คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Your love around me.
Chapter twelve
your love around me.
เคยมั้ยที่เราอยากเข้มแข็งเพื่อปกป้องรอยยิ้มของใครบางคนตลอดไป
อี้ฟานเคย และนั่นแหละคือแรงผลักดันของเขา
“ มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญนะรู้มั้ย ต้องกินเยอะๆ ล่ะ ”
อาหารเช้าหอมฉุยถูกเลื่อนมาวางตรงหน้าเขา ถึงแม้ว่าปีนี้เขาจะอายุสิบแปดแล้วแต่อาหารที่อาเล่ยทำให้ก็ยังเป็นรูปตัวการ์ตูนในบางครั้ง อาหารฝีมืออาเล่ยที่ตั้งใจทำให้เขานั้นแสนจะใส่ใจขนาดไหนมีแต่อี้ฟานที่รู้ดี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงยังคงยิ้มแก้มปริทุกครั้งที่ได้กินอาหารฝีมืออาเล่ย
เพราะอาเล่ยไม่ได้ใส่แค่เครื่องปรุงลงไปในอาหาร
แต่ใส่ความรักลงไปด้วย
“ อย่าลืมพกร่มไปด้วยล่ะ ”
“ เย็นนี้อยากกินอะไรเหรออี้ฟาน เดี๋ยวจะทำไว้ให้ ”
“ อี้ฟาน? ”
“ อี้ฟาน? ”
“ ครับ? ”
ดูเหมือนว่าจะเผลอนั่งคิดอะไรเพลินๆ ไปหน่อย รู้ตัวอีกทีก็ถูกดวงตาสีน้ำตาลก็มองมาอย่างขบขันอาเล่ยย่นจมูกใส่เขาอีกแล้ว อี้ฟานเองก็หัวเราะเช่นกัน
“ ทำอาหารจีนนะ ผมอยากกินอาหารจีน ”
“ เอางั้นเหรอ ได้สิ ”
เมื่ออาเล่ยหยิบช้อนขึ้นมาอี้ฟานก็หยิบตามบ้าง รสชาติไม่จืดแต่ก็ไม่จัดจ้านแบบที่เขาชอบกับความอุ่นร้อนในโพรงปาก เสียงช้อนกระทบจานเบาๆ น่าฟังยิ่งกว่าเสียงระฆังในโบสถ์เสียอีก ช่างเป็นเช้าที่แสนดีจนแทบไม่อยากจะไปโรงเรียนเลยล่ะ
“ ยิ้มอะไรหืม? ”
กระดาษทิชชู่ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า อาเล่ยพยักเพยิดเป็นการบอกว่ามีอะไรสักอย่างติดอยู่ตรงแก้มเขาแต่อี้ฟานก็เลือกที่จะเฉย เด็กหนุ่มอมยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะโดนบิดจมูกไปหนึ่งที สุดท้ายแล้วอาเล่ยก็ต้องเช็ดแก้มให้เขาอย่างช่วยไม่ได้
“ เปล่าครับ แค่มันดีที่มีอาเล่ยอยู่ด้วย ผมมีความสุขจัง ”
“ ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ”
“ แต่อาเล่ยก็ชอบ ”
“ หื้ม? บอกตอนไหนล่ะ ”
“ แล้วอาเล่ยยิ้มทำไม ”
ยิ้มหวานทั้งตาทั้งปากแบบนี้น่ะ ดูยังไงอาเล่ยก็ชอบใจที่เขาพูดจาหวานๆ แบบนี้
“ อี้ฟานชอบให้อาเล่ยยิ้มไม่ใช่เหรอ? ”
“ โอเค ผมยอมแล้ว ”
