คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : XOXO
Chapter six
Xoxo.
มันนานมากแล้วที่อี้ฟานไม่ได้เจอแม่
อ้อมแขนเล็กที่แทบจะโอบรอบตัวเขาไม่มิดแต่ทันทีที่สวมกอดลงมากลับทำให้อี้ฟานอุ่นวาบ เด็กหนุ่มสวมกอดตอบและซุกใบหน้าเปื้อนน้ำตาไว้บนไหล่เล็ก เขาได้กลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดิมของแม่ สัมผัสปลอบประโลมแผ่วเบาตรงแผ่นหลังกับคำกระซิบบอกรักเขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
แม่ในสายตาอี้ฟานตอนนี้เหมือนตัวเล็กลงแต่ความจริงแล้วเป็นเพราะเขาตัวโตขึ้นต่างหากล่ะ เวลาผ่านไปรวดเร็วจนน่าตกใจในขณะเดียวกันก็ผ่านไปเชื่องช้าเช่นกัน อี้ฟานร้องไห้ในรอบหลายปี เขาสะอึกสะอื้นเหมือนเด็กๆ กอดรัดร่างของแม่เอาไว้ให้แน่นที่สุด
“ ร้องไห้ทำไมคนเก่งของแม่ หื้ม? ”
เขาส่ายหน้าก่อนจะซุกตัวเองลงในอ้อมกอดของแม่อีกครั้ง เจ็ดปีที่ผ่านมาเขาได้เจอแม่เพียงแค่ปีละสองสามครั้ง แม่ต้องดูแลพ่อเลยปลีกตัวออกมาหาเขาไม่ได้บ่อยๆ ส่วนพ่อเองก็คงจะไม่ยอมให้แม่มาหาเขาได้ง่ายๆ แน่ ในบางทีอี้ฟานก็นึกสงสัยว่าทำไมพ่อไม่หายไปจากโลกนี้สักที พ่อที่แย่งแม่ไปจากเขาและไม่เคยคิดที่จะรักเขาเลยสักครั้ง ผู้ชายที่ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเขาด้วยซ้ำ
อี้ฟานเกลียดพ่อ
แต่เพราะแม่เขากลับเกลียดพ่อไม่ลง
“ ที่ไม่ได้มาหาบ่อยๆ แม่ขอโทษนะอี้ฟาน ”
“ ไม่เป็นอะไร ผมรู้ว่าแม่ยุ่งมากแค่มาหาก็ดีแล้ว ”
แม่เหนื่อยขนาดไหนทำไมเขาจะไม่รู้ อี้ฟานไม่อยากทำตัวเป็นปัญหาให้แม่หรืออาเล่ยหนักใจ แม้ตัวเขาเองจะอยากได้ความรักมากแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยเรียกร้องมากเกินจำเป็น
“ แม่เป็นแม่ที่ไม่ดีเลยว่ามั้ย... ”
“ ไม่ใช่สักหน่อย ผมรักแม่ ”
เขาทิ้งตัวลงนอนบนตักนุ่มและจับมือแม่มาแนบผิวแก้ม มือคู่นี้ที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก ทะนุถนอมเขา ปลอบประโลมเขา นานมากแล้วที่ไม่ได้สัมผัสแต่ความรู้สึกก็ยังอบอุ่นเหมือนเดิม อี้ฟานรู้สึกเหมือนกลับกลายไปเป็นเด็กน้อยอีกครั้ง ในตอนที่ครอบครัวเรามีกันสามคนพ่อแม่ลูก ตอนที่แม่ไม่ได้แต่งงานใหม่
“ ขอบใจมากนะเลย์ ถ้าอี้ฟานไม่ได้นายเขาคงแย่ ”
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น ฟังแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที ฝ่ามือบางนวดคลึงบนหลังมือของแม่สลับกับบีบเบาๆ คล้ายให้กำลังใจ
“ พูดอะไรอย่างนั้น เราก็เหมือนครอบครัวเดียวกันแล้ว ”
