คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : New home, new day, new smile.
Chapter one
New home, new day, new smile.
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
“ ...อืม ”
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
“ ครับ ครับ กำลังจะไป... ”
เปลือกตาบางค่อยๆ เปิดขึ้นมองหน้าปัดนาฬิกาก่อนเป็นอันดับแรก...ตีสองเนี่ยนะ? นี่เป็นครั้งแรกที่บ้านของเขามีแขกมาเยี่ยมยามวิกาล เลย์ยันตัวลุกจากเตียงอย่างเชื่องช้า เสียงเปาะแปะของเม็ดฝนบ่งบอกว่าค่ำคืนนี้มีพายุเข้า และคนที่ออกจากบ้านมาตอนดึกดื่นตอนนี้ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญจริงๆ ก็คงจะแปลกคนน่าดู
เสียงออดหน้าบ้านดังถี่รัวตั้งแต่ตอนที่เลย์นอนอุตุบนเตียงจนกระทั่งลากขาตัวเองลงมาชั้นล่าง ดวงตาหรี่ลงทันทีที่เปิดสวิตซ์ไฟจนสว่างทั้งบ้าน เขายืนเรียกสติลูบหน้าลูบตาตัวเองอีกสักหน่อยก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรับแขกยามวิกาล
“ เลย์! ”
หญิงสาวคนหนึ่งยืนสั่นงันงกปรากฏกายต่อหน้าเลย์ที่กำลังสะลึมสะลือ ใบหน้าเธอซีดเผือดเพราะอากาศเย็นติดลบ เธอเรียกชื่อเขาเสียงแหบแห้ง สบตากับเขาก่อนจะค่อยๆ เลื่อนสายตาต่ำลงไปทางซ้ายมือ เลย์ชะงักนิ่ง เด็ก? เด็กผู้ชาย? เธอกำลังจับมือกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่ซึ่งมีสภาพไม่ต่างกันนัก
“ เฟยเฟย?”
“ ฉันเองเลย์... ”
เลย์โอบประคองร่างของเด็กชายเข้ามาในบ้าน ช่วยลูบน้ำฝนออกจากใบหน้าอ่อนเยาว์ และไม่ลืมที่จะดึงร่างเพื่อนสาวเข้ามาด้านในอย่างร้อนรน เขาเปิดฮีตเตอร์และวิ่งวุ่นหาผ้าอุ่นๆ มาคลุมให้เธอกับเด็กที่เธอพามาด้วย เฟยเฟยดูแย่กว่าครั้งล่าสุดที่เจอกันซึ่งมันก็ผ่านมาได้หลายปีแล้ว เลย์ไม่คิดไม่ฝันว่าจู่ๆ เพื่อนสนิทในมหาวิทยาลัยที่ขาดการติดต่อไปจะมาหาในสภาพย่ำแย่แบบนี้
กลิ่นชาหอมอบอวลไปทั่วห้อง อีกไม่นานจะเช้าแล้ว เสื้อผ้าเปียกโชกในตอนแรกถูกเลย์โยนเข้าเครื่องอบและแทนที่ด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่เท่าที่เขามี เลย์นั่งมองใบหน้าเพื่อนสนิทอย่างเคร่งเครียดแต่ก็ไม่ลืมจะย้ายสายตาไปมองเด็กที่นอนหลับตาพริ้มบนตักเธอบ้างเป็นครั้งคราว
“ ดื่มชาอุ่นๆ เข้าไปเยอะๆ จะได้ไม่เป็นหวัด ”
“ รู้แล้วล่ะ ไม่เปลี่ยนไปเลยนะเลย์ ”
เลย์ก็ยังเป็นเลย์คนเดิม ชอบอยู่คนเดียว ทำงานคนเดียว รูปร่างหน้าตาก็ใช่ว่าจะดูแลพิถีพิถันมากแต่ไม่เคยปล่อยปละละเลยตัวเองให้โทรม แต่เฟยเฟยนี่สิ...เขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าเพื่อนสาวสวยและสดใสคนนั้นจะดูเศร้าหมองได้ขนาดนี้
