ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    exo「 Photos 」krislay chanbaek ft.myeongyeol

    ลำดับตอนที่ #9 : PHOTOS ; 06 { 100 per. }

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.89K
      11
      25 ต.ค. 56









    05


     

              ปาร์คชานยอล ...อายุสิบเก้าย่างยี่สิบ

              เกิดมาเพิ่งจะเคยเจอคนแบบนี้

              ...แบบพยอนแบคฮยอนน่ะ

     

                เฮ้ยชานยอล! กลับบ้านดีๆ นะเว้ย! ”

                วันนี้อากาศหนาวมาก หิมะเริ่มจะตกอีกแล้ว ชานยอลพ่นลมหายใจแรงๆ นึกหงุดหงิดนิดหน่อย ซ้อมมาเหนื่อยๆ ยังต้องมาเดินฝ่าหิมะกลับบ้านอีก เสื้อไหมพรมต่อให้หนาแค่ไหนก็เอาไม่อยู่แล้ว ท้องฟ้ามืดสนิทแต่ยังมีดวงดาวพร่างพราย สองทุ่มกว่าๆ และอากาศหนาวจัดแต่คนยังพลุกพล่าน แสงไฟสีส้มนวลตรงสองข้างของถนนนั้นดูสวยงาม แต่ชานยอลไม่มีอารมณ์สุนทรีย์ขนาดนั้นหรอก

                กึก!

                จังหวะก้าวเดินชะงักอยู่กับที่ เสียงสวบสาบจากพุ่มไม้ทำให้ชานยอลรีบหันไปมองอย่างรวดเร็ว มีอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น อยู่ในมุมมืดข้างตึก EXO PLANET ที่เขาเพิ่งจะเดินผ่านมา แน่ล่ะ...ชานยอลไม่ใช่พวกปอดแหกที่จะวิ่งหนี ขายาวก้าวเข้าหาพุ่มไม้ช้าๆ เสียงสวบสาบยังคงดังขึ้นไม่หยุด เขากำหมัดเตรียมพร้อมเงื้อขึ้นหวังจะตั้นหน้าไอ้พวกโรคจิต

                อ๊ากกกก!!! ”

                “ เฮ้ย!!! ”

                ชานยอลผงะไปเล็กน้อย หมัดเงื้อค้างไว้กลางอากาศ มือจับคอเสื้ออีกคนเอาไว้แน่น เสียงกรีดร้องโหยหวนแล้วดวงตาที่หลับปี๋ทำให้ต้องระบายลมหายใจออกมาเล็กน้อย ทั้งตกใจและหงุดหงิด

                มานั่งทำอะไรตรงนี้

                “ ฮึก...งื้ออออ

                เจ้าตัวยุ่งเบะปากออกทันทีที่เขาพูดจบประโยค ทำเสียงกระซิกๆ เรียกคะแนนความสงสารได้มากทีเดียว นี่ยังไม่นับตัวสั่นๆ กับหัวที่มีแต่หิมะอีกนะเนี่ย ชานยอลดึงแบคฮยอนออกมาจากพุ่มไม้มองหน้าตาตื่นๆ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

                มานั่งตากหิมะอะไรตรงนี้

                “ รอคุณปาร์คนั่นแหละ รอตั้งแต่เช้าคุณปาร์คก็ไม่ออกมาสักทีอ่ะ! ”

                “ ซื่อบื้อ

                จะมีคนบ้าที่ไหนมานั่งตากหิมะหลบในพุ่มไม้ซุ่มรอคนอื่นออกมาจากตึกอย่างแบคฮยอนบ้าง ไม่ให้ด่าให้ดุก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว ดูซิ! สวมแค่เสื้อตัวบางๆ แบบนั้นมาตากหิมะได้ยังไงกัน

                เอาไปใส่ซะ เดี๋ยวจะเป็นปอดบวมตายซะก่อน นายนี่ยุ่งยากจริงๆ

                “ หนาวจัง บรื๋ออออ

                “ หยุดครางหงิงๆ เหมือนหมาแล้วรีบๆ ใส่เสื้อซะ

               

