คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : PHOTOS ; 10 { 100 per. }
10
“ ผมได้ยินมาว่าแบคฮยอนไม่สบายน่ะครับ...แบคฮยอนดีขึ้นรึยังครับ? ”
“ แค่ไข้ขึ้นแล้วก็เพลียเองจ้ะ นี่แบคฮยอนโทรไปบอกอี้ชิงเหรอจ้ะ ”
“ ครับ ผมตกใจเลยรีบมาทันทีเลยครับ ”
“ เจ้าเด็กนั่นมันคงใส่สีตีไข่ให้อี้ชิงมาหาแน่ๆ น่าจับมาตีจริงๆ! ”
อี้ชิงก็คิดว่าอย่างนั้นแหละ...ขนาดยืนอยู่หน้าบ้านยังได้ยินเสียงแบคฮยอนดังมาถึงข้างล่าง แต่ก็โล่งอกไปที่แบคฮยอนไม่ได้อาการหนักมากอย่างที่คิดไปเอง อี้ชิงโค้งขออนุญาตคุณนายพยอนขึ้นไปข้างบนชั้นสองโดยที่ได้รับรอยยิ้มกลับมา ช่างภาพตัวขาวฝากกระเป๋ากล้องไว้บนโต๊ะกินข้าวก่อนจะเดินไปหาแบคฮยอนบนชั้นสอง ห้องที่มีตัว B เด่นหรามีเสียงพูดคุยจริงๆ
แบคฮยอนกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง ที่น่าแปลกใจก็คือเด็กหนุ่มแปลกหน้าที่อี้ชิงไม่เคยพบเจอมาก่อนกำลังนั่งอยู่ข้างเตียงและกำลังบ่นเรื่องรูปของตัวเองที่แบคฮยอนถ่ายออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่
“ อะไรเนี่ย นายทำฉันหมดหล่อหมดเลย สโตกเกอร์กระจอกยังถ่ายได้ดีกว่านี้อีก ”
“ ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ! นี่ฉันถ่ายจริงจังแล้ว ตั้งใจถ่ายแบบสุดๆ อ่ะขอบอก! ”
“ อธิบายดีๆ สิ ทำไมต้องตะโกนด้วย นายป่วยอยู่นะ ”
“ แล้วมาว่าคนอื่นเขาทำไมล่ะ ”
“ ก็นายถ่ายรูปไม่สวยนี่ ไม่มีพรสวรรค์เลยเหอะ ”
“ ถ่ายรูปไม่สวยแล้วยังไง? อย่างน้อยคุณปาร์คก็หอมแก้มฉันไปแล้ว! ”
ช่างภาพตัวขาวยืนติดตรงประตูแอบสะดุ้งนิดๆ กับคำพูดของแบคฮยอน หอมแก้ม? แบคฮยอนหอมแก้มกับเด็กตัวสูงคนนี้แล้ว? อี้ชิงอายุมากกว่าแต่อย่างมากแค่โดนจับๆ แตะๆ นิดหน่อยเอง
พอคิดแล้วมันก็...
เขิน
“ ... ”
แบคฮยอนกับเด็กหนุ่มแปลกหน้ายังไม่รู้ว่าอี้ชิงมาถึงแล้วถึงได้เอาแต่นั่งจ้องตากันอย่างนั้น รอยยิ้มมุมปากของเด็กหนุ่มตัวสูงแม้จะจางจนแทบมองไม่เห็นแต่ก็เรียกริ้วแดงจางข้างแก้มช่างถาพตัวขาวได้ อี้ชิงกระแอมไปเล็กน้อยก่อนที่เด็กทั้งสองจะผละออกห่างกันรวดเร็ว
“ พี่อี้ชิง! ”
แบคฮยอนทำท่าจะโผเข้ามาหาจนอี้ชิงต้องรีบเบรกเอาไว้ก่อน ไม่งั้นมีหน้าคะมำ
“ ขอโทษที่ไม่ได้เคาะประตูนะ...พี่...เอ่อ...นึกว่าแบคฮยอนอยู่คนเดียว ”
“ ตอนแรกแบคฮยอนก็อยู่คนเดียวนั่นแหละ ”
