คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ฟ อ แ ฟ น 0 2
02
I’m sorry, baby.
( ขอโทษนะครับคนดี )
...เดี๋ยวปั๊ดจีบใหม่ซะเลยนี่
...เดี๋ยวปั๊ดจีบใหม่
...จีบใหม่
...จีบ
“ อ๊ากกกกกกกกกกก ”
แบคฮยอนสะดุ้งเฮือกกับประโยคที่ลอยเข้ามาในหัวก่อนจะรีบก้มเอาหน้าผากโขกกับเคาน์เตอร์โทษฐานดันไปคิดถึงอะไรไม่เข้าท่า วันนี้ทั้งวันแทบไม่เป็นอันทำงานเพราะเจ้าบ้านั่นคนเดียวแท้ๆ เลย! แบคฮยอนโดนคุณพี่ฟานฟานเขกหัวไปตั้งหลายรอบที่ดันคิดเลขผิดแล้วผิดอีก ลูกค้าก็ทำหน้าเอือมกันเป็นแถบเพราะเขาดันพูดลิ้นรัวจนฟังไม่รู้เรื่อง
ก็...ก็ใครมันจะไปมีสมาธิกันเล่า! ปาร์คชานยอลนี่ร้ายกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อยู่ๆ โผล่มาจีบมาหยอดคนอื่นหน้าตาเฉย คิดว่าหน้าหล่อๆ นั่นจะช่วยอะไรได้งั้นเหรอ? ไม่มีทางซะหรอกน่า คนอย่างแบคฮยอนเจ็บแล้วจำ เขาจะไม่หลงกลมุกเสี่ยวๆ ของหมอนั่นอีกแล้ว
“ จะเอาหัวโขกโต๊ะอีกนานแค่ไหนเนี่ย บ้าไปแล้วเหรอ ”
“ คุณพี่ฟานฟานจะไปเข้าใจอะไรล่ะ! ”
“ ถามเพราะเป็นห่วงหรอก ”
“ โอเคน่า! ”
ความจริงมันไม่โอเคเลยสักนิด แบคฮยอนคิดว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นบ้า ในหัวเขามีแต่ประโยคเสี่ยวๆ ของปาร์คชานยอลเต็มไปหมดจนชักจะสับสน จีบใหม่งั้นเหรอ? ทำไมพูดง่ายแบบนี้นะ ใครบอกเมื่อไหร่ว่าจะอนุญาตให้มาจีบน่ะ
ดวงตากลมโตฉายแววร้ายกาจและหวานเชื่อมในเวลาเดียวกันตอนมองมาที่เขา รอยยิ้มบางเบา โทนเสียงนุ่มทุ้ม มันน่าโมโหนักที่แบคฮยอนพบว่าทุกอย่างที่เป็นปาร์คชานยอลเขาไม่เคยจะลืมได้เลยสักที ทั้งที่สามเดือนที่ผ่านมาเหมือนกับว่าอีกฝ่ายจะหายไปจากชีวิตแล้วแท้ๆ
แบคฮยอนแค่สงสัยว่าแฟนเก่ามีดีอะไรทำไมถึงเลิกนึกถึงไม่ได้สักที
“ โอเคก็มาช่วยกันนวดแป้งเร็วเข้า นับเงินทำไมมันนานขนาดนั้น ”
“ ทำไมขี้บ่นแบบนี้เนี่ย ”
“ เขาไม่ได้เรียกไม่ได้ขี้บ่น เขาเรียกว่าใส่ใจต่างหาก ”
ล้วงคอตอนนี้ทันหรือเปล่าเนี่ย คนอะไรอวยตัวเองได้หน้าไม่อาย นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณพี่ฟานฟานหน้าตาดีล่ะก็นะแบคฮยอนจะล้วงคออ้วกจริงด้วย
