ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    exo「 Babo - ya 」chanbaek krislay taoho

    ลำดับตอนที่ #6 : Five ✿ When falling in love with friend

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 57











    05

    When falling in love with friend.





    เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วล่ะ ...ผมกับเขา

    เพื่อนเหรอ? เพื่อนเนี่ยนะ!? คุณจะให้ผมเป็นเพื่อนกับเขาอีกเหรอ!?

    หือ? มันเลยขั้นนั้นมาตั้งนานแล้วไม่ใช่รึไง...





     

             อู๋อี้ฟาน หรือนิคเนมแบบสากลเก๋ๆ อย่าง คริส เพิ่งจะขึ้นปีสามมาหมาดๆ ตามจริงครอบครัวของเขาเป็นชาวจีนที่ย้ายไปอยู่แวนคูเวอร์ตั้งแต่เขายังเด็กมาก พอโตขึ้นมาอีกหน่อยคริสก็เกิดอารมณ์แบบ Freedom บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนต่อที่โซล ทำไมถึงเป็นโซลน่ะเหรอ? ตอนนั้นมันเป็นอะไรที่ปุบปับหรือเรียกได้ว่าอารมณ์ชั่ววูบนั่นแหละ

                ถ้าถามว่าคริสอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้วล่ะก็...ขอตอบเลยว่ามันนานพอที่จะรู้จักใครสักคนได้สองสามปีแล้ว ใครสักคนที่ว่าเป็นคนที่อยู่ใกล้แต่ก็ไกลพอตัว มันก้ำกึ่งระหว่างสนิทมากกับคนแปลกหน้า คริสเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ทำให้มันชัดเจนไปซะเลย

                ที่พักตลอดหลายปีของคริสคือบ้านพักแบบโฮมเมท บ้านหลังใหญ่บรรยากาศสงบเงียบ มีคนไม่เกินสิบคนด้วยซ้ำ ทุกคนเป็นมิตรดีแม้ว่าจะชอบทำตัวแปลกๆ กันก็ตาม ห้องของคริสติดกับห้องของคนจีนอีกคน อยู่ข้างๆ กันเลยเถอะ

                “ … ”

                “ … ”

                “ นี่...จะมองอีกนานมั้ย?

                วันนี้ จางอี้ชิง หรือ อี้ชิง แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าจีนเต็มขั้นอายุเท่ากับคริส มาที่โซลพร้อมๆ กับคริสแต่เพิ่งจะมาเจอกันหลังเหยียบแผ่นดินเกาหลีได้สองสามเดือนกำลังหอบหิ้วถุงจากซุปเปอร์มาร์เก็ตจัดเต็ม จางอี้ชิงตัวเล็กนะ ทั้งผอมทั้งบางแถมยังมีผิวขาวจัดสะท้อนแสงได้หาง่ายมากในที่แจ้ง จางอี้ชิงภาษาเกาหลียังอ่อนกว่าคริสมากแต่พอเปิดปากพูดปุ๊บ! …ฟังเพลินไม่หยอก

                แค่มองก็หวง ไม่อยากให้มองก็อย่าใส่เสื้อไหมพรมคอกว้างแบบนั้นสิ

                “ ฉันก็ใส่ของฉันทุกวัน ไม่ชอบก็ไม่ต้องมอง

                อยากจะสวนอยู่หรอกว่าใครบอกว่าไม่ชอบ ใส่อยู่ที่นี่มันก็ไม่อะไรหรอกนะ แต่ถ้าใส่ออกไปเดินข้างนอกนี่สิปัญหา คริสแค่รู้สึกแปลกๆ กับเสื้อคอกว้างตัวนั้น ถึงจางอี้ชิงใส่แล้วจะดูเข้ากันได้ดีก็เถอะ

                แล้วคนที่มันชอบต้องมองตามสบายเลยใช่มั้ย

                “ จอมประชดประชัน ทำตัวเหมือนหึงหวง

               

                จะไม่ปฏิเสธหรอกนะ...

              ถึงจะ...ไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ก็เถอะ

     
     

                คนตัวขาวทำท่าจะเดินผ่านคริสไปทางห้องครัว ข้าวของมากมายดูทุลักทุเลไม่น้อย มีน้ำใจหรอกนะถึงยอมแย่งถุงพวกนั้นมาหิ้วเอง ดวงตาคู่นั้นมองตามพร้อมกับคิ้วบางที่เลิกขึ้นน้อยๆ คริสก็แกล้งทำเมินไปซะ ก้าวฉับๆ ตรงดิ่งเข้าห้องครัวไปโดยไม่รออีกคน

                เจ้าพวกนั้นขอให้ทำข้าวเช้าให้งั้นเหรอ?

