ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    exo「 Babo - ya 」chanbaek krislay taoho

    ลำดับตอนที่ #10 : Nine ✿ Joah ( ft.น้องนีนี่? )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.55K
      18
      17 ก.ย. 57








    09

    Joah.



     

    ผมชอบคุณมากๆ เลย ชอบทุกอย่างที่เป็นคุณ

    ชอบทุกการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของคุณ

    ยิ่งนานเท่าไหร่ผมก็ยิ่งชอบคุณมากเท่านั้น




     

      

                  คริสอู๋พบว่าท้องฟ้าสีไม่เหมือนกันในแต่ละวันยังไงโลกก็ไม่ได้สวยงามทุกๆ วันยังงั้น นี่เขาไม่ได้เวิ่นเว้ออะไรหรอกนะ แต่จางอี้ชิงน่ะ...ทำให้โลกทั้งใบของคริสหม่นหมองด้วยประโยคสั้นๆ ที่พูดออกมาด้วยหน้าตาอึนๆ ว่า ไม่ว่าง...ไม่ว่างในวันหยุดแบบนี้เนี่ยนะ!?

                ทำงาน ทำงาน ทำงาน! จางอี้ชิงเห็นงานสำคัญกว่าคริสคนนี้ยังไงรึไงกัน! นอกจากการเป็นบาริสต้าที่ร้านกาแฟของพี่มินซอกแล้วยังดอดไปรับงานที่สวนสนุกอีกด้วย(ไม่นับงานยิบย่อยที่ซุกเอาไว้อีก) ล้อกันเล่นชัดๆ เลย! คริสมีแฟนเป็นพวกบ้างาน!

                แต่แน่นอนว่าคริสทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตัวดราม่า งอแง แกล้งเป็นป่วยแกล้งเป็นบ้า ทำมันทุกหนทางที่จางอี้ชิงจะเลิกออกไปทำงาน ...จนรายนั้นจับทางเขาได้หมดแล้ว

                อยู่ๆ ก็ป่วยเนี่ยนะ?

                “ พูดแบบนี้...แค่กๆ หมายความว่าไง

                “ นายนี่ไม่เนียนเอาซะเลย

                “ ...ฉันป่วยจริงๆ นะชิง ไม่เชื่อลองจับหน้าผากฉันดูสิ

                คว้ามือขาวมาแนบหน้าผากได้คริสก็แสดงละครให้ถึงที่สุดเนียนไม่เนียนก็แถกันไปเรื่อยๆ นั่นแหละ ดวงตากลมใสคู่นั้นจ้องนิ่งเฉยไม่ทุกข์ไม่ร้อน จางอี้ชิงยังคงสีหน้าอึนๆ ได้เสมอต้นเสมอปลาย ยอมนั่งลงบนเตียงตามแรงรั้งของคนที่แกล้งป่วยบนเตียง

                รู้สึกเหมือนกำลังจะตายเลย ชิงกอดฉันหน่อยสิ กอดฉันหน่อยนะ

                โถมตัวเข้าซุกหน้าตักอีกคนคริสก็จงใจทิ้งน้ำหนักลงไปแบบเน้นๆ ไม่ออมแรง คนเป็นแฟนกันจะอ้อนยังไงก็ไม่น่าเกลียด คริสมีสิทธิ์ในตัวจางอี้ชิงเต็มเปี่ยมและเขาจะใช้ให้คุ้ม เข้าใจมั้ยว่าเขาอยากจะผูกทุกเวลาของจางอี้ชิงเป็นของเขาแต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่ออกไปทำงาน

                อ้อนอีกแล้ว ป่วยแล้วชอบอ้อนเหรอ?

