คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Good person and me
Chapter two
Good person and me.
Rain season, 2015
“ คบกับฉันได้มั้ยคะ? ”
“ ถ้าไม่รังเกียจฉันล่ะก็... ”
คำสารภาพรักเป็นไปอย่างเขินอายในวันที่ฝนตกปรอยๆ เป็นภาพที่ดูน่ารัก เป็นอะไรที่โรแมนติก กลิ่นของลาเต้หอมกรุ่นตรงหน้าเด็กหนุ่มเพียงแค่ยกมันขึ้นมาจิบก่อนจะวางมันลงที่เดิม ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มบาง การเคลื่อนไหวตัวเชื่องช้า สีหน้าไม่ทุกข์ร้อน รอยยิ้มเป็นมิตร และดวงตาที่จ้องมองมาทำให้เด็กสาวคล้ายจะละลายไปทุกที
“ ไม่ได้รังเกียจหรอก ”
เธอรีบก้มหน้างุดมองแก้วลาเต้ตรงหน้าตัวเอง สองแก้มแดงปลั่ง ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ก็ยิ่งเขินอายเกินกว่าจะสบตาเขาได้ตรงๆ
ก็รุ่นพี่คริสน่ะเป็นถึงคนดังของโรงเรียนเชียวนะ แถมยังเป็นคนจิตใจดีซะขนาดนี้ หากว่าเธอได้คบกับรุ่นพี่แล้วล่ะก็คนทั้งโรงเรียนคงจะต้องอิจฉาเธอแน่ๆ เด็กสาวแอบเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง ยิ้มหวานเอียงอายเมื่อพบว่ารุ่นพี่ที่เธอชอบกำลังมองมาเช่นกัน
“ เธอมีร่มหรือเปล่า? ”
ประโยคนั้นจะมีความหมายแอบแฝงหรือเปล่า? หรือจะเป็นคำตอบรับคำขอของเธอกันนะ?
“ เอ๊ะ? เอ่อ... ”
“ ฉันมีร่มสองคัน อันนี้...ให้เธอนะ ”
“ งั้นแสดงว่า... ”
“ ฉันคงคบกับเธอไม่ได้หรอก ”
เด็กสาวนิ่งค้างราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง รุ่นพี่คริสวางเงินลงข้างๆ แก้วลาเต้ที่เพิ่งจะจิบไปได้เพียงนิดเดียวก่อนจะยืดตัวตรงแล้วโค้งให้เธอเล็กน้อย ร่มสีใสวางนิ่งตรงหน้าเธอพร้อมกับแผ่นหลังกว้างกำลังเดินห่างออกไป แม้ว่าเขาจะปฏิเสธอย่างนุ่มนวลไม่ให้เธอเสียใจสักเท่าไหร่แต่เด็กสาวก็รู้สึกแย่อยู่ดี
...
บ้านเดี่ยวขนาดกะทัดรัด มีสนามหญ้าหน้าบ้าน มีแปลงดอกไม้ และรั้วสูงเท่าเอวสีขาวเป็นที่ที่อี้ฟานอาศัยอยู่อย่างสงบสุขมาตลอดเจ็ดปี ขายาวหยุดอยู่นอกรั้วก่อนจะกวาดตามองสำรวจทั่วบริเวณบ้านซึ่งเขาทำจนเป็นนิสัยซะแล้ว ริมฝีปากจุดยิ้มบางเบาเมื่อเห็นว่าโรงรถมีรถหนึ่งคันจอดนิ่งอยู่
เสียงดนตรีดังคลอไปทั้งบ้านตั้งแต่หน้าประตู อี้ฟานก้มถอดรองเท้าเก็บเป็นระเบียบ สะบัดร่มชื้นๆ ก่อนจะเก็บในที่ของมัน เขาหลับตาสูดกลิ่นหอมๆ ของอาหารมื้อเย็น มีคนที่โรงเรียนบอกว่าเวลาฝนตกการได้กินไก่ทอดกับเบียร์เป็นความคิดที่ดี แต่สำหรับอี้ฟานตอนฝนตกก็ต้องกินอาหารฝีมือพ่อสิถึงจะถูก
อี้ฟานแทบไม่เคยต้องออกไปหาอะไรกินข้างนอกเลย เขาติดอาหารที่ทำกินเองในบ้านมากกว่าต้องไปกินตามร้าน เพื่อนที่โรงเรียนอาจจะคิดว่าเขาเป็นลูกแหง่ก็ช่างมัน ถ้าเป็นไปได้อี้ฟานก็ไม่อยากจะโตไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ถ้าเป็นแบบนั้นใครอีกคนก็คงจะเอ็นดูเขาตลอดไปไม่ใช่เหรอ?
