คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Nine ✿ Joah ( ft.น้องนีนี่? )
09
Joah.
ผมชอบคุณมากๆ เลย ชอบทุกอย่างที่เป็นคุณ
ชอบทุกการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของคุณ
ยิ่งนานเท่าไหร่ผมก็ยิ่งชอบคุณมากเท่านั้น
คริสอู๋พบว่าท้องฟ้าสีไม่เหมือนกันในแต่ละวันยังไงโลกก็ไม่ได้สวยงามทุกๆ วันยังงั้น นี่เขาไม่ได้เวิ่นเว้ออะไรหรอกนะ แต่จางอี้ชิงน่ะ...ทำให้โลกทั้งใบของคริสหม่นหมองด้วยประโยคสั้นๆ ที่พูดออกมาด้วยหน้าตาอึนๆ ว่า ‘ ไม่ว่าง ’ ...ไม่ว่างในวันหยุดแบบนี้เนี่ยนะ!?
ทำงาน ทำงาน ทำงาน! จางอี้ชิงเห็นงานสำคัญกว่าคริสคนนี้ยังไงรึไงกัน! นอกจากการเป็นบาริสต้าที่ร้านกาแฟของพี่มินซอกแล้วยังดอดไปรับงานที่สวนสนุกอีกด้วย(ไม่นับงานยิบย่อยที่ซุกเอาไว้อีก) ล้อกันเล่นชัดๆ เลย! คริสมีแฟนเป็นพวกบ้างาน!
แต่แน่นอนว่าคริสทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตัวดราม่า งอแง แกล้งเป็นป่วยแกล้งเป็นบ้า ทำมันทุกหนทางที่จางอี้ชิงจะเลิกออกไปทำงาน ...จนรายนั้นจับทางเขาได้หมดแล้ว
“ อยู่ๆ ก็ป่วยเนี่ยนะ? ”
“ พูดแบบนี้...แค่กๆ หมายความว่าไง ”
“ นายนี่ไม่เนียนเอาซะเลย ”
“ ...ฉันป่วยจริงๆ นะชิง ไม่เชื่อลองจับหน้าผากฉันดูสิ ”
คว้ามือขาวมาแนบหน้าผากได้คริสก็แสดงละครให้ถึงที่สุดเนียนไม่เนียนก็แถกันไปเรื่อยๆ นั่นแหละ ดวงตากลมใสคู่นั้นจ้องนิ่งเฉยไม่ทุกข์ไม่ร้อน จางอี้ชิงยังคงสีหน้าอึนๆ ได้เสมอต้นเสมอปลาย ยอมนั่งลงบนเตียงตามแรงรั้งของคนที่แกล้งป่วยบนเตียง
“ รู้สึกเหมือนกำลังจะตายเลย ชิงกอดฉันหน่อยสิ กอดฉันหน่อยนะ ”
โถมตัวเข้าซุกหน้าตักอีกคนคริสก็จงใจทิ้งน้ำหนักลงไปแบบเน้นๆ ไม่ออมแรง คนเป็นแฟนกันจะอ้อนยังไงก็ไม่น่าเกลียด คริสมีสิทธิ์ในตัวจางอี้ชิงเต็มเปี่ยมและเขาจะใช้ให้คุ้ม เข้าใจมั้ยว่าเขาอยากจะผูกทุกเวลาของจางอี้ชิงเป็นของเขาแต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่ออกไปทำงาน
“ อ้อนอีกแล้ว ป่วยแล้วชอบอ้อนเหรอ? ”
“ อ้อนชิงคนเดียวนะ ”
คริสกระเง้ากระงอด พูดเสียงอู้อี้เพราะเอาแต่ซุกหน้าลงกับหน้าท้องแบน จางอี้ชิงลูบผมเขาเล่นก็รู้สึกสบายซะจนอยากจะเก็บจางอี้ชิงไว้นอนกอดทั้งวัน ไม่อยากให้ออกไปทำงานเลย
“ จะใจร้ายกับคนป่วยจริงเหรอ? แค่กๆ ใครจะดูแลฉันล่ะ ”
“ อย่าแกล้งไอแบบนั้นสิ เดี๋ยวเส้นเสียงก็อีกเสบหรอกเจ้าโง่ ”
“ ไม่ได้แกล้งไอ ฉันป่วยจริงๆ นะ ”
จางอี้ชิงยิ้มแล้วส่ายหน้า คริสถูกดันให้นอนหงายหน้าลงบนเตียงถึงแม้เขาจะพยายามซุกเข้าหาก็ตาม ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึง คริสดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงแล้วพลิกนอนหันหลังใส่จางอี้ชิง เอาให้รู้กันไปเลยว่าเขางอน! งอนมาก! งอนสุดๆ!