                แบคฮยอนตัวเล็ก ตอนนี้ตัวเล็กๆ นั่นกำลังหนาวสั่นน่าสงสาร

              ชานยอลเลยยอมสละเสื้อไหมพรมให้

     

                แบคฮยอนไม่ยอมขยับตัวตามคำสั่งบ่นว่ามันหนาวยังงั้นยังงี้ สุดท้ายทนความรำคาญไม่ไหวเลยจับตัวเล็กๆ นั่นยัดใส่เสื้อไหมพรมเอง ฃานยอลเป็นคนตัวโต เขาได้แต่หัวเราะตอนที่เสื้อของตัวเองอยู่บนตัวของแบคฮยอน เสื้อตัวใหญ่เกินไปดูรุ่มร่ามเกินตัว แบคฮยอนดูเหมือนเด็กน้อยสุดๆ

                คุณปาร์คไม่หนาวเหรอ? นี่ๆ เราแบ่งกันได้นะ

                “ ใส่ไปเถอะน่า

                “ เอามือมานี่ดิ! เดี๋ยวแข็งตายไม่รู้ด้วยนะ! ”

                ใส่เสื้อคนอื่นแล้วยังจะจุ้นจ้านวุ่นวายอีกนะคนเรา ชานยอลเบี่ยงตัวหนีแต่เจ้าตัวยุ่งก็ยังขยับตามมาดึงมือเขาไป ชานยอลสะดุ้งวาบ สัมผัสอุ่นสบายสอดประสานกับมือเย็นๆ ของเขา ก่อนจะยัดมือลงไปในกระเป๋าเสื้อ ดวงตาคู่นั้นวาดเป็นเส้นโค้ง ฉีกยิ้มกว้างสดใส

                อุ่นป้ะ?

                ชานยอลจ้องมองไปด้านหน้า มือบีบกระชับเล็กน้อยก่อนจะครางรับเสียงเบา

                อืม...อุ่นดี

     
     







     

                แทนที่ต่างคนจะแยกย้ายกันกลับบ้านตัวเองไปซุกผ้าห่มแบบสบายใจเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว แต่ตอนนี้ชานยอลกลับต้องมานั่งกินต็อกบกกีข้างทางกับแบคฮยอนจนได้ ต็อกบกกีร้อนๆ นุ่มๆ รสชาติเยี่ยมถูกตักเข้าปากต่อเนื่อง ความร้อนของมันทำให้ลืมอากาศหนาวเหน็บไปได้ดีทีเดียว

                เยี่ยมไปเลย! คุณลุงฝีมือไม่เคยตกจริงๆ ครับ! ”

                ยังไม่ทันเคี้ยวให้หมดปากก็หันไปตะโกนชื่นชมลุงเจ้าของร้านเสียงดัง ชานยอลหัวเราะหึๆ นั่งตักต็อกบกกีเข้าปากเรื่อยๆ เกิดมาเพิ่งเคยเห็นคนกินมูมมาขนาดนี้เนี่ยแหละ ตักเอาตักเอาไม่ได้ดูสภาพปากตัวเองเลยว่างั้นเถอะ แก้มสองข้างเริ่มพองออกเรื่อยๆ แล้วยังไม่รู้ตัว

                มองไร? กินไปดิ

                “ ไม่เคยเห็นน่ะ...

                “ ต็อกบกกี?

                “ คนที่กินมูมมามเหมือนหมู

                ดวงตาเรียวรีหรี่ลงคล้ายจะคาดโทษแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรแก้แค้น ปากขมุบขมิบเบาๆ แต่ชานยอลก็จับใจความประโยคนั่นได้อย่างดี ไอ้เชี่ยนี่... อะไรประมาณนี้

                นี่ๆ ถ้ากินไม่หมดบอกได้นะ เดี๋ยวฉันจะช่วยเอง! ”

                “ รู้ทันอยู่หรอก เหอะ...ฉันกินหมดอยู่แล้วล่ะ

                “ งั้นฉันสั่งชามที่สองนะ แต่คุณปาร์คต้องจ่าย

                “ ไม่ ฉันไม่จ่าย ฉันไม่เคยเลี้ยงหมู

                เจ้าตัวยุ่งกัดริมฝีปากฉับ สีหน้ายุ่งยาก แบคฮยอนเงียบไปนานมากจนชานยอลต้องเงยหน้าขึ้นมาองเพราะสงสัย ดวงตาเรียวรีจ้องมาตาแป๋ว(ที่ดูยังไงก็ยังเจ้าเล่ห์) เกยคางลงกับโต๊ะเอียงคอมองชานยอลตาปริบๆ ถ้าชานยอลเมินก็ยังมีการเอานิ้วมาสะกิดๆ ตรงขาอีก

                ฉันมีอะไรจะบอกแหละ...