แขนยาวยื่นไปกอดเอวบางก่อนจะพาร่างตัวเองไปแนบชิดกับแผ่นหลังเล็กที่กำลังขะมักเขม้นกับการทำอาหาร ไออุ่นจากตัวอีกคนทำให้เด็กหนุ่มพึงพอใจ กลิ่นสบู่และกลิ่นหอมบนเนื้อผ้าทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย อี้ฟานเกยคางบนไหล่แคบแล้วยิ้มออกมาบางๆ
“ กลับมาแล้วครับ ”
“ อือ วันนี้ข้าวสวยกับแกงกะหรี่นะ ”
“ รีบขึ้นไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวกัน ”
ฝ่ามือบางแตะลงบนหัวเบาๆ สองสามทีและเลื่อนลงมาตบบนหลังมือเขาที่วางอยู่ช่วงท้องอีกสองสามครั้ง แต่อี้ฟานยังคงอิดออดกอดเอวพ่อครัวประจำบ้านเอาไว้ไม่ยอมปล่อย คลับคล้ายคลับคลาว่าเมื่อนานมาแล้วจะมีคนชอบให้เขาทำกิริยาแบบนี้เพราะเจ้าตัวคิดว่ามันน่ารัก
“ ไปเร็วๆ เลยเดี๋ยวเป็นหวัดอีก ”
“ อื้อ สระผมให้หน่อย ”
“ สระผมให้แล้วต้องรีบอาบน้ำนะเข้าใจมั้ย แกงกะหรี่ต้องกินตอนร้อนๆ จะได้อร่อย ”
“ อือ สัญญา ”
อี้ฟานรอพ่อครัวคนเก่งถอดผ้ากันเปื้อนแขวนไว้ก่อนจะจูงมืออีกคนขึ้นไปบนห้องน้ำชั้นสองของบ้าน เขาก้าวขาลงไปนั่งรอในอ่างอย่างรู้งาน อมยิ้มน้อยๆ มองตามพ่อทูนหัวจัดการเตรียมทุกอย่างให้โดยไม่อิดออด อี้ฟานแทบจะไม่เคยสระผมเองเลยสักครั้งเพราะแบบนี้ยังไงล่ะ
น้ำอุ่นค่อยๆ ถูกรดลงมาบนกลุ่มผม กลิ่นหอมของแชมพูไม่ฉุนเกินไปนัก ฝ่ามือนุ่มที่ช่วยสระผมให้นั้นก็สบายเสียจนเด็กหนุ่มต้องหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ประตูห้องน้ำยังคงเปิดอ้าทำให้ได้ยินเสียงดนตรีเล็ดลอดเข้ามาด้านใน คล้ายกับย้อนกลับไปในวันวานวันที่เขาได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้
“ ชอบมากเลยเหรอ ”
“ ...ชอบสิ ”
ไอ้ที่ว่าชอบนั้นอีกคนอาจจะหมายถึงการที่เขามักชอบอ้อนให้สระผมให้ แต่สำหรับอี้ฟานคำว่าชอบนั้นไม่ได้หมายถึงชอบสระผมแม้แต่นิดเดียว อาจจะฟังดูซับซ้อนแต่ถ้าอีกคนตั้งใจฟังดีๆ สักหน่อยก็จะเข้าใจโดยที่ไม่ต้องอธิบายเชียวล่ะ
“ อาเล่ย ”
“ เล่ยเล่ย ”
“ หื้ม บอกว่าเรียกอาด้วยไง ทำไมพูดจาไม่เพราะ ”
“ ก็ได้อาเล่ย ”