“ อย่างอแงสิ ไม่อายเด็กอนุบาลบ้างรึไงหืมมม ”
มือที่สอดเข้ามาในผ้าห่มสะกิดหลังของเขาเบาๆ คริสก็แกล้งทำเป็นเพิกเฉย ขยับตัวหนีไปอีกฝั่งของเตียงอย่างแง่งอน เขาได้ยินเสียงจางอี้ชิงหัวเราะเบาๆ พนันได้เลยว่ารายนั้นคงหัวเราะจนตาหยีแน่ๆ
“ ใช่สิ! ฉันมันไม่สำคัญนี่! ”
มือขาวเลื่อนมาที่แก้มคริสก็ปัดออกไม่ไยดีดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงเป็นเด็กๆ เขาบีบน้ำตาเองเงียบๆ และจ้องมองใบหน้าหวานละมุนนั่นคล้ายจะตัดพ้อเมื่อผ้าห่มถูกดึงออกไป จางอี้ชิงยังไม่หยุดขำ
“ ตัวโตแต่ทำไมขี้แยจัง แค่นี้ก็ต้องร้องไห้ด้วยเหรอ ”
“ ไปเลยนะ จะไปไหนก็ไป ”
“ กล้าไล่เหรอ? ”
“ ไม่ไล่ก็จะไปอยู่แล้วนี่! ”
“ ก็ไปทำงาน ”
ทำงาน ทำงาน ทำงาน! งานพวกนั้นมันแย่งเวลาของจางอี้ชิงไปจากคริสแทบจะไม่เหลืออะไรให้เก็บเกี่ยวแล้ว จางอี้ชิงเห็นเงินในบัญชีของคริสเป็นแค่ตัวเลขบวกลบคูณหารในหนังสือเรียนรึไงกัน รอยยิ้มเล็กๆ จนโชว์ลักยิ้มยิ่งทำให้เขางุ่นง่าน
คริสมองหน้าอีกคนหงอยๆ ใครจะว่าเขาติดแฟนจนโอเว่อร์ก็ช่าง จางอี้ชิงน่ารักน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะ ถ้าเป็นไปได้คริสไม่อยากให้จางอี้ชิงห่างตัวเลยจริงๆ เขาอยากกอด อยากฟัด อยากรักให้ตายกันไปข้าง คริสดึงมือขาวมาพรมจูบอย่างออดอ้อน
“ อย่าไปเลยนะชิง ”
“ ห้ามงอแง ”
“ ชิงครับ...ชิงครับ...อย่าทิ้งผมนะครับ... ”
เจ้าของรอยยิ้มหวานละมุนละไมลูบหัวคริสอีกครั้ง ดวงตาสุกใสคู่นั้นดึงคริสลงไปในห้วงอารมณ์ที่เอ่อล้นข้างในใจ คริสครางเสียงเบาเมื่อจางอี้ชิงยกนิ้วแตะระหว่างคิ้วเขาแผ่วเบา
“ งั้นก็ตามไปเฝ้าสิ ”
เปิดโอกาสเหรอ?
เปิดโอกาสแบบนี้แสดงว่าจะตามหวงยังไงก็ได้สินะ?