พออี้ชิงเหล่ตามองเด็กหนุ่มตัวสูงที่อยู่ข้างๆ แบคฮยอนก็ทำหน้าตาแบบภาคภูมิใจ(มากๆ)ชี้นิ้วไปที่เด็กหนุ่มคนเดิมก่อนจะเริ่มแนะนำอย่างเป็นทางการสุดๆ
“ นี่ไง แรงบันดาลใจของแบคฮยอนเหมือนแรพเปอร์ตัวสูงๆ คนนั้นของพี่อี้ชิงอ่ะ ”
“ เห? ”
“ ปาร์คชานยอลครับ ”
เด็กหนุ่มตัวสูงที่ชื่อชานยอลลุกขึ้นโค้งหัวให้อี้ชิงเก้าสิบองศา
“ ใช่ๆ คุณปาร์คคนนี้แหละ คุณปาร์คกำลังจะเดบิวท์ ”
“ เอ๋? ”
“ แล้วก็เป็น... ”
“ แฟนครับ ”
“ ห๊ะ? แฟน? ”
“ ไม่ใช่สักหน่อย!!!! ”
ความสัมพันธ์ของเด็กสองคนนี้ทำให้อี้ชิงมึนไปทั้งวันแน่ๆ
“ อ้าวจางอี้ชิง มายืนทำหน้ามึนทำไมตรงนี้? ”
อี้ชิงหันไปตามเสียงเรียกของคิมแทยอนแล้วเผลอทำหน้าตาเหรอหราให้อีกคนได้หัวเราะใส่ คิมแทยอนยิ้มขำก่อนจะพูดทวนซ้ำอีกครั้ง
“ มายืนทำอะไรตรงนี้ ”
“ คิดอะไรเพลินๆ น่ะ ”
“ เพลินมากเลยนะ ถึงกับยืนเหม่ออยู่ข้างตู้กดน้ำเนี่ย คนอื่นเขามอกันหมดแล้ว ”
“ จริงเหรอ!? ”
น่าอายจริงๆ! นี่อี้ชิงเอาแต่คิดเรื่องแบคฮยอนกับแฟนที่ชื่อปาร์คชานยอลจนเหม่อมายืนข้างตู้กดน้ำไม่รู้ตัวเลยเหรอเนี่ย ช่างภาพตัวขาวซ่อนใบหน้าลงกับผ้าพันคอไหมพรมสีส้มหัวเราะเก้อๆ แต่ก็ไม่สามารถปิดแก้มแดงๆ จากสายตาของคิมแทยอนได้เลย
“ คิดเรื่องอะไรทำไมแก้มแดง ”
“ ...เปล่า ”
“ โกหก เดี๋ยวนี่หัดโกหกฉันเหรอห๊ะ? ”
“ ไม่มีอะไร อากาศมันเย็น... ”
“ นี่จางอี้ชิง...! ”
คิมแทยอนคุกคามจนช่างภาพตัวขาวถอยร่นไปติดตู้กดน้ำ มองเผินๆ อาจจะเข้าใจผิดได้ว่าเมเนเจอร์ผู้เคร่งขรึมกำลังข่มขู่ช่างภาพชั่วคราวของบริษัท ถ้าไม่ติดว่าช่างภาพชั่วคราวของบริษัทกำลังยิ้มจนตาเป็นเส้นโค้งและหัวเราะคิกคักล่ะก็นะ...
มันดูน่ารักน้อยซะที่ไหนล่ะ
“ เอ๊ะ!? ข้างนอกเขาวุ่นวายอะไรกันน่ะ ”
นี่อี้ชิงไม่ได้จงใจเบี่ยงประเด็นนะ แต่เสียงเอะอะด้านนอกทำให้ทุกคนหันไปมองอย่างตื่นตระหนก อี้ชิงเบิกตากว้างอีกนิดเมื่อเห็นนักข่าวออกันอยู่หน้าตึกเต็มไปหมด มองหน้ากันกับคิมแทยอน อี้ชิงเห็นคิมแทยอนรีบต่อสายหาใครสักคนด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“ อย่าเพิ่งให้คริสเข้ามา อืม...นักข่าวเต็มไปหมดเลย ”
อย่างนี้นี่เอง เพราะวันนี้มีข่าวว่าคริสจะเข้าบริษัทนี่นะ
“ ยิ้มอะไรอี้ชิง ”
“ ก็คิดว่าดีจังเลยนะที่คุณคริสมีคนให้ความสนใจมากขนาดนี้ ”
“ ดีตายล่ะสิ สื่อพวกนี้เป็นแรงกดดันนะ เผลอทำอะไรพลาดนิดเดียวคงโดนวิจารณ์อีกยาวแน่ นี่ขนาดแค่ข่าวลือนะ ไร้จรรยาบรรณที่สุด คริสคงยังเข้าบริษัทไม่ได้ไม่งั้นโดนรุมทึ้งเละเทะแน่ ”
