คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Safe in my hands
Chapter eight
Safe in my hands.
“ ...ผมขอโทษ ”
“ พ่อครับ...ผมขอโทษ ”
“ ขะ...ขอโทษครับ ”
เนื้อตัวของเด็กชายมอมแมมเปื้อนโคลนจนเลอะเทอะเพราะเพิ่งไปลงเล่นโคลนตรงหน้าบ้านหลังเล็กมา ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้เด็กชายคงเลือกที่จะไม่ทำมัน เขาทำให้พ่อโกรธอีกแล้ว พ่อจ้องมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว อี้ฟานตัวสั่นและเขากลัว...กลัวเหลือเกิน
ราวกับว่าคำขอโทษปนสะอื้นนั้นไม่มีความหมายใดๆ พ่อก้าวเข้ามาใกล้เพียงไม่กี่ก้าวก่อนจะจับแขนเขาเหวี่ยงลงกับพื้นจนไถลล้ม อี้ฟานเจ็บไปทั้งตัวแต่ไม่กล้าแม้จะปริปากออกมา เด็กชายเอาแต่ก้มหน้าและพูดคำว่าขอโทษซ้ำๆ แม้จะรู้ดีว่าเปล่าประโยชน์
“ แกมันไอ้เด็กเหลือขอ! ดีแต่สร้างปัญหา! ”
“ ฮึก ”
เพียงแค่หลุดเสียงสะอื้นพ่อก็ตวัดสายตาน่ากลัวคู่นั้นมามองทันที เด็กชายหลุบตามองลงพื้น พยายามกลั้นสะอื้นแต่ช่างยากเย็น
“ อ่อนแอ ไร้ประโยชน์ แกมันไม่มีค่าอะไรเลยสักอย่าง! ”
“ ถ้าฉันไม่รักเฟยเฟย...ฉันคงเอาแกตายไปแล้วรู้ไว้ซะ ”
แม้จะไม่สามารถเข้าใจทุกถ้อยคำด่าทอได้ทั้งหมดแต่อี้ฟานกลับรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจเหลือเกิน เขากลัวที่พ่อใช้สายตาแบบนั้นมองเขา เขาเจ็บไปหมดทั้งตัวเพราะแรงฟาดจากไม้เรียว ต่อให้ขอร้องอ้อนวอนแค่ไหนพ่อก็ไม่หยุด อี้ฟานล้มตัวนอนคุดคู้บนพื้นพร้อมกับความแสบผิว รู้สึกร้าวไปทั้งร่าง
วินาทีที่ใบหน้าสัมผัสพื้นหินอ่อนเย็นเฉียบเด็กชายคิดว่ามันสะอาดยิ่งกว่าตัวเขาเสียอีก เสื้อผ้าเปียกปอนและเลอะโคลนกำลังทำให้พื้นมันเงาเป็นรอยเปื้อนขนาดใหญ่ พ่อคงจะโกรธมากกว่าเดิม
พ่อจะตีเขาก็ไม่เป็นไร
แต่เขาหวังว่าพ่อจะเบาแรงลงสักหน่อยก็ยังดี
“ ขอโทษ...ฮึก...ขอโทษครับ ”
“ ถ้าคราวหน้าฉันเห็นแกกล้าออกจากบ้านหลังนั้นมาอีกฉันจะฆ่าแกให้ตายเลยคอยดูเถอะ! ”
เขาทำผิดอะไรมากมายกันนะ? เด็กชายไม่สามารถหาคำตอบใดๆ มาอธิบายให้ตัวเองเข้าใจได้เลย อี้ฟานรู้สึกราวกับว่าเวลาได้ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะถูกหยุดตี เสียงกรีดร้องดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของห้องโถงใหญ่ ดวงตาที่พร่าเบลอไปด้วยน้ำตามองเห็นร่างบอบบางในชุดกระโปรงวิ่งเข้ามาหา พ่อถูกผลักออกห่างจากเขา ร่างของเด็กชายถูกโอบประคองเอาไว้แน่น