“ ขอโทษนะ ”
“ ขอโทษทำไม? ”
“ ที่ฉันหายไป ไม่ได้ติดต่อนายเลย แล้วตอนนี้ก็ยังมารบกวนนายอีก ”
“ ฉันดีใจที่เจอเธอ ไม่ได้ลำบากเลยสักนิด ”
ถึงตอนแรกจะตกใจแทบแย่ที่เจอเธอหน้าบ้านก็เถอะ เขาเป็นผู้ชาย ไม่คิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว การที่เพื่อนสนิทหายตัวไปซะเฉยๆ และเพิ่งจะโผล่มาตอนนี้ตัวเฟยเฟยเองก็คงจะมีเหตุผล
“ เลย์ ”
“ อือ ”
“ นายยัง...เห็นฉันเป็นเพื่อนสนิทอยู่ใช่มั้ย? ”
ถ้วยชาใบเล็กในมือเฟยเฟยสั่นระริกจนได้ยินเสียงจานรองกับก้นแก้วกระทบกันชัดเจน เลย์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาแดงก่ำของเธอก่อนจะคลี่ยิ้ม
“ แน่ล่ะสิ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน ”
“ ถ้าอย่างนั้นเพื่อนต้องช่วยเพื่อนใช่มั้ย ”
“ เธอมีปัญหางั้นเหรอ? เธอบอกฉันได้ทุกอย่าง ฉันจะช่วยเธอเอง ”
ท่าทางของเฟยเฟยชัดเจนขนาดนี้มีเหรอที่เลย์จะไม่รู้ เขารับฟังเพื่อนสาวอย่างใจเย็น ดึงถ้วยชาออกจากมือเธออย่างนิ่มนวลก่อนที่มันอาจจะหกราดตัวเธอได้
“ เลย์...ฮึก...ฉัน...ฉันพาลูกหนีสามีใหม่มา ”
“ เด็กคนนี้? ”
“ ชะ...ใช่ ฮึก สามีของฉันเกลียดเขาเพราะเป็นลูกติด เขาไม่ต้องการลูก เขาใจร้ายกับลูกของฉัน ไม่นานมานี้...ฮึก ตอนที่เราทะเลาะกันเขาเผลอหลุดปากออกมาว่าสักวันเขาจะฆ่าลูกของฉัน ”
ได้ยินแบบนั้นเลย์ก็ขมวดคิ้วทันที นี่มันอะไรกัน ทำไมเฟยเฟยถึงได้ตกลงปลงใจกับผู้ชายใจคอโหดเหี้ยมจะฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กล่ะ ยิ่งสายตาเหลือบไปมองใบหน้าไร้เดียงสาที่นอนซุกตักของเธอเขาก็รู้สึกเครียดแทน
“ โอเคเฟยเฟย ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างงั้น...สามีคนก่อนของเธอเขายังอยู่มั้ย? ”
“ เขาเสียได้สองปีแล้วเลย์ ฉัน...คิดว่าสามีคนนี้จะทำให้เราสองแม่ลูกมีความสุขได้ แต่เปล่าเลย...เลย์ ฉันไม่น่าแต่งงานกับคนอย่างเขา ฉันรู้สึกผิดต่อลูก ฉันมันแย่ ฮึก ฉันมันแย่ ”
“ เธอทำดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยก็พาลูกหนีมาไม่ได้ปล่อยให้เขาถูกรังแกนี่ใช่มั้ย? ”
“ ฉัน... ”
“ เธอมาอยู่ที่บ้านฉันก่อนดีมั้ย? ฉันรู้จักทั้งตำรวจและทนาย บางทีสามีของเธอน่าจะโดน... ”
“ ไม่เลย์ ฉันไม่ต้องการอย่างนั้น ”
เธอรีบละลักละล่ำบอกด้วยใบหน้านองน้ำตา เลย์เงียบ มองเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก
“ แค่ลูก...ช่วยดูแลลูกฉันหน่อยได้มั้ยเลย์ ขอร้อง ขอร้องล่ะนะ ”