“ อี้ฟานไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับนายแต่นายก็ดูแลเขามาอย่างดีตลอด เลย์...ฉันไม่รู้จะขอบคุณนายยังไงนอกจากบอกว่านายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน ”
“ ฉันเต็มใจ ”
รอยยิ้มของอาเล่ยมักทำให้คนมองสบายใจขึ้นเสมอ เด็กหนุ่มที่แอบมองอยู่เงียบๆ คิดว่าแม่เองก็คงจะคิดไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่ แม่ระบายยิ้มสวยๆ เต็มใบหน้า ดูสดใสขึ้นกว่าเดิม และนั่นทำให้อี้ฟานมีความสุขไม่น้อยไปกว่าที่แม่รู้สึกเลย
“ ถ้าเธอมีความสุขมันก็ดีแล้ว เพื่อนจะปล่อยให้เพื่อนทุกข์ได้ยังไงล่ะจริงมั้ย ”
“ ขอบคุณเลย์ ขอบคุณมากจริงๆ ”
อาเล่ยเพียงแค่ยิ้ม ยิ้มแบบที่มักจะยิ้มให้อี้ฟานตลอด เป็นยิ้มที่อบอุ่นราวกับแสงแดดยามเช้า ราวกับคำอวยพรให้พรุ่งนี้เขาได้พบเจอสิ่งที่ดี เด็กหนุ่มเบียดแก้มลงบนฝ่ามือของแม่ขณะที่สายตาจับจ้องใบหน้าหวานละมุนของอาเล่ยแทบไม่ละออกไปไหน
“ ฉันเองก็อยากจะขอบคุณเธอเหมือนกัน ”
รอยยิ้มเจิดจ้านั่น
“ ถือซะว่าอี้ฟานเป็นของขวัญที่เธอให้ฉันแล้วกันนะ ”
“ ใช่มั้ยล่ะอี้ฟาน? ”
เขาอยากจะมองเห็นมันตลอดไป
“ ครับอาเล่ย ”
...
อี้ฟานรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปเป็นเด็กชายอีกครั้ง เขานั่งบนพื้นเอาคางเกยกับเข่าของแม่ขณะที่หูฟังแม่เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง แม่เล่าถึงเรื่องราวที่แม่เจอทั้งเรื่องดีและแย่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและเขาชอบเหลือเกินที่จะนั่งมองมันอยู่แบบนี้ วูบหนึ่งเขานึกอยากเข้าไปมีส่วนรวมในความทรงจำของแม่บ้าง เจ็ดปีที่ผ่านมาเขาแทบไม่ได้สร้างความทรงจำอะไรร่วมกับแม่เลยนอกจากการคุยโทรศัพท์เป็นครั้งคราว
เด็กหนุ่มเหมือนจะกลายเป็นคนขี้อิจฉาไปเสียแล้ว แต่พอแม่ลูบแก้มเขาเบาๆ แล้วส่งยิ้มหวานจับใจมาให้อี้ฟานก็แทบจะลืมทุกความน้อยใจและส่งยิ้มตอบกลับไปในทันที
“ อยู่กับอาเลย์เป็นเด็กดีมั้ยหืม? ”
“ อื้อ ”
อี้ฟานไม่เคยดื้อกับอาเล่ย เขาดื้อไม่ลงหรอกในเมื่ออีกฝ่ายแสนดีขนาดนั้น
“ อย่าดื้อกับอาเลย์เขานะรู้มั้ย ”
“ ผมไม่ดื้อกับอาเล่ยหรอก ”
เขาตอบ ห้องนั่งเล่นเหลือเพียงแค่เขากับแม่ส่วนอาเล่ยก็ขอตัวไปจัดการมื้อเย็น วันนี้เป็นครั้งแรกในรอบปีที่แม่ใช้เวลาอยู่กับเขานานที่สุด อี้ฟานมีความสุขมากๆ หากเขามีพลังวิเศษเขาอยากจะขอหยุดเวลาไว้ตรงนี้ตลอดไปเลย
“ หื้ม? จริงหรือเปล่าเนี่ย อย่าโกหกแม่นะ ”
“ ถามอาเล่ยก็ได้ว่าผมเป็นเด็กดีอยู่แล้ว ”
เขาถูไถแก้มไปมาตรงหัวเข่าของแม่อย่างตั้งใจจะอ้อน สายตาจ้องตรงไปที่แผ่นหลังของใครอีกคนที่กำลังง่วนอยู่ในครัว อี้ฟานอมยิ้มเมื่อได้ยินอาเล่ยฮัมเพลงอีกแล้ว
