ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    exo「 Photos 」krislay chanbaek ft.myeongyeol

    ลำดับตอนที่ #10 : PHOTOS ; 07 { 100 per. }

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.22K
      11
      10 พ.ย. 56













    07

     

           แผ่นรูปถ่ายโพลารอยด์หลายสิบใบวางเรียงบนพื้นก่อนที่จะถูกหยิบขึ้นมาจัดใส่กล่องสีพาสเทลน่ารักๆ เป็นระเบียบ อี้ชิงมีกล่องเก็บรูปถ่ายของตัวเองเป็นสิบๆ มีตั้งแต่กล่อง ยิ้ม ’ ‘ ขมวดคิ้ว ’ ‘ ไม่ยิ้ม ’ ‘ หัวเราะ ’ ‘ ทำหน้าตลก และอีกมากมายเท่าที่จะเคยเห็นคุณแรพเปอร์คนดังแสดงออกมา รูปถ่ายที่อี้ชิงถ่ายได้จะถูกแยกออกเป็นหมวดหมู่ตามสีหน้าของคุณแรพเปอร์คนดัง ช่างภาพตัวขาวจริงจังกับเรื่องการแยกหมวดหมู่มาก เวลาเบื่อๆ อยากเอารูปออกมาดูจะได้ไม่ต้องรื้อๆ ค้นๆ ให้เสียเวลา

     

                เวลารู้สึกเศร้าอี้ชิงจะนั่งดูรูปที่คริสยิ้มและหัวเราะ

              เวลาที่อี้ชิงมีความสุขก็จะนั่งดูรูปคริสที่ไม่ยิ้มออกมาเลย

              เวลาอี้ชิงเครียดมากๆ ก็นั่งดูรูปตลกๆ ของคริส

             

              สำหรับอี้ชิงมันคือการแบ่งปันอย่างนึง...แม้ใครอีกคนจะไม่มีวันรู้

     

                มีโฟโต้บุ๊คหลายเล่มที่อี้ชิงลงทุนทำเก็บไว้เป็นคอลเลคชั่นของตัวเอง มีข้อความไร้สาระของอี้ชิงเต็มไปหมด เพราะคริสทำให้เขาเพ้อ ทำให้เขาหลง ทำให้ไม่มีเวลาไปมองใครแล้วจริงๆ

                ช่วงเช้าแสนสงบของช่างภาพตัวขาวหมดไปกับการทำความสะอาดบ้านและนั่งดูรูปคุณแรพเปอร์คนดังไปด้วยอัพรูปลงแฟนไซต์ของตัวเองไปด้วย กระแสตอบรับยังดีเยี่ยมเหมือนเดิมจนคนถ่ายยิ้มแก้มปริ รูปของคุณแรพเปอร์คนดังในตอนเผลอเป็นธรรมชาติและดูดีมากถึงมากที่สุด

                คริสเกอหล่อที่สุด! ’

              ‘ อ๊า! ฉันหลงคริสเกอจนไปไหนไม่รอดแล้วนะเนี่ย! ’

              ‘ ขอบคุณนะคะแอดมินจาง พวกเรารักคุณ!

                และอีกหลายข้อความที่เรียกรอยยิ้มของแอดมินคนเก่งได้ไม่ยาก วันนี้อี้ชิงอารมณ์ดีมากเลยล่ะ มีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นเยอะแยะ ช่างภาพตัวขาวเปิด Live Show Special ของคริสดูเพลินๆ เสียงทุ้มต่ำกับเพลงรักอย่าง Call you mine ช่างเป็นโคฟเวอร์เวอร์ชั่นที่เพราะที่สุดในโลกจริงๆ

     

                ( can I )

              Call you my own, and can I call you my lover

              Call you my one and only girl

              ( can I )

              Call you my everything, call you my baby

              You’re the only one who runs my world

     

                สำหรับอี้ชิงไม่มีใครเพอร์เฟ็คเท่าคุณแรพเปอร์คนดังหรอก

              ลองมาโม้ให้อี้ชิงฟังดูสิ จะตีให้หายซ่าเลย!

     

                ‘ จางอี้ชิงครับ มีอะไรฝากข้อความไว้ได้เลยครับ แล้วผมจะติดต่อกลับไป

                ‘ จางอี้ชิง นี่...ออกมาเจอกันที่ร้านตรงหัวมุมถนนแถวบ้านนายหน่อย ร้านขายของแปลกๆ ของตาลุงอะไรนะ?...อ่อใช่ ตาลุงซึงรี เร็วๆ หน่อยล่ะ

                เสียงฝากข้อความดังขึ้นเป็นเสียงของคิมแทยอน ทำไมถึงไม่โทรเข้าโทรศัพท์กันนะ แต่อี้ชิงก็ไม่ได้คิดจะโทรกลับไปให้เปลืองเงิน ช่างภาพตัวขาวลุกขึ้นหายเข้าไปในห้องนอนสักพักก่อนจะกลับออกมาพร้อมเสื้อไหมพรม อี้ชิงเลือกที่จะไม่แต่งตัวพิถีพิถันมากนัก คิมแทยอนเองก็ไม่ได้มีนิสัยจุกจิกขนาดนั้น