                “ อย่าเวินเว่อ มีอะไรก็พูดมา

                “ คืองี้นะ...

                “ ฉันไม่มีตังค์ติดตัวสักบาทอ่ะ

               

                อ๋อ...เลยกะจะทำตัวแอ๊บแบ๊วเรียกร้องให้เขาเลี้ยงต็อกบกกีว่างั้นสิ?

              นี่เอาเสื้อคนอื่นไปไม่พอยังมารีดตังค์อีก

     

                อยากมีเงินจ่ายค่าต็อกบกกีใช่มั้ย?

                “ อ่าฮะ

                “ งั้นนายไปนั่งรอที่หลังร้านนะ

                “ ทำไมอ่ะ?

                “ ไปรอล้างจานไง จะได้ไม่ต้องจ่ายค่าต็อกบกกี

                “ โว๊ะ!!! ”

     

                 แต่ถึงอย่างนั้นเวลาต่อมาเจ้าตัวยุ่งก็ได้เดินยิ้มร่าสู้หิมะออกมาอย่างสุขใจ ลากแขนชานยอลไปตรงตู้เครื่องดื่มก็ผละออกมาค้นๆ รื้อๆ กระเป๋าเป้ของตัวเองเอาเป็นเอาตายขัดกับหน้าตาฟินนั่นเหลือเกิน ชานยอลยืนล้วงกระเป๋า ยืดคอมองกี่ทีแบคฮยอนก็ยังหาไม่เจอ

                หาอะไร?

                “ เดี๋ยวดิ ไม่ต้องเร่ง! ”

               

                แล้วเขาไปเร่งมันตอนไหน?

     

                เจอแล้ว! ”

                ก่อนจะได้ถามว่าเจออะไรแบคฮยอนก็หันกลับไปวุ่นวายกับตู้เครื่องดื่มอีกครั้ง เสียงขลุกขลักดังขึ้นพร้อมกับกระป๋องเครื่องดื่มสองกระป๋องที่ร่วงลงมาตรงช่องของมัน แบคฮยอนยิ้มร่า ยื่นกระป๋องเครื่องดื่มอุ่นๆ อันนึงให้ชานยอล แล้วเปิดของตัวเองยกซดเสียงดัง

                อุ่นมากกกก

                “ เมื่อกี้นายหาเศษเหรียญอยู่งั้นสิ

                “ กินๆ ไปเถอะน่าอย่าพูดมาก เดี๋ยวหายอุ่นไม่รู้ด้วยนะ

                ชานยอลจ้องกระป๋องลาเต้ในมือแบคฮยอนนิ่ง ยังไม่ยอมแกะเปิดของตัวเองสักที

                ฉันไม่ชอบกินชาเขียว

                “ แล้วจะกินอะไร?

                แบคฮยอนหน้ามุ่ย สายตาชานยอลจับจ้องกระป๋องลาเต้ของเขา เอาไงล่ะ? เปิดซดไปได้นิดหน่อยแล้วด้วย เจ้าตัวยุ่งทำหน้ามุ่ยลงกว่าเดิมเมื่อชานยอลยังจ้องมาที่ลาเต้ของตัวเอง

