >////<
�“นายมาเดินแบบนี้บ่อยเหรอ?” เจสสิก้าถามไม่ยอมหันหน้ามามองแทคยอน
“ก็ไม่บ่อยหรอก นานๆครั้งเธอก็รู้นี่นา พวกเรามีเวลาไม่มาก” เขาตอบไม่ยอมหันมามองเธอเช่นกัน
“อืม นั่นสิ” �เจสสิก้าพยักหน้าเห็นด้วย คนแบบพวกเธอไม่ค่อยมีเวลา แถมจะไปไหนมาไหนทีก็ลำบาก
“แล้วเธอล่ะ นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เดินแบบนี้”
“ถ้าจำไม่ผิด ก็ 5 ปีมาแล้วมั้ง ตั้งแต่ฉันเดบิวต์ นายล่ะ?”
“ก็ฉันชอบมาที่นี่ทุกครั้งที่ฉันมีเรื่องไม่สบายใจ” �แทคยอนตอบก่อนจะหยุดเดินทอดสายตามองแม่น้ำฮันที่กำลังไหลเอื่อย
“เพราะที่นี่มันสงบ มันทำให้ฉันคิดอะไรได้หลายๆอย่าง”�
“นั่นสิ เวลาที่ฉันเจอนายทีไร ฉันเห็นนายชอบนั่งเหม่อแทบจะทุกครั้ง ตอนนั้นนายกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?” �เจสสิก้ามองหน้าแทคยอนอย่างแปลกใจ แทคยอนก้มลงมองเจสสิก้าที่ยืนอยู่ข้างๆพลางยิ้มกว้าง ไม่ตอบอะไรแต่กลับถามคำถามอื่นแทน
“ทำไมเธอถึงอยากเป็นนักร้องเหรอ?” �
“ความฝันล่ะมั้ง ฉันชอบร้องเพลง แล้วนายล่ะ?”
“ที่จริงแล้วฉันไม่ได้อยากเป็นนักร้องหรอก ไม่ชอบร้องเพลงเอาซะเลยแต่เพราะบางคนทำให้ฉันต้องกลับมาที่นี่ มายืนอยู่ในที่ที่ฉันไม่ต้องการ” �คำตอบของคนข้างๆทำเอาคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ ไม่ชอบร้องเพลงแต่ต้องเป็นนักร้องเพราะใครบางคนอย่างนั้นเหรอ?�
“นายกำลังเดินตามฝันของใครงั้นเหรอแทคยอน?” �เจสสิก้าเอ่ยถามเสียงแผ่ว จู่ๆก็รู้สึกเจ็บที่หัวใจ ถ้าใครบางคนมีอิทธิพลให้นายทำในสิ่งที่ไม่ชอบได้ดีขนาดนี้เค้าคนนั้นก็คงสำคัญกับนายมากสินะ�
“อืมม �มันน่าตลกนะเธอว่ามั้ย? ใครคนนึงที่ทำให้เราต้องเจ็บปวดแต่เรากลับไม่เคยลืมเค้าแม้แต่วินาทีเดียว ” � � � เจสสิก้า
สังเกตเห็นความเจ็บปวดในสายตาของแทคยอนแม้กระทั่งความเจ็บปวดในน้ำเสียงของเขายามที่พูดถึงใครคนนั้น �เงาของใครสักคนที่ซ้อนทับอยู่ในดวงตาคู่สวยคู่นั้น เงาที่ทำให้เธอเจ็บที่หัวใจได้อย่างแปลกประหลาดยามที่แทคยอนพูดถึง เธอกำลังรู้สึกอะไรอยู่นะเจสสิก้า ? .
“ใครคนนั้นที่นายพูดถึงคือ แฟนเก่าของนายใช่มั้ย?” �คำถามที่ฟังดูง่ายๆแต่แต่ละคำที่เธอพูดออกไปมันช่างยากเย็นซะเหลือเกิน ในใจก็ได้แต่ภาวนาว่าอยากให้ตัวเองเข้าใจผิดทั้งๆที่ไม่รู้ว่าทำไม
“มันก็เป็นเพียงแค่อดีต ฉันควรจะเดินหน้าต่อไปไม่ใช่เหรอ? ขอบใจนะที่ทำให้ฉันคิดได้^^ �” �แทคยอนหันมายิ้มให้เจสสิก้า หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นอย่างงงๆ หมอนี่กำลังพูดอะไรของเค้ากันแน่ จะพูดให้เธอเข้าใจง่ายๆหน่อยไม่ได้รึไงกัน - -
“อ้อ คงงั้นมั้ง ”
“เธอว่ามันจะเป็นยังไงถ้าสมมุติว่าเราสองคนจะเดทกัน? ” แทคยอนหันมาถามเจสสิก้า มือเรียวที่กำลังโยนหินลงแม่น้ำชะงัก หันมามองแทคยอนอย่างตกใจ
“เมื่อกี้นายพูดอะไรนะ!!! นายขอฉันเดทงั้นเหรอ?!!” เจสสิก้าตะโกนอย่างตกใจ จนแทคยอนต้องใช้มือปิดปากเธอเพราะตอนนี้เริ่มมีคนที่นี่บ้างแล้ว
“เธอจะตะโกนทำไมกันเล่า!”
“ก็ฉันตกใจนี่”
“หายตกใจรึยังล่ะ? ถ้าหายแล้วก็ตอบมาซะทีสิ ฉันรอฟังอยู่”
“อืมมมม �ฉันควรตอบว่าไงดีนะ” เจสสิก้าลากเสียงยาวพลางทำท่าหลับตาอย่างครุ่นคิด�
“จะอะไรก็ตอบมาเถอะน่า ” �แทคยอนเร่ง รู้สึกโหวงๆแปลกๆ จะเป็นยังไงถ้าเธอปฏิเสธก็ที่ผ่านมาเจสสิก้าก็ไม่เคยแสดงออกเลยนี่นาว่าชอบเขา � �- -
“อืม งั้นนายก็คงต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมหน่อยล่ะนะถ้าจะเดทกับฉัน” เจสสิก้าบอกยิ้มๆก่อนจะรีบเดินจากไป ครู่หนึ่งที่แทคยอนหน้าเศร้าเพราะคิดว่าเธอปฏิเสธแต่สักพักเขาก็ยิ้มกว้างเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ใช่!!!!�
� � � �
� � � � �เพราะเขาเองเคยมีอดีตที่เจ็บปวด �แต่ตั้งแต่วินาทีที่ได้เจอเจสสิก้า �ยามที่มอง ยามที่ได้พูดคุยรอยยิ้มที่เคยหายไปเขากลับรู้สึกถึงมันอีกครั้งยามที่มองเธอ จะเป็นไรมั้ย? ถ้านับตั้งแต่วันนี้เขาจะทิ้งผู้หญิงคนนั้นไว้ในความทรงจำแล้วเริ่มต้นใหม่ หวังว่านายคงจะคิดถูกนะ แทคยอน
� � � � �เพราะเขาเองเคยมีอดีตที่เจ็บปวด �แต่ตั้งแต่วินาทีที่ได้เจอเจสสิก้า �ยามที่มอง ยามที่ได้พูดคุยรอยยิ้มที่เคยหายไปเขากลับรู้สึกถึงมันอีกครั้งยามที่มองเธอ จะเป็นไรมั้ย? ถ้านับตั้งแต่วันนี้เขาจะทิ้งผู้หญิงคนนั้นไว้ในความทรงจำแล้วเริ่มต้นใหม่ หวังว่านายคงจะคิดถูกนะ แทคยอน
�
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น