                อากาศตอนเช้าค่อนข้างหนาวมาก อี้ชิงนึกนับถือคุณแม่บ้านที่ต้องตื่นไปซุปเปอร์มาเก็ตแต่เช้ามืดจริงๆ เสียงทักทายดังขึ้นเป็นระยะอี้ชิงก็ทักทายกลับอย่างกระตือรือร้น รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดหยู่ตรงร้านเล็กๆ หัวมุมถนนแล้ว ดวงตาหวานซึ้งเพ่งมองไปรอบๆ เป็นครั้งแรกที่อี้ชิงเคยมาหยุดยืนตรงนี้

                ร้านเล็กๆ ตรงหัวมุมถนนดูซอมซ่อเล็กน้อยกว่าอาคารใกล้เคียง หน้าร้านถูกตกแต่งลวกๆ ด้วยกระถางดอกไม้วางระเกะระกะแต่ไม่ขวางทางเดินเข้า อี้ชิงมองป้ายชื่อร้านแต่มันก็ซีดจางจนแทบอ่านไม่ออกแล้ว ช่างภาพตัวขาวแอบย่นคิ้ว ขยับตัวไปชิดประตูกระจกใสหม่นๆ จนแทบจะเอาหน้าแนบไปแล้ว ในร้านไม่มีคนเลยสักคนแม้แต่คิมแทยอน

     

                อี้ชิงรู้สึกเหมือนตัวเองโดนแกล้งอีกแล้ว

     

                อะไรของเขา นัดเรามาแล้วก็หาย

                ช่างภาพตัวขาวก้มหน้าบ่นเบาๆ กับตัวเอง ปกติคิมแทยอนไม่ใช่คนมาสายสักหน่อย

                ก็อกๆๆ

                เสียงเคาะตรงประตูกระจกสองสามครั้งอี้ชิงก็เงยหน้าขึ้นมอง ใครบางคนยืนอยู่ตรงจุดเดียวกับอี้ชิงแต่อยู่ข้างในร้านกำลังส่งยิ้มมาให้ กำลังโบกมือไปมา กำลังส่งเสียงเรียกชื่อทักทายอี้ชิงเป็นกันเอง และเป็นคนที่กำลังทำให้อี้ชิงหัวใจจะวายด้วย!

                ช่างภาพตัวขาวรีบหมุนตัวหันหลังให้คนข้างในตื่นๆ พยายามนึกว่ามันเป็นไปได้ยังไง พยายามลดขนาดดวงตาที่เบิกกว้างให้ลดลงเหลือปกติ และแน่นอน...คุณก็รู้ว่าหัวใจของเรามันควบคุมจังหวะให้ช้าลงไม่ได้เวลาเจอใครสักคนที่พิเศษมากๆ น่ะ เหมือนอี้ชิงตอนนี้ไง...

                เฮ้ จางอี้ชิง อรุณสวัสดิ์ครับ

                อย่าเพิ่ง...เดี๋ยวก่อนสิ...อี้ชิงยังไม่ทันตั้งตัวเลยนะ

                 วันนี้จางอี้ชิงเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาเหรอครับ?

                “ ...เอ่อ...อรุณสวัสดิ์ครับคุณคริส

                พูดเสียงเบาเข้าไว้ไม่เสียหาย เกิดใครผ่านมาได้ยินเข้าคงสงสัยว่าใช่คริสคนดังรึเปล่าแล้วจะยุ่งน่ะสิ! นี่มันบ้าสุดๆ ไปเลย! ทำไมคนดังอย่างคริสถึงได้มาอยู่ที่นี่กัน ไม่รู้รึไงว่าถ้ามีคนมาเจอแล้วมันจะกลายเป็นข่าวดังขนาดไหน ที่นี่ไม่ใช่บ้านจัดสรรพันล้านนะที่คนดังๆ อย่างคริสจะมาเดินเล่นได้

                ข้างนอกหนาวนะ เข้ามาข้างในดีกว่าครับ แล้วจางอี้ชิงจะยืนหันหลังคุยกับผมนานเท่าไหร่เนี่ย

                “ คิมแทยอนล่ะครับ

                “ ใครนะครับ?

                “ คือว่า...คิมแทยอนเป็นคนนัดผมมาที่นี่น่ะครับ

                ตอนที่อี้ชิงค่อยๆ หันไปเผชิญหน้ากับคุณแรพเปอร์คนดังสิ่งแรกที่ได้เห็นเต็มตาคือรอยยิ้มอ่อนโยน เต็มไปด้วยความขบขันและเอ็นดู ช่างภาพตัวขาวทำสายตาล่อกแล่ก รู้สึกระแวงนิดหน่อยว่าจะมีใครผ่านมาเห็นเข้า แต่ก็ยังไม่ยอมเปิดประตูเข้าไปข้างในสักที

               

                เลยกลายเป็นว่าพวกเขากำลังยืนคุยกันผ่านกระจกใสขวางกั้น

              ยังกับฉากในหนังรักโรแมนติก...