“ พกลูกมาด้วยเหรอวันนี้? ”
เสียงทักทายจากเจ้าของร้านกาแฟร้านประจำของคริสดังขึ้นพร้อมกับร่างขาวพอๆ กับจางอี้ชิงเดินยิ้มออกมา มองคริสที่ยืนเกาะไหล่เล็กอยู่คล้ายจะขำก็ไม่ใช่จะหัวเราะเยาะก็ไม่เชิง
“ วันนี้งอแงน่ะครับเลยอนุญาตให้ตามมา ”
“ ยุ่งอะไร ”
ปากดีใส่คนอายุเยอะกว่าเคืองๆ แต่กลับต้องกลับมาน้ำตาคลอตามเดิมเพราะโดนหยิกเข้าที่เอว จางอี้ชิงดีแต่เข้าข้างพี่มินซอก พี่มินซอกนี่แหละตัวดีเลยที่แย่งเวลาสวีทของคริสไป ร่างสูงถูกจูงมือเข้าไปในร้านด้วยใบหน้าง้ำงอ คริสยังงอนอยู่และจางอี้ชิงก็ยังไม่ง้อกันสักที
“ สงสัยวันนี้จะอารมณ์ไม่ดี ”
พี่มินซอกยักไหล่แล้วเดินหัวเราะหายไปในห้องเก็บของข้างหลัง วันนี้คริสไม่ยอมนั่งมุมเก่าแน่ๆ เขาจะนั่งมันหน้าเคาท์เตอร์นี่แหละ ไม่ว่าใครก็มาไล่คริสไม่ได้ทั้งนั้น
จางอี้ชิงง่วนอยู่กับการจัดชุดตัวเอง ผ้ากันเปื้อนแบบเก่าแถมยังคนใส่น่ารักๆ คนเก่า พนันได้เลยว่าจางอี้ชิงต้องเป็นบาริสต้าที่น่ารักที่สุดในโซลแน่ๆ มีใครบ้างจะไม่ชอบบาริสต้าตัวเล็กผิวขาวจั๊วะ หน้าหวานยิ้มก็ยังหวาน นี่ไง...นี่ไงถึงหวง!
“ หื้มม? ไม่ไปนั่งมุมเดิมล่ะ? ”
เขาไม่สนใจตอบคำถามตามประสาคนกำลังงอน คริสเงียบแล้วฟุบหน้าลงกับเคาท์เตอร์หินอ่อน
“ เดี๋ยวทำนมอุ่นให้ดีมั้ย? ”
“ … ”
“ โอเค ”
คนงอนไม่ยอมตอบโต้เหมือนทุกครั้ง ให้มันรู้กันไปเลยว่าเขางอน! งอนมาก! เสียงกุกกักดังรอบตัววนไปวนมาพร้อมกับกลิ่นหอมของนมที่โชยเข้าจมูก แก้วอุ่นๆ แนบลงตรงแก้มคริสก็ส่งเสียงอู้อี้แต่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมอง เสียงนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง
“ งอนให้ได้ตลอดเถอะ ”
ตกลงจะไม่ง้อจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย!?
“ งอนนานยังงี้ทำไมไม่เลิกกันไปเลยล่ะ... ”
คริสใจกระตุกรุนแรงเหมือนโดนช็อต เขารีบเงยหน้ามองจางอี้ชิงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หัวใจคริสเต้นตุบๆ จนเจ็บคัดไปทั้งอก ดวงตาคมเริ่มมีน้ำตาคลออีกครั้ง คริสรู้ว่าใบหน้าเขาตอนนี้คงช็อคมากแต่ที่เขาช็อคยิ่งกว่าคือประโยคของจางอี้ชิง อะไรคือ...เลิกกัน?
“ ...ฮึก ”
จุ๊บ!
