คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : I'll kiss you longer.
Chapter eleven
I will kiss you longer.
ฝนอาจจะตกไม่หนักมากนักแต่ถ้าออกไปยืนข้างนอกเกินสิบนาทีก็คงจะเปียกไม่น้อย มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เลย์ปล่อยดอกไม้ในมือลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืนไปตรงมุมร้านเพื่อหยิบร่มและแนบฝ่ามือลงบนกระจกใสเพื่อมองดูเด็กหนุ่มคนหนึ่งกับจักรยานคันสีแดงของเขา
ไหล่กว้างลู่ตก วันนี้ท้องฟ้าอึมครึมแต่ก็คงอึมครึมไม่เท่าคนที่ตากฝนอยู่ข้างนอกแน่ๆ เมฆฝนบนฟ้าหรือจะร้ายกาจเท่าเมฆฝนในใจคนเรา เมื่อใบหน้าซีดเซียวเพราะอากาศเย็นนั้นเงยขึ้นมองสบตาเขาอีกคนก็เสหลบแทบจะทันที เลย์รู้สึกไม่สบายใจ เพราะอี้ฟานเคยบอกว่าชอบดวงตาของเขาที่สุด ในเมื่อชอบก็ไม่ควรจะหลบตากันไปแบบนี้สิ
จักรยานสีแดงถูกพิงเอาไว้ข้างนอกร้าน ในมือเลย์ยังถือร่มเอาไว้แต่เขาเลือกที่จะไม่ออกไป อี้ฟานค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ประตูร้านมากขึ้น ใบหน้าก้มต่ำมองพื้นจนเห็นหยดน้ำที่หยดซึมตกลงตามแรงโน้มถ่วงจากปลายผมได้ชัดเจน
“ … ”
“ … ”
ระหว่างพวกเขามีแค่ประตูกระจกใสคั่นกลาง เลย์เห็นริมฝีปากของอี้ฟานขยับแต่ไร้ซึ่งเสียง อีกฝ่ายโน้มหน้าผากพิงกระจก ฝ่ามือซีดวางทับตรงตำแหน่งเดียวกับฝ่ามือของเลย์ ไออุ่นจากตัวเขาไม่สามารถทะลุผ่านบานกระจกไปได้แน่หากยังเป็นแบบนี้
เลย์เปิดประตูออก เขาหวังว่าอี้ฟานจะยอมเปิดประตูของตัวเองเหมือนกัน
“ … ”
“ … ”
“ ตัวเย็นหมดแล้วดูสิ ”
“ ผมขอโทษ ”
“ รู้แล้วล่ะ เข้ามาข้างในก่อนเถอะ ”
เขาจูงมือเย็นเฉียบของเจ้าเด็กตัวโตเข้าไปในร้าน ต้องรีบเช็ดผม เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ โชคดีที่เลย์เอาเสื้อผ้ามาเก็บไว้ที่ร้านเผื่อฉุกเฉินตั้งหลายชุด มันคงไม่ดีนักหรอกที่จะให้อี้ฟานเป็นหวัด แต่ทว่าฝ่ามือนั้นกลับดึงตัวเลย์เอาไว้ไม่ยอมขยับตาม
“ กอดได้มั้ย… ”
“ เข้าไปในร้านก่อน ”
“ อื้อ ”
เสื้อผ้าเปียกๆ ถูกเก็บใส่ในถุงพลาสติกเสร็จสรรพ เจ้าเด็กตัวโตนั่งทำหน้าเนือยปล่อยให้เส้นผมเปียกทั้งอย่างนั้น ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กไม่มีทีท่าว่าจะถูกหยิบขึ้นมาใช้จนเลย์ต้องผละออกจากงานตรงเคาน์เตอร์มาหาคนที่ทำตัวเป็นแมวซึม
เขาไม่รู้หรอกว่าวันนี้อี้ฟานไปเจออะไรมาและมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน ท่าทางเศร้าซึม ดวงตาแดงก่ำ มีเหรอที่เขาจะไม่สังเกตเห็น? เลย์ไม่ใช่พวกจู้จี้ที่จำต้องเค้นเอาความจริงจากปากใครหรอกนะ เขาแค่ปล่อยให้อี้ฟานอยู่กับความคิดตัวเอง คอยเป็นห่วงอยู่ใกล้ๆ ก็คงเพียงพอแล้ว
“ หันมาทางนี้เร็วเข้า ”