“ แล้วเธอ? ”
“ ฉันทิ้งสามีของฉันไม่ได้จริงๆ ฮืออ ช่วยฉันนะเลย์ ได้โปรดเถอะ ”
“ เขาขู่เธอหรือเปล่า? ”
“ ไม่เลย ”
“ ฉันแค่รักเขา เลย์...ฉันรักเขาไปแล้ว รักเกินกว่าจะทิ้งเขาไว้ ”
“ … ”
“ แต่ฉันก็รักลูก รักเกินกว่าจะทนทำเป็นไม่เห็นตอนเขาถูกทำร้าย ”
บางทีความรักมันอาจจะซับซ้อนเกินไป เขาที่ไม่เคยมีความรักในเชิงนั้นกับใครถึงได้รู้สึกไม่เข้าใจซะขนาดนี้ เลย์มองเฟยเฟยร้องไห้สะอึกสะอื้นก่อนจะถอนหายใจเงียบๆ เขาสงสารทั้งเฟยเฟยและลูกชายของเธอ เลย์ช่วยอะไรไม่ได้มากไปกว่าตกลงรับปากสิ่งที่เพื่อนสนิทร้องขอ
“ ก็ได้ ฉันจะช่วยดูแลลูกของเธอเอง ”
เฟยเฟยเงยหน้าขึ้นมองเลย์ทันที เธอร้องไห้หนักขึ้นจนเขาชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าเขาทำให้เธอดีใจหรือเสียใจกันแน่ เธอจับมือเขาแน่น รอยยิ้มกว้างที่เลย์คิดว่ามันสวยปรากฏขึ้นครั้งแรกตลอดหลายชั่วโมงที่พวกเขาต่างก็จมอยู่ในความว้าวุ่นใจ
“ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณมากนะเลย์ ”
“ ก็เราเพื่อนกันนี่ ”
“ ฉะ...ฉัน ฮือออ เลย์ ฉันดีใจที่ได้รู้จักนาย ขอบคุณมากนะ ขอบคุณ ”
“ อือ เข้าใจแล้ว เธออย่าร้องไห้นักเลย ”
“ อยู่ที่นี่เป็นเด็กดีนะอี้ฟาน ไว้แม่จะมาหาบ่อยๆ นะคนดีของแม่ ”
นิ้วมือเล็กๆ ช่วยปาดน้ำตาออกจากใบหน้าเฟยเฟยก็ยิ่งร้องไห้ เธอจ้องมองใบหน้ายิ้มแย้มแสนไร้เดียงสาของลูกชายอย่างปวดใจ แต่ตอนนี้นอกจากพึ่งเลย์แล้วเธอก็มองไม่เห็นหนทางอื่นอีกเลย เธอจำต้องทิ้งลูกให้คนที่ดีกว่าดูแลแม้จะอยากพาลูกกลับไปอยู่ด้วยกันแทบตาย
“ อาเลย์จะให้ทุกอย่างที่อี้ฟานต้องการ ”
“ ครับ ”
“ แม่รักอี้ฟานนะรู้มั้ย ”
“ ผมก็รักแม่ ”
สองแม่ลูกโผเข้ากอดกันร้องไห้ระงม แต่จะว่าให้ถูกก็คือมีแต่เฟยเฟยที่ร้องไห้ในขณะที่มีลูกชายคอยกอดปลอบ เลย์รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับบุคลิกท่าทางของเด็กที่อายุไม่น่าจะเกินสิบสอง ถ้าหากเป็นเด็กคนอื่นคงจะร้องไห้กระจองอแงไปแล้ว
จากที่ได้คุยกันเมื่อสองชั่วโมงก่อนเลย์ก็รู้เรื่องราวคร่าวๆ ของเฟยเฟยหลังจากเรียนจบแล้วเธอหายเงียบไป เฟยเฟยแต่งงานครั้งแรกกับอดีตนายแบบดังคนหนึ่งก่อนที่เขาจะลาวงการออกมาทำธุรกิจเล็กๆ เลี้ยงเธอกับลูก หลังจากลูกของอี้ฟานอายุได้สี่ขวบเขาก็เสียชีวิต เฟยเฟยแต่งงานครั้งที่สองกับสามีคนล่าสุดตอนอี้ฟานอายุได้หกขวบ เลย์แอบนับเลขในใจเงียบๆ และพระเจ้า...นั่นแสดงว่าเฟยเฟยกับลูกต้องทนอารมณ์ร้ายๆ และความเกลียดชังตั้งสี่ปีอย่างงั้นเหรอ?