                มองวัตถุดิบมากมายกองบนเคาน์เตอร์แล้วอดแปลกใจไม่ได้ จางอี้ชิงจัดเตรียมข้าวของเนิบๆ ไม่รีบร้อน พอคนตัวขาวละไปสนใจเครื่องปรุงคริสก็ถือโอกาสนี้ยึดโซนอ่างล้างจานแล้วหยิบผักที่วางใกล้มาล้างน้ำอย่างคล่องแคล่ว(ก็แอบจำมาอีกทีเลยทำเป็นน่ะ)

                ถามทำไมไม่ตอบล่ะ หยิ่งจังนะคนเรา

                “ ขี้บ่นจังนะคนเรา

                มีการเถียงกลับหน้ามึนอีกต่างหาก คริสแกล้งสะบัดน้ำใส่อีกคน

                ชอบเถียง

                จางอี้ชิงมองเคืองๆ ใบหน้าของคนตัวแก้มเปียกชื้นเป็นบางจุด แทนที่จะหยิบกระดาษชำระมาเช็ดก็ไม่ยอมทำกลับเดินมาหาคริสแล้วดึงชายเสื้อของเขาไปเช็ดหน้าหน้าตาเฉย

                เมื่อวานนายบอกว่าอยากกินคาร์โบนาล่า วันนี้ฉันเลยทำให้กินไง

                คริสระบายยิ้มแรกของวันต้อนรับเช้าที่แสนสดใส จางอี้ชิงขะมักเขม้นอยู่กับการหั่นชิ้นแฮมและหมูสามชั้นให้เป็นชิ้นเล็กๆ ปากบ่นพึมพำเป็นภาษาจีนเบาๆ ว่าคริสขี้ลืมบ้างล่ะ แก่แล้วบ้างล่ะ คริสนี่จ้องล้างผักไปอมยิ้มไปยังกับคนบ้า

                ทำไมไปหั่นแฮมซะไกลเลยล่ะ ขยับมาใกล้ๆ กันสิ

                “ ไม่เอา

                “ น่าาา ถ้าชิงไม่ขยับมาหาฉันฉันจะขยับไปหาชิงเองนะ

                “ บ้าไปแล้ว อ่างล้างจานมันขยับเคลื่อนที่เหมือนเขียงได้ที่ไหนกัน

                “ งั้นก็ขยับมาหน่อยสิ เร็วเข้า! ”

                คนตัวขาวเหลือบมองคริสนิ่งๆ แต่ก็ยอมย้ายที่ประจำการมายืนใกล้ๆ อย่างเกียจคร้าน ทางเดินระหว่างอ่างล้างจานกับเคาน์เตอร์แคบจะตาย คนสองคนมายืนเบียดกันแบบนี้ทำให้หลังของพวกเขาติดกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ คริสหัวเราะตอนที่มีคนลักไก่เอนตัวพิงหลังเขาอย่างขี้เกียจสุดๆ

                นึกยังไงถึงอยากทำให้ฉันกินล่ะ

                “ ก็นายอยากกิน

                “ มีเหตุผลอื่นอีกมั้ย?

                “ ไม่มี

     

                คนโกหก

              นี่คิดว่าคริสมองไม่ออกยังงั้นสิ

     
     

                กว่าจะทำสปาร์เก็ตตี้คาร์โบนาล่าหน้าตาน่ากินและกลิ่นหอมสุดๆ ใส่จานได้คริสแทบร้องเฮ ถึงเขาจะทำได้ไม่มากเท่าจางอี้ชิงก็เถอะ แต่มันเป็นอะไรที่ใช้ความพยายามมากจริงๆ สำหรับผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาเนี่ย คริสนั่งเท้าคางมองคนตัวขาวจัดจานสปาร์เก็ตตี้เพลินๆ

                ทำไมมีสองจาน ไม่จัดให้เจ้าพวกนั้นด้วยเหรอ?

                จางอี้ชิงเผยยิ้ม และมันดูเป็นยิ้มที่ร้ายกาจปนน่ารักชะมัด

                หรือนายอยากจะเรียกพวกนั้นลงมากินพร้อมกันดีล่ะ?

                คริสหัวเราะแล้วส่ายหน้า ใครจะอยากให้ความสุขสงบถูกทำลายกันล่ะ คริสไม่พูดออกไปหรอกว่าเขาน่ะรอโอกาสนี้มาหลายวัน ปลายนิ้วที่แตะทับกันมันอุ่นวาบ ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากินสปาร์เก็ตตี้ในจานของตัวเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คริสยิ้มกว้างพร้อมกับหัวใจที่เต้นตุบๆ ตอนที่จางอี้ชิงเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มหวานจนตาเป็นเส้นโค้ง

     
     

                ไม่รู้ด้วยล่ะ...