                “ อ้อนชิงคนเดียวนะ

                คริสกระเง้ากระงอด พูดเสียงอู้อี้เพราะเอาแต่ซุกหน้าลงกับหน้าท้องแบน จางอี้ชิงลูบผมเขาเล่นก็รู้สึกสบายซะจนอยากจะเก็บจางอี้ชิงไว้นอนกอดทั้งวัน ไม่อยากให้ออกไปทำงานเลย

                จะใจร้ายกับคนป่วยจริงเหรอ? แค่กๆ ใครจะดูแลฉันล่ะ

                “ อย่าแกล้งไอแบบนั้นสิ เดี๋ยวเส้นเสียงก็อีกเสบหรอกเจ้าโง่

                “ ไม่ได้แกล้งไอ ฉันป่วยจริงๆ นะ

                จางอี้ชิงยิ้มแล้วส่ายหน้า คริสถูกดันให้นอนหงายหน้าลงบนเตียงถึงแม้เขาจะพยายามซุกเข้าหาก็ตาม ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึง คริสดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงแล้วพลิกนอนหันหลังใส่จางอี้ชิง เอาให้รู้กันไปเลยว่าเขางอน! งอนมาก! งอนสุดๆ!

                “ อย่างอแงสิ ไม่อายเด็กอนุบาลบ้างรึไงหืมมม

                มือที่สอดเข้ามาในผ้าห่มสะกิดหลังของเขาเบาๆ คริสก็แกล้งทำเป็นเพิกเฉย ขยับตัวหนีไปอีกฝั่งของเตียงอย่างแง่งอน เขาได้ยินเสียงจางอี้ชิงหัวเราะเบาๆ พนันได้เลยว่ารายนั้นคงหัวเราะจนตาหยีแน่ๆ

                ใช่สิ! ฉันมันไม่สำคัญนี่! ”

                มือขาวเลื่อนมาที่แก้มคริสก็ปัดออกไม่ไยดีดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงเป็นเด็กๆ เขาบีบน้ำตาเองเงียบๆ และจ้องมองใบหน้าหวานละมุนนั่นคล้ายจะตัดพ้อเมื่อผ้าห่มถูกดึงออกไป จางอี้ชิงยังไม่หยุดขำ

                ตัวโตแต่ทำไมขี้แยจัง แค่นี้ก็ต้องร้องไห้ด้วยเหรอ

                “ ไปเลยนะ จะไปไหนก็ไป

                “ กล้าไล่เหรอ?

                “ ไม่ไล่ก็จะไปอยู่แล้วนี่! ”

                “ ก็ไปทำงาน

                ทำงาน ทำงาน ทำงาน! งานพวกนั้นมันแย่งเวลาของจางอี้ชิงไปจากคริสแทบจะไม่เหลืออะไรให้เก็บเกี่ยวแล้ว จางอี้ชิงเห็นเงินในบัญชีของคริสเป็นแค่ตัวเลขบวกลบคูณหารในหนังสือเรียนรึไงกัน รอยยิ้มเล็กๆ จนโชว์ลักยิ้มยิ่งทำให้เขางุ่นง่าน

                คริสมองหน้าอีกคนหงอยๆ ใครจะว่าเขาติดแฟนจนโอเว่อร์ก็ช่าง จางอี้ชิงน่ารักน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะ ถ้าเป็นไปได้คริสไม่อยากให้จางอี้ชิงห่างตัวเลยจริงๆ เขาอยากกอด อยากฟัด อยากรักให้ตายกันไปข้าง คริสดึงมือขาวมาพรมจูบอย่างออดอ้อน

                อย่าไปเลยนะชิง

                “ ห้ามงอแง

                “ ชิงครับ...ชิงครับ...อย่าทิ้งผมนะครับ...

                เจ้าของรอยยิ้มหวานละมุนละไมลูบหัวคริสอีกครั้ง ดวงตาสุกใสคู่นั้นดึงคริสลงไปในห้วงอารมณ์ที่เอ่อล้นข้างในใจ คริสครางเสียงเบาเมื่อจางอี้ชิงยกนิ้วแตะระหว่างคิ้วเขาแผ่วเบา

                งั้นก็ตามไปเฝ้าสิ

     

                เปิดโอกาสเหรอ?

              เปิดโอกาสแบบนี้แสดงว่าจะตามหวงยังไงก็ได้สินะ?

     

     

                

     

     



     













                 พกลูกมาด้วยเหรอวันนี้?