“ ขอบคุณมากนะครับแม่ ”
เด็กหนุ่มดึงมือแม่มาจูบเบาๆ หลายทีและทำเสียงจุ๊บๆ ไปด้วย
“ อยู่กับอาเล่ยผมมีความสุขมากๆ เลยครับ ผมไม่อยากได้อะไรแล้วขอแค่แม่มาเยี่ยมผมบ่อยๆ ก็พอ ได้มั้ยครับ? ”
“ ได้สิจ้ะ แม่จะมาหาอี้ฟานบ่อยๆ นะไม่ต้องห่วง ”
“ แต่ถ้าพ่อไม่อยากให้แม่มาก็ไม่ต้องฝืนนะครับ ผมไม่อยากให้แม่ทะเลาะกับพ่ออีก ”
“ โธ่อี้ฟาน...แม่ขอโทษนะ ”
ความจริงเป็นยังไงย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ อี้ฟานไม่คิดจะหวังมากนักหรอก ถึงแม่จะอยากมาหาเขาบ่อยๆ แต่ถ้าพ่อรู้ก็คงไม่ดีแน่ ผู้ชายคนนั้นดีแต่รักแม่ไม่เคยรักลูกที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขอย่างเขาหรอก ทั้งที่แม่เป็นของเขาแท้ๆ แต่พ่อกลับทำเหมือนว่าเขาแย่งแม่มา หลายครั้งที่อี้ฟานอยากบอกว่าเขาเกลียดพ่อคนนั้นเหลือเกิน แต่เขาก็ทำได้แค่เงียบเพราะรู้ว่าแม่รักพ่อมากแค่ไหน
“ แม่ขอโทษที่ทิ้งอี้ฟานไว้แบบนี้ ”
“ ไม่เป็นไรครับแม่ ”
แม่ของเขาทั้งเข้มแข็งและเปราะบาง อี้ฟานแค่อยากจะให้แม่มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเลือก
“ ...ผมรู้ว่าแม่รักเขา ”
และขอให้แม่รักอี้ฟานเหมือนที่รักเขาก็พอแล้ว
...
เฟยเฟยขอตัวกลับบ้านหลังจากทานมื้อเย็นด้วยกันเสร็จซึ่งมีเลย์กับอี้ฟานคอยรอยืนส่งขึ้นรถอยู่หน้าบ้าน เธอตาแดงเล็กน้อยไม่ต่างกับลูกชายของเธอ เลย์เข้าใจดีว่ากว่าสองแม่ลูกจะหาเวลามาเจอกันได้นั้นค่อนข้างจะยากลำบากพอสมควร แม้เลย์จะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยแฟร์กับอี้ฟานสักเท่าไหร่แต่เขาก็ไม่ละลาบละล้วงไปมากกว่านี้ แค่เขาดูแลเจ้าแมวตัวโตให้ดีก็พอแล้ว...
เลย์กอดกับเฟยเฟยอยู่พักใหญ่ เธอเอาแต่พร่ำขอบคุณและขอโทษ เขามองดูเพื่อนสนิทที่พยายามกลั้นน้ำตาแล้วก็ได้แต่ลูบหลังปลอบใจเธอเท่านั้น บางทีเพื่อนอย่างเขาก็ไม่ได้แค่ให้คำปรึกษาแต่ยังคอยอยู่เคียงข้างเธอในช่วงเวลาที่ยากลำบาก สุดท้ายอี้ฟานก็เข้ามากอดทั้งเลย์กับเฟยเฟยเอาไว้ พวกเขาสามคนยืนกอดกันกลมอยู่นานหลายสิบนาทีจนกระทั่งจำต้องปล่อย
“ รักษาตัวดีๆ นะรู้มั้ย ”
“ ฮะๆ เลย์ รู้แล้วล่ะน่า นายก็เอาแต่ย้ำฉัน ”
“ เรื่องอี้ฟานไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะช่วยดูแลเอง ”
“ ขอบใจนะเลย์ ”
“ เธอพูดคำนี้บ่อยเกินไปแล้วนะ ”
เขาเช็ดน้ำตาให้เพื่อนสนิทอย่างอ่อนโยนก่อนจะลูบหัวเธอเบาๆ
“ ไว้จะมาหาใหม่นะ ”
“ แม่จะโทรหาบ่อยๆ นะอี้ฟาน เป็นเด็กดีของอาเลย์นะจ้ะ ”