              มือที่กุมประสานกันตอนนี้เป็นอะไรที่อธิบายยากจริงๆ เลย

     
     

                กินข้าวกันสองคนแบบนี้ก็ดีนะ

                “ ฉันรู้




















                คริสเพิ่งจะมารู้สึกแปลกประหลาดกับจางอี้ชิงหลังจากที่พวกเขารู้จักกันได้เกือบครึ่งปี เขาชอบมองจางอี้ชิงทุกครั้งที่ตัวเองและอีกฝ่ายเผลอ แล้วก็ในบางครั้งที่รู้สึกตัว เขาชอบมอง มอง มอง แล้วก็มองมันอย่างนั้น ตอนแรกคริสคิดว่าตัวเองอาจจะใช้เวลากับจางอี้ชิงมากเกินไปเลยสับสน กะว่าจะลองถอยห่างออกมาก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะคิดถึงจนทนไม่ไหว

                สถานะของพวกเขาก้ำกึ่งเพื่อนกับแฟนมานานหลายปีแล้ว จางอี้ชิงเรียกมันสั้นๆ ว่า คนพิเศษ ไม่ใช่ว่าคริสไม่ชอบที่ได้เป็นคนพิเศษนะ...แต่ว่าคนพิเศษฟังดูแล้วไม่ได้แสดงความเป็นเจ้าของเต็มขั้นยังไงก็ไม่รู้ คริสเลยไม่ประทับใจนิดหน่อย

               

                เหมือนเขาเป็นคนโง่เลย

     

                แล้วจางอี้ชิงก็โง่เหมือนกับเขา

              โง่มากๆ เลยล่ะ...ถ้าไม่รีบคว้าเขาไปเป็นแฟน

              ( โหมดจริงจังแล้วนะ! )

     
     

                คริสไม่ค่อยชอบเลย ไม่ชอบเอามากๆ ไม่ชอบแล้วก็หงุดหงิดมากๆ ด้วย! เขาไม่มีสมาธิเล่นบาสเลยสักนิด ตาไม่รักดีคอยแต่จะจ้องเขม็งไปตรงขอบสนามตลอด จางอี้ชิงนั่งยิ้มอยู่ตรงนั้น แต่ไอ้ลู่หาน(ชอบเล่นฟุตบอล)กลับทำให้คริสหงุดหงิดโดยการตามประกบจางอี้ชิง พยายามชวนคุยนั่นนี่ตลอด ทำให้อี้ชิงพลาดดูเขาแสลมดังค์ไปตั้งหลายรอบ!

                “ เดี๋ยวผมลงแทนให้เกมส์นึงก็ได้นะคริสฮยอง ฮยองอ่ะ...ไปเคลียร์ให้เสร็จก่อนเถอะ

                เหมือนเซฮุนจะเป็นคนแรกที่สังเกตถึงความผิดปกติของคริสได้ เขาไม่ได้พูดอะไรออกไปนอกจากโยนลูกบาสในมือให้เซฮุนรับช่วงไปเล่นต่อแล้วก้าวยาวๆ ไปหาคนสองคนทันที

                ชิง!!! ”

                คริสตะโกนเสียงดังเกินจำเป็น ทำหน้าบูดบึ้ง จางอี้ชิงยังยิ้มอยู่แบบเดิมไม่รู้ร้อนรู้หนาว อีกไม่กี่สิบก้าวจะถึงตัวคนสองคนนั่นแล้ว แต่เขารีบเกินไป...รีบเกินไปจริงๆ นั่นแหละ โกรธคือโง่โมโหคือบ้า เขาเคยได้ยินจนติดหูแต่ก็ลืมไปชั่วขณะหนึ่ง

                พลั่ก!