เจ้าเด็กตัวโตยังกระตือรือร้นเสมอเมื่อเลย์เอ่ยปาก เขาอมยิ้มกับท่าทางแบบนั้นแต่ก็ต้องกลับมาถอนหายใจเบาๆ ใบหน้าเศร้าๆ ของอี้ฟานไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบเลยจริงๆ
“ ปล่อยให้ผมเปียกเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก ”
“ อาเล่ยจะเช็ดให้ผมใช่มั้ย ”
“ ก็คงจะอย่างนั้นแหละนะ ”
ดวงตาสีเข้มช้อนขึ้นมอง มันสั่นไหว เลย์ดึงแก้มอีกคนให้ริมฝีปากวาดโค้งเป็นรอยยิ้มและมันได้ผลเมื่ออี้ฟานหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ หัวเปียกๆ ซุกเข้าหาหน้าท้องของเขาพร้อมกับพูดเสียงอู้อี้
“ ไหนอาเล่ยบอกจะให้กอดไง... ”
“ หื้อ? ยังไม่ทันไรก็ทวงซะแล้วเหรอเนี่ย ”
“ ต้องทวงสิ ”
เสียงอู้อี้ตอบกลับมา อี้ฟานยืดตัวขึ้นจูบเลย์ตรงสันกรามผะแผ่วก่อนจะกลับไปซุกตรงหน้าท้องของเขาตามเดิม อาการอ้อนเหมือนแมวกลับมาแล้ว แบบนี้จะให้เลย์ไปเอ็นดูใครที่ไหนได้อีกล่ะ
“ อยากกอดจริงๆ นะ ”
“ รู้แล้ว ”
เลย์ลงมือเช็ดผมให้เจ้าแมวตัวโตอย่างเบามือ ปล่อยแขนยาวโอบรัดตรงเอวได้ตามใจชอบ มีบ้างที่รู้สึกจั๊กจี้ตรงหน้าท้องเพราะลมหายใจอุ่นๆ ที่ผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอ กว่าผมของเด็กตัวโตจะแห้งเกือบสนิทดวงตาอีกคนก็หรี่ปรือเต็มที
ร้านเพิ่งจะเปิดได้ไม่กี่ชั่วโมง ฝนก็ทำท่าว่าจะตกหนักมาขึ้นเรื่อยๆ จนบนถนนแทบจะไม่มีคนอยู่เลย เลย์ก้มมองคนที่ยังกอดเอวเขาอยู่ก่อนจะตัดสินใจได้ว่าวันนี้ปิดร้านก็น่าจะดี ฝนตกหนักขนาดนี้คงไม่มีลูกค้าเข้ามาแล้วล่ะ เขาก้มตัวลงไปจูบบนผมอีกคนเชื่องช้า
“ ยังไม่ได้โทรบอกเพื่อนใช่มั้ยว่าวันนี้ไม่ไปโรงเรียน ”
“ อือ ”
“ เดี๋ยวกลับไปถึงบ้านต้องโทรนะ ”
“ อาเล่ยจะปิดร้านเหรอ? ”
“ อืม สงสัยวันนี้พายุจะเข้าฝนถึงตกหนักอย่างนี้ เปิดร้านไปก็คงไม่มีลูกค้าหรอก ”
นิสัยแปลกประหลาดอย่างหนึ่งของอี้ฟานเมื่อเจ้าตัวเครียดก็คืออาการง่วงนอน แม้ว่าเมื่อคืนพวกเขาจะนอนกันเต็มอิ่มก็ตามแต่ ท่าทางเนือยๆ กับสีหน้าไม่อยากรับรู้การเป็นไปของโลกบ่งบอกได้ดีว่าเลย์ควรจะพาเจ้าแมวตัวโตของเขากลับบ้านได้แล้ว
เจ้ารถ Fiat 500 Classic ของเลย์จอดข้างทางเดินเท้าท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ จักรยานคันสีแดงยังคงอยู่หน้าร้านและจำต้องกลับมาเอาพรุ่งนี้เช้าแทน อี้ฟานยืนกางร่มรอให้เลย์ขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับก่อนจะอ้อมไปอีกฝั่ง
ร่มเปียกๆ ถูกโยนไปตรงเบาะหลัง ฝ่ามือบางช่วยปัดละอองน้ำบนเส้นผมอีกคนออก เจ้าเด็กตัวโตยิ้มน้อยๆ และเอนหัวซบลงกับไหล่ของเลย์ เสียงเพลงดังคลอเบาๆ เมื่อสตาร์ทรถ
“ กลับบ้านเรากันเถอะ ”
หลังจากที่ฝนหยุดตกดอกไม้ก็มักจะส่งกลิ่นหอมเสมอนั่นแหละ
...