ลากสลิปเปอร์เดินเตาะแตะเข้าไปในหลังร้านพร้อมหน้ามุ่ยๆ คุณพี่ฟานฟานใส่ผ้ากันเปื้อนสีหวานแหววกำลังยืนนวดแป้งขนมปังท่าทางอารมณ์ดีพลางกวักมือเรียกเขาให้เข้าไปหา แบคฮยอนรับไม้นวดแป้งมาถืออย่างไม่เต็มใจนักแต่ก็ยอมช่วยนวดแป้งแต่โดยดี
คุณพี่ฟานฟานหนีจากแวนคูเวอร์มาอยู่เกาหลีได้หลายปีแล้ว เหตุผลก็เพราะโนทางบ้านบังคับให้เป็นนักธุรกิจทั้งที่เจ้าตัวน่ะชอบทำขนมมากๆ แถมยังทำได้อร่อยเหาะไปเลยซะด้วยสิ ตอนแบคฮยอนมาถึงที่นี่ครั้งแรกก็แอบตกใจเหมือนกันที่ร้านขนมปังของคุณพี่ฟานฟานเป็นไปได้ดีขนาดนี้ ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าผู้ชายเจ้าสำอางค์อย่างนี้กลับยอมคลุกแป้งและอยู่หน้าเตาอบร้อนๆ ทุกวัน
“ ทำขนมปังทุกวันคุณพี่ฟานฟานเคยรู้สึกเบื่อบ้างมั้ยอ่ะ? ”
แบคฮยอนเบื่อก็ตรงที่ต้องมายืนขาแข็งนวดแป้งขนมปังเนี่ยแหละ เมื่อยแขนจะแย่
“ แล้วทำไมรักแต่คนเดิมๆ ถึงไม่เบื่อบ้างล่ะ? ”
“ เหตุผลก็คงคล้ายกันนั่นแหละ ”
พูดจบก็ยิ้มละมุนละไม ฝ่ามือเลอะแป้งเอื้อมมายีผมแบคฮยอนแล้วหัวเราะน้อยๆ เขาหันขวับไปจ้องหน้าคนเป็นพี่อย่างหงุดหงิด พูดดีๆ ก็ได้ทำไมต้องมามองกันเหมือนรู้ทันแบบนั้นด้วย ไม้นวดแป้งถูกง้างขึ้นขู่โดยไม่กลัวโดนเตะโด่งออกนอกร้ายเลยสักนิด
“ ทำไมชอบพูดแต่เรื่องนี้เนี่ย! ”
“ แทงใจดำๆ ของใครแถวนี้ล่ะสิน้าาา ”
“ อ๊า! จริงๆ เลย! ”
ทำหน้าบึ้งก็แล้ว เบะปากใส่ก็แล้วแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่หยุดง่ายๆ แบคฮยอนเองก็มีน้ำโหเป็นนะ นี่ถ้าจะห่วงชีวิตรักของน้องขนาดนี้แนะนำให้สมัครมาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวเลยดีมั้ยจะได้จบ
“ ปาร์คชานยอลนี่ใจเป็นบ้า จะมีสักกี่คนที่รับมือคนขี้โมโห ชอบโวยวาย ปากไม่ตรงกับใจแถมยังชอบทำหน้าตาไม่น่ารักอย่างเราได้เนี่ย นับถือๆ ”
“ คุณพี่ฟานฟาน! ”
“ เล่นตัวมากๆ ระวังเถอะเขาจะหนีกลับไปซะก่อน ”
“ คุณพี่ฟานฟาน! ”
ถ้าหนีกลับไปก่อนจริงๆ ล่ะก็...คงต้องพิจารณากันใหม่แล้วล่ะ
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมแต่งงานด้วยหรอกนะคนแบบนั้นน่ะ!