“ แล้ว...แล้วจะทำยังไงล่ะ? ให้ฉันช่วยอะไรมั้ย? ”
คิมแทยอนถอนหายใจพรืด ยกมือขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิดใจก่อนจะหันมาส่งยิ้มเครียดๆ ให้ช่างภาพตัวขาวที่ทำหน้าเหรอหรา จางอี้ชิงออกจะเฟอะฟะ...ขืนปล่อยให้ช่วยอย่างที่เจ้าตัวว่าคงได้ไปนอนแบนที่โรงพยาบาลแน่ๆ
“ ไม่เป็นไร นายออกไปทางประตูข้างหลังแล้วกัน ระวังด้วยนะ ”
“ ...วันนี้คุณคริสไม่มีงานสินะ ”
“ อืม แค่เข้าบริษัทมาคุยเรื่องไปถ่ายแบบที่จีนน่ะ แต่เห็นทีคงเข้ามาบริษัทไม่ได้แล้ว ”
เพราะเหตุผลนี้แหละทำให้ช่างภาพตัวขาวเกิดอาการเหงาหงอย คุณแรพเปอร์คนดังไม่ได้เข้าบริษัท วันนี้ยังไม่ได้รูปสักรูป อุตส่าห์ตื่นเช้ามานั่งเช็ดเลนส์แล้วสุดท้ายก็ไปรอเก้อ อากาศหนาวจนอี้ชิงต้องหดคอไว้ในผ้าพันคอสีส้มผืนหนานุ่ม ซุกมือสองข้างในกระเป๋าเสื้อโค้ท อี้ชิงเดินเตะหิมะไปตลอดทางที่เดินกลับบ้าน นึกแล้วใจหายที่นึกถึงความอึดอัดและกดดันที่คุณแรพเปอร์คนดังต้องเจอ
แล้วแฟนคลับอย่างอี้ชิงจะทำอะไรได้ล่ะ?
แค่จะพูดว่า ‘ สู้ๆ นะครับ ’ หรือ ‘ ผมอยู่ข้างคุณเสมอนะ ’ ยังไม่ได้เลย
“ ช่วยเขาได้ก็ดีน่ะสิ...เฮ้ออ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ ”
อี้ชิงบ่นพึมพำกับตัวเอง ก้าวขาจะพ้นซอกตึกอยู่แล้วก็ตกใจจนแทบสติหลุดเมื่อโดนดึงเข้าไปในซอกตึก มันรวดเร็วและอุกอาจจนอี้ชิงเกือบจะตะโกนร้องออกมา หลังถูกดันจนติดกับผนังเย็นเฉียบพร้อมกับมืออุ่นจัดที่แนบปิดริมฝีปาก ช่างภาพตัวขาวหลับตาปี๋
“ อื้อ! ”
อี้ชิงพยายามจะแกะมือที่ปิดปากออกแต่สู้แรงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ ชู่วววว ”
“ ...!?! ”
“ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้จางอี้ชิงตกใจนะครับ ใจเย็นๆ ก่อน ”
ถึงจะว่าอย่างนั้นก็เถอะ ตอนนี้อี้ชิงตกใจยิ่งกว่าเดิมอีกที่จู่ๆ ก็ถูกขวัญใจคนทั้งประเทศลากเข้าซอกตึกแบบนี้ ช่างภาพตัวขาวหอบหายใจแรงๆ และยังคงตกใจกับการกระทำเมื่อครู่ อกกระเพื่อมขึ้นลงหนักหน่วงจนคริสต้องเข้าช่วยลูบหลังอีกแรง
“ หายตกใจรึยังครับ? ”
“ อ่า...ครับ ”
พอคริสหัวเราะและยิ้มให้ก็เหมือนตาพร่ามัวไปชัวขณะ อี้ชิงพบว่าตัวเองกับคุณแรพเปอร์คนดังยืนอยู่ชิดกันมากเกินไปแล้ว...แถมตอนนี้มือของคุณแรพเปอร์คนดังก็เปลี่ยนจากปิดปากมาจับแถวต้นคอ หัวใจอี้ชิงเต้นแรงยังกับเสกสั่ง
และคริสได้ยินมัน...