อี้ฟานนั่งซบไหล่อาเล่ยมาตลอดทางจนกระทั่งถึงบ้าน เขาครุ่นคิดถึงตอนที่ได้เจอพ่อและนึกสมเพชตัวเองที่ช่างขี้ขลาดเหลือเกิน เขาเดินลงจากรถเหมือนว่าร่างกายจะโดนสูบพลังไปหมดแล้วเพราะความเศร้าและความหวาดกลัวก่อนหน้านี้
“ อ่า...ขอบใจนะ ”
เขาส่งมือให้อาเล่ยจับในขณะที่อีกมือถือคันร่มเอาไว้ปกป้องไม่ให้พวกเราโดนน้ำฝน สัมผัสนุ่มนิ่มของฝ่ามือพ่อทูนหัวทำให้รู้สึกสบายใจว่าได้กลับมาถึงบ้านแล้วจริงๆ อี้ฟานพาอาเล่ยเดินผ่านสนามหญ้าสีเขียวเข้มของพวกเขา ผ่านแปลงดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอม และ...
กึก
จังหวะก้าวเดินของเด็กหนุ่มชะงักเมื่ออีกคนหยุดเดิน
“ ครับ? ”
...ว่ากันว่ามีใครบางคนสามารถหยุดเวลาได้โดยที่ไม่ต้องใช้เวทมนต์ อี้ฟานคิดว่าตัวเองเจอคนคนนั้นแล้วล่ะ เพราะทันทีที่ฝ่ามือบางเลื่อนมาแตะเบาๆ บนผิวแก้มเย็นชืดของเขา เด็กหนุ่มเหมือนโดนตรึงด้วยอะไรสักอย่างแสนอ่อนนุ่ม เมื่ออาเล่ยเขย่งปลายเท้าปล่อยริมฝีปากสีอ่อนให้แตะสัมผัสบนริมฝีปากของเขาแผ่วเบาและเนิ่นนานเป็นนาที
อี้ฟานมองเห็นเงาของตัวเองในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายคู่นั้น มองเห็นแพขนตากระพริบเชื่องช้า รู้สึกได้แม้กระทั่งว่าเม็ดฝนตกลงมาบนริมฝีปากที่แตะกันผะแผ่ว ไหลผ่านและระเหยกลายเป็นไอจากอุณหภูมิของพวกเขาทั้งคู่
เขารู้สึกมึนงงเล็กน้อย ได้แต่มองอาเล่ยผละริมฝีปากออกไปอย่างนึกเสียดายในใจ ความอบอุ่นเพียงนิดยังติดตรึงบนริมฝีปากทำหัวใจอี้ฟานพองโต ไม่มีทีท่าว่าโลกจะกลับมาหมุนตามเดิม โลกของอี้ฟานยังคงหยุดนิ่งมองเห็นอาเล่ยเป็นภาพสโลว์โมชั่น
“ ตอนแรกก็กะว่าจะรอให้โตกว่านี้สักหน่อยถึงจะให้คิส... ”
“ แต่วันนี้อี้ฟานคงเจอเรื่องไม่ดีมาใช่มั้ยล่ะ เพราะงั้นไม่เป็นไรเนอะ ”
“ ถือเสียว่าปลอบใจเด็กแถวนี้แล้วกันJ ”
มือข้างหนึ่งยังคงถือร่มค้างไว้กลางอากาศ เม็ดฝนตกกระทบลงบนผืนร่มสีน้ำเงินดังเปาะแปะ หัวใจอี้ฟานดังดังคับอก ตึกตักตึกตัก รอยยิ้มล้อเลียนของอาเล่ยทำให้เขาหน้าแดงวาบ
ถึงจะอย่างนั้น...ก็ชอบนะ
“ ถ้าผมหัวใจวายตายจะทำยังไง ”
“ อืม...หาแมวตัวใหม่มาเลี้ยง ”
“ แมวตัวไหนในโลกก็สู้ผมไม่ได้หรอก ผมจะอยู่กับอาเล่ยไปจนตายเลย ”