                ฉันซดไปแล้วนะ

                “ แลกกัน เอาลาเต้ของนายมาให้ฉัน

                แต่นั่นเป็นจูบทางอ้อมเลยนะ...จูบน่ะจูบ

                ชานยอลนิ่ง มือใหญ่คว้ากระป๋องลาเต้ที่ยังอุ่นจากมือแบคฮยอนยกขึ้นดื่มบ้างแถมยังมีการยักคิ้วให้อีก กระป๋องชาเขียวถูกโยนให้แบบส่งๆ แบคฮยอนยิ่งหน้ามุ่ยกว่าเดิม ถลึงตาจ้องอีกคนดื่มลาเต้อย่างสบายใจแล้วรู้สึกหน้าร้อนๆ ชอบกล

                ตอนนี้นายเสียจูบแรกให้ฉันแล้วใช่มั้ยพยอนแบคฮยอน


     







     

                ...อาย

    ...เขิน

    เพราะปาร์คชานยอลคนเดียวเลย!!!

     

    เป็นเหี้ยไรมึงไอ้แบค จ้องหน้ากูนานไปละ มีอะไรจะพูดก็พูดมา

                ถึงอีซองยอลจะปากมากและปากเสียไปหน่อยแต่อย่างน้อยมันก็รู้ใจแบคฮยอนดีที่สุด ดวงตาเฉี่ยวๆ ของมันเหลือบมามองแบคฮยอนเหมือนจะรำคาญหน่อยๆ ก่อนจะหันไปกระดกโค้กกระป๋องแล้วแชทกับกิ๊กมันในโทรศัพท์อย่างเมามันส์

                มึงเคยจูบทางอ้อมกับใครป้ะ?

                พรวดดด!!

                “ แค่กๆๆ ...ถามห่าอะไรมึงเนี่ยหา! ”

                แล้วจะตะโกนหาหอกอะไรล่ะ! แบคฮยอนรีบตะครุบปากอีซองยอลเอาไว้ก่อนที่มันจะได้แพร่งพรายอะไรออกไป แน่ล่ะ...นี่มันความลับสุดยอดเลยนะ!

                “ เบาๆ ดิ! ”

                “ แล้วมึงมาถามกูแบบนี้ทำไมล่ะ

                “ แล้วทำไมมึงต้องตกใจด้วย

                “ เอ่อ...ก็...ก็ปกติมึงไม่เคยถามอะไรแบบนี้นี่หว่า

                อีซองยอลทำหน้าตาเลิ่กลั่กยิ่งทำให้แบคฮยอนใจคอไม่ดี ทำไมคนอย่างอีซองยอลที่หน้าด้านพอๆ กับแบคฮยอนจะต้องตกอกตกใจกับเรื่องจูบทางอ้อมด้วย? ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ตอนนี้พวกเขาต่างกำลังคิดมากเรื่องจูบทางอ้อมอยู่ดีนั่นแหละ

                มีพิรุธนะมึงอ่ะ

                “ จะ...จูบเจิบอะไร! ไม่มี...มะ...ไม่เคยมีเว้ย! คะ...ใครมันจะมาจูบ...จูบแบบนั้นกัน! ”

               

              อ้าวอีซองยอล นี่หลอกแบคฮยอนให้กินหญ้ามาตลอดงั้นเหรอว่าคาสโนว่าตัวพ่อ

              พูดเรื่องจูบทางอ้อมทำไมต้องเขินด้วย! ไม่เนียนเลยนะขอบอก!

               

                “ คบกันมาตั้งกี่ปีมึงเคยนับบ้างมั้ยอีซองยอล มองตามึงกูก็รู้หมดแล้วว่ามึงเคย! ”

                “ มะ...มึงรู้ได้ไง กูไม่เคยจูบทางอ้อมสักหน่อย! ”

                “ ไหนบอกว่าโชกโชนเรื่องรักไม่ถนัดเรื่องเรียนไง มึงเคยบอกกูว่าว่ามึงฟันสาวน้อยมาหลายคน! ”

                “ กับผู้หญิงกูก็ต้องเคยสิวะ! ”

                “ แล้วกับผู้ชายล่ะมึงเคยป้ะ?

                ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมอีซองยอลต้องลุกลี้ลุกลนอย่างงั้นด้วย ทำไมมันต้องเบิกตากว้าง ทำไมมันต้องตบโต๊ะเสียงดังด้วยแก้มแดงๆ แบบนั้น ยิ่งพูดหน้ามันก็ยิ่งแดงเถือกไปถึงหู ถึงแบคฮยอนจะเรียนไม่ค่อยเก่งแต่เรื่องสังเกตนี่ขอให้บอก ไม่มีพลาดอ่ะ

                กะ...กูไม่เคย! ทำไมกูต้องไปจะ...จูบกับมันด้วย! กูฝากมึงไปบอกมันเลยนะว่ากูไม่ง่าย! คราวนั้นก็มันเล่นกูทีเผลอเถอะ! คนอย่างนั้น...กูไม่ว่า...จะ....จูบด้วยหรอก! ”

                “ อ๋อออ เดี๋ยวกูบอกให้...มันชื่อไร?

                “ อะ...เอ่อ...

                “ มึงเคยจูบกับผู้ชายก็บอกมาเถอะ คิดว่าเนียนตายห่าล่ะ! ”

               

    ...ท่าทางคงไม่ใช่แค่จูบทางอ้อมด้วยแหละ


     





     

    ทะเลาะตบตีกันได้พักใหญ่ๆ อีซองยอลก็ถูกแบคฮยอนลากมาอยู่หน้าตึก EXO PLANET จนได้ นั่งกินยืนกินขนมหมดไปหลายถุง น้ำก็อีกหลายขวดยังไม่มีท่าทีว่าคนข้างในจะออกมาสักที แบคฮยอนน่ะไม่เท่าไหร่หรอกนะเพราะพี่อี้ชิงเคยบอกว่าการรอคอยมักจะได้สิ่งที่คุ้มค่าเสมอนั่นล่ะ แต่คนไร้อารยธรรมแถมยังไม่มีมารยาทอย่างอีซองยอลไม่ได้ทนไปกับแบคฮยอนหรอก

    โอ๊ย! นี่มึงมายืนรอมันอย่างงี้ทุกวันเลยเหรอวะ มึงบ้าป่ะเนี่ย! ”

    พี่อี้ชิงทำได้กูก็ต้องทำได้สิ

    พี่อี้ชิงเขาทำแล้วน่ารักกว่ามึงเยอะเถอะ

    อันนี้ไม่ขอเถียงเพราะพี่อี้ชิงน่ารักอยู่แล้ว แบคฮยอนตบตีอีซองยอลอีกหลายทีให้สาแก่ใจ จู่ๆ ประตูเลื่อนก็เปิดออก ผู้ชายร่างสูงหลายคนเดินออกมาพร้อมเสียงหัวเราะดังๆ คุณปาร์คเดินรั้งท้ายแถวกับใครไม่รู้อีกคนที่หน้าตายสุดๆ อยู่ด้านหลัง เป็นภาพที่ไม่ค่อยคุ้นเคยสำหรับแบคฮยอนเลย

    คุณปาร์ค!!! ”

    แบคฮยอนตะโกนเรียกชื่ออีกคนแล้วโบกมือไปมา ได้ยินอยู่ข้างหูว่าแรดก็หันไปตีเพื่อนตัวดีอีกทีอย่างหมั่นไส้ แบคฮยอนรอให้ปาร์คชานยอลเดินมาหาก่อนจะยกกล้องขึ้นถ่ายรูปท่วงท่าการเดินเท่ๆ ของอีกคนเอาไว้(สำหรับอีซองยอลแม่งเห็นแต่เงามืดๆ เท่านั้นแหละ แบคฮยอนไม่มีฝีมือเอาซะเลย)

    ชิบหายละ...

    อะไร

    มึงพากูมารนหาที่ตายแท้ๆ เลยไอ้แบค! กูไปล่ะ! ”

    ร่างสูงๆ ของอีซองยอลหันหลังวิ่งหนีไปด้วยความเร็วแสงทันทีที่พูดจบ แต่ยังเร็วไม่เท่าเสียงตะโกนของใครอีกคนที่อยู่ข้างปาร์คชานยอล

    อีซองยอล!!! ”