     

                ไม่เข้าใจอีกเหรอครับ?

                “ วันนี้ยังไงคิมแทยอนก็ไม่โผล่มาแน่ๆ เพราะมันเป็นแผนน่ะครับ

                วันนี้คงมีแค่เราสองคนนะครับจางอี้ชิง

     

                แค่เราสองคน?

              หมายความว่ายังไงน่ะ?

     

                คุณแรพเปอร์คนดังเป็นฝ่ายเปิดประตูออกมาหาก่อน มือคู่นั้นอุ่นจัด...อี้ชิงรู้สึกได้ผ่านฝ่ามือของตัวเอง ดวงตาคมกริบทอดมองมามันอบอุ่น อบอุ่นจนอี้ชิงเผลอก้าวเท้าเดินตามอย่างว่าง่าย ความอุ่นจากฮีตเตอร์ในร้านเล็กๆ ทำให้รู้สึกดี

     

                แต่จะให้บอกมั้ยล่ะว่าไม่ดีเท่ามือของคุณแรพเปอร์คนดังน่ะ

              อี้ชิงจับมือเขาแน่นเกินไปรึเปล่านะ?

     

                ช่างภาพตัวขาวยืนนิ่งเป็นตุ๊กตา จ้องมองมือใหญ่กว่ากอบกุมมือเย็นๆ ของตัวเองขยับไปใกล้ริมฝีปากที่แรพได้ยอดเยี่ยม ปล่อยให้ริมฝีปากของคริสเป่าลมอุ่นๆ รดมือตัวเองเหมือนตกอยู่ในภวังค์ความฝันอะไรสักอย่างที่อี้ชิงเองก็ยังไม่เข้าใจ

                จ้องอีกคนผ่านดวงตาคู่หวานซึ้งจนกระทั่งดวงตาคมกริบอีกคู่ค่อยๆ เลื่อนมาสบตากัน ในตอนนั้นอี้ชิงนึกอย่างให้ดวงตาของตัวเองถ่ายภาพได้จริงๆ ยังกับตัวเองได้กลายเป็นรูปภาพเพราะเวลาเหมือนจะหยุดหมุนไปเลย เหมือนเวลามันหยุดได้

                จางอี้ชิงไม่เข้าใจอีกเหรอครับ...

              “ นี่เป็นแผนการเดทของเรานะ

                “ เดท?

                วันนี้...ที่ร้านนี้...เรามาเดทกันนะครับจางอี้ชิง

               

                ห๊ะ?

              ห๊ะ?

              เดท? เดทกับคริส? เดทกับขวัญใจตัวเองเนี่ยนะ?

     

                ...ขาอ่อน

     

                แข้งขาของอี้ชิงอ่อนแรงโดยอัติโนมัติ ช่างภาพตัวขาวเซไปข้างหลังเล็กน้อยและคงจะล้มก้นกระแทกจริงๆ ถ้าเกิดคุณแรพเปอร์คนดังไม่คว้าแขนเอาไว้ซะก่อน อี้ชิงเบิกตากว้างมองอีกคนเหมือนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มเอ็นดูปนขำ(อีกครั้ง)

                เป็นอะไรครับ เขิน? ตกใจ? อาย?

                นี่คุณ...ขอผมเดทอยู่เหรอครับ?

                ในขณะที่อี้ชิงใส่แค่เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขายาวเนื้อนิ่มแล้วก็เสื้อไหมพรมเนี่ยนะ? มันเป็นการเดทประเภทไหนกันเหรอเนี่ย...

                “ ไม่ได้ขอครับ ตอนนี้จางอี้ชิงเดทกับผมแล้วต่างหาก

                “ ดะ...เดท?

                เดทของเราไงครับ

                ...พอแล้วครับ อย่าย้ำมากครับ

     

                ฉ่า!

     

                ถ้าเกิดอี้ชิงเป็นไข่ดาวบนกระทะคงจะต้องไหม้เกรียมอยู่แน่ๆ ทำไมรู้สึกร้อนๆ ตรงแก้มจังเลย...ทำไมอี้ชิงไม่กล้าสบตาคุณแรพเปอร์คนดัง...ทำไม...ทำไม...

     

                ทำไมมันเขินอย่างนี้นะ...!

     

              แต่ว่า...ไม่ได้หรอก

     

              แต่ผมเป็นแค่แฟนคลับนี่ครับ...

                อี้ชิงพูดเสียงอ่อย สีหน้าขัดเขินเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นสีหน้าสลดหดหู่ใจ คริสเงียบและฟังอี้ชิงพูดไปเรื่อยๆ ท่าทางนิ่งเฉยจนชักจะใจคอไม่ดี

                ในฐานะที่ผมเป็นแฟนคลับของคุณ ผมไม่อยากเห็นแก่ตัวเก็บคุณไว้คนเดียวนี่ครับ ในขณะที่คนอื่นก็ชื่นชอบคุณพอๆ กับผม ผมไม่อยากเห็นแก่ตัวนี่นา...