แกล้งเมินลูกพี่ลูกน้องตัวสูงเอาดื้อๆ แม้อีกฝ่ายจะพยายามขุดอะไรมาพูดล้อเลียนแบคฮยอนก็จะไม่สนใจแล้ว ไม่รู้จะติดใจอะไรกับแฟนเก่าอย่างปาร์คชานยอลนั่นนักหนา ก็เขาน่ะแค่ได้ยินชื่อหมอนั่นก็แสลงหูจะแย่
กริ๊งงง กริ๊งงง
“ ไปรับโทรศัพท์หน่อย ”
“ หู้ยย ทำไมไม่ไปเองบ้างอ่ะ ”
“ เป็นแค่ลูกจ้างอย่ามาบ่น เดี๋ยวจะโดน ”
ทำงานให้สารพัดอย่างเหนื่อยใจจะขาดยังจะมาขู่! ถ้าไม่ติดว่าคุณพี่ฟานฟานให้ที่อยู่กับอาหารฟรีแบคฮยอนมีเหรอจะยอม เขาเดินหน้ามุ่ยไปรับโทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ยืนสงบสติอารมณ์สักพักถึงค่อยฉีกยิ้มกรอกเสียงหวานๆ ลงไป
“ สวัสดีครับ ร้านเบเกอรี่ของคุณคริสครับ ”
[ ผมมีเรื่องจะปรึกษา ฟังนะ นี่เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ]
“ หา? เอ่อ...ถ้าเป็นเรื่องขนมเดี๋ยวผมจะไปบอก... ”
[ เรื่องหัวใจ ]
“ ครับ? ”
อะไรนะ ไม่ได้มาปรึกษาเรื่องขนมปังแต่มาปรึกษาเรื่องหัวใจ? บ้าหรือเปล่าเนี่ยหรือว่าโทรผิด แบคฮยอนขมวดคิ้วก่อนจะพยายามอธิบายว่าที่นี่ไม่ใช่คลับรับปรึกษาปัญหาหัวใจสักหน่อย
“ ผมว่าคุณเข้าใจผะ... ”
[ ผมมีแฟนอยู่คนหนึ่ง ไม่สิ...ต้องบอกว่าเคยมี เราเลิกกันได้สามเดือนแล้วแต่ผมสาบานว่าผมรักเขาไม่ได้ตั้งใจจะไปรักใครเลยจริงๆ ]
เดี๋ยวนะ ทำไมฟังแล้วมันคุ้นแปลกๆ
[ ผมรู้สึกผิดที่ไปมีคนอื่น ผมจะยอมรับผิดทั้งหมดเลยขอแค่เขาให้อภัยผม คนที่ผมอยากจะแต่งงานด้วยและใช้ชีวิตไปด้วยกันจนแก่ก็คือเขานะ คุณว่าเมื่อไหร่เขาจะใจอ่อนครับ? ]
ปลายสายพูดเนิบนาบอย่างไม่ทุกข์ร้อน หลังจากนิ่งไปนานแบคฮยอนก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์แล้ว เขาจ้องโทรศัพท์ตาขวางราวกับว่ามันคือใบหน้าของคนที่บังอาจโทรมาก่อกวน
“ ปาร์คชานยอล! ”
[ เขาใจร้ายมาก มาทำให้ผมรักขนาดนี้แล้วยังหนีมาที่นี่อีก ผมเดินเท้ารอบโซลเพื่อติดป้ายประกาศหาเขาเลยนะ ขาผมเกือบหักเป็นสามท่อนแล้วแต่เขาไม่ไยดีกันเลย ]
นี่คือการตัดพ้องั้นเหรอ? ทำไมมันถึงได้ฟังดูแข็งทื่อเป็นท่อนไม้แบบนี้ ไม่ใช่แค่แบคฮยอนแต่ถ้าใครได้ฟังก็คงไม่ใจอ่อนให้หรอก ปาร์คชานยอลเหมือนคนกำลังท่องหนังสือมากกว่าโทรมาง้อคนซะอีก