    ...แล้ววิ่งตามกันไปซะงั้น เหอ? ไปรู้จักกันตอนไหนทำไมแบคฮยอนถึงพลาด

    โลกกลมดีนะ ไม่ยักรู้ว่านายเป็นเพื่อนกับอีซองยอลด้วย

    แม้แต่ปาร์คชานยอลยังรู้จักอีซองยอลเหรอเนี่ย? แบคฮยอนเกาหัวตัวเองงงๆ ร่างสูงเดินหัวเราะหึๆ ผ่านหน้าไปก็รีบก้าวเท้าเดินตาม กล้องประจำตัวที่ไม่ค่อยได้ใช้ถูกเก็บลงกระเป๋าลวกๆ

    เพื่อนคุณปาร์คนนั้นรู้จักอีซองยอลได้ยังไงอ่ะ ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย

    ฉันเองก็ไม่เคยเห็นหน้านายมาก่อนเลยนะทั้งที่รู้จักอีซองยอลมาตั้งสองปี

    แบคฮยอนพยักหน้าหงึกๆ อีซองยอลร้ายกาจมากอ่ะ! ทั้งที่รู้จักปาร์คชานยอลมาก่อนแท้ๆ ทำไมไม่ช่วยแบคฮยอนตั้งแต่ทีแรกนะ ขาดแบคฮยอนไปสักคนใครจะซื้อขนมมาเซ่นมันกัน!

    โกรธมั้ย

    ไม่เท่าไหร่อ่ะ อีซองยอลคงมีเหตุผลที่ไม่บอกล่ะมั้ง

    แต่ฉันโกรธนะ

    ตาจ้องตา ไม่ใช่ว่าไม่เคย...แต่ครั้งนี้ทำไมหน้าแบคฮยอนร้อนแปลกๆ นะ ต้องเป็นเพราะจูบทางอ้อมแน่ๆ อ่ะ ไม่อย่างนั้นคนหน้าด้านอย่างแบคฮยอนจะมาเขินได้ยังไงล่ะ! แบคฮยอนละสายตามา ซ่อนใบหน้ากับผ้าพันคอผืนหนา

    ฉันรู้สึกโกรธๆ อีซองยอลคนนั้นขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ

     

    โกรธเรื่องอะไรคุณปาร์คไม่ได้บอก...

    แต่ทำไมแบคฮยอนเขิน

     

    อย่าเผลอไปชอบอีซองยอลคนนั้นล่ะ

    ไม่ตลกนะ ใครจะไปชอบเด็กบ้านนอกแบบนั้นกัน

    อีซองยอลน่ะ...แย่งเพื่อนฉันไปได้คนนึงแล้วนะ

    ถ้าอีซองยอลมาแย่งใครไปจากฉันอีก...ฉันคงแย่แน่ๆ

     

    คุณปาร์คไม่ได้บอกว่า ใคร ที่ว่าหมายถึงใคร

    ...แต่ทำไมแบคฮยอนถึงเขิน

     

    ท้องฟ้าวันนี้ยังคงมีดวงดาวระยิบระยับเหมือนทุกวัน แต่กลับรู้สึกเหมือนตาพร่าเพราะแสงเจิดจ้านั้น ไออุ่นจากร่างสูงกว่าแบคฮยอนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาติดจมูก หน้ามืดตามัวไปกับรอยยิ้มระยะประชิด มือใหญ่ของปาร์คชานยอลจับตรงต้นคอแบคฮยอนแล้วดึงเข้าไปใกล้ พวกเขาหยุดยืนท่ามกลางหิมะที่ตกและท้องฟ้าที่มีแต่ดวงดาว อาศัยแสงไฟข้างถนนให้ความสว่าง

     

    แบคฮยอนไม่ได้เป็นโรคหัวใจ

    แต่เขาสมควรไปพบหมอ...ไปถามว่าอาการตอนนี้คืออะไร

    หัวใจเต้นแรงขนาดนี้เขาอาจจะตายก็ได้

     

    ปาร์คชานยอลโน้มหน้าลงมาใกล้จนหน้าผากของพวกเขาแตะกัน แบคฮยอนไม่กล้าขยับตัวนอกจากยิ้มแล้วก้มมองพื้น เขาเห็นปลายเท้าที่ใกล้กันมากๆ ใกล้เกินไปแล้วนะ

     

    เป็นแฟนคลับของฉันแล้วนะพยอนแบคฮยอน

    อื้อ! ”

    เป็นของฉันแล้วก็อย่าริจะไปสนใจใคร แค่นี้นายทำได้ใช่มั้ย?