สิ่งที่พ่อทูนหัวของอี้ฟานพูดมามันถูกต้องจนเขาไม่รู้จะโต้กลับยังไงไหวได้แต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวไปยิ้มไปทั้งอย่างนั้น วันนี้เป็นวันที่ดี...เหมาะกับการเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง และเด็กหนุ่มเชื่อว่าความรักทั้งหมดที่มีอยู่จะทำให้เขาสามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้
เขาใช้เวลาคิดเรื่องนี้อยู่หลายคืน ดวงตาแสนเย็นชาของพ่อยังติดอยู่ในหัว อี้ฟานเริ่มตระหนักได้ว่าเขากำลังกลัวอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เขาไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ ที่สู้พ่อไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แต่เพราะความทรงจำแย่ๆ ในวัยเด็กมันทำให้เขากลัวโดยไม่คิดจะเผชิญหน้าเลยสักครั้งเดียว
แค่เอาชนะความกลัวนี้ให้ได้
มันก็คุ้มไม่ใช่เหรอที่เขาจะไม่ต้องกลัวมันอีกต่อไป
อี้ฟานให้อาเล่ยเป็นท้องฟ้าสวยงามยามเช้า เป็นสายลมและก้อนเมฆ ส่วนตัวเขาก็เหมือนผีเสื้อที่ติดอยู่ในกรงขัง เมื่ออยากออกไปบินในท้องฟ้าข้างนอกเขาก็ต้องหนีออกมาจากกรงขัง ความรู้สึกแสนอิสระนั้นช่างเป็นสิ่งเย้ายวนใจเหลือเกิน
“ วันนี้ผมจะไปหาแม่ ”
“ มันถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง ”
อาเล่ยไม่ได้มีท่าทีเป็นห่วงเป็นใยหรือกังวลใจอะไรทั้งสิ้น นอกจากยิ้มบางๆ บนใบหน้าหวานละมุนอาเล่ยก็เพียงแค่ยิ้มให้เขาเท่านั้น
“ ตัดสินใจแล้วใช่มั้ย ”
เด็กหนุ่มพยักหน้าช้าๆ ตามองมืออาเล่ยยื่นเข้ามาหาก่อนจะจับมืออีกคนเอาไว้หลวมๆ
“ ไม่ว่าจะตัดสินใจยังไงอี้ฟานก็มีอาเล่ยเสมอนะรู้ใช่มั้ย? ”
“ อือ ”
“ แค่ทำให้เต็มที่ อย่าให้มันค้างคาในใจอี้ฟานอีกเลยนะ ”
ว่าด้วยกฎของแรงดึงดูด...พวกเขาต่างยืดตัวขึ้นจากเก้าอี้ ให้ดวงตาดึงดูดกันและกัน ปล่อยริมฝีปากแนบสนิทอย่างอ่อนโยน อี้ฟานรักอาเล่ยเหลือเกิน ไม่ใช่รักแบบอาหลาน ไม่ใช่รักที่มีแต่ความสเน่หาแต่เป็นความรักเท่าที่เด็กผู้ชายคนหนึ่งมี เขารักอาเล่ยอย่างลึกซึ้งและปรารถนาดีจากใจ
เสียงหัวเราะดังขึ้นผะแผ่ว พวกเขาค่อยๆ ผละห่างจากกันอย่างอ้อยอิ่ง อี้ฟานยิ้มกว้างเมื่ออาเล่ยยื่นมือมาลูบแก้มเบาๆ ทุกอย่างกลับไปเป็นปกติ แต่แน่นอนว่ารสหวานบนริมฝีปากยังไม่จางหายไป
“ ผมอยากเริ่มต้นใหม่ แบบที่เริ่มต้นใหม่จริงๆ... ”
“ ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ผมจะเป็นอี้ฟานที่โตเป็นผู้ใหญ่ ”
“ ...แล้วก็จะจับมืออาเล่ยไปนานๆ เลย ”
...