“ อี้ฟาน! อี้ฟาน! ”
แม่นั่นเอง...อี้ฟานยิ้มออกมาทั้งน้ำตา อย่างน้อยหัวใจเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเพียงเพราะได้เห็นหน้าแม่ แต่เขาไม่ชอบเลย แม่ร้องไห้อีกแล้ว แม่ร้องไห้เพราะเขาอีกแล้ว
“ คุณทำอะไรลูกฉัน! กละ...กล้าดียังไง! ”
“ ...เฟยเฟย ”
“ อี้ฟานเป็นแค่เด็ก! ทำไมคุณถึงกล้าตีเขารุนแรงแบบนี้! ”
“ คุณไม่เข้าใจหรอก คุณดีแต่เข้าข้างมัน! ”
ร่างของอี้ฟานอ่อนปวกเปียกตอนที่ถูกแม่อุ้มขึ้นแนบอก แขนเล็กรีบกอดรัดและซุกตัวเข้าหาแม่อย่างต้องการที่พึ่ง แม่ร้องไห้เสียงดังก่อนจะพาเขาเดินหนีมาจากพ่อ
“ จะไปไหนเฟยเฟย! ”
“ ไปให้พ้นๆ ”
“ ไม่ อย่าไปนะ ”
“ ปล่อยให้เราสองแม่ลูกได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเถอะ... ”
เสียงตะโกนกราดเกรี้ยวดังไล่หลัง เสียงของตกแตก แม่เลือกที่จะทิ้งพ่อเอาไว้ที่นั่นเพียงลำพัง ริมฝีปากอุ่นจัดแนบลงมาบนหน้าผากเขาเบาๆ และนั่นทำให้เด็กชายร้องไห้ออกมาอีกครั้ง อ้อมกอดของแม่ช่างแสนอบอุ่นราวกับจะสามารถปกป้องเขาจากสิ่งเลวร้ายได้ทั้งปวง
“ แม่ขอโทษ... ”
เขาไม่เป็นไรตราบใดที่แม่ยังรักเขา และมันน่าเจ็บใจ...ที่สองฝ่ามือของเด็กชายไม่สามารถช่วยเช็ดหยดน้ำตาให้หมดไปจากใบหน้างดงามนั้นได้
ผมขอโทษ...ผมขอโทษครับแม่
ขอโทษที่เกิดมา และขอโทษที่ทำอะไรไม่ได้เลย
เปรี้ยงง
เฮือก!
ดวงตาเปิดกว้างท่ามกลางเสียงร้องครืนๆ และเสียงฟ้าผ่า มือคลำสะเปะสะปะเพื่อเปิดโคมไฟข้างเตียงพร้อมกับตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่งหอบหายใจถี่ หัวใจเขาเต้นรุนแรงในอก เม็ดเหงื่อผุดซึมตามใบหน้าแม้อากาศในคืนนี้จะไม่ได้ร้อนแม้แต่นิดเดียว
ฝันร้าย เขาฝันร้ายทั้งยังพบว่าตัวเองละเมอร้องไห้ แม้จะสะดุ้งตื่นจากฝันแต่อี้ฟานยังรู้สึกเหมือนเจ็บแสบไปทั้งตัวเพราะโดนตี เขาพยายามรวบรวมสติ กอบกุมความรู้สึกที่แตกกระจัดกระจายให้กลับมาเป็นตัวตนของตัวเองใหม่อีกครั้ง
อี้ฟานสะอื้นเบาๆ เพราะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตกใจของตัวเองได้ดีนัก ยิ่งตระหนักได้ว่าอาเล่ยไม่อยู่บ้าน ไม่ทราบเวลากลับที่แน่ชัด อี้ฟานก็ยิ่งอ่อนแอเพราะไม่มีสัมผัสนุ่มนวลปลอบประโลมเหมือนทุกครั้งที่เขาละเมอฝันร้าย
เจ้าตุ๊กตาหมีสวมชุดนอนข้างตัวเป็นที่พึ่งเดียวในตอนนี้ของเขากับผ้าห่มหอมๆ หนึ่งผืนที่อาเล่ยซักให้ เด็กหนุ่มนั่งกอดเข่าเงียบๆ บนเตียงแต่น้ำตาก็ยังไหลออกมาไม่หยุด เขาฝันร้ายและต้องการมีคนปลอบ คนที่รู้สึกอุ่นใจเวลาอยู่ด้วย...คนที่ไม่อยู่บ้านในตอนนี้