                “ จางอี้ชิงแค่ชื่นชอบผมเองเหรอครับ

                “ ครับ ชื่นชมแล้วก็ชื่นชอบมากเลยครับ

                “ แค่ในฐานะแฟนคลับกับศิลปินเองเหรอครับ

                “ ...มากกว่านั้นไม่ได้หรอกครับ

                คริสค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา เป็นยิ้มในแบบที่อี้ชิงไม่เข้าใจความหมายของมันเลย ช่างภาพตัวขาวได้แต่มองหน้าคุณแรพเปอร์คนดังตาปริบๆ ตอนที่เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีผิดกับสถานการณ์ของอี้ชิง

                น่ารักดีนะครับจางอี้ชิงเนี่ย...

                “ ครับ?

                “ แต่คุณละเลยมุมมองของผมนะครับ

                “ เอ๋?

                “ คุณบอกว่าเพราะคุณเป็นแฟนคลับเลยเดทกับผมไม่ได้ จางอี้ชิงครับ...นั่นไม่ได้สำคัญเลยนะ สิ่งที่ผมแคร์ไม่ใช่ว่าคุณเป็นใคร มาจากไหน แต่มันคือผมมีรู้สึกดีๆ ให้กับใครมากกว่า แน่นอนว่าทุกคนสำคัญกับผมนะ แต่คนเราต้องมีคนพิเศษที่สุดด้วยนะครับ

                คริสเกยคางอยู่บนหัวอี้ชิง สองแขนยาวกอดคออี้ชิงสบายๆ เสียงทุ้มต่ำดังอยู่เหนือหัวสมองอี้ชิงแทบจะลบทุกอย่างออกไปเลยในพริบตาเดียว ช่างภาพตัวขาวยืนเกร็งให้อีกคนกอดจากด้านหลัง ยกมือขึ้นปิดบังใบหน้าแดงๆ ของตัวเองอย่างสุดจะทน

                ในตอนนี้ผมจะพูดในฐานะผู้ชายธรรมดาคนนึงนะครับ

                “ … ”

                หวั่นไหวนะรู้รึเปล่าครับ

                “ ...

                ตกหลุมรักไปแล้วถอนตัวไม่ใช่ง่ายๆ นะครับ

                “ อื้อออ

                จากใจเลยครับจางอี้ชิง




     


     




     

              ปกติคิมแทยอนบอกว่าอี้ชิงเป็นคนมึนๆ อึนๆ อยู่แล้วนะ

              มาวันนี้อี้ชิงคิดว่าตัวเองตึ้บเลยล่ะ...

     

                คุณคริสแค่จะมานั่งอ่านหนังสือฟังเพลงเองเหรอครับ

                ใช่ ตอนนี้อี้ชิงกำลังสับสนมากเอาการ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังละเมอว่าคุณแรพเปอร์คนดังขวัญใจตัวเองมาขอเดท แถมยังเป็นเดทที่พิลึกเอามากๆ เลยด้วย คริสนั่งเหยียดขาสบายใจบนโซฟาตัวยาวลายวินเทจเก่าๆ ในมือมีหนังสือหนึ่งเล่ม เสียงเพลงคลาสสิคเปิดคลอเบาๆ อี้ชิงนั่งทำหน้ามึนอยู่ใกล้ๆ

                อย่าลืมเพิ่มเดทลงไปด้วยสิครับ จางอี้ชิงความจำสั้นหรือเครื่องรวนเนี่ย

                “ ผมยังไม่ได้ตกลงเดทกับคุณเลยนะครับ คนดังจะมาเดทกับแฟนคลับได้ยังไงกัน

                “ ตอนนี้เราก็ทำแบบนั้นอยู่นี่ครับ

                ช่างภาพตัวขาวแอบคัดค้านในใจเงียบๆ เดทของใครที่ไหนจะแปลกพิลึกเท่านี้อีกมั้ย หลอกคนอื่นเขามาที่ร้านบุ๊คช็อปเก่าๆ(คิมแทยอนมั่วหาว่าเป็นร้านขายของแปลกได้ยังไง) อี้ชิงอยู่ในชุดอยู่บ้านสภาพเน่าสุดๆ ส่วนคริสกลับดูดีในชุดไหมพรมสีครีม

     

                ไม่รู้ว่าอี้ชิงควรจะประทับใจกับความคิดแปลกๆ ดีมั้ย

              แต่คุณแรพเปอร์คนดังก็ทำได้ประทับใจอี้ชิงทีเดียวนะ

     