เด็กหนุ่มไม่อาจรู้ได้เลยว่าวันนี้เป็นวันที่แย่หรือเป็นวันที่ดี เขาเพิ่งเจอพ่อและรู้สึกหวาดกลัวเมื่อชั่วโมงก่อน แต่พอมาตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร หัวใจเขาเต้นอย่างสุขใจด้วยจูบเดียวของอาเล่ย อี้ฟานก็แค่ปล่อยเรื่องร้ายให้ผ่านไปและอยู่กับปัจจุบันเท่านั้นเอง
ใต้ร่มสีน้ำเงินและสายฝนเป็นพยาน อี้ฟานสาบานกับตัวเองเลยว่าเขาจะไม่มีวันลืมวันนี้และริมฝีปากนุ่มนิ่มของอาเล่ยอย่างเด็ดขาด เขาดึงมือพ่อทูนหัวคนดีมาแนบตรงอกด้านซ้าย ทำน้ำเสียงกระเง้ากระงอดทั้งใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ หัวใจผมมันเต้นแรงมากเลย ”
อาเล่ยอมยิ้มทำท่าเหมือนจะโน้มหน้าเข้ามาฟังเสียงหัวใจของเขาใกล้ๆ เด็กหนุ่มถือจังหวะนี้ขโมยจุ๊บขมับอีกคนเสียเต็มรัก เขาน่ะ...หมั่นเขี้ยวอาเล่ยจริงๆ นะ
“ ผมจะตายมั้ยอาเล่ย ”
“ เมื่อกี้ยังบอกจะอยู่ด้วยกันไปจนตายอยู่เลยนะอี้ฟาน ”
“ ผมจะตายเพราะความน่ารักของอาเล่ยเนี่ยแหละ ”
…
“ วันนี้ผมไม่ได้ฝันถึงพ่อ...แต่ผมได้เจอพ่อ ”
คำบอกเล่าราวกับเด็กน้อยที่เก็บเรื่องราวในแต่ละวันมาเล่าให้คุณแม่ฟังตอนเลิกเรียนสามารถจุดรอยยิ้มตรงริมฝีปากของเลย์ได้ เขาเท้าคางมองเด็กตัวโตวงรูปวงกลมซ้ำไปซ้ำมาด้วยคิ้วขมวดๆ แบบนั้น อี้ฟานดูเหมือนจะตกอยู่ในความคิดของตัวเองโดยไม่รู้ตัว และเป็นคนที่เฝ้ามองอย่างเลย์ที่รู้
“ ผมโตพอที่จะเผชิญหน้ากับพ่อหรือยังอาเล่ย? ”
คนเรามักจะมีอยู่หนึ่งสิ่งที่รู้สึกกลัวเพียงแค่นึกถึง ใครต่อใครมักคิดว่าความกลัวคือรูปธรรมแต่จริงๆ มันคือนามธรรมต่างหากล่ะ ถ้าหากว่าเราไม่รู้สึกกลัวซะอย่างต่อให้สิ่งนั้นจะน่ากลัวแค่ไหนเราก็ย่อมไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้ว เลย์จับมืออี้ฟานเอาไว้ก่อนที่ปลายดินสอในมือใหญ่จะกดทะลุหน้ากระดาษ
“ ผมไม่ใช่เด็กอายุเจ็ดขวบอีกแล้ว ทั้งที่คิดว่าตัวเองโตพอจะเผชิญหน้ากับพ่อผมกลับวิ่งหนี ”
“ เหมือนคนโง่เลย ผมน่ะทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ”
ดวงตาสีเข้มเอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำ หัวใจเขากระตุก เลย์ใช้นิ้วโป้งซับน้ำตาให้เจ้าเด็กตัวโตขี้แยของเขา เขาทำได้เท่านี้เพราะมันไม่มีทางรู้ได้เลยว่าหัวใจของอี้ฟานเจ็บปวดขนาดไหน คนเศร้ามักไม่ต้องการคำปลอบโยนสวยหรูได้เท่ากับอ้อมกอดอุ่นๆ
เลย์มีให้เท่านี้ กอดอีกคนให้แน่นที่สุดเพื่อเป็นการพูดที่ปราศจากคำพูดว่าเจ้าแมวของเขาจะไม่มีวันอยู่คนเดียวบนโลกกลมๆ นี้แน่นอน