                “ คริส! ”

                “ อุ๊บ! ฮ่าๆๆๆๆ

                คริสเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเผลอไปสะดุดอะไรเข้าถึงได้ถลาไปข้างหน้าหัวเข่ากระแทกพื้นตามด้วยคว่ำหน้าราบไปทั้งตัว คริสนิ่วหน้า เขาได้ยินเสียงอุทานตกใจของจางอี้ชิงและเสียงหัวเราะรอบสนาม เหมือนว่าหน้าของเขาจะฟาดกับพื้นด้วย

                เดินทำไมไม่ระวัง นายไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ

                “ โอ๊ยยยย จมูกฉัน! ”

                “ เงยหน้าดีๆ หน่อยสิ! ”

                มือเล็กจับคางเขาให้เชิดขึ้น จมูกเจ็บเหมือนจะหักยังไงยังงั้น คริสหลับตาปี๋ ได้กลิ่นคาวของเลือดคละคลุ้งเต็มโพรงจมูกกับความรู้สึกที่ว่าของเหลวกำลังไหลย้อยออกมา

                จมูกฉันหักเหรอ!? ”

                คริสอดน้ำตาคลอไม่ได้ ทั้งเจ็บทั้งกลัว

                ไม่หักหรอกน่า ก็แค่เลือดกำเดาไหล

                จางอี้ชิงยัดผ้าเช็ดหน้าใส่มือของคริสก่อนจะช่วยพยุงเขาลุกขึ้นทุลักทุเลสุดๆ ไอ้ลู่หานกุมท้องหัวเราะเสียงดังไม่ต่างจากคนอื่นๆ แถวนั้นเลย คริสชี้หน้ามันอย่างคาดโทษ ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้หรอก จมูกก็เจ็บ! หัวเข่าก็ถลอก!

                “ ฮ่าๆๆๆ ไอ้เซ่อ!

                “ เงียบนะเว้ย! ”

                คริสพูดเสียงอู้อี้เพราะจมูกต้องกดผ้าปิดเอาไว้ไม่ให้เลือดกำเดาไหลย้อยออกมา ไอ้ลู่หานมันหยุดซะเมื่อไหร่ล่ะ มันหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ จนคนอื่นหันมามองกันหมด

                ตลกอ่ะ! ”

                “ บอกให้เงียบไง! ”

                 ถ้าไม่ติดที่ว่าเขากำลังบาดเจ็บสาหัสล่ะก็...ไอ้ลู่หานมันไม่ได้ตายดีแน่ๆ! คริสหันมาเบะปากใส่จางอี้ชิงเหมือนจะฟ้องแต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะขำๆ แล้วส่ายหน้าไปมา

                หล่อแต่เซ่อ ไม่ใช่คริสอู๋ทำไม่ได้นะเนี่ย

                “ ชิง! ”

                “ จะยืนอายอยู่ตรงนี้หรือจะไปห้องพยาบาล?

                “ ฮึ่ยยย






               

                คริสนั่งนิ่งอยู่บนเตียงพยาบาล เหลือบมองจางอี้ชิงทำแผลตรงหัวเข่าให้ก่อนจะเสมองไปทางอื่นเคืองๆ ทุกครั้งที่จางอี้ชิงเงยหน้าขึ้นมอง เขากระแทกลมหายใจเป็นระยะ ขยับตัวแรงๆ จนเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด นี่ไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากใครเลยจริงๆ

     
     

                ก็แค่...หงุดหงิด!

              ก็แค่...อารมณ์เสีย!

              ก็แค่...เมื่อไหร่จางอี้ชิงจะง้อเขาสักที!

     
     

                ของเหลวสีฟ้าใสแตะลงบนปากแผลก็ฝากความแสบเอาไว้ให้เจ็บใจเล่นๆ คริสนิ่วหน้าเม้มปากแน่น พอจางอี้ชิงเงยหน้าขึ้นถามว่าแสบมั้ย? เจ็บมั้ย? เขาก็เมินหน้าหนีแบบจงใจสุดๆ ให้มันรู้กันไปเลยว่าจางอี้ชิงทำไม่ถูก! จางอี้ชิงทำไม่ถูกต้อง!

                “ ถามไม่ตอบ ขี้งอนเหมือนเด็กผู้หญิง

                คนโดนต่อว่าเม้มปากแน่นกว่าเดิม คราวนี้หันไปจิกตาใส่คนที่ทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว คริสยกแขนขึ้นกอดอกจ้องหน้าจางอี้ชิงเคืองๆ

                ฉันไม่อยากเป็นคนพิเศษแล้วนะชิง เป็นคนพิเศษมันไม่เหมือนเป็นแฟนกัน

                “ ไม่เหมือนยังไง?

                “ เป็นแฟนคือหึงได้ หวงได้ แสดงความเป็นเจ้าของได้

                “ อยากได้แบบนั้น?