“ เมื่อไหร่นายจะเลิกทำแบบนี้สักทีเนี่ย! ”
[ ถ้าผมบอกเขาว่า ‘ พยอนแบคฮยอน เลิกทำตัวน่ารักสักทีจะได้มั้ย ’ คุณคิดว่าเขาจะเลิกได้อย่างนั้นเหรอครับ? ]
“ ไอ้บ้านี่! ”
[ คุณรู้จักพยอนแบคฮยอนดีใช่มั้ยครับ? ]
“ ไม่รู้จัก! ”
[ ฝากบอกเขาทีว่าได้โปรดยกโทษให้ปาร์คชานยอลทีเถอะ ]
[ แล้วก็...ขอโทษนะครับที่ทำตัวไม่ดี ]
[ ขอโทษครับที่รัก ]
แบคฮยอนวางหูโทรศัพท์แทบจะทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบประโยค สองแก้มแดงเรื่อผลมาจากความร้อนบนใบหน้าที่จู่ๆ ก็พุ่งสูง นี่ไม่ได้เขินนะ! ไม่มีใครเขินอะไรทั้งนั้น! กะอีแค่ประโยคขอโทษธรรมดาทำอะไรแบคฮยอนไม่ได้หรอก แต่ที่หน้ามันแดงๆ ก็เพราะโมโห โมโหจริงๆ นะ!
“ ไอ้บ้าเอ๊ย ”
บ่นพึมพำก่อนจะยกมือขึ้นกุมแก้มเอาไว้...ร้อนฉ่าเลย ปาร์คชานยอลนี่มันน่าหงุดหงิดจริงๆ ให้ตายเถอะ เขาเดินวนไปวนหน้าหน้าเคาน์เตอร์เหมือนคนทำอะไรไม่ถูกจนกระทั่งต้องทรุดลงนั่งปิดหน้าแดงๆ ของตัวเองเอาไว้
“ ฮื่ออออออ ”
ไม่ได้เขินเลยจริงจริ๊งงงงง(เสียงสูง)
...
ร้านเบเกอรี่ของคุณพี่ฟานฟานจะปิดเร็วมากเมื่อเทียบกับร้านทั่วๆ ไป อาจเพราะขนมปังจะอร่อยที่สุดในตอนเช้าและในช่วงเย็นคุณพี่ฟานฟานจะใช้เวลาทั้งหมดในการนวดแป้งไว้รออบในตอนเช้าอีกที แบคฮยอนยืนสัปหงกจนโดนเขกหัวไปหลายที ก็คนมันเหนื่อยนี่ ไหนจะเป็นมาสคอต ไหนจะเป็นแคชเชียร์ แล้วยังต้องมายืนขาแข็งนวดแป้งขนมปังอีก แรงงานชัดๆ!
ในช่วงสองทุ่มครึ่งนิดๆ มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นหน้าร้านพร้อมกับเด็กผู้ชายที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยท่ามกลางความงุนงงของแบคฮยอน เขาเกาหัวแกรกๆ พยายามจะอธิบายให้คนมาใหม่ฟังว่าร้านปิดแล้วนะแต่อีกฝ่ายกลับพุ่งเข้ามาจับมือเขาไปเขย่าๆ ซะอย่างนั้น
“ ฮายยย หนุ่มน้อยจากแวนคูเวอร์! พยอนแบคฮยอนใช่มั้ยอี้ฟานบอกมางี้ ”
“ เอ่อ...ครับ ”
“ โตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย! อะเมซิ่งจริงๆ เลย! ”