เขายิ้มและยิ้มอีกครั้งให้คนขี้อายที่เอาแต่หลบตา
“ ยังกับฉากในหนังเลยนะครับ ”
เสียงกระซิบพาหัวใจสั่นพร่า เข่าอ่อนจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น จะทำยังไงดี? ตอนนี้อี้ชิงเขินจนทนมองหน้าหล่อๆ ของคุณแรพเปอร์ไม่ไหวแล้ว เขาร้อนตรงแก้มจนแทบไหม้ไปหมดแล้ว!
“ ชะ...ช่วยขยับออกไปหน่อยได้มั้ยครับ ”
“ ไม่ได้แล้วครับ พื้นที่มันมีแค่นี้แหละครับ ”
อี้ชิงพยายามจะชะเง้อมองไปข้างหลังของคุณแรพเปอร์คนดังแต่ก็ไม่เห็นอะไรเพราะร่างสูงบังจนมิด ช่างภาพตัวขาวเห็นแค่ตรงช่วงอกของคริส รวมไปถึงได้ยินเสียงหัวใจของอีกคนเหมือนกัน
“ อ่า...คุณคริสหลบพวกนักข่าวเหรอครับ ”
“ ใช่ครับ กว่าจะหลบมาได้ ”
“ แล้วคุณจะไปที่ไหนต่อล่ะครับ อากาศยิ่งหนาวๆ อยู่ด้วย ”
เผลอเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายแล้วก็เป็นฝ่ายชะงักหลบตาไปเองอีกครั้ง อี้ชิงเสมองไปทางอื่นทั้งที่รู้แก่ใจว่าไม่เห็นอะไรนอกจากสัดส่วนร่างกายของคุณแรพเปอร์คนดัง แก้มขึ้นริ้วสีแดงเข้มสังเกตได้ง่ายมากซะจนคนตัวสูงที่มองเห็นเต็มตาต้องอมยิ้มอย่างเอ็นดู
“ เป็นห่วงกันนี่ครับ ”
“ เอ่อ... ”
“ ฟังแล้วชื่นใจจังน้าาา ”
อย่ามาพูดแบบนี้ใกล้ๆ ได้มั้ยครับ...
ตอนนี้อี้ชิงเขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดส่วนไหนของผ้าพันคอแล้ว
“ ผมกลับคอนโดไม่ได้แน่ๆ จะเดินเพ่นพ่านกลางถนนหรือนั่งในร้านกาแฟก็คงโดนจับได้ ”
“ ฟังดูแย่จังเลยครับ... ”
ช่างภาพตัวขาวมองคุณแรพเปอร์คนดังด้วยสีหน้าหงอยๆ เพราะตัวเองช่วยอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง นึกแล้วปวดใจแทนนะ คริสต้องเจอวันที่ลำบากมากแน่ๆ
“ จางอี้ชิงอยากช่วยผมมั้ยล่ะครับ ”
“ เอ๊ะ ได้เหรอครับ! ”
“ ...ได้สิครับ จางอี้ชิงช่วยผมได้มากเลยล่ะ ”
เดินไปตามถนนที่มีหิมะปกคลุมจนเป็นสีขาวดูสวยงาม หิมะยังคงตกลงมาเรื่อยๆ อากาศคงจะหนาวกว่านี้ถ้าไม่มีคนตัวสูงมาเดินใกล้ๆ รู้สึกประหม่าเกร็งตัวจนเดินแข็งทื่อเหมือนหุ่นยนต์ ใจอี้ชิงเต้นระบำอย่างดีอกดีใจ สวนใบหน้าก็แต้มสีแดงบนแก้มยังไม่จางหายไป
ทำไมน่ะเหรอ? เพราะก่อนหน้านี้รับปากว่าจะช่วยคุณแรพเปอร์คนดังที่กำลังเผชิญวันยากลำบากยังไงล่ะ อี้ชิงนี่เหวอไปหลายนาทีเลยตอนที่ได้ยินคำขอกับรอยยิ้มเล็กๆ นั่น
‘ ไปบ้านจางอี้ชิงกันเถอะ! ’
‘ ผมอยากดื่มชาอุ่นๆ กับนอนซุกผ้าห่มจังเลย ’
พระเจ้าช่วยเถอะ! จะมีใครโชคดีเหมือนอี้ชิงบ้างนะที่มีขวัญใจตัวเองมาขอเที่ยวบ้าน พวกเขาเดินฝ่าหิมะที่ตกโปรยปรายลงมาไม่เร่งรีบอะไรมาก เสียงฮัมเพลงของคริสก็ทำให้อี้ชิงเพลินกับการเดินกลับบ้านไม่น้อยทีเดียว แอบยิ้มปลื้มคนเดียวที่คริสร้องเพลงสดๆ ให้ฟัง
“ แอบยิ้มอะไรครับหืม? ”
เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นกลั้วหัวเราะอี้ชิงก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่คงจะไม่ทันอยู่ดีนั่นล่ะ...ช่างภาพตัวขาวยิ้มเขินๆ พลางเกาแก้ม
“ ผมคิดว่าคุณคริสร้องเพลงเพราะดีครับ ”
“ ความจริงผมถนัดแรพมากกว่าน่ะครับ จางอี้ชิงชอบแบบไหนมากกว่ากันครับ? ”
อี้ชิงเอียงคอคิดตาม ไม่นานนักก็ส่ายหน้าหวือ
“ ผมชอบเท่ากันเลยครับ ยังไงก็ได้...ถ้าคุณคริสเป็นคนร้อง ”
กึก!