ปกติเด็กชายมักจะเข้านอนพร้อมพ่อทูนหัวจนเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวัน พอมาวันนี้อีกคนกลับมีงานด่วนต้องรีบออกไป อาเล่ยส่งอี้ฟานเข้านอนพร้อมกับจูบราตรีสวัสดิ์บนหน้าผาก ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังหลับๆ ตื่นๆ เมื่ออีกคนไม่อยู่บ้าน
รีบกลับมานะอาเล่ย
ถึงครั้งที่ฝันถึงพ่ออี้ฟานรู้สึกแย่และอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก เขามักจะนึกถึงความทรงจำดีๆ สมัยเด็กตอนที่พ่อแท้ๆ ยังไม่ตาย หากแต่มันก็เลือนลางจนแทบจำใบหน้าของผู้ชายใจดีและขี้เล่นคนนั้นแทบไม่ได้แล้ว ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาฝันถึงเมื่อกี้นี้
ฟ้าผ่าลงมาอีกครั้งและอีกครั้งไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ เด็กหนุ่มไม่กล้าขยับตัวไปไหนมากนัก ตอนนี้เขาจะนั่งบนเตียงรอจนกว่าอาเล่ยกลับมา ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่อี้ฟานคงไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป
...
“ เลย์ ”
“ … ”
“ เลย์? ”
“ … ”
“ เลย์! ”
เจ้าของชื่อหันกลับไปมองหน้าคนเรียกพร้อมกับยิ้มเครียดๆ รอยยิ้มแปลกประหลาดที่ดูไม่เหมือนเลย์ในโหมดปกติทำให้ทุกคนในห้องอัดเสียงมองกันไปมาอย่างฉงน เวลาห้าทุ่มยี่สิบนาที เลย์ไม่รู้ตัวเลยว่าก้มมองนาฬิกาบ่อยยิ่งกว่าเงยหน้าขึ้นสบตากับใครๆ เสียอีก
“ อะไรนะครับ? ”
“ ฉันบอกว่าเพลงของนายโอเคเลยนะ แค่ต้องปรับนิดหน่อยนอกนั้นก็ดีหมด ”
“ แบบนั้นผมก็ดีใจครับ ”
เลย์ว่ายิ้มๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปขมวดคิ้วก้มมองนาฬิกาอีกครั้ง เขาออกบ้านมาตั้งแต่ตอนสามทุ่มเพราะถูกโทรเรียกตัวด่วน ทิ้งเจ้าเด็กขี้กลัวไว้คนเดียวที่บ้านแถมคืนนี้ยังมีฟ้าร้องฟ้าผ่าไม่หยุดอีก ปกติเลย์ไม่เคยทิ้งอี้ฟานไว้ที่บ้านคนเดียวยกเว้นครั้งนี้ที่มันกะทันหันจริงๆ
“ รีบเหรอเลย์? เห็นนายเอาแต่ก้มมองนาฬิกา ”
“ ครับ...ผมทิ้งแมวไว้ที่บ้านคนเดียวน่ะครับ ”
ตอนเช้าก็เปิดร้านขายดอกไม้ ตกเย็นก็แปลงร่างเป็นนักแต่งเพลง มีหลายเพลงที่เขาแต่งและมันกลายเป็นโด่งดังในระยะเวลาหนึ่ง ฝีมือของเลย์พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั่นสามารถทำให้หาเงินก้อนโตได้จากเพลงๆ เดียว อีกอย่างมันก็เป็นสิ่งที่เขารัก