อะไรเนี่ย? คนๆ นี้ทำยังกับรู้จักเขามานานแล้วอย่างงั้นแหละ ในชีวิตแบคฮยอนรู้จักไม่กี่คนหรอกแต่ผู้ชายแต่งตัวสีจัดจ้านแฟชั่นจ๋านี่มันใครกัน
“ ฉันเพื่อนอี้ฟานไง ฮีชอลน่ะ คิมฮีชอล เค ไอ เอ็ม เอช ดับเบิ้ลอี... ”
“ อ้าวฮีชอล? ”
ขณะที่เขากำลังถูกความงงเข้าเล่นงานเสียงคุณพี่ฟานฟานที่ดังขึ้นก็เหมือนระฆังช่วยชีวิต คุณคนที่ชื่อคิมฮีชอลเบนสายตาจากแบคฮยอนไปมองคุณพี่ฟานฟานก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างสนิทสนม ทิ้งให้แบคฮยอนกับเด็กผู้ชายที่พามาด้วนยืนนิ่งกันทั้งคู่
ดวงตาใสแจ๋วจ้องมาทางแบคฮยอนด้วยสีหน้านิ่งๆ ไม่ยินดียินร้าย ไม่ได้แสดงท่าทีก้าวร้าวแต่ก็ไม่ได้ดูเป้นมิตรมากเท่าที่ควร เด็กคนนั้นเพียงแค่ยืนจ้องเขาเงียบๆ จนชักจะรู้สึกประหม่าขึ้นมา
“ แบคฮยอน นี่คิมฮีชอลเพื่อนสนิทเก่าแก่ของพี่เอง ”
“ เอ่อ... ”
“ ก็เพื่อนคนเกาหลีของพี่ที่เคยเรียนแวนคูเวอร์อยู่สามปีไง เมื่อก่อนก็ดูเข้ากันได้ดีนี่ ”
ฟังคุณพี่ฟานฟานอธิบายแบคฮยอนก็แทบจะร้องอ๋อขึ้นมาดังๆ เขาจำได้แล้ว! นี่เขากล้าลืมรุ่นพี่ที่เคยสนิ๊ทสนิทกันเมื่อก่อนได้ยังไงกันเนี่ยทั้งที่อีกฝ่ายออกจะดูพิลึกไม่มีใครเหมือนขนาดนี้แท้ๆ เมื่อต่างคนต่างทำท่าจำกันได้บรรยากาศแปลกๆ ก็พลันจางหายทันที
“ คุณพี่ฮีชอล! ”
“ ว่าไงน้องรัก! ”
คิมฮีชอลจะเป็นบุคคลที่แบคฮยอนสาบานว่าถ้าโลกไม่แตกเขาก็จะไม่ลืม นอกจากความเป็นมิตร(จนเกินเหตุ)แล้วอีกฝ่ายยังสร้างวีรกรรมเอาไว้มากมายตอนอยู่แวนคูเวอร์ ยกตัวอย่างเช่นยุให้คุณพี่ฟานฟานหนีจากแวนคูเวอร์มาสร้างรกรากที่โซลเพื่อเปิดร้านเบเกอรี่แทนที่จะเรียนบริหารธุรกิจเป็นต้น
“ นี่ๆ แบคฮยอนคงยังไม่รู้ล่ะสิว่าฉันแต่งงานแล้ว ”
“ นี่อี้ชิงนะ อี้ชิงลูกชายของฉันเอง ”
อีกฝ่ายดูภาคภูมิใจสุดๆ ตอนที่พูดถึงลูกชายของตัวเอง เด็กผู้ชายคนเดิมที่เอาแต่จ้องหน้าแบคฮยอนโค้งหัวแล้วพึมพำทักทายเบาๆ สีหน้าไม่ยินดียินร้ายเหมือนเดิม
“ อี้ชิงนี่อาแบคฮยอนนะ ต่อไปนี้ดูแลอาเขาดีๆ ล่ะ ”
เดี๋ยวสิ ทำไมต้องฝากฝังเขากับเด็กตัวเล็กๆ ด้วย? แล้วเด็กอี้ชิงนี่จะพยักหน้ารับทำไม?