“ แม่ครับ ผมอยากเจอพ่อ ”
“ ... ”
เด็กหนุ่มมองใบหน้าซีดเผือดของแม่ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสผิวแก้มนุ่มแผ่วเบา เขากุมมือแม่เอาไว้แล้วกดจูบลงไปเพื่อปลอบประโลมไม่ให้แม่รู้สึกตกใจ เขาอยากให้แม่วางไว้วางใจในตัวเขา และเขาโตพอที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่างเองได้แล้ว
อี้ฟานรู้สึกซาบซึ้งใจ แค่เขาโทรหาแม่บอกว่าคิดถึงแม่อยากจะเจอแม่เขาก็ได้รับคำตกลงในทันที อี้ฟานไม่ได้นัดเจอแม่ที่บ้านแต่เลือกที่จะนัดเจอแม่ข้างนอก ส่วนหนึ่งเขาก็แค่อยากจะลองทำอะไรด้วยตัวเองโดยไม่มีอาเล่ยคอยอยู่ใกล้ๆ เหมือนทุกครั้ง
ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาแสนสวยของแม่สั่นระริกและเต็มไปด้วยความกังวล มือบางบีบกระชับฝ่ามือของเขาแน่นและอี้ฟานทำได้แค่ยิ้มกว้างๆ
“ แม่ไม่คิดว่ามันจะ... ”
แม่ลูบแก้มเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ คิดดีแล้วเหรอจ้ะอี้ฟาน? ลูกไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้หรอกนะ เราแค่ปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้...แม่ไม่รู้เลยว่าเขาจะทำอะไรถ้าเขาเจอลูก ”
“ อย่าห่วงไปเลยครับ ”
“ … ”
“ ผมโตพอจะปกป้องตัวเองปกป้องแม่ได้แล้วล่ะครับ ”
แม้ว่าคราวแรกที่ตัดสินใจทำแบบนี้เขาจะกลัวแทบตาย มันยาก...กับการที่เราต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองกลัว แต่พอนึกถึงคำพูดของอาเล่ยความกล้าของอี้ฟานก็กลับมาอีกครั้ง เขาตระหนักได้ว่าไม่นานเขาต้องโตขึ้นและไม่สามารถวิ่งหนีปัญหาไปได้ตลอด
แม่พาเขาหนีจากพ่อได้แต่หนีจากความจริงไม่ได้ ไม่มีทางที่อี้ฟานจะหนีไปได้ตลอดเพราะไม่มีใครหนีจากความจริงได้ และเขาไม่อยากหนีอีกต่อไปแล้ว เขาอยากจะยิ้มและมีความสุขได้จริงๆ สักที
“ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้แม่ลำบากใจ ผมแค่อยากทำอะไรให้มันดีขึ้น แม่เข้าใจใช่มั้ยครับ? ”
“ แม่เข้าใจจ้ะ แต่แม่...อี้ฟาน แม่เป็นห่วงลูกนะ ”
“ ผมเจอพ่อเมื่อหลายวันก่อน ”
ดวงตาสีเข้มเหมือนเขาเบิกกว้าง แม่ดูตกใจมากที่ได้ยินแบบนั้น ใบหน้าสะสวยบิดเบี้ยวจะร้องไห้ออกมารอมร่อก่อนที่อี้ฟานจะดึงแม่เข้ามากอดให้แน่นๆ แม่เป็นห่วงเขาเสมอถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเท่าแม่ลูกคู่อื่นๆ
“ ผมตัวโตเท่าพ่อแล้วนะครับแม่ ”
“ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงว่าเขาจะทำร้ายผมได้เหมือนเมื่อก่อนนะครับ ”