อี้ฟานน่ะเป็นแรงบันดาลใจของเพลงที่เลย์แต่งหลายเพลงเชียวล่ะ คงไม่ต้องเดาหรอกว่าเลย์ชอบแต่งเพลงแนวไหน ก็นะ...เพลงรักนั่นแหละ เจ้าเด็กนั่นเหมือนตัวกักเก็บตัวโน้ตดนตรีที่พอเขาได้แตะตัวปุ๊บโน้ตพวกนั้นก็แตกกระจายออกมาเป็นบทเพลงในหัวของเลย์ แบบนั้นเลย
และตอนนี้เขาอยากจะกลับบ้านไปหาอี้ฟานแล้วล่ะ
“ มีอะไรอีกหรือเปล่าครับ? หรือจะให้ผมแก้เนื้อเพลงตรงไหน? ”
“ ไม่ต้องหรอก เพลงของนายน่ะดีแล้ว เดี๋ยวเรื่องปรับเสียงพวกฉันจะจัดการเอง ”
“ แล้วผม... ”
พี่ชายที่เขาเคารพนับถือพยักหน้าน้อยๆ ทุกคนในห้องอัดเสียงมองมาที่เลย์อย่างขบขันกับท่าทางลุกลี้ลุกลนแปลกๆ ฝ่ามือบางแทบจะคว้ากระเป๋าเป้ใบโปรดบินออกมาจากบริษัทด้วยความไวแสงเมื่อได้รับรอยยิ้มและคำอนุญาต
“ โอเค กลับบ้านได้แล้วเดี๋ยวแมวจะตกใจเสียงฟ้าร้องตายเสียก่อน ”
นั่นแหละ เขาหวังว่าอี้ฟานจะไม่สะดุ้งตื่นขึ้นมาร้องไห้งอแงหรอกนะ
...
เด็กหนุ่มได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน...ขายาวลุกขึ้นวิ่งพรวดพราดไปที่หน้าต่างก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างดีใจเมื่อเห็นเจ้ารถ Fiat 500 Classic ของอาเล่ยจอดนิ่งสนิท ร่างบอบบางก้าวขาลงจากรถและกำลังวิ่งฝ่าฝนตรงเข้ามา อี้ฟานพาร่างตัวเองผละออกห่างหน้าต่างและวิ่งตึงตังลงไปชั้นล่างทันที
เด็กดีของอาเล่ยแทบจะโผเข้ากอดอีกคนทันทีที่ประตูเปิดออกทำเอาอาเล่ยร้องเสียงหลง กลายร่างเป็นเจ้าแมวอย่างที่อีกคนเคยว่าไว้และดีใจเหลือเกินที่เห็นเจ้าของกลับมาบ้านสักที นานเป็นชั่วโมงที่เขาต้องต่อสู้กับความหวาดกลัวของตัวเองอย่างหนัก อี้ฟานกอดรัดร่างอาเล่ยเอาไว้เต็มอ้อมแขน ฝ่ามือที่ลูบแผ่นหลังขึ้นลงเบาๆ สามารถขับไล่ภาพจากฝันร้ายให้หายไปในพริบตา
แม้จะได้ยินเสียงฟ้าผ่าอยู่ด้านนอกแต่เขาก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวหรือนึกถึงฝันร้ายอีกต่อไป อี้ฟานรู้สึกเหมือนเขาไม่ได้เจออาเล่ยมาเป็นวันๆ ทั้งที่แค่ห่างกันไม่กี่ชั่วโมง รู้สึกกระวนกระวายใจและคิดมากแต่ตอนนี้พอได้กอดร่างนุ่มนิ่มหัวใจเขาก็ค่อยๆ เต้นช้าลงแลอุ่นวาบเหมือนดอกไม้ที่โดนแสงแดดตอนเช้า
“ ว่าไงเจ้าแมว ตกใจเสียงฟ้าผ่าเหรอหื้ม? ”
“ อื้อ แล้วก็ฝันร้าย ”
อี้ฟานเอาแต่ซุกหน้าลงกับคอของพ่อทูนหัว ปล่อยให้อีกคนปลอบประโลม เมื่อเขาเริ่มนึกถึงฝันร้ายๆ นั่นก็จะต้องกอดอาเล่ยเอาไว้ให้แน่น ไออุ่นและกลิ่นหอมเจือจางทำให้เขามั่นใจได้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแต่มีใครคนหนึ่งพร้อมจะรับฟังทุกปัญหา