อาเล่ยของเขาจะรู้มั้ยนะว่าการที่เขาเรียกว่าอาเล่ยเนี่ยคำว่าว่าอาไม่ได้แปลว่าคุณอา แต่เป็นคำนำหน้าแสดงถึงความสนิทสนมต่างหาก จะอาเล่ยหรือเล่ยเล่ยก็เหมือนกันทั้งนั้น เด็กหนุ่มไม่อยากเรียกอีกคนว่าอาเลย์ มันไม่พิเศษเลยสักนิด
ช่วงเวลานี้คงเป็นโอกาสที่เด็กหนุ่มจะได้มองสำรวจใบหน้าหวานละมุนและรอยยิ้มละไมได้ชัดเจนที่สุด แม้อีกคนจะอายุห่างกันหลายปีแต่อี้ฟานกลับไม่ได้รู้สึกถึงระยะห่างระหว่างอายุเลย เขาไม่เคยเรียกอาเล่ยว่าคุณอาเพราะอีกฝ่ายให้ความรู้สึกที่ซอฟท์กว่านั้นมาก อาเล่ยเป็นเหมือนพี่ เหมือนเพื่อนคู่คิด เหมือนอะไรสักอย่างที่อบอุ่นคอยโอบล้อมเขาเอาไว้ในวันแย่ๆ
อาเล่ยเป็นเจ้าของดวงตา ปาก และรอยยิ้มที่เด็กหนุ่มชื่นชอบเป็นพิเศษ ชอบจะมอง ชอบจะอยู่ใกล้ อีกทั้งอีกฝ่ายสามารถดูแลอี้ฟานได้ไม่ขาดตกบกพร่อง เติมเต็มให้เขาได้แทบทุกอย่าง อี้ฟานไม่ใช่เด็กที่มีพร้อมแต่เขากลับไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไรไปเพราะความเอาใจใส่ของอาเล่ย
เพราะฉะนั้นแทนที่จะเหมือนคุณอากลับเป็นเหมือนคุณพ่อเสียมากกว่า...
พ่อทูนหัวของเด็กชายอู๋อี้ฟาน
...
สองทุ่มแล้วแต่ฝนด้านนอกยังคงตกปรอยๆ เวลาแสนสงบสุขดำเนินไปเรื่อยเปื่อย อี้ฟานนอนเหยียดยาวบนพื้นพรมเปิดหนังสืออ่านทีละหน้า...ทีละหน้า...จนกระทั่งต้องปิดมันลงและค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิมองอาเล่ยที่กำลังเขียนอะไรสักอย่างยุกยิกๆ ลงบนแผ่นกระดาษ ท่าทางจริงจังขนาดนั้นอี้ฟานก็ยังมองว่ามันดูสบายตาแปลกๆ
ในชีวิตประจำวันอาเล่ยจะใช้เวลาช่วงเช้า ช่วงสายและช่วงบ่ายดูแลร้านดอกไม้ของตัวเอง บางวันที่อี้ฟานเลิกเรียนเร็วเขาก็จะมาขลุกอยู่กับอาเล่ยที่ร้าน พอตกเย็นหลังจากจัดการทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อยอาเล่ยก็จะมาหมกมุ่นอยู่กับการทำงานเป็นนักแต่งเพลง เป็นอาร์ทติสท์ เป็นศิลปิน บ้างก็มีเสียงเกากีต้าร์ บ้างก็มีเสียงเปียโน บ้างก็เป็นเสียงฮัมเพลงแบบตอนนี้
อี้ฟานรักช่วงเวลานี้ เขาอดทนใช้ชีวิตตลอดทั้งวันเพื่อรอช่วงเวลานี้เลยก็ว่าได้ บรรยากาศอบอุ่น สบายใจ เอื่อยเฉื่อยที่เขาหลงรักมันมาตลอดเจ็ดปี และเขาก็รักมันมากขึ้นเพราะมีอาเล่ย
“ อาเล่ย ”