                “ ใช่! จะเอาแบบเป็นแฟนกัน! ”

                นี่คริสซีเรียสมากเลยนะ ทำไมจางอี้ชิงถึงเอาแต่ยิ้มแบบนั้นล่ะ!? พูดถึงเรื่องเป็นแฟนทีไรจางอี้ชิงชอบยิ้มแบบนั้นทุกทีเลย คริสจับใบหน้าของคนที่ง่วนกับการทำแผลให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากันตรงๆ สารภาพว่าใจแกว่งเล็กน้อยตอนที่ได้สบตากับจางอี้ชิง ดวงตากลมใสจ้องคริสตอบพร้อมกับรอยยิ้มบาง

                ชิงไม่ฟังที่ฉันพูด

                “ ก็ฟังอยู่นี่ไง มีอะไรก็พูดไปสิ

                “ งั้นก็ให้สักทีสิ ให้เราเป็นแฟนกันสักที

                หนุ่มฮอต top 5 ของมหาลัยกำลังทำตัวง้องแง้งโดยที่ตัวเองก็รู้ตัวดี คริสเชื่อเสมอว่าง้องแง้งกับคนที่รักกับคนพิเศษมันไม่ใช่เรื่องผิด คริสจ้องมองจางอี้ชิงด้วยความหวังเต็มเปี่ยม

                สำหรับฉัน...นายเป็นคนพิเศษ

                ริมฝีปากอิ่มเป่าลมอุ่นๆ บรรเทาความเจ็บให้แผลตรงหัวเข่าของคริส

                เราพูดเรื่องเป็นแฟนกันอยู่นะชิง

                “ นี่คริสอู๋...

                คริสเริ่มเบ้หน้าใส่อีกฝ่ายเมื่อโดนขัดใจ เบือนหน้าหนีถึงแม้ว่าจางอี้ชิงจะยิ้มแบบที่เขาชอบมองบ่อยๆ ก็ตาม ขยับตัวหนีแม้ว่าตัวจางอี้ชิงจะนุ่มนิ่มแล้วก็หอมขนาดไหน คริสกำลังเคือง...เคืองมาก จางอี้ชิงจะไปเข้าใจอะไรล่ะ จางอี้ชิงไม่รู้หรอกว่าในใจคริสมันเป็นยังไง

                ...

                “ จะงอนไปก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ

                “ … ”

                “ แต่แค่อยากจะบอกว่า...

                เป็นคนพิเศษแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ ถึงจะหึง จะหวง จะแสดงความเป็นเจ้าของ...

              “ ...ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่

               

                ห๊ะ!?

               

                “ พูดจริง!? ”

                คริสหันขวับไปมองจางอี้ชิงอย่างตื่นๆ ใจเต้นแรงจนเกือบกระเด็นหลุดออกมาจากอก จางอี้ชิงยิ้มตาหยีละมุนละไมแล้วยักไหล่หนึ่งที

                ตามสบายเลย ฉันอนุญาต





















              ในเรื่องของความรักจางอี้ชิงถือคติเสมอว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน ดำเนินไปช้าๆ มั่นคงและสม่ำเสมอ การรักกันวันละนิดวันละหน่อยไม่มากจนเกินไปถือเป็นเรื่องที่ดี จางอี้ชิงไม่ต้องการความรักที่หวือหวาหวานต้นจืดปลาย มันไม่ใช่แนวน่ะนะ

                แต่คริสอู๋ดันเป็นพวกประเภทที่แตกต่างจากตัวเองโดยสิ้นเชิง ทั้งใจร้อน วู่วาม เซ่อซ่า โง่เง่า จัดว่าเป็นบุคคลประเภทที่อี้ชิงคิดว่ารกโลกอย่างถึงที่สุด...ก็แค่เมื่อก่อนน่ะ ตอนนี้เหมือนว่าการได้อยู่กับเจ้าหมอนี่มันจะทำให้ชินไปแล้ว

     
     

                เจ้าคริสอู๋น่ะ...มีดีก็แค่กอดแล้วอุ่นเท่านั้นแหละ

     
     

                ใบหน้าหล่อเหลาหลับพริ้มดูไม่มีพิษมีภัย มองเพลินดีเหมือนกัน นาฬิกาชี้ไปที่เลขแปดแล้วแต่พวกเขายังนอนอยู่บนเตียง ไม่ใช่ว่าอยู่ด้วยกันหรอกนะ แต่อันที่จริงก็ใกล้เคียงนั่นแหละเพราะห้องเจ้าคริสอู๋อยู่ถัดจากห้องอี้ชิงไปนิดเดียวเอง หมอนี่ชอบเนียนแอบมาขอนอนด้วยประจำ อี้ชิงปฏิเสธไปยังไงคริสอู๋ก็ไม่เคยยอมแพ้ ทำตัวงอแงเสียงดังให้อายเขาอยู่เรื่อย

                “ … ”