                เสียงทักทายจากเจ้าของร้านกาแฟร้านประจำของคริสดังขึ้นพร้อมกับร่างขาวพอๆ กับจางอี้ชิงเดินยิ้มออกมา มองคริสที่ยืนเกาะไหล่เล็กอยู่คล้ายจะขำก็ไม่ใช่จะหัวเราะเยาะก็ไม่เชิง

                “ วันนี้งอแงน่ะครับเลยอนุญาตให้ตามมา

                “ ยุ่งอะไร

                ปากดีใส่คนอายุเยอะกว่าเคืองๆ แต่กลับต้องกลับมาน้ำตาคลอตามเดิมเพราะโดนหยิกเข้าที่เอว จางอี้ชิงดีแต่เข้าข้างพี่มินซอก พี่มินซอกนี่แหละตัวดีเลยที่แย่งเวลาสวีทของคริสไป ร่างสูงถูกจูงมือเข้าไปในร้านด้วยใบหน้าง้ำงอ คริสยังงอนอยู่และจางอี้ชิงก็ยังไม่ง้อกันสักที

                “ สงสัยวันนี้จะอารมณ์ไม่ดี

                พี่มินซอกยักไหล่แล้วเดินหัวเราะหายไปในห้องเก็บของข้างหลัง วันนี้คริสไม่ยอมนั่งมุมเก่าแน่ๆ เขาจะนั่งมันหน้าเคาท์เตอร์นี่แหละ ไม่ว่าใครก็มาไล่คริสไม่ได้ทั้งนั้น

                จางอี้ชิงง่วนอยู่กับการจัดชุดตัวเอง ผ้ากันเปื้อนแบบเก่าแถมยังคนใส่น่ารักๆ คนเก่า พนันได้เลยว่าจางอี้ชิงต้องเป็นบาริสต้าที่น่ารักที่สุดในโซลแน่ๆ มีใครบ้างจะไม่ชอบบาริสต้าตัวเล็กผิวขาวจั๊วะ หน้าหวานยิ้มก็ยังหวาน นี่ไง...นี่ไงถึงหวง!

                “ หื้มม? ไม่ไปนั่งมุมเดิมล่ะ?

                เขาไม่สนใจตอบคำถามตามประสาคนกำลังงอน คริสเงียบแล้วฟุบหน้าลงกับเคาท์เตอร์หินอ่อน

                “ เดี๋ยวทำนมอุ่นให้ดีมั้ย?

                “ … ”

                “ โอเค

                คนงอนไม่ยอมตอบโต้เหมือนทุกครั้ง ให้มันรู้กันไปเลยว่าเขางอน! งอนมาก! เสียงกุกกักดังรอบตัววนไปวนมาพร้อมกับกลิ่นหอมของนมที่โชยเข้าจมูก แก้วอุ่นๆ แนบลงตรงแก้มคริสก็ส่งเสียงอู้อี้แต่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมอง เสียงนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง

                งอนให้ได้ตลอดเถอะ

     
     

                ตกลงจะไม่ง้อจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย!?

     
     

                “ งอนนานยังงี้ทำไมไม่เลิกกันไปเลยล่ะ...

                คริสใจกระตุกรุนแรงเหมือนโดนช็อต เขารีบเงยหน้ามองจางอี้ชิงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หัวใจคริสเต้นตุบๆ จนเจ็บคัดไปทั้งอก ดวงตาคมเริ่มมีน้ำตาคลออีกครั้ง คริสรู้ว่าใบหน้าเขาตอนนี้คงช็อคมากแต่ที่เขาช็อคยิ่งกว่าคือประโยคของจางอี้ชิง อะไรคือ...เลิกกัน?

                ...ฮึก

                จุ๊บ!

                จางอี้ชิงโน้มหน้าลงมาใกล้แล้วจูบเบาๆ บนริมฝีปากของคริส จากที่กำลังจะสะอื้นถึงกับชะงักไปเลย...คริสมองอีกคนด้วยดวงตาที่พร่ามัว เขาเก็บก้อนสะอื้นลงคอ คนตัวขาวยิ้มเอ็นดูก่อนจะเอื้อมมือมาจัดผมหน้าให้คริสอย่างใจดี

                ล้อเล่นเองน่ะ...แค่อยากให้เงยหน้ามอง

                นิ้วเล็กช่วยเช็ดน้ำตาออกจากแก้มของคริส จูบปลอบเบาๆ บนกลุ่มผม หยิกแก้มของเขาไปอีกครั้ง

                มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะชิง

                “ ขอโทษนะ

                “ …อือ

                “ ดูเหมือนจะง่วงนะ นอนก่อนมั้ย?