อยู่ๆ คุณแรพเปอร์คนดังก็หยุดเดินแล้วหันมามองหน้าอี้ชิงซะอย่างงั้น รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นเล่นงานอี้ชิงให้หลงสเน่ห์เรียกได้ว่าหัวปักหัวปำ ช่างภาพตัวขาวยิ้มตอบเบลอๆ ภาพคริสยิ้มมันซ้อนทับกันมั่วซั่วไปหมดจนตาลาย อาการหนักเกินไปแล้ว
“ พูดจาน่ารัก... ”
ผ้าพันคอสีส้มของอี้ชิงถูกดึงรั้งเข้าไปหาคนตัวสูงกว่า อี้ชิงกำลังสับสน กว่าจะคิดอะไรๆ ออกก็แย่แล้ว...แย่แล้วจริงๆ
สัมผัสนุ่มอุ่นบนปลายจมูก
ดวงตาคมกริบที่ทอประกายสวยงาม
ทันใดนั้นใบหน้าอี้ชิงก็ขึ้นเป็นสีแดงยังกับถูกสาดน้ำแดงใส่
“ ให้รางวัลนะครับ ”
“ … ”
มือเล็กถูกมือใหญ่กอบกุมเอาไว้ ดวงตาหวานใสหลุบมองมือที่ถูกกุมแล้วเงยขึ้นมองคุณแรพเปอร์คนดังด้วยใบหน้าแดงๆ คริสเอามือพวกเขาซุกไว้ในประเป๋าเสื้อโค้ทที่ดูใหญ่และอุ่นกว่าอี้ชิงหลายเท่า ขัดเขินจนจะล้มหน้าคะมำซะแล้ว ปลายนิ้วเรียวที่หยอกล้อกับนิ้วเล็กแสนจะซุกซนและขี้เล่น
คุณแรพเปอร์คนดังผลักอี้ชิงล้มหน้าคะมำลงไปในหลุมรักอย่างจังเลยล่ะ
...เขินจัง
ล่อลวง
ตอนนี้ใช้กับคริสได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
“ บ้านจางอี้ชิงเหรอครับ... ”
เจ้าของบ้านเพียงแต่พยักหน้ารับ บ้านหลังเล็กดูอบอุ่นและสะอาดสะอ้านตั้งแต่รั้วไปถึงหน้าประตูบ้าน ไอ้พุ่มๆ ที่มีหิมะคลุมจนเป็นสีขาวโพลนนี่คงจะเป็นต้นอะไรสักอย่างที่มีดอกสีสดใสแน่ๆ คริสเดินตามหลังจางอี้ชิงรอให้คนตัวขาวเปิดประตูไขเข้าไปข้างใน
“ ...เข้ามา...นะครับ ”
เชื้อเชิญแขกอย่างเขาตะกุกตะกักดูน่ารักน่าแกล้งไม่หยอก คริสยิ้มแล้วเดินเข้าไปรับความอบอุ่นในบ้านแต่โดยดี จางอี้ชิงรีบปิดประตูราวกับกลัวใครผ่านมาเห็น สองแก้มแดงก่ำ สายตาหลุกหลิกไปมา ไหนจะการเคลื่อนไหวแข็งๆ เกร็งๆ ที่ไม่เหมือนตอนวิ่งร่อนไปมาตอนแอบถ่ายรูปของเขาเลย
คริสคิดว่าแก้มจางอี้ชิงต้องมีเลือดเยอะแน่ๆ
เอะอะแดง เอะเอะขึ้นสีตลอด
ภายในบ้านหลังเล็กถูกเน้นตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่น เฟอร์นิเจอร์ก็มีแต่ลวดลายเรียบๆ ทำให้บ้านหลังนี้ยิ่งดูสะอาดตาขึ้นไปอีก คริสทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาโดยมีมือเล็กคอยช่วยรับเสื้อโค้ทตัวหนาไปแขวนไว้อีกมุมนึงของบ้าน ท่าทางเก้ๆ กังๆ นั่นมันชวนมองดีชะมัด
“ เดี๋ยวผมชงชาอุ่นๆ มาให้นะครับ ”
“ ขอบคุณครับจางอี้ชิง ”
“ คะ...ครับ ”