จางอี้ชิงโน้มหน้าลงมาใกล้แล้วจูบเบาๆ บนริมฝีปากของคริส จากที่กำลังจะสะอื้นถึงกับชะงักไปเลย...คริสมองอีกคนด้วยดวงตาที่พร่ามัว เขาเก็บก้อนสะอื้นลงคอ คนตัวขาวยิ้มเอ็นดูก่อนจะเอื้อมมือมาจัดผมหน้าให้คริสอย่างใจดี
“ ล้อเล่นเองน่ะ...แค่อยากให้เงยหน้ามอง ”
นิ้วเล็กช่วยเช็ดน้ำตาออกจากแก้มของคริส จูบปลอบเบาๆ บนกลุ่มผม หยิกแก้มของเขาไปอีกครั้ง
“ มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะชิง ”
“ ขอโทษนะ ”
“ …อือ ”
“ ดูเหมือนจะง่วงนะ นอนก่อนมั้ย? ”
“ พาไปนอนหน่อย... ”
“ อ้อนอีก ”
ลงทุนตื่นแต่เช้ามาดักจางอี้ชิงเอาไว้ไม่แปลกที่คนขี้เซาอย่างคริสจะเกิดอาการง่วงขึ้นมาระหว่างวัน คริสยอมให้คนตัวขาวจูงมือไปนั่งมุมร้านโดยที่ตัวเองก็เดินเช็ดน้ำตาตามต้อยๆ คริสแนบแก้มลงบนโต๊ะกลมมองใบหน้าหวานๆ ของจางอี้ชิง ส่วนจางอี้ชิงก็เท้าแก้มกับฝ่ามือมองเขาเหมือนกัน คริสหลับตาพริ้มเมื่ออีกคนลูบผมของเขาเบาๆ ช้าๆ มันเป็นสัมผัสที่แสนสบาย
“ ไม่เลิกง่ายๆ หรอก ”
จางอี้ชิงยิ้มหวาน
“ คริสอู๋คนนี้ดันมีคนเดียวในโลกนี่นา ”
คริสยิ้มตอบด้วยความสุข
“ นอนให้พอแล้วค่อยตื่นมาเฝ้าฉันนะคริสอู๋ ”
“ … ”
“ … ”
“ … ”
“ มองอะไรอ่ะ! มองอะไร! ”
ความเงียบจนเกินเหตุของชานยอลทำให้คนขี้หึงโพล่งขึ้นเสียงดัง แบคฮยอนนั่งสังเกตอีกคนมาตั้งนานสองนานแล้วแต่ชานยอลก็ยังไม่รู้ตัวแถมยังเอาแต่มองออกไปข้างนอกหน้าต่างอีก! ดวงตาเรียวพยายามเบิกกว้างมองตามทิศทางที่ชานยอลมองอยู่แต่ก็ไม่มีใครนอกจากผู้ชายสองสามคนที่ยืนรอรถอีกฝากของถนน แบคฮยอนกัดปากโกรธๆ
“ หืม อะไรเหรอ? ”
“ เราถามว่ามองอะไรอยู่! ”
เป็นอีกครั้งที่ชานยอลเงียบไปแล้วมองกลับไปทางเดิมคล้ายกำลังคิดอะไรๆ อยู่ แบคฮยอนถลึงตาจ้องคนตรงหน้าเคืองๆ ก่อนจะเตะหน้าขาชานยอลใต้โต๊ะแรงๆ
“ มองคนอื่นเหรอ!? ”
“ ขี้หวงจัง ”
ยังจะมายิ้มแบบนั้นอีกเจ้าบ้า! แบคฮยอนฟึดฟัดขนาดไหนชานยอลก็ยังยิ้มกว้าง มืออุ่นเอื้อมมือมาบีบแก้มเขาเบาๆ สองสามทีก็หลุดหัวเราะซะเอง
“ ตลกรึไง ถ้าจับได้ว่ามองคนอื่นเรางอนนะ! ”
“ หื้มมมม งั้นชาตินี้ก็ไม่ต้องได้งอนกันแล้วล่ะมั้ง ”
“ ฮึ่ยย ”
จะบอกไว้ก่อนเลยนะว่ากับชานยอลนี่แบคฮยอนหวงมากกกกก ใครจะมาแย่งเขาไม่ยอมหรอกนะ! แบบชานยอลจะหาได้ง่ายๆ ตามถนนรึไงกันเล่า! ก็หวังว่าชานยอลจะไม่รำคาญกับความเอาแต่ใจของแบคฮยอนและเอ็นดูแบคฮยอนไปนานๆ