“ ผมฝันถึงพ่อ พ่อโมโหที่ผมแอบไปเล่นข้างนอกแล้วก็ตัวเลอะโคลนกลับเข้ามา โดนตี...เจ็บมากๆ จนเหมือนจะตายเลย สะดุ้งตื่นก็ยังรู้สึกเหมือนมันเกิดขึ้นจริงๆ ”
“ อืม มันก็แค่ฝัน ตอนนี้ต่างหากความจริง ”
หลับตาพริ้มครางในลำคอเบาๆ ด้วยความพอใจกับสัมผัสนุ่มนวลบนกลุ่มผม อี้ฟานพ่นลมหายใจเบาๆ สองแขนกอดรัดอาเล่ยแสดงความเป็นเจ้าของอย่างย่ามใจ
“ ผมรู้...แต่ก็ยังกลัว ”
“ ถ้าผมเจอพ่ออีกครั้งมันจะเป็นยังไงนะ เขาจะเกลียดผม อยากฆ่าผมเหมือนเดิมใช่มั้ย? ”
สิ่งที่พ่อเคยทำกับเขามันได้สร้างบาดแผลขนาดใหญ่ไว้ในใจของเขา มันกลายเป็นรอยแผลเป็นที่เห็นชัด และทุกครั้งที่ฝันหรือนึกถึงพ่ออี้ฟานรู้สึกเหมือนถูกมีดคมกรีดลงมาซ้ำบนแผลเป็นอีกครั้ง
และอาเล่ยก็เหมือนยาสมานแผลที่ดีที่สุดในโลก
“ ทำไมนายจะต้องเสียเวลาไปสนใจคนที่ทำไม่ดีกับนายด้วยล่ะ ”
“ ก็เขาทำให้ผมรู้สึกแย่ ”
“ เกลียดเขามั้ย? ”
“ ไม่...ไม่รู้สิ ผมไม่แน่ใจ บางทีผมก็เกลียดเขาแต่บางทีผมก็ไม่ได้เกลียดเขา ”
อาเล่ยสางผมเขาเล่นก่อนจะขยุ้มมันเบาๆ เสียงหัวเราะดังขึ้นในห้องนั่งเล่นที่เงียบจนได้ยินเสียงฝนตกด้านนอก อี้ฟานช้อนตามองอย่างไม่เข้าใจนัก
“ นายไม่ได้เกลียดเขาหรอก ”
“ ทำไม...อาเล่ย... ”
“ เพราะนายลังเล ”
“ นายบอกว่าเกลียดเขาแต่นายก็ไม่แน่ใจว่าเกลียดเขาจริงหรือเปล่า เพราะยังลังเล นั่นแปลว่านายไม่ได้เกลียดเขาจริงๆ หรอก ”
“ ถึงผู้ชายคนนั้นจะทำไม่ดีกับอี้ฟานเอาไว้แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าอี้ฟานจะต้องเกลียดเขาเสมอไปใช่มั้ยล่ะ? ไม่เกลียดน่ะดีแล้ว... ”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มถูกประคองอย่างอ่อนโยนด้วยสองฝ่ามือ อาเล่ยคลี่ยิ้มอ่อนหวาน จับใจคนมองและฝังรากลึกลงไปในใจของเขาอย่างช้าๆ
“ คนที่ใช้ชีวิตด้วยความเกลียดชังคนอื่นเขาเป็นคนที่น่าสงสาร ”
“ ความเกลียดทำให้เรามองไม่เห็นความสุขรอบตัว จำไว้นะ ”
ความจริงอี้ฟานก็ตระหนักได้ตั้งนานแล้วว่าทำไมอาเล่ยถึงเป็นเพื่อนคนสำคัญของแม่ เป็นเพื่อนที่แม่ไว้ใจนักหนา อี้ฟานคิดเสมอว่าแม่ของเขาเป็นผู้หญิงจิตใจดีเหมือนนางฟ้าและอ่อนโยน แต่อาเล่ยนั้นเป็นยิ่งกว่า...เป็นยิ่งกว่าคนใจดีเป็นยิ่งกว่าความอ่อนโยนที่ใครบนโลกจะเทียบเคียง
อาจจะฟังดูไม่ดี แต่หากถามว่าเขาอยากขโมยอะไรมากที่สุดในตอนนี้ หากว่าอี้ฟานเป็นโจร...