จางอี้ชิงก็เอาแต่เขิน...ลับหลังคนตัวขาวก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นแตะมุมปากตัวเองเบาๆ คริสพบว่าตัวเองกำลังยิ้มกว้าง แรพเปอร์คนดังที่สลัดภาพลักษณ์ไปชั่วคราวเอนตัวนอนยาวบนโซฟานุ่ม และไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า...ไม่ว่าจะขยับไปทางไหนก็มีกลิ่นหอมเหมือนกลิ่นของจางอี้ชิงลอยฟุ้งไปหมด
จางอี้ชิงเป็นแฟนคลับของคริส แต่ทั้งบ้านกลับมีแค่รูปถ่ายของเขาใบเดียวตั้งใส่กรอบไว้ตรงโต๊ะตัวกลมสูง เป็นรูปที่นานมากแล้ว วันที่ถูกเขียนกำกับเอาไว้มันนานหลายปีเลยทีเดียว แอบผิดหวังนิดหน่อย ตอนแรกคริสนึกว่าจะเจอรูปถ่ายตัวเองเป็นพันๆ ใบแปะเต็มบ้านของจางอี้ชิงซะอีก
คริสนอนนิ่งๆ รอให้เจ้าของบ้านยกชามาเสิร์ฟถึงที่ แกล้งหลับตานิ่งแม้จางอี้ชิงจะเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมลืมตา จนกระทั่งมือนุ่มแตะลงมาบนมือเบาๆ แล้วเขย่า คริสถึงลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วคลี่ยิ้ม
“ เหนื่อยเหรอครับ? ”
“ ครับ ก็นิดหน่อย วิ่งตลอดเช้าเลย ”
“ งั้นดื่มชาก่อนนะครับ จะได้อุ่นๆ ”
กอดคนแถวนี้คงจะอุ่นมากกว่าดื่มชานะครับ
...แต่แรพเปอร์คนดังไม่ได้พูดออกไป
จางอี้ชิงนั่งจ้องเขาจิบชาตาแป๋ว สายตาคาดหวังสุดๆ ว่าถ้าเกิดเขาดื่มชานี่เข้าไปแล้วจะกลับมามีพลังสดชื่นตามเดิม พอคริสยิ้มสดชื่นให้คนตัวขาวก็ยิ้มตอบอย่างกระตือรือร้น
“ ผมนึกว่าจางอี้ชิงจะมีรูปผมเต็มบ้านซะอีก มาเจอผนังว่างๆ แล้วก็แปลกใจ ”
คนตัวขาวยิ้มอายๆ หลุบตามองปลายเท้าตัวเองก่อนจะช้อนตามองคริสอีกที ดวงตาหวานๆ ช้อนขึ้นมองแบบนี้เล่นเอาใจแกว่งไปหลายนาที
“ ผมไม่อยากเอารูปแปะบนผนังนี่ครับ ผมกลัวสีมันซีด ”
“ แสดงว่าจางอี้ชิงมีรูปผมเยอะกว่านี้? ”
“ ...ก็เยอะครับ ”
พูดอุบอิบทำไม คริสอยากฟังจะแย่
“ รูปถ่ายแต่ละรูปสำคัญกับผมมาก ผมจะทะนุถนอมมันครับ มันจะได้อยู่กับผมไปนานๆ ”
ถ้วยชาถูกวางลงบนโต๊ะกระจก คริสจงใจเท้าคางจ้องใบหน้าหวานละมุนของคนตัวขาวด้วยสายตาวิบวับ ปฏิกิริยาอย่างที่คาดไว้เป๊ะ จางอี้ชิงเขิน แก้มแดงๆ ก็บอกอะไรได้ไม่ยาก การรุก(จีบ)ของคริสกำลังไปได้สวยงามและคุณช่างภาพตัวขาวก็ไม่เคยปกปิดอะไรได้เลย
“ ทำไมจางอี้ชิงถึงตามถ่ายรูปผมล่ะครับ คนอื่นก็มีเยอะแยะ ”
“ มันไม่เหมือนกันนี่ครับ ”
“ หืม? ”
“ ไม่เหมือนกันสักหน่อย... ”
“ ก็ไม่มีใครเหมือนคุณคริสเลยสักคนนี่ครับ ”