อี้ฟานเป็นที่เกลียดชังของสามีใหม่ที่แม้แต่การร่วมชายคาเดียวกันผู้ชายคนนั้นยังไม่ยินยอม เด็กตัวเล็กๆ คนเดียวถูกไล่ออกมาอยู่บ้านอีกหลัง ไม่ได้อะไรจากคนเป็นพ่อใหม่เลยสักอย่างเดียวนอกจากการยอมให้เฟยเฟยได้ดูแลลูกด้วยตัวเอง ไม่ได้ไปโรงเรียน ไม่ได้ใช้ของดีๆ ไม่ได้สิทธิ์แม้แต่จะออกจากบ้านไปไหนตามใจชอบ ซึ่งเฟยเฟยบอกว่าตัวเธอเองก็ทำอะไรไม่ได้มาก...
แต่เธอก็ยังรักผู้ชายคนนั้นอย่างงั้นเหรอ?
“ แม่จะไม่อยู่ที่นี่กับผมจริงๆ เหรอครับ? ”
“ อี้ฟานแม่ขอโทษ แต่...ฮึก...ลูกรู้ใช่มั้ยจ้ะว่าแม่ทิ้งพ่อเขาไม่ได้ ”
“ แต่แม่เลือกจะทิ้งผม ”
“ ไม่เลยอี้ฟาน ไม่ใช่เลย สิ่งที่แม่ทำคือการให้ลูกได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ได้รับสิ่งดีๆ ที่ลูกควรจะได้ก็เท่านั้น ฮึก อยู่ที่นั่นลูกคงจะถูกข่มเหงเหมือนเดิม ”
“ แล้วทำไมเราไม่อยู่ด้วยกันล่ะครับ ผมอยากอยู่กับแม่ ”
“ เพื่อลูกจ้ะ ถ้าแม่หนีมาพ่อเขาต้องตามหาแน่ และถะ...ถ้าเขาเจอเรา ถ้าเขาเจอเราล่ะจะทำยังไง ”
อี้ฟานเงียบ ภาพความโหดร้ายของพ่อเขายังจำได้ดี เวลาพ่อโกรธใครก็เอาไม่อยู่ คนที่นั่นไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขากับแม่เลยสักคน แค่นึกถึงตอนที่ฝ่าเท้ากระทืบลงมาบนตัวเด็กน้อยก็รู้สึกกลัวราวกับว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
“ เชื่อแม่นะอี้ฟาน ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น แค่เป็นเด็กดีกับอาเลย์ ตั้งใจเรียนหนังสือ ทำเพื่อแม่นะ ”
“ คะ...ครับ ”
“ ดีมาก ถ้าแม่มาได้...แม่จะมาหานะเด็กดี ”
เฟยเฟยยืดตัวตรงขึ้นสบตากับเลย์อย่างรู้สึกขอบคุณ เธอจูบหน้าผากลูกชายเพียงคนเดียวด้วยความรักทั้งหมดที่มีก่อนจะตัดใจเดินหันหลังกลับขึ้นรถที่ขับมาในตอนแรก
แม่กลับไปแล้ว
กว่าที่เลย์จะทันไหวตัวเด็กชายก็ออกวิ่งตามหลังรถของเฟยเฟยพร้อมกับร้องตะโกน สองเท้าของเด็กชายยังเปลือยเปล่า เลย์รู้สึกแย่ มันแย่มากกับภาพตรงหน้าที่เขาเห็น ภาพเด็กชายกำลังทั้งวิ่งทั้งร้องตะโกนหาผู้เป็นแม่ เฟยเฟยเพื่อนของเขาเป็นคนจิตใจดี เลย์นึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเธอต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนในการเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของลูกตัวเอง
“ แม่! แม่ครับ! ”
“ ผมรักแม่! ผมรักแม่! ”
“ แม่ครับอย่าทิ้งผม แม่! ”