                อี้ชิงเผลอขมวดคิ้ว ทำไมไอ้คนที่คิดว่าหลับอยู่มือมันถึงได้เลื้อยสอดเข้ามาในเสื้อของคนอื่นเขาแบบนี้กันล่ะ? ฝ่ามือใหญ่ลูบอยู่หลังก่อนที่ร่างสูงจะขยับมาซบหน้าลงกับหน้าท้อง อี้ชิงดีดจมูกอีกคนเบาๆ เรียกเสียงงึมงำๆ จากคนที่แกล้งหลับ

                ตื่นแล้วก็ลุก ฉันจะไปแปรงฟันแล้ว

                ไม่เอาอ่า...นอนต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ

                “ ไปนอนต่อห้องนายสิอย่ามาเกะกะห้องคนอื่นเขา

                เจ้าคริสอู๋ไม่ตอบแต่ออกแรงกอดรัดตัวอี้ชิงเอาไว้แทน ขายาวพาดก่ายจนแทบขยับดิ้นไปไหนไม่ได้ มือใหญ่ขยุกขยิกแถวหน้าท้องอี้ชิงก็ขี้เกียจจะต่อว่าเด็กโข่ง คราวนี้จะยอมนอนต่อด้วยก็ได้...

                นอนเฉยๆ สิอย่ามารัด หายใจไม่ออก

                “ อยากกอดไม่ได้รึไง

                “ ...ก็เห็นกอดอยู่ทุกวัน

                เจ้าคริสอู๋หัวเราะเบาๆ อย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาคมวิบวับเจ้าชู้จนน่าหมั่นไส้ มือขาวเอื้อมไปบิดเอวของคนตัวโตกว่าแต่ดูเหมือนว่าคนโดนบิดจะชอบใจมากกว่าเจ็บซะอีก

                นั่นมันยืนกอดกับนั่งกอด แต่ตอนนี้เนี่ย...เขาเรียกว่านอนกอด

               

              แล้วมันกอดเหมือนกันมั้ยล่ะ?

              ชอบหากำไรแบบนี้ตลอด คิดว่ารู้ไม่ทันรึไง

     
     

                แบบนี้ไม่โรแมนติกเหรอ?

                หมอนี่ชอบลืมอยู่เรื่อยว่าอี้ชิงก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แล้วเขาก็ไม่ได้มีอารมณ์อ่อนไหวเหมือนสาวน้อยหรอกนะ อย่างที่บอกไปนั่นแหละว่าเขาไม่ชอบอะไรที่หวือหวาหรือโอเว่อร์แบบที่คริสอู๋ชอบทำประจำ จางอี้ชิงเป็นคนธรรรมดาถูกเลี้ยงมาแบบปกติสุขไม่ใช่ลูกคุณหนูแบบเจ้าคริสอู๋ที่ถูกเลี้ยงมาแบบฟู่ฟ่า แอคติ้งโอเว่อร์แต่ละทีแทบกุมขมับ

                คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกซีรี่ย์รึไง หล่อแต่โง่ไม่มีใครเขาสนใจหรอก

                “ พูดแบบนี้ตลอด พูดแบบนี้แล้วสนใจมั้ยล่ะ?

                มาไม้นี้อีกแล้ว...คิดว่ารู้ไม่ทันรึไงกัน

                อืม สนใจอยู่แล้วล่ะ

               

                จะให้บอกมั้ยว่าคริสอู๋ยิ้มกว้างขนาดไหน?

     



















              จางอี้ชิงชอบงานพาร์ทไทม์

              จางอี้ชิงชอบการเป็นบาริสต้ามาก

               

                ร้านคอฟฟี่ช็อปเล็กๆ ติดถนนตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นอย่างสีน้ำตาลอ่อนสลับเข้มเป็นหนึ่งในสถานที่ฮิตติดอันดับของคริสในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทุกคนในร้านรู้จักคริสหมด(ยกเว้นพนักงานใหม่บางคน)แถมเขายังซี้กับเจ้าของร้านอย่างพี่มินซอกที่เป็นนายจ้างของจางอี้ชิงอีกที

                พี่มินซอกชมว่าจางอี้ชิงชงกาแฟเก่งมาก รสชาติอร่อยกลมกล่อม ไม่เข้มจนเกินไป ฝีมือการคั่วกาแฟก็ดีเยี่ยม คริสไม่รู้หรอกเพราะเขาไม่ค่อยชอบกาแฟสักเท่าไหร่ เขาชอบแค่กลิ่นมัน...จางอี้ชิงตัวหอมกาแฟกลับห้องเกือบทุกวันเลยไง