เด็กหนุ่มอยากให้แม่เชื่อใจเขาเหมือนกับที่อาเล่ยเชื่อใจเขา อี้ฟานยิ้มให้แม่อีกครั้ง กดจูบลงบนหน้าผากของแม่ แค่แม่กระชับอ้อมแขนกอดตอบกลับมาเขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
“ แต่เป็นกำลังใจให้ผม…แล้วมันจะผ่านไปได้ด้วยดี ”
“ แม่เชื่อใจผมมั้ย? ”
“ จ้ะ แม่เชื่อใจอี้ฟาน ”
ความรักที่โอบล้อมรอบตัวนั้นจะเป็นแรงผลักดันให้อี้ฟานกล้าเผชิญหน้ากับอุปสรรคและความกลัว มันไม่เคยง่าย แต่ก็ไม่ยากหากว่าเขามีแม่และอาเล่ยอยู่เคียงข้าง
แบบนี้ดีที่สุดเลย
การที่อี้ฟานได้เจอพ่อในครั้งนี้เด็กหนุ่มเชื่อว่าหนามแหลมคมที่ทิ่มแทงใจมาตลอดหลายปีกำลังจะถูกดึงออก เขาจะไม่เจ็บปวดกับเรื่องราวในอดีตอีกต่อไปแล้ว
“ งั้นวันนี้แม่ต้องกินเยอะๆ นะครับ ผมรู้ว่าแม่ชอบผัก ”
“ ผมจะตักเนื้อให้แม่ด้วย แม่จะได้แข็งแรงและสวยแบบนี้ไปนานๆ ”
มันยากมากที่เขากับแม่จะหาโอกาสมาทานข้าวด้วยกันสักมื้อ ถ้าหากว่าอะไรๆ ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนอี้ฟานหวังว่าเขากับแม่จะได้ออกมาเจอกันบ่อยกว่าเดิม บนจานของแม่มีแต่อาหารอยู่พูนจาน แม่หัวเราะทั้งน้ำตาก่อนจะตักอาหารเข้าปากคำโต
“ แม่จะแข็งแรงเพื่ออี้ฟานนะ ขอบใจนะจ๊ะ ”
อี้ฟานมองแม่ซับน้ำตาด้วยรอยยิ้มบางเบา ยิ่งกระซิบปลอบแม่ก็ยิ่งน้ำตาไหล อี้ฟานสูดจมูกเล็กน้อยขณะที่มือไม้วุ่นวายกับการดูแลอาหารการกินให้แม่ เขาแสบจมูกแถมยังแสบตาแต่ไม่อยากร้องไห้...เชื่อเถอะว่าแม้อาหารมื้อนี้พวกเขาจะกินข้าวพร้อมน้ำตาแต่มันก็เป็นมื้ออาหารที่อร่อยที่สุดในโลกเลยล่ะ
“ ร้องไห้ทำไมอี้ฟาน... ”
“ ถ้าแม่ไม่หยุดร้องไห้ผมก็ไม่หยุดร้องเหมือนกัน ”
“ ฮะๆ เจ้าเด็กโง่ ”
อี้ฟานจะเป็นเด็กโง่ของแม่
เขาเป็นเด็กโง่ที่รักแม่ที่สุดเลย
“ แม่รักอี้ฟานนะ ”
“ ผมก็รักแม่ รักแม่มากๆ เลยครับ ”
…
Rain season, 2011
“ อี้ฟาน...ตื่นเร็วเข้า ”
แรงบิดเบาๆ ตรงปลายจมูกทำให้คนที่จมอยู่ในความฝันจำต้องลืมตาตื่นในเช้าวันใหม่ สิ่งแรกที่ปรากฏในกรอบสายตาคือใบหน้าสดใสและรอยยิ้มหวานๆ จับใจคนมอง อี้ฟานถูแก้มกับหมอนสองสามครั้งและค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นขยี้ตาแบบง่วงๆ
“ มีอะไรจะถาม ”
“ อื้อ ”
เด็กชายเห็นหน้าปัดนาฬิกาปลุกบนโต๊ะหัวเตียงบอกเวลาว่าเป็นตอนตีสี่ ทุกอย่างยังคงเงียบสงบจนได้ยินเสียงฝนตกกระทบหลังคาชัดเจน ข้งนอกหน้าต่างมืดสนิท จะมีก็แต่แสงสลัวจากโคมไฟสองข้างถนนสายเล็กหน้าบ้านเท่านั้น อาเล่ยนั่งอยู่ตรงปลายเตียงและไม่ได้ใส่ชุดนอนด้วย