“ คนเราก็เรียนรู้ที่จะเติบโตกันทั้งนั้นแหละ ”
“ ถือเสียว่านี่คือบททดสอบ มันอาจจะยากที่สุดเท่าที่เคยเจอมาแต่หลังจากนี้คงไม่มีอะไรที่อี้ฟานทำไม่ได้แล้วล่ะ เรามาทำให้มันผ่านไปด้วยดีกันเถอะนะ ”
เขาเลี้ยงให้อี้ฟานโตมาเป็นคนอ่อนโยนแต่ไม่ใช่คนอ่อนแอ ความกลัวก็เหมือนกับบ่วงที่รัดคอทำให้ทุรนทุราย ถ้าหากเอาชนะความกลัวนั้นได้ก็ไม่ต่างจากคนที่แกะบ่วงออกจากคอได้ไม่ใช่เหรอ? เลย์พร้อมจะอยู่ข้างๆ เด็กน้อยของเขาเสมอไม่ว่าจะเป็นยังไงแต่เขาก็อยากให้อี้ฟานโตขึ้นด้วยตัวเองเช่นกัน
สักวันหนึ่งอี้ฟานจะรู้ว่าการเผชิญหน้ากับบางสิ่งนั้นมันไม่ได้น่ากลัวเกินไปนัก
และตราบใดที่มือของเรายังกุมกันแนบแน่นแบบนี้
“ อาเล่ยเคยกลัวแบบผมมั้ย? ”
“ เคยสิ ”
“ แล้วอาเล่ยทำยังไง? ”
“ แค่เผชิญหน้ากับมัน ”
ครั้งหนึ่งเมื่อตอนยังเด็กพ่อก็เคยบอกกับเขาแบบนี้...แค่เผชิญหน้ากับมัน ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวในเมื่อเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกนี้สักหน่อย เหมือนตอนนั้นที่เลย์มีพ่อและตอนนี้ที่อี้ฟานมีเลย์ยังไงล่ะ
“ เฟยเฟยเป็นเพื่อนที่เข้มแข็งที่สุดเท่าที่อาเล่ยเคยเจอมาเลยล่ะ เธอตั้งท้องตั้งแต่อายุยังน้อย ทำงานหนักแล้วยังทำให้อี้ฟานโตมาเป็นเด็กดีได้ขนาดนี้... ”
“ ลูกชายของเธอก็คงเข้มแข็งไม่แพ้กัน ”
ฉับพลันบ้านทั้งหลังก็ตกอยู่ในความเงียบ ดวงตาของเลย์เบิกกว้างเล็กน้อย อี้ฟานใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีในการเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้...และแนบริมฝีปากลงมาอย่างนุ่มนวล พวกเขาไม่ได้หลับตาลงแต่กลับจ้องลึกเข้าไปในแววตาของกันและกัน เลย์มองเห็นความอ่อนหวาน ความรัก และความจงรักภักดีทั้งหมดอัดแน่นอยู่ในดวงตาสีเข้มของอี้ฟาน
เด็กน้อยของเขาโตขึ้นมากจริงๆ นี่คือสิ่งที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้เลย ปล่อยเสียงหัวใจให้เต้นตึกตักผสมปนเปไปกับเสียงฝนตกข้างนอก จากวินาที...ล่วงเลยเป็นนาที...และมากกว่าห้านาทีต่างฝ่ายต่างแน่นิ่งอยู่อย่างนี้ อี้ฟานไม่ได้ถอนริมฝีปากออกไป ส่วนเลย์ก็ไม่ได้ผลักไส
“ อาเล่ย ”
“ อือ ”
“ ขอบคุณนะครับ ”