สุดท้ายร่างเล็กๆ นั้นก็ถลาล้มไปบนพื้นถนนเฉอะแฉะ อี้ฟานค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นนั่งกอดเข่า ฟุบหน้าลงและส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
เลย์หยุดฝีเท้าลงตรงหน้าเด็กชาย ตัวเขาเองก็เริ่มเปียกแล้วเพราะสายฝนยังคงตกลงมาไม่ขาดสาย เขาวางมือลงบนหัวเปียกๆ ของอี้ฟาน ค่อยๆ รั้งตัวสั่นเทาของอีกคนเข้ามากอดเอาไว้เต็มอ้อมแขนแล้วโยกไปมาเหมือนเวลาปลอบเด็กเล็ก ท้องฟ้ายังมืดมิด พวกเขากอดกันท่ามกลางอากาศเย็นติดลบ
“ ลืมสิ่งที่ผ่านมาแล้วเปิดใจรับสิ่งใหม่ที่ดีกว่า แม่นายบอกแบบนั้นหรือเปล่าเด็กน้อย ”
“ คะ...คุณรู้ได้ยังไง? ”
เสียงเล็กๆ นั้นถามกลับมา เขาทำเพียงแค่ยิ้มและหัวเราะขณะที่กอดอี้ฟานเอาไว้
“ เพราะเราถือคติเดียวกันเลยน่ะสิ ”
“ แม่นายให้ชีวิตใหม่กับนายแล้วต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุดนะรู้มั้ย ”
“ ไม่มีแม่...ไม่มีแม่แล้ว... ”
“ แต่ตอนนี้นายมีฉัน ”
ใกล้จะเช้าแล้ว...แม้ฝนจะยังตกแต่อากาศกลับเริ่มอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้ทำให้พวกเขาหนาวสั่นอีกต่อไป เมื่อเช้าวันใหม่มาถึงสิ่งใหม่ๆ ก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
“ อี้ฟานมีอาเลย์อยู่ตรงนี้ไง ”
…
ห้องน้ำเพียงห้องเดียวกลับมีคนอยู่ถึงสองคน แม้อีกคนที่ว่าจะเป็นเด็กตัวเล็กนิดเดียวก็ตามเถอะ เด็กน้อยนอนแช่อยู่ในอ่างขณะที่เลย์กำลังสระผมให้ เสียงเปียโนจากเทปเล่นคลอเบาๆ ชวนให้บรรยากาศผ่อนคลายลง เลย์หลุดขำเมื่อเด็กน้อยแอบลอบมองตัวเองเสียหลายครั้งหลายครา
“ คุณชอบแม่ของผมหรือเปล่าครับ ”
“ ชอบสิ ”
แววตาไหววูบ สีหน้าประหลาดๆ ยิ่งน่าขำไปกันใหญ่ เลย์นวดและสางกลุ่มผมที่พันกันยุ่งเหยิงอย่างใจเย็น สภาพมอมแมมขนาดนี้คงต้องใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานทีเดียว
“ เพราะแม่ของเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันยังไงล่ะ ”
เมื่อเขาเฉลยสีหน้าของอี้ฟานก็ดูจะดีกว่าก่อนหน้านี้ เลย์ยิ้มขำ เด็กหนอเด็ก
“ ตอนที่ฉันไม่มีใครเธอก็เป็นคนเดียวที่อยู่ข้างฉันมาตลอด เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกเลย ”
เลย์ช่วยถูเนื้อถูตัวให้เด็กมอมแมม เว้นไว้เป็นบางจุดที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวสำหรับเด็กน้อย ใบหน้าที่ซีดขาวกลับค่อยมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยเจ้าแก้มแดงๆ ของอี้ฟานตอนนี้ก็บ่งบอกได้ว่าร่างกายอยู่ในระดับที่ปกติดีแล้ว ท่าทางผ่อนคลายจนเห็นได้ชัด