                “ พาไปนอนหน่อย...

                “ อ้อนอีก

                ลงทุนตื่นแต่เช้ามาดักจางอี้ชิงเอาไว้ไม่แปลกที่คนขี้เซาอย่างคริสจะเกิดอาการง่วงขึ้นมาระหว่างวัน คริสยอมให้คนตัวขาวจูงมือไปนั่งมุมร้านโดยที่ตัวเองก็เดินเช็ดน้ำตาตามต้อยๆ คริสแนบแก้มลงบนโต๊ะกลมมองใบหน้าหวานๆ ของจางอี้ชิง ส่วนจางอี้ชิงก็เท้าแก้มกับฝ่ามือมองเขาเหมือนกัน คริสหลับตาพริ้มเมื่ออีกคนลูบผมของเขาเบาๆ ช้าๆ มันเป็นสัมผัสที่แสนสบาย

                “ ไม่เลิกง่ายๆ หรอก

                จางอี้ชิงยิ้มหวาน

                คริสอู๋คนนี้ดันมีคนเดียวในโลกนี่นา

                คริสยิ้มตอบด้วยความสุข

                นอนให้พอแล้วค่อยตื่นมาเฝ้าฉันนะคริสอู๋

















                 “ … ”

                “ … ”

                “ … ”

                “ มองอะไรอ่ะ! มองอะไร! ”

                ความเงียบจนเกินเหตุของชานยอลทำให้คนขี้หึงโพล่งขึ้นเสียงดัง แบคฮยอนนั่งสังเกตอีกคนมาตั้งนานสองนานแล้วแต่ชานยอลก็ยังไม่รู้ตัวแถมยังเอาแต่มองออกไปข้างนอกหน้าต่างอีก! ดวงตาเรียวพยายามเบิกกว้างมองตามทิศทางที่ชานยอลมองอยู่แต่ก็ไม่มีใครนอกจากผู้ชายสองสามคนที่ยืนรอรถอีกฝากของถนน แบคฮยอนกัดปากโกรธๆ

                หืม อะไรเหรอ?

                “ เราถามว่ามองอะไรอยู่! ”

                เป็นอีกครั้งที่ชานยอลเงียบไปแล้วมองกลับไปทางเดิมคล้ายกำลังคิดอะไรๆ อยู่ แบคฮยอนถลึงตาจ้องคนตรงหน้าเคืองๆ ก่อนจะเตะหน้าขาชานยอลใต้โต๊ะแรงๆ

                มองคนอื่นเหรอ!? ”

                “ ขี้หวงจัง

                ยังจะมายิ้มแบบนั้นอีกเจ้าบ้า! แบคฮยอนฟึดฟัดขนาดไหนชานยอลก็ยังยิ้มกว้าง มืออุ่นเอื้อมมือมาบีบแก้มเขาเบาๆ สองสามทีก็หลุดหัวเราะซะเอง

                ตลกรึไง ถ้าจับได้ว่ามองคนอื่นเรางอนนะ! ”

                “ หื้มมมม งั้นชาตินี้ก็ไม่ต้องได้งอนกันแล้วล่ะมั้ง

                “ ฮึ่ยย

                จะบอกไว้ก่อนเลยนะว่ากับชานยอลนี่แบคฮยอนหวงมากกกกก ใครจะมาแย่งเขาไม่ยอมหรอกนะ! แบบชานยอลจะหาได้ง่ายๆ ตามถนนรึไงกันเล่า! ก็หวังว่าชานยอลจะไม่รำคาญกับความเอาแต่ใจของแบคฮยอนและเอ็นดูแบคฮยอนไปนานๆ

     
     

                คิดได้อย่างนั้นแล้วก็รีบฉีกยิ้มหวานตาหยีเป็นเด็กดีทันทีทันใด

     
     

                ถ้าไม่มองคนอื่นวันนี้จะเป็นเด็กดี

                ได้ผลซะด้วย ชานยอลยิ้มกว้างกว่าเดิมก่อนจะกวักมือเรียกแบคฮยอนให้โน้มหน้าไปใกล้

                ขยับมานี่สิ มีอะไรเลอะตรงจมูกน่ะ

                “ เราไม่ได้กินเลอะขนาดนั้นสักหน่อย! ”