อี้ฟานซุกหน้าลงกับไหล่ของเลย์ขณะที่รถยนต์สีดำสนิทแล่นห่างไปไกล ความอุ่นชื้นตรงหัวไหล่ทำให้เลย์กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ฝ่ามือลูบขึ้นลงตรงแผ่นหลังกว้างที่สั่นเทา อายุสิบเจ็ดแล้วแท้ๆ ยังร้องไห้โยเยเป็นเด็กน้อยให้เลย์ปลอบอยู่เลย
“ ไม่เอาสิ ไม่ร้องไห้นะ ”
“ ...ไม่ได้ร้อง ”
เสียงอู้อี้ดังขึ้นแต่อี้ฟานก็ยังกอดเขาไม่ปล่อย ส่วนสูงที่ต่างกันมากเลย์ก็กลัวว่าคนที่ต้องโน้มตัวลงมากอดเขาเนี่ยสิจะปวดเนื้อปวดตัวเอาได้ เขาโยกตัวไปมาเหมือนกล่อมเด็กและเด็กที่ว่าก็ยอมสงบแต่โดยดี
“ ร้องไห้นี่ดีใจหรือน้อยใจเนี่ย ”
“ ทั้งสองอย่าง ”
“ อือ อย่าน้อยใจเลยนะอี้ฟาน อาเล่ยของอี้ฟานก็อยู่นี่ทั้งคน ”
กว่าจะปลอบเจ้าแมวตัวโตของเขาได้เลย์ก็แทบหมดแรงอยู่เหมือนกัน ค่ำวันนี้ฝนตกไม่มากนักจนสามารถเปิดหน้าต่างรับลมกับไอดินจากด้านนอกได้สบายเลยล่ะ เวลาสองทุ่มสี่สิบห้านาทีเขากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงนุ่มโดยมีอี้ฟานซุกอยู่แถวๆ หน้าตัก
สภาพที่ดูอ่อนแอกว่าปกติ จมูกและตาแดงๆ ของอี้ฟานทำให้เลย์ใจร้ายปล่อยนอนคนเดียวไม่ลงเลยพาอี้ฟานหอบมานอนในห้องด้วยเสียเลย เด็กตัวโตคลอเคลียเลย์อยู่ไม่ห่างและคอยส่งเสียงกระซิกๆ สูดน้ำมูกอย่างน่าสงสารตลอดเวลา เพิ่งจะมาผล็อยหลับไปก็ไม่กี่สิบนาทีผ่ามานี้
ภายในห้องคลอไปด้วยเสียงดนตรี Acoustic ฟังสบายกับเสียงพลิกหน้ากระดาษ อ้อ...เสียงกรนฟี้ๆ ของอี้ฟานด้วยซึ่งตอนนี้เปลี่ยนท่ามานอนซุกเอวเขาแล้วเรียบร้อย ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของแม้แต่ตอนนอนเลยนะ มันน่าหยิกแก้มจริงๆ เลย
“ อืออ ”
“ อาเล่ย อาเล่ย... ”
ดูเหมือนว่าวันนี้เจ้าแมวตัวโตจะงอแงเป็นพิเศษ คงเพราะคิดถึงแม่ล่ะมั้ง? อี้ฟานทำหน้ายุ่งขณะที่พยายามเบียดเข้าหาเลย์มากขึ้น มือใหญ่ยกขึ้นขยี้ตาก่อนจะช้อนขึ้นมองเขาเหมือนเด็กๆ
“ อาเล่ยทำไมไม่นอน... ”
แนบแก้มลงบนหลังมือเขาแล้วเบียดๆ ไปมาอย่างขัดอกขัดใจ คิ้วหนาขมวดมุ่น ละเมอหรือเปล่าก็ไม่รู้ เลย์จำต้องวางหนังสือในมือไว้บนโต๊ะข้างเตียงอย่างช่วยไม่ได้
“ อาเล่ย... ”
“ โอเค โอเค จะนอนแล้วนี่ไง ”
พอเขาล้มตัวลงนอนเจ้าเด็กข้างๆ ก็ขยับเข้ามาซุกทันทีเหมือนรอจังหวะมานานแล้วก็ทำท่าเหมือนจะหลับลึกซะง่ายๆ ฟังจากเสียงฟี้ๆ เลย์บิดจมูกโด่งเบาๆ ก่อนจะหัวเราะกับตัวเอง ผ้านวมผืนใหญ่หอมกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มคลุมร่างของพวกเขาสองคนเอาไว้ในคืนที่อากาศเย็นสบาย เลย์มองใบหน้าสงบนิ่งของอี้ฟานอย่างชั่งใจก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบปากกาเมจิกสีแดงตรงโต๊ะข้างเตียงมา
ก้มจูบหลังมือเจ้าแมวตัวโตขี้เซาแผ่วเบา
บรรจงวาดเมจิกสีแดงเป็นรูปหัวใจบนมือใหญ่ๆ