มือของเขาปัดผ่านผิวเนื้อของเด็กน้อยหลายครั้งและชะงักเป็นบางทีเพราะสัมผัสได้ถึงรอยนูนขึ้นมาบนผิว และเลย์จะไม่ว่าอะไรเลยหากว่ารอยนูนนั้นมีเพียงจุดเดียวบนตัว แต่มันกลับมีมากกว่าห้ารอยซึ่งคาดเดาเล่นๆ แล้วก่อนจะมาเป็นรอยนูนแบบนี้คงเคยเป็นแผลที่รุนแรงเอาการ
“ ปกติเป็นคนชอบเล่นซนเหรอ? ”
อี้ฟานช้อนตาขึ้นมองเลย์ แววตากลมใสไหววูบก่อนที่จะหลุบต่ำมองบนผิวน้ำ
“ ผมออกไปเล่นข้างนอกไม่ได้ ถ้ามีคนมาเห็นจะถูกตี ”
“ งั้นเหรอ... ”
“ ...เจ็บมากๆ ”
“ แต่ที่นี่ไม่มีคนตีอี้ฟานหรอกนะรู้มั้ย เราจะพูดกันดีๆ ไม่โกหก ”
ผ้าขนหนูแห้งถูกซับลงบนกลุ่มผมเปียกชื้นอย่างเบามือ เลย์รู้ตัวว่ากำลังถูกมอง ไม่ว่าจะหยิบจะจับอะไรดวงตาของเด็กน้อยก็คอยมองตามตลอดจนกระทั่งเขาหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมาอีกฝ่ายก็ยังไม่เลิกมอง นานเข้าคนที่ชินกับการอยู่กับตัวเองอย่างเขาก็เริ่มขัดเขินบ้าง
“ อายุเท่าไหร่แล้ว? ”
“ สิบขวบครับ ”
เลย์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะละความสนใจไปกับการเป่าผมอีกคนให้แห้ง ปล่อยให้เด็กน้อยจัดการใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ด้วยตัวเอง เสื้อนอนเก่าของเขาบนตัวอี้ฟานดูหลวมนิดหน่อย คอเสื้อที่เปิดกว้างโดยไม่ได้ตั้งใจทำให้มือของเขาชะงัก เลย์มองหน้าอี้ฟานก่อนจะยิ้มให้เหมือนไม่เห็นอะไรในร่มผ้า
รอยแผลเป็นพวกนั้น...
มีมากมายบนร่างเด็กอายุแค่สิบขวบ
“ ต่อไปนี้...ผมจะเป็นเหมือนแม่เอง ”
เสียงเล็กๆ ดังขึ้นอีกครั้งจนต้องละสายตาไปมอง เด็กน้อยจ้องมองมาด้วยแววตาแน่วแน่แต่ยังคงเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาน่าเอ็นดูตามประสาเด็ก หัวชื้นๆ พิงอยู่ระดับหน้าท้องของเลย์
“ เป็นคนที่อยู่ข้างคุณเหมือนแม่ ”
เลย์หัวเราะออกมาอีกครั้งและอีกครั้ง นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ยิ้มกว้างมากขนาดนี้ และนานมากเช่นกันที่เขาไม่ได้เปิดรับใครเข้ามาในชีวิต บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสของเขาก็ได้
“ เด็กน้อย ฉันต่างหากที่ควรจะพูดอย่างนั้น ”
…มันคงถึงเวลาที่ต้องเปิดใจรับใครเข้ามาสักที
“ ฉันจะอยู่ข้างนายเอง ”
อยากให้อ่านแล้วฟีลลิ่งเหมือนตอนฝนตก แต่เหมือนจะยากจังเลย
อากาศมันร้อนมาก นานๆทีฝนถึงจะตก ช่วยบิ้วท์ตัวเองตอนอ่านด้วยนะคะทุกทั่น ; _ ;
ฟังเพลงละเปิด rainy mood ก็ดึ้ยยย
ความคิดเห็น