                ลุงซึงรีที่คิมแทยอนว่าเขาไม่ใช่ลุงสักหน่อย อายุมากกว่าคริสแค่ไม่กี่ปีเอง หน้าตาใช้ได้เลยนะถ้าไม่ติดที่ว่าคุณซึงรีเขาจะเป็นพวก...ประหลาดๆ น่ะ นี่อี้ชิงไม่ได้นินทานะ แต่อี้ชิงเชื่อว่าไม่มีคนปกติที่ไหนอาศัยอยู่ในร้านหนังสือเก่าๆ มีหนังสือกองพะเนินกับการตกแต่งภายในแบบพิลึกหรอก

                นึกแล้วก็แอบเสียดายเหมือนกันนะ ตอนนี้อี้ชิงอยู่ใกล้คริสมากๆ เลยล่ะ ท่าทางสบายใจแบบนั้นดูเป็นธรรมชาติมากๆ จนชักจะอยากยกกล้องขึ้นมาถ่ายตามนิสัยช่างภาพ แต่อี้ชิงไม่คิดว่าตัวเองจะโดนหลอกมานี่นาเลยไม่ได้พกกล้องติดไม้ติดมือมาด้วย คุณแรพเปอร์คนดังของอี้ชิงนี่ก็เจ้าเล่ห์เหมือนกันนะเนี่ย บอกกันดีๆ อี้ชิงก็มาอยู่แล้วไม่เห็นต้องหลอกกันเลย

                คุณคริสมีงานตอนบ่ายสามโมงนะครับ

                คุณแรพเปอร์คนดังเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะยอมละสายตามาจากหนังสือเล่มเก่า ริมฝีปากยกเป็นรอยยิ้มชวนมอง ช่างภาพตัวขาวทำหน้าอึนแต่แก้มงี้แดงแจ๋ อี้ชิงแสร้งกระแอมไอก่อนจะย้ำอีกครั้ง

                คุณคริสต้องไปถ่ายรายการที่ Radio Star นี่ครับ

                “ เอ๋...จางอี้ชิงรู้ตารางงานผมด้วยเหรอครับ

                “ มันเป็นหน้าที่ของแฟนคลับ ปกติมากครับ

                ไม่สนใจทำหน้าที่ของแฟนบ้างเหรอครับ? นี่คนกำลังขาดพอดีเลย

     

                โอ๊ยนี่! อี้ชิงไม่ได้เป็นคนใจแข็งขนาดนั้นหรอกนะครับ!

              มายิ้ม มาหยอดกันแบบนี้เดี๋ยวอี้ชิงก็หายใจหายคอไม่ทันกันพอดี

             

              ....มันใจสั่นนะครับ!

     

                “ มะ...ไม่ใช่เรื่องของผมนี่ครับ คุณคริสก็ไปหาคนใหม่เอาสิครับ

                ป๊อก!

                “ เอ๊ะ!? ”

                เผลอร้องอุทานเสียงดังตอนที่คุณแรพเปอร์คนดังเขกหน้าผากเบาๆ ไม่ได้เจ็บมากมายแต่คนมันตกใจน่ะ อี้ชิงเบิกตาโต สองมือรีบยกกุมหน้าผากตัวเองอัตโนมัติ คริสหัวเราะเบาๆ ท่าทางพอใจที่ได้ตีหน้าผากคนอื่นเขา แต่คนโดนตีไม่ได้ขำนะบอกไว้เลย

                โง่จัง

                ห๊ะ!? นี่อี้ชิงหูฝาดไปรึเปล่าเนี่ย หรือว่าเขินจนเบลอ?

                ว่าอะไรนะครับ...ผมได้ยินไม่ค่อยถนัด

                จางอี้ชิงคนโง่

                “ ...?

                “ ทำไมโง่แบบนี้นะ เพราะไม่กินปลาใช่มั้ย

                นี่...เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า? คนที่ด่าว่าคนอื่นโง่นี่กล้ายิ้มละมุนแบบนั้นได้ยังไง? ช่างภาพตัวขาวอ้าปากค้างกระพริบตาปริบๆ มองอีกคนคล้ายไม่แน่ใจ แต่ปากของคริสก็ยังขยับเป็นคำว่าโง่อยู่ดี

                คุณว่าผมโง่...เหรอครับ?

                จางอี้ชิงเป็นคนโง่แต่ก็ยังน่ารักนะ

              “ นี่จีบอยู่นะเนี่ย ทำไมไม่รู้ตัวสักทีล่ะ แกล้งโง่หรือโง่จริงๆ กันแน่ครับ

               

                จีบ!? นี่หลอกมาเดทแล้วยังมาจีบคนอื่นอีกเหรอ!?

               

                อี้ชิงเงียบ ไม่พูดไม่จาไม่ตอบโต้ แกล้งเมินออกไปนอกหน้าต่างดูคนที่เริ่มพลุกพล่านบนถนนสายเล็กแทน ที่เงียบไม่ได้ไม่พอใจหรือไม่ชอบนะ ออกจะเขิน...แต่อี้ชิงอายนี่! ใครบอกให้คุณแรพเปอร์คนดังขวัญใจอี้ชิงมาพูดจาเสี่ยวๆ แบบนี้กัน!