                “ ไหนว่าจะเป็นเด็กดีไง

                ต้นคอถูกดึงรั้งให้เข้าไปใกล้แบคฮยอนก็ยอมอยู่นิ่งๆ เป็นเด็กดีตามที่ให้สัญญา ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยตรงปลายจมูกแบคฮยอนเลยย่นคอหัวเราะคิกคักเพราะจั๊กจี๊ และในช่วงเวลาที่กระพริบตาหนึ่งครั้งในเสี้ยววินาทีนั้นเอง...ริมฝีปากอุ่นก็แนบลงมาซะแล้ว

                งือออออ!! ”

                แบคฮยอนหลับตาปี๋เมื่อความนุ่มหยุ่นบดเบียดลงมา ชานยอลจงใจทำเสียงดูดเบาๆ ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาจนแบคฮยอนอ่อนระทวยในอ้อมกอด มือใหญ่บีบแก้มเขาเบาๆ ราวกับจะเย้าแหย่ยังไงยังงั้น แบคฮยอนตัวสั่นตอนที่พวกเขาแลกลิ้นกันแนบชิดยิ่งขึ้น

               

                และนี่เป็นเหตุผลว่าชานยอลโปรดปรานมุมอับของร้านกาแฟเป็นที่สุด

     
     

                ...อืม แบคฮยอนเด็กดี

                เนื้อนุ่มผละออกจากกันเชื่องช้าจนได้ยินเสียงเฉอะแฉะ ชานยอลกระซิบชิดริมฝีปากแดงจัดเอ่ยชมเสียงแหบพร่า...ฟังดูเซ็กซี่จนแบคฮยอนหายใจฟืดฟาดเสียงดัง แก้มทั้งสองข้างเป็นสีแดง ทุบอกอีกคนดังปั้กก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะเอ็นดูได้ทันที

                ไอ้ลามก! ”

                “ อยากโดนอีกเหรอ...

                แบคฮยอนทุบไหล่ชานยอลไปหลายทีโทษฐานมาทำเสียงเซ็กซี่ใกล้หู หน้าแดงเพราะเขินมากกว่าโมโห สุดท้ายก็โดนชานยอลจับฟัดแก้มไปหลายทีกว่ากาแฟทีสั่งไปจะมาเสิร์ฟ

                อ๊า! เปลืองตัวจริงๆ เลย! ”

                “ เปลืองตัวกับปาร์คชานยอลไม่มีเสียใจนะ เนี่ยรอจะรับผิดชอบอยู่

                “ กินๆ กาแฟไปเลยเถอะ! ”

     







     

                ชานยอลคิดว่าเขาไม่ได้ระแวงไปเองแน่ๆ...

     
     

                ช่วงนี้เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีใครคนนึงกำลังติดตามเขาไปในทุกๆ ที่ พอจะรู้ว่าเป้นใครแต่ก็ยังไม่มั่นใจขนาดนั้น ชานยอลมองแบคฮยอนของเขาพูดเจื้อยแจ้วไปเพลินๆ ขณะที่หางตาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างเท่าที่จะทำได้...เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด

     
     

                มีผู้ชายคนนึงกำลังมองมาทางนี้จริงๆ

     
     

                ถ้าจำไม่ผิดคงจะเป็นนักกีฬาประจำมหาลัยที่ชานยอลพอจะเคยเห็นหน้ามาบ้างผ่านๆ ชานยอลไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นมองมาด้วยสีหน้าแบบไหน และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะแคร์ด้วย ที่เขาแคร์ก็คือหมอนั่นจะมายุ่มย่ามอะไรกับแบคฮยอนของเขารึเปล่าต่างหากล่ะ

                วันนี้อิ่มมากเลย

                “ ไว้จะพามาบ่อยๆ ดีมั้ย?