“ หืม? ”
“ ร้องเพลงให้ฟังหน่อยได้มั้ย เพลงที่อาเล่ยแต่งน่ะ ”
เด็กหนุ่มขยับเข้าไปนั่งเกยคางบนเข่าของพ่อทูนหัว จ้องมองอีกคนด้วยแววตาเป็นประกายและรอยยิ้มใสซื่อ อี้ฟานกลายสภาพเป็นเจ้าแมวตัวโตช่างอ้อนอย่างที่อาเล่ยชอบ ซึ่งมันก็ได้ผลเมื่อไม่มีคำปฏิเสธหลุดออกมานอกจากการขยับตัวเล็กน้อย
“ วันนี้ไม่ให้อ่านหนังสือให้ฟังหรอกเหรอ ”
“ ไม่ อยากฟังเพลงใหม่อาเล่ยมากกว่า ”
“ อืม ก็ได้ ”
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกวาดมองบนแผ่นกระดาษอีกครั้งก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ
หนึ่ง
สอง
สาม
“ It's all about you, my butterfly. ”
โทนเสียงนุ่มหูชวนเคลิบเคลิ้มคลอไปกับเสียงกีต้าร์ อี้ฟานขยับขึ้นมานั่งบนโซฟาคอยมองอาเล่ยอยู่ข้างๆ เขาที่เล่นเป็นแต่เปียโนช่างขัดกับอาเล่ยที่เล่นเป็นแทบทุกอย่างแถมยังเล่นได้ดีอีก เขานั่งหันข้างเอนซบโซฟากระพริบตาปริบๆ นึกชื่นชมอาเล่ยอยู่ในใจ
Every time I come close to you
ทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกับเธอ
Feel like I gonna Dream every time
รู้สึกเหมือนกับฝันไปเลย
เมื่อนานมาแล้วแม่พาอี้ฟานมาที่นี่และบอกกับเขาว่าให้เปิดใจรับสิ่งใหม่เข้ามา บอกว่าที่นี่จะต้องเป็นที่ที่อี้ฟานชอบ และยังบอกอีกว่าที่นี่จะให้สิ่งดีๆ กับเขา...มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาซาบซึ้งใจที่แม่พาเขามาอยู่ที่นี่แทนที่จะให้เขาทนอยู่ในที่ที่มีแต่คนเกลียดชัง พาเขามาเจอสิ่งใหม่
วัยเด็กของอี้ฟานไม่สวยงามมากนัก เด็กหนุ่มจำอะไรไม่ได้เลยยกเว้นความเกลียดชังของพ่อ ค่ำคืนที่มีแม่นอนกอด และวันที่ได้เจอกับอาเล่ยครั้งแรก แต่วันนี้เขาอายุสิบเจ็ดปีและได้เรียนหนังสือ ได้กินอาหารดีๆ ได้นอนซุกผ้าห่มหอมๆ แสนจะอุ่นสบาย ทั้งหมดที่เขาต้องการถูกเติมเต็มหมดแล้ว
...ด้วยฝีมือของคนคนเดียว
โลกของเด็กหนุ่มในวัยกำลังโตจะใหญ่ได้สักแค่ไหนกันเชียว? โลกของอี้ฟานไม่มีอะไรเลยสักอย่างก่อนหน้านี้จนกระทั่งเปิดให้ใครคนหนึ่งก้าวเข้ามา ใครคนนั้นคล้ายกับ Bath Bomb ที่พอโยนลงน้ำกลับแตกกระจายฟุ้งไปด้วยฟองสบู่สีรุ้งสวยงาม สาดความสดใสเข้ามาในโลกใบเล็กๆ ของเขา