                “ ผมไม่ให้จีบนะครับ

                “ ว่าอะไรนะครับจางอี้ชิง?

                “ คะ...คุณคริสครับ!?! ”

                ช่างภาพตัวขาวหวีดร้องเสียงดังอย่างตื่นตกใจ ดวงตากลมใสเบิกกว้างอีกครั้ง อยู่ๆ คริสก็ดึงอี้ชิงถลาเข้าไปซะใกล้กัน แขนสองข้างถูกมือใหญ่จับไว้แน่นแต่ก็ไม่ลงแรงมากเกินไป ใบหน้าหล่อเหลากับดวงตาคมกริบที่สยบมาทุกคนเลื่อนเข้ามาใกล้อี้ชิงได้แต่เอนตัวหนีสุดตัว

                ไม่ค่อยได้ยินเลยครับ จางอี้ชิงพูดว่าอะไรนะ?

                “ ผม...ผมบอกว่าจีบไม่ได้ครับ ไม่ให้จีบ

                พูดดังกว่านี้อีกสิครับ ไม่ได้ยินเลย

               

              อ๊า! อย่าเลื่อนหน้ามาใกล้กันมากสิครับ!

               

                “ ผมไม่ให้จีบครับ...อื้อออ ไม่เอานะครับ! ”

                ปฏิกิริยาของอี้ชิงคงทำให้ใครอีกคนสนุกสนาน ช่างภาพตัวขาวพยายามเอนตัวหนีใบหน้าของคุณแรพเปอร์คนดังที่เริ่มเลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ อย่างน่าหวาดเสียว อี้ชิงจะเป็นลมอยู่แล้ว! อากาศที่เคยหนาวกลายเป็นอุณหภูมิสูงปรี๊ด หน้าอี้ชิงแดงไปหมดจนถึงลำคอและใบหู

                จางอี้ชิงก็บอกก่อนสิครับว่าอนุญาตให้จีบได้

                “ ไม่เอาครับ

                “ ยอมดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลังเหรอครับ?

                “ คุณคริสจะตีผมเหรอครับ...

                ทำท่าตกอกตกใจได้น่ารักเชียวล่ะ ช่างภาพตัวขาวเบิกตากว้างอีกนิด ปากสีแดงสดอ้าค้างน้อยๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาทำสีหน้าหงอยๆ สำนึกผิดให้คนขี้แกล้งเอ็นดู

                คริสหัวเราะเสียงชื่น จับหัวอี้ชิงให้หันเข้าหาก่อนที่คุณแรพเปอร์คนดังจะซบหน้าผากตัวเองลงกับหน้าผากของอี้ชิง ลมหายใจอุ่นๆ ตรงระหว่างคิ้วเหมือนยางลบที่ลบทุกอย่างในสมองอี้ชิงได้รวดเร็วจนมันขาวโพลน ร่างกายร้อนวูบวาบพอๆ กับใบหน้าในตอนนี้

                ถ้าจางอี้ชิงน่ารักน้อยกว่านี้ผมอาจจะตีแรงๆ สักทีนะ

                “ ...

                “ แต่จางอี้ชิงเล่นน่ารักมากนี่ครับผมเลยไม่กล้าตี กลัวเจ็บ

                “ ...

                แต่ถ้าเปลี่ยนมาตีปากจางอี้ชิงด้วยปากของผมก็โอเคนะ

     

                หัวใจอี้ชิงเต้นแรง...น่ากลัวชะมัด

              คุณแรพเปอร์คนดังนี่อันตรายที่สุดเลย

     

                ฝ่ามือเล็กดันอกคุณแรพเปอร์คนดังออกห่างก่อนจะรีบลุกจากโซฟาไปตรงชั้นหนังสือ ทั้งที่ใบหน้ายังแดงเถือกอยู่แท้ๆ แต่กลับทำเนียนเป็นวุ่นวายกับการเปิดหน้าหนังสือ ร้านเล็กๆ ที่ภายนอกไม่สะดุดตาอะไร ช่างภาพตัวขาวกับขวัญใจของตัวเองกำลังลอบมองกันเงียบๆ

     

                ไม่มีคำพูดอะไรอีก

              ทุกอย่างรับรู้ด้วยใจทั้งนั้น

     

                จางอี้ชิงจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไปก่อนก็ได้นะครับ ผมไม่ได้อะไรมากมายหรอกครับ

                “ ผมไม่รู้เรื่องสักหน่อยนะครับ

                “ อย่าแกล้งโง่เลยครับ...