                “ ดีสิดี ชานยอลใจดีที่สุดเลย! ”

                หนทางกลับบ้านชานยอลต้องโอบตัวเล็กๆ ของเจ้าคนน่ารักไว้กับตัวเองตลอดเวลา รู้สึกได้ถึงเสียงฝีเท้าที่ก้าวตามกันมาด้านหลัง แบคฮยอนยังสนุกกับการเล่าเรื่องมากกว่าจะสนใจสิ่งรอบตัว ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มสดใสแต่งแต้มน่ามองไม่น้อยทีเดียว

                เดี๋ยวเข้าบ้านไปก่อนเลยนะแบคฮยอน เจอกันทีหลังโอเคมั้ย?

                “ ทำไมไม่เข้าบ้านด้วยกันก่อนอ่ะ

                “ เดี๋ยวคืนนี้จะไปนอนด้วย

                “ หูยยยย คุณนายพยอนหวงนะ

                ทำตาโตได้น่าหมั่นเขี้ยวจนต้องบีบจมูกรั้นๆ นั่นไปมา แบคฮยอนของเขาหัวเราะชอบใจปล่อยให้ชานยอลหอมแก้มได้ตั้งหลายที กว่าจะปล่อยแบคฮยอนเข้าบ้านได้นี่จับอีกคนฟัดจนช้ำไปหมดแล้วมั้ง

                ชานยอลจะไปไหนเหรอ? ไม่พาเราไปด้วยล่ะ?

                ขี้สงสัยนี่แหละแบคฮยอน น่ารักซะไม่มี แบบนี้คงต้องทำให้เขินจะได้เลิกถาม

                “ ...ไปซื้อของใช้สำหรับคืนนี้ครับ

                “ ...

                “ จะเอามาใช้กับแบคฮยอนไง

                “ อะ...อะ..ไอ้หื่นนนน!!! ”


















                “ ต้องการอะไรเหรอ?

                มีร่างใครคนนึงค่อยๆ เดินออกมาจากเงามืด ใครคนนั้นจับผมสีบลอนด์ซีดจนเกือบขาวของตัวเองทัดใบหู ชานยอลใช้ลิ้นดันกระพุงแก้มรอให้อีกคนเผยตัวอย่างใจเย็น

                เป็นนายจริงๆ ด้วยสินะ

                “ รู้จักกันด้วยเหรอ? ...ดีใจจัง

                คิมจงอิน ปี 1 จงใจกวนประสาทชานยอลชัดๆ! ไอ้รอยยิ้มเอียงอายนั่นมันอะไรกัน ชานยอลจ้องเจ้าเด็กปีหนึ่งไม่วางตาแต่ดูเหมือนว่าจะทำให้คิมจงอินบิดตัวมากกว่าเดิม

                โอเคคิมจงอิน...

                “ ไม่ใช่นะ

                “ … ”

                พี่ชานยอลเรียกเค้าว่านีนี่ดีกว่า พี่ชานยอลคือคนพิเศษ

     
     

                นีนี่?

               

                นีนี่อยากจะบอกพี่ชานยอลดีๆ นะ

                เด็กนีนี่(?)ปีหนึ่งเอียงคอมองชานยอลกระพริบตาปริบๆ อย่างโมเอ้(ล่ะมั้ง) ไอ้เด็กกีฬาประจำมหาลัยกำลังยิ้มเขินแล้วขยิบตาวิ้งค์ให้เขาอย่างงั้นเหรอวะ!? ชานยอลรู้สึกว่ากำลังมึนอย่างหนักคล้ายโดนอะไรกระแทกหัวจนเบลอ แต่ก็นั่นแหละ...เขาไม่ได้ตาฝาดแน่ๆ!

                เลิกกับแบคฮยอนซะ

                ชานยอลพ่นลมหายใจก่อนจะเดาะลิ้นเป็นจังหวะ

                ไม่

                “ ไม่เหรอ? พี่ชานยอลเคยแคร์นีนี่บ้างมั้ย

                “ หมายความว่าไงครับ? นายจะบอกว่าชอบพี่อย่างงั้นเหรอ

                นีนี่ชอบพี่ชานยอลที่สุด

     
     

              ...ถามเองช็อคเอง

     
     

                ชานยอลเผลอเบิกตาค้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง กว่าจะรู้ตัวเจ้าเด็กนีนี่อะไรนั่นก็ค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเองออกช้าๆ จิกสายตามองชานยอลคล้ายจะแผดเผา(?) นั่นยิ่งทำให้เขาสับสนกว่าเดิม เด็กนีนี่กัดริมฝีปากแล้วเปล่งเสียงออกมาท่ามกลางความเงียบ

                อ่าห์

                ...แล้วน้องเขาก็เริ่มวาดลวดลายเต้นได้สวยงามโดยไม่มีทำนองเพลง

                พี่ชานยอลว่านีนี่ไม่เซ็กซี่เลยเหรอ?