เลย์ยอมรับสัมผัสนุ่มละมุนตรงริมฝีปากหลายต่อหลายครั้ง ไม่ได้รุกล้ำไปมากกว่านี้และแสนจะอบอุ่น เขาจะไม่หาเหตุผลว่าทำไมถึงปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้น ระหว่างเขากับอี้ฟานมันมากกว่าความรัก มากกว่าความผูกพัน มากกว่าความห่วงใย พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกันนั่นก็เพียงพอแล้วต่อร้อยเหตุผลที่มีอยู่
“ ถ้าผมรู้สึกไม่ดีอีกอาเล่ยต้องทำแบบนี้อีกนะ ”
“ โลภมากอีกแล้ว ”
พูดยิ้มๆ ก่อนที่หัวหนักๆ ของเจ้าแมวจะซบลงมาหาอีกครั้ง
“ ก็เพราะอาเล่ยนั่นแหละ ”
“ ตอนแรกขอแค่กอดแต่อาเล่ยก็ให้จูบ เพราะฉะนั้น...อาเล่ยต้องรับผิดชอบด้วย ”
ข้อต่อรองของเจ้าแมวตัวโตทำให้เลย์ต้องหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี เขาก้มจูบหัวยุ่งๆ ที่มีกลิ่นแชมพูติดอยู่ก่อนที่อี้ฟานจะเงยหน้าขึ้นจูบกลับตรงริมฝีปาก นั่นแหละ...พวกเขาเคลื่อนใบหน้าเข้าหากันอีกครั้ง ประทับริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
แขนยาวกอดเอวของเลย์เอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่ ไม่ว่าเขาจะกอดอี้ฟานหรืออี้ฟานจะกอดเขาเลย์คิดว่ามันก็อุ่นไม่แพ้กัน ดีจังเลยนะ เขาชอบหน้าฝนกับการได้อยู่กับอี้ฟานที่สุดเลยล่ะ
“ ขอจูบนานๆ ได้มั้ย? ”
เจ้าแมวตัวโตของเลย์เริ่มออดอ้อน ปลายจมูกโด่งคลอเคลียปัดป่ายไปมาตรงปลายจมูกของเขาชวนจั๊กจี้จนต้องหดคอหนีไปหัวเราะ มือบางบีบแก้มคนอายุน้อยกว่าอย่างนึกหมั่นเขี้ยว
“ พอแล้ว ”
“ ผมยังกลัวอยู่เลย อยากได้กำลังใจจากอาเล่ยนะ ”
คนที่กำลังกลัวที่ไหนจะยิ้มกรุ้มกริ่มขนาดนี้กันล่ะเนี่ย เลย์ย่นจมูกใส่เด็กโลภมาก
“ ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ”
“ ก็อาเล่ยตามใจผมเองนี่ ”
“ แค่จูบเดียวแล้วผมจะเป็นเด็กดีของอาเล่ย ”
จูบเดียวที่ไหนกันล่ะเด็กบ้านี่ แก้มขาวเผยลักยิ้มเล็กน้อย เลย์มองดวงตาเป็นประกายวิบวับอย่างพิจารณา สุดท้ายเขาก็ยกนิ้วขึ้นแตะปากตัวเองสองสามทีเป็นสัญญาณ
“ ช่างต่อรองจริง... ”
“ อือ ก็ได้ ”
“ ตรงนี้นะ ”
ช่วงนี้เราป่วยบ่อยมากเลย ทุกคนก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ; _ ; เวลาป่วยมันไม่สนุกเลย
เรามาช่วยลุ้นให้อี้ฟานเอาชนะความกลัวกันเถอะะะะะ
ประกาศ ประกาศ
เราเพิ่งแพ็คหนังสือเสร็จวันนี้และพบว่ามันเกินมาสองเล่มค่ะ
มีฟิคพาโบเกินมาสองเล่ม เราต้องการเคลียร์หนังสือสองเล่มนี้ไม่ด่วนมาก
ถ้าใครสนใจให้ติดต่อเรามาที่ทวิตเตอร์นะคะ
ปล.มีแค่สองเล่มจริงๆ นะ . __ .
ความคิดเห็น