                ดวงตาคมที่จ้องมองมาแพรวพราว อี้ชิงหลบสายตามาจ้องหน้าประดาษในมือ

                จางอี้ชิงรู้ดีอยู่แล้วล่ะน้าาา


     








                การเดท(?)แบบง่ายๆ ระหว่างอี้ชิงกับคุณแรพเปอร์คนดังดำเนินไปเรื่อยเปื่อย หลังจากที่หลบไปอ่านหนังสือมุมอื่นเพื่อปรับสภาพจิตใจตัวเองสักพัก อี้ชิงก็ถูกเรียกให้มานั่งบนโซฟานุ่มกับคุณแรพเปอร์คนดัง อีกฝ่ายตบเบาะปุๆ สองสามครั้งเป็นเชิง อี้ชิงกระพริบตาปริบๆ เอียงคอเล็กน้อยอย่างสงสัย

                ครับ?

                “ เอาหนังสือมานั่งอ่านด้วยกันสิครับ ตรงนี้น่ะ

                “ มันจะไม่เบียดกันเหรอครับ?

                “ เดทที่ไหนเขาจะนั่งห่างกันเป็นวาบ้างล่ะครับจางอี้ชิง มานั่งข้างๆ ผมนี่ครับ

                รู้สึกประหม่าขึ้นมา อี้ชิงยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับตัวตามคำเรียกร้อง แก้มเริ่มขึ้นสีจัด ช่างภาพตัวขาวเกาแก้มตัวเองอย่างเก้อเขิน เหลือบมองมาทางคริสอายๆ

                อ่า...ผม...

                ไม่ต้องพูดจบประโยคก็มีคนตอบแทนเสร็จสรรพ อี้ชิงยิ่งอายกว่าเดิม

                เขิน?

                “ ...

                อี้ชิงเงียบ ความร้อนนิดๆ บนผิวแก้มยังคงอยู่ พยักหน้าช้าๆ สองสามครั้งเป็นคำตอบ คุณแรพเปอร์คนดังหัวเราะชอบใจก่อนจะกวักมือเรียกอี้ชิงอีกครั้ง ช่างภาพตัวขาวค่อยๆ เดินยังกับกำลังเดินอยู่บนเชือกเส้นบางจนถูกดึงให้ถลามานั่งลงบนโซฟานั่นแหละ...

                ไหล่ที่เบียดชิดกัน ขาและหัวเข่าแตะโดนกันเบาๆ ก็เพียงพอที่จะทำให้อี้ชิงใจเต้นแรง นั่งตัวเกร็งอยู่ข้างขวัญใจตัวเอง คริสหันมาอมยิ้มให้อี้ชิงเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจหนังสือในมือต่อ เสี้ยวใบหน้าด้านข้างที่แสนจะดูดี อี้ชิงไม่รู้ว่าสติและความคิดของตัวเองปลิวหายไปไหนแล้ว

               

                                                 

     

                คนเราก็เหมือนกับกล้องตัวโปรดของจางอี้ชิงนั่นแหละครับ จะเก็บอะไรดีๆ ไว้กับตัวเองแค่ไหนก็ได้ เลือกจะจดจำอะไรก็ได้ แค่กระพริบตาครั้งเดียวเองครับ ทุกอย่างก็จะถูกบันทึกไว้ในสมอง หัวใจ และความทรงจำ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกคนถึงนึกถึงความรักเสมอ

                “ ความทรงจำก็เป็นเหมือนรูปถ่ายที่ใครต่อใครชอบเก็บสะสม เหมือนกันตรงที่เวลาเราหลับตาลงแล้วนึกถึงมัน ความทรงจำพวกนั้นก็จะปรากฏขึ้นมายังกับมันผ่านมาเมื่อวานนี่เอง

                ความรู้ถึงที่หวนกลับมาคือความรู้สึกที่ไม่เคยจากไป

                มือของอี้ชิงถูกสอดประสานกับมือของใครอีกคน อากาศหนาวๆ กับความอบอุ่นบนนิ้วมือ อี้ชิงเผลอจับจ้องใบหน้าของคุณแรพเปอร์คนดังเนิ่นนาน คริสมีรอยยิ้มบนใบหน้า คำพูดและเสียงทุ้มต่ำเหมือนจะสะกดให้อี้ชิงตัวเบาหวิว

     

              เหมือนกำลังก้าวตกลงไปในหลุม

              วูบนึง...ก็ตกหลุมรัก และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก

     

                ผมเองก็อยากรู้สึกแบบนั้นกับใครสักคนเหมือนกันนะครับ

                “ … ”

                และถ้าผมจะเลือก...ผมเลือกจางอี้ชิงนะครับ

                แรงบีบกระชับตรงฝ่ามือยิ่งเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าของคริสได้ อี้ชิงไม่รู้ตัวเลยจริงๆ นะ...ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ยิ้มกว้างขนาดนี้ และเป็นเขาเองต่างหากที่บีบมือของคริสแน่น

                หลายปีของผม...

              “ กับการตกหลุมรัก

                ช่างภาพตัวขาวยิ้มปลาบปลื้มใจด้วยดวงตาที่พราวระยับด้วยความสุข คนเราก็เหมือนกับกล้องจริงๆ ด้วย แค่นึกถึงหลายปีก่อนที่ได้เจอกับคุณแรพเปอร์คนดังครั้งแรกอี้ชิงก็ยิ้มเหมือนเป็นบ้า รู้สึกถึงความสุขและความทุ่มเทได้ชัดเจน

     

                แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น...