ลงท้ายด้วย XOXO
“ ฮะๆๆ ”
ทำเองแล้วก็ต้องมานั่งกลั้นหัวเราะเอง หากเขามีลิปสติกสีแดงสักแท่งล่ะก็คงจะเขียนรูปหัวใจลงบนแก้มอี้ฟานแน่ๆ คนนอนหลับปุ๋ยก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรนอกจากหลับตาพริ้มอยู่ในห้วงนิทราแสนสุข เลย์ยกมือข้างที่ถูกเขียนของอี้ฟานขึ้นมาดูแล้วหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“ ฝันดีนะเจ้าแมวอ้วน ”
เลย์ไม่มีวันรู้หรอก...ว่าหลังจากตัวเองผล็อยหลับไปนั้นดวงตาที่ปิดสนิทก็ค่อยๆ ลืมขึ้นท่ามกลางแสงสลัวภายในห้องนอนอบอุ่น คนข้างตัวค่อยๆ พลิกนอนตะแคงจับจ้องใบหน้ายามนอนของพ่อทูนหัวด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน หลุบตาต่ำลงมองรูปหัวใจสีแดงบนมือตัวเองแล้วยิ้ม
“ ขอบคุณครับอาเล่ย ”
กับจูบเบาๆ บนหน้าผากที่จะทำให้เลย์ฝันดีไปทั้งคืน
...
ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีคนขี้เซากว่าอี้ฟาน เด็กหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงที่มีแต่กลิ่นหอมอ่อนๆ แล้วพบว่าเจ้าของเตียงยังคงหลับอุตุด้วยท่าทางสบายใจ ผมสีน้ำตาลอ่อนยุ่งเหยิงกระจายเต็มหมอนใบโต อี้ฟานนอนลืมตามองเพดานห้อง มือข้างหนึ่งเกี่ยวผมนุ่มเล่นไปมาก่อนจะจูบเบาๆ ลงบนปลายผม
ข้างนอกฝนยังคงตกและหน้าต่างที่เปิดอ้าตั้งแต่เมื่อคืนนั้นก็ทำให้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย อาเล่ยยังคงนอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม โผล่มาแค่มือน้อยๆ ที่ตอนนี้ถูกอี้ฟานดึงไปกุมอย่างถือวิสาสะ เขาจูบเบาๆ ลงบนหลังมือนิ่มหลายครั้งหลายคราแต่อาเล่ยก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว
“ เช้าแล้วนะอาเล่ย ”
พูดงึมงำในลำคออย่างไม่คิดจะปลุกอีกคนตื่น เด็กหนุ่มเหลือบไปเห็นปากกาเมจิกสีแดงบนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะอมยิ้ม ปากกาเมจิกแท่งนี้แน่ๆ ที่อาเล่ยใช้วาดรูปหัวใจกับ XOXO ลงบนมือของเขา คิดอย่างนั้นแล้วเขาจึงเอื้อมแขนผ่านคนนอนหลับสนิทไปหยิบมันมา
จรดหัวปากกาเมจิกลงบนหลังมือขาวอย่างบรรจง วาดไปยิ้มไปแถมยังลอกเลียนทุกอย่างที่อาเล่ยเขียนลงบนมือตัวเองมาใส่บนมืออีกฝ่ายเสร็จสรรพ เขากดจูบลงบนหน้าผากเนียนอีกหนึ่งครั้งก่อนจะค่อยๆ พาร่างตัวเองลุกจากเตียงอย่างเงียบเชียบ
เด็กหนุ่มหยิบโพสต์อิทสีเขียวมะนาวบนโต๊ะเครื่องแป้งในห้องอาเล่ยมาหนึ่งแผ่น เขียนตัว X และตัว O ลงไปอย่างละสองครั้ง เดินกลับไปที่เตียงนอนและแปะมันลงบนหน้าผากอาเล่ยเบาๆ
“ รีบๆ ตื่นนะครับ ”
รีบตื่นก่อนที่เขาจะทนคิดถึงไม่ไหว
‘ XOXO ’