กว่าจะทักทายกันเสร็จก็กินเวลาไปมากโข นี่ถ้าคุณพี่ฟานฟานไม่รู้ตัวก่อนบทสนทนายาวเหยียดคงจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้นแน่ คุณพี่ฮีชอลยังเป็นคนที่อเลิร์ตกับทุกสิ่งเหมือนเดิม มีคุณพี่ฮีชอลช่วยงานคนเดียวนี่เหมือนมีลูกจ้างสักสองคนเลยล่ะ
ทีนี้หน้าที่แบคฮยอนก็จำต้องมานั่งหง่าวดูแลเด็กอี้ชิงที่กำลังนั่งเท้าคางมองเขากลับ สีไม้ถูกเทระเนระนาดบนโต๊ะแต่เด็กอี้ชิงกลับไม่ได้ใช้งานมันเลย
“ อายุเท่าไหร่แล้วน่ะเรา? ”
“ สิบหกจะสิบเจ็ดแล้ว ”
“ แล้ว...ตอนนี้แม่อยู่ที่ไหนเหรอ ทำไมถึงไม่มากับคุณพี่ฮีชอลด้วยล่ะ ”
“ อี้ชิงมีแต่พ่อ ”
แบคฮยอนหุบปากฉับ คำตอบซื่อๆ ของเด็กอี้ชิงทำเอารู้สึกผิดจนแทบจะหันไปตบปากตัวเอง
“ เอ่อ...ขอโทษนะ ”
“ ไม่เป็นไรครับ ”
พระเจ้า...รอยยิ้มของเด็กอี้ชิงนี่ทำให้แบคฮยอนรู้สึกว่าโลกกำลังสว่างไสวขึ้น ดีกว่าสีหน้าไม่รู้สึกรู้สาตั้งเยอะ ลักยิ้มเล็กๆ ตรงแก้มทำให้เด็กอี้ชิงดูหน้าหวานเหมือนกับคุณพี่ฮีชอลเปี๊ยบเลย
“ นี่...ถ้าเหงาก็มาเล่นที่นี่ก็ได้นะ คุณพี่ฟานฟานเขาไม่ดุหรอก ”
“ ... ”
“ เดี๋ยวอาแบคฮยอนจะเล่นเป็นเพื่อนดีมั้ย? ”
“ อื้อ ”
เด็กอี้ชิงฉีกยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด เสียงของตกดังขึ้นในครัวแบคฮยอนก็ไม่ได้ให้ความสนใจนักเพราะมัวแต่อมยิ้มมองเด็กตรงหน้ายื่นนิ้วก้อยมาให้
“ ไว้จะมาเล่นด้วยนะแบคฮยอนนา ”
…
กว่าหัวจะถึงหมอนแบคฮยอนก็แทบจะสลบเหมือดคาห้องน้ำ เตียงนุ่มๆ กับบรรยากาศอุ่นๆ ทำให้อยากจะนอนหลับฝันดีจะแย่แล้ว พอคุณพี่ฮีชอลกับเด็กอี้ชิงกลับไปงานก็เสร็จพอดี คุณพี่ฟานฟานกอดอกหรี่ตาจ้องแบคฮยอนกับเด็กอี้ชิงร่ำลากันด้วยรังสีบางอย่างที่ยากเกินจะอธิบาย
แบคฮยอนหลับตาพริ้มอย่างสบายตัวเมื่อล้มตัวหัวถึงหมอน ครั้นพอเคลิ้มๆ กำลังจะเข้าห้วงนิทราโทรศัพท์เครื่องโปรดกลับสั่นครืดคราดโชว์เบอร์ไม่คุ้นตา ชั่งใจอยู่นานกว่าจะยอมกดรับ
Dear, I wrote you a song,
ที่รักครับ ผมแต่งเพลงนี้ให้คุณ
เสียงร้องเพลงดังขึ้นก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรออกไป แบคฮยอนเงียบขณะที่หัวคิ้วเริ่มขมวดชนกัน มีใครโทรผิดอย่างงั้นหรือเปล่า แบคฮยอนควรจะรีบพูดแทรกแล้วบอกว่าโทรผิดเบอร์ดีมั้ย แต่เสียงร้องเพลงมันก็คุ้นหูอยู่เหมือนกันนะ...