                นายนี่ก็แปลกคนนะ...มาร้านกาแฟแต่ดันสั่งนมสดมากินเนี่ยนะ เชื่อเขาเลย

                พี่มินซอกยกแก้วนมสดทรงยาววางบนโต๊ะด้วยรอยยิ้มกว้างแบบเดิมเหมือนทุกวัน คริสพึมพำขอบคุณเบาๆ หางตาชอบแอบเหลือบไปมองคนที่กำลังวุ่นวายอยู่ตรงเคาน์เตอร์ตลอด

                เผื่อจะสบายใจขึ้นฉันแนะนำให้ไปนั่งตรงหน้าเคาน์เตอร์เลยดีกว่ามั้ย?

                คริสถอนหายใจ ยกแก้วนมสดขึ้นซดแล้วกระแทกเบาๆ ลงบนโต๊ะ

                ชิงนั่นแหละไล่ผมมานั่งนี่

                “ พี่พูดไม่เคยฟังแต่พอเป็นอี้ชิงนี่เชื่องเหมือนหมา

                “ พี่ไม่ใช่แฟนนี่! ”

                พี่กับแฟนคือชื่อก็ฟินคนละระดับกันแล้ว คริสยักคิ้วให้พี่มินซอกไปหนึ่งที ก็แบบภูมิใจไงได้บอกว่าจางอี้ชิงเป็นแฟนตัวเองแล้ว มีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนแล้ว

                ไหนว่าแค่คนพิเศษไง

                “ เมื่อวานชิงอนุญาตให้แสดงความเป็นเจ้าของได้แล้ว

                “ อ้อเหรอออออ

                เจ้าของร้านคอฟฟี่ช็อปทำหน้าไม่เชื่อสักเท่าไหร่ก่อนจะเดินหัวเราะไปกระซิบกระซาบอะไรไม่รู้กับจางอี้ชิง คริสแกล้งทำเป็นมองออกไปนอกหน้าต่างเมื่ออีกฝ่ายหันมามอง พอหันกลับไปดูบ้างจางอี้ชิงก็ก้มหน้าก้มตารับออเดอร์จากลูกค้ากลับไปวุ่นวายเหมือนเดิม คริสเท้าคางมองเสี้ยวหน้าหวานละมุนเงียบๆ

     

                จางอี้ชิงใส่ผ้ากันเปื้อนก็ดูน่ารักไปอีกแบบเหมือนกันนะ







     

                เหนื่อยมั้ย?

                “ ก็นิดหน่อย

                “ น้ำมั้ย?

                “ ก็ดี

                “ หิวมั้ย?

                “ นิดนึง

                ทั้งน้ำทั้งขนมถูกประเคนให้ถึงที่โดยที่จางอี้ชิงไม่ต้องเรียกร้องเลยจริงๆ บาริสต้าฝีมือดีของร้านนั่งดูดน้ำเงียบๆ มาได้หลายนาทีแล้ว ส่วนคนที่ตามมาเฝ้าอย่างคริสก็เอาแต่นั่งมองหน้าอีกคนเพลินๆ เอื้อมมือไปจัดผมหน้าให้นิดหน่อยแล้วก็ชักมือกลับมานั่งยิ้ม

                ไม่เคยเห็นรึไงมองอยู่นั่นแหละ

                “ ก็อยากมองถึงได้มอง ไม่อยากมองจะมองทำไมล่ะจริงมั้ย?

                “ เอาเวลานั่งมองนั่งเฝ้าคนอื่นไปทำอะไรมีสาระบ้างก็ดีนะ

                “ งานอดิเรกของคนเราไม่เหมือนกัน

                งานอดิเรกของคริสคือมานั่งเฝ้าจางอี้ชิง มานั่งมองจางอี้ชิง มานั่งคิดถึงจางอี้ชิงแบบห่างๆ อย่างห่วงๆ ก็คนมันมีเจ้าของแล้วต้องทำใจน่ะนะ บางครั้งก็มีบ้างที่จางอี้ชิงโดนเต๊าะต่อหน้าต่อตาแต่ดันทำอะไรไม่ได้เลยงอนให้จางอี้ชิงง้อ สนุกไปอีกแบบ

                พี่มินซอกใช้งานชิงหนักตลอดเลย น่าจะเปิดรับบาริสต้าคนใหม่สักสามคนชิงคงสบายกว่านี้

                “ บ้ารึไง ร้านแค่นี้เอามาทำไมตั้งสามคน

                “ หวังดีนะเนี่ย กลัวชิงเหนื่อย

                “ ถ้าหวังดีจริงก็ช่วยอย่าพยายามโน้มน้าวให้ฉันลาออกจากงานนี้จะดีกว่า

               

                เบื่อจริงคนรู้ทันเนี่ย...