“ วิธีที่จะเอาคืนผู้ชายคนนั้นได้สาสมที่สุดก็คือเป็นคนที่ดีกว่าเขา ”
“ อี้ฟานเด็กดีทำได้ใช่มั้ย? ”
“ อื้อ ”
“ ถ้ากลัวหรือฝันร้ายอีกให้บอกฉันนะ แล้วฉันก็จะจับมือนายเอาไว้แบบนี้... ”
สองฝ่ามือขนาดแตกต่างกันค่อยๆ สอดประสานนิ้วอย่างเชื่องช้า เด็กหนุ่มมองริมฝีปากสีระเรื่อแนบลงบนมือเบาๆ ด้วยหัวใจที่พองโต อี้ฟานยิ้มกว้าง อาเล่ยก็ยิ้มหวาน เสียงฟ้าร้องหยุดไปเหลือเพียงเสียงเม็ดฝนตกเปาะแปะกระทบบนหลังคาแบบที่พวกเราชอบ
...ความรัก
เขาอยากขโมยความรักทั้งหมดของอาเล่ยมาเป็นของตัวเอง
“ ไม่ว่ายังไงฉันก็จะอยู่ข้างนาย ”
ในวันที่เขาตกต่ำที่สุดกลับมีสองมือฉุดรั้งให้ลุกขึ้นมาเจอกับแสงสว่างที่สวยงาม และเป็นสองมือที่คอยปลอบประโลม เป็นสองมือที่โอบกอด เป็นสองมือที่เช็ดน้ำตา เป็นสองมือที่ทำให้อี้ฟานประกอบมาเป็นอี้ฟานคนใหม่ คนที่ดีกว่าเดิม
อาเล่ยมีเพียงสองมือ แต่ช่างเป็นสองมืออบอุ่น...ที่เพียงแค่ยื่นมาตรงหน้าเขาก็พร้อมจับคว้าจับโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น เขาจะทำถ้าอาเล่ยบอกให้ทำและจะไม่ทำถ้าอาเล่ยบอกว่าไม่ควรทำ ไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น
และเขาก็ตระหนักได้ว่าการมีใครสักคนมารักมันวิเศษได้ขนาดนี้ อาเล่ยจะรู้มั้ยนะว่ากำลังทำให้อี้ฟานกลายเป็นคนโลภ เขาอยากจะได้ทั้งหมดของอาเล่ย...ขณะเดียวกันเขาก็อยากจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองมีให้อาเล่ยเช่นกัน จะชีวิตหรือหัวใจ...ได้ทั้งนั้น
“ อย่ากลัวเลยนะ ”
เย้ ช่วงนี้มีพายุเข้าฝนเลยตกทุกเย็นเลย อากาศดีมากๆ
หลังจากนี้ไปไม่รู้จะได้อัพบ่อยมั้ยจากที่ไม่ค่อยบ่อยอยู่แล้ว ถถถถถ
แต่เรายังเล่นทวิตเสมอค่ะ 55555
อวยพรให้เราหน่อย ขอให้เราอย่าขี้เกียจเลยย
ปล. ฟิคเรื่องไหนเราค้างไว้ต้องขออภัยจริงๆ ; _ ; จบเรื่องนี้จะต่อให้นะ อย่าโกรธกัน
ความคิดเห็น