Despite the fact you did me wrong.
ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วคุณจะคิดว่าผมเป็นคนผิด
And dear, I don't know what the hell is going on with you,
และที่รักครับ ผมไม่รู้ว่าแม่งเกิดอะไรขึ้นกับคุณ
But something ain't right.
แต่มีบางอย่างไม่ถูกต้องนะครับ
เสียงร้องเพลงเงียบหายไปแล้ว แบคฮยอนนี่แทบจะปาโทรศัพท์ทิ้งทันทีที่มีเสียงคนพูดดังขึ้นมา ดวงตาเรียวกลอกไปมาเมื่อปลายสายหัวเราะเบาๆ
[ เซอร์ไพร์ส ]
ปาร์คชานยอลได้ทีนี่เอาใหญ่เลยใช่มั้ย เบอร์โทรศัพท์เบอร์นี้แบคฮยอนยังจำตัวเลขได้ไม่หมดเลยด้วยซ้ำแต่อีกฝ่ายกลับหามันเจอจนได้ อย่าให้รู้นะว่ามีคนหนุนหลัง
“ ย๊า! นายเป็นสตอล์กเกอร์หรือไงปาร์คชานยอล ”
[ เป็นคนที่รักนายต่างหาก ]
“ ฉันจะบล็อคเบอร์นาย! ”
[ ก่อนนายจะบล็อกเบอร์นี้ผมอยากให้นายฟังมันจนจบนะ ]
You tell me that you love me
คุณบอกว่าคุณรักผม
Then you go and leave me
แล้วคุณก็ทิ้งผมไป
Why you do this to me?
ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้ล่ะครับ?
Baby, I'm lovesick.
ที่รักครับ ผมป่วยเป็นไข้ใจ
ยอมรับก็ได้ว่าปาร์คชานยอลน่ะเสียงดีใช่เล่น เสียงทุ้มๆ ของหมอนั่นทำให้แบคฮยอนรู้สึกแปลกประหลาด ก็เพราะมันฟังดูอบอุ่นและออดอ้อนซะขนาดนี้น่ะซี่! แผนสูงอีกแล้วใช่มั้ย เขาเม้มปากแน่น ไม่ใช่ ไม่ใช่เพราะกลั้นยิ้มนะ แต่กลั้นไม่ให้เผลอด่าปาร์คชานยอลต่างหาก
I just can't sleep,
ผมนอนไม่หลับ
Just can't eat,
กินอะไรไม่ลง
Can't do much of anything at all,
ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
[ คนฟังใจอ่อนบ้างหรือยังครับ? ]
“ ไม่เลยสักนิด ”
ไม่เลยจริงๆ แต่ตอนนี้มือข้างที่เหลือกำชายเสื้อนอนจนยับยู่ยี่ไปหมดแล้ว แก้มก็แดง หน้าก็ร้อน แบคฮยอนถือโทรศัพท์แนบหูขณะที่ซุกหน้าแดงๆ ของตัวเองกับผ้าห่ม ปล่อยปาร์คชานยอลร้องเพลงมันทั้งคืนเลย ไม่ใจอ่อนเด็ดขาด
[ งั้นใจอ่อนเร็วๆ นะครับ ]
Cause I'm sick and in love with you dear.
เพราะผมป่วยกับการต้องตกหลุมรักคุณครับ
เพลงที่พิชานร้องง้อคนขี้งอนชื่อเพลง love sick ของ never shout never นะคะ *แก้ไข*
ใครจะไปหามาฟังก็ได้ เราก็ติดเพลงนี้มากๆ เลยค่ะ
#ฟิคฟอแฟน
ความคิดเห็น