คริสชอบนะ เวลาที่ถูกจ้องมองอย่างแน่วแน่และเทิดทูน
แววตาไม่เคยโกหกใคร
จางอี้ชิงทำให้คริสเชื่อชนิดหัวปักหัวปำในวินาทีนั้นเลยล่ะ
“ บ้านผมอาจจะเล็กไปหน่อยนะครับ ”
จางอี้ชิงยิ้มหวาน นั่นเล่นเอาชาร้อนๆ จืดจางไปซะสนิท แรพเปอร์คนดังเพียงแค่ยิ้มบาง บ้านที่มีบรรยากาศเป็นบ้าน และการตกแต่งที่ไม่เยอะเหมือนนิสัยของเจ้าของบ้านไม่มีผิด ไม่ว่าจะมองไปทางไหนทุกอย่างล้วนบกบอกตัวตนของช่างภาพตัวขาวได้ชัดเจน ดีกว่าคอนโดหรูราคาแพงลิ่วที่คริสอยู่ป็นไหนๆ
“ ไม่เล็กหรอกครับ ”
“ คิดว่าอย่างงั้นเหรอครับ? ”
“ ครับ...อยู่สองคนคงจะพอดีเลย ”
จางอี้ชิงจะต้องสงสัยมากแน่ๆ ว่าทำไมตัวเองถึงมีสิทธิ์มาส่งคริสขึ้นเครื่องไปจีนได้ คริสเต็มใจให้อภิสิทธิ์นั้นกับคนตัวขาวมาตั้งนานแล้ว จางอี้ชิงยอมมาส่งคริสที่สนามบินด้วยรถคู่ใจแต่ไม่วายเอากล้องคล้องคอมาด้วย แม้ช่างภาพตัวขาวจะพยายามเก็บอาการแต่สีหน้าหงอยๆ ก็ทำให้คริสรู้ว่าจางอี้ชิงไม่อยากให้เขาไปแน่ๆ ไม่พูดไม่จาอีกต่างหาก
“ อาทิตย์หน้าเจอกันใหม่นะครับจางอี้ชิง ”
“ ครับ ”
“ พูดน้อยจัง อวยพรให้ผมหน่อยสิครับ ”
ดวงตากลมหวานคู่นั้นจ้องมองมาละห้อยเชียวล่ะ คริสกลั้นยิ้มกับสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ของอีกคน อย่าบอกนะว่าตอนคริสบินไปต่างประเทศจางอี้ชิงทำหน้าตาแบบนี้ตลอดน่ะ...น่ารักชะมัด
“ ขอให้เครื่องบินไม่ตกแล้วคุณคริสกลับมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้วครับ ”
“ เครื่องบินน่ะไม่ตกหรอกครับ... ”
“ ... ”
“ แต่หัวใจผมตกอยู่ที่จางอี้ชิง ช่วยเก็บมันเอาไว้จนกว่าผมจะกลับมาได้มั้ยครับ? ”
ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างพร้อมกับแก้มแดงๆ สองข้าง ช่างภาพตัวขาวยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแล้วผงะไปชิดประตูรถ ดูเหมือนกระต่ายตื่นตูมดีนะ แรพเปอร์คนดังแกล้งทำหน้าเศร้าได้สมราคาที่เล่นละครมาแล้วหลายเรื่องรีบหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง
“ จางอี้ชิงไม่อยากเก็บไว้เหรอครับ... ”
“ ผม... ”
“ ไม่เก็บจริงๆ เหรอครับ? ”
“ เอ่อ...ครับ! ผมจะเก็บหัวใจคุณคริสไว้ให้ครับ แล้วอย่าลืมทวงคืนนะครับ ”
ดูเหมือนว่าจางอี้ชิงจะอัพเลเวลของตัวเองขึ้นเรื่อยเลยนะเนี่ย
น่ารักไม่ไหวไปแล้วนะ
“ กอดกันหน่อยสิครับ ”
“ หา!? กอด!? ผมว่ามันมะ... ”
หมับ!