                แล้วน้องเขาก็เริ่มโยกเอว ปล่อยให้ชานยอลยืนตาค้างเพราะกำลังสตั้นท์

                ถึงนีนี่จะขาวสู้แบคฮยอนอะไรนั่นไม่ได้แต่นีนี่แซ่บกว่านะ...อ่าห์

                มือน้องเขาเริ่มเลื้อยตามตัวชานยอลแล้วจริงๆ คนอ่อนประสบการณ์ด้านนี้(?)ยืนตัวแข็งกลายเป็นเสาให้อีกคนรูดไปโดนปริยาย ชานยอลกำลังอึ้ง...อึ้งมากๆ ยิ่งเด็กนีนี่ลูบหลังคอเบาๆ เขาก็ยังอึ้งหนักกว่าเดิม น้องเขาทำท่าจะปลดเข็มขัดชานยอลก็สะดุ้งจนผลักร่างนั้นออกไป

                ทำอะไรวะ! ”

                “ ทำไมพี่ชานยอลใจร้ายกับนีนี่! แบคฮยอนนั่นแซ่บกว่านีนี่ตรงไหน! ”

                “ คิมจงอิน...

                “ นีนี่ต่างหากล่ะ! พี่ชานยอลคนบ้า! ”

                เด็กนีนี่รีบรวบสาบเสื้อของตัวเองแล้วเม้มปากสะบัดหน้า พอชานยอลบจะช่วยพยุงก็เซซบอกเหมือนไม่มีกระดูก แถมมือน้องเขายังคว้าหมับเข้าที่คอชานยอลอย่างช่ำชอง

                นี่นี่เจ็บ...

               

                เอ่อ...

     
     

                อุ้มนีนี่สิฮะ คืนนี้นีนี่เป็นของพี่ชานยอล

                ตุ้บ!

                “ อั๊ก! ”

                คือว่าพี่ชานยอลขอโทษจริงๆ นะครับนีนี่...

                นีนี่อย่าลดค่าตัวเองแบบนี้เลยครับ นีนี่ไม่มีวันได้หัวใจพี่ไปหรอก

                “ ทำไม?

                “ เพราะพี่รักแบคฮยอนของพี่น่ะสิครับ

                “ ฮึก...พี่ชานยอลใจร้าย

                “ พี่พร้อมจะยอมรับนีนี่เป็นน้องแต่ไม่ใช่คนรัก พี่อยากให้นีนี่กลับไปคิด

                “ พี่...ชาน...ยอล

                “ แล้วเจอกันใหม่เมื่อฟ้าสาง

     

     

                สรุปว่าหลังจากชานยอลเดินหันหลังจากมาเด็กนีนี่อะไรนั่นก็ลงไปดีดดิ้นบนพื้นทันที เสียงโวยวายห้าวทุ้มนั่นคือเสียงจริงของเด็กนั่นสินะ(ทำเอาชานยอลสะดุ้งไปเลย) ชานยอลเตะฝุ่นอย่างหงุดหงิด ปัญญาอ่อนชิบ...นี่ถ้าเขาไม่เคยเป็นเจ้าชายละครเวทีมาก่อนจะตีบทแตกมั้ยตอบ!

      

     

     




     

    #ฟิคพาโบ


     



    ตอนหน้าขอเชิญพบว่าวันช็อตหนึ่งตอนจบ
    ว่าด้วย ' เมื่อชานยอลโดนนีนี่วางยา '

    ช่วงนี้นีนี่นางมาแรงจริงๆ นะ 555555555

    ปล.ใครรอโฟโต้ขอให้อดทนค่ะ ขอเวลาจูนตัวเองแป๊บนะ มันต้องใช้แรงบันดาลใจหลายอย่าง

     

     
     

    (c)  Porcelain theme
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×