“ อาเล่ยจะไปไหน? ”
“ ชู่วว ต้องตอบคำถามก่อนนะ ”
“ … ”
“ เคยเห็นทะเลตอนเช้ามั้ย? ”
“ …ไม่ ”
เขาจะไปเคยเห็นอะไรแบบนั้นได้ยังไงในเมื่อใช้ชีวิตวนเวียนอยู่แต่บ้าน โรงเรียน ซูเปอร์มาร์เก็ตกับร้านดอกไม้ของอาเล่ย นานๆ ครั้งก็ได้ไปนั่งคาเฟ่บ้าง อี้ฟานไม่เคยไปไหนไกลเลยสักครั้ง
“ เราไปเที่ยวทะเลกันเถอะ ”
ดวงตาหรี่ปรือเบิกกว้างแทบจะทันที อี้ฟานหูผึ่ง แทบไม่รู้ตัวเลยว่าจ้องอีกคนด้วยดวงตาเป็นประกายขนาดไหน
“ จริงเหรออาเล่ย? ”
“ จริงสิ รีบลุกไปอาบน้ำแปรงฟันเร็วเข้า ”
“ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย! ”
เขากำลังตื่นเต้นและอารมณ์ดีจนอดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงตามวิทยุ อี้ฟานยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกว่าตัวเองกำลังจะได้ไปเห็นทะเลตอนเช้าอย่างที่อาเล่ยบอก มันจะสวยขนาดไหนนะ? เด็กชายมองออกไปนอกหน้าต่างบ้างมองคนขับรถบ้าง หัวใจเขารู้สึกอิ่มเอมไปหมด
ก่อนจะออกจากบ้านมาอาเล่ยบอกกับอี้ฟานว่าทะเลตอนไหนก็ไม่สวยเท่าทะเลตอนเช้าในวันที่ฝนตกพรำๆ เสียงคลื่นเพราะพอๆ กับเสียงฝน แม้จะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้เท่าหน้าร้อนแต่มันก็ดีไปอีกแบบ อี้ฟานจินตนาการตามแล้วอดยิ้มไม่ได้เลย ตื่นเต้นจะแย่
เพราะอาเล่ยชอบทะเลตอนเช้าในวันที่ฝนตก
อี้ฟานเลยคิดว่ามันต้องดีมากแน่ๆ
เด็กชายเคยไปเที่ยวไกลบ้านก็นานมาแล้วจนมันเลือนรางไปหมด ตั้งแต่ตอนที่แม่ยังไม่แต่งงานใหม่ ตอนที่พ่อแท้ๆ ของเขายังอยู่ ตอนที่ครอบครัวยังเป็นครอบครัวจริงๆ แต่วันนี้อี้ฟานไม่คาดฝันมาก่อนจริงๆ ว่าอาเล่ยจะใจดีพาไปเที่ยวทะเล ถึงจะเช้าเกินไปและอยู่ได้ไม่นานมากนัก แต่เพราะมีอาเล่ยอี้ฟานก็คิดว่ามันโอเค
กว่าจะไปถึงที่หมายต้องขับรถถึงสองชั่วโมง ถนนว่างเปล่า มีรถสวนไปแทบนับคันได้ อี้ฟานได้รับอนุญาตให้เปิดกระจกและยื่นมือออกไปนอกหน้าต่างรถได้ สูดกลิ่นไอดินและกลิ่นฝนเข้าจนชุ่มปอด...และกลิ่นหอมๆ จากตัวคนนั่งข้างๆ อีกด้วย
“ น้ำฝนเย็นเจี๊ยบเลย ”
เด็กชายหัวเราะชอบใจและได้รอยยิ้มกลับมา
“ อากาศดีจัง ”
“ อื้อ! ”
ดวงตาเป็นประกายคอยจับจ้องอาเล่ยอยู่ไม่ห่าง อี้ฟานเอียงคอมองอาเล่ยฮัมเพลงเบาๆ และฉีกยิ้มกว้าง เด็กชายปีนป่ายจากเบาะตัวเองไปใกล้อาเล่ย แตะริมฝีปากลงบนลักยิ้มของอาเล่ยเบาๆ
“ ขอบคุณครับ ”
“ ผมรักอาเล่ย ”
“ หื้มม รักแค่ไหนเหรอ? ”
“ รักเท่าเม็ดฝนที่ตกลงมาบนโลกเลย ”