คิดได้อย่างนั้นแล้วก็รีบฉีกยิ้มหวานตาหยีเป็นเด็กดีทันทีทันใด
“ ถ้าไม่มองคนอื่นวันนี้จะเป็นเด็กดี ”
ได้ผลซะด้วย ชานยอลยิ้มกว้างกว่าเดิมก่อนจะกวักมือเรียกแบคฮยอนให้โน้มหน้าไปใกล้
“ ขยับมานี่สิ มีอะไรเลอะตรงจมูกน่ะ ”
“ เราไม่ได้กินเลอะขนาดนั้นสักหน่อย! ”
“ ไหนว่าจะเป็นเด็กดีไง ”
ต้นคอถูกดึงรั้งให้เข้าไปใกล้แบคฮยอนก็ยอมอยู่นิ่งๆ เป็นเด็กดีตามที่ให้สัญญา ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยตรงปลายจมูกแบคฮยอนเลยย่นคอหัวเราะคิกคักเพราะจั๊กจี๊ และในช่วงเวลาที่กระพริบตาหนึ่งครั้งในเสี้ยววินาทีนั้นเอง...ริมฝีปากอุ่นก็แนบลงมาซะแล้ว
“ งือออออ!! ”
แบคฮยอนหลับตาปี๋เมื่อความนุ่มหยุ่นบดเบียดลงมา ชานยอลจงใจทำเสียงดูดเบาๆ ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาจนแบคฮยอนอ่อนระทวยในอ้อมกอด มือใหญ่บีบแก้มเขาเบาๆ ราวกับจะเย้าแหย่ยังไงยังงั้น แบคฮยอนตัวสั่นตอนที่พวกเขาแลกลิ้นกันแนบชิดยิ่งขึ้น
และนี่เป็นเหตุผลว่าชานยอลโปรดปรานมุมอับของร้านกาแฟเป็นที่สุด
“ ...อืม แบคฮยอนเด็กดี ”
เนื้อนุ่มผละออกจากกันเชื่องช้าจนได้ยินเสียงเฉอะแฉะ ชานยอลกระซิบชิดริมฝีปากแดงจัดเอ่ยชมเสียงแหบพร่า...ฟังดูเซ็กซี่จนแบคฮยอนหายใจฟืดฟาดเสียงดัง แก้มทั้งสองข้างเป็นสีแดง ทุบอกอีกคนดังปั้กก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะเอ็นดูได้ทันที
“ ไอ้ลามก! ”
“ อยากโดนอีกเหรอ... ”
แบคฮยอนทุบไหล่ชานยอลไปหลายทีโทษฐานมาทำเสียงเซ็กซี่ใกล้หู หน้าแดงเพราะเขินมากกว่าโมโห สุดท้ายก็โดนชานยอลจับฟัดแก้มไปหลายทีกว่ากาแฟทีสั่งไปจะมาเสิร์ฟ
“ อ๊า! เปลืองตัวจริงๆ เลย! ”
“ เปลืองตัวกับปาร์คชานยอลไม่มีเสียใจนะ เนี่ยรอจะรับผิดชอบอยู่ ”
“ กินๆ กาแฟไปเลยเถอะ! ”
ชานยอลคิดว่าเขาไม่ได้ระแวงไปเองแน่ๆ...
ช่วงนี้เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีใครคนนึงกำลังติดตามเขาไปในทุกๆ ที่ พอจะรู้ว่าเป้นใครแต่ก็ยังไม่มั่นใจขนาดนั้น ชานยอลมองแบคฮยอนของเขาพูดเจื้อยแจ้วไปเพลินๆ ขณะที่หางตาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างเท่าที่จะทำได้...เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
มีผู้ชายคนนึงกำลังมองมาทางนี้จริงๆ