    ไหนตอนแรกบอกว่าไม่อยากมีไง

    ตอนนี้อยากมีแล้ว

    อื้อ...

    บอกไว้ก่อนว่าคุณปาร์คขี้หวงนะแบคฮยอน

     

    แบคฮยอนกำลังจะตาย...จริงๆ นะ!

    หัวใจเต้นตุบตับน่ากลัวมากๆ เลยอ่ะ!

     

    สัญญาสิ สัญญากันตอนนี้เลย

    เข้าใจแล้วน่า! ”

    ว่า?

    ไม่มองใครหรอก พยอนแบคฮยอนไม่ได้หลายใจนะขอบอก! ”

    มันตลกมากรึไงทำไมต้องหัวเราะด้วย! ที่ผละออกไปยืนล้วงกระเป๋าเพราะจะแอบหัวเราะคนอื่นเขาล่ะสินึกว่ารู้ไม่ทันหรือไง แบคฮยอนกลับมาซ่อนหน้าลงกับผ้าพันคออีกครั้ง เสหลบสายตาที่มองมา โหย! เกิดมาไม่เคยต้องเขินขนาดนี้มาก่อนอ่ะ!

    พี่อี้ชิงบอกว่า...

    หัวใจมีดวงเดียวก็ต้องชอบได้รักได้คนเดียว

    จริงป้ะล่ะ!? ”

     

    พี่อี้ชิงบอกอีกว่าการที่เราทำให้ใครสักคนยิ้มออกมาได้มันดี

    ...ดีเหมือนตอนนี้รึเปล่านะ?




     







     

    Special : Lee Sungyeol Part.

     

    ชิบหาย...โอ้เย้

    ชิบหายฝุดๆ!!!

     

    อีซองยอล!!! ”

    เสียงนั่นทำอีซองยอลผู้ไม่เคยกลัวอะไรผวาสุดๆ สองขาสับเท้าวิ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ไม่นะ! แค่มีพยอนแบคฮยอนคนเดียวชีวิตของเขาก็หาไม่แล้วจริงๆ ไม่จำเป็นเลยที่ไอ้ศัตรูคู่แค้นนัมเบอร์วันอย่างคิมมยองซูจะต้องมาวิ่งตาม!

    ถ้ามึงไม่หยุดวิ่งกูจูบมึงแน่!!! ”

    ปั๊ดโธ่! อย่าตะโกนจะได้มั้ยล่ะวะ! ถึงจะค่ำแล้วแต่ใช่ว่าจะไม่มีใครได้ยินประโยคข่มขู่ของมึงนะไอ้ฟาย! ซองยอลสบถงึมงำในลำคอแต่ยังไม่ยอมเร่งความเร็วลง เสียงตะโกนนั่นดังมาใกล้เรื่อยๆ แล้ว ร่างของใครคนนึงที่แม่งจำได้ขึ้นใจก็ใกล้มาเรื่อยๆ เช่นกัน

    อย่ามายุ่งกับกูนะไอ้ห่า! ”

    แฟนกูทำไมกูจะยุ่งไม่ได้! ”

    ไอ้ฟายยยย กูเคยตกลงคบกับมึงเหรอ โว๊ะ! มึงบังคับกูทั้งนั้นอ่ะ! ”

    แต่เราจูบกันแล้วนะ! ”

     

    โอ้...มันเอาอีกแล้วครับ

    ยกเรื่องบ้าๆ นั่นมาพูดอีกแล้ว ขู่ได้ขู่ดี!

     

    เราจูบกันแบบดีฟคิส ลึกซึ้งและโคตรจะเร่าร้อน! ”

    ตอนสามทุ่มสิบห้านาที วันจันทร์ที่ยี่สิบสี่เดือนหกในห้องนอนมึง

    มึงจูบตอบกูด้วยนะ แต่ไม่ได้สำคัญเท่ากับ...