รถแล่นมาจอดเลียบตรงชายหาดที่แทบจะไร้ผู้คน เมื่อรถจอดสนิทอี้ฟานก็กระโจนลงจากรถเพื่อจะมองทะเลตอนเช้าได้เต็มตา เด็กชายกรีดร้องเสียงดังด้วยความตื่นเต้นผสมปนเปไปกับความดีใจ อี้ฟานวิ่งบนชายหาดด้วยเท้าเปล่า ดวงตาสีเข้มจ้องมองทะเลที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาแทบจะละออกไปไหนไม่ได้
“ อาเล่ย! อาเล่ย! มาดูนี่สิ! ทะเลตอนเช้าสวยอย่างที่อาเล่ยบอกจริงๆ ด้วย! ”
“ ชอบล่ะสิ ”
“ ชอบครับ! ชอบมากเลย! ”
มันสวยมากเสียจนอยากจะจ้องมองมันไปนานๆ เอาให้ไม่ลืม เด็กชายนึกอย่างให้แม่มาอยู่ที่นี่ด้วยกันจะได้มาเห็นอะไรสวยๆ แบบนี้เหมือนที่อี้ฟานเห็น เด็กชายยิ้มกว้างปล่อยให้คลื่นสัมผัสเท้าของตัวเอง เขาก้มมองเปลือกหอยหลายรูปทรงหลายสีสันด้วยความประหลาดใจ น้ำเย็นๆ ชวนให้สดชื่นและผ่อนคลาย อี้ฟานได้ยินเสียงคลื่นซึ่งมันเพราะเหมือนกับเพลงที่อาเล่ยแต่งเลยล่ะ
“ ไปด้วยกันมั้ย? ”
ฝ่ามือบางยื่นมาตรงหน้า อาเล่ยจัดผมทัดหูเล็กน้อยดูงดงามจนดวงตาเขาพร่าไปชั่วขณะ อี้ฟานยิ้มกว้าง พยักหน้าแรงๆ หลายทีก่อนที่มือของพวกเขาจะกระชับกันเอาไว้แน่น
“ ผมเปลี่ยนใจแล้วนะอาเล่ย ”
“ หืม ”
“ ผมไม่รักอาเล่ยเท่าเม็ดฝนที่ตกลงมาบนโลกแล้ว ”
“ ทำไมล่ะ ”
“ แต่ผมรักอาเล่ยเท่าเม็ดฝนที่ตกลงมาบนโลกรวมกับทะเลเลย ”
อาเล่ยพอได้ยินอย่างนั้นก็ย่นจมูกและหัวเราะออกมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหยีเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว อี้ฟานเห็นรอยยิ้มอาเล่ยแล้วก็รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเหลือเกิน ดีจัง วันนี้เขาทำให้อาเล่ยยิ้มออกมาได้ตั้งหลายครั้งแน่ะ!
“ เจ้าแมวเอ๊ย ”
“ รัก รัก รัก รักอาเล่ย ”
“ รู้แล้วล่ะน่า ”
และนั่นเป็นทะเลตอนเช้าในวันที่ฝนพรำที่อี้ฟานจะไม่มีวันลืมเลย
.
.
.
“ แม่ครับ ”
“ มีอย่างหนึ่งที่ผมอยากจะบอก... ”
“ ผมรักอาเล่ยครับแม่ ผมรักอาเล่ยเหลือเกิน ”
หลังจากนี้จนกว่าจะสอบแกทแพทเสร็จเราคงไม่อัพอีกนานมากมาก ; _ ;
ช่วยอวยพรให้คนขี้เกียจคนนี้ด้วยนะ ละที่ไม่มาอัพไม่ใช่ไรหรอกพอดีคอมพ์มันรวน แย่ๆ
ใครที่อยู่มอหกก็ตั้งใจอ่านหนังสือนะ เราจะซู่ไปด้วยกัน
ใครเคยเห็นทะเลตอนเช้าวันที่ฝนตกบ้าง ยกมือขึ้นหน่อย
เราเคยเห็นหนึ่งครั้งในชีวิตและเป็นครั้งแรกด้วยนะ มันดีมากจนเราอยากหยุดเวลาเลย
ภาพทะเลตอนนั้นยังติดตาอยู่เลย ลองไปทะเลตอนหน้าฝนสักครั้งนะ 555555
ขอบคุณที่สนับสนุนฟิคเราน้าาา
ความคิดเห็น