ถ้าจำไม่ผิดคงจะเป็นนักกีฬาประจำมหาลัยที่ชานยอลพอจะเคยเห็นหน้ามาบ้างผ่านๆ ชานยอลไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นมองมาด้วยสีหน้าแบบไหน และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะแคร์ด้วย ที่เขาแคร์ก็คือหมอนั่นจะมายุ่มย่ามอะไรกับแบคฮยอนของเขารึเปล่าต่างหากล่ะ
“ วันนี้อิ่มมากเลย ”
“ ไว้จะพามาบ่อยๆ ดีมั้ย? ”
“ ดีสิดี ชานยอลใจดีที่สุดเลย! ”
หนทางกลับบ้านชานยอลต้องโอบตัวเล็กๆ ของเจ้าคนน่ารักไว้กับตัวเองตลอดเวลา รู้สึกได้ถึงเสียงฝีเท้าที่ก้าวตามกันมาด้านหลัง แบคฮยอนยังสนุกกับการเล่าเรื่องมากกว่าจะสนใจสิ่งรอบตัว ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มสดใสแต่งแต้มน่ามองไม่น้อยทีเดียว
“ เดี๋ยวเข้าบ้านไปก่อนเลยนะแบคฮยอน เจอกันทีหลังโอเคมั้ย? ”
“ ทำไมไม่เข้าบ้านด้วยกันก่อนอ่ะ ”
“ เดี๋ยวคืนนี้จะไปนอนด้วย ”
“ หูยยยย คุณนายพยอนหวงนะ ”
ทำตาโตได้น่าหมั่นเขี้ยวจนต้องบีบจมูกรั้นๆ นั่นไปมา แบคฮยอนของเขาหัวเราะชอบใจปล่อยให้ชานยอลหอมแก้มได้ตั้งหลายที กว่าจะปล่อยแบคฮยอนเข้าบ้านได้นี่จับอีกคนฟัดจนช้ำไปหมดแล้วมั้ง
“ ชานยอลจะไปไหนเหรอ? ไม่พาเราไปด้วยล่ะ? ”
ขี้สงสัยนี่แหละแบคฮยอน น่ารักซะไม่มี แบบนี้คงต้องทำให้เขินจะได้เลิกถาม
“ ...ไปซื้อของใช้สำหรับคืนนี้ครับ ”
“ ... ”
“ จะเอามาใช้กับแบคฮยอนไง ”
“ อะ...อะ..ไอ้หื่นนนน!!! ”
“ ต้องการอะไรเหรอ? ”
มีร่างใครคนนึงค่อยๆ เดินออกมาจากเงามืด ใครคนนั้นจับผมสีบลอนด์ซีดจนเกือบขาวของตัวเองทัดใบหู ชานยอลใช้ลิ้นดันกระพุงแก้มรอให้อีกคนเผยตัวอย่างใจเย็น
“ เป็นนายจริงๆ ด้วยสินะ ”
“ รู้จักกันด้วยเหรอ? ...ดีใจจัง ”
คิมจงอิน ปี 1 จงใจกวนประสาทชานยอลชัดๆ! ไอ้รอยยิ้มเอียงอายนั่นมันอะไรกัน ชานยอลจ้องเจ้าเด็กปีหนึ่งไม่วางตาแต่ดูเหมือนว่าจะทำให้คิมจงอินบิดตัวมากกว่าเดิม
“ โอเคคิมจงอิน... ”
“ ไม่ใช่นะ ”
“ … ”
“ พี่ชานยอลเรียกเค้าว่านีนี่ดีกว่า พี่ชานยอลคือคนพิเศษ ”
นีนี่?
“ นีนี่อยากจะบอกพี่ชานยอลดีๆ นะ ”
เด็กนีนี่(?)ปีหนึ่งเอียงคอมองชานยอลกระพริบตาปริบๆ อย่างโมเอ้(ล่ะมั้ง) ไอ้เด็กกีฬาประจำมหาลัยกำลังยิ้มเขินแล้วขยิบตาวิ้งค์ให้เขาอย่างงั้นเหรอวะ!? ชานยอลรู้สึกว่ากำลังมึนอย่างหนักคล้ายโดนอะไรกระแทกหัวจนเบลอ แต่ก็นั่นแหละ...เขาไม่ได้ตาฝาดแน่ๆ!