คือข้อความบนแผ่นโพสต์อิทที่แปะบนหน้าผากเลย์ตอนตื่นนอน เขากวาดตาอ่านลายมือบนนั้นอย่างงุนงง อ่า...ไหนจะรูปหัวใจสีแดงบนหลังมือนี่อีก เมื่อคืนเขาเขียนให้อี้ฟานคนเดียวแต่ตอนเช้าเขากลับมีรูปหัวใจบนหลังมือไม่ต่างจากเด็กนั่นสักเท่าไหร่
อี้ฟานคงจะลุกจากเตียงไปนานแล้ว ทำไมถึงไม่ปลุกเลย์บ้างนะ ไม่อย่างนั้นแล้งเขาคงตื่นเช้ากว่านี้ เลย์เดินเบลอๆ ออกมาจากห้องนอนก็เห็นเจ้าแมวตัวโตนอนเหยียดบนพื้นพรมหน้าทีวีพร้อมกับหมอนสองใบ เขายิ้มเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายฉีกยิ้มหวานใส่
“ อรุณสวัสดิ์อาเล่ย ”
“ อืม ตื่นนานแล้วเหรอ? ”
“ ครับ นานแล้วล่ะ ”
“ ทำไมไม่ปลุกฉันด้วยล่ะ ”
เจ้าเด็กตัวโตไม่ตอบเอาแต่ยิ้ม เลย์เดินหาวหวอดทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา วันนี้อากาศเย็นสบายเสียจนไม่ยากจะลุกจากเตียงไปไหนเลยตลอดวัน อี้ฟานเปลี่ยนที่จากหน้าทีวีมานั่งข้างๆ เขาก่อนจะทิ้งตัวลงนอนตักหน้าตาเฉย
“ ชอบรูปหัวใจที่ผมวาดมั้ย? ”
“ ก็ดีนะ ”
เลย์ว่าพลางมองพิจารณาบนหลังมือตัวเองสลับกับหลังมือของอี้ฟาน รูปหัวใจบนมือพวกเขาขนาดเดียวกันเลยล่ะ ไหนจะตัวอักษรเล็กๆ ที่เขียนลงท้ายว่า XOXO อีก
“ อาเล่ยวาดหัวใจแบบนี้รู้มั้ยว่ามันหมายถึงอะไร ”
“ มีความหมายด้วยเหรอ ก็แค่วาดเพราะอยากวาดเองนะ ”
อ่า...จริงๆ เลยอู๋อี้ฟาน
ไปหัดทำสายตาเจ้าชู้แบบนี้มาจากไหนกันเนี่ย
“ มีความหมายแน่นอน ”
“ หัวใจบนหลังมือหมายถึงหัวใจของอาเล่ยอยู่ในกำมือผมแล้วยังไงล่ะJ ”
บางทีเขาก็รู้สึกว่าอี้ฟานโตเร็วจนชักจะตามไม่ทันแล้ว ไอ้คำพูดแบบนี้นี่มัน...
“ แล้วผมก็วาดหัวใจลงบนมืออาเล่ยด้วย ผมหมายถึง...หัวใจผมอยู่ในกำมืออาเล่ยเหมือนกัน ”
“ เด็กแก่แดด ”
“ เปล่าสักหน่อย ”
ฝ่ามือบางแกล้งหยิกไปตามตัวเจ้าแมวตัวโตจนอีกฝ่ายร้องโอดโอยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แทนที่จะลุกหนีกลับซุกตักเลย์มากกว่าเดิม ท่าทางออดอ้อนที่เห็นทีไรก็ใจอ่อนทุกที แต่ก็นะ...
“ XOXO ที่อาเล่ยเขียนมันแปลว่า Kiss & Hug ไม่ใช่เหรอ ทำไมผมได้แต่ Hug ล่ะ ”
“ ผมไม่ยอมนะ อาเล่ยน่ะต้องให้ผมครบๆ ด้วย ”
อี้ฟานยังเด็กเกินไปที่จะต่อกรกับเขาJ
“ เป็นเด็กเป็นเล็กเอาแค่ Hug ไปก่อนน่ะถูกแล้ว ”
“ โธ่... ”
“ ส่วน Kiss รอได้มั้ยล่ะ ”
“ จริงเหรออาเล่ย? ”
“ ถ้ารอได้จะให้ Kiss นะ ”
ฝนเพิ่งมาตกวันนี้อ่ะบ้านเราหลังจากทนร้อนมาเป็นอาทิตย์ เหงื่อไหลหนักมาก
อยู่ในโหมดบังคับตัวเองอ่านหนังสือ อาจจะอัพช้าหน่อยเพราะเรามอหกแหล่ว
ถ้ามีมหาลัยเราจะไม่อู้ ; _ ; ฮือออออออ
ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
ความคิดเห็น