     

                ยังไงผมก็ไม่ให้จีบครับ

                ดวงตาคมเบิกกว้างขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนที่คุณแรพเปอร์คนดังจะหัวเราะชอบใจ หัวยุ่งๆ ของอี้ชิงยิ่งยุ่งมากไปอีกเมื่ออีกคนเอาแต่ยีหัวเขาราวกับหมั่นเขี้ยวอย่างนี้

                นี่ไม่ได้เล่นตัวนะครับ

                “ เอาเถอะครับ ผมมีเวลาให้จางอี้ชิงคิดถมเถ

                “ คุณคริสมีเวลาขนาดนั้นเลยเหรอครับ?

                “ ตลอดชีวิตเลยเป็นไงครับ

                อีกแล้ว...ช่างภาพตัวขาวไม่ได้ตอบอไรออกไปนอกจากริ้วแดงๆ บนใบหน้า แสร้งหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน จ้องตัวอักษรอย่างขะมักเขม้น อี้ชิงหน้าร้อนเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆ ดังอยู่ใกล้ๆ นิ้วของเขาถูกนวดคลึงเบาๆ จากการจับมือกันแบบนี้

                อาจจะฟังดูงี่เง่าไปหน่อยนะครับ

                อี้ชิงพูดโดยไม่ยอมสบตาใครอีกคนข้างกัน

                อีกไม่กี่ชั่วโมงคุณคริสก็จะกลับไปทำงานแล้ว...มาใช้เวลาให้คุ้มค่ากันเถอะครับ

               

                จางอี้ชิงเคยคิดมั้ยว่าตัวเองน่ารัก?

              ( คริสกล่าวไว้ )


     







     

                ซึงรีเปิดร้านหนังสือเป็นของตัวเองมาได้เกือบปีครึ่งแล้วล่ะ วันนี้เขาแปลกใจนิดหน่อยตอนที่เจอผู้ชายร่างสูงหน้าตาจัดว่าดีมากเดินเข้ามา ผู้ชายที่คุ้นตาคุ้นตาไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ชื่ออะไรนะ? อ่อ...คริสอู๋ ถึงเจ้าตัวจะไม่ได้บอกว่าเป็นใครแต่ซึงรีก็พอจะเดาออกอยู่หรอก

                เขานั่งอ่านหนังสือตรงเคาน์เตอร์ด้านในสุดของร้าน ได้ยินเสียงพูดคุยเบาๆ ดังขึ้นเป็นระยะ ผู้ชายตัวสูงคนนั้นนั่งคุยกับผู้ชายตัวเล็กอีกคนอย่างเพลิดเพลิน บทสนทนาน่ารักน่าชังเป็นบ้าของคนสองคนซึงรีก็ได้แต่แอบหัวเราะคนเดียว โลกนี้ช่างประหลาดซะจริง

     

                ผู้ชายที่ว่าดูหยิ่งและเยือกเย็นในตอนแรกที่ได้พบ

              กลับอ่อนลงจนอ่อนโยนเมื่อได้เจอกับใครอีกคน

     

              อ่อ...คนพิเศษล่ะสินะ

     

                เสียงพูดคุยที่เงียบหายไปสักพักซึงรีก็ตัดสินใจเดินเข้าใกล้ฌซฟาตัวนุ่มตรงกลางร้าน เจ้าของร้านหนังสือชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเริ่มหัวเราะ

                โซฟาเก่าแต่ก็กว้างพอสำหรับคนสองคนที่นอนเบียดกัน คริสอู๋ใช้แขนข้างนึงของตัวเองหนุนนอน ส่วนแขนอีกข้างก็ถูกโอบไหล่บอบบางของผู้ชายตัวเล็กอีกคน เหมือนว่าทั้งคู่จะเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว หนังสือสองเล่มถูกเปิดค้างเอาไว้อย่างนั้น

               

                Page 365.

              ‘ ...fallin’ with you now. ’

     

                “ ดีจังเลยน้าาา

                “ มีคนพิเศษนี่มันน่าอิจฉาจริงๆ เลยแฮะ

     

                ความรู้สึกที่หวนกลับมาคือความรู้สึกที่ไม่เคยจากไป

              เพราะคนเราทุกคนมีความรัก เลยรู้สึกรัก...


               แด่...ความรู้สึกรักที่ไม่เคยจากไปไหน


     


     



     

       

    หายไปนานเพราะเกิดอาการสดใสไม่ถนัด
    ใครเห็นเอ็มวีมินซอกแล้วบ้าง? นั่งดูทุกวัน...ก็ร้องไห้ทุกวัน
    สะเทือนใจสุด นึกถึงใครคนนึงเมื่อนานมาแล้ว
    เพลงเพราะจริงๆ นะ!


    สามารถติดต่อ พูดคุย บลาๆๆๆๆ ได้ที่ @I_icedy 





    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×