“ เลิกกับแบคฮยอนซะ ”
ชานยอลพ่นลมหายใจก่อนจะเดาะลิ้นเป็นจังหวะ
“ ไม่ ”
“ ไม่เหรอ? พี่ชานยอลเคยแคร์นีนี่บ้างมั้ย ”
“ หมายความว่าไงครับ? นายจะบอกว่าชอบพี่อย่างงั้นเหรอ ”
“ นีนี่ชอบพี่ชานยอลที่สุด ”
...ถามเองช็อคเอง
ชานยอลเผลอเบิกตาค้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง กว่าจะรู้ตัวเจ้าเด็กนีนี่อะไรนั่นก็ค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเองออกช้าๆ จิกสายตามองชานยอลคล้ายจะแผดเผา(?) นั่นยิ่งทำให้เขาสับสนกว่าเดิม เด็กนีนี่กัดริมฝีปากแล้วเปล่งเสียงออกมาท่ามกลางความเงียบ
“ อ่าห์ ”
...แล้วน้องเขาก็เริ่มวาดลวดลายเต้นได้สวยงามโดยไม่มีทำนองเพลง
“ พี่ชานยอลว่านีนี่ไม่เซ็กซี่เลยเหรอ? ”
แล้วน้องเขาก็เริ่มโยกเอว ปล่อยให้ชานยอลยืนตาค้างเพราะกำลังสตั้นท์
“ ถึงนีนี่จะขาวสู้แบคฮยอนอะไรนั่นไม่ได้แต่นีนี่แซ่บกว่านะ...อ่าห์ ”
มือน้องเขาเริ่มเลื้อยตามตัวชานยอลแล้วจริงๆ คนอ่อนประสบการณ์ด้านนี้(?)ยืนตัวแข็งกลายเป็นเสาให้อีกคนรูดไปโดนปริยาย ชานยอลกำลังอึ้ง...อึ้งมากๆ ยิ่งเด็กนีนี่ลูบหลังคอเบาๆ เขาก็ยังอึ้งหนักกว่าเดิม น้องเขาทำท่าจะปลดเข็มขัดชานยอลก็สะดุ้งจนผลักร่างนั้นออกไป
“ ทำอะไรวะ! ”
“ ทำไมพี่ชานยอลใจร้ายกับนีนี่! แบคฮยอนนั่นแซ่บกว่านีนี่ตรงไหน! ”
“ คิมจงอิน... ”
“ นีนี่ต่างหากล่ะ! พี่ชานยอลคนบ้า! ”
เด็กนีนี่รีบรวบสาบเสื้อของตัวเองแล้วเม้มปากสะบัดหน้า พอชานยอลบจะช่วยพยุงก็เซซบอกเหมือนไม่มีกระดูก แถมมือน้องเขายังคว้าหมับเข้าที่คอชานยอลอย่างช่ำชอง
“ นี่นี่เจ็บ... ”
เอ่อ...
“ อุ้มนีนี่สิฮะ คืนนี้นีนี่เป็นของพี่ชานยอล ”
ตุ้บ!
“ อั๊ก! ”
คือว่าพี่ชานยอลขอโทษจริงๆ นะครับนีนี่...
“ นีนี่อย่าลดค่าตัวเองแบบนี้เลยครับ นีนี่ไม่มีวันได้หัวใจพี่ไปหรอก ”
“ ทำไม? ”
“ เพราะพี่รักแบคฮยอนของพี่น่ะสิครับ ”
“ ฮึก...พี่ชานยอลใจร้าย ”
“ พี่พร้อมจะยอมรับนีนี่เป็นน้องแต่ไม่ใช่คนรัก พี่อยากให้นีนี่กลับไปคิด ”
“ พี่...ชาน...ยอล ”
“ แล้วเจอกันใหม่เมื่อฟ้าสาง ”
สรุปว่าหลังจากชานยอลเดินหันหลังจากมาเด็กนีนี่อะไรนั่นก็ลงไปดีดดิ้นบนพื้นทันที เสียงโวยวายห้าวทุ้มนั่นคือเสียงจริงของเด็กนั่นสินะ(ทำเอาชานยอลสะดุ้งไปเลย) ชานยอลเตะฝุ่นอย่างหงุดหงิด ปัญญาอ่อนชิบ...นี่ถ้าเขาไม่เคยเป็นเจ้าชายละครเวทีมาก่อนจะตีบทแตกมั้ยตอบ!
#ฟิคพาโบ
ตอนหน้าขอเชิญพบว่าวันช็อตหนึ่งตอนจบ
ว่าด้วย ' เมื่อชานยอลโดนนีนี่วางยา '
ช่วงนี้นีนี่นางมาแรงจริงๆ นะ 555555555
ปล.ใครรอโฟโต้ขอให้อดทนค่ะ ขอเวลาจูนตัวเองแป๊บนะ มันต้องใช้แรงบันดาลใจหลายอย่าง
ความคิดเห็น