ปฏิเสธไปก็เท่านั้นแหละนะ ในรถที่ติดฟิล์มหนาพอควรทำให้คริสไม่ต้องมาคอยกังวลว่าจะมีปาปารัซซี่หรือใครผ่านมาเห็นมั้ย เขาจะกอดจางอี้ชิงก็กอดได้อย่างที่ใจนึก ช่างภาพตัวขาวนิ่งเกร็งให้แรพเปอร์คนดังดึงไปกอดอย่างเอาแต่ใจ รู้สึกเหมือนมีไอร้อนพวยพุ่งออกมาจากใบหน้า
“ กอดกันนะครับ ผมจะหายไปตั้งอาทิตย์นึงเลยนะ ”
“ อื้อ...ก็... ”
“ ...นะครับ ”
สุดท้ายคนตัวขาวก็พยักหน้ารับยอมโอนอ่อนให้คริสกอดรัดเอาไว้ สองแขนเล็กที่เอื้อมมากอดตอบทำให้หัวใจคริสพองฟู เขาคลี่ยิ้มชื่นแล้วกดจูบบนหน้าผากเนียน จางอี้ชิงสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรู้ตัวรีบมุดหน้าหนีลงไปกับหัวไหล่ของคริสอย่างเขินอาย
“ ผมไปส่งคุณคริสได้เหรอครับ ”
“ ผมอยากให้ไปส่งใครจะทำไมล่ะครับ ”
“ คิก...คิก... ”
หัวเราะแบบนี้ชอบใจก็บอก
“ อ้าวจางอี้ชิง? ทำไมมากับคริสได้ล่ะ? มาส่งเหรอ? ”
พี่เฮนรี่ดูแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นช่างภาพตัวขาวเดินตามคริสมาต้อยๆ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาอย่างนึกเอ็นดูเมื่อหน้าหวานๆ ของจางอี้ชิงนั้นแดงเถือกไปหมด
“ ครับ ผมมาส่ง ”
“ แปลกจัง ปกติเห็นเอาแต่แอบมาส่ง พัฒนาขึ้นนะเนี่ย ”
คริสหันไปยิ้มล้อเลียนใส่คนตัวขาวก็ร้อนตัวรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธพัลวัน ไม่แนบเนียนเอาซะเลย จางอี้ชิงจับกล้องตัวเองแน่นคล้ายทำตัวไม่ถูก
“ อีกสิบห้านาทีเครื่องจะออกแล้ว ”
เสียงเตือนของพี่เฮนรี่ทำให้จางอี้ชิงสบตาคริสอย่างหงอยเหงาอีกครั้ง
“ ถ่ายรูปผมตอนขึ้นเครื่องหล่อๆ นะครับ ”
“ ครับ ”
“ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ เหมือนเด็กๆ จังเลยน้าาา ”
“ เดินทางปลอดภัยนะครับ ”
ใจจริงคริสอยากจะกอดคนตัวขาวสักทีเหมือนกันนะ แต่ทำตอนนี้ไม่ได้แล้วเพราะคนเริ่มเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ จนแออัด คริสหันมามองข้างหลังอีกครั้ง ดบกมือและยิ้มให้ใครอีกคนผ่านเลนส์กล้องและแสงแฟลชวูบวาบเหมือนหัวใจของคริสตอนนี้
“ คิดถึงกันหน่อยนะครับ ”
คิดถึงเยอะๆ เลยก็ดีนะครับ
เพราะผมเองก็คงจะคิดถึงจางอี้ชิงมากแน่ๆ
ตอนแรกคริสก็ไม่คิดว่าคนตัวขาวแถมยังขี้อายระดับแอดวานซ์จะตอบกลับมาหรอกนะ แต่ทุกอย่างย่อมเกิดขึ้นได้เสมอนั่นแหละ...จางอี้ชิงลดกล้องลงเล็กน้อย ทำท่าเอามือป้องปากตะโกนท่ามกลางแฟนคลับที่เริ่มมารุมล้อมออกันเต็มไปหมด
“ คิดถึงนะครับ! ”
คริสพบว่าตัวเองยิ้มกว้างท่ามกลางเสียงกรี๊ด
มีคนเป็นร้อยเป็นพันแต่เกิดอาการ...
เห็นจางอี้ชิงแค่คนเดียว
เอ? ความรักบังตารึเปล่านะ?
ไม่แต่งดราม่านะ เผอิญว่าโลกสวย
ไม่ต้องกังวลนะ ไม่มีหักมุม
ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่รึไงว่า #ฟิคโฟโต้
ความคิดเห็น