    มึงคราง! แสดงว่ามึงชอบ! ”

    กูไม่ได้ชอบ!!! ”

    คิมมยองซูเป็นบุคคลที่หน้าด้านที่สุดในโลกเท่าที่ซองยอลเคยประชันหน้ามาเลยทีเดียว ขนาดไอ้แบคฮยอนว่าแหลแล้วยังไม่เท่ามันเลยเถอะ! หม่ามี๊ของเขาหลงรักมันยังกับลูกในไส้ ไม่ได้รู้เลยว่าเขาเป็นอริกับมันเพราะตอนมัธยมต้นมันพยายามจะล่อลวงเขา! จนตอนนี้มันก็ยังล่อลวงเขาอยู่...ไม่สิ ต้องเรียกว่ามันจ้องจะฉุดเขาไปปล้ำมากกว่า!

    รอยยิ้มมุมปากกับสายตาเจ้าเล่ห์(แถมยังดูหื่นกามโคตร) อีซองยอลโคตรไม่ชอบ เขาไม่ใช่สาวน้อยนะที่จะกรี๊ดกับความเท่แบบดิบๆ ของมัน อย่ามาอ่อยซะให้ยาก!

    อีซองยอลกับรสจูบกลิ่นนม

    กูเลิกแดกไปแล้วเชี่ย! ”

    จังหวะวิ่งของซองยอลชะงักลงพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนในใจ ...ทางตัน! ทางตันเนี่ยนะ!?

    หนีได้ไม่ตลอดหรอกนะ

    ร่างของคิมมยองซูใส่ชุดสีดำทั้งตัว ประกอบกับบรรยากาศเย็นๆ มืดๆ แบบนี้แล้วยิ่งทำให้ซองยอลรู้สึกเหมือนมียมทูตจะมาพรากวิญญาณ ดวงตาเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนกตอนที่คิมมยองซูดึงกุญแจมือสีเงินวาววับออกมาจากเสื้อโค้ท

     

    เฟดเฟ่!

    กลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้วโว้ยยยยยย

     

    มึง...มึงเอากุญแจมือมาจากหนายยย!!! ”

    จากกระเป๋าเสื้อ กูพกติดตัวตลอดเลยนะ

    ปล่อยกูไปเถอะ! ”

    กลัวเหรอ?

     

    โธ่...ถ้ากูไม่กลัวแล้วกูจะวิ่งหนีมึงป้ะล่ะ

    ครั้งสุดท้ายนี่มึงกกกูเอาไว้จูบตั้งหลายวันกว่าจะหนีออกมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ!

     

    เราไม่ได้จูบกันมานานเท่าไหร่แล้วนะหืม...

    กูไม่รู้! ”

    ยิ่งกูยุ่งเรื่องเดบิวท์มึงดูน่ารักขึ้นนะ

    กริ๊ง!

    ซองยอลสะดุ้งเฮือกตอนที่คิมมยองซูปล่อยกุญแจมือให้มันตกห้อยอยู่ตรงหน้า น่ากลัวมากเหอะ...ใครไม่ใช่อีซองยอลจะไม่มีวันเข้าใจ มองไปทางไหนก็ไม่มีที่จะให้หนี ดูเหมือนว่าคิมมยองซูจะพอใจกับท่าทางตื่นๆ ของซองยอลเหลือเกิน

    คืนนี้บรรยากาศเป็นใจ แถมมึงยังไปหากูถึงที่ด้วย

     

    แบคฮยอนกูจะฆ่ามึง! ไอ้เพื่อนเลว!

    ถ้ากูรอดเมื่อไหร่มึงตายเมื่อนั้นแน่!

     

    กูจะฟ้องหม่ามี๊...กูจะฟ้องหม่ามี๊ให้หมดเลยว่ามึงทำอะไรกับกูไว้บ้าง! ”

    จะบอกด้วยมั้ยล่ะว่ามึงน่ะ...จ้องจะโดนปล้ำอยู่

    ไอ้ห่า! ”

    เสียหลายจูบยังดีกว่าเสียตัวนะอีซองยอล

    มาให้จูบหน่อยเร็ว

    ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

     

     

     

     

     
     
     

     



     
     
     


     




     





     
    :)  Shalunla
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×