              ก็บอกแล้วไงว่าจางอี้ชิงคนเดียวเขาเลี้ยงได้ๆ

               

                เพราะว่าคริสอยากให้จางอี้ชิงออกจากงานพาร์ทไทม์มานอนเล่นกับเขาอยู่เฉยๆ มากกว่า แต่พี่มินซอกน่ะประทับใจในตัวจางอี้ชิงมากกกก มันก็เลยกลายเป็นสงครามประสาทย่อยๆ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว พี่มินซอกชอบกีดกันคริสไม่ให้ใกล้จางอี้ชิงตอนทำงาน ชอบใช้งานหนักจนจางอี้ชิงไม่มีเวลาปลีกตัวออกมาคุยกับเขาที่นั่งแกร่วรอตั้งหลายชั่วโมง ถึงจะเป็นพี่ที่สนิทแต่มาทำแบบนี้คริสไม่ยอมนะ!

                “ ว่างมากก็ไปหาแบคฮยอนบ้างสิ เจียดเวลาอันมีค่าไปดูแลน้องรหัสบ้างก็ได้นะ

                “ ไปมาแล้ว

                เพิ่งรู้ว่าแบคฮยอนมีแฟนแล้ว แถมแฟนท่าทางจะขึ้หวงไม่เบาเขาไม่อยากจะเสี่ยงไปเจอบ่อยๆ

                ทำหน้าแบบนั้นทำไม? งอนเหรอ?

                “ เปล่า...แค่น้อยใจ

                เข้าโหมดดราม่าเรียกร้องความสนใจ โอเค...วิธีนี้มันไม่ค่อยเหมาะกับผู้ชายตัวโตอย่างเขาเขารู้ดี มันออกจะดูงี่เง่า ง้องแง้ง น่ารำคาญไปหน่อย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอก ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่จางอี้ชิงแพ้คริสอู๋โหมดนี้ตลอดไง

                ไม่ใช่ว่าทำงานพาร์ทไทม์แล้วไม่ดี แต่เป็นห่วง...เป็นห่วงไม่ได้เหรอ?

                “ งอแง งอแง งอแง คิดว่าน่ารักมากรึไง

                “ ...

                ใช่สิ เขาอาจจะทำตัวไม่น่ารักในบางครั้งเพราะจางอี้ชิงอ่ะชอบเมินตลอด!

                “ ที่ทำงานเนี่ยจะเก็บเงินไว้เยอะๆ เคยบอกไปรึยังเนี่ย?

                “ … ”

                เก็บเงินไว้เยอะๆ เดี๋ยวจะเอาไปซื้อแหวนมาหมั้นไง

                “ ...!?! ”

     
     

                แหวนหมั้น!?!

              เดี๋ยวนะ...มันไม่ใช่ละ นี่มันหน้าที่ของเขาไม่ใช่เหรอวะ!?

     
     

                “ อ้อ! เก็บเงินเอาไว้ซื้อบ้านอีกหนึ่งหลังไง เอาแบบมีสนามให้เด็กวิ่งเล่นได้น่ะ

                “ หา!? ”

                “ เอารถสักคันก็เป็นความคิดที่ไม่เลวนะ

                “ เดี๋ยวชิง...เดี๋ยว...

                เลี้ยงหมาสักตัวด้วย

                คริสรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้หน้าตัวเองเหวอสุดๆ เขาอ้าปากค้างฟังจางอี้ชิงพูดไปเรื่อยๆ บางประโยคทำเอาเขาช็อกแบบจริงจัง คริสพยายามรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงกับหัวใจที่เต้นตึกๆ ตักๆ รุนแรงให้สงบลงบ้าง เขาเบิกตาจ้องใบหน้ายิ้มแย้มของจางอี้ชิงอย่างมหัศจรรย์ใจ

                ง้อแล้วนะ ไม่ต้องงอนอีกล่ะ J

     
     

                เฮ้ยยยยยยย!!!

              โคตรพ่อโคตรแม่น่ารัก!!!

     





    #ฟิคพาโบ







    น้ำตาจะไหล ขอแชร์นะคะ...
    เค้าไม่ได้ปิดเทอมอ่ะตัวเอ๊งงงง โรงเรียนเค้ามีเรียนซัมเมอร์!
    แต่ยังว่างกว่าเรียนปกตินะ ยังไงถ้าโลกต้องการจะโผล่มาแน่นอนค่ะ






     
    (c)  Porcelain theme

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×