무심코 하늘을 봐 Like
ผมเผลอมองไปบนท้องฟ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
네 웃는 모습을 닮아
มันดูคล้ายเธอเวลายิ้มเลย
유난히 눈부신걸 Baby
โดยเฉพาะแสงระยับระยับนั่นน่ะที่รัก
รอยยิ้มถูกส่งมาจากคนที่กำลังร้องเพลงดึงเขาขึ้นมาจากห้วงความคิด มาเจอความจริงที่สวยงามยิ่งกว่า มาเจอความอบอุ่นที่รายล้อมตัวของเขาในตอนนี้ อี้ฟานยิ้มกลับ ซุกหน้าลงกับหมอนอิง คอยใช้สายตาจ้องมองอีกคนอยู่ตลอดเวลา มันน่าแปลกที่เขาละสายตาไปไหนไม่ได้เลย
เสียงสายฝนกระทบบนหลังคาดังเปาะแปะ อากาศเย็นสบาย ในห้องที่มีแสงสลัวสีส้มอ่อนแบบที่อาเล่ยชอบ ในบ้านหลังอบอุ่นที่มีแค่พวกเขา ดวงตาของอาเล่ยเป็นประกายต้องแสงไฟ ยิ่งกว่านิทานก่อนนอนของแม่เมื่อตอนเขายังเด็ก อี้ฟานรู้สึกเหมือนตัวเองจะต้องฝันดีในคืนนี้
เสียงกีต้าร์เงียบหายไปแล้ว...เด็กหนุ่มเปิดเปลือกตาขึ้นมองด้วยความสงสัย กีต้าร์ถูกวางพิงข้างโซฟา อาเล่ยหัวเราะเล็กน้อยก่อนที่จะตบตักตัวเองสองสามที โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรอี้ฟานก็พร้อมจะเอนตัวลงนอนทันที เขาอมยิ้ม ถูปลายจมูกบนกางเกงนอนเนื้อนิ่มและหลับตาลงอย่างสุขใจ
“ แมวเหมียวอี้ฟาน ”
“ เมี๊ยววว ”
เขาแกล้งดัดเสียงน่ารักๆ ตอบโต้อีกฝ่าย แม้มันจะไม่น่ารักเท่าไหร่แต่แค่อาเล่ยหัวเราะชอบใจเหมือนทุกครั้งอี้ฟานก็ยิ้มจนแก้มแทบปริ เขาน่ะ...ยอมเป็นแมวเลยล่ะ
มือบางจับผมเด็กหนุ่มม้วนเล่น บ้างก็สางเบาๆ บ้างก็ลูบ ทำเหมือนกับเขาเป็นแมวจริงๆ เสียอย่างนั้น จนกระทั่งเสียงนุ่มๆ เริ่มร้องเพลงท่ามกลางห้องที่มีแค่เสียงลมหายใจของพวกเขาอีกครั้ง
내 하루속 너랑만 로맨틱 한 drama
ในวันๆ หนึ่งของผมถูกเติมเต็มด้วยละครรักของเรา
날 울고 웃게 하죠 no no no
ทั้งหัวเราะและร้องไห้
23.01 นาฬิกา
เพดานห้องสีขาวโล่งคือสิ่งแรกที่จับโฟกัสได้เพราะเผลอสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากห้วงความฝัน ฟ้าร้องครืนๆ ด้านนอกนั่นแหละคือต้นเหตุ ทั้งห้องมีเพียงแค่แสงสว่างจากแสงไฟข้างทางที่เล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ฝนตกปรอยๆ บรรยากาศชวนง่วงนอนเป็นที่สุด
ขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกได้ถึงฝ่ามือนุ่มนิ่มของคนข้างกายในอุ้งมือของตัวเอง อี้ฟานพลิกตัวนอนตะแคงข้าง เปลี่ยนจากกุมมืออีกคนเป็นสอดประสานกันไว้หลวมๆ นึกขอบคุณตัวเองที่เผลอหลับไปก่อนถึงได้มีโอกาสเข้ามานอนในห้องกับอาเล่ย
พ่อทูนหัวของเด็กหนุ่มยังคงตกอยู่ในห้วงนิทรา ปากอิ่มเผยออ้าเล็กน้อย หลับตาพริ้มอย่างสงบสุข อี้ฟานหันไปมองสำรวจแพขนตานิ่งสนิทของอาเล่ย พยายามทำให้ตัวเองรู้สึกง่วงนอนอีกครั้งด้วยการนับขนตาของอีกคนทีละเส้น...ทีละเส้น
“ … ”
นับได้จนถึงเส้นที่ห้าสิบดวงตาเขาก็เริ่มหรี่ปรือ แต่ก่อนจะนอนหลับจริงๆ อี้ฟานก็ยังนึกถึงเพลงเมื่อตอนหัวค่ำที่อาเล่ยร้องให้ฟัง
잠들지 못하는데
ผมไม่อาจหลับตาลงได้เลย
(네 이름을 불러보는데)
(เพราะมัวแต่ไปเรียกหาเธออยู่นั่นแหละ)
난 수줍은듯 고개를 돌리고
แล้วก็หันหน้าหนีไปด้วยความอาย
เด็กหนุ่มยิ้มคนเดียวเงียบๆ ในความมืด ขยับปลายนิ้วที่สอดประสานกับอาเล่ยเล็กน้อยและเมื่อนิ้วอีกฝ่ายเริ่มขยับบ้างเขาจึงได้หยุด เป็นค่ำคืนที่ดี ดวงตาคมลอบมองใบหน้ายามนอนของพ่อทูนหัว กลับไปนอนหงายมองเพดาน แล้วก็หันไปมองด้านข้างอีกครั้ง
อาเล่ยมีอิทธิพลต่ออี้ฟานจนถึงขั้นที่ว่าเสียงร้องเพลงของอีกคนยังคงดังซ้ำไปซ้ำมาในหัวเหมือนเทปที่ถูกกรอ อี้ฟานจดจำทุกทำนองและเนื้อเพลงที่อีกคนร้องออกมาได้ดีราวกับว่าเขามีส่วนร่วมในการช่วยแต่งมันขึ้นมายังไงยังงั้น แต่ก็นะ...นั่นเป็นเพราะเขาอยากเป็นส่วนหนึ่งในโลกส่วนตัวของอาเล่ยนี่นา
“ อาเล่ย... ”
“ ฝันดีนะ ”
이렇게 좋아하는데
ผมชอบแบบนี้จัง
좀처럼 걸음말 뗄수가 없어
และไม่เคยหยุดมันได้เลย
เราไม่ได้สนใจอายุของตัวละครยกเว้นอี้ฟานที่จะเน้นเป็นพิเศษ
เราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาเลย์ควรจะอายุเท่าไหร่ (อ้าววว) เอาเป็นว่าวางเรื่องอายุลงก่อนนะคะ ถถถถ
แค่ใช้ความรู้สึกก็พอค่ะ อยากให้อาเลย์อายุเท่าไหร่ก็ตามใจคนอ่านเลยเนอะ
ปล.อาเล่ยกับเล่ยเล่ยเราเคยเจอในฟิคของไรต์แม่พี่หมามาก่อน ขอยืมนะคะ มันน่ารักดีอ่ะ อนุญาตนะคะ
สนับสนุนให้อ่านตอนฝนตก
ความคิดเห็น